ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    เกรงใจจขกท.เขาจัง ...กลัวโดนพี่สาวดุ...แหะ แหะ..ค่อยข้างส่วนตัวแล้วนิ..ขออีกนิดนะค้า
    แหมมม !!... นึกว่าคนไกลที่ไหน...ที่แท้พี่น้องเราอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง..ระยะไม่เกิน 100 ม.ได้
    ไม่แน่นะคะบางทีเราอาจเคยเจอกันบ้างแล้วก็ได้ เดินผ่านหน้ากันไปมาแต่ไม่รู้จักกัน
    เพราะกบไปทานข้าวเช้าที่สามัคคีประจำเลยค่ะ (แบบว่าใกล้สุดแล้ว)..บางทีตอนเย็นก็ไปวิ่งข้างๆตึกอ่ะ
    อย่าลืมนะคะ กลับจากวัดถ้ำวัวแดงวันไหนว่างไปกินข้าวเย็นด้วยกันนะค้า (^_^)

    ปล.ด้วยความยินดีเลยค้าสำหรับเสบียง..กองหนุนเต็มที่ อิ อิ..เป็นอย่างงี้แหละค่ะบ้านกบ
    ใครไปไหนมาไหน ต้องพกห่อข้าวให้ทุกทีกลัวเขาจะหิวกลางทาง...เป็นห่วง
     
  2. assume

    assume เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ขออนุโมทนาครับพี่ Ga_t ถ้าฟังเทศน์ของหลวงพ่อฤๅษีแล้วจะเห็นว่าท่านกำลังใจสูงมาก ตอนท่านเล่าว่าไปฝึกพุทโธแล้วใช้วิธีการนับจำนวนครั้งเพื่อไม่ให้หลุดจากพุทโธนั้น ผมรู้สึกศรัทธาท่านมากครับ พอหันมาดูตัวเองแหม ... ยังเหยาะแหยะอยู่เลยครับ หลุดพระกรรมฐานบ่อยครั้งครับ
    ขออนุโมทนาพี่เช่นกันครับ ข้อธรรมต่างๆ ที่พี่อ้อย หรือท่านอื่นๆ ก็ตามเป็นประโยชน์ให้กันและกันครับ (ต้องขออภัยจริงๆ ครับ จำชื่อไม่ค่อยได้แม้ว่าจะไม่ได้กล่าวถึงชื่อท่านแต่สาระธรรมที่ท่านได้มีเมตตาพิมพ์ให้ได้อ่านนั้นเป็นสิ่งล้ำค่ามากครับ นั่นแสดงให้เห็นว่าเรือบุญลำนี้ยิ่งใหญ่มากเลยนะครับ)

    เรื่องความเข้าใจธรรมนั้นไม่ต่างกันมากหรอกครับพี่ ผมก็เพียงจำข้อธรรมมาครับ ส่วนจะปฏิบัติได้หรือเปล่าน่ะอีกเรื่องหนึ่งครับ ^-^

    หลวงพ่อหรั่งท่านสอนว่าให้ดูพระพุทธเจ้าท่านเป็นตัวอย่างว่าใช้พระกรรมฐานอะไรก็ให้ทำตามท่าน และถ้าใช้วิธีการเจริญอานาปานสติ แล้วยกธรรมขึ้นสู่พระไตรลักษณ์ในการพิจารณาไม่ต้องห่วงเรื่องผิดทางเลย และท่านก็ย้ำเรื่อง "สติ" มากๆ ครับ

    นึกขึ้นได้อีกเรื่องครับ ตอนกลับจากพระสถูปที่ปรินิพพานระหว่างทางท่านพูดถึงบารมี 10 ท่านบอกว่าบารมี 10 นั้นจะเป็นไปตามลำดับ ตั้งแต่ทาน ศีล เนกขัมมะ ... อุเบกขา

    - การฝึกอิริยาบถต่างๆ นั้นเป็นการฝึกความอดทน และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในยามสถานการณ์คับขัน เช่น เราฝึกยืนได้นานๆ แล้วหากเกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องยืนนานๆ ก็จะเป็นประโยชน์ในตอนนั้นด้วย

