น่าสงสารจังหนูน้อยรอดชีวิตได้แต่ต้องกลายเป็นแต๋ว

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“เทียน หนัน” ไอ้หนูผู้รอดชีวิตกับทางเลือกครั้งสำคัญ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 พฤษภาคม 2552 10:21 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1></TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1></TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif></TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1></TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1></TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>หนูน้อยเทียน หนัน เด็กชายมหัศจรรย์ผู้รอดชีวิต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เทียน หนัน ในความดูแลของแพทย์หลังถูกนำออกจากป่าด้วยอาการสาหัส</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>รศ.นพ.ปรีชา เตียวตรานนท์</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เทียน หนัน กับแม่อุปถัมภ์</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>รายงานพิเศษโดย...เจิมใจ แย้มผกา

หลายคนคงเคยได้ยินข่าวการรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ ของทารกน้อยชาวเวียดนามวัยประมาณ 4-5 เดือน ที่ถูกทิ้งอยู่ในป่า กว่าจะมีผู้ไปพบ ร่างกายของหนูน้อยก็บอบช้ำหนักจนแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่ในที่สุดสัญชาตญาณการดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ของเขาก็เอาชนะสภาพสาหัสและผ่านมันมาได้

ในขณะที่คนทั้งโลกที่เอาใจช่วยให้เขาผ่านวิกฤติในช่วงเป็นทารกมาได้ และคิดว่าเด็กน้อยคนนี้ช่างโชคดีเสียนี่กระไร หากในความเป็นจริงแล้วข้อเท็จจริงไม่เป็นเช่นนั้น...เพราะแม้จะเอาชีวิตรอดมาได้ เขาก็ต้องพิการไปตลอดชีวิต เพราะก่อนที่จะมีผู้ไปพบและนำร่างเล็กๆ ที่กำลังปางตายนั้นออกมารักษา ทั้งหมาป่า มด และแมลงร้ายในป่า ต่างรุมกัดและกินเนื้ออ่อนๆ ของเขา จนขาขวาและอวัยวะเพศขาด!

ปัจจุบันนี้ไอ้หนูมหัศจรรย์คนนี้มีอายุ 4 ขวบเศษๆ แล้ว เขาได้รับการตั้งชื่อใหม่ว่า TIIEN NHAN หรือออกเสียงตามภาษาไทยว่า “เทียน หนัน” พ่อแม่บุญธรรมผู้รับดูแลเขาระบุว่า ชื่อดังกล่าวเป็นชื่อที่แปลว่า “คนดี”

เทียน หนัน ได้รับความรักและความอบอุ่นเป็นอย่างดีจากครอบครัวอุปถัมภ์ พ่อและแม่บุญธรรมดูแลเขาไม่ต่างจากลูกชายแท้ๆ 2 คนของเธอ ซึ่งมีวัยแก่กว่าเทียนหนันเล็กน้อย ดังนั้นเทียน หนัน จึงกลายเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านสกุล PHUNG

ปัญหาที่ครอบครัวกำลังกังวลอยู่ในขณะนี้ ก็คือ เทียน หนัน อายุ 4 ขวบเศษแล้ว และกำลังจะโตถึงวัยเข้าโรงเรียน แต่จากเหตุการณ์ถูกทิ้งในป่าจนขาขวาและอวัยวะเพศถูกกัดขาดนั้น เป็นปัญหาที่ครอบครัวต้องเร่งแก้ไข ได้มีองค์กรระดับภูมิภาคและระดับโลกหลายแห่งหยิบยื่นความช่วยเหลือ องค์กรในอเมริการับดูแลเรื่องขาเทียมที่จะโตตามอายุ ส่วนอวัยวะเพศที่เสียหายนั้น คลินิก PAI ในประเทศไทย รับดูแลรักษาให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

“ปัญหาที่เราพบ ก็คือ อวัยวะเพศของน้องถูกกัดจนไม่มีอะไรเหลือ ซึ่งนั่นเป็นโจทย์ว่าเราจะทำยังไงกันดี ซึ่งเราก็เสนอไปสองทางเลือกให้คุณพ่อคุณแม่ของน้อง อย่างแรกคือเลือกให้น้องเป็นเด็กผู้ชายต่อไป เราก็จะทำอวัยวะเพศชายเทียมให้เขา หรือจะเปลี่ยนเพศไปเลยให้น้องเป็นเด็กผู้หญิง”

รศ.นพ.ปรีชา เตียวตรานนท์ ประธานกรรมการ PAI คลินิก ในฐานะหัวหน้าคณะแพทย์ผู้รับผิดชอบเคสของหนูน้อยมหัศจรรย์จากเวียดนามรายนี้กล่าวต่อไปอีกว่า คณะแพทย์คิดว่าการผ่าตัดแปลงเพศให้น้องเทียน หนัน น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เนื่องจากอวัยวะเพศเด็กชายเสียหายมาก และไม่มีส่วนขององคชาตเหลือ แม้การทำอวัยวะเพศเทียมชายนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่นวัตกรรมด้านการแพทย์ในขณะนี้ยังไม่สามารถทำให้ดีเหมือนของจริง ทำได้แค่เพียงใช้งานได้ 5-10% จากอวัยวะเพศจริงเท่านั้น

แต่หากพ่อแม่อุปถัมภ์ยอมให้ เทียน หนัน เข้ารับการแปลงเพศให้เป็นผู้หญิง การทำอวัยวะเพศหญิงง่ายกว่าอวัยวะเพศชายมากกว่า และความสามารถในการใช้งานสูงถึง 80-90% ซึ่งขั้นตอนการแปลงเพศของเทียน หนัน จะอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลจากคณะแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยจะมีทั้งทีมศัลยแพทย์ จิตแพทย์ และแพทย์ผู้ดูแลฮอร์โมน

