ภัยพิบัติมาเพื่อลบล้างมนุษย์ มิใช่โลก!!!

คำทำนายที่ว่า น้ำจะท่วมโลกอีกสามปี .... มันสะเทือนใจคุณบ้างมั้ย??

ภัยพิบัติต่างๆ เกิดขึ้นมาเพื่อลบล้างมนุษย์ มิใช่โลก!!!
นับวันมนุษย์เริ่มมีใจบาปขึ้นเรื่อยๆ ต่างสนองความต้องการอย่างไม่เกรงกลัวต่อบาป เบียดเบียนชีวิตสัตว์น้อยใหญ่....เพียงแค่สนองความต้องการและความสุขของตนเท่านั้น!!
" คำทำนายพวกนี้มันเป็นเรื่องโกหก มันมีมานาน ไม่เคยเกิดจริงสักครั้ง"
คำพูดแบบนี้ มีออกมาให้เห็นได้บ่อยครั้ง ใช่!!! คุณมีสิทธิที่จะคิดแบบนั้น เพราะคนเรามีความคิดและความเข้าใจที่แตกต่างกัน รวมทั้ง ความเชื่อ!!
คุณเคยคิดบ้างมั้ย ว่าความคิดขัดแย้งของคุณมันก็อาจจะเกิดจาก ความต้องการของมนุษย์ซึ่งมันก็ไม่แปลก.. ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่า มนุษย์หรือ??
ความต้องการที่ว่า ก็คือความต้องการที่จะไม่ให้มันเกิด....ขึ้น คุณมองเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเหลวไหล ก็เพราะคุณไม่ต้องการให้มันเกิด...
คุณเกิดมาบนโลกนี้เพื่ออะไร? ไคว่คว้าหาความสุข สนองความต้องการ.....
" ความตายไม่กลัว ใช้ชีวิตให้มันคุ้มค่า เกิดมาทั้งที"
แล้วหลังความตายละ..คุณไม่เคยคิดถึงบ้างเลยหรือ
กายสังขารของคุณสลายไป เหลือไว้เพียงจิตธรรมญาณ...ที่ต้องชดใช้หนี้สินเวรกรรม...ซึ่งมันอาจมีมากมายจนคุณไม่คาดคิด
ทำไมคุณไม่ใช้ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่ สร้างบุญกุศลเพื่อไปสู่สุขที่แท้จริง....
โลกมนุษย์ล้วนแล้วมีแต่สุขจอมปลอมทั้งนั้น...คุณอย่าไปหลงไหลในวัตุนิยมหรือค่านิยมที่ผิดๆอีกเลย...

นี่หละที่มาของคำนายนี้ มันมีมาเพื่อให้คุณได้สำนึกและปรับปรุงตัวซะใหม่!!!
ถ้ามันไม่เกิด...คุณก็จะทำตัวแบบเดิมไปเรื่อยๆ และยังมองว่าเป็นเรื่องเหลวไหล อยู่อย่างนี้หรือ
แล้วถ้ามันเกิดขึ้นละ!!!! คุณคงไม่มีโอกาสได้สร้างกุศล หรือได้แก้ใขอะไรอีกเลย......

มนุษย์เอ๋ย อย่าหลงผิดทะนงตัวว่ายิ่งใหญ่อยู่เลย...
อย่าหลงตัวเองว่าเป็นเจ้าของชีวิตเขา......
เลิกเถอะ!! เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น...

การถือศีลกินเจ!!!
สัตว์ทั้งหลายเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมรวมทั้งมนุษย์..กายเนื้อไม่เหมือนกัน แต่ดวงจิตธรรมญาณเหมือนกัน ใช่!! สัตว์ทั้งหลายต่างมีชีวิตเลือดเนื้อจิตใจ ความรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างไปกว่า มนุษย์ คุณเกิดมาชดใช้กรรม และสร้างกรรมเพิ่ม
ด้วยการกินชีวิตเขา ฆ่าชีวิตเขาอย่างไม่ปรานี...
การกินเจคือการตัดกรรม ไม่สร้างกรรมเพิ่ม สนองความต้องการเพียงไม่กี่นาที แต่คุณรู้มั้ย คุณต้องฆ่าชีวิตเขาไปมากเท่าไหร่...ผิดด้วยหรือที่เขาเกิดมามีกายเนื้อแบบนี้!! กรรมมันต้องตามสนองคุณแน่ ชิ้นเนื้อทุกชึ้นมันยังคงเหลือกลิ่นซากของมัน...ใช่! มันจะติดตามทวงชีวิตของมันคืนนน.....
ที่มา ของคำว่า "เจ้ากรรมนายเวร"

