หลวงปู่เทสก์ สอนวิธีแก้วิปลาส เมื่อจิตเข้าถึงฌาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธัชกร, 25 พฤศจิกายน 2009.

  1. ธัชกร

    ธัชกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    267
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,040
    [​IMG]


    ลักษณะอาการและการละกิเลส เป็นต้น ของฌานและสมาธิ ผิดกันดังแสดงมา ฌานมีความน้อมเชื่อมาก วิริยะและปีติแรง กำลังใจกล้า โลดโผนทุกๆ อย่าง สรุปแล้ว เมื่อจิตน้อมไปตามอารมณ์ของฌาน ถ้าผู้ติดฌาน หลงฌานอย่างหนักหน่วงแล้ว จิตของตนแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเองเสียเลยก็ว่าได้ ที่จริงฌานเมื่อเกิดขึ้นเป็นของน่าตื่นเต้น ผู้ฝึกหัดใหม่จึงชอบนัก แต่ฌานเป็นของได้ง่ายพลันหาย เพราะตกอยู่ใต้อำนาจของโลกธรรม๘ ส่วนสมาธิเมื่อเกิดขึ้นแล้วเป็นไปอย่างเรียบๆ เพราะมีสติรอบคอบตามภูมิของตน และยึดเอาไตรลักษณะเป็นอารมณ์ ไม่หลงลืมตัว ค่อยได้ค่อยเป็นไปละเอียดลงโดยลำดับ ได้แล้วไม่ค่อยเสื่อมเป็นโลกุตตรธรรม บางคนจะไม่รู้สึกตื่นเต้นในเมื่อตนได้สมาธิ เพราะไม่ได้คำนึงถึงอาการที่ตนได้มี แต่ตั้งหน้าจะทำสมาธินั้นให้มั่นและละเอียดถ่ายเดียว ฌานเป็นของน่าสนุกสนาน มีเครื่องเล่นมาก มีเรื่องแปลกๆ ทำให้ผู้ไม่รู้เท่าตามความเป็นจริงหลงติดจมอยู่ในฌาน อาการที่จิตหลงติดจมอยู่นั้นคือโทษ ของอุปกิเลส๑๐ พึงสังเกตต่อไป

    [​IMG]


    โอภาส แสงสว่างย่อมปรากฏในมโนทวารวิถี ขณะเมื่อจิตเข้าถึงฌาน (ภวังค์) เมื่อจิตน้อมเชื่อไปตามแสงสว่าง และแสงสว่างนั้นก็ขยายวงกว้างออกไป มีอาการแปลกๆ ต่างๆ เหลือที่จะพรรณา

    ญาณ ความรู้สิ่งต่างๆ บางทีจนกำหนดตามไม่ทัน ไม่ทราบว่ารู้อะไรบ้าง ทั้งสิ่งที่เคยรู้เคยเห็น ทั้งสิ่งที่ไม่เคยรู้เคยเห็น มิใช่รู้อยู่กับสิ่งที่รู้ ยังสอดส่ายไปตามอาการตลอดถึงคนอื่น สัตว์อื่น ทีแรกจริงบ้างไม่จริงบ้าง นานๆ เข้าก็เหลว

    ปีติ ทำให้อิ่มใจจนลืมตัว

    ปัสสัทธิ ทำให้สงบจากอารมณ์ภายนอก กลับเข้ามายุ่งอยู่กับอารมณ์ภายในจนไม่เป็นอันกินอันนอน เมื่อเป็นอย่างนี้นานเข้า ธาตุย่อมกำเริบ จิตก็ฟุ้งซ่านไปตามอารมณ์ต่างๆ

    สุข ทำให้สบายอยู่ด้วยอาการทั้งหลายดังกล่าวมา ถึงกับไม่ต้องรับประทานข้าวน้ำก็มี

    อธิโมกข์ ทำให้เกิดจิตน้อมเชื่อไปในนิมิตและแสงสว่าง ความรู้มีมากเท่าไร อุปกิเลสทั้ง ๑๐ ก็ยิ่งมีกำลังรุนแรงทวีขึ้น

    ปัคคาหะ ทำให้เพียรกล้าไม่หยุดหย่อนท้อถอย มีญาณความรู้คอยกระซิบตักเตือนให้ทำอยู่เสมอ

