ร่วมบุญใหญ่ส่ง"ช้าง"กลับบ้าน

ร่วมบุญใหญ่ ส่ง "ช้าง" กลับบ้าน




คมชัดลึก : คนไทยกับการทำบุญเป็นเรื่องที่อยู่คู่กัน ยิ่งใกล้สิ้นปีย่างเข้าปีใหม่กันอย่างนี้ วัดวาอารามการทำบุญปล่อยนก ปล่อยปลา ถวายสังฆทาน เข้าวัดทำบุญเป็นเรื่องที่คนไทยต่างทำกันให้คึก ยิ่งปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงหลายคนต่างพูดจาว่าเป็นปีเสือ แล้วก็เสือไฟที่ทำเอาคนไทยอาจจะอึ้งและสะพรึงกลัว การแก้เคล็ดด้วยการทำทาน ทำบุญ จึงเป็นสิ่งที่ช่วยเป็นภูมิคุ้มกันภัยและเสริมกำลังใจได้เป็นอย่างดี







ว่าเแล้วเมื่อได้ยินเสียงพีอาร์สาวสวยของบริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ชักชวนไปร่วมปล่อยช้าง 2 ตัวสุดท้ายจาก 8 ตัวที่กำหนดในโครงการ "แอร์โรว์ ช่วยช้างกลับบ้าน" ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาเมือง จ.ลำปาง ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมโครงการกับ มูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติในโครงการ "คืนช้างสู่ป่าเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม 2550" เพื่อปล่อยช้างคืนสู่ธรรมชาติจำนวน 81 ตัว ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เมื่อเดินทางถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ก็ชะเง้อมองหาเจ้าช้างตัวใหญ่ 2 ตัวที่จะมีโอกาสกลับสู่บ้านเดิมในป่าใหญ่ สอดส่องสายตาอยู่ครู่ก็เห็นช้างตัวใหญ่ที่ชื่อ "พังตุ๊กตา" ยืนแอบอยู่ในทิวร่มไม้ กำลังจะย่างเท้าเข้าไปหาก็ปะหน้าผู้ใหญ่ใจดี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติ ที่คอยกระตุ้นให้สังคมไทยหันกลับมาให้ความสำคัญกับสัตว์ใหญ่ชนิดนี้ เอื้อนเอ่ยประโยคแรกทันทีว่า "วันนี้โชคดีมาก จากเดิมจะปล่อยช้างกลับป่า 2 เชือก แต่เมื่อพังตุ๊กตา รับเป็นแม่รับให้ช้างกำพร้า "พังดาว" วัยกว่า 2 ปี ตอนนี้เจ้าตัวเล็กติดแม่รับมาก แยกกันไม่ได้ วันนี้จึงปล่อยช้างเข้าป่าเป็น 3 เชือก รวมทั้ง พังนำโชค วัย 59 ปีด้วย"





เท่านั่นแหละทำเอาผู้คนในขบวนและผู้ใหญ่ใจดีจากแอร์โรว์ยิ้มแป้น ก็แหมได้ทำบุญปล่อยสัตว์ใหญ่ แถมยังรักกันอย่างกลมเกลียว เป็นภาพที่งดงามน่าจำจดกว่าเรื่องไหนๆ และก่อนที่จะปล่อยช้างก็ได้โอกาสซักถาม ประธานกรรมการมูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติ ที่เล่าให้ฟังว่า โครงการนี้เกิดจากกระแสพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีพระราชดำรัสอยากให้ทุกคนช่วยช้าง ซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย
"ก่อนหน้าจะมีมูลนิธิฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงปล่อยช้างกลับสู่ป่าหลายเชือกแล้ว เมื่อมูลนิธิจัดตั้งและมีโครงการคืนช้างสู่ป่า 81 ตัว เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งความจริงจนถึงวันนี้ก็ปล่อยเกิน 81 แล้ว แต่ถ้ามีคนใจบุญมาช่วยร่วมก็จะปล่อยไปเรื่อยๆ การนำช้างคืนสู่ป่าไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องนักหรอกนะ แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาได้ส่วนหนึ่ง เพราะความจริงแล้วต้องช่วยไปพร้อมกับคนที่เลี้ยงช้าง ช่วยแต่ช้างคนก็ยังไปจับช้างมาอีก มันไม่จบ แต่ช้างที่เราปล่อยนี้ได้รับการดูแล จับกลับมาไม่ได้ เขาจะอยู่คู่ธรรมชาติตลอดไป"
กำลังจะเอื้อนเอ่ยในประโยคต่อไป ดร.สุเมธ ก็ถูกสะกิดให้ร่วมพิธีปล่อยช้างกลับบ้าน เริ่มด้วยพิธีพราหมณ์บวงสรวงเทวดาฟ้าดิน แล้วเราก็ได้เห็น ช้าง 3 เชือกที่กำลังจะได้มีโอกาสกลับสู่บ้านเกิด ได้เข้าสู่คอกพิธี ชื่นใจอย่างไรบอกไม่ถูก พอเดินเข้าไปใกล้พังตุ๊กตาก็ส่งงวงมาทักทาย ทีแรกก็นึกว่าเธอคงดีใจที่จะได้เป็นอิสระเดินผืนดิน กลืนกินของธรรมชาติ สูดอากาศในป่าเขา แต่สุดท้ายก็บางอ้ออาการแบบนี้เธอบอกว่า "ขอกล้วยหน่อยดิ" เมื่อรู้แล้วก็ไม่รอช้าคว้ากล้วยหลายใบส่งให้เธอทันที และคงเอร็ดอร่อยเพราะระหว่างที่ส่งกล้วยเข้าปาก พังตุ๊กตาก็คว้ามับแล้วเคี้ยวจนน้ำลายกระจาย...น่ารัก