​

เตือนภัยพิบัติ น้ำท่วมโลก ปี 2012 โดย
"พ่อมดแห่งนาซ่า"​

เมื่อราวเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ.2551 (ค.ศ.2008) อาจารย์สุมิตร หรือ พ.อ.อ.สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา กลายเป็นที่รู้จักของคนไทย จากการเป็นผู้คิดค้นรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนในประเทศไทยเป็นคนแรก โดยพัฒนาอุปกรณ์แยกไฮโดรเจนจากน้ำ ทำให้รถยนต์สามารถใช้พลังงานน้ำแทนน้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนได้สำเร็จ หรือเรียกง่ายๆ ว่า รถใช้น้ำที่ใครหลายคนฝันไว้ ได้เกิดขึ้นได้จริงจากนักวิจัยท่านนี้

แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่านอกจากการเป็นนักวิจัยของไทยที่นับว่ามีความรู้ความสามารถท่านหนึ่งแล้ว อาจารย์สุมิตรยังทำงานอยู่ในองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือองค์การนาซ่า ในสายงานที่อาจเรียกว่าพิเศษก็ไม่ผิดนัก กล่าวคือ ต้องทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก สร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือ ปี ค.ศ.2012 (พ.ศ.2555)ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้กันในวงจำกัดเท่านั้น!!!

อาจารย์สุมิตร บอกเล่าผ่านรายการ The Taxi ทางช่องเอ็นบีที เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติของโลก ว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า โลกจะเกิดหายนะขึ้นจากเหตุอุทกภัย น้ำจะท่วมโลกอย่างแน่นอน ซึ่งคนในองค์การนาซ่าทุกคนต่างทราบเรื่องนี้มานานแล้ว จึงได้พยายามสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนหนีภัยน้ำท่วมโลก โดยอาจารย์สุมิตร เผยว่า ยานอวกาศดังกล่าวใกล้เสร็จแล้ว แต่ไม่ได้ระบุว่าสร้างไว้ทั้งหมดกี่ลำ

พร้อมกันนี้ อาจารย์สุมิตร ยังระบุด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริง และปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การนาซ่า โดยใช้วิธีสื่อสารทางโทรจิตในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (พ.ศ.2555) อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ ทางสหรัฐอเมริกา ค่อนข้างปกปิด ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ เนื่องจากอาจมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล

"โลกมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ 200 จักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ 1 จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ"

เมื่อรู้เช่นนี้ อาจารย์สุมิตร จึงเสนอต่อกระทรวงวิทยาศาสตร์ของไทย เพื่อให้เร่งสร้างยานอวกาศเตรียมไว้สำหรับอพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลก ค.ศ.2012 แต่กลับไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากอาจเห็นว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่มีน้ำหนักมากพอในเชิงหลักฐาน

"อีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริง ที่ฝรั่งเค้าตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะในหมู่นักวิทยาศาสตร์อวกาศ แต่คนไทยเกือบทั้งหมด ยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ มันเป็นวันหายนะที่ร้ายแรง ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาวคงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การนาซ่า เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่"

นี่เป็นคำยืนยันจากปากของ พ.อ.อ.สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ไทยจากองค์การนาซ่า ที่หลายคนอาจเชื่อ แต่หลายคนอาจไม่เชื่อ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคล อย่างไรก็ดี นอกจากอาจารย์สุมิตรแล้ว ยังมีนักวิทยาศาสตร์อีกลายคนที่พยายามจะมาเตือนคนไทยเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วมล้างโลกก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ทำนายกรุงเทพฯ จมใต้น้ำในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) และอีกท่านที่รู้จักกันดี คือ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ทำนายอนาคตโลกต้องเกิดภัยพิบัติครั้งมโหฬารในปี พ.ศ.2560 (ค.ศ.2017) โดยท่านทำนายไว้เมื่อปี พ.ศ.2548

ย้อนกลับไปดูผลงานรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนของอาจารย์สุมิตร เป็นรถที่ใช้น้ำแทนน้ำมัน วิ่งได้ 56 กิโลเมตร/ลิตร โดยอาศัยหลักการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า ทำให้ได้ก๊าซไฮโดรเจน 2 อะตอม และ ออกซิเจน 1 อะตอม โดยใช้อุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นเรียกว่า "รีแอคเตอร์" เป็นตัวแยก เมื่อนำไปติดตั้งกับรถยนต์จะใช้ไฟฟ้ากระแสตรงจากแบตเตอรี่รถ 12 โวลต์ เข้ามาทำการแยกโดยขั้วบวกจะมีปฏิกิริยาของออกซิเจน ขั้วลบจะเป็นปฏิกิริยาของไฮโดรเจนในการแยกโมเลกุลน้ำ และได้ไฮโดรเจนซึ่งเป็นเชื้อเพลิง แล้วส่งเข้าไปสันดาปในเครื่องยนต์

"จุดประสงค์ที่คิดค้นเกิดจากอยากให้โลกรู้ว่า น้ำสามารถเป็นพลังงานทดแทนได้ในอนาคต จึงได้พัฒนาอุปกรณ์ตัวนี้ขึ้นมา นอกจากนี้รีแอคเตอร์ยังเป็นตัวแก้ปัญหามลพิษ สภาวะปัญหาของโลกในปัจจุบันที่เกิดสภาวะโลกร้อน เพราะการใช้น้ำมาเป็นพลังงานเป็นเชื้อเพลิง จะทำให้ลดภาวะโลกร้อนและแก้ปัญหามลพิษไปด้วย ผลงานชิ้นนี้จะไม่ใช่ชิ้นแรกและชิ้นสุดท้าย ขอให้คนไทยเป็นกำลังใจให้ผมและทีมงานทำหน้าที่ต่อไปให้สำเร็จ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป" พ.อ.อ.สุมิตร กล่าว

สำหรับ อาจารย์สุมิตร หรือ พ.อ.อ.สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เดิมเป็นชาว จ.ราชบุรี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ และเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนจ่าอากาศ เริ่มต้นรับราชการที่กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี เป็นเวลา 6 ปี จากนั้นได้ศึกษาต่อในหลายสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ กระทั่งจบการศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมอากาศยาน จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์การทำงานกว่า 30 ปี ในบริษัทผู้ผลิตอากาศยานยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น โบอิ้ง หรือแอร์บัส ทำงานในองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา มีผลงานการประดิษฐ์ที่ทำให้ประหลาดใจหลายอย่าง จนเพื่อนร่วมงานขนานนามว่า "พ่อมด" แห่งองค์การนาซ่า



ผู้มีศีลธรรมเท่านั้น ที่รอด
อย่าได้พยายามโต้แย้งหรือต่อต้านเลย...เพราะคุณเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ชะตาของคุณเอง...มันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่? คุณแค่เพียงรอดูแล้วเดิมพันด้วยชีวิต.....

สัจธรรมของชีวิต!! ย่อมมี คำเตือน!!เสมอ

อย่ามองว่า การทำนายน้ำท่วมโลก เป็นเรื่องไร้สาระ!!!

แต่จงคิดอีกทางเถอะว่า...มันมาเพื่อเตือนจิตใจมนุษย์ ให้ปรับปรุงตัวแล้วกลับมาเป็น ดวงธรรมญาณ ที่ใสสะอาด..

 

ฉันขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ดีตายได้ก็ดี เบื่อโลกอันแสนจะวุ่นวาย.

 

ไม่ขอคัดค้านอะไรมากไปจากที่คุณเข้าใจ!!!