    เมื่อลองพิจารณาสิ่งที่พระสุปฏิปันโนทั้งหลายท่านสอน ข้อธรรมทั้งหลายนั้นเข้ากันได้หมดครับ จะแตกต่างกันก็แต่ลีลาการสอนของแต่ละท่านเท่านั้นเองครับ

    ขอให้ความเพียรของเราทั้งหลายจงทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ในชาติปัจจุบันนี้เทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2009
  3. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ต้องขอขอบคุณที่คุณ Ricardo ได้ให้กำลังใจคนแก่
    ตามสภาวะธรรมจริงๆ การแก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องของขันธ์ ๕
    และขันธ์ ๕ ก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ถ้าไม่ไปยึดขันธ์ ๕
    ความทุกข์มันก็ลดน้อยลง
    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นครับ
    ปล.ผมตอบมา ๒ ครั้งแล้ว แต่ข้อความหายครับ
    เลยลองตอบอีกครั้งไม่รู้จะหายอีกหรือเปล่า
     
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ด้วยขณะนี้ทางศูนย์พุทธศรัทธา
    กำลังปิดทอง-ประดับเพชร ฐานสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องพระเจ้าจักรพรรดิ
    หน้าตัก ๓ ศอก ที่พวกเราได้เคยร่วมทำบุญกัน
    อ.วิภาพร (แม่ใหญ่) ได้ลงมือปิดทอง-ประดับเพชรด้วยตัวเอง
    จึงนำรูปมาลงให้ทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาครับ

    [​IMG]
     
  5. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ขออนุโมทนากับแม่ใหญ่ และอจ.ชนะ อีกครั้งค่ะ อยากไปเป็นแรงงานช่วยปิดทองหรือตกแต่งฐานสมเด็จองค์ปฐมนะคะ อจ.

    ถ้าอจ.ชนะ ไม่บอกว่าเป็นภาพของแม่ใหญ่ แล้วนำภาพมาให้ทาย ว่าใครเอ่ย กำลังปิดทององค์พระ? รับรองว่าไม่มีใครทายถูกค่ะ

    ฮ่า..มองด้านหลัง แม่ใหญ่ยังดูวัยรุ่นอยู่เลยค่ะ _/\_
     
  6. king_6914

    king_6914 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +18,384
    อนุโมทนาค่ะ


    ขอเชิญร่วมทำบุญ และลงช่ื่อรับวัตถุมงคลฟรี http://palungjit.org/threads/%5E_...**.214305/<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->
     
  7. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    อนุโมทนาบุญกับคุณ assume ด้วยทุกอย่างเลยนะคะ .. สาธุ (^_^)
    เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ
     
  8. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    อนุโมทนาด้วยนะคะ .. สาธุ สาธุ สาธุ _/|\_
    แม่ใหญ่ดูตั้งใจมากๆๆ เลย ... (^_^)
    แหมมม ... อยู่ใกล้ๆ เสียหน่อยเนาะ..จะได้ไปช่วยอีกแรง
     
  9. กตัญญุตา

    กตัญญุตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +109
    สวัสดีครับคุณเบญ ผมร่วมบุญซื้อตู้พระไตรปิฎก และพระไตรปิฏก ถวายวัดถ้ำวัวแดง เป็นเงินจำนวน 300 บาทครับ โอนวันนี้ เวลา 12:10
    และถวายหลวงพี่เล็ก 200 บาทครับ
    บุญบารมีใดที่ผมเคยสร้างไว้ ขอส่งผลให้พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงตลอดไป
    และขอให้ผมและญาติธรรมทุกๆท่าน มีดวงตาเห็นธรรม เข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันด้วยเทอญ...สาธุ
     
  10. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    อนุโมทนาสาธุ ค่ะ
     
  11. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    อนุโมทนาสาธุ ค่ะ อยากไปช่วยแม่ใหญ่ จังเลยค่ะ
     
  12. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ขออนุญาตเล่าให้ฟังนะคะ

    สองสัปดาห์นี้ หนิงไปงานศพ 3 รายแล้วค่ะ หลังจากช่วงหลังๆ มานี้ ไม่ได้ไป และไม่มีงานศพมานานมาก

