ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

กิเลสสามารถแยกย่อยได้หลายแบบ อาทิ อุปกิเลส ๑๖ อาสวกิเลส วิปัสสนูปกิเลส ๑๐
สกิเลสกาม นิวรณูปกิเลส ฯลฯ กิเลสเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้จิตขุ่นมัวเศร้าหมอง
ดังกล่าวนั่นเอง การแยกแยะกิเลสเป็นแบบต่าง ๆ ก็เพื่อให้ตรงตามสิ่งที่พระพุทธเจ้า
ทรงต้องการสั่งสอนพุทธบริษัทให้เข้าถึงธรรม
อาสวกิเลส หมายถึง สิ่งที่ทำให้จิตขุ่นมัวหรือรับคุณธรรมได้ยาก กิเลสชนิดนี้จะแอบ
ซ่อนนอนเนื่องซึมซาบย้อมจิต เพียงแค่รอสิ่งที่มารบกวนหรือมากระตุ้นปลุกเร้าให้
กิเลสที่นอนเนื่องตกตะกอนนอนก้นฟุ้งขึ้น ปกติอาสวกิเลสจะนอนเนื่องและฝังตัว
อยู่อย่างสงบเสงี่ยม แต่เมื่อมีอะไรมากระทบผ่านทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันก็จะ
ฟุ้งขึ้นมาแผลงฤทธิ์
อุปกิเลส ๑๖ เป็นการจำแนกกิเลสให้ละเอียด เป็นแขนงย่อยของกิเลสหลัก ๆ คือ
ราคะ โทสะ โมหะ มีอาการแสดงออก ๑๖ ประการ อันได้แก่
๑) ความเพ่งเล็งอยากได้ไม่เลือกที่ ๒) ความพยาบาท ๓) ความโกรธ ๔) ความผูกใจเจ็บ
๕) ความลบหลู่บุญคุณ ๖) ความตีเสมอท่าน ๗) ความริษยา ๘) ความตระหนี่
๙) ความเจ้าเล่ห์ ๑๐) ความโอ้อวด ๑๑) ความหัวดื้อถือรั้น ๑๒) ความแข่งดี
๑๓) ความถือตัว ๑๔) ความดูหมิ่น ๑๕) ความมัวเมา ๑๖) ความประมาทเลินเล่อ
อุปกิเลส ๑๖ เหล่านี้สามารถพบเห็นได้ทุกวันทั้งในชีวิตชาวบ้าน นักการเมือง
พ่อค้าแม่ค้า กรรมกร แรงงาน ชาวนาชาวไร่ แม้แต่พระภิกษุสงฆ์ที่เมื่อมีชื่อเสียง
ก็ยังวนเวียนอยู่ในโลกธรรม ๘ ไม่เจริญ ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งย่อมตกอยู่ในกิเลสขั้น
นี้อย่างง่ายดาย สิ่งเหล่านี้ถ้าเกิดขึ้นกับใครแล้วจิตจะเศร้าหมอง ต่อให้ทำบุญกุศล
มากมายมหาศาลแค่ไหนก็หนีไม่พ้นมาร
นิวรณูปกิเลส (นิวรณ์ ๕) หมายถึง กิเลสหรือสิ่งขุ่นมัวที่ขัดขวางจิตไม่ให้ก้าวหน้าในธรรม
ส่วนใหญ่ครู่บาอาจารย์มักจะหยิบยกเอานิวรณ์ ๕ มาอธิบายว่าเป็นอุปสรรค
ขวางกั้นไม่ให้สมาธิเจริญก้าวหน้า นิวรณ์มี ๕ อย่าง คือ
๑) กามฉันท์ คือ ราคะ ความพอใจ หรือความกำหนัด หมายถึง ความพอใจ
