พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เพราะการสร้างในแต่ละรุ่น สร้างกันในปริมาณที่เยอะมากครับ

    ท่านผู้สร้าง(ช่างสิบหมู่) แต่ละท่านก็ฝีมือฉกาจ เรื่องของการสร้างพระพิมพ์และวัตถุมงคล จึงเป็นเรื่องเล็กน้อย การสร้างจึงสร้างในปริมาณที่เยอะมาก

    ยกเว้นในบางรุ่นเท่านั้น ที่สร้างน้อย เนื่องในวาระและโอกาสที่สำคัญต่างๆครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ได้ครับ

    .
     
  4. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    ในรุ่น Top ต่างรวมทั้ง รุ่นอัศจรรย์โกลาฤกษ์ คุณหนุ่มคิดว่าสร้างเยอะไหมครับ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รุ่น top of the top ทั้ง 1 และ 4 สร้างไม่มาก จำนวนผมคาดว่า ประมาณหลัก พัน(เกือบกลางๆ)

    รุ่น top of the top 1 ผมคิดว่า ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ผม
    รุ่น top of the top 4 ผมก็คิดว่า ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ผมอีกเช่นกัน

    ส่วนรุ่น อัศจรรย์โกลาฤกษ์ ต้องสร้างน้อยแน่ เนื่องจากฤกษ์นี้ มีเพียงประมาณ 9 นาทีต่อ 1 ครั้ง แต่ไม่จำเป็นต้องมีทุกวัน

    รุ่นนี้ ผมคาดว่า จะอยู่ในกลุ่มคณะพระวังหน้าทั้งหมด

    เพราะ เนื้อเดียวกัน ,สร้างในวันเดียวกัน ,พระราชพิธีพุทธาภิเษก(หลวง) เดียวกัน ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านเมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยวเหมือนกัน แต่อาจจะไม่ใช่รุ่นอัศจรรย์โกลาฤกษ์ก็ได้ เนื่องจากหากกดพิมพ์หลังฤกษ์อัศจรรย์โกลาฤกษ์แล้ว ก็ไม่ใช่รุ่นอัศจรรย์โกลาฤกษ์ครับ
     
  6. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ผมจะติดพระที่ตลาดเล่นมูลค่าระหว่าง8หมื่น-1แสนไปให้ชม 1องค์ครับลองทายดูว่าพิมพ์นี้ใครเป็นผู้เสกครับ ตาลุงข้างบ้านฝากมาโชว์นอกรอบครับ หุ หุ
     
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันนี้ทำพิธีไหว้ครูที่โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน(ขอใช้แผนโบราณแทนแผนไทย เพราะหมอเพ็ญฯมาเปลี่ยนในภายหลัง) บรรยากาศอบอุ่นดีมากๆ ช่วงเย็นได้ซื้อกรวยดอกไม้ และพวงมาลัยมะลิสดไว้วันพรุ่งนี้เช้าจะได้ไปที่วัดญวนสะพานขาวกราบหลวงปู่ชีวกโกมารภัทร์เป็นทางการอีกครั้ง...

    อาจารย์แม่ได้ประชุมกับทางแพทย์แผนโบราณรอบที่ ๒ สรุปว่า อีก ๒ เดือนข้างหน้า ไข้หวัด 2009 จะระบาดหนักกว่านี้อีกหลายเท่า เพราะเข้าช่วงหน้าฝนเต็มๆในช่วง สิงหาคม-กันยายน ดังนั้นช่วงเดือนนี้ก็หมั่นออกกำลังกาย สร้างภูมิคุ้มกันจากภายในร่างกายจะดีกว่าไปรับยาจากภายนอกครับ หากจำเป็นต้องใช้ยาภายนอกก็ขอให้ใช้แบบยาสมุนไพร หรือปรุงเป็นอาหาร จะเป็นไปในลักษณะค่อยๆสร้างภูมิคุ้มกันขึ้น ก็รักษาสุขภาพกันนะครับ ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยกัน...