    งานแรก เป็นงานพ่อน้องที่ทำงาน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่จมูก อายุมากแล้วค่ะ แปดสิบกว่าปี (จำอายุที่แน่นอนไม่ได้ค่ะ) หลับไปค่ะ

    รายที่สอง เป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทน้องสาว และเป็นรุ่นพี่ อายุ 46 ปี คนนี้ก็ปฏิบัติธรรมมานาน แถมยังได้บุญตรงที่พาคนในครอบครัวได้มีดวงตาเห็นธรรม หลับไปเหมือนกันค่ะ

    รายสุดท้าย แม่ของน้องที่ทำงาน (คนละหน่วยงาน) อายุ 61 ปี หลับไปเช่นกันค่ะ

    เมื่อคืนนี้ ตั้งใจว่าจะไปฟังสวด ขับรถตามเจ้านายออกมาติดๆ แต่..ช่วงลงจากที่จอดรถ..ได้ยินเสียงตึ่ง..ตกใจเหมือนกันค่ะ แต่นึกได้ว่าเมื่อวันก่อนไปพบคุณโอเช (คุณเอ้) ไปรับจอคอมพิวเตอร์ที่คุณเอ้ ฝากไปถวายพระที่วัดถ้ำวัวแดง..นึกในใจว่าตายแล้ว..จอคุณเอ้ จะเป็นไร ไหมนี่ กลัวจังเลย กลัวว่าจะกระแทกแล้วจอแตก..เพราะไม่ได้หาพลาสติกกันกระแทกกันไว้ด้วย ต้องจอดรถแล้วจัดวางใหม่ให้มั่นคงกว่าเดิม ฮ่า..แต่ว่าต้องขับช้ากว่าเดิม และ ของแท้ .. หลงทางค่ะ เพราะความมั่นใจในตัวเองสูง


    แต่ว่าไปถึงวัดได้ทันเวลา (ในใจนะขอพระไป ว่าให้ไปทันก่อนพระลงสวด) ในงานเห็นรุ่น้องผู้ชายคนหนึ่ง นั่งพับเพียบเรียบร้อยคุยกับพระรูปหนึ่ง ทราบทีหลังว่าเป็นพระนักเทศน์และท่านเขียนหนังสือธรรมะหลายเล่ม (จำชื่อไม่ได้ค่ะ) จึงไปกราบท่านแล้วก็ไปนั่งฟังสวดพระอภิธรรมอยู่ด้านหลังท่าน

    ระหว่างที่พักสวด มีสาวๆ ไปคุยกับท่านเยอะ มารู้ทีหลังว่า สาวๆ ไปให้ท่านดูเรื่องอดีตชาติ และทำนายอนาคตให้ สาวๆ บอกว่า แม่นมากพี่..ไม่ลองดูละ (นึกในใจว่า ไม่เอาละ เมื่อก่อนหมอดูยังไม่ชอบที่จะให้ดูเลย ชีวิตเรา เราคิดเอง ส่วนเรื่องอดีตชาติ ผ่านมาแล้ว แก้ไขไม่ได้ จึงไม่เคยคิดที่จะอยากรู้ แต่มักจะรู้เองบ่อยๆ)

    ขณะที่พระสวด มีเสียงคุยกันมากมาย (คุยแข่งกับพระที่กำลังสวด) ทั้งเรื่องบทสวดอภิธรรมว่าแปลว่าอะไร ขออนุญาตยกตัวอย่างให้อ่านกันนะคะ บทที่พระท่านนำมาใช้ในการสวดอภิธรรมคืนนั้น คือ กุสลาธรรมา.... (หากเขียนผิดขออภัยนะคะ บทนี้ น้องอ้อยเคยเขียนคำแปล และความหมายไว้แล้ว ลองย้อนหาดูนะคะ)

    ซึ่งคนที่พูดแข่งกับพระท่านแปลผิดแปลถูก และยังมีการคุยเรื่องอื่นๆ จนสมาธิตก จิตหนิงเตลิดตามเค้าไปด้วย ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับเสียงรอบกาย มีเสียงพูดว่า

    "มางานศพ จิตไปเที่ยวที่อื่น ไม่ได้มุ่งมาเคารพศพ ทั้งๆ ที่เจ้าของงาน นอนอยู่ในโลงตรงหน้าเจ้า แล้วจะไปนิพพานได้อย่างไร"

