ปัญหาโลกร้อน Global warming

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 30 มกราคม 2007.

  1. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    รีไซเคิลขยะ ปลูกสักลดร้อน

    สดจากเยาวชน

    สมฤทธิ์ ชัยพลังฤทธิ์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เด็กน้อยเดินเรียงแถว ในมือเล็กๆ ถือถุงขยะ เล็กบ้างใหญ่บ้าง ในถุงมีทั้งกระดาษ ขวดแก้ว ขวดพลาสติกที่นำกลับมารีไซเคิลได้ใหม่ ไปฝากไว้กับธนาคารขยะของโรงเรียน

    พี่ๆ ตัวโต ทำหน้าที่นายแบงก์ ขะมักเขม้นหยิบจับถุงขยะขึ้นชั่งกิโล มีสาวน้อยฝ่ายบัญชีคอยจดบันทึกรายละเอียดลงสมุด

    ไม่ใช่รีไซเคิลขยะอย่างเดียว คุณครูโรงเรียนบ้านนาแหลมยังชวนเด็กๆ จับจอบ จับเสียม ขุดดินปลูกต้นสักทองไว้ที่บ้าน

    นอกจากทั้ง 2 โครงการแล้ว นายสานิตย์ สุขโข ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาแหลม สำนัก งานเขตพื้นที่การศึกษาแพร่ เขต 1 ยังร่วมกับครูและนักเรียนรณรงค์ลดโลกร้อนด้วยวิธีปฏิบัติง่ายๆ เชิญชวนผู้ปกครองปฏิบัติตามที่บ้าน

    1. เปลี่ยนหลอดไฟ จากหลอดกลมหันมาใช้หลอดตะ เกียบ ลดก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ได้ 150 ปอนด์ต่อปี

    2. ขับรถน้อยลง หันมาเดิน ขี่จักรยาน บริการขนส่งมวลชนหรือเลือกติดรถเพื่อน ทางเดียวกันไปด้วยกัน ลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ปอนด์ ทุกๆ 1 ไมล์ที่ลดการขับขี่ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    3. รีไซเคิลขยะในบ้าน เพียงครึ่งหนึ่งช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 2,400 ปอนด์ต่อปี

    4. เช็กลมยาง ช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึงร้อยละ 3 ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้ 20 ปอนด์

    5. ใช้น้ำร้อนน้อยลง และอย่าเปิดฝักบัวแรงสุด ลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 350 ปอนด์ต่อปี การเลือกซักผ้าในน้ำธรรมดาช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 500 ปอนด์ต่อปี

    6. เลี่ยงซื้อสินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์สิ้นเปลือง ลดขยะได้ร้อยละ 10 ลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1,200 ปอนด์ต่อปี

    7. ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศา

    8. ปลูกต้นไม้ 1 ต้น ช่วยดูดซึมคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1 ตัน

    9. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้ อาทิ เครื่องเล่นดีวีดี เครื่องเสียง คอมพิวเตอร์ ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้เป็นพันๆ ปอนด์ต่อปี

    ในส่วนของโรงเรียนบ้านนาแหลม นำนักเรียนปฏิบัติจริงที่โรงเรียน โดยช่วยกันปิดไฟ ปิดพัดลมเมื่อออกจากห้องเรียน สำรวจอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ในห้อง เรียน ห้องสมุดและห้องข้างเคียง หากห้องใดลืมปิดให้นักเรียนช่วยกันปิด

    สำหรับโครงการขยะรีไซเคิลลดโลกร้อนเปิดตัวโครงการไปเมื่อไม่นานนี้ มีนางลักข ณา วงศ์อ้าย รับผิดชอบโครงการ

    โดยนักเรียนจะเก็บขยะที่เกิดขึ้นในโรง เรียนในแต่ละวันนำไปฝากธนาคารขยะซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่รับฝากทุกวันพฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 14.30 น. เป็นต้นไป ซึ่งเป็นชั่วโมงกิจ กรรมพบครูประจำชั้น และขยะนี้จะมีร้านค้าเข้ามาติดต่อขอซื้อ เงินรายได้นำเข้าโครงการขยะต่อไป

    ส่วนโครงการปลูกสักทองลดโลกร้อนนั้นจัดทำมาแล้วหลายปี โดยปรับเปลี่ยนชื่อโครงการจากปลูกสักทองสร้างห้องเรียนรู้ ปลูกสักทองฉลองสิริราชสมบัติ นักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนถึงนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 70 คน นำต้นสักทองซึ่งได้รับการสนับสนุนจากศูนย์เพาะกล้าไม้จังหวัดแพร่ มาปลูกลงดิน

    ต้นสักทองที่นักเรียนและครูประจำชั้นร่วมกันปลูกที่บ้านของนักเรียน ทุกสิ้นเดือนจะจดบันทึกการเจริญเติบโตของต้นสัก ทำให้นักเรียนและผู้ปกครองรู้สึกรักและหวงแหน ดูแลเอาใจใส่ต้นสักทองของตนเป็นอย่างดี

    โครงการขยะรีไซเคิลและปลูกสักทองลดโลกร้อนของโรงเรียนบ้านนาแหลม ยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างยั่งยืนของจังหวัดแพร่ ในประเด็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

    ขยะที่เด็กๆ ช่วยกันเก็บ ต้นสักทองที่เด็กๆ ช่วยกันปลูก

    มาจากสองมือเล็กๆ ที่ไม่ย่อท้อต่อการเยียวยาโลกใบนี้

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNeE1RPT0=&day=TWpBd09DMHdOeTB5TVE9PQ==
     
  2. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    อนาคต"นางเงือกสมิหลา" ผลกระทบภาวะโลกร้อน

    คอลัมน์ ไอคิวทะลุฟ้า



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>"โลกร้อน" ปัญหาใกล้ตัวที่มองเห็นและสัมผัสได้ ความเปลี่ยนแปลงอย่างแรกที่ทุกคนรับรู้ได้คืออากาศที่ร้อนขึ้นจนแทบไม่อยากออกนอกร่มชายคา

    เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว "นางเงือกริมหาดสมิหลา" ที่สงขลา จะนั่งรับลมชมทะเลต่อไปได้อีกนานแค่ไหน

    น้องแป๊ก น.ส.มนัญญา ลิกมลสวัสดิ์ ชั้นม.6 โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย จ.สงขลา นักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตั้งคำถามนี้ขึ้นในใจ

    น้อยคนนักจะคิดถึงปัญหานี้ อาจเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัว หรือไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ แต่สำหรับ "แป๊ก" ในฐานะคนท้องถิ่น และเป็นนักเรียนสายวิทยาศาสตร์ที่เรียนรู้มาว่าทั้งโลกร้อนและระดับน้ำทะเลกับผืนดินที่หดหายไปนั้นมันเกี่ยวข้องกันอย่างไร ทำให้แป๊กคิดทำโครงงานวิทยาศาสตร์ชื่อว่า "การศึกษาการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเล กรณีศึกษาบริเวณพื้นที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา"