    ช่วงเย็น ได้พบหนังสือเล่มหนึ่ง ความจริงไปดูมา ๒ ครั้งแล้ว ครั้งนี้ตั้งใจว่าจะซื้อมาให้ได้ชื่อหนังสือ "ไม้พุทธประวัติ" เข้าใจว่าน่าจะหาไม่ง่าย เพราะเจ้าของร้านเป็นคนที่หาหนังสือหายากมาบริการตลอดเวลา เช่นหนังสือที่พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลืงศพ เป็นต้น หนังสือพวกนี้มีเนื้อหาเฉพาะเรื่องที่น่าสนใจมาก แต่หนังสือเล่มที่ผมหมายตาไว้เล่มนี้ ไม่ได้พิมพ์เนื่องในงานศพแต่อย่างใด แต่เป็นไม้ในพุทธกาล สุดท้ายหนังสือร้านราคาเล่มละ ๓๐๐ บาท แต่เจ้าของกลับให้ผมมาฟรีๆ หุ..หุ..เมตตามหานิยม+อัศจรรย์โกลาฤกษ์จริงๆ เพราะเดิมทีเขาตั้งใจจะปิดร้าน...

    ครั้งหนึ่งอาจารย์ปู่ประถม ได้เคยพูดถึงเรื่องดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นหอม และเป็นไม้ที่ไม่มียังมนุษยโลก มีเฉพาะข้างบน และไม่ได้มีทุกเวลา กระทั่ง..พระอาจารย์รูปหนึ่งได้นำมาให้ชม ผมและเพื่อนๆในคณะพระวังหน้ามีโอกาสได้ชมโดยเฉพาะคุณหนุ่มจะทราบดีที่สุดว่ากลิ่นเป็นอย่างไร หอมอย่างไร และยังได้รับน้ำพระพุทธมนต์ที่ลอยน้ำด้วยดอกไม้ชนิดนี้อยู่ด้วย....

    ดอกไม้ที่เห็นในวันนั้น กับภาพดอกไม้ในหนังสือเล่มนี้เป็นชนิดเดียวกัน มีที่มาที่ไปของไม้ชนิดนี้โดยละเอียด เอาไว้จะบันทึกภาพมาให้ชมกัน รวมทั้งประวัติที่มาของดอกไม้ชนิดนี้...
     
  8. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137

    ดอกมณฑา ในพุทธประวัติกล่าวว่า พระมหากัสสปะเถระ พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์บริวาร ๕๐๐ รูป จะเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่กรุงกุสินารา ได้หยุดพักอยู่ข้างทาง เห็นอาชีวกผู้หนึ่งถือดอกมณฑามาแต่เมืองกุสินารา โดยเอาไม้เสียบดอกมณฑาเข้าเป็นคันกั้นต่างร่มเดินสวนทางมา พระมหากัสสปะเถระเห็นดังนั้นก็สงสัยมาก เพราะดอกมณฑาเป็นดอกไม้ที่มิได้มีในมนุษยโลก แต่จะปรากฎเฉพาะตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าสู่ครรภ์พระมารดา หรือเมื่อประสูติออกสู่มหาภิเนษกรมณ์อภิโพธิ ตรัสเทศนาพระธรรมจักร กระทำยมกปาฏิหาริย์ เสด็จจากเทวโลก กำหนดปลงพระชนมายุสังขาร จึงจะบันดาลตกลงมาจากเทวโลก แต่บัดนี้มีดอกมณฑาปรากฎ หรือพระพุทธเจ้าจะเข้าสู่ปรินิพพานเสียแล้ว จึงเข้าไปถามอาชีวกผู้นั้น และได้ทราบว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จสู่ปรินิพพานมาแล้ว ๗ วัน พระมหากัสสปะเถระจึงพาพระภิกษุสงฆ์รีบเดินทางไปสู่นครกุสินารา

    มณฑา เป็นไม้พุ่ม อยู่ในสกุลเดียวกันกับบุณฑา ยี่หุบปรี คือสกุล"Talauma" ในวงศ์เดียวกันกับพวกจำปา จำปี คือวงศ์"Magnoliaceae"