    และ ตามมาอีกประโยคว่า
    "สอบตก แล้วยังไม่เตรียมพร้อมในการลงสอบสนามใหม่"

    ครั้งแรกที่ได้ยินตกใจเหมือนกัน ว่าใครหนอดุจัง (ยังไม่คุ้นค่ะ ฮ่า..) พอนึกได้ว่าโดนดุ เพราะเราทำตัวไม่ดีนี่เอง

    จึงดึงจิตกลับมานั่งพิจารณาขันธ์ห้า เรื่องการตาย จับอาณาปานสติใหม่ อีกครั้ง

    หลังจากพระสวดจบแล้ว ไปกราบหลวงพี่ ท่านบอกว่า "ขอให้คุณโยมเดินทางด้วยความปลอดภัยนะ" คิดว่าท่านอวยพรคนอื่นหนิง แต่มองแล้ว มีท่านยืนอยู่ และน้องผู้ชาย กับหนิงที่นั่งตรงนั้น เลยมองหน้าท่านอีกครั้ง ท่านพยักหน้า แล้วบอกว่า "ขอให้เดินทางด้วยความปลอดภัยทั้งคณะ" หนิงบอกให้ท่านร่วมโมทนาบุญด้วยค่ะ ว่าจะไปถวายตู้พระไตรปิฏกที่วัดถ้ำวัวแดง วันเสาร์นี้ ท่านร่วมโมทนาบุญด้วย และอวยพรให้เจริญในธรรม


    ก่อนหน้านั้น มีสาวๆ ถามคำถามท่านเยอะ ท่านพูดมาว่า "มีแต่คนมาถามพระ แล้วถ้าพระสงสัยขึ้นมาจะถามใครละ"

    แล้วท่านก็หันมามองหน้า พยักหน้าทางหนิง (หันซ้ายหันขวา คิดว่าท่านจะถามเราจริงๆ) ตอบท่านไปว่า "ถามพระพุทธเจ้า ไงคะ"

    ท่านก็หัวเราะๆ บอกว่า "ตอบตัวเองด้วยนะ"

    ================
     
  13. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Doughnut [​IMG]
    วันนี้ ขอจองกระทู้นี้คนเดียว..(อัดอั้นมานาน..)

    สืบเนื่องจากการที่น้องลม มีดำริอยากถวายตู้พระไตรปิฏกและหนังสือพระไตรปิฏกที่วัดถ้ำวัวแดง จังหวัดชัยภูมิ โดยได้บอกบุญแก่กัลยาณมิตรทุกท่านไปแล้วนั้น

    การเดินทาง.. พวกเราจะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เช้าวันเสาร์ที่ 28 พ.ย.
    สถานที่ : วัดถ้ำวัวแดง และวัดปราสาทดิน

    วัดถ้ำวัวแดงถวายตู้พระไตรปิฏกและหนังสือพระไตรปิฏกตามที่ตั้งใจไว้ และวัดปราสาทดิน

    ซึ่งการเดินทางไปทำบุญในครั้งนี้ นอกจากจะถวายตู้พระไตรปิฏกและหนังสือแล้ว พวกเราซื้อยา ยาแก้ปวดลดไข้(ไทเลนอน, พาราฯ, ยาหอม , ยาเคลือบกระเพาะ(เม็ด), เกลือแร่, ยาฆ่าเชื้อแก้ท้องเสีย (ที่เภสัชกรแนะนำ), ผงถ่านอัดเม็ด, เบตาดีน, อุปกรณ์ทำแผล(สำลี,ผ้าก็อซ) อันหลังนี้ไม่ได้ซื้อนะคะ รับบริจาคมาค่ะ

    หนิงขออนุญาตเป็นตัวแทน คณะที่จะเดินทางไป สรุปเบื้องต้นให้ทุกท่านรับทราบความคืบหน้า และร่วมอนุโมทนาบุญ ตามนี้ค่ะ

    ยอดเงินที่ทุกท่านร่วมทำบุญในครั้งนี้ (ยอด ณ วันที่ 23 พ.ย. 52) รวม 34,667 บ.
    (ขอปิดยอดการโอนเงิน ภายในเที่ยง วันที่ 26 พ.ย.นะคะ)

    รายการค่าใช้จ่าย
    1. หนังสือพระไตรปิฏกบาลี ฉบับสยามรัฐ จำนวน 45 เล่ม 9,500 บ.
    2. ตู้พระไตรปิฏก ไม้สัก จำนวน 1 ตู้ ราคา 12,500 บ.