เพราะคุณไม่ได้เข้าใจอะไรผิด...เพียงแต่ คุณไม่คิดจะปรับปรุงตนเองหรือ?

โอกาสที่คุณจะได้สร้างกุศลน้อยลงทุกวัน ยิ่งถ้าเราไม่รู้ด้วยว่า เราจะตายเมื่อไหร่ นั้นละ ยิ่งน่ากลัว...
ความกลัวในข้างตน... คือกลัวที่จะไม่ได้สร้างกุศลเพิ่มอีกนั่นเองงงง

 

โลกหรือมนุษย์ที่วุ่นวาย???

ทำดีย่อมได้ดี โปรดใช้เวลาที่คุณมีชีวิตอยู่..สร้างกุศลเยอะๆ ร่วมอนุโมทนา

 

เห็นนักวิชาการบอกว่าไข้หวัด 2009 อาจจะไปผสมกับไวรัสสายพันธุ์อื่นๆภายในปีนี้
ถ้ามันผสมข้ามสายพันธุ์สำเร็จ มันจะกลายเป็น Super Virus และไม่มีทางรักษาได้
เลย ผู้ป่วยต้องตายทุกคน

แองจี้ กลัว Super Virus มากกว่าค่ะ เผลอๆ แองจี้ และทุกๆคนอาจจะตายเพราะ
Super Virus คงตายก่อนที่ภัยพิบัติจะมาก็ได้นะคะ

 

มนุษย์ทำให้โลกวุ่นวาย และสร้างมลพิษให้โลก คนเราควรทำแต่กรรมดี

 

อันนี้เรียกใช้ธรรมไม่ถูกที่ ถูกเวลา ใครจะตายก็ช่าง วางเฉย ดันไปมองเรื่องความตายเป็นธรรมดา ไม่รู้จักพยายามแก้ไข ทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม เซงพวกนี้จิงๆ

 

http://palungjit.org/threads/ปล่อยวางแบบควาย-โดย-หลวงพี่เล็ก.196919/

 

สั้น กระชับ แต่ความหมายลุ่มลึก ^_^

 

ทำเป็นใจแข็ง ประเภทไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา
จะตายทั้งทีให้มันไร้ค่าทำไม
สู้อยู่ต่อเพื่อสร้างบุญกุศล ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้อยากไม่ดีกว่าหรือ

 

สิ่งสำคัญหลักๆเลยไม่ใช้ความกลัวผู้เขียนไม่ได้สือว่า จงกลัว หรือกลัวบ้างไหม หรือกัวบ้างก็ดีนะ แต่สิ่งสำคัญคือเราควรเร่งสร้างกุศล และชุดช่วยเพื่อนมนุษย์ให้ตื้นแจ้งหันมาทำความดี
ไม่ใช้จะปล่อยเฉยยนะ สิ่งที่ผู้เขียนกลัว คือกลัวเพื่อนมนุษย์จะไม่มีโอกาสบำเพ็ญเนื่องจากมั่วแต่คิดว่า ไม่กลัวตายพอถึงเวลาก็ตายๆจบๆไป

 

เห็นด้วยเต็มที่กับคุณวิญญานนิพพานครับ

 

ไม่กลัว และไม่ประมาท

 

สำหรับผม ไม่กลัวมากไปจนเกินเหตุ

จะมีความหมายอะไร ถ้าตัวเราอยู่รอด แต่มีโรคระบาดเต็มไปหมดเลย (เพราะมีแต่ศพ และ สาธารณุปโภค มีไม่เพียงพอ) และ เพื่อนๆ ญาติ ที่เรารักก็พลัดพรากจากกัน

hello5

 

เราได้มีโอกาสมาเกิดในเวลานี้ ได้พบพระพุทธศาสนา ซึ่งในกาลนี้พุทธศาสนาถือได้ว่ากำลังมารุ่งเรืองในเขตนี้โดยเฉพาะะทั่วโลกถือว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนา เราชาวพุทธทั้งปวงได้มีโอกาสทำบุญกุศลสร้างบารมี รู้ทาน รู้ศิล พบครูบาอาจารย์แนะนำให้รู้ภาวนา รู้ทางการสร้างบารมี รู้การสะสมบุญ รู้มรรคผล รู้ทางพระนิพพาน

