อาลัยหลวงพ่อปาน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 11 พฤษภาคม 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877

    [​IMG]

    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย เสียงเพลงที่บรรดาท่านพุทธบริษัทได้ฟังอยู่เวลานี้ เป็นเสียงสัญญลักษณ์แห่งการมรณภาพ ทั้งนี้ก็เพราะว่า เสียงเพลงประเภทนี้ เป็นเพลงไทย แต่ว่าชาวไทยทั้งหลายเรียกกันว่า เพลงมอญ การเปิดเพลงประเภทนี้ขึ้นมา มีความประสงค์อะไร ทั้งนี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายจะได้ทราบชัดว่าปีนี้เป็นปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ตรงกับปีที่ครบรอบหลวงพ่อปานมรณภาพ คือ เป็นปีที่หลวงพ่อปานเกิดมาแล้วได้ ๑๐๐ ปีพอดี หรือเรียกว่าเป็นปีครบรอบ ๑๐๐ ปีเกิดของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อปานเป็นพระอาจารย์ชั้นพิเศษที่มีบุคคลทั้งหลายมีความเข้าใจกันมากมายหลายประการ สำหรับท่านทั้งหลายที่เกิดทันหลวงพ่อปาน ก็มีความเข้าใจดีว่า หลวงพ่อปานเป็นพระที่มีคติครบถ้วนบริบูรณ์หรือว่ามีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจริง ๆ มิได้เคยคิดเลยว่าการบวชนี้จะนำทรัพย์สินของบรรดาท่านพุทธบริษัท จะเอาไปตั้งเนื้อตั้งตัว ไปสร้างความร่ำรวยให้ตัวเองหรือญาติมิตร อาการเช่นนี้บรรดาคณะศิษยานุศิษย์ หรือท่านทั้งหลายที่มีความรู้จักหลวงพ่อปานเป็นอันดี ย่อมทราบชัดว่าหลวงพ่อปานเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสวัสดิโสภาคย์

    และก็มาวาระนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท เป็นกาลครบรอบร้อยปีเกิดของท่าน บรรดาคณะศิษยานุศิษย์ทั้งหลายต่างพากันบำเพ็ญกุศลบุญราศี เป็นการสนองความดีของครูบาอาจารย์ ตามความคิดเห็นของอาตมาคิดว่า ปีนี้ ถ้ามีคณะศิษย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยู่ที่ไหน ที่นั่น เขาย่อมจัดการบำเพ็ญกุศลเป็นกรณีย์พิเศษ แต่ถ้าหากว่าบังเอิญท่านทั้งหลายที่อ้างตัวว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปาน และก็ไม่ได้บำเพ็ญกุศลบุญราศรี อันนี้อาตมาก็สงสัย เพราะว่าลูกศิษย์หลวงพ่อปานนี่มีมากมายด้วยกัน มีทั้งลูกศิษย์ภายในและลูกศิษย์ภายนอก แต่ทว่าเรื่องที่จะบำเพ็ญกุศลหรือไม่นั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่ไม่ได้ทำบุญ ไม่ได้จัดการบำเพ็ญกุศลจะเป็นท่านที่ขาดความกตัญญูรู้คุณครูบาอาจารย์ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ตรงกับวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ ถ้าจะถอยหลังไปหนึ่งร้อยปี ก็จะเป็นเดือน กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๑๘ ซึ่งเป็นวันและเดือนเกิดของหลวงพ่อปาน แต่วันที่เท่านไรอาตมาจำไม่ได้ ถึงแม้จะจำได้ก็ไม่อยากจะจำ ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะเหตุว่า เห็นว่าไม่สำคัญมากนัก ด้วยทางวัดบางนมโค ก็ได้จัดทำหนังสือเล่มใหญ่ออกแจกแก่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย มีราคาประมาณเล่มละ ๑๕๐.- บาท หรืออย่างไรก็ไม่ทราบแน่ชัด เป็นเล่มใหญ่มาก แต่ทว่าหนังสือเล่มนั้น บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน อาตมาเห็นภาพหน้าปกเข้าก็รู้สึกว่าเป็นของอัศจรรย์ เพราะปรากฏว่าเป็นภาพของหลวงพ่อปานไว้หนวด แต่ว่าหนวดขาว ผมขาว เพราะเป็นภาพสี เห็นชัดเจน แล้วก็ไหล่ลู่ มียันต์แขวนที่หน้าอก พอมองเห็นเข้าแล้วก็ตกใจ เพราะว่าอาตมานี้ขาดความรอบคอบไปมาก ในฐานะที่อยู่กับหลวงพ่อปานมาหลายปี และการอยู่ในที่นั้นกับหลวงพ่อปาน ทำไมอาตมาจึงไม่เห็นหลวงพ่อปานมีหนวดหงอก และมีผมหงอกหนวดยาวขนาดนั้น ถ้าเราจะกะประมาณการไว้หนวดกัน ก็จะต้องใช้เวลาถึง ๓ - ๔ เดือน หนวดจึงจะยาวขนาดนั้นได้ และในสมัยนั้นก็ปรากฏว่า พระ ๑๕ วันโกนผมครั้งหนึ่ง และบังเอิญจะเป็นพระที่ขี้เกียจโกนหนวดก็จะโกนพร้อม ๆ กับโกนผม แต่เมื่อพิจารณาไปแล้วภาพนั้นผมยาวไม่สมควรกับหนวด เป็นอันว่ากลายเป็นหลวงพ่อปานเล่นหนวดไป แล้วมองไปที่มือ บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็ปรากฏว่าในภาพมีเล็บยาว หลวงพ่อปานเคยสอนบรรดาท่านพุทธบริษัทและบรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายว่า ให้มีความเคารพในพระธรรมวินัย ที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำ และจะว่ากันไปแล้วอาตมาก็ยังขาดความรอบคอบไปมาก ทั้ง ๆ ที่อยู่กับท่านมาหลายปี แต่ไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้เลย มันน่าอัศจรรย์ จึงน่าขอบคุณท่านที่สามารถเอาภาพหลวงพ่อปานที่อาตมาไม่เคยเห็นมาลงไว้เป็นอนุสรณ์ เป็นการกระตุ้นเตือนใจแสดงถึงความรู้สึกหวังดีของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่นำภาพนี้มาใส่เข้าไว้ แต่ก็เป็นที่น่าสลดใจอยู่นิดหนึ่ง หลวงพ่อปานเป็นคณาจารย์ใหญ่ ทำไมจึงไม่เคารพในพระธรรมวินัย เอาเล็บไว้ยาว ปล่อยหนวดเครา แต่ผมสั้นกว่าหนวด ถ้าใครจะมาบอกอาตมาว่าหลวงพ่อปานเป็นพระคร่ำครึไม่ทันสมัย และไม่เคารพต่อพระธรรมวินัย อย่างนี้อาตมาก็จะรู้สึกว่ามีความลำบากใจที่จะพูดไม่เป็นเช่นนั้น เพราะนับตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา เรื่องพระธรรมวินัยหลวงพ่อปานเคารพมาก เพราะมีความแน่ใจว่า เมื่อองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดับขันธ์เข้าสู่ ธ ปรินิพพานแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้ว เคยตรัสกับพระอานนท์ ว่า อานันทะ ดูก่อน อานนท์ เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว พระธรรมวินัยที่เราสอนเธอไว้จะเป็นศาสดาสอนเธอ นั่นหมายถึงว่า พระธรรมวินัยนี้เป็นการแทนองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดานั่นเอง

    และในเมื่อหลวงพ่อปานเป็นพระทรงสมาบัติ เป็นพระโพธิสัตว์เปล่งวาจาในขณะที่บำเพ็ญกุศลแล้วต่อหน้าประชาชนว่า ผลบุญในคราวนี้ที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญกุศล ขอให้เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้สำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งในอนาคตกาลนั้นเถิด พระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญกุศลแล้วเปล่งวาจาต่อหน้าประชาชนปรารถนาพระโพธิญาณ นี่ตามที่ทราบกันมาก็หมายความว่า ท่านผู้นั้นมีบารมีเป็นปรมัตถบารมี ใกล้จะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ถ้าภาพนี้เป็นภาพของหลวงพ่อปานจริงก็เป็นที่น่าสลดใจอย่างยิ่ง ไม่ทราบว่าท่านไปถ่ายไว้ที่ไหนและก็อาตมาเองก็ไม่เคยพบท่าน จะไปดูภาพภายในซึ่งมีจริยาต่าง ๆ อยู่ในหนังสือเล่มเดียวกัน ก็ไม่ปรากฏหลวงพ่อปานมีหนวด เอาไว้หนวด หรือมีเล็บยาว

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ที่เป็นเหตุให้อาตมาเกิดความเศร้าใจ ด้วยคิดว่า เพราะเจตนาอันใดที่บรรดาคณะลูกศิษย์ลูกหาซึ่งอยู่ในสำนัก จึงได้นำภาพนี้ขึ้นมาเชิดชูไว้หน้าปก ถ้าเราจะคิดว่าเป็นการเชิดชูความดีของครูบาอาจารย์ก็เป็นของยาก เพราะว่าการแสดงตนแบบนั้นเป็นการไม่เคารพในองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า มีคนถามกันหลายคนว่า ตอนสมัยที่อยู่กับหลวงพ่อปานน่ะเคยเห็นหลวงพ่อปานเอาไว้หนวดไหม อาตมาก็จะตอบได้แต่เพียงว่า ในขณะที่อยู่ด้วยไม่เคยเห็นหลวงพ่อปานเอาไว้หนวด และเวลาที่หลวงพ่อปานมรณภาพเป็นวันสุดท้ายของชีวิตก็ไม่ปรากฏเลยว่าหลวงพ่อปานจะมีผมขาว มีหนวดขาวอย่างนั้น ถ้าจะกล่าวถึงเรื่องผมหงอกกันแล้ว หลวงพ่อปานก็คงมีผมหงอกไม่ถึงหนึ่งในร้อยเปอร์เซ็นที่ผมท่านมีอยู่ นี่สิ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เป็นเหตุให้สงสัยว่าภาพนี้คงจะปรากฏออกมาได้ด้วยอิทธิฤทธิ์ของหลวงพ่อปานหรือมิเช่นนั้นก็ต้องเป็นอิทธิฤทธิ์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่สร้างสรรหนวดให้เกิดขึ้น แล้วก็ทำหนวดขาว ผมขาว ซึ่งไม่ตรงตามความเป็นจริง
    แต่ว่าจะมีอีกสิ่งหนึ่งก็คือว่า หลวงพ่อปานตายแล้วเกือบร้อยปีไม่เคยโกนหนวด แต่โกนผม ดังนั้นหนวดก็เลยยาวแต่ผมสั้น และหนวดอายุเกือบร้อยปีก็เลยขาว ผมก็ขาวไปด้วย ถ้าจะว่าอย่างนั้นก็ยังเป็นที่สงสัยอีก ก็เพราะว่าหลวงพ่อปานมรณภาพไปแล้วประมาณร้อยวันเศษ ๆ เราก็เผากัน ไม่ได้เก็บเอาซากศพของท่านไว้ ถ้าหากจะบอกว่าหนวดมันงอกขึ้นมาและหนวดมันแก่ลงไปก็เป็นของอัศจรรย์ ข้อนี้อาตมามีความสงสัยมาก ถ้าหากว่าทางวัดบางนมโคมีโอกาสจะแจ้งมาให้อาตมาทราบก็จะได้แจ้งแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทว่าภาพนี้ได้มาจากไหน ก็จะเป็นการดี