    มณฑาเป็นไม้พุ่ม ใบ เดี่ยว ออกสลับ รูปใบหอกขนาดใหญ่ เนื้อใบค่อนข้างเหนียว แผ่นใบมักเป็นคลื่น หรือเป็นลอน ดอก เดี่ยว สีเหลืองอ่อนขนาดใหญ่ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกรูปไข่แหลมหัวแหลมท้าย มักห้อยลง กลีบเลี้ยง ๓ กลีบ สีเขียวอ่อนอมเทา หนาแข็ง กลีบดอก ๖ กลีบ สีเหลืองอ่อน แข็ง จัดเป็น ๒ ชั้น เกสรตัวผู้ และตัวเมียมีจำนวนมาก ผลเป็นผลกลุ่ม ดอกจะบานในเวลาเช้าตรู่ มีกลิ่นหอมแรง

    ชื่อพื้นเมือง
    จอมปูน จำปูนช้าง(สุราษฎร์ธานี) มณฑา(สตูล) ยี่หุบ(ภาคกลาง,ภาคเหนือ)

    ชื่อบาลี
    มณฑาระ(มัน-ทา-ระ-วะ), มนทารโว(มัน-ทา-ระ-โว)

    ชื่อวิทยาศาสตร์ Talauma candollei Bl.

    ชื่อสามัญ
    Magnolita

    ชื่อวงศ์
    Magnoliaceae

    ถิ่นกำเนิด
    เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    สภาพนิเวศน์
    ชอบแดดรำไร ในประเทศไทยขึ้นได้ดีทางภาคใต้ ที่มีความสูง ๕๐-๔๐๐ เมตร จากระดับน้ำทะเล

    การขยายพันธุ์
    เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง

    ประโยชน์
    ปลูกเป็นไม้ประดับ ไม้ดอกหอม

    จากหนังสือ ไม้พุทธประวัติ เรียบเรียงโดย ศาสตราจารย์ ดร.พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010125.JPG
      P1010125.JPG
      ขนาดไฟล์:
      197.9 KB
      เปิดดู:
      70
    • P1010128.JPG
      P1010128.JPG
      ขนาดไฟล์:
      179.6 KB
      เปิดดู:
      67
    • P1010126.JPG
      P1010126.JPG
      ขนาดไฟล์:
      256.9 KB
      เปิดดู:
      67
    • P1010129.JPG
      P1010129.JPG
      ขนาดไฟล์:
      282 KB
      เปิดดู:
      57
  9. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ขอโมทนาบุญกับทุกท่านที่มาร่วมเป็นสมาชิกรักษ์พระวังหน้าในวันนี้ซึ่งจะได้ร่วมกันเป็นกำลังกับคุณหนุ่มในวันหน้าต่อไปด้วยครับครับ สาธุ
     
  10. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485

    เช็คดูดีๆนะครับ ว่าติดไปกับผมรึเปล่า คิคิ :z4
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โอ้ คุณเพชรบอกแบบนี้ ผมก็งานเข้าอีกล่ะสิครับ

    ครั้งแรกที่ได้กลิ่นดอกมณฑาทิพย์ ผมก็ได้พร้อมกับคุณเพชรนะครับ

    เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องของความเชื่อเฉพาะตน

    และรู้ว่า สิ่งที่ได้พบ ได้เห็นเรื่องของดอกมณฑาทิพย์ เป็นเรื่องที่ผมเชื่อว่า เป็นจริง และหากว่า ท่านผู้ใดที่ได้ญาณ 4 ละเอียด ก็จะสามารถตรวจสอบได้เช่นกันครับ

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผลการประชุมชมรมรักษ์พระวังหน้า

    การประชุมในวันนี้ เรื่องสำคัญเป็นเรื่องการคัดเลือกประธานชมรม ,รองประธานชมรม 2 ท่าน ,เลขานุการ และเหรัญญิก

    มาแจ้งให้สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมได้ทราบว่า การคัดเลือกโดยการโหวตของสมาชิก สรุปออกมาก็คือ

