ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    โมทนาบุญด้วยครับ คุณปัญจ์ธน

    สาธุ สาธุ สาธุ

    พระพุทธรูปสวยมากๆครับ

    ปล. รูปสุดท้ายนี่เห็นสุภาพบุรุษสุดหล่อ และสุภาพสตรีแสนสวย ไม่ทราบว่าเป็นรูปของคุณปัญจ์ธน หรือเปล่าครับ ถ้าใช่ แหม ไม่เหมือนที่คิดไว้เลยครับ

    ทีแรกนึกว่าเป็นคุณลุง เห็นรูปแล้วหนุ่มกว่าที่คิด เป็นคุณอา และ คุณอาผู้หญิงคงจะเหมาะกว่าครับ

    ขอกราบสวัสดีครับคุณอา และ คุณอาผู้หญิง

     
  2. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    ยินดีครับ อย่าลืมมาบอกบุญกันนะครับ

    โมทนาบุญอีกครั้งครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ

     
  3. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    ขอโมทนาบุญ สาธุการ กับ ทั้งแปดท่านด้วยครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2009
  4. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    ขอบพระคุณครับท่านกัปตัน กับ ธรรมะดีๆจากหลวงปู่
    โดนใจเลยครับ กับสถานะการณ์ปัจจุบันของตัวเอง

    แม้ว่ากายไม่ได้ไปด้วย แต่ใจผมไปด้วยครับ

    ลูกขอกราบนมัสการแทบเท้าหลวงปู่ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ

    กราบ กราบ กราบ


     
  5. เงินไหลมา

    เงินไหลมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,412
    ทุกคนเกิดมามีทุกข์ ทุกข์เพราะอะไรรู้ไหม ไม่ใช่ว่าทุกข์เพราะไม่มีเงินจะใช้(อ๊ะจ๊ากกกกก โดนไปแล้วดอกนึง) ไอ้ทุกข์แบบนี้มันเป็นทุกข์ทั่วๆไป เป็นปกติธรรมดา มันต้องนึกถึงทุกข์ที่ต้องเกิดมานี่ต่างหาก ใช่ไหม เกิดกันมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว แล้วเราได้คิดไหม ร่างกายเราอ่ะมันเป็นอะไร มันก็เป็นแค่ธาตุทั้งสี่ของโลก เราไม่มีตัวตน ตัวตนเรามีไหม ไหนลองจับดูซิ ตัวเราอยู่ที่ไหน อย่างหลวงปู่จับลงไปตรงนี้ มันใช่ตัวเราไหม มันก็ไม่ใช่ใช่ไหม เป็นจีวรใช่ไหม เราไม่มีตัวตน ไหนใครว่าเรามี ลองจับให้หลวงปู่ดูหน่อยซิว่าตัวอยู่ตรงไหน (ตอนนี้คุณหนิงก็จับไปที่แขนก็ว่าตัว ซึ่งหลวงปู่ก็บอกว่าไหนตัว นั่นมันเป็นหนัง) ใช่ไหม เราไม่มีตัว จับลงไปตรงไหนก็ไม่ใช่ตัว แต่เป็นพวกธาตุทั้งสี่ประกอบขึ้นมา ไม่นานมันก็ดับสลายไป ให้เราดูจิตเรา ไม่ต้องไปดูที่อื่น ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ต้องไปสนใจ ดูที่จิตเราอย่างเดียว ดูให้รู้ ทำสมาธิ การนั่งก็เหมือนกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องไปนั่งเป็นสามสี่ชั่วโมงหรอก นั่งแค่สิบนาที สามสิบนาทีก็ใช้ได้ ถ้าเราได้ดูจิตเราจริงพิจารณาได้จริงๆ (อันนี้ก็โดนอีกดอกนึง) จะนั่งเท่าไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเยอะ อันนี้หลวงปู่เคยลองมาก่อนแล้ว นั่งแบบสามสี่ชั่วโมงนี่แหละ แต่บางทีมันก็ไม่ได้อะไรเลย ฉะนั้นไม่ต้องไปกำหนดมัน แล้วที่พวกลูกๆทำนี่ก็ดีแล้ว ปิดทางลงอบายภูมิแล้ว หลวงปู่ไม่ได้ให้ลูกๆต้องมาเป็นแบบหลวงปู่หรอก (ตั้งแต่ท่านเทศน์ ท่านนั่งมองหน้าดิฉันนิ่งเลย ไม่ได้มองไปที่คนอื่นเลย ถ้าใครดูจากรูปจะเห็นว่าดิฉันอ่ะ นั่งอยู่แถวหลัง ข้างหน้าเป็นน้องตู่ แต่ท่านก็เทศน์เหมือนจะเจาะจงมาที่ดิฉันเลย เพราะท่านนั่งมองหน้าตลอด) ไม่จำเป็นจะต้องมาอยู่วัด อยู่บ้านก็ทำได้ เป็นพระโสดาบัน ดูอย่างนางวิสาขาซี เป็นโสดาบันแต่ก็มีครอบครัวใช้ชีวิตเป็นปกติได้ ไม่จำเป็นต้องมาบวช (อันนี้ก็โดนไปอีกหนึ่งดอก เพราะว่าดิฉันเองก็ยังมีกรรมเรื่องคู่อยู่) พยายามละสังโยชน์กันไปเรื่อยๆ เอาแค่สามข้อก็ได้เป็นพระโสดาบันแล้ว แค่นี้ก็รับรองว่าไม่มีทางลงอบายภูมิแล้ว ถ้าเราไม่ได้ไปนิพพาน อย่างน้อยเราก็ได้ไปสวรรค์ ไปพรหมกัน (ฟังท่านเทศน์ไปเรื่อยๆ ดิฉันก็น้ำตาซึมค่ะ ร้องไห้ออกมาเอง) ให้รู้อยู่กับปัจจุบัน อย่าไปคิดถึงอะไร ทำปัจจุบันให้มันดี ทำอย่างที่พวกเราทำๆกันอยู่นี่แหละ หลวงปู่ก็ฝากไว้นะ เอาไปทำกัน ดูจิตตัวเองนี่แหละ ไม่ต้องดูอะไรอื่นไกล"


    สาธุ อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2009
  6. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ท่านกัปตันเล่ามาก็เกือบจะสมบูรณ์แล้วค่ะ ขาดแต่ประสบการณ์ตรงของแต่ละบุคคลเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ถือเป็นน้ำจิ้ม(เครื่องปรุงรส) ให้ทริปนี้มีสีสันเพิ่มเติมค่ะ อย่าลืมว่า..การเดินทางแต่ละครั้ง มักจะมีความประทับใจ และความทรงจำที่ดีเสมอ

    และการเดินทางในแต่ละครั้ง เสมือนเรือธรรมลำนี้มีเรือเล็กไว้บริการให้คณะย่อยๆ ที่ต้องการลงไปจับจ่ายใช้สอย เพิ่มบุญบารมีให้แก่ตัวเอง และเป็นความคล่องตัวให้แก่สมาชิกค่ะ (นึกภาพไม่ออกให้นึกว่า เราไปลงเรือสตาร์ครุยส์ลำหรู และเมื่อเรือจะพาสมาชิกลงไปสัมผัสธรรมชาติบนเกาะ ให้ชุ่มชื่นหัวใจ จะมีเรือเล็กพาไปส่ง....ธรรมนาวาลำนี้ก็เช่นเดียวกันค่ะ)

    การเดินทางที่วางแผนไว้ตั้งแต่ต้น คือ เราจะไปรถตู้กัน และไปเช้าเย็นกลับ(1 วัน) แต่จำนวนรถ ว่ากี่คันนั้น ขึ้นกับสมาชิกเรือธรรมที่จะร่วมเดินทางด้วย ต่อมาความเห็นตรงกันเปลี่ยนใจกระทันหันเป็นค้าง 1 คืน ทำให้บางท่านไม่สามารถร่วมเดินทางกับเราได้ (ขอโทษด้วยนะคะ) โดยข้อความที่คุยกันไว้นั้น น้องลมบอกว่า "ยังสงสัยเลยว่าคงจะไปกันได้ไม่กี่คนไม่รู้จะถึงสิบหรือปล่าวก็ไม่รู้"