    เอาละ ต่อจากนี้ไปก็มากล่าวถึงความสัมพันธ์ของอาตมากับหลวงพ่อปานว่าทำไมอาตมาจึงมีความเคารพหลวงพ่อปานมาก จะไปที่ไหนก็ไม่เคยทิ้งครูบาอาจารย์ และการกระทำอะไรก็ตามทุกอย่างก็ใช้นามของหลวงพ่อปานติดไว้เสมอ นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท เป็นที่น่าสงสัย แต่ว่าเรื่องนี้ขอยกไว้ก่อน มาพูดถึงเรื่องชีวิต ความดี ของหลวงพ่อปานที่บรรดาคณะลูกศิษย์ลูกหาต้องพากันอาลัยในท่าน คำว่า อาลัย ในที่นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเศร้าโศกเสียใจ ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา ที่หลวงพ่อปานสอนพวกเรามาอยู่ตลอดเวลาให้รู้จักยอมรับกฎของธรรมดา แต่ทว่าบรรดาท่านพุทธบริษัท การที่หลวงพ่อปานตายไปในคราวนั้น เหมือนกับชีวิตของเราจะปลิดลงไปด้วยพร้อมกับชีวิตของท่าน ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะพวกเรากับพระอานนท์มีสภาพคล้ายคลึงกัน พระอานนท์เป็นอุปฐากขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจะเสด็จไปไหน พระอานนท์ก็ติดตามไปด้วย แต่ทว่าในบางโอกาสองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถไม่มีโอกาสให้พระอานนท์ติดตาม เพราะกิจนั้นพระองค์จะต้องทำพระองค์เดียว พระองค์ก็เสด็จไปแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพุทธบริษัทตามที่ตกอยู่ในข่ายพระญาณของพระองค์ แต่ครั้นเมื่อกลับมาแล้ว พระองค์ก็ทรงแสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์นั้นให้พระอานนท์ได้ทราบว่า ตถาคตไปคราวนี้ไปโปรดใคร ที่ไหน และเทศน์ว่าอย่างไร เขามีผลเป็นประการใด นี่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทำอย่างนี้ ก็เพราะเหตุว่าพระอานนท์ได้ขอพรไว้ในสมัยที่พระอานนท์จะเข้ามาเป็นพุทธอุปฐาก ได้ขอให้องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับรองว่า จะไปเทศน์ที่ไหน ถ้าพระอานนท์ไม่ได้ไปด้วย ก็ขอให้พระพุทธองค์ทรงโปรดได้เทศนาให้ทราบด้วย เหตุผลอันนี้ก็เพราะว่า ถ้าหากว่ามีใครเขามาถามว่า พระพุทธเจ้าไปเทศน์กับใครที่ไหน ว่าอย่างไร ถ้าเขาสงสัย พระอานนท์จะได้บอกให้เขาฟังได้ นี่ ก็เป็นเหตุผลที่ดีประการหนึ่ง เพราะว่าพระอานนท์เป็นปัจฉาสมณะ พระเดินตามหลัง คือ ปฏิบัติพระพุทธเจ้า เรียกกันว่า พุทธอุปัฏฐาก ก็จำเป็นที่ต้องรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคจึงได้มีมหากรุณาธิคุณ สงเคราะห์พระอานนท์ตามที่ขอไว้ เรื่องของพระอานนท์กับพระพุทธเจ้าสภาวะฉันใด คณะศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อปานก็ดี อยู่ในสำนักของพระพุทธเจ้าก็ดี ไม่ได้หมายความว่าท่านเหล่านี้จะมีความเคารพในพระธรรมวินัยเสมอไป มีจำนวนไม่น้อยที่ตั้งใจทำลายพระพุทธศาสนา ทำลายครูบาอาจารย์ เพราะคิดว่าตัวเองนี้นั้นเป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้วิเศษ มีความดีเกินกว่าอาจารย์จะพึงให้คนที่มีจิตใจประเภทนี้มีอยู่ ถึงแม้ในเวลาที่องค์สมเด็จพระบรมครูยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ คนที่อยู่ในสำนักขององค์สมเด็จพระบรมครูยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ คนที่อยู่ในสำนักขององค์สมเด็จพระบรมครูก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป ตัวอย่างเช่น พระเทวทัตนี่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายก็ทราบแล้ว ความจริงก็เป็นญาติขององค์สมเด็จพระประทีบแก้ว มีฐานะเป็นพี่ คือ เป็นลูกของลุง และก็เป็นพี่ของพระนางพิมพา ก็เลยกลายเป็นพี่ภรรยาอีกชั้นหนึ่ง แต่ทว่าพระเทวทัตมาบวชอยู่กับองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ พระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนพระเทวทัตให้ได้ฌานสมาบัติ ทรงอภิญญา แต่พระเทวทัตก็กลับทำลายล้างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ กฎของธรรมดาความจริงมันมีอย่างนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ฉะนั้นบรรดาศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อปานก็เช่นกัน อย่านึกว่าเขาจะสนใจในพระธรรมวินัยเสมอไป ที่ไม่เอาไหนก็มีมากมายเหมือนกัน ที่ดีเลยกว่าท่านผู้นั้นจะเข้าใจก็มีอยู่มาก อุปมาดังสาวกขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อพระองค์ทรงบำเพ็ญอยู่ สาวกขององค์สมเด็จพระบรมครูก็มีหลายแบบ เช่น พระฉันนะนี่ก็ไม่เอาไหนเหมือนกัน ใครจะว่าอะไรก็ไม่ได้ จะสอนอะไรก็ไม่ฟัง ทำผิดถูกอย่างไรก็ช่าง ใครจะพูดว่ากล่าวเข้าพระฉันนะก็อ้างว่าท่านเป็นคนสนิทชิดเชื้อขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ความจริงของกฎธรรมดาเป็นอย่างนี้

    มาเรื่องลูกศิษย์ของหลวงพ่อปานก็เหมือนกัน เห็นภาพหน้าปกเป็นรูปหลวงพ่อปาน หนังสือประวัติของหลวงพ่อปานร้อยปีเห็นภาพนั้นแล้วรู้สึกสลดใจ ไม่ทราบว่าใครซึ่งมีความจงรักภักดีหลวงพ่อปานเป็นพิเศษ เอาภาพที่ขัดต่อพระธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์มาโชว์เข้าไว้ ถ้าจะพูดเป็นภาษาไทยก็บอกว่า ประจานครูบาอาจารย์ของตัวเอง อันนี้น่าสลดใจอย่างยิ่ง
    ตอนนี้อาตมาก็ขอตัด ถ้าหากว่าเรื่องนี้จะเป็นหนังสือ ก็จะขอตัดเอาตอนปลาย ขึ้นปลายก่อนแล้วก็ย้อนลงไปทางต้น ด้วยว่าอาตมานี้เป็นคนชอบอ่านหนังสือ และชอบอ่านตอนจบก่อนเพราะอยากจะรู้เรื่อง ตอนนี้อาตมาก็จะขอพูดภาวะตอนปลายชีวิตของหลวงพ่อปาน

    หลวงพ่อปานเคยตาย หรือว่า เกือบตายมาแล้ว ๒ วาระ เมื่อถึงวาระที่ ๓ จึงได้ตายจริง ๆ เรื่องนี้ปรากฏมาในสมัยที่อาตมาอยู่กับท่าน ก็ได้ทราบเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับท่าน เป็นเกร็ดความรู้มากมาย แต่ทว่าจะมีใครจำได้หรือว่า ไม่จำ ก็ไม่ทราบแต่ก็มีหลายคนเหมือนกันที่อาตมาจำได้ แล้วเมื่อกลับไปพบกันได้ถามเขาว่าเรื่องที่หลวงพ่อปานพูดน่ะ จำได้ไหม เวลานี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ และเวลานั้นก็รู้สึกว่า ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็เป็นผู้เด่นกว่าอาตมามาก เพราะว่าหนึ่ง ท่านบวชก่อน สอง ความรู้ทางปริยัติท่านก็มาก สาม ความเฉลียวฉลาดในตัวท่านก็มากมาย แต่ทว่าเมื่อไปถามเกร็ดความรู้ที่หลวงพ่อปานเล่าให้ฟัง กลับบอกว่าจำไม่ได้ นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เรื่องของความเข้าใจและการจดจำย่อมไม่เสมอกัน

    อาตมาจะย้อนลงไปเมื่อสมัยหลวงพ่อปานอายุ ๓๘ ปี ถึงแม้หลวงพ่อปานจะเป็นผู้มีความดีประกอบไปด้วยความเมตตาปราณีแก่บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างยิ่งก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่า กฎของกรรมนะ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ วันหนึ่ง หลวงพ่อปานไปที่วัดประตูสาร จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งวัดนี้อยู่ทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดสุพรรณเป็นต้นทางที่ไปวัดป่าเลไลยในสมัยนั้น ท่านบอกว่าเวลาเข้าห้องน้ำเสียท่าคนร้ายเขาบังฟันเอา คำว่า บังฟัน นี่เป็นวิชาหนึ่งเป็นวิทยาคม เขาฟันวัตถุแต่แผลมันปรากฏในร่างกายของเรา แต่ทว่าด้านผิวหนังภายนอกไม่ปรากฏรอยแผล จัดว่าเป็นอันตรายหนัก ทั้งถูกที่อก เมื่อถูกแล้วหลวงพ่อปานก็ล้มลงไป มีอาการหนักมาก แต่ว่าสติสัมปชัญญะของท่านยังสมบูรณ์ สมัยนั้นเรือยนต์กลไฟมันก็ยังไม่ค่อยจะมีบรรดาท่านพุทธบริษัท ว่ากันถึงเรือยนต์ รถยนต์ไม่ต้องพูดถึงกันในต่างจังหวัดและก็ในชนบทอย่างนั้น ไม่ต้องหารถยนต์กันเพราะว่าทางรถมันมีน้อย วิ่งในระยะสั้น ๆ และก็เรือยนต์สมัยนั้นก็หายาก หลวงพ่อปานเวลาไปไหนก็ใช้เรือสัมปันนี มีเก็ง ทาสีขาวทั้งลำ มีคนแจวหัวแจวท้าย คนแจวเรือของท่านก็แจวประเภทถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง ไปแบบสบาย ๆ แต่ว่าในขณะนั้น หลวงพ่อปานมีอาการใกล้ปางตาย ทุกคนก็พากันนำหลวงพ่อปานกลับวัด เพราะว่าท่านขอร้องให้ทุกคนพาท่านกลับวัด เมื่อเรือเคลื่อนมาจากจังหวัดสุพรรณบุรี บรรดาท่านพุทธบริษัท แม้จะรีบประการใดก็ดี ถ้าจะถึงอำเภอบางปลาม้าคือประตูน้ำบางยี่หน ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง นี่อย่างรีบ แล้วประตูน้ำในสมัยนั้นกว่าจะเปิดให้แต่ะคราว วันหนึ่งเปิดสามครั้งเท่านั้น ถ้ามาไม่ทันเวลาเขาเปิดตามปกติ เขาก็จะยังไม่เปิดให้ ต้องจอดเรือคอยอยู่ก่อน อากาศหรือก็แสนร้อน อาการทางร่างกายของท่าน ถ้าเป็นเราก็คงกระสับกระส่ายมาก แต่ทว่าหลวงพ่อปานท่านมีอาการปกติ นอนเฉย คุมสติสัมปชัญญะได้ดีมาก เข้าใจว่าอาการของท่านหนักมาก ท่านจึงบอกให้คนเรือแวะเข้าไปที่วัดบางซ้ายใน เวลานั้นท่านสมภารยวงกำลังเป็นเจ้าอาวาส อายุเห็นจะเป็นรุ่นราวคราวเดียวกัน จะแก่อ่อนกว่ากันก็ไม่มากนัก ครั้นขึ้นไปก็อาศัยศาลาน้ำนอนอยู่ อาการของท่านเพียบหนัก ทุกคนในที่นั้นแจ้งว่าหลวงพ่อปานสลบไป แต่ตามความรู้สึกของอาตมว่าไม่สลบ คำว่าสลบนี้อาตมาไม่เข้าใจเหมือนกันแต่ว่าอาการแบบนั้นเหมือนกับตาย เป็นอาการที่จิตเคลื่อนออกจากกายของท่าน เวลาที่ท่านคุยให้ฟังก็มีสภาพแบบนั้นนะบรรดาท่านพุทธบริษัท ขณะที่ท่านคุยให้ฟังท่านก็บอกว่า ฉันไม่ได้สลบ จิตวิญญาณมันออกจากร่างฉัน จิตที่ออกจากร่างมีสภาพเป็นกาย เดินออกไปในอากาศ เดินออกไปได้พักหนึ่ง ไกลแสนไกล ในขณะนั้นใกล้จะถึงจุดหมายปลายทาง เพราะเห็นสภาพของอาคารลิบ ๆ อยู่ข้างหน้า แพรวพราวเป็นระยิบระยับเป็นสง่าสวยสดงดงามมาก ท่านก็ตั้งใจไปสู่อาคารหลังนั้น แต่มันยังไกลอยู่ เวลากาลของสาวกขององค์สมเด็จพระบรมครูยังไม่ถึงคาดบรรดาท่านพุทธบริษัท ปรากฏว่าขณะนั้นเสียงเรียกขึ้นว่า ท่านปาน ท่านปาน หยุดก่อน หลวงพ่อปานบอกว่าเวลานั้นท่านจึงหันหน้ามาดู เห็นองค์สมเด็จพระบรมครูยืนงามสง่ามีรัศมีกายแผ่สร้านออกมาทั้งหกสี เราก็เรียกกันว่าพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์กล่าวว่า คุณปาน คุณยังไปไม่ได้ ภาระใหญ่ของคุณยังมีมาก วัดวาอารามคุณยังสร้างไม่เสร็จและกิจอื่นที่คุณต้องทำยังมีอยู่ จงกลับไปปฏิบัติงานให้เสร็จสิ้นเสียก่อนจึงจะไปได้ สถานที่อันนี้ไซร้ไม่เป็นไร เธอมีโอกาสจะมีอยู่ได้แน่นอน พอสิ้นเสียงขององค์สมเด็จพระชินวร ปรากฏว่า จิตวิญญาณเข้าร่างพอดี หลวงพ่อปานก็ลืมตาขึ้น ทุกคนก็ดีใจ ขณะที่หลวงพ่อปานเล่าให้ฟัง ก็มีท่นาผู้ใหญ่คนอาวุโสท่านหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ท่านไปกับหลวงพ่อปานด้วย ท่านบอกว่าเวลานั้นหลวงพ่อปานสลบไปประมาณ ๖ - ๗ ชั่วโมง คนทุกคนพากันร้องไห้เสียดายหลวงพ่อปาน คิดว่าเวลานี้หลวงพ่อปานมรณภาพเสียแล้ว ชื่อว่าเราเสียกำลังใจที่เป็นแก้ว กล่าวคือ ตู้พระธรรมที่สำคัญ เพราะว่าบุคคลที่จะสงเคราะห์บรรดาประชาชนทั้งหลายและภิกษุ สามเณรในสถานที่ต่าง ๆ ในการสั่งสอนธรรมะก็ดี สร้างศาลาการเปรียญ ที่อยู่ที่อาศัย อาหารการบริโภค ให้เกิดกับบรรดาภิกษุสงฆ์ทั้งหลายก็ดี ที่ทำเป็นสาธารณประโยชน์อย่างหลวงพ่อปานนี้ ไม่มีอีกแล้ว เขาเสียใจกันมาก