    ประธานชมรมรักษ์พระวังหน้า
    พี่ปกรณ์

    รองประธานชมรมรักษ์พระวังหน้า
    คุณเพชร
    คุณnongnooo

    เลขานุการและเหรัญญิกชมรมรักษ์พระวังหน้า
    คุณsithiphong

    วันนี้เป็นวันที่หลายๆท่าน ที่ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นกันมาก่อน ได้มาพบปะ เจอะเจอกัน แต่ละท่าน ดูแล้วเป็นกันเองอย่างมาก ผมว่าวันนี้เป็นวันที่มีความสุขมากวันนึง

    สำหรับพระพิมพ์ที่ผมได้มอบให้และพี่ท่านนึงได้มอบให้ชมรมรักษ์พระวังหน้าและผมได้นำมามอบให้กับสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า ท่านได้ตัวอย่างไปแล้ว ก็ลองนำไปพิจารณาดู ให้ดูตามที่ผมแนะนำนะครับ อีกประการหนึ่ง เมื่อดูพระพิมพ์ต่างๆ ก็ให้นึกเป็นพุทธานุสติด้วย ได้สองชั้นนะครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่ผมแนะนำ เรื่องของการดูพระพิมพ์แล้วให้นึกเป็นพุทธานุสติ เรื่องนี้พี่ใหญ่สอนผมมาหลายครั้งแล้ว ก็เลยนำมาบอกต่อกันไปครับ

    ขอขอบพระคุณพี่ใหญ่ ที่ช่วยแนะนำ ,อบรม ครับ

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 20 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 17 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER>[ แนะนำเรื่องเด่น ] </CENTER></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, nongnooo+, zeedflower </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ่า ท่านรองประธานnongnoooมาแล้ว

    ผมฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับท่านรอง

    .
     
  15. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ** พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นการสร้างขึ้นตามคำแนะนำของ ชีปะขาว ที่มาบอกในนิมิตให้ หลวงพ่อปาน สร้างพระพิมพ์พระพุทธเจ้า ประทับนั่งสมาธิ มีรูปสัตว์ ๖ ชนิดอยู่ใต้ที่ประทับ คือ ไก่ ครุฑ หนุมาน ปลา เม่น นก อันเป็นต้นกำเนิดของ พระหลวงพ่อปาน เนื้อดินเผา ที่พบเห็นในทุกวันนี้ พิมพ์ที่แพงสุด คือ พิมพ์ทรงไก่ ซึ่งแยกออกเป็น ไก่หางพวง ไก่หาง ๕ เส้น ไก่หาง ๔ เส้น ไก่หาง ๓ เส้น ไก่หางรวม และไก่เบรก (พิมพ์สมาธิขัดเพชร ซึ่งต่างจากพิมพ์อื่นๆ ที่เป็นพิมพ์สมาธิราบ)

    ** สำหรับ พิมพ์ไก่หาง ๔ เส้น ยังแบ่งออกเป็น ไก่ฟ้า (บัว ๒ ชั้น) และ ไก่ต๊อก (บัวชั้นเดียว) ** ในส่วนของ พิมพ์ทรงไก่หางรวม ยังมีการแบ่งออกไปอีก ๒ พิมพ์ คือ ไก่อ้วน (ล่ำ) พิมพ์นี้ตัวไก่จะอ้วนใหญ่ หางเป็นพวงพุ่มสวยงาม และนัยน์ตาคมชัดมาก และ ไก่ผอม (กว่าเล็กน้อย) ** พระหลวงพ่อปาน ที่นิยมสูงสุด คือ พิมพ์ทรงไก่อ้วน (ล่ำ) หางรวม ที่เห็นในภาพนี้ องค์สวยคมชัดเป็นพิเศษ ราคาเช่าหาต้องถึงหลักแสนขึ้นไป เป็นพระของ รัก สุพรรณ สายตรงพระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค พระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ และพระเมืองสุพรรณ ทุกประเภท
    จากคมเลนส์ส่องพระวันอาทิตย์ที่16พ.ย.2551<!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc--><!--colorc--><!--/colorc-->


    (IMG:http://www.komchadluek.net/2008/11/18/images/thumbFilename2_pra1612.jpg)
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เหยื่อหวัด 2009 ตายแล้ว 30 ราย

    ไข้หวัด2009 เหยื่อ ไข้หวัด 2009 ตายแล้ว 30 ราย


    [​IMG]




