สูตรชะลอความแก่ ของพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 4 มกราคม 2010.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    สูตรชะลอความแก่ ของพระพุทธเจ้า

    พุทธศาสนา ทรรศนะและวิจารณ์

    ศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก / ราชบัณฑิต



    คําว่า " เทวดา" ดูเหมือนจะไม่บ่งเพศ หมายถึงเพศชายก็ได้ เพศหญิงก็ได้ แต่ถ้าจะให้ชัดว่าเพศไหนมักจะเรียกแยกว่า "เทพบุตร" หรือ "เทพธิดา" นักภาษาท่านให้ความหมายตามนัยสัทศาสตร์ของคำว่าเทวดาหรือเทพไว้หลายนัย นัยที่ผมเห็นว่าเหมาะกับบุคลิกของแกมากที่สุด คือ "ผู้เล่นสนุกด้วยกามคุณทั้งห้า"

    พวกเทวดาเป็นพวกชอบสนุก ของสนุกของพวกเขาอย่างหนึ่งก็คือนารี

    ว่ากันว่าเดิมทีเทวดาผู้หญิงยังไม่มี เพิ่งมามีเมื่อคราวเทวดากับอสูรช่วยกันกวนน้ำอมฤต (ก็เหล้านั่นแหละ) ขณะที่เอาพญานาคพันรอบเขาพระสุเมรุแล้วเทวดาดึงหัว อสูรดึงหางดึงกันไปดึงกันมาอยู่พักหนึ่งก็มีเทวดาเพศหญิงโผล่ขึ้นกลางเกษียรสมุทร ว่ายกระดุ๊บกระดิ๊บหน้าตาน่าเอ็นดู นางพวกนี้จึงได้ชื่อภายหลังว่า "อัปสรัส" หรือ "อัปสร" แปลตามศัพท์ว่า "กระดิกในน้ำ" ต่อมานางน้ำเหล่านี้ได้กลายเป็นสมบัติกลางของเมืองฟ้าให้เทวดาเพศชายเชยชม บางครั้งก็ยื้อแย่งกรรมสิทธิ์ครอบครองกันก็มี

    เรื่องศึกแย่งนางฟ้า มีบันทึกไว้ อรรถกถาธรรม บท ตอนหนึ่ง จับมาอ่านทีไรอดยิ้มไม่ได้ ยิ้มในอารมณ์สนุกอันสุนทรีย์ของพวกเทวดาและในเล่ห์ เหลี่ยมเขี้ยวลากดินของหัวหน้าเทวดาแห่งสวรรค์ ชั้นไตรตรึงษ์

    ก็สหัสนัยน์คน เอ๊ย เทวดาดังนั่นแหละครับ

    ขัตติยานีแห่งเผˆาศากยะนางหนึ่งนามว่าโรหิณี ภคินี (น้องสาว) ของพระเถระนามอนุรุทธะป่วยเป็นโรคผิวหนัง เธอรู้สึกอับอาย ได้แต่หมกตัวอยู่ในห้องไม่กล้าปรากฏกายต่อสาธารณชน เมื่อพระอนุรุทธะผู้เชษฐาทราบเรื่องจึงแนะนำให้เธอขายเครื่องประดับมีค่า เอาเงินมาสร้างอาสนศาลา (เห็นจะตรงกับหอฉันของเมืองไทย) ถวายพระสงฆ์ให้ถวายทานแก่พระสงฆ์ตามโอกาสอันควรและให้ดูแลทำความสะอาดปัดกวาดอาสนศาลาเป็นประจำ

    นางปฏิบัติตามเชษฐาแนะนำ ด้วยอานิสงส์แห่งการปัดกวาดศาลาเป็นนิจศีล โรคผิวหนังได้หายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อสิ้นชีพได้ไปเกิดเป็นเทพธิดา สวยหยดย้อยหยาดเยิ้ม ณ สวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์

    เป็นกฎของเมืองแมนแดนสวรรค์ ถ้าเทพธิดาเกิด ณ เขตแดนวิมานของเทพองค์ใด ย่อมตกเป็นสิทธิของเทพองค์นั้น

    บังเอิญเทพธิดานางนี้ "ผุดขึ้น" ระหว่างเขต แดนของเทพบุตร ๔ องค์ ต่างก็อ้างว่านางเกิดในแดนของตน เกิดทุ่มเถียงกันถึงขั้นจะวางมวยกันขึ้น เทพองค์หนึ่งเสนอว่า เมื่อตกลงกันไม่ได้ สู้ไปขอร้องให้องค์เทวราชตัดสินให้มิดีกว่าหรือ

    ทั้งสี่พาเธอไปหาท้าวอมรินทร์จอมเทพ ทันทีที่เห็นหน้าสมาชิกสาวชาวฟ้าหน้าใหม่ ท้าวเธอก็เกิดจิตปฏิพัทธ์ขึ้นมาทันใด หันไปถามเทพทั้งสี่ว่า "ทันทีที่เห็นหน้าเทพธิดานางนี้ พวกเธอรู้สึกยังไง"

    "ใจมันเต้นตุ้มๆ ตั้มๆ เหมือนกลองศึก ไม่รู้จักหยุดนิ่งเลยครับท่าน" องค์หนึ่งตอบ

    "ใจมันหวิวๆ เหมือนน้ำตกจากยอดเขาสูง" องค์ที่ ๒ ตอบ

    "ทันทีที่สบตาเธอ สายตาข้าพเจ้าก็จ้องตะลึงแทบถอนออกจากเบ้าเหมือนตาปู" องค์ที่ ๓ ตอบ

