อุทิศบุญ แผ่เมตตา อย่างถูกต้องได้ผล

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 4 ธันวาคม 2009.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,240
    สรรพสัตว์ร่มเย็นเป็นสุขด้วยเมตตาบารมี การแผ่เมตตา การแผ่ส่วนบุญนั้นมีความแตกต่างกัน ซึ่งเราควรจะทำอย่างไร เมื่อไร แค่ไหน การแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลนั้นเราต้องมีบุญจากการประพฤติ บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ เสียก่อนแล้วจึงจะแผ่บุญกุศลเหล่านั้นไปสู่ผู้อื่น เพื่อให้พวกเขามีความสุข

    การแผ่ส่วนบุญ ทำเพื่อต้องการให้ผู้อื่นเป็นสุข ควรทำหลังจากเราได้ประพฤติอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างตามหลักบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ซึ่งประกอบด้วย ทาน ศีล ภาวนา ประพฤติอ่อนน้อม ช่วยเหลือผู้อื่น แบ่งปันความดีให้ผู้อื่น ยินดีในเมื่อผู้อื่นทำความดี ฟังธรรม สั่งสอนธรรม ทำความเห็นของตนให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ผู้ใดประพฤติเช่นนี้แล้วจะทำให้เกิดเป็นบุญขึ้นในใจ

    ส่วนการแผ่เมตตานั้น ทำเมื่ออยากให้ผู้อื่นไม่มีเวรกับเรา ซึ่งจะได้ผลก็ต่อเมื่อผู้แผ่มีเมตตาอยู่ในใจ คือสามารถให้อภัยแก่ผู้ที่ทำให้ขัดใจได้อย่างแท้จริง คนส่วนมากมักไม่เข้าใจ จึงแผ่เมตตากันไปทั้งๆที่ตัวเองไม่มีเมตตา ยังมีโทสะ ยังโกรธยังแค้นเคืองเขาอยู่ ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของผู้มีเมตตา มีเมตตาหรือไม่มีเมตตาวัดได้จากพฤติกรรมของเราเอง หากเราสามารถให้อภัยบุคคลหรือสิ่งของที่ทำให้เรารู้สึกขัดใจได้ในทุกๆเรื่อง โดยไม่รู้สึกโกรธ เบื่อหน่าย หรือท้อแท้ นั่นแสดงว่าเรามีเมตตาแล้ว

    บทแผ่เมตตาที่ว่า "สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น" นั้นไม่จำเป็น เมื่อมีการจองเวรเกิดขึ้นเฉพาะหน้า พุทธศาสนาที่แท้จริงไม่เคยให้เอาจิตเป็นทาสของพิธีกรรมใดๆ การแผ่เมตตาแบบกะทันหันจึงไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบ เพียงแค่ทำใจให้นิ่ง ตั้งจิตคิดอยากให้เขามีความสุข แล้วกล่าวว่า " ไม่มีเวรกัน" หรือ "เป็นสุข เป็นสุข" เท่านั้นก็พอ ไม่เห็นจะต้องพูดอะไรให้ยืดยาว ถ้ามัวแต่มานั่งท่องตามบท บางครั้งอาจจะไม่ทันกาล

    การแผ่ส่วนบุญ หรือแผ่เมตตาให้ผู้อื่นต้องตั้งใจมั่นและมีสมาธิด้วย จึงจะแผ่ไปได้ในรัศมีที่กว้างไกล เพราะหากใจมีสติไม่กล้าแข็ง ปล่อยให้ปากพูดไปแบบนกแก้วนกขุนทอง โดยที่ใจรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้คิดจะให้ แบบนี้พลังของบุญบารมี ย่อมอ่อนและแผ่ไปได้ไม่ไกล

    การแผ่เมตตาและบุญกุศลนั้น ผู้แผ่และผู้รับต้องสามารถสื่อถึงกันได้ และเขามาอนุโมทนาบุญจึงจะสำเร็จตามความตั้งใจ ของผู้แผ่หรืออุทิศ แต่หากทั้งสองฝ่ายสื่อถึงกันไม่ได้ การแผ่หรืออุทิศนั้นก็ไม่เป็นผล ส่วนเราจะรู้ได้ไหมนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่เราต้องการจะสื่อสารด้วยนั้นเป็นใคร หากเป็นมนุษย์ด้วยกัน เราสามารถรับรู้ได้ จากการที่เขาเอ่ยคำว่า "สาธุ" ส่วนสัตว์เดรัจฉานนั้นเรารู้ได้จากพฤติกรรมของเขา เช่น หากเขาจ้องจะเข้ามาทำร้ายเรา แต่เมื่อเราแผ่เมตตาให้ แล้วเขาไม่ทำร้ายเรา อย่างนี้ก็หมายความว่า เขารับเมตตาที่เราแผ่ให้ได้

    ส่วนสัตว์ในภพภูมิอื่นๆนั้น หากเราไม่ได้ฝึกจิตจนได้อภิญญาเราย่อไม่อาจรู้ได้และหากเขาไปเกิดในนรก หรือไปเกิดเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เขาย่อมไม่ได้รับสิ่งที่เราแผ่ไปให้เพราะสัตว์เหล่านั้นต้องเสวยทุกข์ อยู่ตลอดเวลาจนไม่มีโอกาสปลีกตัวมารับส่วนบุญได้

