อนาคตวงศ์ เชื่อถือได้หรือไม่

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย mabilar, 20 พฤศจิกายน 2009.

  1. ตติยะ

    ตติยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +127
    และจากข้อความและความเห็นต่อจากนั้น คุณต้นละ เข้าใจคำว่า มิจฉาทิฏฐิ กับ นิยตมิจฉาทิฏฐิ น่าจะคลาดเคลื่อนเสียแล้ว.

    ***************************
    และคำว่า มิจฉาทิฏฐิ กับการกระทำกรรมที่เป็นอกุศลกรรม ที่มีวิบากเป็นอกุศลกรรม ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเรื่องเดียวกันเสียทุกอย่าง
    **************************

    ลองกลับไปทบทวนพิจารณาดูนะครับ.
     
  2. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ท่าน ตติยะ ผมเข้าใจครับ ไม่คลาดเคลื่อน
     
  3. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ท่าน ตติยะ ครับการกระทำกรรมที่เป็นอกุศลกรรม มาจากความคิดและจิตใจ ( มิจฉาทิฐิ แปลว่า ความเห็นผิด ) ไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน
     
  4. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ท่าน ตติยะ ครับ ท่านลองอธิบาย สิว่า อดีตพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน " ท่านชื่อโชติปาล ท่านกล่าวตู่พระพุทธเจ้า (พระกัสสปะพระพุทธเจ้า) " ทำให้ท่าน(องค์ปัจจุบัน) ไปตกนรกตั้งหลายแสนปี (เวลาของนรก) แล้วมาชาติปัจจุบันต้องบำเพ็ญทุกรริยา เป้นเวลา ๖ ปี แบบนี้ท่านช่วยแปลหน่อยสิครับ ว่า.................................เป็นมิจฉา รึ สัมมา.
     
  5. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ท่าน ตติยะ ครับ มานพที่ชื่อ โชติปาล ในยุคพระกัสสปะพระพุทธเจ้านะครับ ท่านเป็นนิตยะโพธิสัตว์แล้วนะ ผมว่าท่านเองน่าจะไปถามผู้รู้หลายๆๆคนก่อนนะครับ แล้วทบทวนเอง แล้วค่อยมาบอกผมดีกว่ามั้ง
     
  6. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    นิตยะ แปลว่า เที่ยงแท้ นิตยะโพธิสัตว์ แปลว่า ผู้ที่เที่ยงแท้จะได้เป็นพระพุทธเจ้า แต่ไม่ได้แปลว่าท่านจะมีความคิดผิดไม่ได้ ถ้าท่าน ตติยะ สงสัยเรื่องอนาคตวงศ์ ให้ท่านตติยะ ไปถาม ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร นะครับท่านเป็นคนเรื่องอนาคตวงศ์
     
  7. ไฟราคะ

    ไฟราคะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +92
    ขออนุญาติแทรกนิดนะครับ จากที่เห็นหัวเรื่องกระทู้แล้วผมก็เลยสนใจเข้ามาอ่าน และก็เจอคำถามที่ผมเองก็สงสัยมานานเหมือนกัน เรื่องพระยามาราธิราช กับ ความอาภัพ18ประการที่ขัดแย้งกัน ซึ่งตอนนี้เองก็ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน

    แต่ว่าคุณต้นละครับ นิยตมิจฉาทิฏฐิ กับมิจฉาทิฏฐิ มีความแตกต่างกันนะครับ คือ นิยตมิจฉาทิฏฐิ เป็นมิจฉาทิฏฐิแบบดิ่งแก้ไขไม่ได้ มี3อย่าง จัดเป็นครุกรรมอย่างหนักพอๆกับอนันตริยกรรม เมื่อตายต้องได้รับผลกรรมนั้นทันที แตกต่างจากมิจฉาทิฏฐิธรรมดาครับ
     
  8. ไฟราคะ

    ไฟราคะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +92
    ส่วนกรณีอย่างโชติปาลนั้นถือว่าเป็นแค่มิจฉาทิฏฐิธรรมดาครับ ภายหลังที่เข้าเฝ้าพระกัสสปพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เกิดเลื่อมใสแล้วกราบขอบรรพชาในพระพุทธศาสนาครับ
     
  9. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ.......ครับ คุณไฟราคะ แต่ มานพโชติปาล ก็ต้องรับกรรมอยู่ดี
     
  10. ไฟราคะ

    ไฟราคะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +92
    หวังว่าคุณต้นละจะไม่ว่าผมนะครับ ถ้าเกิดทำให้ไม่พอใจก็ต้องขอโทษด้วยครับ