    พาหนะเดินทาง : หนิงรับอาสาเป็นผู้ติดต่อรถตู้ เนื่องจากใช้บริการบ่อยมาก โทรไปหาคนขับรถตู้ที่คุ้นเคยชื่อคุณโอ๋ ตั้งแต่วันแรกที่เราสรุปวันเดินทางได้ (น่าจะ 1 เดือนล่วงหน้า) สอบถามราคา พอใกล้วันเดินทางประมาณวันจันทร์ที่ 23 หนิงโทรถามว่าจะได้รถคันไหน ใครขับ คุณโอ๋บอกว่า ผมไปเองครับ ซึ่งหนิงยังถามย้ำกับคุณโอ๋ว่า "ไปเองหรือค่ะ" เพราะหนิงรู้จากมโนฯ ว่า คนขับรถไม่ใช่คุณโอ๋ เป็นคนหน้าเข้มผิวเข้มไว้หนวด รูปร่างท้วมๆ คุณโอ๋มีรูปร่างตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง คืนวันศุกร์ก่อนเดินทาง คุณโอ๋โทรมาขอโทษบอกว่า ติดงานด่วน ต้องเปลี่ยนคนขับ ขอให้เพื่อนที่สนิทกันชื่อ "คุณสถาพร" เป็นผู้พาพวกเราไปวัดถ้ำวัวแดงนะครับ จากนั้นคุณสถาพรก็โทรมาหาเพื่อนัดหมายสถานที่รับ ก็น่าแปลกใจที่บ้านคุณสถาพรกับบ้านหนิง ไม่ห่างกันมากข้ามสะพานพระราม 8 ก็ถึงบ้านคุณสถาพรแล้ว

    เช้าวันเดินทาง (เสาร์ที่๒๘ พ.ย.) อ่อ โดนท้วงมาว่าเล่าข้ามไป 1 เรื่อง..ฮา..(ขำตัวเอง เป็นปลาทองหัววุ้น อยู่บ่อเดียวกับน้องอ้อยค่ะ..ขี้ลืมจริงๆ)

    อ่ะ..ขอคั่นด้วยโฆษณาเศร้าๆ (ของหนิง) สักเรื่องก่อนคะ เป็นเรื่องเมื่อวันศุกร์ก่อนเดินทาง ต้องเป็นพยาบาลพิเศษไปเฝ้าไข้ภรรยาเจ้านาย ไม่มีคนดูแลค่ะ (ฉุกเฉินนิดนึง) ความจริงนายโทรมาว่าให้ไปดูแทนที เพราะนายมีประชุมผู้บริหารเรื่องสำคัญ หนิงเข้าใจผิดคิดว่านายให้ไปเฝ้าทั้งวัน ก็วางแผนในใจว่า เฝ้าไว้สัก 4 โมงเย็นจะขอตัวไปรับเครื่องคอมพิวเตอร์ 4 เครื่อง เพื่อนำไปบริจาคตามที่แจ้งให้ทราบแล้ว

    คุยกับนายอีกที่ช่วงบ่ายๆ นายบอกว่า งั้นถ้าไม่มีอาการอะไรแล้ว หนิงกลับไปทำงานต่อก็ได้ ตอบเจ้านายไปว่า...ช้าไปแล้ว เจ้านายขา นังแจ๋ว หอบสมบัติมาหมดแล้ว รวมถึงโอนสายโทรศัพท์มาเรียบร้อย ขอ work@hospital แทนนะคะ (เสร็จเรา) ภรรยาเจ้านายต้องให้เลือด รอให้ทางรพ. เบิกเลือดมาก่อน หลังจากดูแลความเรียบร้อยสมกับเป็นแจ๋วที่ดีแล้ว ได้เวลารีบไปรับเครื่องคอม..ตอนเกือบจะ 5 โมงเย็น ด้วยความกลัวว่าคนที่ทำเครื่องให้เค้าจะกลับบ้านตามเวลา จึงโทรไปหาก่อน ไม่ยอมรับสายเราซะนี่ แย่จัง (ลางไม่ดีแล้วนิ)

    สังหรณ์ใจระหว่างขับรถขึ้นทางด่วน ก็ยังเจอรถติดตรงทางที่ไม่เคยติดมาก่อน เห็นภาพชัดเจนว่างานนี้ได้ 2 เครื่อง (เครื่องของน้องนารูฟอส,จอจากคุณเอ้ และอีกเครื่องของน้องลมค่ะ) ไปถึงเกือบจะ6 โมงเย็น ไปถามหาเจ้าคนเอ่ยปากจัดหาเครื่องให้ กลายเป็นหนีกลับบ้านไปแล้ว จะโทรศัพท์หา มือถือไฮโซของหนิง(ห่วยแตกจริงๆ) No service ขึ้นมาได้อย่างไร ไม่น่าเชื่อ (ทั้งเครื่อง ทั้งคนใช้ ทั้งเครือข่าย ไม่ได้อยู่นอกค่ายเลย) ตัวรับสัญญาณค่ายนี้อยู่ตรงหัวพอดี..

    ไปดูเครื่องและสัญญาณของน้องๆ แม้ว่าจะนั่งทำงานใกล้จากตัวรับสัญญาณ ยังมีสัญญาณเต็ม ทำไมของเราขึ้น No Service นอกจาก No Service แล้ว โทรศัพท์ยังไม่สามารถกดปุ่มใดๆ ได้อีก อะไรจะปานนั้นเนี่ย ไม่ให้ด่า..คน หรืออย่างไร (ท่องพุทโธๆ ครองสติให้มากที่สุด) สุดท้ายติดต่อได้โดยใช้เครื่องโทรศัพท์ธรรมดาที่โต๊ะคนหนีหน้า นี่ละ โทรไปถาม ว่าเกิดอะไรขึ้น
    คำตอบคือ ทางบัญชีให้ขอใบอนุโมทนาบัตรมาก่อนค่อยเอาเครื่องออกไปได้ (ซึ่งวันจันทร์ยังคุยกับเค้าว่า ถามให้แน่ๆ นะ ว่าเครื่องได้แล้ว เพราะแจ้งทางวัด และคณะที่ร่วมบุญไว้แล้ว ว่าได้ทั้งหมด 4 เครื่อง)

    หนิง จะบ้าเรอะ ใบอนุโมทนาบัตรมาก่อนค่อยเอาเครื่องออกไป เวลาทำบุญวัดไหนฟร่ะ ออกใบอนุโมทนาบัตรให้ล่วงหน้า ฯลฯ แกไปซื้อของแล้วที่ร้าน ขอเงินไว้ก่อน อีก 3 วันมารับของ ยอมเขาหรือเปล่า เซ็งจิต จริงๆ

    (เสียจริตไปแล้วค่ะ แต่ไม่รู้จะทำอะไรได้ มากไปกว่าเดินไปบ่นๆ ให้น้องๆ อีกชั้นฟัง แล้วลงไปเดินซื้อน้ำยาล้างห้องน้ำ ไม่ได้เอามาดื่มหรืออาบนะคะ เตรียมไปล้างห้องน้ำวัดซะเลย ไม่ได้ถามใครด้วยว่าซื้อหรือยัง เพราะโทรศัพท์ใช้งานไม่ได้ มีสัญญาณนิดๆ โทรบอกน้องเบน ไว้ก่อน ว่าหงุดหงิด ซื้อน้ำยามาแล้วนะคะ)

    นึกได้ว่า ตึกนี้มี Shop อยู่ 2 แห่ง เลยเดินไปถามจนท. ว่าเครือข่ายขัดข้องหรือ จนท.บอกว่าไม่ค่ะ ใช้งานได้ตามปกติ พี่เปิด 3 จีหรือเปล่า ถ้าเปิด network ล่มชั่วคราว (เปิดค่ะ แต่เปลี่ยนแล้ว) น้องจนท. ทำหน้าสงสัย เลยยื่นเครื่องให้ดู น้องดูแล้วยิ่งสงสัยใหญ่ ว่าพี่เป็นไปไม่ได้ เครื่องที่นี่(รุ่นเดียวกับหนิง) เป็นปกตินะคะ เอะใจ..ตรงนี้ ขอบารมีพระตรวจสอบดู (ที่งี้อ่ะ ใช้เป็น..ฮา..) ทราบว่า ท่านให้ระงับอารมณ์โมหะออกจากจิตให้หมดค่ะ