    อุปัฏฐาน ช่วยให้สติแข็งแกร่งอยู่เฉพาะในอารมณ์นั้น แต่ขาดสัมปชัญญะ ไม่รู้สิ่งที่ควรและไม่ควร
    ถ้าอุปกิเลสทั้ง ๘ ตัวดังกล่าวมาหรือแต่อย่างใดอย่างหนึ่งยังเกิดมีอยู่

    อุเบกขาก็จะไม่เกิด ถ้าทั้ง ๘ นั้นสงบลงแม้ชั่วขณะหนึ่ง อุเบกขา และ นิกันติ จึงจะเกิดขึ้น
    อุปกิเลส ๑๐ นี้มิใช่จะเป็นโทษแก่วิปัสสนาเท่านั้น ยังสามารถทำให้เกิดวิปลาสต่างๆ จนต้องเสียผู้เสียคนไปก็ได้

    เรื่องทั้งนี้เคยมีมาแล้วในอดีต หากอาจารย์ผู้สอนไม่เข้าใจ มุ่งส่งเสริมศิษย์ให้ยึดเอาเป็นของจริงแล้วก็จะทำให้ศิษย์เสียจนแก้ไม่ตก เมื่อมีเรื่องวิปลาสเกิดขึ้นเช่นนั้น ผู้รู้เท่าและเคยผ่านมาแล้วจึงจะแก้ได้

    [​IMG]

    วิธีแก้วิปลาส

    อาจารย์ผู้สอนก็ดี ลูกศิษย์ผู้เจริญภาวนาก็ดี เมื่อเข้าใจวิถีจิตที่เข้าเป็นฌานแล้ว จงระวังอุปกิเลส ๑๐ จะเกิดขึ้น ถ้าจิตเข้าถึงฌานแล้ว อุปกิเลสไม่ทั้งหมดก็อย่างใดอย่างหนึ่งจะต้องเกิดขึ้นสำหรับนิสัยของบางคน แต่บางคนก็ไม่มีเลยถ้ามันเกิดขึ้นเราควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

    ๑. เมื่ออุปกิเลสเกิดขึ้นแล้ว พึงทำความรู้เท่าว่า นี่เป็นอุปกิเลสเป็นอุปสรรคแก่วิปัสสนาปัญญา และอุปกิเลสนี้เกิดจากฌานหาใช่อริยมรรคไม่ ถึงแม้วิปัสสนาญาณ ๙ แปดข้อเบื้องต้นก็เช่นเดียวกัน อย่าได้น้อมจิตส่งไปตามด้วยเข้าใจว่าเป็นของจริงของแท้ พึงเข้าใจว่านั่นเป็นแต่เพียงภาพอันเกิดจากมโนสังขาร คือจิตปรุงแต่งขึ้นด้วยอำนาจของฌานเท่านั้น พึงหยิบยกเอาพระไตรลักษณญาณขึ้นมาตัดสินว่า อุปกิเลสทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะฌาน ฌานก็เป็นโลกิยะ อุปกิเลสก็เป็นโลกิยะ โลกิยะทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง สิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ถาวรนั้นแหละเป็นทุกข์ เพราะทนต่อความเที่ยงแท้ถาวรไม่ได้ แล้วก็แตกสลายดับไปตามสภาพของมันเอง ซึ่งไม่มีใครจะมีอำนาจห้ามปรามไม่ให้มันเป็นเช่นนั้นได้ ซึ่งเรียกว่า อนัตตา เมื่อยกเอาพระไตรลักษณญาณขึ้นมาตัดสิน ถ้าจิตเกิดปัญญาน้อมลงเห็นตามพระไตรลักษณะแล้ว จิตก็จะถอนออกจากอุปาทานที่เข้าไปยึดอุปกิเลสนั้น แล้วจะเกิดปัญญาญาณเดินตามทางอริยมรรคได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าแก้อย่างนั้นด้วยตนเองไม่ได้ผล คนอื่นช่วยแก้ก็ไม่สำเร็จ เพราะผู้เป็นหลงเข้าไปยึดมั่นสำคัญเอาเป็นจริงเป็นจังเสียแล้ว บางทีจนทำให้ซึมเซ่อมึนงงไปหมดก็ดี จึงควรใช้วิธีที่ ๓ วิธีสุดท้าย