    รวมค่าใช้จ่าย 22,000 บ.

    และยังมีปัจจัยที่มีผู้ประสงค์จะร่วมทำบุญในครั้งนี้ กระจายอยู่อีก ประมาณ หนึ่งหมื่นกว่าบาท โดยเราจะขออนุญาตนำปัจจัยที่ร่วมทำบุญในครั้งนี้

    ซื้อยาไปถวายวัด รายการยา : ยาแก้ปวดลดไข้(ไทเลนอน, พาราฯ, ยาหอม , ยาเคลือบกระเพาะ(เม็ด), เกลือแร่, ยาฆ่าเชื้อแก้ท้องเสีย (ที่เภสัชกรแนะนำ), ผงถ่านอัดเม็ด, เบตาดีน, อุปกรณ์ทำแผล(สำลี,ผ้าก็อซ) อันหลังนี้ไม่ได้ซื้อนะคะ รับบริจาคมาค่ะ

    3. ค่ายา รวม 1,300 บ.

    4. และขอนำมาเป็นค่าขนส่งตู้ (ค่าใช้จ่าย อยู่ระหว่างสอบถามราคา)

    และปัจจัยที่เหลือทั้งหมด ขอแบ่งเป็นสองส่วน ถวายให้แก่วัดปราสาทดิน และวัดถ้ำวัวแดงค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขอร่วมบุญด้วย 160 บาทครับ
    โอนแล้ว วันที่.25/11/09 เวลา 18:15
    LOCAT. 3326 SEQ.4942

    TRANSFER
    FROM A/C 2256432
    TO A/C 3682038972
    AMOUNT 160.00 บาท

    ขอร่วมอนุโมทนาสาธุบุญกับทุกๆๆท่านด้วยครับ สาธุ...
     
  14. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744

    อนุโมทนา สาธุ ค่ะ
     
  15. โครตภู

    โครตภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +3,631
    มีไอเดียครับ ตามที่น้องอ้อยว่าจะเปิดบัญชีกลางไว้เพื่อทำบุญ

    ผมขอเสนอว่าถ้าเงินคราวนี้ถ้าเหลือซักหน่อย 100 บาทก็ได้เอาเงินนั้นไปเปิดบัญชีเป็นหัวเชื้อไว้เหมือนน้ำมนต์ ถ้าคราวหน้าใครไม่สะดวกเรื่องปัจจัย หรือไม่ทันโอน หรือไปต่างประเทศ หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ถือว่าได้บุญทุกครั้งทุกคราวไปที่พวกเราทำบุญ เหมือนฝากเงินแค่ครั้งเดียวแต่ได้ดอกผลไปตลอดชีวิต แต่ถ้าใครสะดวกก็ใส่เพิ่มเข้ามาตามวาระต่างๆ บางครั้งเราติดขัดก็ยังได้ผลบุญเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกครั้งไม่มีตกหล่น เพราะน้องบางคนก็ยังเรียนอยู่ก็มี แล้วไม่ว่าหน้าใหม่หน้าเก่า ขาประจำ ขาจร ญาติพี่น้องพวกเราก็ได้ด้วย ตลอดไปทุกครั้งทุกคราว เป็นกองทุนไว้อย่าใช้หมด ให้เหลือเชื้อไว้เหมือนเติมน้ำมนต์ไปเรื่อยๆไม่มีวันหมด

    ดีไหมครับ ขอความเห็นครับ หรือมีใครจะเพิ่มเติมยังไง แชร์ไอเดียกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2009
  16. โครตภู

    โครตภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +3,631
    สาเหตุของการต้องตั้ง นโม : หลวงปู่มั่น

