มหัศจรรย์แมนดาล่า“พระหมอยา”

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 21 กรกฎาคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    มหัศจรรย์แมนดาล่า“พระหมอยา”

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>รายงานโดย :ปู โลกเบี้ยว:

    </TD><TD>วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ปูมีเรื่องที่อธิบายไม่ได้มาให้อ่านกันอีกแล้วค่ะ!



    หากยังจำกันได้เมื่อปีที่แล้ว ปูได้นำเสนอเรื่องแมนดาล่าทราย (เสมือนยันต์ที่ใช้ทรายเป็นวัตถุมงคลในการสร้างเป็นรูปร่างขึ้นมา) สร้างโดยแม่ชีที่เดินทางไกลมาจากวัดโกปันในประเทศเนปาล เป็นแมนดาล่าทรายที่เกี่ยวกับพระหมอยา หรือที่คนไทยเรียกว่า พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ที่วัดปัญญาธรรมาราม บางม่วง สามพราน นครปฐม ยังไงล่ะ


    [​IMG]


    คราวนั้นทำกัน 7 วัน 7 คืน ขณะทำก็ต้องสวดมนต์ตลอดเลยนะ สร้างยากมาก เวลาทำหายใจแรงก็ไม่ได้เพราะทรายเม็ดเล็กมาก จะปลิวได้ ต้องมีสมาธิเอามากๆ แล้วที่พิเศษสุดก็คือแมนดาล่าทรายพระหมอยานี้เกิดขึ้นครั้งแรกที่นี่ที่เดียวในโลก เพราะโดยปกติเวลาที่พระหรือแม่ชีเหล่านี้ถูกเชิญให้ไปสร้างมักจะสร้างแมนดาล่าทราย (ยันต์) ที่เกี่ยวกับเจ้าแม่กวนอิมซะล่ะมากกว่าเพราะทั่วโลกรู้จัก แต่แมนดาล่าทรายพระหมอยาพวกเขายังไม่เคยทำมาก่อน

    และที่มาสร้างแมนดาล่าทรายพระหมอยาที่เมืองไทยก็เพราะว่า ที่วัดปัญญาธรรมารามกำลังสร้างพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า (พระหมอยา) ซึ่งหล่อด้วยเงินล้วนๆ ขึ้น แมนดาล่านี้จึงถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะพิเศษ ไม่มีที่ไหนในโลกนอกจากในประเทศไทย
    ธรรมดาแล้วเมื่อแมนดาล่าทรายถูกสร้างเสร็จ เขาต้องทำลายและนำไปโปรยลงแม่น้ำลำคลอง เพื่อเป็นการปัดเป่าสิ่งเลวร้าย ที่เหลือก็ให้ญาติโยมนำกลับไปเป็นสิริมงคล หรือเอาไว้ป้องกันตัว ถึงจะสมบูรณ์แบบตามพิธีของพวกเขา แต่ในกรณีนี้ทางเราขอเก็บรักษาไว้ 1 ปี เพื่อให้คนไทยได้มีโอกาสเข้าไปชมกัน ณ บัดนี้เวลาก็ล่วงเลยไปปีกว่าแล้ว แม่ชีจากเนปาลพร้อมกับท่านลามะเทนซิน โซปา พระอาจารย์แห่งพุทธศาสนามหายาน ก็ได้เดินทางมาทำลายแมนดาล่าทรายพระหมอยาไปเรียบร้อยแล้ว และได้ทำการสร้างแมนดาล่าทรายเจ้าแม่กวนอิมขึ้นมาแทน ใครอยากชมก็เชิญที่วัดปัญญาธรรมาราม อยู่ในซอยวัดเทียนดัด สามพราน นะค่ะ