ความยินดีในกามคุณ ๕ อันได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง
๒) พยาบาทคือ คิดร้ายผู้อื่น ความอาฆาต ความพยาบาท ความขุ่นเคือง
ความขัดข้อง
๓) ถีนมิทธะ คือ ความหดหู่ซึมเซา ส่วนความต้องการนอนเพราะร่างกาย
ต้องการการพักผ่อน เป็นเรื่องปกติธรรมชาติหรือสภาวธรรมของชีวิต
๔) อุทธัจจกุกกุจจะคือ ความฟุ้งซ่านและรำคาญใจ
๕) วิจิกิจฉาคือ ความลังเลสงสัย หมายถึง ความลังเลสงสัยในธรรมต่าง ๆ
หรือในการปฏิบัติธรรม
<O</O
วิปัสสนูปกิเลส (อุปกิเลส ๑๐) หมายถึง กิเลสหรือสิ่งที่ขัดขวางจิตไม่ให้ก้าวหน้า
ในคุณธรรมหรือบรรลุถึงความดี เป็นด่านสำคัญที่ผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนาจะต้อง
เข้าใจและผ่านให้ได้ แม้จะได้ชื่อว่าเป็น “อุปกิเลส” แต่ก็เป็นกิเลสที่ละเอียดที่
เกิดขึ้นในระหว่างเจริญสมาธิภาวนา
๑) โอภาส จิตกำลังพิจารณาวิปัสสนาญาณอยู่ระดับอุปจารสมาธิ ย่อมเกิด
แสงสว่างมาก เป็นธรรมชาติที่จิตเจอในสมาธิ
พึงระวังกิเลส: อย่าพึงพอใจว่าได้มรรคผล อย่าสนใจแสงสว่าง ให้ปฏิบัติต่อไป
วิธีแก้ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
๒) ญาณหมายถึงความรู้ที่เกิดขึ้นในญาณสมาธิ เช่น ทิพยุจักขุญาณ
สามารถเห็นนรก สวรรค์ พรหมโลก รู้อดีต อนาคต ปัจจุบัน ได้ตามสมควร
พึงระวังกิเลส: เหมือนคนเป็นไข้ เพ้อญาณความรู้ที่เกิดขึ้น ยึดติด ไม่ยอมเลิกทำ<O></O>
หลงผิดคิดว่าได้บรรลุมรรคผล ไม่ใช่อารมณ์วิปัสสนาญาณ ควรระมัดระวังไม่ให้หลงผิด
๓) ปีติ ความอิ่มเอมใจ ปลาบปลื้ม เบิกบาน มีขนพองสยองเกล้า น้ำตาไหล
กายลอย กายเบา โปร่งสบาย สมาธิแนบแน่น เป็นผลของสมถะ ยังไม่ใช่มรรคผล
พึงระวังกิเลส: ปีติทำให้ติดในปีติ ไม่ก้าวหน้าในสมาธิ
๔) ปัสสัทธิ ความสงบระงับด้วยฌาณสมาธิ ความรู้สึกรักโลภโกรธหลง
คล้ายจะไปสิ้น ท่านว่าเป็นเพียงอุเบกขาฌาณในจตุตถฌาณ อย่าเพิ่งหลงผิดว่า
บรรลุมรรคผล
พึงระวังกิเลส: สมาธิมีกำลังมากพอ ติดในความสงบของกิเลสชั่วครั้งชั่วคราว
๕) สุขความสบายกายใจ จิตเมื่ออยู่ในสมาธิอุปจารฌาณระดับสูงหรือฌาณ ๑-๔
มีความสุขกายจิตอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนในชีวิต นี่คือผลของภาวนา ไม่ใช่มรรคผล
พึงระวังกิเลส: เป็นความสุขอันประณีต เมื่อจิตอยู่ในฌาณ
๖) อธิโมกข์ อารมณ์น้อมใจเชื่อโดยไม่มีเหตุผล ไม่ได้พิจารณาถ่องแท้
เป็นอาการศรัทธา ไม่ใช่มรรคผล
พึงระวังกิเลส: จะเกิดสิ่งต่าง ๆ มากมายเป็นความรู้ในใจ สามารถน้อมนำเข้ามา
ในใจได้ มีธรรมผุดรู้ พึงตรวจสอบตามหลักไตรลักษณ์และอริยสัจ ๔
๗) ปัคคาหะ ความเพียรพยายามแรงกล้า ไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรค อย่าเพิ่ง
เข้าใจว่าบรรลุมรรคผลเสียก่อน เพราะเป็นการหลงผิด
พึงระวังกิเลส: ความเพียรที่เกินพอดี เพราะต้องการให้บรรลธรรม
๘) อุปัฏฐาน มีอารมณ์เป็นสมาธิ สงัด เยือกเย็น แม้แต่เสียงก็ไม่ได้ยิน
อารมณ์ที่กายกับจิตแยกกันเด็ดขาดนี้เป็นปัจจัยให้นักปฏิบัติคิดว่าบรรลุมรรคผล
พึงระวังกิเลส: การที่จิตและสติมีพลัง แต่ติดอยู่ในความสงัด เยือกเย็น พอใจ
อยู่ในความนิ่งเกินไป ให้พิจารณาสติและจิตให้ชัดเจน
๙) อุเบกขา ความวางเฉย เป็นอารมณ์ในสมาธิฌาณ ๔ ต้องระวังอย่าคิดว่า
การวางเฉยเป็นมรรคผล
พึงระวังกิเลส: อุเบกขาที่ขาดปัญญา ขาดการเจริญวิปัสสนา
๑๐) นิกันติ แปลว่า ความใคร่ ไม่อาจมีความรู้สึกได้ เป็นอารมณ์ของตัณหา
สงบไม่ใช่ตัดได้เด็ดขาด อย่าเพิ่งเข้าใจว่าบรรลุมรรคผล กิเลสยังไม่หมด เพียงแต่
ฌาณกดไว้
พึงระวังกิเลส: ติดความพอใจที่ได้สงบระงับ
<O</O
กล่าวโดยสรุป แม้จะมีกิเลสและมีชื่อเรียกมากมายหลายระดับ ตั้งแต่ปุถุชนไปจนถึง
พระภิกษุสงฆ์ที่เจริญสมาธิภาวนาเพื่อพ้นทุกข์ แต่เมื่อกล่าวโดยย่อ กิเลสทั้งปวงล้วน
มาจากรากเหง้าของราคะ โทสะ โมหะ หนทางอย่างง่ายที่สุดในการรับมือกิเลสมาร
ก็คือ เริ่มจากการสำรวจตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ให้รู้เท่าทัน มีสติในสิ่งที่เข้ามา
กระทบว่าสิ่งไหนเรียกว่ากิเลส และเห็นว่ากิเลสมีผลกระทบอะไรกับเราบ้าง
นั่นแหละแสดงว่า เรามีความตั้งใจที่จะรบกับกิเลสมาร
<O</O
...................................................................................................:z1

