..คู่แท้..

เจอแล้วมัน แปล๊ปๆๆ นี่ มันเจ็บ หรือ อะไรครับ ..

 

สงสัยจะเป็นฟ้าแล่บมั้งคะ..

แต่เอ!! หรือว่าจะโดนเสี้ยนตำก็ไม่รู้นะ..

:z5:z5:z5:z5:z5

 

ขอบคุณค่ะ

อ่านแล้ว ก้อยังไม่รู้ใจตัวเองเหมือนกันว่า จะมีความรักดีรึเปล่า

 

แน่นอน ครับอาจารย์เจง น้ำตาตกในเลย

 

แหม อาจารย์ครับ สงเคราะห์ผมซักคนนะครับ

 

เจ็บที่กลางหัวใจครับ แปล๊บๆๆ

 

เปลี่ยนไปหาหมอดีกว่ามั้งเนี่ยะ..

 

โรคนี้เป็นโรคฮิตจังครับ ใครๆก็เป็นได้ รีบไปหาหมอ รู้สึกจะแพร่เชื้อเร็วไม่แพ้ไข้หวัดใหญ่ สายพันธ์ใหม่ 2009 ถ้าใครเคยเป็นแล้วก็จะมีภูมิคุ้มกัน ปลอดภัยครับ ..^^..<!-- google_ad_section_end -->

 

แล้วถ้าเดินบนเส้นทางธรรมนี่ควรจะมีคู่ดีกว่าหรือไม่ควรมีคะ
แล้วการปฏิบัติธรรมกับการครองเรือนจะทำยังไงให้เดินไปด้วยกันได้คะ
โดยไม่ต้องไปอยู่วัด หรือควรจะหาคู่ที่มีนิสัยใฝ่ทางธรรมเหมือนกัน
ใช่ไหมคะ

 

การจะดูคู่รักของตนว่าจะเป็นคู่แท้..คู่บุญ หรือ คู่เวรคู่กรรมที่ต้องมาใช้หนี้กรรมด้วยกัน
หรือจะดูว่าจะครองรักกันได้ยาวนานสักแค่ไหน..

ท่านให้พิจารณาธรรม 4 ประการ คือ
1 ศรัทธา... 2.ศีล... 3.จาคะ... 4.ปัญญา...

ศรัทธาคือ ความเชื่อ...ดูว่ามีความเชื่อไกล้เคียงกันไหม?

เช่น เชื่อว่าทำดีได้ดี เชื่อบุญ เชื่อบาป นับถือในศาสนาเดียวกัน เป็นต้น

เมื่อมีความเชื่อในทางเดียวกัน การที่จะพูดคุยให้เข้าใจตรงกัน ก็เป็นเรื่องง่าย
โอกาสที่จะทะเลาะเบาะแว้งกันก็น้อย นี่แหละความเชื่อต้องไกล้เคียงกัน
ยังมีความเชื่อในทางโลกอีกมากมาย บางครั้งจึงมีบางคู่นะที่ต้องแยกทางกันด้วยเหตุที่ว่า.. ทัศนะไม่ตรงกัน ทั้ง ๆ ที่เป็นคนดีด้วยกันทั้งคู่ เหตุก็มาจาก
"ศรัทธา" คือความเชื่อนี่เอง..

ศีล แปลว่า ปรกติ หรือจะหมายถึง เครื่องป้องกันก็ได้

ไม่ต้องเอาอะไรมากมาย แค่ศีล 5 แค่พูดถึงบางคนก็เมินหน้าหนีแล้ว เพราะเขามีความเชื่อว่า...คนที่ต้องทำงานอยู่ในชีวิตของเพศฆารวาส ต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ไม่มีทางจะรักษาศีลได้ พอคิดกันซะเช่นนี้ก็เลยไม่ต้องดู ไม่ต้องพิจารณากันแล้วว่า "ศีล" แปลว่าอะไร "ศีล 5" มีอะไรบ้าง นี่คือปุถุชนคนทั่วไปที่ไม่มีธรรม..