    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัท พูดมาประมาณ ๓๐ นาที คอมันก็ไม่ค่อยดี ขอพักเสียงสักหน่อยในขณะนี้ก็ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย โปรดฟังเพลงมอญต่อไป เพื่อเป็นการพักเสียงอาตมาสักครู่หนึ่ง


    [​IMG]

    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย เสียงเพลงที่ได้จบไป เป็นเพลงคั่นเสียงคอ ทั้งนี้ก็เพราะว่าคอไม่ดี มาคุยกันเรื่องหลวงพ่อปานมรณภาพเพราะว่าถูกอันตราย ก็พอดีเสียงของคนพูดนี่ก็จะมีสภาพแบบเดียวกัน และเวลานี้ก็มีอายุไล่เลี่ยกันกับหลวงพ่อปานขณะมรณภาพ หลวงพ่อปานมรณภาพเมื่ออายุ ๖๔ ปี เวลานี้อาตมาก็ใกล้เข้าไปเต็มทีแล้วบรรดาท่านพุทธบริษัท ( ขณะบันทึกเสียงนี้เป็นเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ ) มรณภัยคืบคลานเข้ามาเล่นงานอาตมาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ปีนี้ต้องใช้น้ำเกลือเกินกว่า ๒๐,๐๐๐ ซี.ซี. เป็นอันว่าชีวิตอาตมาอยู่ได้เพราะยาเท่านั้น เมื่อมาพูดถึงเวลาการมรณภาพของหลวงพ่อปานวาระแรก ก็มาคิดถึงตัวเองว่า ครูบาอาจารย์ซึ่งมีความดี มีพระคุณใหญ่เวลานี้ท่านมรณภาพไปแล้ว อาตมาเองก็กำลังจะตามไป แต่ทว่าไหน ๆ ก็ยังมีลมปราณอยู่ ก็จะขอเทิดทูนคุณงามความดีของครูด้วยชีวิต ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าคำสั่งถือว่าเป็นคำสั่ง คำสอนคำแนะนำก็จำไว้ได้ทุกอย่าง สิ่งที่หลวงพ่อปานพยากรณ์ไว้นะบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ไม่มีอะไรผิดพลาดเลย จำมาได้ทุกอย่างและก็ตรงทุกอย่าง

    ฉะนั้น หลวงพ่อปานมีคุณความดีแก่บรรดาประชาชนทั้งหลายไม่จำกัดชั้นวรรณะ ไม่จำกัดหมู่บุคคลซึ่งเป็นความดีเหลือล้นที่อาตมาจะติดตามได้ ท่านก็ยังเป็นพระที่ประสบเคราะห์กรรมร้ายคือถูกบังฟัน สำหรับอาตมานี้นั้นซึ่งมีบุญวาสนาบารมีไม่เทียบเคียงหลวงพ่อปานได้ แล้วเหตุร้ายเหล่านี้จะไม่มีแก่อาตมาหรือ นี่อาตมาคิดเสมอบรรดาท่านพุทธบริษัท คิดเสมอว่าเหตุร้ายมันต้องมี แต่ถือว่าเป็นกฎของกรรม เราสร้างความดีมา ความดีก็สนองให้ได้ดี ถ้าเราทำความชั่ว ความชั่วก็สนองให้เดือดร้อน แต่เวลานี้อาตมาเป็นคนใจด้านเสียแล้ว บรรดาท่านพุทธบริษัท ขึ้นชื่อว่าทุกข์ภัยใด ๆ ไม่มีความรู้สึก ถือว่ามันเป็นกฎธรรมดา เมื่อความเกิดมีขึ้น ความแก่มันก็ตามมา ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจมันก็ตามมา และความตายในที่สุดมันก็ตามมาทีหลัง การที่เราจะตักน้ำไปรดหัวตอให้มันซึมเข้าไปข้างในย่อมเป็นไปไม่ได้ฉันใด เราจะทำบุญทำกุศลประการใดก็ดีที่จะลบล้างความชั่วเดิมของเรานี้มันย่อมเป็นไปไม่ได้ฉันนั้น ฉะนั้นถ้าหากว่ากรรมอันใดที่จะมาย่ำยีด้วยเหตุใดก็ตาม อาตมาก็นึกเสมอว่า นั่นมันเป็นอกุศลกรรมเดิมันให้ผล ที่เราเป็นคนไม่ดีสร้างความชั่วเข้าไว้ เหตุร้ายมันจึงได้สนองแบบนี้ ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าใครเขากลั่นแกล้งนะ ไม่ใช่อย่างนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องให้น้ำเกลือเกินกว่า ๒๐,๐๐๐ ซี.ซี. ก็ได้แก่โรคภัยไข้เจ็บมารบกวน กรรมอันนี้อาตมาทราบว่าเป็นโทษของปาณาติบาต ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทธบริษัทที่มีความเคารพในพระพุทธเจ้า และมีความไม่ประมาทในชีวิต จงอย่าคิดทำลายทำร้ายร่างกายบุคคลและสัตว์ กรรมที่เป็นอกุศลจะสนองผลให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างอาตมา แต่เวลานี้อาตมาปล่อยให้กายมันเดือดร้อนเท่านั้น ใจไม่ยอมด้วยแล้ว เพราะใจมันด้านเสียเต็มที จำคำว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ ที่หลวงพ่อปานผู้ทรงความดีท่านสอนไว้ เวลานี้จำได้ขึ้นใจแล้วบรรดาท่านพุทธบริษัท เพราะว่าคุณความดีขององค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาค ทำให้ใจสบาย

    ต่อไปขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายมารับฟังเรื่องของหลวงพ่อปานต่อ ท่านคุยให้ฟัง อาตมาไม่ทันท่านในเวลานั้น อาตมาก็ขอรับรองว่า คำพูดก็ดี จะเป็นตัวหนังสือก็ตาม ที่ผิดไปจากอาตมาพูดให้ฟังหรือคัดลอกลงเป็นหนังสือเล่มนี้ก็ตาม อาตมาไม่ต้องการให้ใครมารับรองหนังสือของอาตมา อาตมาพูดเองก็ขอรับรองเอง มีคนเขาถามว่า เรื่องนี้หรือที่พูดไปหลาย ๆ เรื่องก็ตามมีใครรับรองบ้าง ความจริงเรื่องนี้ไม่น่าจะไปกวนใคร แล้วใครล่ะเขาจะมารู้ว่าเราพูดจริงพูดไม่จริง หรือ พูดจริงพูดโกหก จะไปเกณฑ์ให้ชาวบ้านเขามารับรอง มันก็ไม่เป็นผลดี ในเมื่ออาตมามีชีวิตอยู่นี้ อาตมารับรองผล หากว่าบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนสงสัยเรื่องอะไรมาถามได้ทุกเวลา นี่ต้องวงเล็บไว้สักนิดหนึ่งว่า เฉพาะเวลาที่รับแขก เวลารับแขกคือตั้งแต่บ่ายโมงครึ่งถึงบ่ายสามโมงเย็น เพราะกิจการงานมันมากเหลือเกินบรรดาท่านพุทธบริษัท ธุรการภายในธุรการภายนอกมันหนัก เวลาในเพลเอาไว้ทำงาน ตอนเย็นพักผ่อนร่างกาย ตอนค่ำสอนพระกรรมฐาน บางวันเดินซวนจะล้ม หน้ามืด ร่างกายเกือบจะทรงไม่ไหว บางวันมันก็ลุกไม่ไหวเหมือนกันบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน อย่างวันนี้เป็นต้น ซึ่งตรงกับวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ ตอนกลางวัน พ.ต.อ. พิเศษ สมศักดิ์ สืบสงวน รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจ (ยศในขณะนั้น) หรือท่านผู้รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจ ได้ให้น้ำเกลือ แต่ทว่ากลางคืนเขาเจริญกรรมฐานกันก็โงไม่ขึ้น ต้องปล่อยให้บรรดาท่านพุทธบริษัททำกันไปตามลำพัง นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าขันธ์ห้ามันเป็นอย่างนี้ หลวงพ่อปานท่านก็สอนไว้เสมอว่า เรื่องของขันธ์ห้าน่ะลูกเอ๋ย จงอย่าสนใจมันมากนัก ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าขันธ์ห้ามันก็เป็นขันธ์ห้า ที่เรียกกันว่าขันธ์ห้าก็เพราะว่าเมื่อเกิดขึ้นแล้วสิ่งที่มันนำมาด้วยก็คือความแก่ ความทรุดโทรม ความป่วยไข้ไม่สบาย ความทุกข์ และการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ประสบกับอารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนา และมีความตายไปเป็นที่สุด ท่านสอนแบบนี้อาตมายังจำได้ ท่านบอกว่าก่อนที่จะภาวนากรรมฐานบทใดก็ตาม ควรพิจารณาขันธ์ห้าให้เห็นว่าเป็นอนิจจังคือความไม่เที่ยง ทุกขังเป็นทุกข์ อนัตตามันสลายตน ถ้าเราเกิดมาเป็นคนจงอย่าเมาในความเป็นคน จงคิดว่าเราจะตายเป็นผีอยู่ตลอดเวลา เรื่องความตายนี้ไม่ต้องมีใครมาบันดาลให้เราตาย เราก็ตายของเราเองได้ ไม่ต้องง้อใครเรื่องความตาย


    [​IMG]

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เวลานี้อาตมาก็มีอายุกาลผ่านวันเข้ามาใกล้กับอายุของหลวงพ่อปานแล้ว อาตมาก็มีความทราบชัดอยู่เสมอว่า คงจะอยู่กับบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายอีกได้ไม่นานนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปี พ.ศ. ๒๕๑๘ นี่ก็เป็นเรื่องน่าหนักใจ จึงได้เร่งก่อสร้างวัดเป็นการใหญ่ จะให้เสร็จภายในสองปี วัดที่จะสร้างขึ้นมานี้ก็เป็นการสนองคุณความดีของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นบูรพาจารย์ เพราะไม่มีอะไรจะตอบสนองคุณความดีของท่านในวาระสุดท้าย สิ่งที่หลวงพ่อปานรักที่สุดนั่นก็คือสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน อาตมาเองก็ทรงความดีประเภทนี้ได้อย่างงู ๆ ปลา ๆ แต่ว่าเป็นงูตายปลาตาย ไม่ใช่งูเป็นปลาเป็น มีความรู้อยู่บ้างไม่แค่หางอึ่ง ก็พยายามสองบรรดาท่านพุทธบริษัทตามความรู้ที่พึงมี และอาศัยบุญบารมีขององค์สมเด็จพระชินศรีบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสำคัญ จึงได้เต็มใจสอนบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่านที่มีความประสงค์ จิตจำนงก็มีอยู่เพียงว่า มีความรู้แค่ไหนก็สอนเพียงแค่นั้น ไม่ทำตนเข้าไปวัดบุญบารมีขององค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่พูดแบบนี้ก็พูดแบบที่หลวงพ่อปานท่านสอน หลวงพ่อปานท่านสอนไว้ว่าจงตั้งใจคิดไว้เสมอว่า เรายังดีไม่เท่าพระพุทธเจ้า และความดีของพระพุทธเจ้าท่านเหนือเราหลายแสนล้านนัก เรามีความดีไม่เท่าหยดหนึ่งในหลายแสนล้านซึ่งเป็นความดีของพระพุทธองค์ นี่ความไม่ประมาทในชีวิต การเคารพในองค์สมเด็จพระธรรมสามิตนี่หลวงพ่อปานมีความเคารพมาก