    วันนี้จะมาเล่าเรื่องของความมหัศจรรย์พันลึกของแมนดาล่าทรายพระหมอยานี่แหละ ท่านเซียงป้อซือเฮีย เจ้าอาวาสวัดปัญญาธรรมารามเล่าให้ฟังเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของแมนดาล่าทรายพระหมอยาว่า นี่เพียงแค่รูปถ่ายเท่านั้นนะ...เป็นเรื่องของสามีภรรยาคู่หนึ่ง คุณสามีป่วยหนักสารพัดโรครุมเร้า ทุกคนในครอบครัวรู้ว่าอีกไม่นานคุณสามีคงต้องละสังขารไปอย่างแน่นอน เลยพากลับมานอนเจ็บที่บ้าน มาตายที่บ้านดีกว่าตายที่โรงพยาบาล

    ที่ทรมานที่สุดทั้งคนเจ็บและคนเฝ้าไข้ก็คือ คุณสามีจะเจ็บปวดจนต้องร้องครวญครางตลอดเวลา จนภรรยาแทบไม่ได้หลับได้นอนต้องทนทุกข์ทรมานไปด้วยกันกับสามี จนอยู่มาวันหนึ่งได้ข่าวว่าที่วัดนี้มีพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า (พระหมอยา) เป็นที่พึ่งให้คนเจ็บได้ เลยเดินทางมาสักการบูชา สวดมนต์ขอพรให้สามี อยากจะพาสามีมาที่วัดนี้ด้วย แต่ก็จนใจเพราะมาลำบาก เนื่องจากสามีนั้นเดินไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ ได้แต่ร้องเพราะความเจ็บปวดได้อย่างเดียว ทั้งครอบครัวทุกข์มาก

    ท่านเจ้าอาวาสเซียงป้อ ก็เลยแนะนำให้สวดมนต์ บูชาพระหมอยาองค์เล็กๆ ไปไว้บ้าน คุณภรรยาเห็นแมนดาล่าทรายเกิดความประทับใจเลยถ่ายรูปเก็บไว้ ท่านเซียงป้อก็อธิบายว่า แมนดาล่าทรายนี้ถูกสร้างขึ้นจากสมาธิจิต ผู้คนต่างศรัทธาเลื่อมใสมาชมมากราบไหว้กัน อย่างน้อยก็ช่วยให้พวกเขาได้บรรเทาความวิตกกังวล รักษาจิตใจที่บอบช้ำ ช่วยนำทางให้เข้าถึงเมตตาและปัญญาได้ คำอธิษฐานด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์มักจะเป็นจริงนะ คุณภรรยาก็นำความและของทุกอย่างกลับไปเล่าให้สามีฟังและอวดรูปแมนดาล่าทรายให้สามีดู

    แปลกมากเมื่อสามีเห็นภาพแมนดาล่าทรายทีไรจะหยุดร้องครวญคราง เธอเลยให้สามีดูภาพแมนดาล่าทรายทุกวัน จากที่สามีเคยร้องครวญครางตลอดเวลาก็ร้องน้อยลง พอสองอาทิตย์ผ่านไป สามีของเธอกลับมองภาพแมนดาล่าทรายพระหมอยานิ่งๆ แล้วไม่ร้องครวญครางอีกเลย สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับครอบครัวของเธออย่างมาก สามีของเธอชอบที่จะมองภาพแมนดาล่าทรายหมอยามากไม่รู้ว่าทำไม เหมือนกับเขาไม่เจ็บปวดเลยเมื่อได้มอง อย่างน้อยก็ทำให้ภรรยาได้หลับได้นอนเหมือนคนอื่นๆ แล้วล่ะ

    ผ่านไปสองเดือนสามีของเธอก็ตายอย่างสงบบนเตียงไม่มีอาการของการเจ็บปวดเลย หลับไปเฉยๆ นิ่งๆ แต่ที่ปูฟังแล้วขนหัวลุกก็คือ ตอนที่สามีของเธอตายนั้น บนเตียงนอนมีทรายอยู่บนเตียงได้อย่างไร แล้วทรายมาจากไหน มาอยู่บนเตียงคนไข้ได้ยังไง ใครตอบได้บ้าง ท่านเซียงป้อก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน....บรื้อออออออ