    แต่น่าแปลกใจ ตรงที่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ อารมณ์ปรี๊ดแตกไปแล้วค่ะ (ด่ากราด ยิ่งกว่ารัวเอ็ม16) ครั้งนี้ พอรู้ว่าไม่ได้เตรียมให้ หนิงโกรธนะคะ แต่ระงับได้ หมายถึงรับรู้ว่าตัวเรามีอารมณ์ใดตอนนี้ ไม่พอใจ ไม่ชอบใจ และโกรธ แต่ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไป ขอเลี่ยงด้วย การที่ขอบคุณ และบอกว่าครั้งหน้า ไม่มีแล้วนะ อย่าไปรับปากมั่วๆ แบบนี้กับพระที่ไหนอีก บาปอยู่ที่คนรับปากเต็มๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2009
  7. naruphos

    naruphos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +1,737
    T-T นี่ถ้าผมไปด้วย คำพูดของพี่สาวด้านบนนี้ ทำให้ผมปลื้มไปได้อีกนานแน่ เพราะพี่สาวไม่โกหกแน่นอน เน้น ๆ นะครับ "ทุกคน" ใช่ไหมคับ..... พี่นัถ
     
  8. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    น้องนารูฟอสจ้ะ พี่หมายถึงน้องๆที่ไปทริปครั้งนี้แล้วก็เฉพาะคนที่ได้มโนฯแล้วนะจ้ะ
     
  9. naruphos

    naruphos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +1,737
    ครับผมเข้าใจครับพี่สาว เลยใส่คำว่า "ถ้าผมไป" "WILL" T-T เศร้านิด ๆ ดูแล้วสนุก ๆ ทั้งนั้นเลย

    ฝ่าด่านหลงทาง ขึ้นเขาพบหลวงปู่ใหญ่ บุกถ้ำพบพญานาค ค้นหานาคา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2009
  10. naruphos

    naruphos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +1,737
    อ่านจบแล้ว ขอบอกว่างานนี้มันจริง ๆ
     
  11. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    หลังจากกลับมาถึงบ้าน และ พักเหนื่อย แถม เป็นไข้ไม่สบายด้วย อีกต่างหาก เนื่องจากไม่ได้ เตรียมพร้อมร่างกายเป็นอย่างดีแล้ว
    เลยทนต่อสภาพอากาศไม่ไหว น่าอายจริงๆเลย ค่ะ เด็ก กว่า แต่ สู้ พี่ ๆ ไม่ได้เลย (ฮา ฮา)
    เริ่มเล่า ตั้งแต่ เช้าวันที่ 28 พ.ย.52 ก่อนไปรับ พี่อ้อย กับ น้องเล้ง ก็ ได้นัดเวลา กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่า ประมาณ 6โมง เช้า น้องเล้ง มาถึงก่อน
    เบนก็ ตั้งปลุก ประมาณ ตี 5ครึ่ง แต่ ที่ไหน ได้ หลับกำลังเพลิน ก็ได้ ยินเสียงโทรศัพท์ เข้า ก็ สะดุ้งตื่น ใครกัน ช่างโทรมาเวลานี้ เป็น น้องเล้ง นี้เอง ก็ รับโทรศัพท์แล้ว
    เบน : ว่างัยเล้ง
    เล้ง : ถึงแล้วครับพี่เบญ
    เบน : ห๊า ! ถึงแล้วเหรอ นี้ เพิ่ง ตี 5 เท่าไร เนี่ย เออ ๆ รอแป๊บนะ พี่ จะรีบไปรับ (ตาสว่าง เลย ตอนนั้น)
    เล้ง : ครับๆ
    เบน : รอแถวนั้นไปก่อนนะ รอตรงที่มีคนเยอะๆ นะ อย่าไปไหน ไปถึงแล้วพี่จะโทรหาอีกทีนะ
    เล้ง : ครับๆ
    จากนั้นเบน ก็รีบเลยค่ะ กลัว น้อง รอนาน ออกจากบ้านไปถึงฟิวเจอร์รังสิต ก็ 6 โมง นิดๆลงรถได้ก็โทรศัพท์หาเลย แล้วก็เห็น น้องเล้งกับพี่อ้อยนั่งอยู่ตรงหน้าป้ายฟิวเจอร์ที่สำหรับรอรถ
    เลยหาเจอง่ายหน่อยเพราะเช้ามากคนไม่ค่อยเยอะจากนั้นก็เลยพาพี่อ้อย กับ น้องเล้ง เดินขึ้นไปรอที่นัดหมายรับของจากน้องจอร์จ และ พี่กบ
    ได้สักพัก น้องจอร์จก็ได้โทรหาเบน
    ระหว่างนั้นน้องเบนก็คุยโทรศัพท์กะน้องจอร์จ และแล้วบทสนทนาระหว่างน้องเบนกะน้องจอร์จก็เริ่มขึ้น
    แบบว่าต่างคนก็ต่างไม่เคยเจอกันอ่ะนะ แต่ว่าต่างคนก็ต่างเดินตามหลังกันไป ต่างก็คุยโทรฯกันไป แต่ไม่รู้ว่าเป็นกันและกัน สุดท้ายทนไม่ไหว(หลังจากเช็คด้วยมโนฯอีกรอบ)ก็เลยสะกิดน้องเบนว่า
    อ้อย เบนๆๆ คนนี้ป่าวเนี่ย เดินตามๆหลังมาเนี่ย ปรากฏว่าใช่ค่ะ ฮา
    เบนก็หันไปก็เรียกน้องจอร์จทั้งๆที่ไม่เคยเจอหน้ามาก่อน แต่ เห็นถือกรอบรูปน่าจะชัวร์ได้เจอกันก็ทักทายกันตามประสาคนเพิ่งเคยเจอหน้ากันแต่ก็รู้จักกันมานาน พี่อ้อยก็ ได้แนะนำ น้องจอร์จไปเรื่อยๆ
    และด้วยความ สะเพร่า ของตัวเบนเองลืมจดเบอร์โทรศัพท์ พี่กบมาด้วยก็เลยไม่รู้ทำงัยค่ะได้แต่ยืน รอ รอ ให้พี่กบโทรหาอย่างเดียวและแล้วพี่กบก็โทรมาค่ะถามว่า ถึงไหนกันแล้ว พี่อ้อย กับ น้องเล้ง มาถึงกันครบรึยัง ถึงครบหมดแล้วค่ะแล้วก็เจอ น้องจอร์จ แล้วค่ะ พี่กบ
    พี่กบ น่ารักมากค่ะ กลัว พี่ๆ น้องๆ รอนานเลยขอ ตามไปเจอที่บ้าน เบน แทนเพราะว่า พี่กบ ก็ยังเตรียมของไม่เสร็จ เรียบร้อยดี เช่นกันจากนั้นก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านเบน ค่ะ
    จากนั้นน้องเบนบอกว่า เดี๋ยวพี่กบจะไปพบที่บ้านน้องเบนเลย จากนั้นพวกเราสามชีวิต นำโดยน้องเบนก็มุ่งสู่บ้านน้องเบนค่ะ ไปถึงก็ทำกิจธุระเรียบร้อยก็นั่งคุยกัน เตรียมของไปด้วย น้องเบนเป็นเจ้าบ้านที่น่ารักมาก เริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆตอนนี้มีสามชีวิตแล้วค่ะ 555 (ขอบคุณพี่อ้อย ค่ะ)
    พอมาถึงบ้านแล้วก็พักตามสบายค่ะ รอรถตู้มารับ ค่ะ พี่กบก็โทรถาม ตลอดนะค่ะ ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะเลยบ้านเบน ไปโน้น แล้วก็ต้องวนกลับมาอีกที อิอิ แต่ด้วยความตั้งใจค่ะ พี่กบหาบ้านเบนเจอ (ปรบมือให้ พี่กบ ดังๆด้วยค่ะ พี่กบตั้งใจมากๆ )
    รอไม่นาน พี่กบ กับน้องสาวชื่อน้องสร้อย(ไม่แก้วก็ทองอ่ะค่ะขอโทษด้วยนะคะแบบว่าอ้อยความจำปลาทองอ่ะ)^^ มาพร้อมกับคุณแฟนของพี่กบ เป็นคณะที่น่ารักอีกคณะหนึ่งค่ะ
    ขอบอกว่าทุกคนน่ารักมากค่ะยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าตาอิ่มเอิบ พวกเราสนทนากันไปเรื่อยๆ เลยได้รู้ว่าคณะของพี่กบก็สร้างบุญบารมีเยอะมาก โดยเฉพาะการสร้างพระค่ะ เลยได้โมทนากันไปหลายรอบกันเลยทีเดียว คุยกันไปก็อิ่มบุญไป ม่วนแต้ๆเจ้า ^_^
    นอกจากนั้นพี่กบและคณะมาพร้อมกับเสบียงค่ะ มีหลากหลายกันเลยทีเดียว ขอบอกว่าเสบียงที่พี่ให้มาอ่ะ พวกเรานำถวายพร้อมกับข้าวที่เตรียมกันไป เป็นสังฆทานที่นำถวายพระของเช้าวันที่ 29 ค่ะ พอพระฉันเสร็จท่านอนุญาตพวกเราถึงจะกินกันค่ะ(เป็นขโยมอ่ะค่ะ อิอิ)ขอเชิญท่านกัลยาณมิตรโมทนาบุญร่วมกันนะคะ ^_^ นอกจากนั้นพี่กบและคณะยังได้นำพระธาตุจากกลุ่มภัยพิบัติมาสมทบอีก 200 องค์ หนังสือธรรมะ หมวกไหมพรมสำหรับพระ ที่เห็นว่านั่งถักกันจนดึกเลยทีเดียว ด้วยศรัทธาสูงมากๆ อ้อยขอโมทนาด้วยนะคะ ^_^ นอกจากนั้นยังได้ร่วมทำบุญด้วยหลายรายการ ทั้งร่วมจัดพิมพ์หนังสือ ทั้งร่วมสมทบพระไตรปิฏกและตู้ ฯลฯ
    ก็คุยกันไปเรื่อยๆ รอคณะของพี่สาว พี่ลี พี่ตู่ พี่หนิง พี่นัถ มารับ พอมาถึงทุกคนก็ทักทายกัน แบบคุ้นเคยกันมานานมากค่ะ เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นมากค่ะ พี่กบและคณะยืนรอส่งพวกเราทุกคน พร้อมอวยพรให้พวกเรา จากนั้นก็แยกย้ายกันไปเพื่อปฏิบัติภารกิจของแต่ละคณะกันต่อค่ะ ^_^
    ได้รับปัจจัยมาอีกจำนวนหนึ่งด้วยค่ะ อนุโมทนา กับ คณะพี่กบอีกครั้งค่ะ สาธุ (ต้องอ้างอิง จากพี่อ้อย ด้วยค่ะ เสริมๆกัน )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2009
  12. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    รบกวนคุณสาว ขอ"คาถาย่นระยะทาง"ด้วยค่ะ
    เมื่อหลายปีก่อนเคยอ่านเจอในหนังสือ "คาถาย่นระยะทาง"ตอนหลังหนังสือที่มีอยู่ก็แจกๆให้คนที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาไป แบ่งๆกันอ่านเลยยังไม่ได้หัดท่องตอนนี้หาไม่เจอแล้วค่ะ
    รบกวนคุณสาวด้วยค่ะ
    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยคะ
     