    ท่านเล่าให้ฟังต่อไปว่า หลังจากหายจากโรคนั้นแล้ว โดยอาศัยอาจารย์จาบแห่งอำเภอบางบาล มีความรู้เป็นแพทย์แผนโบราณ มีวิชาอาคมมาก ไอ้มารักษาแผลภายในของท่านให้หายได้ คือว่าแผลที่อกหลวงพ่อปานนั้นท่านรักษาให้หายด้วยยอดไม้หรือกิ่งไม้สามกิ่ง เอาใบอ่อน ๆ มาต้มเข้าแล้วก็เสก หรือว่าเสกก่อนแล้วก็ต้มฉันเข้าไปเพียงหม้อเดียว แผลภายในก็หาย ท่านบอกว่า นับตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา ท่านก็ไม่มีความประมาทในชีวิต คิดว่าความตายอยู่แค่ปลายจมูก ถ้าสิ้นลมปราณเมื่อไรก็ตายเมื่อนั้น เมื่อหายจากอาการไข้แล้ว จึงได้เร่งรัดทำความดีหนักขึ้น คือ สงเคราะห์บรรดาประชาชนทั้งหลายด้วยการรักษาโรคบ้าง มีใครเขาอดอยากที่ไหนก็นำอาหารการบริโภคไปแจก บอกบุญกับบรรดาท่านพุทธบริษัท เช่น ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เขตอำเภอสามชุก กับเขตอำเภอเดิมบาง สองอำเภอในปีหนึ่งมีความอดอยากมาก พระไม่มีกฐินจะรับ หลวงพ่อปานไปทอดกฐิน ๑๗ วัด และนำข้าวปลาอาหารไปแจกแก่บรรดาท่านพุทธบริษัท มีข้าวไปเกือบ ๓๐ - ๔๐ เกวียนข้าวสาร ข้าวของท่านไม่มีแต่ท่าบอกบุญไปยังท่านพุทธบริษัทที่มี แล้วแบ่งกันไปตามสมควร อาหารมีปลาจืด ปลาทะเล ปลาน้ำเค็มน้ำจืดก็มีไปมาก เพราะบรรดาท่านพุทธบริษัททางด้านเหนือขึ้นมา อยู่น้ำจืดก็นำเอาปลาน้ำจืดที่ตากแห้งเป็นปลาเค็มแล้วมาถวาย สำหรับลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่ภายในกรุงเทพฯ มีแม่ง้อ แม่พ่วง แม่เล็ก เป็นต้น หลายร้อยคน นำเอาของทะเลขึ้นมาถวาย เป็นเครื่องกระป๋องก็มี เครื่องปลาก็มี น้ำปลา กะปิ ก็นำมา แล้วแถมยังมีเสื้อผ้าอีกเป็นจำนวนมาก เป็นการบรรเทาทุกข์ของบรรดาท่านพุทธบริษัทที่ได้รับความตกยากได้เป็นอย่างดี และจริยาในการสงเคราะห์อย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท หลวงพ่อปานไม่ได้ยับยั้ง หลังจากถูกบังฟันคราวนั้นมาแล้วท่านทำใหญ่ ไม่ได้ทำเล็ก ทำประเภทไม่อั้น การก่องสร้างก็สร้างคราวเดียว ๓ - ๔ วัดพร้อม ๆ กัน และสำหรับจริยวัตรนั้นก็สั่งสอนพระทุก ๆ ๑๕ วัน คือ วันโกนของกลางเดือนกับวันโกนของวันสิ้นเดือน หลวงพ่อปานจะต้องประชุมพระแนะนำวิธีปฏิบัติ ข้อวัตรข้อปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และก็คุยเรื่องขำ ๆ ขัน ๆ ในการปฏิบัติของท่านให้รับทราบ เพื่อบรรดาพวกเราเหล่าพุทธบริษัทที่เป็นบริษัทของท่านได้รับทราบปฏิปทาแห่งการปฏิบัติของท่านที่ทำมาก็ดี และลีลาของอาจารย์ทั้งหลายก็ดี และอุปสรรคในการปฏิบัติกรรมฐานวิปัสสนากรรมฐานก็ดี หรือวิธีที่จะปฏิบัติให้เข้าถึงจุดอย่างง่าย ๆ ก็ดี ประเภทนี้หลวงพ่อปานมีความฉลาดมาก นี่ตามในทรรศนะของอาตมา ซึ่งจะเห็นได้ว่าพวกเราหลายองค์ด้วยกันเป็นคนมีนิสัยโลดโผน อยากจะเห็นผีเห็นเทวดา เห็นนรกเห็นสวรรค์ เห็นพรหมอย่างนี้เป็นต้น หลวงพ่อปานก็พยายามนำเรื่องทั้งหลายเหล่านี้มาคุยให้ฟังว่ามันมีจริง และก็พยายามแนะวิธีปฏิบัติในทางลัดให้เข้าถึงได้ง่าย ๆ


    [​IMG]

    วิธีปฏิบัตินี่ก็ไม่มีอะไรบรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าเราเป็นคนชนะใจแล้วมันก็ไม่ยากเหมือนกัน ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าเรา ที่ไม่สามารถเห็นผีเห็นเทวดาได้ก็เพราะว่าเราเป็นคนแพ้ใจหรือว่าใจของเรามันเป็นผู้แพ้นิวรณ์นี่บรรดาท่านพุทธบริษัท มันจึงไม่เห็น เมื่อนิวรณ์มันมีสภาพเหมือนโคลนที่สกปรกมาก ใจมีสภาพเหมือนแก้วใส เมื่อมีโคลนตนเข้าไปแปดเปื้อน เราก็ไม่สามารถเอาแก้วใสมาทำแว่นตาส่องเห็นทางได้ฉันใด อารมณ์ใจของเราก็เหมือนกัน ถ้าหากว่าอารมณ์ใจของเรายังคบนิวรณ์ห้าประการอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ เราก็ไม่สามารถติดตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมครูได้ นี่ความจริงมันเป็นอย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย นี่เป็นเรื่องของความจริง หากว่าบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิงชนะนิวรณ์ห้าประการได้เมื่อไร เรื่องผีเรื่องเทวดา เรื่องนรกสวรรค์ หรือพรหมโลก หรือว่าคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่ใช่ของแปลกสำหรับบรรดาท่านพุทธบริษัท หลวงพ่อปานท่านมีความฉลาด มักจะสอนแบบคุย ๆ กันธรรมดา ๆ ซึ่งบรรดาลูกศิษย์ลูกหาไม่มีเวลาเครียด เมื่ออาการเครียดไม่มีก็ตั้งใจรับฟังด้วยดี นี่จัดว่าเป็นความฉลาดของพระในสมัยนั้น ซึ่งเป็นคณาจารย์ใหญ่องค์หนึ่ง อาตมาจะไม่พูดว่าโด่งดังมากกว่าองค์อื่น เวลานั้นพระคณาจารย์ที่มีสมรรถภาพ คือ มีความสามารถดี มีชื่อเสียง เป็นที่เคารพของประชาชนมีมากท่านด้วยกัน ไม่ใช่มีแต่หลวงพ่อปานองค์เดียว แต่ทว่าพระสมัยนั้นรู้สึกว่าท่านมีความดีเป็นกรณีพิเศษ ถึงแม้ว่าท่านจะดีเพียงใดก็ตามทีท่านไม่เคยอวดดีหรือว่าเบ่งดี มีแต่เพียงว่า เมื่อเห็นใครเขาทำดีท่านก็พาลูกศิษย์ไปหาให้เรียนต่อขอความรู้ที่เป็นเกร็ดความรู้ หรือว่าความรู้ที่เป็นหลัก ที่ท่านไม่สามารถจะสอนให้เข้าถึงจุดละเอียดคือจุดหมายปลายทางได้ ต่างคนต่างส่งลูกศิษย์ไป สวนกันไปสวนกันมา แต่ละองค์ก็ถือว่าตัวไม่ดีเท่าองค์อื่น เป็นอันว่า เวลานั้นหาพระอวดดีไม่ได้ มีแต่พระอวดเลว

    นี่ความไม่ประมาทในชีวิตของหลวงพ่อปานนะ บรรดาท่านพุทธบริษัท ที่ท่านทำทุกอย่างนั่นมันเป็นมหากุศล เพราะการทำบุญที่เป็นส่วนสาธารณชน เช่น เอาข้าวสารไปแจกแก่คนจน เอาอาหารไปแจก เอาเสื้อผ้าไปแจก นี่มันเป็นส่วนสาธารณะ ถ้าเราจะเปรียบกับการให้ประเภทนี้ก็มีความดีคล้ายกับถวายสังฆทาน แต่ทว่าอย่าตีราคาให้เสมอเลยบรรดาท่านพุทธบริษัท เพราะสังฆทานเป็นทานที่หมายเอาพระพุทธเจ้าเป็นประธาน มีพระอริยสงฆ์เป็นแนวรับ นี่การที่เราให้กับคน บางทีคนที่รับก็เป็นคนมีศีลไม่บริสุทธิ์ อานิสงส์ก็น้อยไปหน่อย แต่ถึงจะน้อยประการใดก็ตามที บุญบารมีประเภทนี้ก็สามารถจะส่งผลให้เราเข้าถึงอมตมหาปรินิพพานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเราตายไปในชาติปัจจุบัน ทางที่เราจะพึงไปได้ก็คือ สวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก ตัวอย่างท่านอังกุระเทพบุตรให้ทานแก่คนภายนอกพระพุทธศาสนา เพราะว่าเวลานั้นพระพุทธศาสนาไม่มี ให้ทานอย่างนี้เป็นกาลนาน ปรากฏว่าตายจากมนุษย์แล้วไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก แต่ว่าสภาพร่างกายผ่องใสไม่พอ มีศักดาไม่พอเสมอด้วยเทวดาทั้งหลาย แต่ทว่าบรรดาท่านพุทธบริษัท ขึ้นชื่อว่าเป็นเทวดาแล้วถึงแม้จะเป็นเทวดาท้ายแถวก็ยังดีกว่าคนต้นแถว เพราะไม่มีแก่ ไม่มีหิวไม่มีกระหาย ไม่มีความหนาว ไม่มีความร้อน ไม่มีการป่วยไข้ไม่สบาย จะมีก็เพียงแต่ว่า เกิดเป็นเทวดาแล้วก็ตายจากการเป็นเทวดาเท่านั้น ฉะนั้นอาตมาจึงถือว่าการบำเพ็ญกุศลทานแก่คนภายนอกพระพุทธศาสนาหรือว่าคนในเขตพระพุทธศาสนาแต่ว่าไม่มีความเคารพในพระพุทธศาสนา การบำเพ็ญกุศลด้วยมีผลน้อย แต่ทว่าเราทำบ่อย ๆ มันก็มากเหมือนกัน ฉะนั้นการเกื้อกูลกันซึ่งกันและกัน บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านมันเป็นปัจจัยให้เกิดความสุข ทั้งในชาติปัจจุบันและสัมปรายภพ และในชาตินี้เราก็มีคนรักมาก คนผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของคนผู้รับ ถ้าเรามีคนรักมากเพียงใด เราก็มีความสบายใจเพียงนั้น ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าการไปทางไหนก็มีแต่คนไหว้คนเคารพ มีแต่คนชอบคนรัก อันตรายมันก็ไม่มี การเดินทางไปไหนจะตกรถตกเรือ จะหิวตายในระหว่างทาง จะไม่มีสำหรับคนประเภทนี้


    [​IMG]