    ถึงคุณตติยะ เรื่องความอาภัพ 18 ประการนี้ ผมก็เคยได้ยินมาอยู่ว่าพระโพธิสัตย์ผุ้ได้รับคำพยากรณ์แล้ว จะไม่ถึงฐานะทั้ง18ประการนี้ แต่ยังไม่เคยเห็นกล่าวไว้ตรงส่วนไหนของพระไตรปิฏกเลยครับ ว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้ตอนไหน กับใคร ยังไง ตอนเห็นก็เห็นลอยๆไม่มีที่มา (หรือว่าผมหาไม่เจอเองก็ไม่ทราบ) รบกวนคุณตติยะ ช่วงส่งลิงค์เกี่ยวกับความอาภัพ18ประการนี้ให้ผมดูหน่อยได้หรือไม่ครับ ขอบคุณครับ
     
  11. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    นิตยะมิจฉาทิฐิ = ความเห็นผิดไปจากความจริงอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ปฏิเสธผล ปฏิเสธเหตุ ปฏิเสธทั้งเหตุและผล เริ่มแรกโชติปาลท่านเป็นแบบนี้(เพราะท่านเองเป็นพราหมณ์ พราหมณ์ไม่ชอบศาสนาอื่น) แต่พอได้ฟังธรรมจากพระกัสสปะพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็เปลี่ยน " จริงๆๆแล้วพราหมณ์ในสมัยพระพุทธเจ้าเป็นแบบนี้เกือบหมด แต่พอได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้วก็เปลี่ยน "
     
  12. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    คุณ ไฟราคะ ครับ ผมไม่กล้าว่าคุณหรอกครับ แถมจะขอบคุณที่แลกเปลี่ยนความรู้นะครับ
     
  13. ตติยะ

    ตติยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +127
    สวัสดีครับ ผมจะเข้ามาตอบที่คุณ ไฟราคะ ได้ถามไว้ว่า ฐานะ 18 ประการอยู่ในส่วนไหน?

    ฐานะ 18 ประการนั้นอยู่ในพระอรรถกถา ที่ท่านกล่าวไว้อย่างชัด ซึ่งมีอยู่ในหลายที่ ของพระอรรถกถา

    *************************
    ดังพระอรรถกถาเล่มที่ 46 หน้าที่ 109 กล่าวไว้อย่างนี้

    สุเมธบัณฑิตประกอบพร้อมด้วยฉันทะ คือ ความเป็นผู้ปรารถนา
    เพื่อจะทำเห็นปานนี้ ได้ตั้งปณิธานแล้วแล.

    พระโพธิสัตว์ผู้มีอภินิหารสำเร็จแล้วอย่างนี้แล ย่อมไม่ถึงอภัพฐานะ
    ๑๘ ประการ. จริงอยู่ พระโพธิสัตว์นั้น จำเดิมแต่นั้น ย่อมไม่เป็นคนบอด
    แต่กำเนิด ๑ ไม่เป็นคนหนวกแต่กำเนิด ๑ ไม่เป็นคนบ้า ๑ ไม่เป็นคนใบ้ ๑
    ไม่เป็นคนแคระ ๑ ไม่เกิดในชนชาติมิลักขะ ๑ ไม่เกิดในท้องของนางทาสี ๑
    ไม่เป็นคนนิยตมิจฉาทิฏฐิ ๑ ไม่เป็นคนกลับเพศ ๑ ไม่ทำอนันติียกรรม
    ห้าอย่าง ๑ ไม่เป็นคนโรคเรื้อน ๑ อัตภาพสุดท้ายไม่เวียนมาในกำเนิด
    ดิรัจฉาน ๑ ไม่มีอัตภาพใหญ่กว่าช้าง ๑ ไม่เกิดในขุปปิปาสิกเปรตและนิชฌาม
    ตัณหิกเปรต ๑ ไม่เกิดในจำพวกกาลกัญชิกาสูรทั้งหลาย ๑ ไม่เกิดในอเวจี
    นรก ๑ ไม่เกิดในโลกันตริกนรก ๑ ไม่เป็นมารในสวรรค์ชั้นกามาวจร ไม่
    เกิดในอสัญญีภพในรูปาวจรภูมิ ไม่เกิดในภพสุทธาวาส ไม่เกิดในอันติมภพ
    ไม่ก้าวไปสู่จักรวาลอื่น ๑.