  13. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    หลังจาก ที่ ทุกๆท่านขึ้นรถ หมดแล้ว ก็ เดินทางออกจาก บ้าน เบน มุ่งหน้าไป จ.ชัยภูมิ พอขึ้นรถปุ๊บ ก็ คุยกัน ทันที เบน ก็ แจกแจง เรื่อง รายรับ รายจ่าย ทั้งหมด ก็ นับ เงิน ไป ก็ ลืม บอก ทาง พี่ คนขับรถตู้ ค่ะ ก็ ต้อง วน กลับมาที่เดิมใหม่ แล้ว ก็เลย ไปอีก อ้าว ไหนๆ เลยไปแล้ว ก็ไปออกข้างหน้าก็ได้ ค่ะ ก็ ฮา กันไป อีก 2 รอบ ค่ะ กว่า จะได้ออกจาก บ้าน เบน

    ช่วงระหว่าง เดินทาง ก็ นับ เงิน ไปเรื่อยๆ ค่ะ ได้ รับ ปัจจัย เพิ่ม จาก พี่หนิง พี่ตู่ พี่อ้อย พี่ลี เพิ่มอีก ค่ะ (โมทนาสาธุค่ะ) ก็ ต้อง มานับ ใหม่ ยิ่งนับ ยิ่งเพิ่ม ค่ะ ขนาด แยก ราย จ่าย ออกไปแล้ว นะค่ะ จน วินาที สุดท้าย ค่ะ ก่อนถึง วัดปราสาทดิน ค่ะ ถึงได้ สรุป ยอด ทั้งหมด ได้ ลงตัว

    ช่วงก่อนถึง วัดปราสาทดิน ก็ได้แวะ ปั๊ม ค่ะ ช่วงนั้น ต่างคน ต่างมา ทำธุระส่วนตัว แล้วก็แวะซื้อของที่ 7-11 ก็ ก่อน ช่วง หน้า จะถึงปั๊ม ก็ ปวดหัว ขึ้นมาแล้วนะค่ะ ตอน อยู่ใน 7-11 ก็ ดี ขึ้น ไปยืนอยู่หน้าเคาร์เตอร์ ก็ยืนคุยกับพี่หนิงได้พักนึงก็มี อาการอยากอ้วกก็รีบเดินออกไป ห้องน้ำ อ้วกมาเป็นลม ค่ะ ก็ดีขึ้น แล้วก็เดินทางต่อ ยิ่งใกล้ ถึง วัดมากขึ้นก็ ปวดหัวมากขึ้นเลย ต้องบอกกล่าว เจ้ากรรมนายเวร ทั้งหลาย ให้รอแป๊บนะไป รอที่วัดเลย ใกล้จะถึงแล้ว พอถึงวัดเท่านั้นละค่ะ ลงรถได้ ก็อ้วกลมออกมา ค่อยดีขึ้นมาหน่อย ค่ะ จากนั้นก็เตรียมขนของเข้าไปในวัดปราสาทดิน
    วัดปราสาทดิน สวยมากจริงๆ ค่ะ เย็นร่มรื่นยิ่งได้เข้าไปข้างในแล้วเป็นอีกแบบ หนึ่งเลย ค่ะ เหมือนที่พี่อ้อยเล่ามานั้นละค่ะ

    งานนี้ มีร้องไห้อีกแล้วค่ะ รอบแรกก็ตอน ที่หลวงปู่ใหญ่มา เทศน์ น้ำตาก็ไหล ด้วยความปีติ นะค่ะ รอบสอง ตอนเจอปู่นาคา (ขึ้นไปชั้นสองมีรูปปั้นปู่นาคาอยู่ พอน้องเบนมาเห็นเท่านั้นแหละ ทำนบน้ำตาพัง เขื่อนแตก ร้องไห้โฮเลย) ก็ท่านปู่ มายืนรออยู่ค่ะ พอคุกเข่านั่งกราบปู่แล้ว ปู่ ก็เดินเข้ามาหามาลูบหัวบอกว่า กลับมา ถึงบ้านเราแล้วนะหลาน ปู่รออยู่ (ก็ร้องสะอึกสะอื้นใหญ่เลย ค่ะทีนี้) หลังจากที่กลั้นน้ำตาได้แล้ว ก็ เดินขึ้นไปจนถึงชั้นเจ็ด ได้กราบไหว้แล้วก็ขอพร เป็นครั้งแรกค่ะ ที่ลูบฆ้องแล้ว ดัง หลังจากนั้นก็ กราบลา แล้วเดินลงมาจนถึงชั้นสอง กราบลาปู่นาคาอีกรอบ หนึ่งค่ะ จากนั้นก็ขึ้นรถไป วัดถ้ำวัวแดงต่อ ไปถึงก็เตรียมของถวายจัดอะไรเรียบร้อย หมดแล้ว ค่ะ แต่... ลืม สบงไว้ในรถตู้ค่ะ เลย ต้องวิ่งกลับไปเอาอีกรอบ ค่ะ