 

แสงสว่างสีขาว

ผมเคยเจอแสงสว่างสีขาว บนท้องฟ้า คล้ายๆในรูปเหมือนกันครับ
เรื่องผ่านมาสักพักหนึ่งแล้วครับ คือเรื่องมีอยู่อย่างนี้ครับ ครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาที่กระทู้เขากะลาแห่งนี้ ซึ่งช่วงนั้น ประมาณต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ถ้าผมจำไม่ผิด เมื่อผมรู้ว่า กระทู้เขากะลานี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว ในตอนนั้น ผมมีความสนใจมากครับ รู้สึกตื่นเต้น ยินดีอยู่เหมือนกัน ผมสนใจ ถึงขนาดที่ว่า จะพยายามติดตามตั้งแต่หน้าแรกไปจนถึงหน้าสุดท้ายเพื่อตามให้ทัน หลังจากที่ผมเข้ามาที่กระทู้เขากะลาเป็นครั้งแรก ผ่านไปประมาณ 1-2 วัน วันนั้นรู้สึกจะเป็นวันเสาร์ หรือไม่ก็วันอาทิตย์ได้ครับ ช่วงนั้นประมาณ 7 โมงเช้า ผมตื่นขึ้นมาไปนั่งอยู่ที่ระเบียน ช่วงนั้นอากาศยังดีอยู่ครับ ผมก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อย มองดูท้องฟ้า สักพัก ก็ปรากฎว่า มีวัตถุบินได้ บินโผล่มาจากหลังตึก ผมนั่งมองอยู่ที่ระเบียน วัตถุบินได้นั้น ลักษณะ ไม่ใช้เครื่องบินแน่นอนครับ มันคนละรูปทรงเลยครับ ลักษณะเหมือนคล้ายๆจานบิน ไม่น่าจะเป็นทรงกลม ลักษณะน่าจะคล้ายทรงจานบินมากกว่า เปล่งแสงสีขาวสว่างจ้าเหมือนหลอดไฟอันนี้ผมจำได้แม่นครับ ผมนี่ถึงกับชงัก มองตาค้าง วัตถุนั้นเคลื่อนที่ไปในแนวราบ มองเห็นจากระยะไกล เห็นว่าค่อยๆเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ

ในตอนที่ผมกำลังเห็นวัตถุแสงสีขาวนั้น ผมยังนึก อยู่เลยว่า ผมตาฝาดไปหรือเปล่า เพราะว่าช่วงนั้น ผมเพิ่งตื่นมา อาจจะยังสลึมสลืออยู่ เมื่อคิดได้ยังนี้ ผมก็ลองมองใหม่ แต่ก็เห็นจริงๆครับ มั่นใจว่า ไม่ได้ตาฟาดไป สักพักวัตถุนั้นก็หายไป ผมยังคิดอยู่เลยว่าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่ ผมก็ไม่มั่นใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร ก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันครับ ขอรับรองว่าที่เล่ามานั้นเป็นความจริงทุกประการครับ เพราะผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ตาฟาดไปครับ

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่าน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างสถานธรรม

(ในระบบ 100-300) ที่ใด มีผู้แสดงธรรมมีผู้ฟังธรรม (การดับทุกข์ในขันธ์ห้า)

ที่นั้นคือสถานธรรม ในรุ่นเขากะลา1 สถานธรรมคือ บนเขากะลาลานหน้าองค์พระ

หลังเขากะลาบริเวณโขดหินบ้าง หาดทรายชายทะเล ใต้ต้นไม้ ทางเดินรอบป่า

โกงกาง และที่อื่นๆ เช่นในวัดเขาเต่า ศาลเจ้าแม่ทับทิม

ในรุ่นเขากะลา2 สถานธรรมคือ ทุกที่ ที่ระบบให้ไปประสานงาน จะมีการแสดงธรรม

และมีผู้ฟังธรรม การดับทุกข์ในขันธ์ห้า การปล่อยวาง การซ้อนเวฟ ซ้อนขันธ์ แล้ว

แต่จะใช้คำไหน แม้ผู้ฟังธรรมจะไกลถึงอเมริกา เช่นคุณ Digital ก็ไม่มีอุปสรรค

สำหรับสถานธรรมของระบบ มีการเช่าสถานที่บ้าง เช่นที่ฝักข้าวโพด และบ้านเอื้อ

อาทรที่บึงกุ่ม ในปัจจุบัน แม้แต่กระทู้ข้อความแห่งนี้ก็คือที่แสดงธรรม ผู้ที่สนใจ

อ่านธรรมะจากระบบ เพื่อการปล่อยวางนำไปสู่การดับทุกข์ในขันธ์ห้า คือผู้ฟังธรรม

 

ตอบคุณ kittitpx แนะนำให้ย้อนกลับไปอ่าน เกี่ยวกับเรื่อง

เครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว ในหน้าแรกๆของกระทู้ แห่งนี้ ถ้าเคยมีตัวอย่างเหมือนที่

แจ้งเพื่อทราบ ไว้แล้วก็เตรียมตัว ไปรับฟังการขยายระบบกับ อ.นีโม่

ที่สถานธรรมบ้านเอื้ออาทร บึงกุ่ม ได้เลย

 

............................................