    ตำบลบ่อยางที่แป๊กใช้ศึกษาครั้งนี้ เป็นชุมชนเมือง เป็นศูนย์กลางของหน่วยงานต่างๆ ของจังหวัด เป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการต่างๆ ศาลากลางจังหวัด ศาลจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ สถานีรถไฟ รวมถึงหาดสมิหลา-ชลาทัศน์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นนางเงือกอันมีชื่อเสียงด้วย และปัจจุบันเริ่มมีเค้าว่าชายฝั่งทะเลดังกล่าวดูไม่เหมือนเมื่อหลายปีก่อนอีกแล้ว <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ก่อนจะศึกษาเรื่องนี้ แป๊กต้องค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของสภาพดินฟ้าอากาศจากงานวิจัยวิชาการต่างๆ และพบว่า เพียงแค่ระดับน้ำสูงขึ้นอีก 1 เมตรก็จะท่วมหมู่เกาะที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ลุ่ม อย่างเช่น เกาะตูวาลูในมหาสมุทรแปซิฟิก และพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลของบังกลาเทศ หรือของรัฐฟลอริดา และอาจจะท่วมเมืองต่างๆ ตั้งแต่นิวยอร์กถึงกรุงบูเอโนสไอเรสด้วย

    การคำนวณหาระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นในมหาสมุทร ไม่ได้เป็นการหาหน ทางที่จะหยุดการเพิ่มปริมาณน้ำในมหาสมุทรได้ ยังต้องพิจารณาผลกระทบอื่นๆ ด้วย

    ปัจจุบันเราใช้เครื่องมือหลายอย่างผสมผสานกันในการพิจารณาถึงสาเหตุการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำในมหาสมุทร เช่น การวัดระดับความสูงด้วยระบบดาวเทียม ตัวอย่างคือดาวเทียม TOPEX/Poseidon ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส ดาวเทียมเหล่านี้มีความเที่ยงตรงในการวัดความสูงของระดับน้ำในมหาสมุทร ซึ่งเป็นวิธีการแรกเริ่มของการวัดระดับน้ำในมหาสมุทร รวมถึงการวัดความเปลี่ยนแปลงความสูงของระดับน้ำ

    ระบบถัดมาเป็นระบบที่ใช้กันแพร่หลาย คือระบบ Array ใช้วัดอุณหภูมิใต้น้ำที่มีความลึก 2 กิโลเมตร วัดระดับความเค็มของน้ำ และวัดปริมาณน้ำแข็งที่มีในมหาสมุทรทั่วโลก ซึ่งจะทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของน้ำในมหาสมุทร หากจะคำนวณว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นในสถานที่หนึ่งๆ เช่น หมู่เกาะทะเลใต้มหาสมุทรแปซิฟิก เราจะต้องทราบว่าระดับความเค็มของน้ำที่หมู่เกาะดังกล่าวมีเท่าใด และจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร รวมทั้งเป็นการคาดคะเนว่าองค์ประกอบที่ส่งผลกระทบต่อระดับน้ำในมหาสมุทรจะเป็นไปในทางใดด้วย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    วิธีการศึกษาของแป๊ก ใช้วิธีรวบรวมข้อมูลด้านการศึกษาการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเล อุตุนิยมวิทยา ในปีพ.ศ.2494-2549 จากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จังหวัดสงขลา และข้อมูลการวัดระดับน้ำทะเล บริเวณสถานีวัดระดับน้ำทะเลจังหวัดสงขลา ปีพ.ศ.2529-2547 จากกรมอุทก ศาสตร์ กองทัพเรือ กับข้อมูลภาพถ่าย ทางอากาศ บริเวณตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ปี พ.ศ.2509, 2517, 2532, 2538, 2544 และ 2545 จากกรมแผนที่ทหาร กระทรวงกลาโหม

    จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ทางสถิติ เพื่อหาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเล ได้ผลการศึกษาคือ อุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ปีพ.ศ.2494-2549 ระยะเวลา 55 ปี อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดมีการ เปลี่ยนแปลงเพิ่ม 0.9 องศาเซลเซียส และค่าความสูงของระดับน้ำทะเลเฉลี่ย ปีพ.ศ. 2529 และปีพ.ศ. 2547 ระยะเวลา 19 ปี ค่าความสูงของระดับน้ำทะเลเฉลี่ย มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มสูงขึ้นถึง 8.3 เซนติเมตร ระดับนี้ถือว่าไม่น้อยเลย ทีเดียว

    จากนั้นนำผลการศึกษาที่ได้มาวิเคราะห์โดยเทคนิคระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) โปรแกรม ArcGIS 9.2 เพื่อจำลองภาพสามมิติการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ชายฝั่งทะเล บริเวณตำบลบ่อยาง ในปีพ.ศ.2529 และพ.ศ.2547 พบว่าพื้นที่ชายฝั่งในปัจจุบัน (พ.ศ.2551) ลดลงอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุมาจากระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น น้ำจึงเข้ามากินพื้นที่บริเวณชาย ฝั่ง เมื่อแนวโน้มของน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสที่พื้นที่บริเวณชาย ฝั่งที่เหลือน้อยอยู่แล้วจะยิ่งลดน้อยลงไปด้วย

    งานวิจัยชิ้นนี้ทำให้เห็นว่า การช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์กัดเซาะชายฝั่งของน้ำทะเล ด้วยความร่วมใจของทุกคนจะช่วยรักษาจุดๆ หนึ่งบนแผนที่โลก ซึ่งเป็นจุดที่เราอาศัยอยู่ ไม่ให้ถูกน้ำทะเลกลืนหายไปในเวลาอันรวดเร็วด้วยเช่นกัน

    ปัจจุบัน แป๊กรับทุนพสวท. เข้าศึกษาต่อคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมีความฝันอยากเป็นนักดาราศาสตร์ที่นำความรู้ความสามารถมาช่วยประเทศชาติได้เต็มที่

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNeE1RPT0=&day=TWpBd09DMHdOeTB5TXc9PQ==
     
  3. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    "อัล กอร์" จี้สหรัฐรื้อแผนพลังงาน เลิกพึ่งเชื้อเพลิงคาร์บอนใน10ปี

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD class=difcursor vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    วอชิงตัน - เจ้าของรางวัลโนเบลจากการเตือนภัยโลกร้อน เรียกร้องสหรัฐเลิกใช้เชื้อเพลิงคาร์บอนภายใน 10 ปี พร้อมหันไปใช้แหล่งพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งหมด ชี้ "วิกฤติโลกร้อน-อาหารแพง-น้ำมันพุ่ง" ล้วนมีความเกี่ยวโยงกัน

    กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายอัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ เรียกร้องเมื่อวันพฤหัสบดี (17 ก.ค.) ให้สหรัฐเปลี่ยนไปใช้พลังงานลม แสงอาทิตย์ และแหล่งพลังงานปลอดคาร์บอน ในการผลิตกระแสไฟฟ้าทั่วประเทศ ภายในระยะ 10 ปี
    อัล กอร์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ระบุว่าเป้าหมายของการเลิกใช้แหล่งพลังงานแบบเดิมไปใช้แหล่งพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คือ เพื่อลดปัญหาโลกร้อนและรับมือกับวิกฤติความมั่นคงด้านเศรษฐกิจและธรรมชาติ อันมีสาเหตุจากการพึ่งแหล่งพลังงานฟอสซิลมากเกินไป
    "คำตอบคือเราต้องการลดการพึ่งพิงเชื้อเพลิงคาร์บอน เมื่อเราลำดับเรื่องราวต่างๆ จะพบว่าวิธีแก้ปัญหาโลกร้อนเป็นวิธีเดียวกับมาตรการที่จำเป็นต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และการหลุดพ้นจากกับดักด้านราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูง"
    อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่า ภารกิจที่ท้าทาย อาทิเช่น โครงการส่งมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์ การตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญ และการสร้างระบบทางหลวงข้ามรัฐ กว่าจะสำเร็จจะต้องใช้เวลายาวนาน กว่าวาระการบริหารของประธานาธิบดีคนใดคนหนึ่ง ซึ่งเปรียบได้กับการตั้ง "กลุ่มพันธมิตรเพื่อการปกป้องสภาพอากาศ" ของเขา ที่กำหนดระยะเวลาดำเนินการนาน 30 ปี โดยจะต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นเงิน 1.5-3 ล้านล้านดอลาร์ พร้อมชี้ว่าเพื่อเร่งกระบวนการเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานใหม่ จะต้องมีการเก็บภาษีกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ข้อเสนอของ อัล กอร์ หากได้รับการนำไปปฏิบัติ จะถือว่าเป็นการเปลี่ยนวิธีจัดหาพลังงานครั้งสำคัญของสหรัฐ โดยในปี 2548 สหรัฐใช้ถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าเกินกว่าครึ่ง ที่เหลือใช้พลังงานนิวเคลียร์ 21% ก๊าซธรรมชาติ 15% และแหล่งพลังงานที่นำกลับมาใช้ได้ใหม่ ซึ่งรวมถึงพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ 8.6% อย่างไรก็ตาม อัล กอร์ ซึ่งชนะรางวัลโนเบลจากการเตือนภัยของภาวะโลกร้อนไม่ได้ระบุว่าควรทำอย่างไรกับถ่านหินที่มีบทบาทในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศมากกว่า 35% ขณะที่หน่วยงานด้านพลังงานสหรัฐประเมินว่า จะมีการใช้ถ่านหินเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจนถึงปี 2573 หากไม่มีมาตรการควบคุมของรัฐ ขณะที่พลังงานทดแทนจะมีส่วนแบ่งในการผลิตกระแสไฟฟ้าในสหรัฐเพิ่มเป็น 11%
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.bangkokbiznews.com/2008/07/21/WW83_8301_news.php?newsid=277877
     
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ว่างๆ ใครช่วยแปลที ตอนนี้งานยุ่งมากเลย

    <big>2008-08-22 03:51:22 - Climate Change - Greenland</big>

    <code> EDIS CODE: CC-20080822-18184-GRL
    Date & Time: 2008-08-22 03:51:22 [UTC]
    Area: Greenland, , Northern regio,

    </code><fieldset style="border: 1px solid Maroon; background-color: Yellow; font-family: Verdana,Geneva,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: 10px; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: bolder; color: Red; text-align: center; text-decoration: blink; vertical-align: middle;">!!! WARNING !!!</fieldset>

    Description:

    In northern Greenland, a part of the Arctic that had seemed immune from global warming, new satellite images show a growing giant crack and an 11-square-mile chunk of ice hemorrhaging off a major glacier, scientists said Thursday. And that's led the university professor who spotted the wounds in the massive Petermann glacier to predict disintegration of a major portion of the Northern Hemisphere's largest floating glacier within the year. If it does worsen and other northern Greenland glaciers melt faster, then it could speed up sea level rise, already increasing because of melt in sourthern Greenland. The crack is 7 miles long and about half a mile wide. It is about half the width of the 500 square mile floating part of the glacier. Other smaller fractures can be seen in images of the ice tongue, a long narrow sliver of the glacier. "The pictures speak for themselves," said Jason Box, a glacier expert at the Byrd Polar Research Center at Ohio State University who spotted the changes while studying new satellite images. "This crack is moving, and moving closer and closer to the front. It's just a matter of time till a much larger piece is going to break off.... It is imminent."

    The chunk that came off the glacier between July 10 and July 24 is about half the size of Manhattan and doesn't worry Box as much as the cracks. The Petermann glacier had a larger breakaway ice chunk in 2000. But the overall picture worries some scientists. "As we see this phenomenon occurring further and further north — and Petermann is as far north as you can get — it certainly adds to the concern," said Waleed Abdalati, director of the Center for the Study of Earth from Space at the University of Colorado. The question that now faces scientists is: Are the fractures part of normal glacier stress or are they the beginning of the effects of global warming? "It certainly is a major event," said NASA ice scientist Jay Zwally in a telephone interview from a conference on glaciers in Ireland. "It's a signal but we don't know what it means." It is too early to say it is clearly global warming, Zwally said. Scientists don't like to attribute single events to global warming, but often say such events fit a pattern. University of Colorado professor Konrad Steffen, who returned from Greenland Wednesday and has studied the Petermann glacier in the past, said that what Box saw is not too different from what he saw in the 1990s: "The crack is not alarming... I would say it is normal."

    However, scientists note that it fits with the trend of melting glacial ice they first saw in the southern part of the massive island and seems to be marching north with time. Big cracks and breakaway pieces are foreboding signs of what's ahead. Further south in Greenland, Box's satellite images show that the Jakobshavn glacier, the fastest retreating glacier in the world, set new records for how far it has moved inland. That concerns Colorado's Abdalati: "It could go back for miles and miles and there's no real mechanism to stop it."


    Damage level: Heavy (Level 3)
     
  5. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-08-22 03:13:05 - Climate Change - USA</big>

    <code> EDIS CODE: CC-20080822-18182-USA
    Date & Time: 2008-08-22 03:13:05 [UTC]
    Area: USA, State of Alaska, Chukchi Sea,

    </code><fieldset style="border: 1px solid Maroon; background-color: Yellow; font-family: Verdana,Geneva,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: 10px; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: bolder; color: Red; text-align: center; text-decoration: blink; vertical-align: middle;">!!! WARNING !!!</fieldset>

    Description:

    Nine polar bears were observed in one day swimming in open ocean off Alaska's northwest coast, an increase from previous surveys that may indicate warming conditions are forcing bears to make riskier, long-distance swims to stable sea ice or land. The bears were spotted in the Chukchi Sea on a flight by a federal marine contractor, Science Applications International Corp. It was hired for the Minerals Management Service in advance of future offshore oil development. The MMS in February leased 2.76 million acres within an offshore area slightly smaller than Pennsylvania. Observers Saturday were looking for whales but also recorded walrus and polar bears, said project director Janet Clark. Many were swimming north and ranged from 15 to 65 miles off shore, she said. Department of Interior Secretary Dirk Kempthorne in May declared polar bears a threatened species because of an alarming loss of summer sea ice and forecasts the trend will continue.