“เด็กจะเริ่มจำเพศตัวเองช่วงหลังอายุ 4 ปีขึ้นไป เด็กจะเริ่มสังเกตความแตกต่างระหว่างเพศหญิงกับเพศชายได้ แต่ถ้า เทียน หนัน ได้รับการดูแลแบบเด็กผู้หญิงในช่วงนี้เลยทันที ก็ยังถือว่าทัน ถ้าพ่อแม่ของเทียน หนัน ตกลงที่จะให้ลูกเป็นผู้หญิง เราก็จะเริ่มให้ฮอร์โมนเพศหญิง และจะมีจิตแพทย์ดูแลใกล้ชิดตลอด พร้อมทั้งให้คำแนะนำแก่พ่อแม่ของน้องถึงวิธีการดูแลลูกแบบลูกสาว และเมื่อน้องอายุครบ 18 จิตแพทย์ก็จะทดสอบเชิงจิตวิทยา เราทำตามลำดับขั้นตอนทุกอย่าง เมื่อทดสอบจิตวิทยาผ่าน ก็จะแปลงเพศให้น้อง แต่ถ้าหากพ่อแม่น้องเลือกให้น้องเป็นผู้ชาย คิดว่าน่าจะมีปัญหาตามมาแน่นอน”

รศ.นพ.ปรีชา กล่าวว่า หากพ่อแม่เลือกที่จะให้ เทียน หนัน เป็นเด็กผู้ชาย เขาจะต้องเผชิญความกดดันอย่างหนักหน่วงนับจากนี้ และความกดดันนี้จะทวีขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้นของเขา

“เมื่อเด็กเข้าโรงเรียน ก็จะเจอเพื่อนทั้งเพศเดียวกันและต่างเพศ ก็จะเห็นความแตกต่าง แต่หากเขาเข้าห้องน้ำพร้อมเพื่อนๆ แล้วเห็นของเพื่อน ก็จะรู้สึกแปลกแยกที่ตัวเองมีไม่เหมือนเขา ยิ่งโตก็ยิ่งจะรู้สึกกดดัน แล้วเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ต้องการจะมีคู่ชีวิตและแต่งงาน น้องก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตสมรสในเชิงของการมีเพศสัมพันธ์ได้”ประธานกรรมการ PAI คลินิกกล่าวอีกว่า แต่หากพ่อแม่ของเทียน หนัน ยอมให้เขาแปลงเพศ เทคโนโลยีด้านการศัลยกรรมแปลงเพศจากชายเป็นหญิงนั้นดีกว่ามาก เมื่อโตขึ้นเทียน หนันจะมีชีวิตสมรสได้ มีเพียง 2 ประการเท่านั้นหากเทียน หนัน เป็นผู้หญิงแล้วจะต่างจากผู้หญิงทั่วไป คือจะไม่มีประจำเดือน และจำตั้งครรภ์ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม TRAN MAI ANH ผู้ซึ่งเป็นแม่อุปถัมภ์ของหนูน้อยมหัศจรรย์รายนี้ยืนยันหนักแน่น ว่า ลูกน้อยของเธอจะได้เติบโตมาเป็นผู้ชาย และจะไม่ยอมให้เทียน หนัน เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศเด็ดขาด

“ภายหลังจากที่เราอธิบายข้อมูลและบอกกล่าวถึงข้อจำกัดต่างๆ แต่ทางครอบครัวอุปถัมภ์ของน้องเทียน หนัน ก็ยังยืนยัน ณ ขณะนี้ว่าจะไม่แปลงเพศน้องให้เป็นเพศหญิง ประกอบกับการส่งน้องไปอัลตร้าซาวด์ครั้งล่าสุดพบว่า น้องมีอัณฑะเหลือครบทั้ง 2 ข้าง แต่หลบอยู่ด้านใน หากพ่อแม่ไม่ต้องการให้ลูกแปลงเพศ ก็เลี้ยงต่อไปเรื่อยๆ โดยทีมแพทย์ก็ไม่ต้องให้ฮอร์โมน เพราะมีอัณฑะที่ผลิตฮอร์โมนเองได้”

รศ.นพ.ปรีชา ทิ้งท้ายด้วยการยืนยันอย่างหนักแน่น ว่า ไม่ว่าพ่อแม่อุปถัมภ์ของหนูน้อยมหัศจรรย์รายนี้จะเลือกทางเดินสายใดให้แก่ลูกของพวกเขา ทาง PAI คลินิกก็จะดูแลการผ่าตัด ไม่ว่าจะแปลงเพศหรือสร้างอวัยวะเพศชายเทียมก็ตาม
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ง่า...กำ

.

 

ทางออกมีหลายทาง ปล่อยให้หนูน้อยเจริญวัยไปตามขั้นตอนของธรรมชาติ แล้วก็จะทราบเองว่า ในที่สุดแล้วหนูน้อยจะเป็นเพศอะไร การรอคอยให้ทุกอย่างเป็นโดยธรรมชาติอย่างอดทน ก็คิดว่าคุ้มค่าที่รอคอยได้นะ เพราะ

สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม

วิบากกรรมของหนูน้อยเป็นเช่นนี้ ให้เขามีโอกาสได้เรียนรู้ไปตามจังหวะเวลาเถิด

อนุโมทนา

 

อ่ะ น่าสงสาร

 

ในความโชคร้าย ก็ยังมีโชคดี
ขอเป็นกำลังใจให้เธอสู้ต่อไป หนูน้อยมหัศจรรย์