    ๒. เมื่อรู้เท่าทันและเห็นโทษอย่างนั้นแล้ว จงคอยระวังจิตอย่าให้จิตน้อมเข้าสู่ความสุขเอกัคคตารวมเป็นหนึ่งได้ และอย่ายึดเอาอารมณ์ใดๆ อันเป็นความสุขภายในของใจ แล้วจงเปลี่ยนอิริยาบถ ๔ ให้เสมออย่ารวมอินทรีย์อันเป็นเหตุจะให้จิตรวม แต่ให้มีการงานทำเพื่อให้มันลืมอารมณ์ความสุขสงบเสียแต่ถ้าจิตรวมลงไปจนเกิดวิปลาสขึ้นแล้ว จิตเข้าไปยึดถือจนแน่นแฟ้นจนสำคัญตัวว่าเป็นผู้วิเศษไปต่างๆ นานา มีทิฐิถือรั้นไม่ยอมฟังเสียงใครๆ ทั้งหมด เมื่อถึงขั้นนี้แล้วก็ยากที่จะแก้ตัวเองได้ ถึงแม้อาจารย์หากไม่ชำนาญรู้จักปมด้อยของศิษย์ หรือไม่เคยผ่านเช่นนั้นมาก่อนแล้ว ก็ยากที่จะแก้เขาได้ ฉะนั้น จึงควรใช้...

    วิธีที่ ๓ วิธีสุดท้าย คือใช้วิธีขู่ขนาบให้กลัวหรือให้เกิดความโกรธอย่างสุดขีดเอาจนตั้งตัวไม่ติดยิ่งดี แต่ให้ระวังอย่าให้หนีได้ ถ้าหนีไปแล้วจะไม่มีหนทางแก้ไขเลย เมื่อหายจากวิปลาสแล้วจึงทำความเข้าใจกันใหม่ วิธีสุดท้ายนี้ โดยมากมักใช้กับผู้ที่ติดในภาพนิมิตได้ผลดีเลิศ
    ผู้ที่หลงติดในภาพนิมิต มีหัวรุนแรงกว่าความเห็นวิปลาส ฉะนั้น วิธีแก้จึงไม่ค่อยผิดแผกกันนัก............

    .........พระศาสดาได้เสด็จอุบัติขึ้นในภพในขันธ์ และสาวกก็เช่นนั้นเหมือนกัน แต่คำสอนของพระองค์สอนให้ละภพละขันธ์อันเป็นโลกิยะจนเข้าถึงโลกุตตระ ดังนั้นธรรมอุบายที่จะให้ละจึงมีทั้งที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระ แม้ปัญญาซึ่งเกิดแต่การฝึกหัดนั้นก็มีทั้งที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระเหมือนกัน จึงเป็นการยากแก่ผู้ที่มีภูมิ (คือฌานและสมาธิ) ไม่เพียงพอ ปัญญาไม่ละเอียดพอ จะเฟ้นเอาสาระประโยชน์จากชีวิตอันนี้ได้ ถ้าหลงเข้าใจผิดยึดเอาสิ่งที่มิใช่สาระว่าเป็นสาระแล้ว ก็ลงเอวังกันเลย

    ผู้ปฏิบัติพึงระลึกเสมอว่า ภพกายหลงง่ายละยาก ภพจิตหลงยากละยาก นิมิตและญาณที่เกิดแต่ฌานก็หลงง่ายละยาก แต่ที่เกิดแต่สมาธิหลงยากละง่าย เพราะเกิดแต่สมาธิเป็นอุบายของปัญญาเพื่อให้ละถอนอุปธิเข้าถึงสารธรรมโดยตรง

    [​IMG]
    ระยะที่ ๓
    รวมตัวเข้าเป็นผลึก ส่วนที่เห็นเป็นฟองอัฐิจะน้อยลง
    ส่วนที่เป็นผลึกหินปูนจะมากขึ้น ลักษณะเริ่มมน
    (อัฐิธาตุหลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี วัดหินหมากเป็ง จ.หนองคาย)

    คัดลอกจาก โมกขุบายวิธี




    ข้าพเจ้าเป็นเพียงขลุ่ย ที่ให้ครูบาอาจารย์เป่าคําสอน มายังแก่กัลยาณมิตรทุกท่าน !