    Polar bears spend most of their lives on sea ice, which they use as a platform to hunt their primary prey, ringed seals. Shallow water over the continental shelf is the most biologically productive for seals, but pack ice in recent years has receded far beyond the shelf. Conservation groups fear that one consequence of less ice will be more energy-sapping, long-distance swims by polar bears trying to reach feeding, mating or denning areas. Steven Amstrup, senior polar bear scientist for the U.S. Geological Survey in Anchorage, said the bears could have been on a patch of ice that broke up northwest of Alaska's coast. "The bears that had been on that last bit of ice that remained over shallow shelf waters, are now swimming either toward land or toward the rest of the sea ice, which is a considerable distance north," he said in an e-mail response to questions. It probably is not a big deal for a polar bear in good condition to swim 10 or 15 miles, Amstrup said, but swims of 50 to 100 miles could be exhausting.

    "We have some observations of bears swimming into shore when the sea ice was not visible on the horizon," he said. "In some of these cases, the bears arrive so spent energetically, that they literally don't move for a couple days after hitting shore." Only further research can tell the effect of greater swimming distances on polar bear populations, he said. "Polar bears can swim quite well, but they are not aquatic animals," he said. "Their home is on the surface of the ice." Satellite data Saturday showed the main body of pack ice about 400 miles offshore with one ribbon about 100 miles off Alaska's coast, said Mark Serreze of the National Snow and Ice Data Center. Clark said the animals' origin and destination could not be known without radio collar monitoring. "To go out there and say they were going from this point to this point would be complete speculation," Clark said. Observers have no indication of the fate of the nine polar bears observed Saturday.
     
  6. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    ผลพวงโลกร้อน"แบบฝน"เปลี่ยน กระทบน้ำ28เขื่อนเผชิญท่วม-แล้ง

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD class=difcursor vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผลพวงอากาศเปลี่ยนแปลงส่งผลรูปแบบการตกของฝนเปลี่ยนแปลง พายุพัดตรงเข้าพื้นที่ภาคใต้ ระบบบริหารน้ำปั่นป่วนท่วม-แล้งในฤดูเดียว กระทบปริมาณกักเก็บน้ำ28เขื่อนใหญ่แนะสร้างเขื่อนพวงรอบเขื่อนขนาดใหญ่ ลดความเสี่ยงการจัดการน้ำ

    กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) กระ ทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า จากที่มีการคาดการณ์ว่าในปี 2551 ปริมาณน้ำฝนในประเทศไทยจะมี มาก เนื่องจากอิทธิพลจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในระยะที่ผ่านมานั้น ค่อนข้างชัดเจน ว่าการคาดการณ์ค่อนข้างตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้
    โดยสสนก.ได้ใช้ข้อมูลจากความแตกต่างของอุณหภูมิในมหาสมุทรและกระแสลม ทำให้พบสัญญาณผิดปกติมาตั้งช่วงเดือนธ.ค. 2550 เป็นต้นมาพบระดับน้ำทะเล มีอัตราที่สูงผิดกว่าเกณฑ์ปกติประมาณ 10 เซนติเมตร ทั้งทางฝั่งตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก และฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD class=difcursor vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    "จากเดิมระดับน้ำทะเลทนสองฝั่งมหาสมุทร ควรจะเป็นในลักษณะที่ต้องวิ่งตามกัน แต่ตอนนี้ทิศทางของระดับน้ำทะเล กลับวิ่งสวนกันไป ปกติมันต้องวิ่งตามกัน กล่าวคือ ฝั่งอันดามันเคลื่อนจากใต้ไปเหนือ และแปซิฟิกจากเหนือลงมาใต้ ต้องเคลื่อนลงมาเส้นศูนย์สูตร จุดนี้ถ้าจะบอกว่าเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศน่าจะถูกต้องที่สุด "ดร.รอยล กล่าว
    แนวพายุผ่านตรงชุมพร-ประจวบ

    นอกจากนี้ยังพบข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมาความสูงระดับน้ำทะเล ที่ผิดปกติอยู่แถวบริเวณไต้หวัน และก่อให้เกิดพายุในแถบประเทศไต้หวันและประเทศจีนในช่วง สัปดาห์ก่อน และยังเลื่อนลงใต้มาทางเวียดนามอีกด้วย มันสอดคล้องกับแผนที่อากาศ ร่องความกดดอากาศต่ำ เพราะลักษณะที่แนวพายุพาดผ่าน จะเลื่อนลงใต้ทางฝั่งแปซิฟิกได้ ทางฝั่งอันดามันก็เลื่อนลงมาทางด้านใต้ด้วย เป็นลักษณะตั้งฉากเฉียงกัน แต่ปรากฎว่าไม่ใช่แล้ว ขณะนี้ฝั่งอันดามันกลับไม่เลื่อนลงใต้ และเลื่อนขึ้นเหนือ แต่แนวพายุพาดเป็นแนวเส้นตรง ทำให้แถวชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ของไทยมีฝนหนักในช่วงนี้
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-08-26 08:27:46 - Giant Wave Impact - Greece</big>

    <code> EDIS CODE: GW-20080826-18233-GRC
    Date & Time: 2008-08-26 08:27:46 [UTC]
    Area: Greece, , Gulf of Corinth, Kiato, Derveni, Selianitika and Loggos

    Description:

    A large pleasure boat or an underwater rock slide were yesterday blamed for waves up to two meters high hitting beaches in the Gulf of Corinth, injuring four bathers and startling dozens of others. The waves hit the beaches of Kiato, Derveni, Selianitika and Loggos last week, prompting fears there had been an earthquake. Officials were yesterday considering two different possibilities. The head of the Civil Protection Authority in Achaia, Dimitris Filippatos, said yesterday the sea was up to 980 meters deep in some areas of the gulf and that it was possible there had been an underwater rock slide. Giorgos Ferentinos, a geology professor at the University of Patras, discounted this explanation. “It could not have been an underwater rock slide as no waves were recorded on the opposite shores.” He said that it was more likely a large vessel had caused the waves.

    Event exciting : Suspected underwater rock slide.
    Number of Injured persons: 4 persons
    Damage level: Moderate (Level 2)
    </code>
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11126 มติชนรายวัน


    ระดมปราชญ์ชาวบ้านทั่วไทย ผนึก"ภูมิปัญญา"แก้โลกร้อน




    นายธีระเดช วงศ์ราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เปิดแถลงข่าว "การประชุมเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.)" ระหว่างวันที่ 8-10 กันยายนนี้ ที่โรงแรมเจริญศรีแกรนด์รอยัล จ.อุดรธานี โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมจากทั่วประเทศกว่า 1,000 คน และยืนยันว่า จ.อุดรธานี มีความพร้อมทั้งที่พักระดับ 3-5 ดาว 2,000 ห้อง การคมนาคมสะดวกทั้งรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน สถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่เชื่อมโยงไปจังหวัดใกล้เคียงและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปปล.)