    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการสัมนาผู้นำชุมชนและผู้นำท้องถิ่นว่า เรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าสับสน อยากเรียนว่าพยายามที่จะไม่ให้เกิดความสับสน แต่ไม่ง่ายนัก ต้องบอกตรงไปตรงมาว่า 2-3 เดือนที่โรคนี้ปรากฏ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญยังถกเถียงกัน เพราะเป็นเรื่องใหม่ และบางทีการสื่อสารออกไปเกิดเข้าใจไม่ตรงกันระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง อย่างเรื่องความรุนแรงของโรค แต่หลายประเทศขณะนี้เลิกตรวจหมดแล้ว เพราะไม่สามารถตรวจได้หมด และโรคนี้จะระบาดเร็ว

    "ข่าวร้ายต่อไปคือ โรคนี้มีความรุนแรงที่เสียชีวิตได้โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ของไทยตอนนี้เสียชีวิตประมาณ 30 คน สหรัฐฯ 200 กว่าคน เชื่อได้ว่าปัจจุบันคนที่ติดเชื้อมีเยอะกว่าตัวเลขที่มีการรายงานส่วนที่สับสนว่าควรปิดโรงเรียนผับบาร์หรือไม่ ประเด็นคือ การติดต่อเป็นแบบคนสู่คน ถ้าเราปิดหมด เราก็ไม่รู้เลยว่าใครไปไหนบ้าง ขอทำความเข้าใจว่าโรคนี้จะยังอยู่ไปถึงปี 2553 ไม่เลือกสีเหลืองสีแดงเป็นได้ทุกคน ไม่เลือกรัฐบาลด้วย" นายกรัฐมนตรี กล่าว​

    นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินฯ เพื่อหารือถึงแนวทางการดำเนินการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สาย พันธุ์ใหม่ 2009 ให้น้อยที่สุด จากนั้น นพ.ไพจิตร์แถลงว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้หาแนวทางลดจำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้เหลือน้อยที่สุด โดย สธ.จะร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ปรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยที่เข้าข่ายสงสัยโรค ​

    สำหรับแนวทางในการดูแลผู้ป่วย จัดแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้...

    กลุ่มที่ 1. คือผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง มีอาการปอดอักเสบ ซึมผิดปกติ รับประทานอาหารไม่ได้ หรือได้น้อยกว่าปกติ หรือมีปัญหาร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง หรืออาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมงของการป่วย ให้รับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลและให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์เร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ

    กลุ่มที่ 2. ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง และเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อโรครุนแรง ให้ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง และพิจารณาให้ยาโอเซลทามิเวียร์ ถ้ามีอาการรุนแรงขึ้นภายใน 48 ชั่วโมงแรก หรืออาการไม่ดีขึ้นหลังจาก 48 ชั่วโมงไปแล้ว

    กลุ่มที่ 3. เป็นผู้ป่วยที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงต่อโรครุนแรง แนะนำวิธีการดูแลที่บ้าน ให้ยารักษาตามอาการ

    นอกจากนี้ นพ.ไพจิตร์ ยังได้กล่าวถึงกรณีีข้อโต้แย้งเรื่องการผลิตวัคซีนชนิดเชื้อเป็นแบบพ่น อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ว่า ประเทศรัสเซียมีการผลิตวัคซีนชนิดนี้มากว่า 30 ปี ซึ่งนำไปใช้กับประชาชนจำนวนมาก โดยไม่มีอันตราย อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ออกมาชี้แจงเพื่อความมั่นใจ ที่สำคัญการจะผลิตวัคซีนได้มีระบบตรวจสอบความปลอดภัยอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก แต่หากการผลิตวัคซีนชนิดนี้ไม่ผ่านกระบวนการตามมาตรฐาน เชื้อไวรัสชนิดเชื้อเป็นก็จะกลายเป็นเชื้อโรคทันที แต่ตามหลักการแล้วทุกอย่างต้องผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง จึงไม่ต้องกังวล ​


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]



    ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรต้านหวัด

    ฟ้าทะลายโจร สมุนไพร ฟ้าทลายโจร แก้ ไข้หวัด2009


    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

    สถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำเอาคนตื่นตระหนก เนื่องจากเชื้อโรคตัวนี้ สามารถแพร่กระจายได้เร็วมาก อีกทั้งยังไม่มีวัคซีนป้องกันและรักษา และล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาระบุว่า สมุนไพรไทยหลายชนิดมีฤทธิ์ต้านไข้หวัดใหญ่ได้ โดยเฉพาะ "ฟ้าทะลายโจร" นั้นมีสรรพคุณดีเยี่ยม ทำให้คนจำนวนมากสรรหา "ฟ้าทะลายโจร" มารับประทานเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่กัน วันนี้เราจะพาไปรู้จัก "ฟ้าทะลายโจร" ว่าสมุนไพรไทยตัวนี้ มีคุณสมบัติอย่างไร

    "ฟ้าทะลายโจร" เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "Andrographis paniculata (Burm.f.) Wall.ex Nees" และชื่อสามัญว่า "Kariyat" หรือ "The Creat" นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอื่นๆ ตามท้องที่ ได้แก่ หญ้ากันงู (สงขลา) น้ำลายพังพอน ฟ้าละลายโจร (กรุงเทพฯ) ฟ้าสาง (พนัสนิคม) เขยตายยายคลุม สามสิบดี (ร้อยเอ็ด) เมฆทะลาย (ยะลา) ฟ้าสะท้าน (พัทลุง)

    ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

    ฟ้าทะลายโจร เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร กิ่งเป็นใบสี่เหลี่ยม ใบเลี้ยงเดี่ยวสีเขียวเข้มเป็นมัน มีดอกออกที่ปลายกิ่งและซอกใบ ดอกย่อยมีกลีบดอกสีขาว โคนกลีบติดกัน ปลายแยกเป็น 2 ปาก ปากบนมี 3 กลีบ และมีเส้นสีม่วงแดงพาดอยู่ ส่วนปากล่างมี 2 กลีบ ลักษณะของผล จะเป็นฝัก เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาล ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้น

    สรรพคุณของฟ้าทะลายโจร

    ทุกส่วนของฟ้าทะลายโจรมีรสขม จึงมีคุณสมบัติเป็นยาได้ดี โดยสรรพคุณหลักๆ ของฟ้าทะลายโจร มี 4 ประการคือ

    [​IMG] 1.แก้ไข้ทั่วไป เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รับรองว่า ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ เนื่องจากมีฤทธิ์ในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ผู้ที่เป็นหวัด หรือร้อนในบ่อยๆ หากรับประทานฟ้าทะลายโจร จะสามารถช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น จึงไม่เป็นหวัดง่าย อาการร้อนในจะหายไป

    [​IMG] 2.ระงับอาการอักเสบ เช่น อาการไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ขับเสมหะ รักษาโรคผิวหนังฝี ฯลฯ

    [​IMG] 3.แก้อาการติดเชื้อ เช่น ท้องเสีย กระเพาะ หรือลำไส้อักเสบ

    [​IMG] 4.เป็นยาขม ช่วยให้เจริญอาหาร

    ทั้งนี้ ฟ้าทะลายโจรนี้สามารถเสริมภูมิต้านทานดีกว่าการใช้ยาปฏิชีวนะ อีกทั้งไม่ทำให้เกิดอาการง่วงนอน หรือดื้อยา เหมือนยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้ ฟ้าทะลายโจร ยังช่วยป้องกันตับ จากสารพิษหลายๆ ชนิด เช่น จากยาแก้ไข้พาราเซตามอล หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ด้วย

    วิธีใช้และปริมาณที่ใช้ตามอาการต่างๆ

    [​IMG] แก้ไข้เป็นหวัด ปวดหัวตัวร้อน เจ็บคอ ต่อมทอนซิลอักเสบ

    ใช้ใบและกิ่ง 1 กำมือ (แห้งหนัก 3 กรัม สดหนัก 25 กรัม) ต้มน้ำดื่มก่อนอาหารวันละ 2ครั้ง เช้า-เย็น หรือเวลามีอาการ หรือหากเป็นฟ้าทะลายโจรผง ให้นำไปผสมน้ำผึ้งใช้กวาดคอ หรือหากเป็นยาเม็ด 250 มิลลิกรัม ให้รับประทาน 3 เวลาก่อนอาหาร และก่อนนอน 3-5 วัน เมื่ออาการหาย ก็หยุดยา