    ก็พุทธภูมิ ๔ เหล่านี้ใด คือ อุตสาหะ ๑ อุมมัคคะ ๑ อวัฏฐานะ ๑
    หิตจริยา ๑ พระโพธิสัตว์เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยพุทธภูมิเหล่านั้น. ในพุทธภูมิ
    ๔ ประการนั้น ความเพียรเรียกว่า อุตสาหะ ปัญญาเรียกว่า อุมมัคคะ
    อธิษฐานเรียกว่า อวัฏฐานะ เมตตาภาวนาเรียกว่า หิตจริยา.

    ก็อัธยาศัย ๖ ประการ แม้เหล่านี้ใด คือ อัธยาศัยเพื่อเนกขัมมะ
    อัธยาศัยเพื่อปวิเวก อัธยาศัยเพื่อความไม่โลภ อัธยาศัยเพื่อความไม่โกรธ
    อัธยาศัยเพื่อความไม่หลง อัธยาศัยเพื่อความสลัดออก ย่อมเป็นไปเพื่อบ่ม
    โพธิญาณ
    *******************************

    ซึ่งในพระอรรถกถานั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้ว ครับคุณไฟราคะ

    ส่วนคุณ ต้นละ นั้นยังเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่ที่เดิม เรื่อง มิจฉาทิฏฐิ กับ นิยตมิจฉาทิฏฐิ

    เอาผมจะอธิบาย เรื่อง มิจฉาทิฏฐิ ต่างกับ นิยตมิจฉาทิฏฐิ อย่างไรนะครับ.

    ปุถุชนทั่วไปไม่ยกเว้นแม้พระนิยตโพธิสัตว์ เมื่อย้งไม่ได้ยินได้ฟังธรรมตามเหตุตามผลที่เป็นสัจจะจริงตามลำดับ ก็อาจจะยังเกิดมี มิจฉาทิฏฐิ ได้เป็นธรรมดา

    แต่เมื่อปุถุชนทั่วไปนั้นหรือพระนิยตโพธิสัตว์ ได้ยินได้ฟังธรรมตามเหตุผลที่เป็นสัจจะจริง ตามลำดับ จากผู้มีธรรมอย่างพระพุทธเจ้า ย่อมสละทิ้งมิจฉาทิฏฐินั้นโดยง่าย หรือในเวลาไม่นานนัก

    แต่ถ้าปุถุชนนั้นได้พบกับพระพุทธเจ้าผู้ที่มีพระเมตตาและกรุณา และได้ฟังธรรมตามเหตุผลเป็นจริงตามลำดับแล้ว ก็ยังมี มิจฉาทิฏฐิ ที่มุ้งร้าย มีอคติร้ายต่อพระพุทธเจ้า หรือต่อพระธรรมนั้น ไม่ยอมคลาย มิจฉาทิฏฐินั้น จนแม้ตนเองตายก็ไม่คลายทิฏฐินั้นหรือไม่สำนึกได้ มิจฉาทิฏฐิอันนี้แหละเรียกว่า เป็น นิยตมิจฉาทิฏฐิ ที่ส่งผลในชาตินั้นและชาติต่อไปคือตกนรก และไม่รู้อีกยาวนามเท่าไหร จึงจะคลายนิยตมิจฉาทิฏฐินั้นได้ เพราะต้องตกนรก พ้นจากนรกพุทธศาสนาก็สูญสิ้นไปหมดแล้ว.

    ในอีกกรณีหนึ่งคือ มีมิจฉาทิฏฐิ ต่อพระพุทธเจ้า แม้สามารถได้เจอพระพุทธเจ้าอยู่เนื่องได้ฟังธรรมอยู่เนื่อง แต่มีมิจฉาทิฏฐิมุ่งร้ายมีอคติร้านต่อพระพุทธเจ้า ไม่ย่อมคลายทิฏฐินั้นไม่ย่อมสำนึกได้ จนพระพุทธเจ้าได้ดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว และได้ทำอกุศลกรรมกับพระพุทธเจ้าไว้มากแล้ว และได้กระทำกรรมนั้นสำเร็จ นี้ก็อยู่ในข่ายของนิยตมิจฉาทิฏฐิ เพราะไม่มีพระพุทธเจ้าทรงมีพระชนชีพอยู่ ที่ได้จะได้ขอคมาลาโทษ ขออโหสิกรรมจากพระองค์อีกแล้ว ก็เป็นที่แน่แท้หลังจากหมดอายุขัยของผู้นั้นก็จะต้องลงนรกเป็นที่ไปเท่านั้น.

    หวังว่า คุณต้นละ คงพอทำความเข้าใจ และทำไว้ในใจไว้อย่างแยบคายขึ้นนะครับ.
     