    ด้านนางรัชนี เอมะรุจิ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สถานการณ์สภาวะโลกร้อนที่เราเผชิญไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่หมายถึงทุกประเทศทั่วโลก การประชุมครั้งนี้จึงมีกรอบแนวคิดว่า "พลัง ทสม.พลังลดโลกร้อน" เพื่อให้ทุกคนมีบทบาทภารกิจหลัก โดยมีการจัดนิทรรศการหลายรูปแบบ การแสดงผลงานของแต่ละจังหวัด การประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การประกวดสิ่งประดิษฐ์จากของเหลือใช้ และการมอบรางวัลให้ ทสม.มีผลงานดีเด่น จาก รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

    นายชูศักดิ์ ตั้งศิริไพฑูรย์ ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม จ.อุดรธานี กล่าวว่า ทสม.จะเข้าร่วมกิจกรรมปลูกพืชอาหารแมลงทับ 40 ไร่ และปล่อยแมลงทับคืนสู่ธรรมชาติ 7,600 ตัว ที่วัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ถวายราชสักการะ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเดินทางไปดูงานนอกสถานที่ 7 เส้นทาง อาทิ กลุ่มอินแปลงสกลนคร, อเจนต้า 21 เทศบาลหนองสำโรง, พื้นที่ชุ่มน้ำสร้างคอม, คลื่นสีเขียวหนองบัวลำภู และโฮมสเตย์วังน้ำมอก จ.หนองคาย

    นายภาคภูมิ ปุผมาศ ประธานเครือข่าย ทสม.อุดรธานี กล่าวว่า งานในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการแสดงผลงานเด่นของ ทสม.จากทั่วประเทศ โดยเฉพาะผลงานการแก้ปัญหาโลกร้อน ซึ่งปราชญ์จากทั่วประเทศจะนำความรู้ประสบการณ์ในการร่วมรณรงค์แก้โลกร้อนมานำเสนอในช่วงต่างๆ ของการประชุม น่าจะเป็นการรวมปราชญ์และการรวมองค์ความรู้ภูมิปัญญาครั้งใหญ่ และความรู้จะกระจายออกไปทั่วประเทศ
    [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]หน้า 9[/FONT]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775

    วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4030 ​

    รายแรกของปท."เอ.ที.ไบโอพาวเวอร์" เปิดขาย"คาร์บอนเครดิต"จากโรงไฟฟ้าแกลบให้ยุ่น



    ตลาดคาร์บอนเครดิตคึกคัก ล่าสุดมี 10 บริษัทไทยสามารถขึ้นทะเบียนกับ UNFCC CDM ได้เแล้ว แต่มีเพียงบริษัทเดียวคือโครงการผลิตไฟฟ้าจากแกลบของบริษัทเอ.ที. ไบโอพาวเวอร์เท่านั้นที่นำโด่งได้รับใบรับรอง (CERs) การซื้อขายคาร์บอน



    องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกมีรายงานเข้ามาว่า ประเทศไทยมีโครงการที่ได้รับความเห็นชอบโครงการ CDM ที่สามารถซื้อ-ขาย "คาร์บอนเดรดิต" ได้แล้วทั้งสิ้น 38 โครงการสามารถผ่านการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการบริหารกลไกการพัฒนาที่สะอาดแล้ว 10 โครงการ และผ่านการขึ้นทะเบียนและได้ "ใบรับรอง (CERs)" เพื่อซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตได้แล้วจำนวน 1 โครงการ

    ทั้งนี้ขั้นตอนของการซื้อขายคาร์บอนเครดิตภายใต้โครงการ CDM ก็คือหลังจากหน่วยงานผู้รับผิดชอบพิจารณาโครงการ CDM ให้ความเห็นชอบแล้ว ก็จะส่งข้อมูลให้สำนักงานคณะกรรมการบริหารกลไกการพัฒนาที่สะอาดของอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ (UNFCC CDM-EB) พิจารณาให้ขึ้นทะเบียนโครงการ หลังจากนั้นก็จะให้หน่วยงานที่ 3 (third party) เข้ามาตรวจสอบโครงการ ว่าสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้หรือไม่ และลดได้เท่าใด ? เพื่อออกใบรับรองการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตให้

    โดย 10 โครงการที่ผ่านการขึ้นทะเบียนภายใต้ UNFCC CDM-EB แล้วประกอบ ไปด้วย 1) โครงการผลิตไฟฟ้าจากกากอ้อย/ใบอ้อยของบริษัท ด่านช้าง ไบโอ- เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ผลิตไฟฟ้า จังหวัดสุพรรณบุรี สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ปีละ 92,000 ตันคาร์บอน ทำสัญญาซื้อ ขายกับประเทศอังกฤษและเดนมาร์ก 2) โครงการผลิตไฟฟ้าจากกากอ้อย/ใบอ้อยของบริษัท ภูเขียว ไบโอ- เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด จังหวัดชัยภูมิ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ปีละ 99,000 ตันคาร์บอน ทำสัญญาซื้อขายกับประเทศ อังกฤษและเดนมาร์กเช่นเดียวกัน

    3) โครงการผลิตไฟฟ้าจากแกลบของบริษัท เอ.ที. ไบโอพาวเวอร์ จำกัด จังหวัดพิจิตร สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือน กระจกได้ปีละ 74,500 ตันคาร์บอน ทำสัญญาซื้อขายกับประเทศญี่ปุ่น 4) โครงการผลิตไฟฟ้าจากกากอ้อยของบริษัทน้ำตาลขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ปีละ 60,000 ตันคาร์บอน ทำสัญญาซื้อขายกับสหภาพยุโรป 5) โครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพที่ได้จากน้ำเสียโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังของบริษัทโคราชเวสท์ทูเอ็นเนอร์ยี่ จังหวัดนครราชสีมา ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ปีละ 60,000 ตันคาร์บอน ยังไม่ทำสัญญาซื้อขาย

    6) โครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซมีเทนจากหลุมฝังกลบขยะ (landfill gas) ของบริษัท เจริญสมพงษ์ จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ปีละ 99,100 ตันคาร์บอน ยังไม่ได้ติดต่อทำสัญญาซื้อขาย 7) โครงการผลิตไฟฟ้าจากทะลายปาล์มเปล่าของบริษัทสุราษฎร์ธานี กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ปีละ 171,774 ตันคาร์บอน

    และ 8)-10) โครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพที่ได้จากน้ำเสียฟาร์มสุกรของโครงการฟาร์มหมูราชบุรีภายใต้การดำเนินโครงการ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัทเอสพีเอ็ม อาหารสัตว์ จำกัด-บริษัท วีซีเอฟ กรุ๊ป จำกัด และบริษัท หนองบัวฟาร์ม แอนด์คันทรีโฮมวิลเลจ จำกัด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ปีละ 100,000 ตันคาร์บอน ทำสัญญาซื้อขายกับประเทศเดนมาร์ก

    แต่ทั้งหมดนี้มีเพียงโครงการผลิตไฟฟ้าจากแกลบของบริษัท เอที ไบโอพาวเวอร์ จำกัด เท่านั้นที่เป็นโครงการแรกที่ได้ "ใบรับรอง (CERs)" ให้สามารถดำเนินการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตได้จริง