    -----------
    [​IMG]
    ��ʵ� ������ - �ſ������ - ���Ȩ�����������Ҿ�������
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 19069.jpg
      19069.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.6 KB
      เปิดดู:
      954
  2. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ขอบคุณค่ะที่นำมาเล่าให้ฟังค่ะ
     
  3. ปัทจัดตังค์

    ปัทจัดตังค์ Pattama Nitsaro

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +942
    อ๋อ! เค้าเรียกว่า แมนดาล่าทราย เองนะรึ
    เคยเห็นอยู่ฉากนึง ในหนังเรื่องเกี่ยวกับ องค์ดาไลลามะ (จำชื่อเรื่องไม่ได้อ่ะ)
    ก็ยังทึ่งอยู่เหมือนกัน ว่าทำได้ยังงัย ทรายเม็ดเล็กนิดเดียว
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่นำเรื่องมาลงให้อ่านจ๊ะ
    อนุโมทนา......
     
  4. minidog

    minidog Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2009
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +91
    ทางธิเบต จะเรียก ตารามันตรา ,white tara,green tara
     
  5. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    สร้างได้ไงหนอ ปัญญาแท้ๆ
     
  6. กิตฺติคุโณ

    กิตฺติคุโณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2008
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +61
    เรื่อง "little buddha" ครับ
     
  7. น้องเจ

    น้องเจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +137
    ในฐานะที่ปฏิบัติธรรมสายวัชรยานอยู่ ขอแก้ไขข้อมูลนิดนึงนะครับว่า การสร้างมันดาลาตามที่ปรากฎในรูปนั้น ปกติเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมการอภิเษก หมายถึง พิธีการให้พรและอนุญาตให้ผู้รับการอภิเษกสามารถศึกษาและปฏิบัติธรรมในสายวัชรยานได้ ซึ่งในการประกอบพิธีนั้นต้องมีการถวายมันดาลาเพื่อบูชาแด่พระรัตนตรัยและคุรุในสายธรรมเพื่อขอรับการอภิเษกนั้น
    ซึ่งในต่างประเทศที่มีการเผยแผ่สายธรรมวัชรยานนั้นก็จะมีการอภิเษกและถวายมันดาลาอยู่แล้วเป็นปกติไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด แต่การสร้างมันดาลาด้วยทรายนั้นเป็นพุทธศิลป์ประเภทหนึ่งของธิเบต ซึ่งตามวัดต่างๆจะมีการสร้างเป็นปกติอยู่แล้วไม่ใช่พึ่งจะมีครั้งแรกในโลก ทั้งนี้มันดาลาที่ทำการสร้างนั้นก็มีหลายแบบมาก ขึ้นอยู่กับว่าจะประกอบพิธีของพระพุทธ พระโพธิสัตต์พระองค์ไหน เช่น มันดาลาของพระษฑักษรีโลเกศวร ( ธิเบต เรียก เชนเรซิก ) มันดาลาของพระไภษัชยคุรุ มันดาลาของเหวัชร หรือกาลจักรมันดาลา ฯ
    ที่พบเห็นมากที่สุดคือ กาลจักรมันดาลา ซึ่งปัจจุบันองค์ดาไลลามะเป็นผู้สอบทอดสายธรรมนี้ และได้ประกอบพิธีกาลจักรมันตราภิเษกมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งต้องสร้างมันดาลาทรายนี้เช่นกัน
    มันดาลา นั้นมาจากคำว่า มณฑล ซึ่งหมายถึงจักรวาลหรือพุทธเกษตรของพระพุทธ หรือพระโพธิสัตต์องค์นั้น ซึ่งมีอยู่มากมายการบูชามันดาลาในทางสมมุตินั้น หมายถึงการถวายสิ่งอันมีค่าทั้งหลายในจักรวาลนี้ เช่น เพชรในใต้ดิน ทองคำในเหมือง ต้นไม้งาม ดอกไม้บนโลกนี้ แด่พระพุทธ พระโพธิสัตต์ ส่วนทางปรมัตถ์นั้น หมายถึงการถวายจุดยืนของเราและโลกแห่งปรากฏการณ์ที่เราดำเนินชีวิตอยู่ในปัจจุบันนั้นแด่พระพุทธ พระโพธิสัตต์ หมายความว่าผู้บำเพ็ญนั้นไม่มีหนทางไปอื่นแล้วนอกจากต้องเดินทางสู่พุทธมรรคเพื่อมรรคผลนิพพานเท่านั้น
    ดังนั้น มันดาลา จึงเป็นเรื่องของวิถีแห่งการปฏิบัติธรรม มากกว่าวัตถุมงคลตามที่เข้าใจกัน
     