  14. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เชื่อได้แต่ก็ไม่ได้ให้เชื่อไปเสียทั้งหมด


    เมื่อมีปัญญาเป็นของตนแล้ว ก็ยังเลือกเชื่อแต่ก็ไม่ได้ให้เชื่อไปเสียทั้งหมด
     
  15. Attila 333

    Attila 333 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +716
    ผมอยากถามท่านผู้รู้ช่วยให้เหตุผลอีกข้อหนึ่ีงผมอยากรู้ว่าทำไมพระเจ้าปเสนทิโกศลที่เป็นพระโพธิสัตว์ทำไมจึงฆ่าท่านพันธุลเสนาบดีพร้อมทั้งบุตรถึง 31 ชีวิต เป็นเรื่องที่หน้าเศร้ามาก ไม่เข้าใจว่าพระโพธิสัตว์ทำไมจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้ ซึ่งขัดกันกับความเป็นปกติของพระโพธิสัตว์ที่จะต้องเปี่ยมด้วย ปัญญา และความเมตตา และไม่ทราบว่าจริงเท็จแค่ใหน ท่านผู้รู้ช่วยอธิบายให้หน่อยครับ
     
  16. ตติยะ

    ตติยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +127
    สวัสดีครับคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Attila 333<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2638353", true); </SCRIPT>

    ที่ผมอ่านมาในพระไตรปิฏก นั้นไม่มีพุทธพจน์ตรงเลย ที่พระพุทธเจ้าตรัสพุทธพยากรณ์ พระเจ้าพระเจ้าปเสนทิโกศล ทั้งที่ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่เนื่องๆ (พอดีในพระอรรถกถาผมยังไม่ได้ไปค้น เพราะค้นยาก กว่าจะเจอ บางครั้งโปรแกรมแฮงน็อกไปเฉยๆ ถ้าพิมพ์ข้อมูลที่มีปัญหาเข้าไป)

    มีเพียงในส่วนของมเหสีองค์หนึ่ง ของพระเจ้าปเสนทิโกศล ที่ได้สวรรคตลงไปเกิดในนรก 7 วัน แล้วไปเกิดเป็นเทพธิดาบนสวรรค์ ที่ได้เจอกับพระโมคคัลลานะ ที่พอจำได้เหมือนกับเป็นที่เที้ยงแท้แล้วจะเป็นคู่บารมีของพระพุทธเจ้าในอนาคต (ถ้าจำไปมีผิด)
     
  17. Attila 333

    Attila 333 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +716
    ขอเรียนถามอีกข้อหนึ่งครับแล้ว นิยตมิจฉาทิฏฐิ จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้หรือไม่ และจะมีการบำเพ็ญบารมีอย่างไรจึงจะได้เป็นนิยตโพธิสัตว์ พอจะทราบไหมครับผมก็เข้าใจว่าเพื่อประเทืองปัญญา นอกเหตุเหนือผล ขอบคุณครับ
     
  18. NikuSeed

    NikuSeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +724
    เข้ามาดูแล้วเห็นสนทนากันสนั่นจริงๆครับ ^^
    ได้ความรู้ไปเยอะ อนุโมทนาด้วยนะครับ

    สำหรับคำถามของคุณ Attila 333 นี่
    ตามความจริงแล้ว ผู้ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าหรือเรียกว่าพระโพธิสัตว์นั้น จะเป็นใครก็ได้
    พระโพธิสัตว์นี้ ดูยากมาก ยังมีกิเลส(เยอะ)แบบปถุชน เพราะไม่ได้เป็นอริยบุคคล(จริงๆคือ ไม่ยอมบรรลุล่ะนะ)

    สำหรับการบำเพ็ญเพื่อเป็นนิยตโพธิสัตว์นี้ เป็นตามกาลเวลา

    ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีโดยมีปัญญาเป็นตัวนำ ใช้เวลา 16 อสงไขย จึงจะได้รับพุทธพยากรณ์เป็นนิยตโพธิสัตว์
    ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีโดยมีศรัทธาเป็นตัวนำ ใช้เวลา 32 อสงไขย จึงจะได้รับพุทธพยากรณ์เป็นนิยตโพธิสัตว์
    ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีโดยมีวิริยะเป็นตัวนำ ใช้เวลา 64 อสงไขย จึงจะได้รับพุทธพยากรณ์เป็นนิยตโพธิสัตว์

    ตามที่ผมรู้มาก็แบบนี้ล่ะครับ...^^

    แต่ผมก็สงสัยน่ะนะครับ เรื่องพระยามารนี่
    หรือว่าพระยามารไม่ใช่เทพฝ่ายมารเหมือนที่พระยายมราชท่านเป็นพรหมแล้วก็ไม่ได้อยู่ในนรก?
     