    นายนที สิทธิประศาสน์ รองประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ.ที.ไบโอพาวเวอร์ กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ใช้แกลบ-ชานอ้อยและกะลาปาล์ม เป็นวัตถุดิบ ตั้งอยู่ที่จังหวัดพิจิตร เป็นโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ปีละ 70,772 ตันคาร์บอน

    โดยบริษัทได้ทำสัญญาซื้อขายกับเอกชนประเทศญี่ปุ่นคือ บริษัทชูบุ อีเลคทริค พาวเวอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นกับบริษัทด้วย โดยทำสัญญาซื้อ-ขายระยะยาว 7 ปี ตั้งแต่ปี 2549-2555 ในราคาไม่ต่ำกว่า 10 ยูโร/ตันคาร์บอน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท

    ซึ่งนับจากวันที่ทำสัญญาในกระบวนการผลิตไฟฟ้าสามารถคิดคำนวณปริมาณ ก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ประมาณ 100,000 ตันคาร์บอน และบริษัทได้ดำเนินการส่งมอบให้กับทางบริษัทชูบุฯในลอตแรกเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ก็จะทยอยส่งมอบเป็นประจำทุกปีจนถึงปี 2555

    [FONT=Tahoma,]หน้า 6[/FONT]
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775

    วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4030 ​

    กลไกการพัฒนาที่สะอาด CDM


    ประเทศไทยได้เป็นภาคีสมาชิกของพิธีสารเกียวโต หรือ Kyoto Protrocol ที่อยู่ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ UNFCCC มีผลบังคับใช้ปี 2548 โดยประเทศพัฒนาแล้วที่เป็นสมาชิกในกลุ่มบัญชี 1 (Annex 1) ต้องมีพันธกรณีในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตั้งแต่ปี 2551-2555 ให้ได้ร้อยละ 5.2 จากฐานปี 2533

    โดยในเวลาดังกล่าวประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศไทยที่เป็นสมาชิกที่อยู่นอกกลุ่มบัญชี 1 (Non-Annex 1) สามารถสมัครใจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ โดยผ่านกลไกการพัฒนาที่สะอาด (Clean Development Mechanism : CDM) ที่เปิดโอกาสให้ประเทศพัฒนาแล้วเข้ามาดำเนินการลดหรือเลิกการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งปริมาณก๊าซกระจกที่ลดได้ หรือที่เรียกว่า "คาร์บอนเครดิต" ประเทศพัฒนาแล้วจะซื้อไปใช้เป็น "เครดิต" โดยไม่ต้องไปดำเนินการลด ก๊าซเรือนกระจกในประเทศของตนเอง
     
  11. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">ภาวะโลกร้อนฆ่าความหนาวเย็น ขั้วโลกกลายสภาพ เป็นเกาะ [4 ก.ย. 51 - 00:34]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>ขั้วโลกเหนือแปรสภาพกลายเป็นเกาะเป็นหนแรก นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ยุคน้ำแข็งยุคสุดท้ายมานาน 125,000 ปีแล้ว

    จากภาพถ่ายจากดาวเทียมขององค์การอวกาศสหรัฐฯได้ แสดงให้เห็นน้ำว่าน้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่ ได้ละลายลงจนเปิดช่องทางทั้งทางด้านเหนือ-ตะวันตก และเหนือ-ตะวันออกขึ้น จนเรือสามารถแล่นอ้อมน้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่ไปได้ อันที่จริงแล้ว ช่องทางเหนือ-ตะวันตกได้เปิดมาแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน และช่องทางด้านตะวันออก น้ำแข็งเพิ่งจะละลายเปิดออก จนทะเลเหยียดยาวเข้าไปไกลถึงไซบีเรียได้ เมื่อไม่กี่วันนี้เอง

    ศาสตราจารย์มาร์ค เซอเรซ แห่งศูนย์ข้อมูลหิมะและน้ำแข็งแห่งชาติของอเมริกา กล่าวว่า
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2009-03-18 08:43:34 - Climate Change - Iran</big>

    EDIS CODE: CC-20090318-20924-IRN
    Date & Time: 2009-03-18 08:43:34 [UTC]
    Area: Iran, , Statewide,

    <small>Damage level: Heavy (Level 3)
    </small>
    Not confirmed information!
    Description:
    This winter, temperatures in Iran were much warmer than in previous years, to the point that people sought out the shade to protect themselves from getting sunburns. It’s really amazing how warm this past winter has been. People have even begun to turn on their air conditioners in some cities, which they had never before used at this time of the year. The warming has been compounded by the drought, which is worse than last year’s. Water flows in some of Iran’s rivers are slowing down, the mountain snow is melting like heated butter, many wells have run dry, and farmers are despondent. Pictures posted on the Mehr News Agency website on February 20 showed that the Zayand-e-Rud River, an important river that passes through the beautiful city of Isfahan, has run dry. The current drought, which is probably due to global warming, has made Iran one of the world’s leading importers of wheat over the past year. Scientists say carbon emissions are responsible for climate change. However, this warning has not been taken seriously by many of the world’s most important decision-makers.

    Posted:2009-03-18 08:43:34 [UTC]



    <big>2009-03-18 08:22:42 - Extreme Weather - Japan</big>

    EDIS CODE: ST-20090318-20919-JPN
    Date & Time: 2009-03-18 08:22:42 [UTC]
    Area: Japan, , ,

    <small>Affected Foreign Citizen(s)!
    </small>
    Not confirmed information!
    Description:
    Eight foreign skiers and a Japanese guide were rescued Wednesday after getting lost and spending the night on a mountain in subfreezing temperatures. The skiers became lost on a trail in the town of Kamikawa on Japan's northern island of Hokkaido, about 620 miles (1,000 kilometers) northwest of Tokyo, according to police spokesman Yuiji Kikuchi. The group spent the night dug into the snow on Mt. Kurodake, a 6,560-foot (2,000-meter) peak that is a popular ski destination. The skiers were located Wednesday morning near the ski trail after a helicopter search. They suffered no injuries but two women were physically weak and taken to a hospital, according to the Yomiuri newspaper. Temperatures in the area fell to 40 degrees Fahrenheit (minus 4.5 degrees Celsius) on Tuesday, with foggy and rainy conditions, according to the Japan Meteorological Agency. The skiers were from New Zealand, Australia, and Britain.