  8. noonung_13

    noonung_13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +300
    ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยค่ะ
    พอจะมีรูปใหญ่ๆหน่อยไม๊คะ
    อยากเห็นรูปใหญ่ ดูรูปอันนี้มองไม่ชัดเลยค่ะ
     
  9. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    นำ มอ ตี่ ซา ซึอ ยู ไล(พระนามพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า )
    ท่าท่านไม่สบายป่วยประลาดให้สวดพระนาม100ครั้งทุกวันก็จะหายโดยไว่
     
  10. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    [​IMG]
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่พระอานนท์ว่า " หากสรรพสัตว์ที่ยังมีกรรมหนักอยู่ ได้ยินพระนามของพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตเจ้า ท่องพระนามนี้ด้วยจิตแน่วแน่และแนบแน่นอยู่กับพระนาม โดยไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยเลยแม้เพียงหนึ่งเดียวแล้วไซร้ ก็เป็นอันว่าสัตว์เหล่านั้นจะไม่มีทางจะจมลงสู่อบายภูมิเป็นแน่แท้ ดูกรอานนท์การปฏิบัติอันสูงยิ่งของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นเรื่องที่ยากที่จะเชื่อยากที่จะเข้าใจ แต่หากเธอสามารถมีจิดตั้งมั่นอยู่กับการปฎิบัตินี้ได้เธอก็จงรู้เถิดว่า นี่เกิดจากพลังอำนาจอันใหญ่ยิ่งของเหล่าพระตถาคตเจ้าทั้งหลาย "

    เมื่อครั้งพระไภษัชยพุทธเจ้ายังได้เสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์อยู่นั้น พระองค์ได้ทรงตั้งปณิธานอย่างยิ่งไว้ 12 ข้อ เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่สัตว์โลกปราถนา

    ปณิธานข้อที่ 1

    "ข้าฯขอตั้งปณิธานว่าในอนาคตชาติเมื่อข้าฯได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้วจะมีรังสีอันสว่างเรืองรองฉายออกมาจากร่างของข้าฯยังแสงสว่างอันไม่สิ้นสุดให้บังเกิดแก่ดินแดนจำนวนนับไม่ถ้วนร่างนี้จะประดับด้วยมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ และลักษณะอันเป็นมงคล 80 ประการยิ่งไปกว่านั้นข้าฯจะช่วยให้สัตว์โลกทั้งมวลเป็นเหมือนดังเช่นข้าฯนี้"

    ปณิธานข้อที่ 2

    "ข้าฯขอตั้งปณิธานในอนาคตชาติเมื่อข้าฯได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ร่างของข้าฯทั้งภายนอกและภายในจะแสงไปกว้างไกลด้วยความผ่องใสและความใสบริสุทธิ์ของแก้วไพฑูรย์ร่างนี้จะประดับไปด้วยคุณธรรมอันประเสริฐและดำรงอยู่อย่างสงบท่ามกลางแสงที่พัวพันกันสว่างเรืองรองมากกว่าพระอาทิตย์กับพระจันทร์แสงนี้จะปลุกให้จิตของสัตว์โลกตื่นขึ้นจากความมืดและช่วยให้สัตว์โลกดำเนินไปได้ตามทางการอธิษฐานของตน"