    [​IMG]



    <TABLE border=0 cellSpacing=10 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD>
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    (ไฟล์แบบ mp3)​
    </TD></TR><TR><TD>
    </TD></TR><TR><TD>
    <EMBED height=70 name=objMediaPlayer type=application/x-mplayer2 pluginspage=http://www.microsoft.com/Windows/MediaPlayer/ width=300 src=http://www.fungdham.com/download/sound/tes/tes-cd6-7/007_puttoe.mp3 autosize="false" showdisplay="false" displaysize="0" center="true"> </EMBED>​
    </TD></TR><TR><TD>
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]07 การฝึกหัดสมาธิโดยบริกรรมพุทโธ ​
    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2009
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    โมทนาสาธุธรรมครับ....

    สำหรับผม....ทำได้ให้มันคล่องแล้วค่อยว่ากันใหม่......ทำไม่ได้ก็ไม่มีวันรู้หละครับ....ทำให้มันรู้และได้รู้ว่าที่สุดมันเป็นอย่างไร....โดยไม่ต้องตั้งแง่ไว้ก่อน....จะลองพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า ฌาน ภิกษุทั้งหลายจงทำให้เจริญ......ฌานเป็นเครื่องอยู่อันเป็นสุขของพระอริยเจ้า....นั้นเป็นอย่างไร.....

    นมัสการธรรมหลวงปู่เทศ น้อมรับใส่เกล้าครับ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2009
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    คุณ รัชกร เป็นขลุ่ย เดี๋ยวผมเป็นซอ....ร่วมสี.....ประสานเป็นดนตรีครูบาอาจารย์........โมทนาสาธุธรรมครับ.....ท่านทำถูกแล้ว....


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2009
  4. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ขอให้ผู้เจริญกรรมฐานจงเป็นผู้ใช้สติปัญญาให้รู้เท่าทันนิมิตที่เกิดขึ้นนั้นด้วยปัญญา อย่าเพิ่งหลงเชื่อทันทีจะเป็นความงมงาย ให้ปล่อยวางนิมิตนั้นไปเสียอย่าไปสนใจให้เอาจิตทำความจดจ่ออยู่เฉพาะจิต
    เมื่อจิตสงบรวมตัว จิตถอนตัวออกมารับรู้นิมิตนั้นอีก หากปรากฏนิมิตอย่างนี้ซ้ำ ๆ ซาก ๆ หลายครั้งแสดงว่านิมิตนั้นเป็นของจริงเชื่อถือได้ แต่อย่างไรก็ตามนิมิตที่มาปรากฏนี้อยู่ในขั้นโลกียสมาธิ นิมิตต่าง ๆ จึงเป็นความจริงน้อย แต่ไม่จริงเสียมาก
     
  5. ธัชกร

    ธัชกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    267
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,040

    อนุโมทนากับคําสอนของหลวงปู่เทพโลกอุดรครับ ขอยกมาแบบเต็มๆนะครับ เกี่ยวเนื่องกับหัวเรื่องกระทู้อยู่พอดี



    [​IMG]


    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
    โย อะริโย มะหาเถโร อะระหัง อะภิญญาธะโร
    ปะฎิสัมภิทัปปัตโต เตวิชโช พุทธะสาวะโก
    พะหู เมตตาทิวาสะโนมะหาเถรานุสาสะโก
    อะมะตัญเญวะ สุชีวะติ อะภินันทีคหาวะนัง
    โส โลกุตตะโรนาโมอัมเหหิ อะภิปูชิโต
    อิธะ ฐานูปะมาคัมมะ กุสะเล โน นิโยชะเย
    ปุตตะเมวะ ปิยัง เทสิ มัคคะผะลัง วะเทสสะติ
    ปะระมะสารีริกะธาตุ วะชิรัญจาปิวานิตัง
    โส โลเก จะ อุปปันโนเอเกเนวะ หิตังกะโร
    อะยัง โน โข ปุญญะลาโภ อัปปะมัตโต ภะเวตัพโพ
    สาธุกันตังอะนุกะริสสามะ ยัง วะเรนะ สุภาสิตัง
    โลกุตตะโร จะ มะหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต
    โลกกุตตะระคุณัง เอตัง อะหัง วันทามิ ตัง สะทา
    มะหาเถรา นุภาเวนะ สุขังโสตถี ภะวันตุ เม