    [​IMG] กระเพาะอาหารอักเสบจากเชื้อไวรัส

    ให้รับประทานฟ้าทะลายโจร ครั้งละ 3 เม็ด ก่อนอาหาร 3 เวลา

    [​IMG] แก้ท้องเสีย ท้องเดิน เป็นบิดมีไข้ อาหารเป็นพิษ

    ใช้ทั้งต้น หรือส่วนทั้ง 5 ของฟ้าทะลายโจร ผึ่งลมให้แห้ง หั่นชิ้นเล็ก ๆ ประมาณ 1 กำมือ (หนักประมาณ 3-9 กรัม) ต้มเอาน้ำดื่มตลอดวัน หรือให้รับประทานฟ้าทะลายโจร 2-3 เม็ด ก่อนอาหาร 3 เวลา ฟ้าทะลายโจรจะเข้าไปขับเอาสารพิษในลำไส้ออก และช่วยลดการระคายเคืองต่อผนังลำไส้ ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ลง ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ทั้งนี้ เนื่องจากฟ้าทะลายโจร ไม่ใช่ยาหยุดอาการท้องเสียโดยตรง ดังนั้นผู้ป่วยจะยังคงถ่ายเหลวต่อไป หลังจากใช้ยา หากต้องการให้หยุดถ่าย ควรให้สารที่มีรสฝาดร่วมด้วย เช่นใบฝรั่ง น้ำชา หรือแป้งกล้วย

    [​IMG] รักษาไข้ไทฟอยด์

    ให้รับประทานฟ้าทะลายโจร 2 เม็ด 3 เวลา ก่อนอาหาร เป็น เวลา 3 สัปดาห์ หลังจากนั้น ควรกินยาบำรุงฟื้นกำลังผู้ป่วย ฟ้าทะลายโจร จะทำลายเชื้อไทฟอยด์ที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของต่อมน้ำเหลือง ในผนังลำไส้เล็ก ลำไส้ที่เป็นอัมพาตอยู่เดิม ก็จะเริ่มทำงาน นอกจากนี้ฟ้าทะลายโจรยังช่วยเร่งให้ตับสร้างน้ำดี ช่วยย่อยอาหารอีกด้วย


    [​IMG] รักษาโรคตับ

    รับประทานฟ้าทะลายโจร 2-3 เม็ด ก่อนอาหาร 3 เวลา และควร ให้ยาบำรุงร่วมด้วย หลังจากฟื้นไข้แล้ว

    [​IMG] โรคงูสวัด

    ให้รับประทานฟ้าทะลายโจร 2-3 เม็ดก่อนอาหาร 3 เวลา เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เนื่องจากงูสวัดเป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง จะอยู่นาน 3 สัปดาห์ ถ้าให้ฟ้าทะลายโจรครบตามเวลา งูสวัดจะไม่กลับมาเป็นอีก ส่วนตุ่ม แผลพุพอง ใช้ยาเสลดพังพอนทา หรือใช้ว่านนาคราช หรือใบจักรนารายณ์ ตำใส่สุรา ใช้ทาหรือพอกก็ได้

    [​IMG] แผลจากโรคเบาหวาน

    สามารถใช้ฟ้าทะลายโจร รักษาแผลอักเสบเนื่องจากเบาหวานได้ เพราะฟ้าทะลายโจร ทำไห้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ใช้ได้ทั้งกิน ทั้งทา

    [​IMG] โรคเบาหวาน

    ใช้ต้นฟ้าทะลายโจร และว่านเอ็นเหลือง กระชาย ทำเป็นยาเม็ดกิน

    [​IMG] ริดสีดวงทวาร

    ให้รับประทานฟ้าทะลายโจร ครั้งละ 2-3 เม็ด ก่อนอาหาร 3 เวลา และก่อนนอน อาการเลือดออก หรือปวดถ่วงจะหายไป และถ่ายได้สะดวกเป็นปกติ