    ได้มีโยมคนหนึ่ง คือ อาชญาขุนพิจารณ์ (บุญมาก) สุวรรณรงค์ เป็นผู้ช่วยสมุห์บัญชีอยู่ในอำเภอพรรณา นิคม บุตรของพระเสนาณรงค์ (สุวรรณ์) เจ้าเมืองพรรณานิคมคนที่ 4 ( และเป็นนายอำเภอพรรณานิคม คนแรกในรัชสมัยของพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้นมัสการถามพระอาจารย์มั่นถึงเรื่อง"นโม" ว่าเหตุใดการให้ทานหรือการรับศีลจึงต้องตั้ง "นโม" ก่อนทุกครั้ง จะกล่าวคำถวายทาน และรับศีลเลยที เดียวไม่ได้หรือ ?



    พระอาจารย์มั่นได้เทศชี้แจงเรื่อง "นโม" ให้ฟังว่า...



    "เหตุใดหนอ นักปราชญ์ทั้งหลาย จะสวดก็ดีจะรับ ศีลก็ดีหรือจะทำการกุศลใดๆก็ดีจึงต้องตั้งนโมก่อนจะทิ้ง นโมไม่ได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้ นโม ก็ต้องเป็น สิ่งสำคัญ จะยกขึ้นพิจารณา ได้ความปรากฏว่า น คือธาตุน้ำ โมคือธาตุดิน พร้อมกับบทพระคาถาขึ้นมาว่า



    มาตาเปตฺติกสมฺภโว โอทนกุมฺมาสุปจโย



    สัมภวธาตุของมารดาบิดาผสมกันจึงเป็นตัวตนขึ้นมาเมื่อคลอดจากครรภ์มารดาแล้วก็ได้รับข้าวสุกและขนมกุมมาสเป็นเครื่องเลี้ยงจึงเจริญเติบโตขึ้นมาได้



    "น" เป็นธาตุ ของมารดา โม เป็นธาตุของบิดา ฉะนั้น เมื่อธาตุทั้ง 2 ผสมกันเข้าไป ไฟธาตุของมารดาเคี่ยวเข้าจนได้นามว่า "กลละ" คือ น้ำมันหยดเดียว ณ ที่นี้เอง ปฏิสนธิวิญญาณเข้าถือปฏิสนธิ ได้จิต จึงได้ปฏิสนธิในธาตุ "นโม" นั้น



    เมื่อจิตเข้าไปอาศัยแล้ว "กลละ" ก็ค่อยเจริญขึ้นเป็น "อัมพุชะ" คือ เป็นก้อนเลือด เจริญจากก้อนเลือดมาเป็น "ฆนะ" คือ แท่งและเปสี คือ ชิ้นเนื้อ แล้วขยายตัวออกคล้ายรูปจิ้งเหลน จึงเป็น ปัญจสาขา คือ แขน 2 ขา 2 หัว 1



    ส่วนธาตุ "พ" คือ ลม "ธ" คือ ไฟนั้น เป็นธาตุเข้ามาอาศัยภายหลัง เพราะจิตไม่ถือ เมื่อละจาก" กลละ" นั้นแล้ว กลละ ก็ต้องเข้ามาอาศัยภายหลัง เพราะจิตไม่ถือ เมื่อละจากกลละนั้นแล้ว กลละ ก็ต้องทิ้งเปล่า หรือ สูญเปล่า ลม และไฟก็ไม่มี คนตายลมและไฟก็ดับหายสาบสูญไป จึงว่าเป็นธาตุอาศัย ข้อสำคัญจึงอยู่ที่ธาตุ ทั้ง 2 คือ นโม เป็นดั้งเดิม



    ในกาลต่อมาเมื่อคลอดออกมาแล้วก็ต้องอาศัย "น" มารดา "โม" บิดาเป็นผู้ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมา ด้วยการให้ข้าวสุก และขนมกุมมาสเป็นต้น ตลอดจนการแนะนำสั่งสอนความดีทุกอย่าง