ว่าแล้วก็หันไปหา "พังนำโชค" ที่ฉลาดสมวัย ใช้งวงแตะคนโน้นคนนี้ขอกล้วยเช่นกัน ในขณะที่เจ้าตัวเล็ก "พังดาว" ก็ถูกพี่ๆ ใจดีรุมป้อนอาหารมืออร่อย อิ่มหมีพีมันได้เวลาปล่อยตัว ความรู้สึกตื่นเต้นเกิดแทนที่เมื่อจ้องไปที่ช้าง 3 เชือก โดยเฉพาะเจ้าตัวน้อยช้างวัยเด็กที่ไม่ค่อยรีรอ พอทุกคนเปิดคอกเจ้าตัวก็ไม่ทันใจ ก้าวเท้าไปก่อนหน้าใคร ในขณะที่ 2 ช้างใหญ่ก็เดินตามออกไป ไม่หันกลับมากันเลย...เราก็ได้แต่เอื้อนเอ่ย "บ๊ายบาย โชคดีนะเจ้าช้าง"
แต่ก่อนลากลับปะหน้าอีกหนึ่งผู้ใหญ่ใจดี ศิวะพร ทรรทรานนท์ ที่ผูกพันกับช้างมาเนิ่นนาน ในฐานะเลขาธิการมูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติ เล่าเรื่องราวของช้างให้ฟังว่า คนชอบบอกว่าช้างโง่ จริงๆ แล้วช้างฉลาดมาก เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งเห็นแม่ช้างหลบออกมาจากฝูงไม่ไกลนัก แล้วเขาหักกิ่งไม้เอามาพาดไว้บนหลังตัวเองกิ่งหนึ่ง หักอีกกิ่งหนึ่งมาพาดไว้บนหัวด้านหน้า ในขณะที่ลูกช้างเขาก็ฝากเอาไว้ให้ป้าดูแล เพราะช้างจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่






"ตอนแรกผมก็สงสัยว่าทำไมต้องหักกิ่งแล้วเอามาพาดที่ตัว ผมดูไปสักพักก็เห็นว่าแม่ช้างหลับไป ซึ่งกิ่งไม้ที่เขาวางพาดเอาไว้แบบนั้น เพื่อเขาจะได้รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าเกิดเขาหลับจนตัวเอียงไปข้างหน้าหรือข้างหลัง ตัวเขาก็จะโดนกิ่งไม้พวกนั้นเขาก็จะรู้สึกตัว นี่เป็นความฉลาดของช้าง พอวันต่อมาผมก็เห็นแม่ช้างกำลังข้ามแม่น้ำ แต่ทางที่จะเดินขึ้นมันชันมาก แม่ช้างก็เอาเท้าตัวเองปาดดินให้เป็นเหมือนขั้นบันได เพื่อให้ลูกช้างเดินขึ้นไปได้ เห็นได้ชัดเลยว่าช้างมีความฉลาดมากไม่ได้เป็นสัตว์ที่โง่เหมือนที่ใครหลายคนคิด" หนึ่งในผู้หลงรักช้าง กล่าว

รู้อย่างนี้แล้ว เราจะไม่ช่วยช้างกลับบ้านก็ไม่ได้แล้วละคะ...



เรื่อง - ภาพ... "กรรณิกา ใจจำนงค์ "

-------------------
คมชัดลึก
�����ح�˭� ��� "��ҧ" ��Ѻ��ҹ ���Ѵ�֡ : ���˭ԧ-Ὺ��� : ���Ƿ�����