    รูปแบบการนำไปใช้

    [​IMG] 1. ใช้ในรูปยาต้ม โดยใช้ใบและกิ่งสดล้างให้สะอาด สับเป็นท่อนสั้นๆ ประมาณ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 10-15 นาที ดื่มก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง แก้เจ็บคอได้ หากจะใช้แก้ท้องเสีย แก้บิด ให้ใช้ 2-3 กำมือ

    [​IMG] 2.ใช้ในรูปยาลูกกลอน โดยนำใบและกิ่งมาล้างให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง บดให้เป็นผง ปั้นผสมกับน้ำผึ้งเป็นเม็ดขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย ผึ่งให้แห้ง รับประทาน ครั้งละ 3-6 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน

    [​IMG] 3.ใช้ในรูปยาแคปซูล โดยใช้ผงใบและลำต้นบรรจุลงในแคปซูล ใช้รับประทานก่อนอาหารและก่อนนอน เพื่อให้สะดวกในการรับประทาน เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีรสขมมาก จึงนิยมใช้ในรูปยาลูกกลอนและรูปยาแคปซูล

    [​IMG] 4.ใช้ในรูปยาดองเหล้า นำใบฟ้าทะลายโจรแห้งขยำให้เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ในขวดแก้ว แช่ด้วยเหล้าโรงพอท่วมยา ปิดฝาให้แน่น เขย่าขวดหรือคนยาวันละครั้ง เมื่อครบ 7 วัน กรองเอาแต่น้ำเก็บไว้ในขวดที่มิดชิดและสะอาด รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้งก่อนอาหาร

    [​IMG] 5.ใช้ใบค่อนข้างแก่ประมาณ 1 กำมือ ตำผสมเกลือเล็กน้อย เติมเหล้าครึ่งถ้วยยา น้ำครึ่งช้อนชา คนให้เข้ากันแล้วรินเอาน้ำดื่ม ส่วนกากที่เหลือนำไปใช้พอกแผล-ฝี แล้วใช้ผ้าสะอาดพันไว้

    บุคคลที่ไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจร

    [​IMG] 1. ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A
    [​IMG] 2. ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคไตอักเสบ เนื่องจากเคยติดเชื้อ Streptococcus group A
    [​IMG] 3. ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจรูห์มาติค
    [​IMG] 4. ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอ เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย และมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มหนองในคอ มีไข้สูง หนาวสั่น
    [​IMG] 5.ผู้ที่เป็นความดันต่ำ เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ลดความดันเลือดได้
    [​IMG] 6.สตรีมีครรภ์

    ข้อควรระวัง

    [​IMG] 1. ฟ้าทะลายโจรอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเดิน ปวดเอว หรือวิงเวียนศีรษะ ใจสั่น ในผู้ป่วยบางราย หากมีอาการดังกล่าว ควรหยุดใช้ฟ้าทะลายโจร

    [​IMG] 2. หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้แขนขามีอาการชาหรืออ่อนแรง ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 3 สัปดาห์

    [​IMG] 3. หากใช้ฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 3 วัน แล้วไม่หาย หรือมีอาการรุนแรงขึ้นระหว่างใช้ยา ควรหยุดใช้ และไปพบแพทย์


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    - กระทรวงสาธารณสุข
    - rspq.or.th
    - geocities.com
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ผมว่า น่าจะเป็นพิมพ์ไก่ตีมั้ง เพราะเหมือนกับเวลาที่ไก่ชนตีกัน จะเป็นแบบนั้น

    ไม่น่าจะเป็นไก่เบรคครับ หุหุหุ

    .
     
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    อีกนานกว่าจะได้ไปร่วมพบปะกัน ติดภารกิจบางประการ อย่างไรก็ขอให้มีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปพบปะกันครับ..
     
  19. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผมว่า พิมพ์นี้ คงแรงน่าดู ถึงกับต้องเบรกแรงๆแบบนี้....
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมมาฝากเนื้อฝากตัวกับท่านรองประธานเพชรด้วยนะครับ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...