    หลังจาก ถวายแล้วก็ทานข้าวแล้วก็เตรียมตัวขึ้น ถ้ำวัวแดง หลังจากไหว้พระขอพร ก่อนขึ้นไปแล้ว ช่วงเดินขึ้นไปใหม่ๆ ไม่เท่าไร ค่ะ สักพัก งานเข้าแล้ว ปวดขา ยกขาไม่ขึ้นค่ะ ต้องค่อยๆเดินทีละขั้นจนถึงจุดพัก ก็ไปเรื่อยๆ ค่ะ พักเหนื่อยก็ เดินทางต่อ ช่วงนั้นก็มืดแล้วค่ะ อากาศ ก็เย็นๆ แต่ โชคดีที่พระจันทร์ เกือบเต็มดวง ส่องสว่างให้เห็นทางเดิน ตลอดทางช่วงระหว่างทางจะได้ยินเสียง น้ำตก เสียงแมลงต่างๆ เจอ หิงห้อย ด้วย สวยงามไปอีกแบบ ช่วงระหว่างทางนั้น (ต้อง ขอบคุณพี่นัท ที่มาหิ้ว กระเป๋าเป้เบนไปครึ่งทาง และพี่ๆท่านอื่นด้วย ค่ะ ที่คอยถามตลอด) ถึงช่วงพัก สุดท้าย ก่อน ถึง จุดหมายปลายทาง ก็พร้อม เต็มที่ ค่ะ (ขอบคุณ พี่ลี ด้วยค่ะ ที่สอนฝึกผ่อนลมแบบโยคะ ค่ะ) พอเดินได้ไปนิดเดียว น้องเล้งก็บอกว่ามีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดิน นำหน้าไปแล้วไม่รู้ว่าใคร เบน กับ พี่หนิง พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสงสัย พี่ลี แน่ๆ เลยจากที่ พี่หนิงและเบน เดินรั้งท้ายมาตลอดโดยมี พี่ตู่ คอยดูแลอยู่ตามหลังค่ะก็กลับกลายเดินลิ้วๆ ตามพี่ลีไปเลย ค่ะ แต่ก็ไม่ทัน พี่ลีอยู่ดีพี่ลีเดินไวมากๆเลย ค่ะ เบนเดินลืมปวดขาไปเลย (555) จนเห็นแสงไฟก็บอกพี่หนิงว่าคงใกล้ถึงแล้ว พี่หนิง พอเดินขึ้นไปปุ๊บ อ้าวพี่ลี พี่ลีถึงแล้ว ค่ะ พี่ลี เดินลงมาช่วยๆ พี่ๆ ท่านอื่นถือของ ค่ะ พี่ลี น่ารัก มากเลยค่ะ (ปรบมือให้ ดังเลย ค่ะ) พอถึงจุดหมายแล้วชื่นใจ ค่ะ เอาของวางแล้วก็พักกันสักแป็บก็ไปดู ที่พักกันในถ้ำ

    ขอบอกว่า พอเข้าไปถึงในถ้ำปุ๊บชื่นใจ หายเหนื่อยเป็น ปลิดทิ้งค่ะ ช่วงทางขึ้นไปถ้ำอีกนิดนั้นจะมี รูปปั้นพระสีวลี ท่านตั้งอยู่ก็ได้ กราบไหว้ท่านพระสีวลีก่อนขึ้นไป ค่ะ ไปถึงถ้ำก็เข้าไปในถ้ำในถ้ำอุ่นมากแล้วก็ ลงมาอาบน้ำ แล้วก็รอกัน ขึ้นไปบนถ้ำอีกที ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2009
  14. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    แค่อ่าน.. ความเหนื่อยก็กลับมาแล้ว หรือตาลายเพราะมนต์ตัวอักษรที่น้องเบน ร่ายมา


    อ่ะ .. คั่นดูโฆษณา จากธรรมบันเทิง ของเรากันก่อนแล้วกันนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. ButZa

    ButZa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +218

    ตอนนั้นเล้งเห็น คนเดินขึ้นไป 2 คนนะครับ แต่ก็หันหลังกลับมา
    ก่อนจะบอกก็ได้นับจำนวนคนเพื่อความแน่ใจก่อน ซึ่งก็นับได้ 7 คน (งงเล็กน้อย) แล้วก็เลย ถามว่าใครเดินนำไปแล้ว 1 คนนะครับ

    :VO
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2009
  16. cat-asagit@hotmail.com

    cat-asagit@hotmail.com เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +453
    ทริปถ้ำวัวแดงอ่านแล้วสนุกดีค่ะ(คุณพระรักษาทุกท่านนะค่ะ)
     
  17. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    โทษฐานไม่ทรงฌาน เลยได้เห็นจะจะ
     
  18. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    หนึ่งภาพ หมื่นคำบรรยาย

    รักดอก จึงหยอกเล่น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB290107A.jpg
      PB290107A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      151.1 KB
      เปิดดู:
      275
  19. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    เนื่องจากว่า แต่ละคนก็พบเจอเหตุการณ์และความประทับใจแตกต่างกันออกไป ดังนั้นพวกเราจึงต้องมาช่วยกันบอกเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนกัลยาณมิตรได้อ่านเสมือนได้เดินทางร่วมทริปไปกับพวกเราด้วยค่ะ ^_^ ตัวอ้อยเองอาจจะมีแต่น้ำนะคะ ส่วนเนื้อๆยกให้เป็นหน้าที่ของพี่สาว me,myself นะคะ แฮ่ๆ เพราะพวกเด็กๆอ่ะ ความจำปลาทองค่ะ ^^

    (อ้อยเล่าค้างถึงตอนจะเริ่มเดินทางออกจากวัดถ้ำปราสาทดินเพื่อมุ่งหน้าสู่วัดถ้ำวัวแดงค่ะ)

    รถตู้นำพวกเรา 8 ชีวิต (ไม่นับที่ตามมาอีกนะคะ) มุ่งหน้าสู่วัดถ้ำวัวแดง ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานเพราะอยู่ใกล้ๆกันค่ะ พอไปถึงก็เจอกับรูปปั้นหลวงปู่ใหญ่ และพระพุทธรูปปางเปิดโลกที่ด้านหน้าวัด พวกเราก็ได้ยกมือขึ้นไหว้ตามระเบียบ จากนั้นพวกเราและพี่คนขับรถที่ใจดีทั้งสองคนก็ได้ช่วยกันขนของที่จะนำถวายขึ้นบนศาลา มีกัลยาณมิตรที่ปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำวัวแดงมาช่วยขนของด้วย กราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ

    พี่ตู่ พี่นัถ น้องเล้ง บอกว่าผู้หญิงให้ยกแต่ของเบาๆ ของหนักๆเดี๋ยวผู้ชายจะช่วยกันขนเอง ช่วยกันลำเลียงของ ช่วยกันจัดของใส่พาน บ้างก็ประกอบตู้ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ด้วยจิตอิ่มเอิบในศรัทธา จากนั้นพวกเราก็กราบพระ อาราธนาศีลกันก่อน เสร็จแล้วหลวงตาเจ้าอาวาสให้พระลูกวัดนำด้ายสายสิญจน์ไปพันรอบๆของที่จะนำถวายทุกชิ้น แล้วให้พวกเราพนมมือถือด้ายด้วย จากนั้นก็ให้ศีลให้พร แผ่เมตตา อุทิศบุญกุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีด้วย

    รับศีลรับพรเสร็จ หลวงตาบอกให้พวกเรากินข้าวกันก่อน ได้เตรียมข้าวปลาอาหารไว้ให้แล้ว พอกินข้าวกันเสร็จ ก็เตรียมตัวแพคกระเป๋า จัดของเพื่อนำขึ้นถ้ำกัน ก็มีการเฉลี่ยน้ำหนักของกัน งานนี้ชายชาตรีทั้ง3 น่ารักอีกแล้วค่ะ น้องเล้งรับอาสาหิ้วของเต็มสองมือ พี่ตู่ก็หิ้วของพะรุงพะรัง ส่วนอ้อยอาสาหิ้วข้าวสารใส่ถุงย่าม พี่ลีนี่สุดยอดค่ะ กระเป๋าใหญ่กว่าเพื่อนค่ะ ยังมีการรับอาสาแบกข้าวสารอีกด้วยนะคะ แถมยังถามเรื่อยๆว่ามีอะไรให้พี่หิ้วอีกไหม สุดยอดอ่าพี่ พอดีน้องเล้งจองแบกข้าวสารคนละถุงกะอ้อยไปเรียบร้อยแล้วน่ะค่ะ อิอิ พี่หนิงกะน้องเบนตัวเล็กแต่ใจสู้ค่ะ หิ้วของหนักเหมือนกัน งานนี้สุดยอดค่ะ พี่สาวก็ทั้งเป้ ทั้งของห้อยเต็มไปหมด แต่ละคนเหมือนจะไปอยู่กันสักหนึ่งอาทิตย์น่ะค่ะ จริงๆแล้วไปนอนแค่หนึ่งคืนสองวันเองค่ะ 555