    ท่านจึงเรียกมารดาบิดา ว่า "ปุพพาจารย์" เป็นผู้สอนก่อนใคร ๆ ทั้งสิ้น มารดาบิดาเป็นผู้มีเมตตาจิตต่อบุตรธิดาจะนับจะประมาณมิได้ มรดกที่ท่านทำให้กล่าวคือ รูปกายนี้แลเป็นมรดกดั้งเดิม ทรัพย์สินเงินทองอันเป็นภายนอก ก็เป็นไปจากรูปกายนี้เอง ถ้ารูปกายนี้ไม่มีแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ชื่อว่าไม่มีอะไรเลย



    เพราะเหตุนั้นตัวของเราทั้งตัวนี้เป็น "มูลมรดก" ของมารดาบิดาทั้งสิ้น จึงว่าคุณของท่านจะนับจะประมาณมิได้เลย ปราชญ์ทั้งหลายจึงหาได้ละทิ้งไม่



    เราต้องเอาตัวเราคือ นโม ตั้งขึ้นก่อน แล้วจึงทำกิริยา หาได้แปล ต้นกิริยาไม่



    มูลมรดกนี้แลเป็นต้นทุนทำการฝึกหัดปฏิบัติตน ไม่ต้องเป็นคนจนทรัพย์สำหรับทำทุนปฏิบัติ



    นโม เมื่อกล่าวเพียง 2 ธาตุเท่านั้นยังไม่สมประกอบ หรือยังไม่เต็มส่วน ต้องพลิกสระพยัญชนะดังนี้ คือ เอาสระอะ จากตัว "น" มาใส่ตัว "ม" เอา สระโอจากตัว "ม" มาใส่ตัว "น" แล้วกลับตัวมะ มาไว้หน้าตัว โน เป็น มโน แปลว่า ใจ เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงได้ทั้งกายทั้งใจ เต็มตามสมควรแก่การใช้เป็นมูลฐานแห่งการปฏิบัติได้



    มโน คือ ใจ นี้เป็นดั้งเดิมเป็นมหาฐานใหญ่ จะทำจะพูดอะไรก็ย่อมเป็นไปจากใจนี้ทั้งหมดได้ในพระพุทธพจน์ว่า



    มโนปุพฺพงฺ คมา ธมฺมา มโนเสฎฐา มโมยา



    ธรรมทั้งหลายมีใจถึงก่อน มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ



    พระบรมศาสดาจะทรงบัญญัติพระธรรมวินัยก็ทรงบัญญัติออกไปจากใจ คือ มหาฐานนี้ทั้งสิ้น



    เหตุนี้เมื่อพระสาวกผู้ได้มาพิจารณาตามจนถึงรู้สึก นโมแจ่มแจ้งแล้ว มโน ก็สุดบัญญัติ คือพ้นจากบัญญัติทั้งสิ้น สมบัติทั้งหลาย ในโลกนี้ต้องออกไปจากนโมทั้งสิ้น



    ของใครก็ก้อนของใคร ต่างคนต่างถือเอาก้อนอันนี้ ถือเอาเป็นสมบัติ บัญญัติตามกระแสแห่งน้ำ โอฆะ จนเป็นอวิชชาตัวก่อภพก่อชาติด้วยการไม่รู้เท่า ด้วยการหลงถือว่าตัวเป็นเราเป็นของเราไปหมด"
     
  17. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    เป็นความคิดที่มีเจตนาดี แต่ผลมันไม่เกิดตามที่คิดนะครับ
    เรื่องของน้ำมนต์เป็นพุทธานุภาพ ใส่หยดเดียวน้ำทั้งขันทั้งโอ่ง
    ก็มีอานุภาพเหมือนกัน
    แต่เงินทำบุญจะได้อานิสงส์ก็ต้องนำเงินนั้นไปทำบุญ
    คุณฝากไว้ ๑๐๐ ถ้าอยู่ในบัญชี ๑๐๐ ก็ไม่มีอานิสงส์อะไร
    ถ้านำไปทำบุญก็ได้ในส่วน ๑๐๐ หมดก็คือหมดครับ
    จะได้ก็กรณีเหมือนกองทุนมูลนิธิ ก็คือเงินของมูลนิธิเขามีกฏระเบียบ
    ว่าห้ามถอนเงินต้น เอาดอกผลที่ได้ไปใช้จ่ายได้ กรณีนี้ถึงจะได้
    จากการฝากเงินทำบุญเป็นทุน ๑๐๐ เดี๋ยวนี้ดอกผลแทบมองไม่เห็น
    เพราะน้อยมากครับ
    ท่านใดมีความเห็นอย่างไร กรุณาเพิ่มเติมได้ครับ
     