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศีล แปลว่าปกติ คือนี่...ขณะที่คุณอ่านบทความอยู่นี่ คุณมีความเป็นอยู่โดยปรกติ คุณมีสติเป็นปรกติ ณ ขณะที่อ่านอยู่นี่ ก็ไม่มีโอกาสไปฆ่าใคร ..ไม่ได้ลักขโมยของใคร ..ไม่ได้แตะต้องผิดลูกเมียใคร ..อีกทั้งไม่ได้อ้าปากพูดโกหกให้ร้ายใคร นี่ 4 ข้อก็บริสุทธิ์อยู่ เว้นข้อสุดท้ายไว้เผื่อว่าอาจจะมีบางคน เพิ่งกลับมาจากทานเหล้า...(อิอิ คงเป็นไปได้น้อยเนอะ 555+) นี่แหละ

จาคะ คือความ เสียสละ แบ่งปัน ถ้าคู่ที่เราจะเลือกมี "จาคะ" ไม่เท่ากัน ก็เป็นบ่อเกิดแห่งความขัดแย้งต่าง ๆ ได้เหมือนกัน ..สร้างความหงุดหงิด รำคาญใจให้กัน และกันได้ เช่น ภรรยาอยากใส่บาตรทำบุญ สามีไม่ยอมไม่ชอบ ฝืนไปทำก็ได้บุญไม่เต็มที่ (ได้บุญนะ แต่ไม่เต็มที่ เพราะจิตไม่ผ่องใส) หรือเอาตัวอย่างทางโลกหน่อย ..สมมุติว่าญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมา ฝ่ายหนึ่งอยากแบ่งปันช่วยเหลือเกื้อกูล แต่อีกฝ่ายตะหนี่ถี่เหนียวไม่ยอมให้ช่วย ..ก็เป็นเหตุให้ทะเลาะกันถึงบ้านแตกได้ง่าย ๆ.. นี่แหละ "จาคะ" หรือความเสียสละมีไม่เท่ากันเป็นเหตุ

ปัญญา คือความรู้ ยังไม่ต้องพูดถึงปัญญาในทางธรรม (ภาวนามยปัญญา)หรอกนะ เอาแค่ปัญญาทางโลกนี่แหละ..ความรู้โดยทั่ว ๆ ไปนี่แหละ เช่น ฝ่ายนึงจบด๊อกเตอร์ อีกฝ่ายจบแค่สายอาชีวะ.. ก็คุยกันรู้เรื่องได้ยากแล้วคับ..(ยิ่งเรียนสูงมาก..อัตตา ก็ยิ่งมากตาม).. ยิ่งถ้าปัญญาในทางธรรมยิ่งแล้วใหญ่ เพราะฝ่ายนึ่งเข้าใจ "ธรรม" ย่อมมีสติไปในทางลด..ละ..ปล่อย..วาง ตัดกิเลส
ตัญหาออกจากจิตตน แต่อีกฝ่ายมีปัญญาในทางโลก จิตก็มีแต่ จะเอา..จะเก็บ..ทุกอย่างเข้าตัว ทั้งกิเลส ตัญหา อุปทาน ...คิดการสิ่งใดก็มีแต่ความ "อยากได้..อยากมี" เป็นที่ตั้ง...

นี่แหละ..ปัญญาที่ไม่เท่ากันที่ต้องพิจารณาให้ดี ก่อนจะตกลงเป็นคู่กัน..

โดยสรุป การพิจาณาเลือกคู่ครอง โดยพิจารณาจาก ธรรมทั้ง 4 ประการ
เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ จึงดีที่สุดแม้จะไม่เท่ากัน แต่เอาแค่ไกล้เคียงกันก็ยังดี..

เพราะหนุ่มสาวเมื่อชอบกันไหม่ ๆ ฝ่ายหนุ่มก็มักจะทำทุกอย่างให้สาวรัก..