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ถึงแม้ว่าความดีประเภทนี้จะเป็นความดีประเภทเล็ก ๆ จัดว่าเป็นบุญเด็ก ๆ ก็ควรจะรับฟังเข้าไว้ เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ตอนนี้พูดถึงเรื่องหลวงพ่อปานยังไม่ได้ เพราะมองดูเทปที่บันทึกมันใกล้จะหมดลงไปเต็มที เกรงว่าถ้าพูดต่อไปแล้วเรื่องรายังไม่ทันจะเข้าที่ เทปหมด ก็จะสร้างความรำคาญใจแก่บรรดาท่านพุทธบริษัท ฉะนั้นนับจากนี้ไปจะพักคอสักหน่อยจะได้กลับหน้าเทป ในระหว่างที่กลับหน้าเทปนี่ก็ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทฟังดนตรีเพื่อเป็นการคั่นเวลาสักเล็กน้อยก็แล้วกัน

    ท่านสาธุชนพุทธบริษัท การป่วยของหลวงพ่อปานวาระที่สอง เป็นการป่วยที่น่าตกใจอย่างยิ่ง เพราะว่าการป่วยคราวนั้นปรากฏว่าเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด บรรดาลูกศิษย์ลูกหาพากันใจหายใจคว่ำไปตาม ๆ กัน ต่างคนต่างผลัดเปลี่ยนกันไปพยาบาล จากวัดบางนมโคและไปที่กรุงเทพฯ คือ ถนนบ้านหม้อ บ้านหลวงประธานผ่องวิจัย

    สำหรับคณะศิษยานุศิษย์ทั้งหลายในกรุงเทพฯ ก็คับคั่งเป็นกรณีพิเศษ จนกระทั่งฝ่ายตำรวจเห็นจะเป็นสันติบาลเขาส่งคนมาสืบ เห็นว่าบ้านของหลวงประธานมีคนมากจึงได้แจ้งไปยังอธิบดีกรมตำรวจ อธิบดีกรมตำรวจเวลานั้นก็มีพระพิจารณ์ชลกิจเป็นอธิบดีกรมตำรวจ เมื่อแจ้งไปยังท่านอธิบดีบ่อย ท่านอธิบดีรำคาญเข้าก็เลยบอกว่าที่บ้านนั้นเขาไม่ได้รประชุมเรื่องการเมือง การประชุมคราวนั้นที่นั่นเป็นการประชุมเพื่อรักษาอาจารย์กูเอง ท่านว่ายังงั้น ท่านว่าอาจารย์กูเองน่ะมาป่วยอยู่ที่นั่น มึงจะไปหาบ้างก็ไป

    เป็นอันว่าตั้งแต่วันรุ่งขึ้นเป็นต้นมา ปรากฏว่าตำรวจไปกันใหญ่ ไปกันมากมายเป็นกรณีพิเศษ แล้วในที่สุดอาการไข้ของท่านก็หายลง ท่านก็กลับวัด ตอนที่กลับวัดนี่บรรดาท่านพุทธบริษัท หลวงพ่อกระซิบบอกว่า อีก ๓ ปีนี่ ฉันตายแน่ แล้วก็บอกกับเพื่อนพระครูวัดบ้านแพน คือ พระครูรัตนาภิรมย์ บอกว่าอีก ๓ ปีท่านตายแน่ ท่านต่อไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากจะต่อเพราะร่างกายมันทรุดโทรมเต็มที เรี่ยวแรงก็ไม่มี ตาก็ไม่ดี แต่หูดี สติปัญญาดีเป็นพิเศษ

    บรรดาลูกศิษย์ภายในที่รักในการเจริญกรรมฐาน หลวงพ่อปานท่านแนะนำให้เป็นกรณีพิเศษ โดยบอกจุดจบเข้าไว้ให้ ว่าผู้ที่ปฏิบัติเพื่อ พุทธภูมิ คือ มีท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิมีหลายท่านด้วยกัน หลวงพ่อปานก็แนะนำในสายพุทธภูมิให้ สำหรับท่านที่ปรารถนาจะบรรลุไปเลยก็แนะนำวิธีปฏิบัติที่ใกล้ ๆ ให้ ไม่ต้องเดินไกลนัก แล้วก็พยายามส่งไปสู่สำนักอาจารย์ต่าง ๆ ที่ได้บรรลุมรรคผลในสมัยนั้น

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ความดีของหลวงพ่อปานเราจะหาอะไรมาเปรียบเทียบมิได้ ความเมตตาปรานีในบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ท่านทำทุกอย่าง แม้แต่เมืองจังหวัดสุพรรณเองซึ่งมีความอดอยากถึงกับกินขุยไผ่ หลวงพ่อปานก็พยายามไปทอดกฐินให้ นำข้าวไปแจกประมาณ ๓๐ - ๔๐ เกวียน ความจริงข้าวของของท่านไม่มีเลย แต่ทว่าอาศัยบรรดาท่านพุทธบริษัทที่มีความเคารพนับถือในท่าน นำข้าวสารบ้าง ผ้าผ่อนท่อนสไบบ้าง อาหารน้ำจืด อาหารทะเลบ้าง ยารักษาโรคบ้าง เป็นอันว่าบรรทุกกันไปด้วยเรือถ่อ เรือบรรทุกข้าวหลายสิบลำ เอาไปแจกแก่บรรดาท่านพุทธบริษัท

    [​IMG]

    นี่แหละท่านทั้งหลาย งานนี้อาตมาก็รับมา เพราะท่านบอกแล้วว่า บอกว่างานทุกอย่างที่พ่อทำ ต่อไปลูกต้องรับภาระทำ แต่ทว่าท่านทั้งหลาย อาตมาทำได้แต่พอกำลังที่จะพึงทำเท่านั้น การที่จะเอาไปวัดรอยเท้าหลวงพ่อปานให้ทำความดีสม่ำเสมอท่านนั่นทำไม่ไหว ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะเกินวิสัย แต่สิ่งที่เราเร่งรัดกันมากที่สุดนั่นก็คือการเจริญสมถกรรมฐานวิปัสสนากรรมฐาน ตามแบบฉบับขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า มาระยะกาลไม่ช้านานเท่าไหร่ วันเวลาล่วงไป ๆ ตอนนี้หลวงพ่อไม่สอนอะไรมาก สอนเฉพาะศีล สมาธิ ปัญญา คล้ายกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อพระองค์ทรงปลงอายุสังขาร ว่านับตั้งแต่วันกลางเดือน ๓ นี้เป็นต้นไปอีก ๓ เดือนเราจะปรินิพพานที่ระหว่างนางรังทั้งคู่ที่เมืองกุสินารา

    หลังจากนั้นแล้วองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทะเจ้าก็ทรงสอนเฉพาะศีล สมาธิ ปัญญา เดินทางลัดเข้าสู่ความเป็นอริยมรรคอริยผล หลวงพ่อปานท่านเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็สอนตามแนวนั้นเหมือนกัน แต่ว่าสามปีหลังนี้นั้นรู้สึกว่าท่านขยันเป็นพิเศษ และคนที่มีความเคารพในองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ก็มากันมากมาย วัน ๆ หนึ่งที่กุฏิที่ท่านอยู่นั้นบรรดาท่านพุทธบริษัทที่รับแขกรู้สึกว่ามากมายเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งไม่เคยมีมาในกาลก่อน ทีนี้กาลเวลาล่วงมา ขอลัด ๆ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า ครั้นจะกล่าวอะไรไปโดยพิศดารก็พูดมาแล้วในประวัติหลวงพ่อปานตอนโน้น นี่เราพูดถึงจริยา ท่านมีความเมตตาปรานีเป็นกรณีพิเศษ ตอนนี้ใครจะขอเรียนอะไรท่านให้ทุกอย่าง แม้แต่คาถาอาคมที่ได้มาในสมัยที่เจริญสมถวิปัสสนาท่านก็ให้ ให้ทุกอย่างไม่ว่าอะไรทั้งหมด

    ต่อมากาลกำหนดสำคัญก็เข้ามาถึงคือปีที่สาม วันหนึ่งท่านไปที่ตลาดบ้านแพน เดินขึ้นไปที่บ้านนายวงศ์หรือคุณเฉลิม ปรากฏว่าพื้นมีตะไคร่น้ำ แต่ทว่ามันแห้งแล้ว ท่านเดินขึ้นไปพวกเราไม่ทันระวังคิดว่าอันตรายจะไม่พึงมีกับท่าน แต่ว่าความจริงคนทุกคนที่ไปในเวลานั้นก็อยู่ไกล พื้นมันลื่นท่านก็ล้มลงไป แต่ความจริงไม่ได้ล้มฟาดไปทั้งตัว แค่พอซวนจะล้มพวกเราก็วิ่งเข้ารับ แต่อาศัยการต้านน้ำหนักและพื้นมันลื่น พวกเราก็เลยนั่งลงไปด้วยกัน ท่นาก็เอนกายลงไปทับตัวพวกเราอยู่ ไม่ถึงกับกระทบพื้น

    เหตุนี้เองบรรดาท่านพุทธบริษัท เป็นปัจจัยให้ท่านเกิดการเจ็บป่วยขึ้นเป็นวาระสุดท้าย บรรดาท่านทั้งหลายเจ้าของที่ก็ดี พวกเราก็ดี พาหลวงพ่อกลับวัด อาการที่ท่านเป็นในตอนต้นก็รู้สึกว่าจะไม่มีอะไรมากมายนัก ท่านก็พูดได้เดินได้ มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ แต่ทว่าอาหารบรรดาท่านพุทธบริษัท บริโภคไม่ได้ ฉันไม่ไหว เมื่อข่าวนี้รู้เช้าไปถึงกรุงเทพฯ มีข้าราชการชั้นผู้หลักผู้ใหญ่ ตั้งแต่รัฐมนตรีมาจนกระทั่งถึงเจ้านายหลายพระองค์ก็ทรงมาเยี่ยม แต่ทว่าอาการของหลวงพ่อก็ไม่ดีขึ้น ถ้าเราจะเห็นว่าหนักก็ไม่หนัก


    [​IMG]

    ในตอนนี้ท่านมาถึงวัดแล้วท่านไม่เดินไปไหน นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เป็นที่สลดใจของบรรดาลูกศิษย์ลูกหามาก แต่ทว่าพวกเราทราบกันอยู่แล้วว่าการป่วยคราวนี้หลวงพ่อไม่อยู่แน่ ฉะนั้นในยามว่างจากคนในเวลาตอนดึก พวกเราเฝ้าผลัดเปลี่ยนกันพยาบาล ท่านจึงเรียกเข้าไปใกล้ ท่านก็บอกว่า ลูกรักทั้งหลาย คราวนี้พ่อจะต้องจากลูก นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ความจริงพ่ออยู่ไม่ได้แล้ว เพราะว่าถึงกำหนดเวลาที่พ่อบอกไว้ว่าสามปีต้องไป พวกเราฟังแล้วก็สะท้อนใจบรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านเห็นพวกเรานิ่ง ท่านก็นิ่งอดใจไปประเดี๋ยวหนึ่ง จึงได้พูดออกมาเบา ๆ ว่า ลูกรัก ความเสียใจเรื่องขันธ์ ๕ จะพับ ไม่ควรมีสำหรับลูก ลูกศึกษามาดีแล้ว ความรู้ทุกสิ่งทุกอย่างพ่อให้เจ้าแล้วทั้งหมด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอะไรก็ตามที่เป็นสิ่งที่เกินวิสัยที่พ่อจะสอนเจ้าได้ พ่อก็นำไปหาครูบาอาจารย์ที่ท่านมีความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาลูกรักที่ปรารถนาพระนิพพานในชาติปัจจุบัน ความจริงเรื่องพระนิพพานนี้นั้นพ่อเข้าใจ แต่ทว่าไม่ใช่วิสัยของพ่อที่จะสอน เพราะว่าพ่อปรารถนาพระโพธิญาณ การจะสอนพวกเจ้าให้เข้าถึงพระนิพพานได้ต้องเป็นพระอรหันต์ แต่ว่าบรรดาพระที่เป็นพระอรหันต์ที่พ่อพาไปนั้น เป็นพระอรหันต์ทุกองค์ ถ้าองค์ไหนเป็นพระปรารถนาพุทธภูมิ พ่อก็แจ้งให้เจ้าทราบแล้ว