    ปณิธานข้อที่ 3

    "ข้าฯขอตั้งปณิธานในอนาคตชาติเมื่อข้าฯได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ข้าฯจะมอบของดีๆจำนวนมีไม่จบสิ้นให้แก่เหล่าสรรพสัตว์เพื่อตอบสนองความต้องการทางร่างกายของพวกเขาเหล่าสัตว์นี้จะไม่มีวันอยากได้อะไรอีกเลย"

    ปณิธานข้อที่ 4

    "ข้าฯขอตั้งปณิธานในอนาคตชาติเมื่อข้าฯได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้วข้าฯจะนำพาผู้ที่เดินตามทางของเดียรถีย์นอกศาสนาให้ไปในทางสู่การตรัสรู้และข้าฯจะนำพาผู้ที่เดินตามทางของสาวกยานและของพระปัจเจกพุทธเจ้าให้มาสู่เส้นทางของมหายาน"

    ปณิธานข้อที่ 5

    "ข้าฯขอตั้งปณิธานในอนาคตชาติเมื่อข้าฯได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้วข้าฯจะช่วยเหลือสรรพสัตว์จำนวนเหลือคณานับที่ประพฤติตนอยู่ในธรรมให้มีศีลสะอาดบริสุทธิ์ ศีลนั้นได้แก่ศีลรากฐาน 3 ข้อของพระโพธิสัตว์แม้แต่ผู้ที่ล่วงละเมิดศีลนี้ก็จะได้รับความบริสุทธิ์ของตนเองกลับมาหากได้ยินชื่อของข้าฯและก็จะไม่ตกลงสู่ทางแห่งอบายต่อไป"

    ปณิธานข้อที่ 6

    "ข้าฯขอตั้งปณิธานในอนาคตชาติเมื่อข้าฯได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว เหล่าสัตว์ที่มีร่างไม่สมบูรณ์ประสาทรับรู้ไม่ปกติ รูปร่างน่าเกลียด โง่ ตาบอด ใบ้ หูหนวก พิการ หลังค่อมเป็นขี้เรื้อน เป็นบ้าหรือทุกข์ทรมานด้วยโรคภัยอื่นใด หากได้ยินชื่อของข้าฯแล้วจะมีร่างกายสมบูรณ์ กอปรไปด้วยสติปัญญา มีประสาทรับรู้เป็นปกติสัตว์เหล่านี้จะปลอดจากโรคภัยและความทุกข์ทั้งปวง"

    ปณิธานข้อที่ 7

    "ข้าฯขอตั้งปณิธานในอนาคตชาติเมื่อข้าฯได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้วเหล่าสัตว์ที่ป่วยอยู่ด้วยโรคด้วยโรคต่างๆผู้ซึ่งไม่มีใครช่วยเหลือไม่มีที้จะหันไปหา ไม่มีหมอ ไม่มียา ไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้านผู้ซึ่งยากไร้และทนทรมาน หากได้ยินชื่อของข้าฯผ่านหูแล้วไซร้ จะหายจากโรคทั้งหลายด้วยกายและใจที่สงบและสันโดษ สัตว์เหล่านี้จะเพลิดเพลินกับบ้าน ครอบครัวและทรัพย์สมบัติมหาศาลและจะบรรลุถึงพระอนุตตรสัมโพธิญาณในท้ายที่สุด"