     
  13. as08058407

    as08058407 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    กระทู้นี้ สุดยอด

    ชอบจริงๆเลย เพิ่งอ่านจบเมื่อซักครู่
    อ่านมาหลายวัน

    ท่านใดมีข้อมูล ช่วยสานต่อทีนะ Plz
     
  14. as08058407

    as08058407 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่มีคน สานต่อเลยอ่ะ กระทู้นี้ - -
     
  15. as08058407

    as08058407 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    ใช่เลย ๆๆๆ
     
  16. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    Vanco หายไปไหนเอ่ย
     
  17. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    สัญชาติญาณของสัตว์

    เมืองไทย เพลี้ยระบาด เป็นล้านๆ เห็นแล้วสยดสยองมาก (หาำภาพไม่เจอ) --> อาจจะดูธรรมดา แต่มันเกิดพร้อมๆ กับ สัตว์อพยบหลายที่

    ออสเตรเลีย อูฐอพยพ เข้าเมืองเป็นพันๆ ตัว เห็นว่าทะเลทรายแล้งมาก

    ปลาตายเป็นจำนวน เป็นหมื่นเป็นแสน ในลุ่มน้ำอเมซอน (ตามรูปด้านล่างเลย)


    มันไม่ปกติเอามากๆ นะ เพราะสัตว์พวกนี้คง sensitive กว่ามนุษย์ หรือ ใต้แผ่นดินโลก มีอะไรเกิดขึ้นหว่า ช่วงนี้ภูเขาไฟระเบิดหลายที่เหมือนกันนะ


    ชาวนาหมดตัว เจอเพลี้ยระบาดหนัก <table width="626" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td width="14" bgcolor="#414141">[​IMG]</td> <td valign="top"> <table width="599" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr><td valign="top" width="599"> <table width="599" border="0" cellpadding="5" cellspacing="5"> <tbody><tr><td class="text4">26 พย. 2552 13:57 น.

    <dd> เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีการไถแปลงนาข้าวทิ้ง เนื่องจากทนต่อสภาพเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดอย่างหนักไม่ไหว จำเป็นต้องยอมไถต้นข้าวทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ต้นข้าวกำลังเติบโตใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ผลผลิต บางรายหมดเนื้อหมดตัวไม่มีทุนที่จะปลูกใหม่ ส่วนที่พอมีกำลังต้องลงทุนปลูกใหม่ใช้เงินอีกหลายหมื่นบาท อนาคตยังไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือจะเจอเพลี้ยระบาดอีกรอบหรือไม่
    </dd><dd> หลังจากที่ผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบ พบว่าที่แปลงนาของนายเกษม เพชรเกลอ อายุ 56 ปี กำลังไถ่ที่แปลงนาข้าวทิ้ง โดยเจ้าของนายืนดูด้วยสภาพใบหน้าที่สิ้นหวังเสียดายต้นข้าวที่ลงทุนปลูกเอา ไว้ ซึ่งกำลังจะได้ผลผลิตเป็นกอบเป็นกำ แต่ต้องมาขาดทุนเพราะเพลี้ยระบาดครั้งนี้
    </dd><dd> นายสายัญ จันทร์จับ อายุ 50 ปี เปิดเผยว่า ตนมีที่นาประมาณ 200 ไร่ ลงทุนแต่ละปีเป็นเงินนับแสนบาท ปรากฏว่าเพลี้ยระบาดต้นข้าวเสียหายไปแล้ว 50 ไร่ ต้องไถนาข้าวที่กำลังออกวงทิ้ง เพื่อรอปลูกใหม่อีกครั้ง ที่ผ่านมา 5 ปี ที่ผ่านมาเคยมีการระบาดแต่ไม่มาก มาในปีนี้หนักมาก เพลี้ยกัดกินโค่นต้นข้าวจนแห้งตาย แม้จะฉีดยาฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่อยู่ มีทางเดียวต้องไถทิ้ง เพราะถ้าปล่อยไว้ต้นข้าวก็ไม่สมบูรณ์ เพราะเมล็ดข้าวจะลีบ โดยไม่ทราบสาเหตุในการระบาดของเพลี้ย ทำให้ชาวนาทั้งตำบลหวังพิกุลเจอปัญหาเหมือนกันทั้งหมด จำนวนหลายหมื่นไร่ นอกจากทำนาแล้ว ตนนี้ตนยังรับจ้างตนไถที่แปลงนาทิ้ง ไร่ละ 220 บาท หลังมีการระบาดอย่างหนัก ทำให้ชาวนาได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานไหนเข้ามาดูแลเลย บางคนหมดเนื้อหมดตัวยังไม่เงินที่จะเอามาทำนารอบใหม่อีกเลย
    </dd><dd> อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดพิษณุโลก พยายามเร่งสำรวจและแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องในการลงพื้นที่เพื่อ ตรวจสอบการระบาดรุนแรงของนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรสำนักงานเกษตรจังหวัด พิษณุโลก และการสำรวจเฝ้าระวังของนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรระดับอำเภอในทุกจุด พื้นที่ เกษตรกรควรพิจารณาใช้วิธีกลต่างๆ ผสมผสานกับการใช้สารชีวภัณฑ์ ชื่อ บิวเวอร์เลีย และ เมตาไรเซียม ผสมน้ำเพื่อฉีดพ่น และ ลักษณะพื้นที่การระบาดแบบรุนแรง เกษตรกรควรพิจารณาใช้สารเคมีในกลุ่มของฮอพซิน มิบซิน และอิมิดาโคลฟริค ผสมน้ำเพื่อฉีดพ่นเพื่อเป็นการกำจัดเพลี้ยกระโดดอย่างเร่งด่วน </dd></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
    เล็งยิงอูฐป่าทิ้ง6พันเหตุแห้งแล้งเข้าเมืองหาน้ำ

    <!-- AddThis Button BEGIN --> <script type="text/javascript"> var addthis_pub="komchadluek"; var addthis_brand = "คมชัดลึก"; var addthis_header_color = "#ffffff"; var addthis_header_background = "#3792ef" </script> [​IMG]<script type="text/javascript" src="http://s7.addthis.com/js/200/addthis_widget.js"></script> <!-- AddThis Button END -->
    <script type="text/javascript"> var id='39037'; function addCommas(nStr) { nStr += ''; x = nStr.split('.'); x1 = x[0]; x2 = x.length > 1 ? '.' + x[1] : ''; var rgx = /(\d+)(\d{***)/; while (rgx.test(x1)) { x1 = x1.replace(rgx, '$1' + ',' + '$2'); } return x1 + x2; } function count(){ $.ajax({ type: "POST", url: "http://www.komchadluek.net/counter_news.php", data: "newsid="+id, success: function(txt){ var counter_=parseInt(txt); $('#counters').html('คนอ่าน '+addCommas(counter_)+' คน'); } }); } featuredcontentslider.init({ id: "slider1", contentsource: ["inline", ""], toc: "markup", nextprev: ["Previous", "Next"], revealtype: "click", enablefade: [true, 0.1], autorotate: [true, 8000], onChange: function(previndex, curindex){ } }) </script> คมชัดลึก : เพิร์ธ-รัฐบาลแถบนอร์ทเทิร์น แทริทอรีของออสเตรเลีย ประกาศเมื่อวันพุธ (25 พ.ย.) ว่า ในสัปดาห์หน้าจะใช้เฮลิคอปเตอร์ไล่ต้อนอูฐป่าประมาณ 6,000 ตัว ให้ออกนอกเมืองไปประมาณ 15 กิโลเมตร ก่อนจะยิงทิ้งและปล่อยให้ซากเน่าเปื่อยอยู่ในทะเลทราย หลังจากสภาพแห้งแล้งผิดปกติทำให้อูฐป่าเหล่านี้เข้าเมืองเพื่อหาน้ำ จากแอร์คอนดิชั่น เหยียบย่ำรั้วของรันเวย์ท่าอากาศยานขนาดเล็กของเมืองด็อกเกอร์ ริเวอร์ ทำลายแท็งก์น้ำ และสร้างความปนเปื้อนแก่แหล่งน้ำต่างๆ เพราะซากเน่าของอูฐที่ถูกเหยียบตายขณะแย่งน้ำ