  19. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ส่วนคุณ ต้นละ นั้นยังเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่ที่เดิม เรื่อง มิจฉาทิฏฐิ กับ นิยตมิจฉาทิฏฐิ

    เอาผมจะอธิบาย เรื่อง มิจฉาทิฏฐิ ต่างกับ นิยตมิจฉาทิฏฐิ อย่างไรนะครับ.

    ปุถุชนทั่วไปไม่ยกเว้นแม้พระนิยตโพธิสัตว์ เมื่อย้งไม่ได้ยินได้ฟังธรรมตามเหตุตามผลที่เป็นสัจจะจริงตามลำดับ ก็อาจจะยังเกิดมี มิจฉาทิฏฐิ ได้เป็นธรรมดา

    แต่เมื่อปุถุชนทั่วไปนั้นหรือพระนิยตโพธิสัตว์ ได้ยินได้ฟังธรรมตามเหตุผลที่เป็นสัจจะจริง ตามลำดับ จากผู้มีธรรมอย่างพระพุทธเจ้า ย่อมสละทิ้งมิจฉาทิฏฐินั้นโดยง่าย หรือในเวลาไม่นานนัก

    แต่ถ้าปุถุชนนั้นได้พบกับพระพุทธเจ้าผู้ที่มีพระเมตตาและกรุณา และได้ฟังธรรมตามเหตุผลเป็นจริงตามลำดับแล้ว ก็ยังมี มิจฉาทิฏฐิ ที่มุ้งร้าย มีอคติร้ายต่อพระพุทธเจ้า หรือต่อพระธรรมนั้น ไม่ยอมคลาย มิจฉาทิฏฐินั้น จนแม้ตนเองตายก็ไม่คลายทิฏฐินั้นหรือไม่สำนึกได้ มิจฉาทิฏฐิอันนี้แหละเรียกว่า เป็น นิยตมิจฉาทิฏฐิ ที่ส่งผลในชาตินั้นและชาติต่อไปคือตกนรก และไม่รู้อีกยาวนามเท่าไหร จึงจะคลายนิยตมิจฉาทิฏฐินั้นได้ เพราะต้องตกนรก พ้นจากนรกพุทธศาสนาก็สูญสิ้นไปหมดแล้ว.

    ในอีกกรณีหนึ่งคือ มีมิจฉาทิฏฐิ ต่อพระพุทธเจ้า แม้สามารถได้เจอพระพุทธเจ้าอยู่เนื่องได้ฟังธรรมอยู่เนื่อง แต่มีมิจฉาทิฏฐิมุ่งร้ายมีอคติร้านต่อพระพุทธเจ้า ไม่ย่อมคลายทิฏฐินั้นไม่ย่อมสำนึกได้ จนพระพุทธเจ้าได้ดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว และได้ทำอกุศลกรรมกับพระพุทธเจ้าไว้มากแล้ว และได้กระทำกรรมนั้นสำเร็จ นี้ก็อยู่ในข่ายของนิยตมิจฉาทิฏฐิ เพราะไม่มีพระพุทธเจ้าทรงมีพระชนชีพอยู่ ที่ได้จะได้ขอคมาลาโทษ ขออโหสิกรรมจากพระองค์อีกแล้ว ก็เป็นที่แน่แท้หลังจากหมดอายุขัยของผู้นั้นก็จะต้องลงนรกเป็นที่ไปเท่านั้น.

    หวังว่า คุณต้นละ คงพอทำความเข้าใจ และทำไว้ในใจไว้อย่างแยบคายขึ้นนะครับ...................คุณตติยะครับ ผมเข้าใจดีครับ ไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน นิตยะมิจฉาทิฏฐิ = ความเห็นผิดไปจากความเป็นจริงอย่างไม่เป็นเปลี่ยนแปลง ปฏิเสธผล ปฏิเสธเหตุ ปฏิเสธทั้งเหตุและผล
     
  20. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ถึง....คุณ ตติยะนิตยะมิจฉาทิฐิ = ความเห็นผิดไปจากความจริงอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ปฏิเสธผล ปฏิเสธเหตุ ปฏิเสธทั้งเหตุและผล เริ่มแรกโชติปาลท่านเป็นแบบนี้(เพราะท่านเองเป็นพราหมณ์ พราหมณ์ไม่ชอบศาสนาอื่น) แต่พอได้ฟังธรรมจากพระกัสสปะพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็เปลี่ยน " จริงๆๆแล้วพราหมณ์ในสมัยพระพุทธเจ้าเป็นแบบนี้เกือบหมด แต่พอได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้วก็เปลี่ยน "...........
     

แชร์หน้านี้

Loading...