    โอวาทหลวงปู่เทพโลกอุดร

    การปฎิบัติธรรมทางด้านจิตจงเป็นผู้มีสติปัญญารู้เท่าทันความเคลื่อนไหวของจิตทุกลมหายใจเข้าออกและทุกอิริยบทเว้นเสียแต่หลับ เมื่อรู้ทันจิตแล้ว ต้องรู้จักรักษาจิต คุ้มครองจิตจงดูจิตเคลื่อนไหวเหมือนเราดูลิเกหรือละคร เราอย่าเข้าไปเล่นลิเกหรือละครด้วยเราเป็นเพียงผู้นั่งดู อย่าหวั่นไหวไปตามจิต จงดูจิตพฤติการณ์ของจิตเฉย ๆด้วยอุเบกขา จิตไม่มีตัวตนแต่สามารถกลิ้งกลอกล้อหรือยั่วเย้าให้เราหวั่นไหวดีใจและเสียใจได้ฉะนั้นต้องนึกเสมอว่าจิตไม่มีตัวตน อย่ากลัวตจิต อย่ากลัวอารมณ์เราหรือสติสัมปชัญญะต้องเก่งกว่าจิต

    ความนึกคิดอารมณ์ต่าง ๆเป็นอาการของจิต ไม่ใช่ตัวจิต แต่เราเข้าใจว่าเป็นตัวจิตธรรมชาติคือผู้รู้อารมณ์คิดปรุงแต่งแยกแยะไปตามเรื่องของมัน แต่แล้วมันต้องดับไปเข้าหลักเกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป คือไม่เที่ยง ไม่จีรังยั่งยืนทนได้ยากเป็นทุกข์ และสลายไปไม่ใช่ตัวตนมันจะเกิดดับ ๆ อยู่ตามธรรมชาติ เมื่อเรารู้ความจริงของจิตเช่นนี้เราก็จะสงบไม่วุ่นวาย เราในที่นี้หมายถึงสติปัญญา สัพเพ ธัมมา อนัตตา ธรรม (สิ่งทั้งปวง ) เป็นอนัตตาคือไม่ใช่ตัวตน

    นิมิตที่เกิดขึ้นขณะนั่งสมาธิมีอยู่ ๒ ประการ คือ ๑ .เกิดขึ้นเพราะเทพบันดาล คือเทวดาหรือพรหมแสดงภาพนิมิตและเสียงให้รู้เห็น ๒.นิมิตเกิดขึ้นเพราะอำนาจสมาธิเอง
    นิมิตจะเป็นประเภทใดก็ตามขอให้ผู้เจริญกรรมฐานจงเป็นผู้ใช้สติปัญญาให้รู้เท่าทันนิมิตที่เกิดขึ้นนั้นด้วยปัญญาอย่าเพิ่งหลงเเชื่อทันทีจะเป็นความงมงายให้ปล่อยวางนิมิตนั้นไปเสียอย่าไปสนใจให้เอาจิตทำความจดจ่ออยู่เฉพาะจิต

    เมื่อจิตสงบรวมตัว จิตถอนตัวออกมารับรู้นิมิตนั้นอีกหากปรากฎนิมิตอย่างนี้ซ้ำ ๆ ซาก ๆ หลายครั้งแสดงว่านิมิตนั้นเป็นของจริงเชื่อถือได้แต่อย่างไรก็ตามนิมิตที่มาปรากฏนี้อยู่ในขั้นโลกียสมาธิ นิมิตต่าง ๆจึงเป็นความจริงน้อย แต่ไม่จริงเสียมาก จงมุ่งหน้าทำจิตให้สงบเป็นอัปนาสมาธิอย่าสนใจนิมิต หากทำได้อย่างนี้ จิตจะสงบตั้งมั่นเข้าถึงระดับฌานจะเกิดผลคือสมาบัติสูงขึ้นตามลำดับ จิตจะมีพลังอำนาจอันมหาศาลฤทธิ์เดชจะตามมาเองด้วยอำนาจของฌาน