ธรรมะเพื่อการละวางอัตตาตัวตน ชุดที่ 1 บรรยายโดย อาจารย์สุดใจ ชื่นสำนวน




ขันธ์ห้า กับธรรมะเพื่อละวางอัตตาตัวตน ชุด 2(อาจารย์สุดใจ ชื่นสำนวน)

 

blog 17 ในภารกิจ 1

 

ภาพเก็บตกจากงานวางศิลาฤกษ์ที่เขากะลา
ระบบแสดงภาพระหว่างมิติ
สมาชิกแถวนี้บอกจารย์โม่ดูเพรียวๆงัยไม่ทราบ..ฮิฮิ

 

clipจานบินโดย blog17/13 @ รังสิต



[vdo]http://palungjit.org/attachments/a.638626/[/vdo]

 

คุณ blog 17 อย่าลืมค้นรูปให้ผมนะ ผมจะเอาไปแปะในเว็บ pantip น่ะ

 

ขอตอบคุณ com16 (แทนคุณ blog17)

ภาพอยู่ที่หน้า 12-13 ในกระทู้แห่งนี้ค่ะ #243

 

ขอบคุณคุณสมจิตรมากๆ ครับ วันนั้นมองข้ามไปหาไม่เจอ

เห็นบอกว่ามีบันทึกเหตุการณ์นั้นเป็น vdo ด้วย ไม่ทราบว่าใครสามารถอัพโหลดได้บ้างครับ

ปล. ผมเอาภาพตอนเปิดฐานทัพไปอัพเข้า youtube นะครับ จะได้ดูง่ายๆ<object height="344" width="425">
<embed src="http://www.youtube.com/v/Uy6jfmLdorw&hl=en&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" height="344" width="425"></object>

 

คุณ Chayutt มีหมายเลขแล้วไม่ต้องจับ มีแต่ถ่ายรูปอย่างเดียว อย่าลืมซื้อชุดอ๋าวหญ่าย มาฝากคุณวรรณด้วย

 

คุณโม่โทรมาถาม ว่าจะแปลธรรมะที่เอาลงได้ไหม
ตอนนี้คิวเว้ปไม่ว่างค่ะ
มีแต่เว้ปตำข้าวสารกรอกหม้อ เกี่ยวกับงานสอนหนังสือ (มัวแต่ป่วย เลยเป็นดินพอกหางหมู)
หลังตุลาคงจะมีเว้ปว่าง ถึงเวลานั้นจะจัดคิวแปลให้นะคะ

 

ธรรมะเขากะลา จะโกอินเตอร์ แล้ว(good)

ขอให้จารไก่ รักษาสุขภาพนะครับ ที่ป่วยก็ให้หาย ที่หายก็ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

 

*-* รักษาสุขภาพด้วยนะครับจารย์ไก่ *-*

ฟังผลงานเพลง"บัวแช่น้ำ"ของคุณหนุ่ยแล้ว น่าฟังทีเดียวครับ เย็นๆใสๆและผ่อนคลายดี
ทำให้จินตนาการไปถึงอะไรสักอย่างที่ลอยในอวกาศอันเว้งว้างเลยครับ
เป็นบทเพลงจากฟ้าสีครามอีกเพลงที่ประทับใจ..ว่างเมื่อไหร่ก็ทำมาอีกนะครับ
(good)

 

ขอบคุณครับ พี่mead
อาจารย์ไก่ สู้สู้....