เราและดวงจิตทั้งปวงล้วนต้องการจิตที่สุขและเกษม แต่บาปเก่ากรรมใหม่ ล้วนพาให้หลงไปในทางทั้งปวงได้ทุกเวลา เมื่อผิดพลาดไปแล้ว แทนที่จะเข้าใจ กลับมีความไม่พอใจ ความอัคติ การอาฆาตพยาบาท การสาปแช่ง และต้องการทำลาย มุ่งร้ายเกาะกุมให้คนส่วนหลัง เกิดความเสื่อมและฉิบหายเร็วขึ้น นักปฏิบัติภาวนาและมีจิตเมตตาสงสารชาวโลกทั้งมวล มิควรนิ่งดูดาย ควรแผ่เมตตาให้ดวงจิตต่างภพต่างภูมิมีจิตอันเข้าใจ อันสงบ ได้กุศล เคลื่อนเลื่อนสู่ภูมิที่ดีขึ้น ช่วยกันเถิด

คำทำนายปี 2012,หรือ 2018-2019 เมื่อมันจะเกิด คงลดความรุนแรงลงได้บ้าง นักปฏิบัติหลายท่านทั้งพุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิ ที่สื่อกับพระผู้เมตตานับแต่นับแต่แดนพระนิพพาน และเทวโลก ล้วนกำลังเป็นผู้นำในการสร้างกุศลใหญ่ให้แก่ชาวพุทธ ประเทศชาติ และชาวโลกทั้งมวล เพื่อแผ่กุศลผลบารมีให้แก่สรรพสัตว์ในภูมินี้และภูมิต่างๆ ที่สิ้นอายุปกติหรือก่อนอายุขัย แต่จิตวิญญาณไม่น้อยก็ไม่ยอมรับกลับขัดขวางและลองกำลัง ทดสอบกำลัง บททดสอบในโลกนี้มีมากจริงๆ

อย่ารอเวลา อย่าคิดว่าตัวใครตัวมันหรือธุระไม่ใช้เลย สงสารตัวเองเถิด เกิดมาแล้วร่วมกันสร้างบารมีติดไว้ในดวงจิตกันเถิด

พอดีมาเจอโพสต์ที่รวบรวมแนะการปฏิบัติจิต หรือการวางอารมย์ การแผ่เมตตาจิต จึงแนบมาประกอบ http://palungjit.org/threads/รวบรวม...้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ.168879/page-2

อนุโมทนาผู้รู้ ผู้เมตตา และนักสร้างบารมีทั้งหลาย อนุโมทนาสาธุ......ครับ

 

ประโยคที่ขีดเส้นใต้โดนใจใช่เลยค่ะ มันใช่อ่ะค่ะ

 

โดนใจเราเหมือนกัน แต่มันแย้งนิดๆ ในใจว่า แต่ไม่ได้แปลว่ามีศีลแล้วจะรอด

 

ใช่เลยครับ ใช่ว่ามีศีลแล้วจะรอด คนที่จะรอดต้องมีพร้อมทั้งศีล สมาธิ ปัญญา รวมทั้งจิตสาธารณะที่ชื่นชอบการช่วยเหลือผู้อื่น เพราะภัยพิบัติไม่ใช่เกิดปีสองปีแล้วก็หมดไป ไม่ใช่นะครับ มันเกิดยาวเป็น 100 ปี - 200 ปี เลยครับ จนบางครั้งผมยังเคยคิดแบบอยากสบายคือตายก่อนดีกว่า แต่หลายสิ่งหลายอย่างเรากำหนดมันไม่ได้ครับคงต้องให้มันเป็นไปตามครรลองของกฏแห่งกรรม

 

คนที่รอดยังไม่หลุดพ้น คนที่ไม่รอดนั่นอาจเป็นผู้หลุดพ้นก็เป็นได้
เร่งปฏิบัติให้เกิด ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อหาความหลุดพ้น
เปลี่ยนวิกฤต เป็นโอกาส