    ฉะนั้นพวกเจ้าทั้งหลายจงอย่าน้อยใจ จงอย่าเสียใจ ที่มีชีวิตอยู่ใกล้พ่อคนละ ๒ ปี ๓ ปี ๔ ปี ๕ ปี นั่นถือว่ามีกำไรมาก และปฏิปทาอันใดที่พ่อเคยแนะนำสั่งสอนเจ้าไว้ จงปฏิบัติตาม ขึ้นชื่อว่าอุปสรรค หันมาทางอาตมา เวลานั้นเป็นเวลา ๒ นาฬิกาเศา เขาหลับกันหมด

    บอกว่า ลิงดำลูกรัก เจ้าจงอย่าหนีคน เจ้าจะต้องสู้อยู่กับคน นี่พ่อรู้ใจเจ้าว่าเจ้าคิดว่าถ้าเผาพ่อเสร็จเจ้าจะเข้าป่า มันไม่ใช่โอกาสของเจ้าหรอกลูก ลูกมีหนี้มาก บริษัทบริวารของลูกมาก คนที่เขาสร้างความดีมีบุญคุณกับเจ้ามีมาก เจ้าจะต้องอยู่ทดแทนบุญคุณเขา เวลาอายุพรรษาครบ ๒๐ ปี จงออกจากวัด ถ้าเจ้าอยู่ในวัดจะไม่ได้ดี และจงอย่าลืมว่ากรรมเก่าของเจ้ามีมาก อุปสรรคทุกอย่างมันจะเข้ามาทำลายทุกจุดเมื่อเจ้าสร้างความดี จะเป็นการสร้างความดีโดยวัตถุก็ตาม จะสร้างความดีในส่วนนามธรรมก็ตาม มันย่อมมีอุปสรรค งานก่อสร้างเจ้าต้องทำต่อไป และความจริงเจ้าจะไม่ทำก็ได้ บุญบารมีส่วนนี้ของเจ้าพอแล้วเหลือแต่ขัดเกลากิเลสเท่านั้น แต่ว่าเจ้าจะงดเว้นเสียมิได้ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าบรรดาบริษัทของเจ้าก็ดี บริษัทของโยมก็ดี ยังมีอีกมาก ที่พบเวลานี้มันยังไม่ได้ ๑ ใน ๑๐๐ ในจำนวนที่เหลืออยู่ ทุก ๆ คนเขามีความดี เจ้าจงเป็นผู้มีความกตัญญูรู้คุณเขา ในอดีตชาติเราเคยเป็นกษัตริย์ เราเคยเป็นจักรพรรดิ์ เราเคยเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เราเคยเป็นพ่อบ้านพ่อเมืองก็ตาม หรือจะเป็นลูกบ้านก็ตาม เราจะเป็นแต่ผู้เดียวไม่ได้ ต้องมีบุคคลเป็นผู้แวดล้อมสนับสนุน ถึงแม้ว่าเราจะเป็นขอทาน เราก็จะอยู่ในโลกคนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยคนอื่นเป็นผู้เกื้อกูล คนทั้งหลายเหล่านี้แหละลูก จงถือว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณใหญ่ ฉะนั้นเจ้าจงอย่าตัดช่องน้อยเฉพาะตัว อันนี้พ่อรู้ใจเจ้าว่าพ่อตายแล้วเมื่อไหร่ จัดการศพพ่อเสร็จเจ้าตั้งใจจะเข้าป่า และสององค์นี่พ่อไม่ว่านะ เป็นสิทธิของเธอ แต่ว่าเธอเข้าป่าเสียได้ก็ดี แต่ถ้าหากว่าจะยังไม่เข้าป่า เมื่ออายุครบ ๑๐ พรรษาพอดี เธอต้องเข้าป่า มิฉะนั้นแล้วทั้งพระทั้งฆราวาสจะพากันตกนรกนับไม่ถ้วน ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะชนวนแห่งอภิญญาสมาบัติของเจ้าเป็นต้นเหตุ ความจริงความรู้แบบนี้องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ แต่ทว่าทั้งพระก็ดีทั้งเณรก็ดี อุบาสกอุบาสิกาก็ดีที่เขาไม่ไว้ใจพระพุทธเจ้ามีอยู่ เห็นว่าคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมครูไร้ความหมาย คนประเภทนี้แหละลูกรักที่ความสามารถของเจ้าทั้งหลายจะทำให้เขาตกนรก เธอจงสงสารคนพวกนี้ให้มาก

    ลิงดำลูกรัก เจ้าจงอยู่กับคน นิสัยของเจ้ามีอารมณ์เด็ดเดี่ยวไม่ง้อใคร คิดไว้เสมอว่าเราคนเดียวเลี้ยงตัวรอด จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่ใช่ของแปลก แต่ว่าอารมณ์อย่างนี้ลูกรักจงอย่าใช้เลย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าเจ้าอยู่ในเกณฑ์จำที่จะต้องสงเคราะห์ใครต่อใครอีกมากมาย จงตั้งจิตอยู่ในพรหมวิหาร ๔ ให้เป็นอัปปมัญญา ทั้งนี้ก็หมายความว่า จงมีเมตตาหาประมาณมิได้ และเจ้าจงให้อภัยทานแก่บุคคลผู้ทำความผิด ทั้งนี้เพราะกิจของเจ้าที่ทำต่อไปข้างหน้า ถ้ามันล้ำหน้าใครแล้ว จะพบกับความอิจฉาริษยาเป็นอย่างหนัก ถ้าอาการอย่างนั้นเกิดขึ้น เจ้าจงคิดถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าพระองค์เป็นพระพุทธเจ้าก็จริงแหล่ แต่ทว่าจะพ้นการนินทาอิจฉาริษยาหาได้ไม่ แต่ความอิจฉาริษยาเกิดขึ้นเมื่อใด เจ้าจงทำใจให้สบายทำจิตให้สงบ และในที่สุดเจ้าก็จะมีความสุข ถ้าเขาจะสร้างความทุกข์ของเขาเป็นเรื่องของเขา ลูกรักไม่ต้องห่วง


    [​IMG]

    นี่เป็นอันว่าความอาลัยในชีวิตของท่านไม่มี บรรดาท่านพุทธบริษัท ซึ่งพวกอาตมาที่นั่งอยู่ด้วยกัน ๔ - ๕ คนในยามดึกสงัดทั้ง ๆ ที่พวกเราไม่เคยน้ำตาไหลเพราะเรื่องออะไรเป็นสำคัญ เวลานั้นหลวงพ่อปานพูดอย่างคนไม่เจ็บ พูดอย่างคนไม่ป่วย ใช้วาจาไพเราะเพราะพริ้งมาก มีผิวหน้าผ่องใสเมื่อได้พูดคำนี้ พวกเราทั้งหมดต่างคนต่างน้ำตาตกในบรรดาท่านพุทธบริษัท แต่การที่จะปล่อยให้น้ำตาไหลมานั้นมันไม่ใช่กาลอันสมควร ในเมื่อท่านพูดจบให้โอวาทแล้วท่านก็สั่งว่า ทุกคนนอนได้ จงตั้งใจไว้เฉพาะพระนิพพานเป็นอารมณ์ และก่อนที่จะจากไปท่านก็เตือนบอกว่า

    ลิงดำลูกรัก เจ้าเป็นลูกพ่อมานาน เวลานี้เจ้าปรารถนาพระโพธิญาณ มีใจเด็ดเดี่ยวมาก แต่ทว่าการที่จะได้บรรลุเป็นองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าคงไม่ใช่วิสัยของเจ้า เพราะต่อไปไม่นานนักเจ้าจะเบื่อพระสงฆ์ที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาที่มีความเมาในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ไม่เคารพพระธรรมวินัย ในตอนนั้นแหละเจ้าอาจจะลาจากพุทธภูมิเสียก็ได้ ถ้าลาจากพุทธภูมิเมื่อไรและตั้งใจปฏิบัติตามแบบสาวกภูมิ เจ้าจะใช้เวลาไม่ถึง ๓ เดือนก็จะจบกิจพระพุทธศาสนา เวลานั้นมาถึงเจ้าเอง ยังไม่ต้องถามพ่อในเวลานี้

    ความจริงขณะนั้นตั้งใจนึกว่าจะถาม ท่านก็เลยตอบทันที และเวลานี้จงทำงานเกี่ยวกับพุทธภูมิให้เต็มอัตราเต็มความสามารถ ถึงแม้ว่าเจ้าจะตัดพุทธภูมิในตอนหลัง ความตายของเจ้าก็ยังหรอกลูกรัก เจ้าจะหลีกไปหาความตายยังไม่ได้ เจ้าจะหลีกเข้าป่าหนีคนก็ยังไม่ได้ ต้องอยู่สงเคราะห์คนต่อไป อดทนกับบรรดาพวกมิจฉาทิฏฐิทั้งหลาย ทั้งที่ครองผ้าเหลืองและก็นุ่งกางเกงนุ่งผ้าถุง ถ้าคนทั้งหลายเหล่านี้มากจงปล่อยเขา อย่าสนใจในเขา เอาละลูกรักทุกคนไปนอนได้

    ท่านสั่งแล้วพวกเราก็มองดูนาฬิกา เป็นเวลา ๔ นาฬิกาพอดี มันก็ไม่ใช่เวลานอน มันเป็นเวลาทำสมาบัติ เพื่อนทั้งสองก็เข้านิโรธสมาบัติมีกำหนดตั้งไว้สองชั่วโมง เราเข้ากับเขาไม่เป็นเวลานั้น แต่ว่าเข้าสมาบัติวิ่งจากปฐมฌานไปตั้งอยู่ฌาน ๘ นอนเอกเขนกในอรูปฌานเล่นแบบสบาย ถอยหลังมาตั้งอยู่ฌาน ๔ และพุ่งออกไปอีกทีจากกายไปนอนโน่น บ้าน ไปหากินแบบสบาย ได้เวลา ๖ โมงเช้ากลับไปบิณฑบาต

    พอรุ่งเช้าบรรดาคณะศิษยานุศิษย์เขาก็ตกลงใจเอาไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ คราวนี้รักษาตัวยังไงก็ไม่ดีขึ้นมา ถึงเวลาใกล้อวสานท่านก็เลยประกาศกับบรรดาลูกหลานทั้งหมดในกรุงเทพฯ บอกว่าพ่อต้องกลับวัด เพราะทำความผิดไว้ พ่อต้องมาบวงสรวงก่อน เขาก็นำท่านมาส่ง พอนำมาส่งแล้ว พอมาถึงวัดก็ปรากฏว่า ทั้งคนทั้งพระเต็มวัดไปหมด พระยอมขาดพรรษากันมากมาย ทั้งนี้ก็เพราะมีความจงรักภักดีต่อหลวงพ่อปาน

    พอมาถึงวัดได้สามวัน ท่านก็ตั้งเครื่องบวงสรวง วันนั้นท่านประกาศบอกว่าใครจะพูดอะไรกับท่านก็พูด เวลาหกโมงเย็นตรงท่านจะลา ธุระอะไรบรรดาบริษัททั้งหลายโดยทั่วหน้าใครเขาจะมีธุระ เพราะเขามีความเคารพ แต่มีคนบางคนเท่านั้น วิ่งเข้าไปจะให้ท่านเสกยาบ้าง เสกมนต์บ้าง ดูเถอะบรรดาพุทธบริษัท พระจะตายอยู่แล้ว แทนที่จะให้สงบสงัดยังจะใช้กันอีก นี่อาตมาไม่ใช่ตำหนิ แต่ว่าสงสาร เกรงว่าท่านจะไปนรก

    เมื่อเวลาบวงสรวงเสร็จหลังจากเวลาเที่ยงวัน ท่านก็สงบกายสงบใจ บรรดาพระเณรทั้งหลายก็เข้าไปจับชีพจรเท้าซ้าย เท้าขวามือขวามือซ้าย เวลาประมาณ ๕ โมงเย็น อาตมาก็เข้าประจำจับชีพจรมือขวา เจ้าลิงเล็กมือซ้าย เจ้าลิงขาวขาซ้าย ผู้ใหญ่ยงขาซ้าย ท่านพระครูอุดมสมาจารนั่งเข้าสมาบัติอยู่เบื้องปลายเท้า เวลาใกล้เข้าใกล้เข้าไปจะถึง ๖ โมง ท่านลืมตาขึ้นมาถามว่า ใคร ก็ตอบว่า กระผมลิงดำขอรับ บอก อ้อ...ลิงดำหรือลูก ถ้าพ่อตายละก็ช่วยไปสร้างโบสถ์ที่วัดเสาธงทองให้เสร็จด้วยนะ จึงได้กราบเรียนท่านบอกว่า ถ้าหากว่าเขามาขอร้องนะขอรับ เพราะผมเป็นเด็ก ถ้าเขาไม่มาขอร้อง ผมไปก็จะกลายเป็นปรารถนาในลาภไป ท่านก็พยักหน้าบอกว่าถูกแล้ว ก็เป็นอันว่าจบเกม ท่านก็หลับตาลงไป