    ปณิธานข้อที่ 8

    "ข้าฯขอตั้งปณิธานในอนาคตชาติเมื่อข้าฯได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว หญิงทั้งปวงที่เบื่อหน่ายกับ "โรคเป็นร้อยๆที่เกิดแก่หญิง" และปรารถนาจะหลุดพ้นจากกายอันเป็นหญิงนี้หากได้ยินชื่อของข้าฯแล้วหญิงเหล่านี้จะบังเกิดใหม่เป็นชายทั้งสิ้นจะกอปรไปด้วยคุณลักษณะอันประเสริฐและจะบรรลุซึ่งพระอนุตตรัสมโพธิญาณในท้ายที่สุด"

    ปณิธานข้อที่ 9

    "ข้าฯขอตั้งปณิธานในอนาคตชาติเมื่อข้าฯได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้วข้าฯจะช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้หนีรอดจากบ่วงของมารและหลุดออกจากพันธนาการของเส้นทางนอกศาสนาหากสัตว์เหล่านี้หลงผิดอยู่ในป่าชัฏของมิจฉาทิฏฐิข้าฯจะนำพาสัตว์เหล่านั้นไปสู่สัมมาทิฐิและค่อยๆปลูกฝังการปฏิบัติของบรรดาพระโพธิสัตว์ทั้งหลายสัตว์เหล่านี้จะบรรลุซึ่งการตร้สรู้อันประเสริฐโดยรวดเร็ว"

    ปณิธานข้อที่ 10

    "ข้าฯขอตั้งปณิธานในอนาคตชาติเมื่อข้าฯได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว สรรพสัตว์ที่ถูกจองจำ กุมขังพิพากษาประหารชีวิต หรือต้องทนทุกข์และถูกดูแคลนอยู่ด้วยโองการของพระราชารวมทั้งผู้ที่มีกายและใจเป็นทุกข์อยู่ด้วยการกดขี่ข่มเหงนี้สัตว์เหล่านี้เพียงแต่ได้ยินชื่อของข้าฯ ก็จะหลุดพ้นจากภัยเหล่านี้เพราะเหตุจากพลานุภาพของบุญบารมีที่ข้าฯได้บำเพ็ญเพียรมา"

    ปณิธานข้อที่ 11

    "ข้าฯขอตั้งปณิธานในอนาคตชาติเมื่อข้าฯได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้วหากสัตว์ใดที่ทนทรมานอยู่ด้วยความหิวและกระหายจนถึงขนาดว่าได้กระทำอกุศลกรรมไปด้วยความจำเป็นที่จะต้องเอาชีวิตรอดหากสัตว์เหล่านี้ได้มีโอกาสได้ยินชื่อของข้าฯและท่องชื่อของข้าด้วยจิตตั้งมั่นไม่เคลือบแคลงสงสัยกับทั้ง แนบแน่นอยู่กับชื่อนี้ข้าฯก็จะบันดาลให้สัตว์เหล่านั้นเพลิดเพลินใจกับอาหารกับเครื่องอันเป็นทิพย์ในท้ายที่สุดข้าฯก็จะทำให้สัตว์นั้นตั้งมั่นอยู่ในดินแดนของความสงบและความสุข"

    ปณิธานข้อที่ 12

    "ข้าฯขอตั้งปณิธานในอนาคตชาติเมื่อข้าฯได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว หากสัตว์ใดที่ยากจนข้นแค้นไม่มีเสื้อคลุมกายเพื่อปกป้องจากยุงและแมลง ทนกับความร้อนความหนาวและทนทุกข์อยู่ทั้งกลางวันกลางคืน หากสัตว์นี้ได้ยินชื่อของข้าฯและท่องชื่อของข้าด้วยจิตตั้งมั่นไม่เคลือบแคลงสงสัยกับทั้งแนบแน่นอยู่กับชื่อนี้ความปรารถนาทั้งปวงของสัตว์นี้จะเป็นไปเช่นนั้นสัตว์เหล่านี้จะได้รับเสื้อผ้านานาชนิดอันเป็นเลิศ มีเครื่องประดับล้ำค่ามาลัยดอกไม้และแป้งประทินอันมีกลิ่มหอมตระหลบสนุกสนานสำราฐไปกับเสียงดนตรีอันไพเราะกับความบันเทิงอันเกษมมากจนเท่าที่จะพอใจ"
    พระคาถาแบบยาว