 

;aa52

มีใครอยู่มั้ยค๊า

วันนี้...งานเข้าหรือคะ

บ้านเงียบเชียว:boo::boo:

 

ยินดีต้อนรับการกลับประเทศไทยของทั้งสองท่านค่ะ

คุณธนวรรณ และคุณชยุต

เดินทางกลับในวันเดียวกัน 29 - 07 - 2009

คุณชยุต เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณบ่ายสามโมง

คุณ Digital เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา ห้าทุ่มสี่สิบนาที

ระบบคงจัดสรรเวลาให้ได้พบกันอย่างแน่นอน

ยินดีต้อนรับการกลับเมืองไทยของทั้งสองท่านค่ะ

 

ขอบคุณค่ะ ที่ติดตาม แวะมาเยี่ยมเยียนและทักทายกันเสมอ ๆ

ตอนนี้งานเข้ากันอย่างต่อเนื่อง ไปประสานงานหลายสถานที่ในแต่ละวัน

ปกติจะรายงานความคืบหน้าของการเดินทางไปประสานงานเป็นรายวัน เพราะหากไม่รีบลงข้อมูล รุ่งขึ้นอีกวัน ก็จะต้องมีภารกิจอื่น ๆ เข้ามาอีกอย่างต่อเนื่อง

แต่ว่า ในช่วงนี้ มาพักที่ทำการของกลุ่มประสานงานฯที่บ้านเอื้ออาทรบึงกุ่ม แล้วไม่มีอินเตอร์เน็ตที่ห้อง จึงไม่สามารถลงข้อมูลได้ จึงค้างสะสมไว้หลายวันแล้ว

ตอนนี้กำลังจะเริ่มลงข้อมูลในภารกิิจการประสานงานที่กรุงเทพฯ ดังที่ได้ค้างไว้

แต่เพิ่งได้รับโทรศัพท์จากคุณแดนเดือนเดียว เมื่อสักครู่นี้ ว่าได้เดินทางมาจากสุรินทร์ถึงกรุงเทพฯแล้ว และมาพร้อมกับพี่สาวที่สนใจเรื่องราวของกลุ่มเขากะลา และสนใจธรรมะของกลุ่มฯด้วย จะเข้ามาสนทนาด้วยที่สำนักงานฯ กำลังจะเดินทางเข้ามาถึง

จึงต้องขออนุญาตไปต้อนรับผู้มาเยือนจากแดนไกลจังหวัดสุรินทร์ก่อน แล้วจะกลับมาทยอยลงข้อมูลให้ทราบอีกครั้งหนึ่งค่ะ

การให้ธรรมะ เป็นธรรมทาน

จึงเป็นงานที่สำคัญ และเร่งด่วนที่สุดค่ะ

 

Digitalได้ทำการจองตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทย โดยการโทรคุยกับAmerican Airline ว่าอยากได้วันพฤหัสที่ 30 หรือวันศุกร์ที่ 31กค. เป็นวันออกเดินทาง เจ้าหน้าที่ได้พยายามหาอยู่นาน ก็ไม่ได้วันดังกล่าว (สาเหตุที่ต้องการออกเดินทางวันดังกล่าว ก็เพราะว่าวันพุธที่ 29 เช้า เขาจะมาเก็บขยะ จะได้ทิ้งก่อนออกเดินทาง) จึงได้บอกเจ้าหน้าที่ว่า งั้นช่วยเช็ควันออกเดินทางวันอังคารที่ 28 หรือ 29 ก็ได้ ปรากฎว่า ได้วันออกเดินทางวันที่ 28 ถึงเมืองไทยวันที่พุธที่ 29 กค. เวลา 23.40 น. ซึ่งเป็นวันที่ถึงเมืองไทยวันเดียวกับคุณชยุตค่ะ

ยินดีที่คุณชยุตจะได้กลับเมืองไทยวันเดียวกับพี่วรรณ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าต้องได้เจอกันตามระบบจัดสรรอย่างที่พี่สุดใจบอกค่ะ