  18. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    สวัสดีครับน้องเบญ อีกครั้ง

    เพื่อนพี่ชื่อ คุณประไพ กิตติบรรลุ คุณอาคม กิตติบรรลุ และครอบครัว ได้โอนปัจจัยร่วมบุญซื้อตู้พระไตรปิฎก และพระไตรปิฏก ถวายวัดถ้ำวัวแดง เป็นเงินจำนวน ๑,๐๐๐ บาท แล้วในวันที่ ๒๒ พย. ๒๕๕๒ รบกวนตรวจสอบด้วยครับ


     
  19. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    ขออนุญาตรับฟังครับ

    โมทนาบุญด้วยครับ พี่หนิง

    สาธุ สาธุ สาธุ

    ขอพรพระให้ได้ไปนิพพานในชาตินี้ครับ

     
  20. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ โครตภู [​IMG]
    มีไอเดียครับ ตามที่น้องอ้อยว่าจะเปิดบัญชีกลางไว้เพื่อทำบุญ

    ผมขอเสนอว่าถ้าเงินคราวนี้ถ้าเหลือซักหน่อย 100 บาทก็ได้เอาเงินนั้นไปเปิดบัญชีเป็นหัวเชื้อไว้เหมือนน้ำมนต์ ถ้าคราวหน้าใครไม่สะดวกเรื่องปัจจัย หรือไม่ทันโอน หรือไปต่างประเทศ หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ถือว่าได้บุญทุกครั้งทุกคราวไปที่พวกเราทำบุญ เหมือนฝากเงินแค่ครั้งเดียวแต่ได้ดอกผลไปตลอดชีวิต แต่ถ้าใครสะดวกก็ใส่เพิ่มเข้ามาตามวาระต่างๆ บางครั้งเราติดขัดก็ยังได้ผลบุญเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกครั้งไม่มีตกหล่น เพราะน้องบางคนก็ยังเรียนอยู่ก็มี แล้วไม่ว่าหน้าใหม่หน้าเก่า ขาประจำ ขาจร ญาติพี่น้องพวกเราก็ได้ด้วย ตลอดไปทุกครั้งทุกคราว เป็นกองทุนไว้อย่าใช้หมด ให้เหลือเชื้อไว้เหมือนเติมน้ำมนต์ไปเรื่อยๆไม่มีวันหมด

    ดีไหมครับ ขอความเห็นครับ หรือมีใครจะเพิ่มเติมยังไง แชร์ไอเดียกันครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ความคิดริเริ่มที่จะมีบัญชีกลางนั้น เกิดจากว่าพวกเราเริ่มที่จะมีงานบุญกันเรื่อยๆ ซึ่งแต่ละครั้งบัญชีที่ให้โอนเงินมานั้นก็จะเปลี่ยนไป ทำให้ลำบากกับบางท่านที่อยู่ต่างประเทศต้องไปผูกบัญชีเพิ่ม ก็เลยคุยกันว่าจะเปิดบัญชีกลางดีไหม โดยที่ต้องมีอย่างน้อยสองคนเซ็นต์ชื่อร่วม เพื่อเวลามีงานบุญอะไร ก็ให้โอนเข้าบัญชีนี้บัญชีเดียวทุกครั้งไป ก็จะสะดวกกับท่านกัลยาณมิตร ตอนนี้ก็ได้แค่คุยกันค่ะ ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรแต่อย่างใด

    แล้วเราจะไม่มีการเอาเงินมาทิ้งไว้ในบัญชี (ยกเว้นเงินที่เปิดบัญชีครั้งแรก) หรือ ฝากเงินเพื่อดอกเบี้ยนะคะ ทุกครั้งหากมีการทำบุญ ถึงจะให้โอนเงินมาแล้วก็นำเงินจำนวนนั้นไปทำบุญทั้งหมดค่ะ ขอแจ้งให้ทราบไว้ ณ ที่นี้ก่อน แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 พฤศจิกายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...