    หลวงปู่เทพโลกอุดรสอนว่า " จงดูจิตเคลื่อนไหวเหมือนเราดูละคร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2009
  6. singhol

    singhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +1,941
    ขออนุโมทนาสาธุครับ..เมื่อได้รับแนวทางที่ดีดังนี้แล้ว...เราชาวพุทธหมั่นพิจารณาจิตตนด้วยนะครับ
     
  7. denki

    denki เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +172
    อนุโมทนาสาธุ ครับ มันติดจริงๆ หลงจริงๆครับ สุขมากๆๆ บอกไม่ถูก อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้หมั่นปฏิบัติต่อไป น้อมรับคำสอนหลวงปู่นำไปปฎิบัติต่อไปครับ
     
  8. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนาสาธุบุญเจ้าค่ะ


    จงพอใจในสิ่งที่เรามี จงยินดีในสิ่งที่เราเป็น
     
  9. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    เห็นมาหลายคนล่ะที่ติดในญาณ
    ผมรู้จักพระรูปนึงเป็นพระธุงดงค์ ท่านชอบอยู่เงียบๆ และวิเวกอยู่รูปเดียว ไม่ออกบิณฑบาต ผมได้สนทนาธรรมกับท่านหลายเรื่อง ผมถึงรู้ว่าท่านนั่งสมาธิ หรือเดินจงกรม จนเห็นเทวดา และผีสางมาโมทนา บางก็มาคอยกลั่นแกล้ง เห็นเป็นประจำ แต่พอผ่านไปหกเดือนผมกลับไปหา ปรากฎว่ามีคนบอกว่าท่านวิปลาสไปแล้ว
    มาอ่านถึงได้รู้ว่า หลายคนที่วิปลาสเพราะเหตุอันใดถึงแม้จะได้ฌานและญาณชั้นไหนก็ตาม
     
  10. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    คนเราถ้าหมกมุ่นอยู่คนเดียวนานๆ ก็วิปลาสได้ อย่างน้อยก็คุยกับคนอื่นไม่ค่อยเข้าเรื่อง อาจเพราะไม่ค่อยได้ความรู้เข้าสมอง.......ฝึกสมาธิแล้วมันปล่อยวาง......ว่าง จนไม่มีเรื่องอะไรเข้าสู่สมอง ก็เป็นได้นะ ทางที่ดีน่าจะค่อยเป็นค่อยไป อยู่ในแวดวง พวกพ้อง ไปเรื่อย ๆ ปฏิบัติก็ทำไป อยู่ในหมู่พวกพ้องก็คุยกันไป จะได้ไม่ลืมว่า...ยังเป็นคนอยู่นะ ไม่ได้เป็นพวกเทวดา คุยภาษาเทพบ่อย คนก็หาว่า....บ้า.
     
  11. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +4,558
    สาธุๆ

    ลูกหลานขอกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เคารพ ขอรับ
    ขออนุโมทนาครับ __/|\__


    ______________________________
    hello9
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ สายอีสาน
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ สายอีสาน มารายงานตัวกันหน่อยครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ทำไมกระทู้นี้คนเยอะจัง ต้องชอบนั่งสมาธิแน่เลย
    สรุปก็นิมิตอะไรที่ไม่ได้กำหนดขึ้นเองเช่นภาพกสิณ ถ้าเกิดมาให้ปัดทิ้งหมด ไม่งั้นหลง
    แล้วก็แวะเข้าเวบมาดูเพื่อนสมาชิกคุยกันมั่ง เพลินๆเวลางาน นั่งสมาธิยาวไม่ได้5 5 5
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    อนุโมทนาสาธุ
    กราบนมัสการหลวงปู่เทสก์เจ้าค่ะ
     
  14. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ขอนอบน้อมพระสัทธรรม
    วันทาพ่อแม่ครูบาอาจารย์
    อนุโมทนา ท่านเจ้าของกระทู้ ค่ะ สาธุ
     
  15. คชสาร

    คชสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +164
    ขออนุโมทนาครับ ห้องนี้ดีไม่มีการถอดจิต ต่อสู้กัน
    เหมือนห้องก่อน ๆ มีแต่ละคนจะเก่งกว่าอรหันอีก
     
  16. phak

    phak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +458
    Anumo...tana...satu...naka.:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...