    ออกเสียงตามแบบสันสกฤต

    โอม นะโม ภะคะวะเต ไภษัชยะคุรุ ไวฑูรยะ ปราภา ราชายะ ตะถาคะตายะ อะระหะเต สัมยักสัมพุทธายะ ตัถยะถา ไภษัชเยไภษัชเย ไภษัชยะ สัมมุทคะเต สะวาหา

    ออกเสียงตามแบบธิเบต
    โอม นะโม บากะวะเต เบคาจะ กูรู ไวตูยะ โพรบา ราชายะ ตะถาคะตายะอะราหะเต สัมยักสัมพุทธายะ เตหะถา โอม เบคาจะ เบคาจะ มะหา เบคาจะ เบคาจะ ราจะสะมุคะเต ยา โสหะ <O:p></O:p>
    พระคาถาแบบสั้น

    ออกเสียงตามแบบสันสกฤต
    ตายะถา โอมไภษัชยะ ไภษัชยะ มะหา ไภษัชยะ ไภษัชยะ ราชา สัมมุทคะเต โสหะ

    ออกเสียงตามแบบธิเบต
    ตายะถา โอม เบคาจะ เบคาจะ มะหาเบคาจะ เบคาจะ ราชา สะมุคะเต
    พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า (เอี๊ยะซือฮุก) มีข้อมูลจำเพาะ ตามคติของพระพุทธศาสนามหายานซึ่งปรากฎความในพระสูตรชื่อ พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสัปตพุทธปูรวปณิธานวิเศษสูตร กล่าวไว้ว่า ทรงประทับอยู่ในโลกธาตุนามว่าไวฑูรยนิรวาสพุทธเกษตรซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของโลกเรา เป็นที่มีความสันติสุขน่ารื่นรมย์ ทรงมีพระมหาโพธิสัตว์คู่บารมีของพระองค์ คือ พระสุริยประภาโพธิสัตว์ และ พระจันทรประภาโพธิสัตว์ เป็นประทับอยู่เป็นประธานดินแดนพุทธเกษตรแห่งนี้บริสุทธิ์ วิเศษ น่าอภิรมย์เป็นยิ่งนัก ปราศจากซึ่งวิบากกรรมและอกุศลกรรมทั้งปวง ปราศจากสรรพสำเนียงแห่งความทุกข์ พื้นเมทนีดล(แผ่นดิน)ของโลกธาตุนี้ ก็มีสีดั่งรัตนไวฑูรย์ มีข่ายกระดึงทองเชื่อมโยงติดต่อกันกับโลกธาตุของเราแห่งนี้ (สหโลกธาตุ) พรั่งพร้อมไปด้วยปราสาท ราชมณเฑียร วิหาร ชาลมาลา ราชรถ อันล้วนแต่ประดับประดารังสรรค์ด้วยสัตปรัตนมณีทั้งสิ้น ซึ่งอลงกรณ์แลวิจิตรพิสดาร ไม่พร่อง ไม่แตกต่าง ไม่ผิดเพี้ยน จากสุขาวดีโลกธาตุ ทางเบื้องทิศตะวันตกแม้แต่น้อย
    <O:p</O:p
    มีความตอนหนึ่งของพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสัปตพุทธปูรวปณิธานวิเศษสูตรแสดงไว้ว่า พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตเจ้าพระองค์นั้น ครั้งเมื่ออภิสมัยที่พระองค์ทรงบรรลุถึงพระสรรเพชุดาญาณแล้ว ด้วยพลานุภาพแห่งมหาปณิธาน พระองค์ทรงทอดทัศนาในสรรพสัตว์ทั้งปวง ที่ต้องประสพทุกข์จากโรคภัยต่างๆต้องซูบผอม ทุพพลภาพ นิ้วมือนิ้วเท้างอหงิก เป็นไข้ตัวร้อน และโรคาพาธประเภทต่างๆหรือถูกยาพิษ ถูกเวทมนตร์คาถาอาถรรพ์ต่างๆ บ้างก็อายุสั้น และบ้างก็เป็นผู้ที่มรณะในเวลาอันไม่สมควร เมื่อพระองค์ทรงพิจารณาเห็นเช่นนั้นแล้ว ก็ทรงมีพระพุทธประสงค์ที่จะขจัดภัยพิบัติให้อันตรธานสูญสิ้นไป และจะทรงบันดาลให้สรรพสิ่งได้สมดั่งมโนรถทุกประการ (เพื่อจะยังปณิธานของพระองค์ให้สำเร็จบริบูรณ์)<O:p</O:p