    <table valign="top" width="626" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="text5" width="626" bgcolor="#414141" height="97">ออสซี่มีแผนล้อมยิงทิ้งอูฐป่า6พันตัวที่คุกคามชาวบ้าน</td> </tr> <tr> <td> <table width="626" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr><td width="14" bgcolor="#414141">[​IMG]</td> <td valign="top"> <table width="599" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr><td valign="top" width="599"> <table width="599" border="0" cellpadding="5" cellspacing="5"> <tbody><tr><td class="text4">26 พย. 2552 15:21 น.

    <dd> รัฐบาลแถบนอร์ทเทิร์น แทริทอรี่ของออสเตรเลีย ประกาศแผนการเมื่อวันพุธว่า ในสัปดาห์หน้า จะใช้เฮลิคอปเตอร์ทำการไล่ต้อนอูฐป่าประมาณ 6,000 ตัว ให้ออกนอกเมืองไปประมาณ 15 กิโลเมตร ก่อนจะยิงทิ้งและปล่อยให้วากเน่าเปื่อยอยู่ในทะเลทราย หลังจากสภาพแห้งแล้งในภูมิภาค ทำให้มีอูฐทยอยเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกทีที่เมืองเล็กๆชื่อดอกเกอร์ รีเวอร์ ซึ่งมีประชากร 350 คน เพื่อค้นหาน้ำดื่ม
    </dd><dd> อากาศแห้งแล้งผิดปกติในพื้นที่ส่วนใหญ่ของออสเตรเลียในปีนี้ ทำให้อูฐที่เคยอยู่ในป่า เข้าไปในเมืองเพื่อหาน้ำ พวกมันเข้าใกล้ตัวบ้านเพื่อพยายามหาน้ำจากแอร์คอนดิชั่น เหยียบย่ำรั้วของรันเวย์ของท่าอากาศยานขนาดเล็กของที่นั่น ทำลายแท็งค์น้ำ และสร้างความปนเปื้อนให้กับแหล่งน้ำต่างๆ เพราะซากเน่าของอูฐที่ถูกเหยียบตายขณะแย่งน้ำ
    </dd><dd>
    </dd></td></tr> <tr><td align="center">
    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> </td> <td width="13" bgcolor="#414141">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td width="626" bgcolor="#414141" height="22">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <!--------------- จบข่าว ---------------> [​IMG]

    Australian camel cull plan angers animal welfare groups

    Campaigners urge 'trigger-happy' Australian government not to shoot 6,000 camels causing chaos in Docker River
    In pictures: feral camels facing mass cull




    [​IMG] Feral camels converge on a water hole in the Northern Territory, Australia. Photograph: Northern Territory government/EPA

    Animal welfare groups have accused the Australian government of being "trigger happy" over plans to shoot 6,000 camels that invaded an outback town in search of water.
    The animals have caused chaos in the Northern Territory town of Docker River, smashing water tanks, destroying fences and approaching houses. State officials have described the siege as a "critical situation" and warned that the town did not "have the luxury of time", after the camels blocked the town's airstrip – preventing medical evacuations – and began to contaminate the water supply.
    People for the Ethical Treatment of Animals (Peta) and Animals Australia said the cull would cause "terrible suffering" to the animals.
    The drama began when 30 camels approached the town, known as Kaltukatjara to its mostly indigenous population, more than a month ago. More followed looking for water, and soon thousands of the animals – which can grow up to 2.1 metres (7ft) tall and weigh 900kg (2,000 pounds) – were antagonising locals.
    "The community of Docker River is under siege by 6,000 marauding wild camels," the Northern Territory local government minister, Rob Knight, told Northern Territory News. "The herd is increasing day by day."
    Camels were first taken to Australia in 1840 from the Canary Islands to help in exploring the vast outback. The population continued to rise until the early 1920s, when motorised vehicles became more widely available.
    As the need for them dwindled, most were turned into the bush, where owners expected they would die in the harsh conditions. But numbers have swollen to the extent that the Northern Territory government now estimates that "in excess of 1 million" feral camels are roaming the country.
    As well as wreaking havoc in Docker River, camels have been blamed for defoliating shrubs and grazing on food sources traditionally used by Aboriginal Australians. They create a hazard for motorists travelling in the outback.
    Macdonnell Shire council, which oversees Docker River, said many residents were unable to leave their homes. "The social and psychological impacts on some people about being contained in homes and not being able to step out … there will be some cost factors for the community there," the chief executive, Graham Taylor, told the Sydney Morning Herald.
    The camels have butted water tanks, approached houses and knocked down fencing at the local runway. Knight said the carcasses of camels killed in stampedes at water holes were contaminating the town's water supply. "This is a very critical situation out there, it's very unusual and it needs urgent action," he said.
    The state government plans to use helicopters to herd the camels nine miles from the town before shooting them, leaving their carcasses to rot in the desert.
    A spokeswoman for Peta said the "trigger-happy response from authorities [was] inexcusable", and stressed alternative measures were available. "There are humane solutions to every problem, and authorities just need to be compassionate enough to employ them," she said.
    "There's no question that shooting thousands of wild animals is going to lead to terror and massive suffering. It's human action which has led to this problem because people introduced camels to this environment – it's not the camels' fault and they shouldn't pay a fatal price for human failures."
    Glenys Oogjes, executive director of the animal welfare group Animals Australia, said the community could organise barriers to keep out the camels. "It's a terrible thing that people react to these events by shooting," she said. "The real concern is the terrible distress and wounding when shot by helicopter ... There will be terrible suffering."
    If the cull goes ahead next week, it is unlikely to have much of an impact on the overall camel problem in Australia. The government set aside A$19m (£10.5m) in July for a programme to reduce the camel population, with proposals including shooting the animals en masse and using some of the meat for snacks, such as camel burgers. Animal welfare activists have mooted administering birth control drugs.
    While the country makes up its mind about what to do with its camels, it should be mindful that the numbers are unlikely to fall of their own accord. The Northern Territory government has warned that the feral camel population is capable of doubling in size every nine years.


    Australian camel cull plan angers animal welfare groups | World news | guardian.co.uk




    Sad Photo: Drought causes death of thousands of fish in the Amazon River

    [​IMG]

    Resident Manoel da Silva paddles his canoe through dead fish in the Parana de Manaquiri River, a tributary of the Amazon, near the city of Manaquiri November 22, 2009. After a rainy season that caused some of the worst flooding in recent history the seasonal drought that followed is proving to be especially bad as well.


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  18. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ปัญหาโลกแตก ฮ่าๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...