    พอแบกกระเป๋า ถือของ จัดของกันเสร็จ ก็พากันไปกราบไหว้เจ้าที่เจ้าทางกันก่อนค่ะ พี่ตู่นำทีมค่ะ เพื่อขออนุญาตท่าน จากนั้นก็เตรียมไฟฉายกันเลย เพราะเริ่มมืดพอดี มีพระรูปหนึ่งอาสานำทางให้ค่ะ ระหว่างทางก็ทรงภาพพระไปด้วย ใช้มโนฯไปด้วย อ้อยก็คอยดูพี่สาวกะน้องเบนไปด้วยแบบว่าเราจะไม่ทิ้งกัน ฮา ส่วนพี่ลีแข็งแรงมากค่ะขอบอก เดินแบบไม่เหนื่อยเลยค่ะ มุ่งมั่นมาก พี่ลีทรงภาพพระตลอดเลยค่ะ ส่วนพี่นัถก็พนมมือไหว้เดินไปเรื่อยๆ พี่ตู่จะเดินรั้งท้ายคอยดูแลสุภาพสตรีไปเรื่อยๆ พวกเราเดินไปแบบไม่รีบเร่ง เหนื่อยก็พักเป็นจุดๆไป จะมีที่พักระหว่างทางเป็นจุดๆ บางช่วงที่แวะพักพี่ลีก็จะสอนโยคะให้ด้วย เป็นการเรียกพลังค่ะ ฮา บางช่วงก็แวะเติมน้ำตาลจากลูกอมกันก่อน น้องเล้งก็คอยยื่นลูกอมให้เรื่อยๆ อิอิ

    เดินไปเรื่อยๆ พี่นัถรับอาสาถือกระเป๋าให้น้องเบน อ้อยก็รับอาสาหิ้วถุงให้อีกถุงหนึ่ง กลายเป็นตอนนี้มือไม่ว่างทั้งสองข้าง แต่ดีนะคะน้ำหนักจะได้เสมอกัน ฮ่าๆๆ พี่ลีก็น่ารักอีกเช่นเคย รับอาสาจะช่วยหิ้ว แต่อ้อยเห็นกระเป๋าพี่ลีแล้ว มิกล้าค่ะ คิดว่าเฉพาะของพี่ก็หนักเอาการแล้ว เลยอาสาหิ้วต่อไปค่ะ ฮา

    ทีมที่เดินอยู่ข้างหน้าก็จะมีหลวงพี่ น้องเล้ง พี่ลี พี่นัถ อ้อยจะอยู่ตรงกลาง ถัดไปก็จะเป็นพี่สาว น้องเบน พี่หนิง และพี่ตู่ค่ะ ระหว่างทางก็ถามไถ่กันตลอด ดูแลกันทุกระยะ ทุกคนน่ารักมากสำหรับน้ำใจค่ะ พี่สาวก็จะถามพี่ตู่ด้วยความเป็นห่วงว่าไหวไหม พี่ตู่ก็ยิ้มกว้างบอกสบายมากพี่ ทุกคนถามไถ่กันด้วยรอยยิ้มที่น่ารักกันทุกคน เป็นภาพที่ประทับใจมากค่ะ ถึงจะเหนื่อยแต่ก็สุขใจ หากเปรียบเป็นการปฏิบัติก็คือเราจะไม่ทิ้งกัน เหมือนทุกคนในกระทู้นี้ เราจะดูแลซึ่งกันและกัน พากันเข้านิพพานให้ได้ ตั้งใจปฏิบัตินะคะ ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจของเราเอง ทำให้ได้ ไปให้ได้นะคะ นิพพานอยู่ที่ไหน ก็ที่ใจของเรานี่เอง ใจที่ปราศจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน เป็นใจที่ใสบริสุทธิ์นั่นเองค่ะ

    พวกเราก็เดินไปกันเรื่อยๆ สักพักพี่ลีก็วิ่งมาบอกว่าพี่ช่วยถือของ ตอนแรกอ้อยเกรงใจเลยบอกไม่เป็นไรค่ะพี่ แต่พี่ลีบอกว่าพี่ถึงแล้วเอาของเก็บแล้วเลยวิ่งมาช่วยถือ ก็เลยแบ่งของให้พี่ลีช่วยถือไปค่ะ อิอิ สักพักพวกเราก็ถึงที่หมาย ที่นี่มีหลวงพี่ หลวงตาหลายรูปค่ะ ท่านให้การต้อนรับที่อบอุ่นมาก ดูแลพวกเราอย่างดีเลยค่ะ หลวงพี่ที่อยู่ข้างบนถ้ำถามว่าจะนอนกันที่ไหนดี จะพักที่กุฏิหรือบนถ้ำ แต่ที่บนถ้ำมีอีกคณะหนึ่งพักอยู่ หากจะพักข้างบนก็ส่งตัวแทนไปถามไถ่กันว่ามีที่ว่างอีกไหม พี่ตู่ก็นำพวกเราขึ้นไปดูลาดเลากันก่อน หลังจากตกลงกันเรื่องที่พักเสร็จ ก็ลงมาบอกพวกเราที่รออยู่ข้างล่างว่าตกลงเราจะนอนกันบนถ้ำ จากนั้นก็อาบน้ำ แล้วเกริ่นกับหลวงพี่ว่ารุ่งเช้าพวกเราจะขอถวายอาหารเช้ากัน จะขอนิมนต์ล่วงหน้า หลวงพี่บอกว่าถ้างั้นจะนิมนต์พระรูปอื่นๆที่มาปฏิบัติด้วย ท่านจะจัดการให้ พวกเราก็กราบขอบพระคุณท่าน จากนั้นก็เดินขึ้นบนถ้ำกันต่อ

    หลวงพี่ที่ดูแลถ้ำพาพวกเราเข้าไปในถ้ำ ผ่านคณะแรกเข้าไปยังคูหาด้านใน จะมีอยู่สองคูหาค่ะ แต่ละคูหาจะมีพระพุทธรูปคั่นไว้ จากนั้นก็จับจองที่เพื่อปูถุงนอนกัน หลังจากเตรียมที่นอนเสร็จ บ้างก็สนทนากับหลวงพี่ที่อาสาขึ้นมาส่ง บ้างก็ถ่ายรูป บ้างก็กินๆๆ อิอิ จากนั้นก็หันหน้าไปทางพระพุทธรูป ไหว้พระ สวดมนต์ตามถนัดของแต่ละบุคคล เสร็จแล้วก็นั่งสมาธิกัน

    ระหว่างที่นั่งสมาธิ ก็เข้ามโนขึ้นไปกราบพระศาสดาข้างบนก่อน ท่านให้ทำจิตให้นิ่งๆ ทุกอย่างหากใจเราศรัทธา ก็ไม่มีอะไร สำหรับคืนนี้เทพ เทวา สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครองพวกเราทุกคน ขอให้บำเพ็ญกันตามอัธยาศัย ทำให้เต็มที่ หลวงปู่ใหญ่ และหลวงพ่อฤาษีก็จะคอยดูแลอยู่ ก็กราบหลวงปู่ใหญ่และหลวงพ่อฤาษี ท่านก็สอนเกี่ยวกับ การทำอารมณ์ให้ทรงฌาณโดยให้อยู่ในกรรมฐานตลอด ให้มีอารมณ์เบา สบาย ให้สังเกตการวางอารมณ์ของตัวเอง แล้วจำอารมณ์นั้นๆไว้ เพื่อให้ถูกจริตของเรามากที่สุด จะทำให้การปฏิบัติเร็วขึ้น

    จากนั้นกราบลาลงมา ก็เจอกับแม่นาคี และญาติๆมังกรมารออยู่ เทพ เทวา ก็เยอะ ก็พูดคุยกันสัพเพเหระด้วยความคิดถึง สักพักได้ยินเสียงแว่วๆ อ๊วกกกกกกกกก อ๊ากกกกกกกกกก #*@#@????