    ในครานั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น (พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตเจ้า) จึงทรงเจริญสมาธินามว่า วิโนทนะนิโรธ (วิธีขจัดทุกข์ของสรรพสัตว์ให้สูญสิ้น) แลในขณะที่พระองค์ทรงเจริญสมาธิอยู่นั้น ก็ได้บังเกิดมีเกิดแสงโอฬารประภาส ส่องสว่างออกจากพระวรกายและพระเกตุอย่างน่าอัศจรรย์ ในท่ามกลางประภาแสงอันเรืองรองนั้น มีธารณีคาถาปรากฏขึ้นว่า
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นะโม ภคเต ไภษัชยะคุรุไวฑูรย์ประภา ราชายะ ตถาคตายะ อรหเต สัมยักสัมพุทธายะ ตัทยถา โอม ไภษัชเย ไภษัชเย มหาไภษัชเย สมุทคเต สวาหา
    <O:p</O:p
    <O:p
    ภาษาจีน<O:p</O:p
    </O:pนำ มอ ปอ เค ฟา ตี o ปี ซา เซ o สิว ลู เผก ลิว ลี o ปอ ลา พอ o ฮอ ลา เซ เย o ตัน ทอ กิด ตอ เย o ออ ลา ฮอ ตี o ซำ เมียว ซำ ฝู ทอ เย o ตัน จี ทอ o งัน oปี ซา ซือ o ปี ซา ซือ o ปี ซา เซ o ซำ มก กิด ตี ซอ ฮอ
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  11. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    [​IMG]
     
  12. ปัทจัดตังค์

    ปัทจัดตังค์ Pattama Nitsaro

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +942
    ใหญ่ไปมั้ยเนี้ย...
    ทีมา :http://www.indee.info/PHOTOS/04/MANDALAsand1.jpeg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. noonung_13

    noonung_13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +300
    ไม่ใหญ่ไปค่ะ ขอบคุณมากๆที่อุตส่าห์หารูปมาให้ดูกันถ้วนหน้า..
    โมทนาค่ะ

    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     
  14. Ninja-naruto-Pgems

    Ninja-naruto-Pgems เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +193
    เเมนดาล่าทราย...งามแท้ๆ
     
  15. naron

    naron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,515
    ค่าพลัง:
    +3,573
    คุณน้องเจนพูดถูกแล้ว ผมขอสนับสนุนครับ ในฐานะที่ผมก็พอจะทราบอยู่บ้าง ผมเห็นในโฆษณาจากทางวัดแล้ว เป็นการพูดในลักษณะไม่มีความรู้แล้ว ดันพูดโฆษณาว่าศักสิทธฺิ์อย่างนั้นอย่างนี้ บางที่มันก็ลดค่าคนที่พูดเหมือนกัน ทำไม ไม่ศึกษาก่อนค่อยมาคุยสัพพคุณในแ่ละอย่าง คนที่เขารู้เขาก็ไม่อยากพูด คนไม่รู้ก็ดันเชื่อง่ายชะนี่
     

แชร์หน้านี้

Loading...