แต่พอสาวเจ้ารักขึ้นมาแล้ว ส่วนนิสัยที่ไม่ดีก็ค่อย ๆ โผล่ ออกมาทีละน้อย หรือพูดง่าย ๆ คือจีบกันไหม่ ๆ ฝ่ายชายเดินตามฝ่ายหญิง ต้อย ๆ ๆ ๆ อิอิ ...

แต่หลังจากตกลงปลงใจเป็นแฟนกันแล้ว .. ฝ่ายหญิงมักกลับมาเป็นผู้เดินตามฝ่ายชายซะนี่..อิ..อิ..

หรือจะดูง่าย ๆ อีกแบบ คือ ลองชวนไปทำบุญที่วัดด้วยกันดูสิ ... ใครที่ไม่มีบุญเก่ารวมกันมาเลย มักเกิดเหตุ ให้ไม่ได้ไปทำบุญด้วยกันหรอก...สังเกตุดูนะ

แล้วก็อย่าลืมว่า "ปัจจุบันกรรม" สำคัญที่สุดค่ะ

ขอให้โชคดี..

;43

 

ทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่กล่าวในข้อความข้างต้นค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆค่ะ

 

ขอบคุณคับ ชอบจังเลย

 

กราบอนุโมทนา ท่านเจ้าของกระทู้ค่ะ


สารพัดคู่หญิงชายที่รักกันและมีความสัมพันธ์กัน เรียกว่าเป็นคู่กันลักษณะการเป็นคู่ของหญิงชายนั้นมีได้หลายแบบ คือ<O</O
<O</O

คู่รักได้แก่คู่หญิงชายที่มีใจรักสมัครสมานปฏิบัติต่อกันในฐานะคู่รัก แต่ยังไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน

คู่ครอง คือ หญิงชายที่ได้ตกลงอยู่ร่วมเป็นสามีภรรยากันในชาติภพปัจจุบัน

เนื้อคู่ คือ หญิงชายที่เคยเป็นคู่ครองกันมาในอดีตชาติแต่ในชาติภพปัจจุบันอาจเป็นหรือไม่ได้เป็นคู่ครองกันก็ได้

คู่แท้ คือ หญิงชายที่เป็นเนื้อคู่กัน เคยอยู่ร่วมกันในอดีตมามากกว่าคนอื่นๆหญิงชายแต่ละคนอาจมีคู่แท้ได้หลายคน และเช่นเดียวกับเนื้อคู่ คือคู่แท้อาจจะไม่ได้เป็นคู่ครองกันในชาติปัจจุบันก็ได้หากทั้งสองฝ่ายไม่ได้มาเกิดร่วมกันหรือทั้งสองฝ่ายมีวิบากจากถูกอกุศลกรรมมาตัดรอน

คู่เวรคู่กรรม คือ หญิงชายที่ได้เป็นคู่ครองกันในปัจจุบัน แต่เนื่องจากเหตุที่ทำให้ต้องมาครองคู่กันนั้นเกิดจากเคยทำอกุศลกรรมร่วมกันไว้ในอดีต จึงต้องมารับวิบากกรรมร่วมกัน หรือเคยอาฆาตพยาบาทกันมาก่อนในอดีต จึงต้องมาอยู่ร่วมกันเพื่อแก้แค้นกันตามแรงพยาบาทนั้น คู่ประเภทนี้มักจะมีเหตุให้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน ขัดอกขัดใจกันอยู่ด้วยกันด้วยความทุกข์และเดือดร้อน หาความสุขไม่ได้

คู่บารมี คือ หญิงชายที่เป็นเนื้อคู่กัน เคยอยู่เป็นคู่ครองกันมากมากกว่าคู่อื่น และมีความตั้งใจที่จะเกื้อหนุนเป็นคู่ครองกันไปจนกว่าคู่ของตนจะสำเร็จในธรรมที่ปรารถนา ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลดังเช่นคู่ของพระโพธิสัตว์กับพระนางพิมพา
<O</O
<O</O

ที่มาข้อมูล : นางแก้วคู่บารมี โดย อังคาร

 

ขอบคุณ คับ ความรัก:z8

 

ขอบคุณมากเลยค่ะ ^^