    สงสัยจะเร่งเสียงเต็มเดซิเบลจัด แต่อ้อยเพิ่งได้ยินอ่า สมาธิเลยแกว่งๆไปบ้าง จากนั้นได้ยินเสียงเทพแขกพึมพำๆ หลวงปู่บอกว่าอย่าเอาจิตไปสนใจอย่างอื่น อยู่ในนี้ ที่นี่ จะไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายทั้งนั้น พอหลวงปู่บอก ก็น้อมจิตใหม่ ตั้งสมาธิใหม่ แต่สวดมนต์ไปด้วย ฮา พอได้ยินเสียงเทพแขกปุ๊บ บทพุทธคุณก็ออกมาปั๊บ(แต่สวดในใจนะคะ) พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุง มงกุฏพระพุทธเจ้า เรียงกันมาแบบอัตโนมัติทันทีค่ะ จากนั้นก็สวดชินบัญชรด้วย พี่สาวจะนั่งข้างหลังอ้อย(อุ่นใจขึ้นตั้งเยอะ ฮ่าๆๆ) อ้อยก็จะได้ยินพี่สาวสวดชินบัญชรด้วย สวดไล่ๆกัน(แต่อ้อยสวดในใจ) จากนั้นก็จะเห็นแสงครอบคูหาที่พวกเราพักอยู่ เทพ เทวาก็อยู่กันเต็มค่ะ พอสวดมนต์เสร็จปลอดโปร่งขึ้น ก็ตัดขันธ์ห้าค่ะ ทางโน้นก็บ่นพึมพำไปเรื่อยๆ เราก็ตัดขันธ์ไปเรื่อยๆ มันส์ดีแท้ เป็นการทดสอบสมาธิดีเหมือนกันนะคะเนี่ย จากนั้นก็ไม่สนใจเสียง เข้าสมาธิต่ออีกครั้งหนึ่ง เวลาผ่านไปพอสมควรก็ออกจากสมาธิ จากนั้นก็มาบอกเล่าในสิ่งที่แต่ละคนได้พบเจอ

    ดึกพอสมควรก็แยกย้ายกันพักผ่อน ก่อนนอนก็จุดตะเกียงกันด้วย เคยศึกษาจากหลายๆกระทู้ บางท่านได้กรุณาบอกไว้ว่าเวลานอนอย่าดับไฟ(หมายถึงเทียน) อย่าให้ไฟดับ อ้อยเองก่อนนอนก็ภาวนาไปเรื่อยๆจนหลับ ตื่นขึ้นมาอีกที มืดหมด แสดงว่าเทียนดับ กำลังคิดว่าจะลุกไปจุดเทียนดีไหม เพราะเหมือนจะได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมาตลอด จิตบอกว่ามีคนอยากก้าวล่วงเข้ามาในคูหานี้แต่เข้าไม่ได้ แต่ท่านเทวดาบอกว่าไม่ต้องจุดก็ได้จะดูแลให้ พอได้ยินดังนั้นเลยภาวนาไปเรื่อยๆจนหลับไปอีกครั้ง สะดุ้งตื่นอีกทีลุกดูนาฬิกา พี่หนิงถามว่ากี่โมงแล้ว ตอบไปว่าประมาณตีสี่สิบนาที กำลังจะล้มตัวนอนต่อ น้องเบนกระซิบถามว่า พี่อ้อยๆ จุดเทียนดีไหมคะพี่ อ้อยบอกน้องไปว่า จุดก็จุด พอกดไฟแช็กจุดเทียนปุ๊บ เสียงฆ้องก็ลั่น มุ๊ยยยยยยยยยยยยย อ้อยกับน้องเบนมองหน้ากันอัตโนมัติ จากที่เมาขี้หูขี้ตา ก็ตาสว่างกันทันทีค่ะ 555 จากนั้นก็ตื่นกันหมด ลุกขึ้นทำวัตรของแต่ละคนเพราะไม่อยากรบกวนคูหาข้างๆ จากนั้นก็นั่งสมาธิกันจนถึงเช้า ก็กราบพระ แล้วเก็บของออกมาจากถ้ำ เพื่อไปหุงหาอาหารถวายพระในเช้าวันที่ 29 ต่อค่ะ

    หลังจากที่พวกเราถวายอาหารเช้าและกินข้าวกันเสร็จ ก็เตรียมตัวไปชมถ้ำน้ำกัน ก่อนเข้าถ้ำก็ไว้ขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางก่อน ก็จะเห็นพ่อปู่ นาคา นาคี มารอกันอยู่เต็มไปหมดค่ะ แต่มีอยู่รูปนึงมีครุฑรอตรงหน้าถ้ำด้วย พี่หนิงกับน้องเบนก็คุยกันว่าไม่เห็นครุฑกับนาคจะทะเลาะกันเลย ก็เห็นอยู่ด้วยกันสงบดีนิเน๊าะ นอกจากนั้นยังมีบรรดาญาติๆมังกรมารออยู่ด้วย เหมือนวันรวมญาติยังไงไม่รู้อ่า

    พวกเราค่อยๆไต่บันไดลงไปในถ้ำกัน พี่หนิงซื้อธูปมาด้วย เอาใส่ในย่ามไว้ ทั้งธูปและเทียน พวกเราอยากจุดเทียน ธูป ไหว้พระกันในถ้ำน่ะค่ะ ทั้งๆที่มีคนเตือนว่า ข้างล่างจุดเทียนไม่ติดหรอก อากาศหายใจไม่ค่อยมี ยังไงก็จุดไม่ติด

    พอไปถึงก็อธิษฐานก่อน จากนั้นก็จุดเทียน ปรากฏว่าติดค่ะ แล้วก็จุดธูปแจกทุกคน พี่นัถก็แยกไปอีกทางเพื่อปฏิบัติภารกิจของพี่ ส่วนพวกเราก็อธิษฐานกัน แต่เทียนที่พวกเราจุดอ่ะ ไม่ไหม้ค่ะ อยู่ยังไงก็ยังงั้น ไม่หด ไม่ละลาย ละไว้ในฐานที่เข้าใจนะคะ

    จากนั้นก็ไปดูน้ำกัน ในน้ำจะมีนาคมาอยู่กันเต็มเลยค่ะ แต่พอดีว่าพวกเรายังไม่อยากเล่นน้ำตอนนี้อ่ะ ก็เลยได้แต่ทักทายกันค่ะ เลยได้รู้ว่าปากทางลงสู่เมืองบาดาลอยู่ตรงไหน จากนั้นต่างคนก็ต่างสำรวจ น้องเล้งกับอ้อยจะเห็นนาคตัวเล็กๆสองตัวเลื้อยคู่กัน อีกทีอ้อยกะพี่ตู่เห็นนาคลำตัวประมาณเท่าต้นตาลสีนิลเลื้อยผ่านหน้าไป อันนี้เห็นด้วยตาเนื้อนะคะ ถ่ายรูปไม่ทันค่ะ ได้แต่มองหน้ากันเท่านั้นเองค่ะ

    จากนั้นก็ช่วยพี่หนิงกับน้องเบนหามณีนาคา โดยใช้มโนตรวจดูก็จะรู้ว่าของใครอยู่ตรงจุดไหน แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะได้ค่ะ จริงๆแล้วพี่สาว พี่ตู่ อ้อย น้องฝน มีมณีนาคากันอยู่แล้วค่ะ แต่มณีประจำตัวจริงๆ ยังอยู่เมืองบาดาลกันอยู่เลยค่ะ ต้องรอให้ถึงเวลาก่อน ตอนนี้ก็ได้แต่มอง ม๊อง มอง ไปก่อนอ่ะค่ะ 555 ก็มีการชี้ให้กันดูว่าของใครอยู่ตรงจุดไหน มีของพี่ลีด้วยนะคะ อ้อยก็บอกพี่ลีไปว่า พี่ลีลองขอสิคะ เผื่อท่านเมตตา อิอิ

    หลังจากที่ส่องๆกันอยู่ ก็จะเห็นแสงสว่างจ้าต่างจากแสงของมณีอยู่บนเพดานถ้ำค่ะ หลังจากที่อธิษฐานจิตดู ทราบว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐม ก็เลยตะโกนบอกทุกคนให้มาดูกันค่ะ พวกเราก็น้อมจิตกราบกัน ท่านเสด็จมาให้กราบสักพัก ก็เสด็จกลับค่ะ ยังความปลื้มปิติกับพวกเราทุกคนค่ะ ^_^

    หลังจากที่ขอขมาเสร็จ พวกเราก็ขึ้นมาจากถ้ำน้ำ เพื่อเตรียมตัวล้างห้องน้ำกันต่อค่ะ อ้อยมัวแต่ไปขัดหม้อข้าวไหม้ เลยไปช้ากว่าทุกคน พี่หนิงบอกว่ามือยังไม่เปื้อน ถ่ายรูปๆๆ เลยเป็นช่างภาพค่ะ ถ่ายรูปเสร็จก็จองคนละห้อง จัดการล้างงงงงงงงงงง ขัด ถู พี่นัถเป็นแผนกจกค่ะ จกขยะไปทิ้งค่ะ ล้างห้องน้ำกันจนคิดว่าน่าจะสะอาดดีแล้ว เจอหลวงพี่รูปหนึ่งเดินเลียบๆเคียงๆ เลยรู้ว่าได้เวลาแล้ว พี่สาวตะโกนบอกพวกเรา สลายตัววววววววววววว