    [​IMG]

    และพอต่อไปไม่ช้านานเท่าใด เหลือเวลาอีกนิดเดียวจะ ๖ โมง ท่านก็ลืมตาขึ้นมา ถามว่าเวลาเท่าไร บอกว่าเวลาประมาณอีก ๑ นาทีหรือไม่ถึงขอรับจะ ๖ โมง แล้วท่านก็บอกว่า พ่อลานะลูกรัก บอกทุกคนบอกรพะสงฆ์ บอกฆราวาส บอกว่าพ่อลาแล้ว ขอทุกคนมีความสุข ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุแล้ว ขอให้ทุกคนจงบรรลุธรรมนั้นเถิด แต่คนที่ไม่ต้องห่วงก็คือ ท่านพระครูรัตนาภิรมย์ กับ ท่านพระครูอุดมสมาจาร และพระอาจารย์เล็ก ทั้งสามองค์นี่ไม่ต้องไปบอกท่านนะลูกนะ เพราะว่าท่านเป็นพระอริยเจ้ากันแล้วทั้งนั้น ตกใจบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายอยู่กันมาเท่าไร ๆ ท่านไม่บอก มาบอกเอาเวลานาทีจะตาย

    พอสั่งเสร็จท่านลืมตาปุ๊ปหลับตาลงไปลืมตามาอีกที ปรากฏว่าชีพจรในจุดทั้ง ๔ คือมือทั้งสองหยุดพร้อมกัน ท่านพระครูอุดมสมาจารก็ลืมตาขึ้นมาบอกว่า หลวงพ่อไปดีแล้ว เหลือแต่พวกเราเท่านั้น

    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน เกมนี้ควรจะจบกันแล้วหรือยัง เอาไว้ส่งท้ายอีกสักหน่อยนะ ประเดี๋ยวทางพวกดนตรีเขาจะเป่าปี่เพลงโศกให้ฟังละมั้ง เขาบอกว่าโหยหวนเพราะอาการอย่างนี้มันน่าจะเป็นเรื่องของความโศกเศร้าสลดใจก็ตามใจเขาก็แล้วกัน อาตมาไม่ได้สลดด้วยเพราะสลดมานานแล้ว ความจริงร้องไห้ในใจมานานแสนนานแล้ว

    ตอนที่หนึ่งในความเป็นมาของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคได้จบลงไปแล้ว แต่เพื่อโลกไม่ช้ำธรรมไม่เสีย ที่บรรดาท่านพุทธบริษัทกำลังรับฟังเสียงเล่าความเป็นมาของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ทางคณะดนตรีเขาก็บอกว่าอยากจะสลับคั่น เพื่อเป็นการป้องกันความรำคาญของบรรดาท่านพุทธบริษัท และก็เรื่องของคนที่ตายไปแล้ว เพราะเวลานี้เป็นเวลาครบรอบร้อยปีเกิดของหลวงพ่อปาน แล้วก็ครบรอบเวลาตายของหลวงพ่อปานเสียด้วย

    คืออาตมาเองก็ไม่ทราบว่าท่านเกิดวันไหนเดือนไหนกันแน่ มาเดา ๆ กันว่าเวลาเดือน ๘ แรม ๑๔ ค่ำทุกปี ขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่เท่านเคยเสียสละทรัพย์สินของท่าน มาให้พระจับสลาก ทรัพย์สินที่มีอยู่บ้างเท่าไหร่นำออกมาหมด เอาไว้ใช้ตามสมควร เป็นการเสียสละทุกปี และถึงเวลาที่ท่านมรณภาพก็มาตายเอาวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๘ เป็นวันเกิดของท่าน จะตรงหรือไม่ตรงนี้อาตมาไม่ทราบ เพราะว่าลืมถามท่านไป

    เป็นอันว่าเรื่องนี้ถ้าพลาดพลั้งยังไงล่ะก็ ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทให้อภัยด้วย อาตมาเองก็ไม่ได้ประกาศว่าเป็นสัพพัญญูรู้อะไรไปทั้งหมด ความจริงก็รู้หมดไม่ได้ ไปเห็นรูปหลวงพ่อปานเขาไว้หนวดเข้าให้แล้วก็หลังโกง ภาพนี้ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาจนกระทั่งท่านตายไป ไม่เคยเห็นเลยบรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่เคยเห็นหนวดหลวงพ่อปาน ไม่เคยเห็นหลวงพ่อปานนั่งงอหลัง นี่เป็นอันว่าอาตมานี่ไม่ใช่สัพพัญญูแน่ เพราะไม่สมารถจะรู้ภาพนี้ได้ คุยกันต่อไปดีกว่า

    ตอนนี้ขอให้นามว่า จริยาวัตรเมื่อเป็นพระนวกะ คำว่านวกะ แปลว่า ใหม่ เป็นพระภิกษุใหม่ การที่ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ใหม่ในพระพุทธศาสนา ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ใหม่ไปหมดบรรดาท่านพุทธบริษัท เพราะเดิมที่อยู่บ้านนุ่งกางเกงใส่เสื้อใส่หมวก พอมาถึงความเป็นพระเข้าก็กลายเป็นนุ่งสบงคล้ายผ้าถุงของผู้หญิง แต่ว่ามีตัดข้างหน้าไม่เย็บประสาน มีผ้าอังสะ ภายในเป็นเสื้อสั้น ๆ สำหรับเป็นผ้าอันซับเหงื่อ ภายนอกมีผ้าผืนใหญ่รุ่งร่าม ๆ ห่ม และอีกอันหนึ่งก็คือสังฆาฏิสำหรับพาด จะดูเลยขึ้นไปถึงศีรษะ ผมเคยยาวก็กลับถูกตัดให้สั้นเกรียนกับเนื้อ และผ้าเสื้อก็เปลี่ยน หัวก็เปลี่ยน มาดูคิ้วเมืองเราเขาโกนคิ้วด้วย แต่ความจริงทางพระวินัยไม่ได้สั่งให้โกนคิ้ว พระพุทธเจ้าเพียงสั่งให้โกนผมกับโกนหนวด แต่คนไทยนี่บรรดาท่านพุทธบริษัท ทำทุกอย่างมันก็ไทย ๆ ไปหมด เลยล่อคิ้วกันเข้าไปด้วย


    [​IMG]

    นี่เป็นอันว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันใหม่ไปหมด ผมที่เคยยาวก็ไม่มีผม จะเอาหวีเอานี้มันมาใส่มันก็ไม่ได้ ใหม่ไปซะหมดแล้ว ทีนี้ความเป็นอยู่ก็ใหม่ เคยอยู่บ้านจะบริโภคอาหารเวลาไหนก็ได้ พอบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา ต้องจำกัดเวลาไม่เลยเที่ยงวันหลังจากเที่ยงไปแล้วจะฉันได้แต่เฉพาะของที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตเท่านั้น นี่ก็มาใหม่เข้าไปอีก ว่ากันถึงเรื่องอาหารบรรดาท่านพุทธบริษัท ใหม่ อีกเหมือนกัน อยู่บ้านเราเลือกอาหารได้ต้องการเปรี้ยวได้เปรี้ยว ต้องการเค็มได้เค็ม ต้อการเย็นได้เย็น ต้องการร้อนได้ร้อน ต้องการอาหารอ่อนอาหารแข็งได้สมความปรารถนา เมื่อบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาเราก็เลือกกันไม่ได้ต้องบริโภคอาหารตามแต่ที่ชาวบ้านจะถึงนำมาให้ด้วยศรัธานี่อันนี้ก็ใหม่อีก ต้องอดใจเข้าไว้

    การเป็นพระในพระพุทธศาสนาไม่ใช่ของง่าย เป็นของยากถ้าเราจะเป็นพระกันจริง ๆ ทีนี้เวลาเราจะฉันอาหารอีก บรรดาพุทธบริษัท จะต้องฉันตามระเบียบวินัย ฉันข้าวไม่ใช่คำโตเกินไป ไม่อ้าปากกว้างเกินไป ไม่ดังซูด ๆ ไม่ดังจั๊บ ๆ ถ้าเป็นยังงี้พระพุทธเจ้าปรับเป็นโทษ แล้วเวลาฉันอาหารก็จะไม่จิกอาหารคือข้าวที่ในจานหรือในบาตร ให้เป็นหลุมลึกลงไป ถ้าทำอย่างนั้น พระพุทธเจ้าปรับเป็นโทษ ต้องปาดให้สม่ำเสมอกัน แล้วเวลาจะฉันอาหารจะพิจารณาว่าไอ้สิ่งนี้มันอร่อย ไอ้สิ่งนั้นมันอร่อย เราต้องการสิ่งนั้น เราต้องการสิ่งนี้ ถ้าหากว่ามีจิตคิดอย่างนี้ ลงนรกไปเลยพระ พระท่านชอบลงนรก ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่า ก่อนจะฉันอาหารองค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้พิจารณาเป็นอาหาเรปฏิกูลสัญญา คิดว่าอาหารที่เราได้มาทั้งหมดมีพื้นฐานมาจากความสกปรก พืชพันธุ์ธัญญาหากทั้งหมดมีปุ๋ยสกปรก สัตว์ทุกประเภทสกปรกทั้งหมด มีกลิ่นมีคาว มีเลือด มีน้ำเหลืองน้ำหนอง มีอุจจาระปัสสาวะ ในเมื่อเขามีปรุงเป็นอาหาร เรากินเข้าไปเราก็กินของสกปรก เมื่อพบของสกปรกแล้วทำยังไง เราก็ต้องพิจารณาว่าร่างกายของเราทั้งหมดมันก็เลยสกปรก ทั้งนี้อะไร เพราะว่าเรากินของสกปรกเข้าไป มันไปสร้างเลือดสร้างเนื้อให้แก่กาย ร่างกายเกิดมาจากความสกปรก แล้วมันจะสะอาดที่ไหน

    การบริโภคอาหารของพระต้องไม่ถือว่าการกินนี้ เรากินเพื่อความอ้วนพี กินเพื่อความผ่องใส กินเพื่อยั่วกิเลสให้เกิดขึ้น นี่มันก็ใหม่อีกละบรรดาท่านพุทธบริษัท ลำบากใจไหมการบวชในพระพุทธศาสนา เราจะเดินไปไหนมาไหนก็ต้องทอดสาดตาพอสมควรแค่ชั่วแอก ไม่ใช่เสียงดังเกินไป ไม่วิ่งไม่กระโดยโลดเต้น เพราะเป็นกิริยาอย่างเด็ก ไม่เกี้ยวสาว ไม่มองสาวด้วนยอาการปรารถนาในกามคุณ มันใหม่ไปหมดนี่บรรดาท่านพุทธบริษัท เวลาจะห่มผ้านุ่งผ้าก็ตาม ต้องพิจารณาว่านี่เราจะนุ่งจะห่มเพียงแค่ปกป้องความหนาวความร้อนความละอายเท่านั้น จิตใจไม่น้อมไปในความสวยสดงดงามเพื่อเป็นการยั่วกิเลส ถ้าคิดอย่างนี้องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ทรงแนะนำบอกว่าเชิญลงนรกตามสบาย
    นี่เป็นอย่างนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย และอีกประการหนึ่งความปรารถนาในความร่ำรวยจงอย่ามีแก่พระ เวลาที่ชาวบ้านเขาจะถวายจตุปัจจัยเขาบอกว่าเอาไปใช้สมควรกับสมณบริโภค ทีนี้เวลารับเงินรับทองของชาวบ้านเขามา นี่อาตมาบอกตรง ๆ ว่าอาตมารับ อาตมาหรือคณะอาตมาทั้งหมดยองหน้าด้าน แต่ไม่ยอมใจด้าน ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าแม้แต่หลวงพ่อปานท่านก็บอกยังงั้นเหมือนกัน บอกว่าพวกเรานี่ยอมหน้าด้านก็แล้วกันนะ แต่จงอย่าทำใจด้าน เขาทำกันยังไง