    การอุทิศบุญกุศลนั้น เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ ส่วนการแผ่เมตตาเป็นการสร้างคุณความดี ที่สั่งสมไว้เป็นบารมีในใจของเรา ย่อมมีผลดีแก่ตัวเราเอง แม้จะไม่สามารถส่งไปถึงบุคคลที่เราต้องการให้ก็ตาม ดังนั้นหากขึ้นชื่อว่าเป็นบุญ เป็นกุศล เป็นสิ่งที่เป็นคุณงามความดีแล้ว จึงเป็นสิ่งที่เราควรกระทำให้เกิดมีขึ้นในใจให้มาก โดยไม่จำเป็นต้องหวังผลอย่างใด

    กรรมดีน่ะ ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็เป็นเรื่องดีวันยังค่ำ เพราะฉะนั้นตั้งหน้าตั้งตาทำความดีไปเถิด ไม่ต้องไปกังวลว่า ทำความดีแล้วจะเกิดผลหรือไม่ แค่ไหน อย่างไร


    สวัสดีมีโชคชนะชัย
    ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ
    ๓๑ กรกฏาคม ๒๕๕๒
     
  2. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +9,766
    แผ่เมตตาต่อตนก่อนคนอื่น
    จะช่วยฟื้นพลังเมตตามหาศาล
    แผ่ออกไปสุดขอบรอบจักรวาล
    จิตชื่นบานสุดจะนับอัปปมัญญา
     
  3. monrak

    monrak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +234
    หมายความว่า เราไม่สมารถแผ่บุญกุศลให้กับผู้ล่วงรับไปแล้วได้เช่นนั้นหรือ

    ถ้าจะส่งบุญได้ต้องเป็น ผู้มี อภิญญา เช่นนั้นหรือครับผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้

    ขอ อนุโมทนา สำหรับความรู้นี่ครับ
     
  4. Kmint

    Kmint สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +5
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยจ๊ะความรู้ในการสร้างบุญให้ถูกต้องในครั้งนี้จะทำให้มีคนสร้างบุญที่ถูกต้องเพิ่มขึ้นอีกมาก อนุโมทนาสาธุอีกครั้งจ๊ะ
     
  5. fay10

    fay10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,760
    ความสุขทางโลกย่อมมีวันหมดแต่ความสุขทางธรรมไม่มีวันหมด

    ความสุขทางโลกย่อมมีวันหมดแต่ความสุขทางธรรมไม่มีวันหมด
    สุขแล้วสุขเลย
     
  6. ยอดยาหยี

    ยอดยาหยี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    576
    ค่าพลัง:
    +2,697
    ต้องตั้งใจ มีสมาธิจริง ๆ
     
  7. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ไม่ใช่ครับ แม้เราไม่ได้เป็นผู้มีอภิญญา ก็สามารถอุทิศส่วนกุศลตลอดจนแผ่เมตตาได้ และอีกเช่นกัน แม้เราไม่ได้เป็นผู้มีอภิญญา ก็สามารถรับรู้โดยนัยๆได้ว่า ผู้รับได้รับแล้ว

    ยกตัวอย่างเช่น เราๆท่านๆนี่แหละทำบุญแล้วกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศสให้กับญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ตกกลางคืนบุคคลผู้นั้นมาเข้าฝันเรา แล้วมาในสภาพที่ดีที่เป็นสุข หรือแม้ไม่เข้าฝันเรา แต่ไปเข้าฝันคนอื่น ซึ่งคนอื่นนั้นไม่ได้รู้เรื่องที่เราไปทำบุญมาเลย นี่เป็นตัวอย่างพื้นฐานที่สุดอย่างหนึ่ง
    ส่วนจะมีกรณีอื่นๆอีกหรือไม่นอกจากเรื่องความฝัน ก็ขอยืนยันว่ามี แต่ไม่ขอยกตัวอย่างไว้ในหน้าเวบบอร์ดนี้ เพราะธรรมะของพระพุทธองค์ต้องพิสูจน์ ดังนั้นจึงอยากให้คุณทำดูแล้วเจอะเจอด้วยตนเอง คุณก็จะรู้ด้วยตัวเอง เข้าใจและซาบซึ้งด้วยตนเอง

    เรื่องการอุทิศส่วนกุศล การแผ่เมตตานั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานของพรหมวิหาร 4 ส่วนเรื่องสมาธินั้น เป็นเครื่องส่ง แต่ก่อนอื่น ใจของคุณจะต้องมีความเมตตา กรุณา เมื่อมีเมตตา กรุณา แล้ว มุทิตา กับอุเบกขา ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

    ถามตัวเองว่า เราเป็นคนขี้โกรธ ชอบอาฆาต ชอบริษยาหรือไม่ ถ้ามี ก็แสดงว่าพรหมวิหาร 4 ยังพร่องอยู่ แต่ถ้าไม่มี ตรงกันข้าม กลับเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคน ชอบสงสารคน เรื่องพรหมวิหาร 4 ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เรื่องการอุทิศส่วนกุศล แผ่เมตตาก็ไม่ใช่เรื่องยาก

    ยกตัวอย่างเช่น เราเห็นข่าวผู้ก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกยิงตาย ความรู้สึกเราจะเป็นอย่างไร ระหว่าง

    " แม่ง ตายๆ ไปเสียได้ก็ดี หนักแผ่นดิน" หรือ
    " สัตว์ทั้งหลายชอบเป็นไปตามกรรม ขออย่าได้มีเวรต่อกันและกันเลย"

    คำถามเหล่านี้ เรารู้คำตอบของเราดีอยู่แล้วในใจ

    พรหมวิหาร 4 เป็นธรรมประการหนึ่งที่จะช่วยขัดเกลาจิตใจมนุษย์ให้ละเอียดขึ้น จนสุดท้ายอยู่เหนือบุญเหนือบาป

    ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...