    จากนั้นก็ถวายเพลอีกรอบ แล้วก็เตรียมตัวกลับค่ะ ก่อนกลับก็ขึ้นไปกราบหลวงปู่ใหญ่อีกรอบค่ะพร้อมกราบขอขมาหากพลาดพลั้งด้วยกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมไป พอกราบเสร็จ เหลือบเห็นฆ้องใหญ่มากๆอยู่ตรงมุมด้านหน้า หลวงปู่ใหญ่บอกว่า ลองไปลูบดู เพราะตอนลูบที่วัดถ้ำปราสาทดิน ดังแผ่วๆ ให้ลองลูบใหม่อีกที

    คราวนี้ตั้งจิตใหม่ ให้เป็นสมาธิ ไม่นึกอยากให้เสียงดัง ปล่อยจิตให้โล่ง เบา สบาย ว่างเปล่า จากนั้นลองเอามือลูบดู ปรากฏว่าเสียงดังค่ะ และดังขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งปล่อยจิตให้เบา ก็ยิ่งดังกังวาน เลยกำหนดจำอารมณ์จิตแบบนี้ไว้ และเข้าใจว่าทำไมหลวงปู่ถึงให้ลองลูบฆ้องดูอีกที จากนั้นพวกเราก็ทยอยกันลูบค่ะ บางคนก็ดัง บางคนก็ค่อย ตามกำลังสมาธิ ณ ขณะนั้นๆ กราบลาหลวงปู่ใหญ่อีกรอบ จากนั้นก็เริ่มเดินลงจากถ้ำค่ะ ระหว่างทางเจอผู้เฒ่าผู้แก่หลายท่านเดินสวนกันขึ้นมา ก็ให้กำลังใจกันไป นึกศรัทธาทุกคนที่ถึงแม้จะมีอายุเยอะแต่แรงศรัทธาไม่น้อยลงเลย ก็โมทนาบุญไปกับเค้าด้วยค่ะ

    ระหว่างทางก็อุทิศบุญกุศลให้ทุกๆท่าน ทุกๆรูป ทุกๆองค์ที่ได้พบเจอมา ทั้งข้างบนและระหว่างทาง แผ่เมตตาลงมาเรื่อยๆ จนถึงข้างล่างค่ะ

    ออกจากวัดถ้ำวัวแดง ก็เริ่มใช้ถาคาย่นระทางกันไปเรื่อยๆ จากนั้นก็แวะสระบุรี แต่พวกเราไปถึงกันเย็นมากแล้ว ก็ได้รับความเมตตาจากอาจารย์ชนะและแม่ใหญ่เป็นอย่างสูง อาจารย์ชนะได้นำพวกเรากราบขอขมาพระรัตนตรัยกันด้วยค่ะ จากนั้นเมตตาให้ข้อธรรมเพื่อนำไปปฏิบัติกันด้วยค่ะ คนไหนที่ติดขัดอาจารย์แม่ใหญ่และอาจารย์ก็จะช่วยแก้ไขให้ด้วยความเมตตา และยังกรุณาเลี้ยงอาหารเย็นพวกเราอีกด้วย แถมมีของฝากให้อีก กราบขอบพระคุณอาจารย์แม่ใหญ่และอาจารย์ชนะเป็นอย่างสูงค่ะ

    ธรรมะที่ได้รับจากอาจารย์แม่ใหญ่และอาจารย์ชนะ เป็นธรรมะที่อ้อยได้รับจากครูบาอาจารย์บนถ้ำเหมือนกันเลยน่ะค่ะ เลยได้แต่ปลื้มค่ะ ศิษย์ขอน้อมกราบญาณ8ของท่านอาจารย์ทั้งสองด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

    ออกจากสระบุรีก็มืดแล้ว ขึ้นรถปุ๊บ หลายๆคนก็ช่วยกันย่นระยะทางอีกแล้วค่ะ น้องเบนลงก่อนต่อแท็กซี่กลับบ้านอีกที อ้อยกับน้องเล้ง ลงระหว่างทาง ต่อแท็กซี่ไปศูนย์นครชัยแอร์อีกที ทันเวลาพอดีค่ะ อาจารย์ชนะ และแม่ใหญ่ พี่หนิง พี่สาว พี่ว่าน โทรถามด้วยความเป็นห่วง ก็ต้องกราบขอบพระคุณทุกๆท่านสำหรับเมตตาจิตด้วยนะคะ ^_^

    ทุกที่ ทุกๆบุญที่น้อมนำ ไม่ลืมที่จะอุทิศบุญกุศลทั้งหมดทั้งมวลให้กับกัลยาณมิตรทุกๆท่านด้วยค่ะ ขอเชิญโมทนาบุญร่วมกันนะคะ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปทุกๆท่าน ขอบพระคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2009
  20. วิณวิญ

    วิณวิญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +2,089
    วันนี้ขออนุญาตท่านผู้ชมทางบ้านเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองทั้งๆที่ไม่ได้ไปด้วยให้อ่านกันนะคะ

    เพราะเชื่อมั่นเหลือเกินว่าเรือบุญหรรษาลำนี้ ที่มีพี่ใหญ่ของเราและเพื่อนพ้องน้องกัลยาณมิตรทั้งหลาย ได้ส่งผ่านกระแสบุญโดยทั่วถึงกันทุกท่านอยู่ตลอดเวลาค่ะ ยังไงเราก็จะไม่ทอดทิ้งกัน เราจะไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละนะคะ

    ด้วยเห็นในความฝันอีกเช่นเคยค่ะ (ยังไม่ได้มโนมยิทธิเหมือนเดิมแหละค่ะ แหะๆๆ) ของตอนเช้าวันที่28 ที่เมืองไทยก็คงจะบ่ายกว่าๆไปแล้ว เอเห็นว่ามีกลุ่มคนนั่งขัดสมาธิอยู่กลุ่มนึงพร้อมกับพระสงฆ์หนึ่งองค์ ตอนนั้นกะจำนวนเอาเองว่าประมาณ7คนนะคะ ทุกคนมีดวงแสงสว่างสีขาวเป็นวงกลมอยู่ที่ช่องท้องด้วย และข้างในแสงสว่างนั้นมีรูปองค์พระนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างในอีกทีนึงค่ะ ส่วนสถานที่ใดก็ไม่ทราบเพราะดำมืดตืดตื๋อไปหมด เลยเห็นหน้าทุกคนได้ไม่ชัดนะคะว่าเป็นใครกันบ้าง แต่พอรู้สึกได้ว่ามีคนแก่นั่งอยู่ด้วย ตอนนั้นรู้สึกแต่ว่า ...อือ..นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วเนี่ย... แล้วก็รู้สึกถึงความศรัทธาอันแรงกล้าค่ะ แล้วก็ตื่นนอน

    ถึงตอนนี้แล้วก็คงไม่ต้องสงสัยแล้วหล่ะค่ะ ว่ากลุ่มคนที่เอเห็นในความฝันนั้นคือใคร นั่นคือพี่ๆน้องๆจากเรือบุญหรรษาลงเรือลำน้อยไปทำบุญตามเกาะแก่งต่างๆให้พวกเรานั่นเอง อ่อ..อีกเรื่องนึงคือ ณ.ตอนนั้นด้วยความอยากรู้(อีกแล้ว)ว่ารูปพระที่ทุกคนกำลังกำหนดอยู่นั้นคือพระองค์ไหน ตอนนั้นได้คำตอบว่าหลวงปู่ดู่นะคะ พอตื่นมาแล้วมานั่งคิดว่าไม่น่าจะใช่หรือปล่าว เอพลาดไปแล้วค่ะที่ไม่ได้ขอบารมีสอบถามจากพระศาสดาก่อน คำตอบเลยไม่ตรงแน่นอน เพราะถ้ามาอ่านประสบการณ์ของพี่ๆน้องๆในทริปนี้แล้ว ท่านน่าจะเป็นหลวงปู่ใหญ่มากกว่า ด้วยความประมาทก็สอบตกอีกเช่นเคยนะคะ ^^

    ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับพี่ๆน้องทุกๆท่านในการร่วมกันทำบุญในครั้งนี้ด้วยนะคะ ขอให้ทุกๆท่านมีความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ สาธุๆๆ

    ปล. ว่าด้วยเรื่องแห่งความฝัน โบราณท่านว่า กินมาก นอนมาก ฝันมากก็เป็นได้ค่ะ
    ปล.2 พี่หนิงค่ะ ตอนนี้ธรรมมะติดปีกไปฉิวเลยนะคะ เยี่ยมไปเลย (มุขนี้ว่าจะหยอกตั้งแต่ทริปวัดกู่เสือแล้วนะเนี่ย เพิ่งจะสบโอกาส อิอิอิ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...