    เนื่องด้วยองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามีบทบัญญัติไว้ว่า ภิกษุย่อมไม่รับรูปิยะอันเนื่องด้วยเงินและทองด้วยมือของตน ถ้รับมาแล้วปรับเป็นอาบัติ ของเป็นนิสสัคคีย์คือใช้ไม่ได้ให้โยนทิ้งไป ตัวเองเป็นอาบัติปาจิตีย์คือจิตเป็นบาปปรับเป็นโทษ แต่ทว่าพระวินัยข้อนี้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงโปรดไว้เนกรณีพิเศษ ทรงตรัสไว้ว่าหยิบรับเงินเองก็ดี ให้คนอื่นับแทนก็ดี หรือว่าให้คนอื่นเก็บไว้เพื่อตนก็ดี ตนรู้อยู่ว่าเงินของเราอยู่ที่เขา ปรับอาบัติเสมอกันคือ ของเป็นนิสสัคคีย์ ตัวเป็นอาบัติปาจิตตีย์จิตเป็นบาปเท่ากัน ไม่ลดหย่อนลงไป มาเวลานี้กาลสมัยไม่อำนวย บรรดาท่านพุทธบริษัท จะไปทางไหนก็ตามไม่มีใครเขาให้ ให้ข้าวให้น้ำตามปกติเขาไม่ค่อยจะให้กัน เดินทางไปหิว เข้าไปในร้านอาหาร เขาเก็บสตังค์ ขึ้นรถขึ้นเรือเขาก็เก็บสตังค์ ผ้าผ่อนท่อนสไบไม่มีใช้ ไปหาที่เขา เขาก็เอาสตังค์ การงานจะเกิดขึ้นในคณะสงฆ์สร้างวัดสร้างวา ซ่อมโบสถ์วิหารการเปรียญ เขาก็เอาสตังค์ ป่วยไข้ไม่สบายยารักษาโรคเราไม่ไปโรงพยาบาลอยู่ไกล แวะไปร้านหมอร้านหมอที่ไหนเขาก็เอาสตังค์ดีไม่ดีหาหมอที่เป็นปริญญาไม่ได้ ก็ไปหาหมอตี๋ หมอตี๋ก็เอาสตังค์ แล้วทำกันยังไงท่านบรรดาพุทธบริษัท เราจะไม่หยิบเงินไม่หยิบทองอยู่ได้ไหม ก็อยู่ไม่ได้ เราก็หยิบ ทำเอาหน้าด้านดีกว่าใจด้าน ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะต่อหน้าคนเราทำ เรารับเงินกันต่อหน้าคน แต่เวลาลับหลังคนเราเก็บ ดีกว่าต่อหน้าคนทำตนเป็นคนเคร่งครัดมัธยัสถ์ไม่ยอมรับเงินรับทอง แต่ว่ามีเงินทองไว้ในปกตครองของตน

    [​IMG]


    ขอบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนลองพิจารณาดู ว่าประเภทนั้นน่ะ หน้าท่านบางแต่ว่าใจด้าน ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะใจยังสะสมทรัพย์ แต่ต่อหน้าประชาชนบอกฉันไม่หยิบเงินไม่หยิบทอง ฉันเป็นคนเคร่ง อย่างนี้ท่านเรียกว่าเป็นมะเร็งทางใจ รักษาไม่หาย ตายลงนรก โกหกชาวบ้าน หลวงพ่อปานจึงได้บอกว่า พวกเรายอมหน้าด้านแต่ว่าอย่าทำใจด้าน เรื่องเงินเรื่องทองของชาวบ้านที่ถวายมา จงรู้ตัวไว้เสมอว่าเขาถวายเราในสมัยที่เป็นพระ ถ้าเราไม่เป็นพระเขาไม่ให้ ก็ต้องใช้อย่างพระ และท่านแนะนำอีกว่า สำหรับเงินส่วนตัวได้มาปีนี้จงอย่าถึงปีหน้า ถ้ามันเหลือจากความจำเป็นแล้วก็สร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา หรือว่าทำในส่วนสาธารณประโยชน์ให้หมดไป จิตใจจะได้ไม่มัวเมาไม่เกี่ยวข้องในการเงิน
    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท นี่พระเข้ามาใหม่ทุกสิ่งทุกอย่าง มันใหม่ไปหมด ต่อมาองค์สมเด็จพระบรมสุคตให้ปฏิบัติในจริยาวัตรทุกประการตามพระวินัย พูดกันอย่างย่อ ๆ หลวงพ่อปานท่านทำได้ เว้นไว้แต่เรื่องรับสตังค์ต่อหน้าคนเท่านั้น ท่านรับต่อหน้าคน คนเราถ้าจะโกหกกันบรรดาท่านพุทธบริษัท บอกชาวบ้านเขาก่อนดีไหม ว่าฉันจะโกหกแล้วก็พูดให้ฟัง หรือว่าถ้าเราจะโกหกเขา แล้วก็บอกว่านี่มันเป็นเรื่องจริงนะจำไว้ฉันจะพูดให้ฟัง ถ้าเราโกหกบอกเขาว่าโกหก แล้วต่อมาก็ทราบว่าเร่องราวที่กล่าวไปเป็นเรื่องโกหก กับเรื่องที่เราจะโกหกให้เขาฟัง แต่เราบอกว่านี่เป็นเรื่องจริงทุกอย่าง แต่ชาวบ้านเขาไปรู้ทีหลังว่าโกหก อย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท จะให้เขาอภัยคนประเภทไหน จะให้อภัยคนที่บอกว่าเป็นเรื่องจริง แต่ความจริงเป็นโกหก เรารู้ทีหลังหรือว่าเรารู้ก่อนแล้วว่าเรื่องนี้เขาโกหกเป็นนิทานเล่าให้ฟัง คนสองประเภทนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท อยากจะทราบว่าท่านเห็นว่าประเภทไหนดี แล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของบรรดาท่านพุทธบริษัท จริยาวัตรที่หลวงพ่อปานที่ปฏิบัติในสมัยที่บวชใหม่ ๆ สมัยนั้นก็มีการท่องหนังสือหนังหาสวดมนต์ ท่องหนังสือเรียนและก็บิณฑบาตปฏิบัติ ครูบาอาจารย์ ท่านทำครบถ้วนทุกอย่าง แล้วก็ไม่ส่งเสียงดัง ไม่ละเมิดกฎบัญญติใด ๆ ที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ คำแนะนำตักเตือนใด ๆ ที่ครูบาอาจารย์สอน ปฏิบัติตามทุกอย่าง งานหลวงไม่ขาดงานราษฎร์ไม่เสีย ราษฎรนะไม่ใช่ราด

    งานหลวงก็คือว่าการทำวัตรการสวดมนต์ แล้วก็การก่อสร้าง ทำความสะอาดวัดวาอาราม ปฏิบัติครูบาอาจารย์ ท่านไม่ขาด นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลาย ที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาที่จะพึงปฏิบัติตาม การแสดงอาการนอบน้อมต่อท่านผู้มีอาวุโส ท่านดีมากบรรดาท่านพุทธบริษัท พระที่มีอาวุโสกว่าท่าน ท่านถวายความเคารพอย่างนอบน้อม บางคนก็มาอย่างในฐานะศิษย์ของท่าน มาขอเรียนวิชาการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ไม่ขัดต่อพระพุทธศาสนา แต่ว่าท่านผู้นั้นแก่พรรษากว่า ท่านก็แสดงอาการนอบน้อม อันนี้น่ากลัวจะคิดไว้ และยิ่งไปกว่านั้น การศึกษาที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ความประพฤติไม่ต้องห่วง เรื่องความประพฤติของท่านนี่ไม่บกพร่อง และก็ไม่หลอกลวงชาวบ้าน ไม่เมาใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข น่ากลัวจะไม่เหมือนอาตมา อาตมานี่เป็นคนนอกลูกนอกครูไปเสียแล้ว ที่ใครไม่ปฏิบัติคือฝ่าฝืนพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว อดพูดให้ชาวบ้านฟังไม่ได้ ความจริงที่พูดให้ฟังไม่ใช่ประสงค์ร้าย มีความประสงค์อย่างเดียว คืออยากจะให้ศาสนาขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาคงอยู่


    [​IMG] คำสอน พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    จาก หนังสือ กฎของกรรม เล่ม ๓
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กรกฎาคม 2009
  2. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ
    ขออนุโมทนาบุญ ด้วยทุก ๆ ประการค่ะ
     
  3. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    ขออนุโมทนาสาธุธรรม เป็นอย่างสูง ครับ<O:p</O:p
     
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ

    ศูนย์พุทธศรัทธา
    สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง

    เชิญท่านแวะชมและโมทนาบุญ
    มีข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มจากเดิมอีกหลายรายการครับ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2009
  5. นาระกันทา

    นาระกันทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +206
    กราบหลวงปู่ หลวงพ่อครับ
     
  6. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
    บูชาพระอาจารย์

    สิบนิ้วประนม ต่างธูปเที่ยนทอง
    จักขุ ของข้าพเจ้าทั่งสอง ต่างดอกบัวปทุมชาต
    ขอกราบหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    ถ้ารักและศรัทธาหลวงปู่ปาน อย่าอาลัยท่าน เพราะท่านไม่ต้องการให้ลูกๆของท่านเป็นอย่างนั้น ท่านต้องการให้ลูกๆของท่านระรึกถึงความดีของท่านไม่ใช่อาลัยอาวร (อาลัยอาวรเป็นอีกหนึ่งตัวขัดขวางการนิพพาน)

    แต่ให้ร่วมโมทนาและนำปฏิปทาของท่านมาเป็นแบบอย่าง
     
  8. บีว่า

    บีว่า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +94
    ขอกราบหลวงปู่ด้วยความเคารพอย่างสูง ขออนุโมทนาด้วยครับ สาธุ.....
     
  9. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +4,558
    สาธุๆ

    ลูกหลานขอกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ขอรับ

    ขออนุโมทนาครับ
     
  10. ito-

    ito- Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2009
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +61
    อนุโมทนครับ
     
  11. parapuda

    parapuda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +250
    สาธุ สาธุ อนุโมทามิ วันทามิ ภัณเต พุทโธ ธัมโม สังโฆ นิพพานะปัจจะโยโหนตุ
     
  12. sean2738

    sean2738 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2008
    โพสต์:
    797
    ค่าพลัง:
    +1,754
    สร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก 10 วา
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=65729


    ร่วมสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ "สมเด็จองค์ปฐม" ก้บวัดธรรมยาน

    http://palungjit.org/showthread.php?t=119095
    <!-- google_ad_section_end -->
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนาย<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>เวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  13. อาสาเมืองพิมาย

    อาสาเมืองพิมาย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอกราบ หลวางปู่ หลวางพ่อ ครับ อนุโมนา
     
  14. Faithfully

    Faithfully เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +2,459
    ขอกราบอนุโมทนานะคะ สมกับปฏิปทาของท่านแล้วค่ะ ทั้งหลวงพ่อปานและหลวงพ่อฤาษีฯ สาธุค่ะ
     
  15. แผ่นฟ้า

    แผ่นฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +428
    แผ่นฟ้า กราบหลวงปู่ กราบหลวงพ่อ เจ้าค่ะ
    อนุโมทนา สาธุ ค่ะ
     
  16. aom-am 1

    aom-am 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +731
    หลวงพ่อปานท่านสอนได้จับใจจริงๆ ขนาดตัวเองยังโง่อยู่มากก็ยังรู้สึกได้ว่า
    ท่านเมตตาและเสียสละอย่างมาก

    ลูกขอโมทนากับบุญกุศลของหลวงพ่อด้วยเจ้าค่ะ
     
  17. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    อนุโมทนาสาธุ

    ที่บ้านมีรูปเหมือนหลวงพ่อปานที่เอามาซ่อมทาสีใหม่ กราบไหว้บูชาอยู่

    ท่านเสด็จมาหา เห็นตอนแรกยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่หลวงพ่อปาน พออ่านชื่อตรงฐานถึงได้รู้ว่าเป็นท่าน ปลื้มใจบอกไม่ถูกเลย
     
  18. worathepj

    worathepj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +71
    โห..พี่โชคดีนะ ผมตั้งแต่ปฏิบัติมา ร่วม 5 ปีนี่ฝันถึงหลวงปู่ 2 หนเอง หลวงปู่มาชวนไปเวียนเทียนที่ไหนมะรุ แต่คล้ายภูเขาทอง อ่ะ
     
  19. beer_ems

    beer_ems สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +10
    ผมก็เคยอ่านประวัติของหลวงปู่ปาน
    ท่านเป็นปูชนียบุคคล ปฏิปทาของท่าน
    เป็นที่เล่าขาน
    ผมขอก้มกราบหลวงปู่ปาน กับ หลวงพ่อ
    ที่สอนให้ลูกศิษย์ได้รู้ว่า นิพพานเป็นของไม่ยาก
    ถ้าทุกคนมีความเพียรและตั้งใจจริง สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...