    "ใจมันสั่นพลิ้วเหมือนธงต้องลม" องค์ที่ ๔ ตอบ

    "พวกเธอยังดีนะ ไม่รู้สึกรุนแรงเหมือนข้า" ท้าวสหัสนัยน์กล่าวตีหน้าเศร้า "ถึงยังไงพวกเธอก็คงพอทนได้ แต่ฉันนี่สิมีความรู้สึกว่าถ้าไม่ได้เธอมาครอบครองแล้ว ฉันคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้แน่ ขอฉันเถอะนะ"

    เมื่อโดนเข้าไม้นี้ ทั้ง ๔ องค์ก็จำต้องตัดใจยกให้เจ้านายไปด้วยความเสียดาย

    เรื่องทำนองนี้ดูออกจะเป็นการเสียดสีเทวดาไปหน่อย ทำให้มองเทวดาในแง่ลบว่า วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากเล่นสนุกเพลิดเพลินในกามคุณ หรือพูดอย่างไม่เกรงใจก็คือ "มั่วแต่กาม" จนต้องแก่งแย่งวิวาทบาทถลุงกันได‰ถ้าเช่นนั้นเทวดามันจะวิเศษวิโสอะไรไปกว่ามนุษย์เล่า

    ความจริงสังคมเทวดาก็คงเหมือนสังคมมนุษย์ มีเทวดาดีบ้าง เลวบ้างคละกันไป พวกที่เรียกว่า "เทวปุตตมาร" เที่ยวเกกมะเหรกเกเร รังแกชาวบ้านก็มีอยู่บ้าง แต่คงไม่มากนัก ที่ดีๆ คงมีเป็นส่วนมาก

    หนึ่งในจำนวนพุทธกิจ ๕ ข้อที่พระพุทธองค์ทรงปฏิบัติเป็นประจำตลอดพระชนมชีพคือ ตอบปัญหาเทวดาในยามเที่ยงคืน เทวดาที่เข้าเฝ้าทูลถามปัญหาล้วนเป็นเทวดาดี เป็นนักคิดใฝ่แสวงความรู้กันทั้งนั้น บางองค์คิดอะไรได้ดีๆ ก็เข้าเฝ้าเพียงเพื่อกล่าวแนวคิดของตนให้พระพุทธองค์ฟังโดยมิได้ถามปัญหาก็มี ถ้ากล่าวได้ดีเป็นหลักเป็นฐานพระพุทธองค์ก็ตรัสรับรอง ถ้ายังบกพร่องไม่สมบูรณ์พระองค์ก็ทรงเสริมให้


    ˹ѧ
     
  2. จิตนิพพาน

    จิตนิพพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +414
    สูตรชะลอความแก่ของพระพุทธเจ้า เกี่ยวข้องกันอย่างไร
    อ่านแล้วไม่เข้าใจครับ ช่วยขยายความด้วยครับ
     
  3. pee44

    pee44 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +51
    ตอนนี้ที่วัดพระพุทธบาทดอยโล้นก็กำลังสร้างหอฉันอยู่นะจ๊ะใครที่อยากสวยเหมือนดังนางฟ้าที่กล่าวมาก็ไปทำบุญที่วัดได้นะคะ อยู่ อ.ท้องฟ้า จ.ตาก
     
  4. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603

    ไม่น่าใจเหมือนกันครับท่าน
    แต่ที่ได้คือ "อานิสงส์แห่งการปัดกวาดศาลาเป็นนิจศีล โรคผิวหนังได้หายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อสิ้นชีพได้ไปเกิดเป็นเทพธิดา สวยหยดย้อยหยาดเยิ้ม ณ สวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์"
    ลองกวาดดูเผื่อว่าผิวพรรณจะเปล่งปลั่ง และไม่มีโรคผิวหนัง สาธุ
     
  5. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ ผมขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ
    เป็นการสร้างความงามให้กับตัวเองจริงๆๆๆ
    งามแบบนี้รึเปล่าที่เรียกว่า " วัยงาม " นะครับ
     
  6. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    สูตรชะลอความแก่ของพระพุทธเจ้า (ต่อจากฉบับที่แล้ว)

    คำบรรยายพระไตรปิฏก

    ศาตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก / ราชบัณฑิต



    ส่วนที่เป็นคำโต้ตอบหรือแก้ปัญหาให้เทวดาของพระพุทธองค์นี้ ภายหลังจากพระองค์เสด็จปริ นิพพานแล้ว พระธรรมสังคาหกาจารย์ (อาจารย์ผู้รวบรวมคำสอน) ได้นำมารวมไว้ในพระสุตตันปิฎก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕) เรียกว่าเทวตาสังยุต และเทวปุตตสังยุต

    คำกล่าวของเทวดาที่พระพุทธองค์รับรองถือว่าเป็นสุภาษิต คือกล่าวดีกล่าวชอบเทียบเท่าพุทธวจนะทีเดียว เพราะเหตุนี้จึงได้รับเกียรติบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกด้วย ในที่นี้จะยกมาให้ดูสักบทดังนี้





    อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย

    วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ

    เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน

    ปุญฺญานิ กยิราถ สุขาวหานิ





    กาลเวลาย่อมล่วงไป ราตรีผ่านไป

    ชั้นแห่งวัยย่อมละไปตามลำดับ

    เมื่อมองเห็นภัยความตายใกล้เข้ามา

    คนเราควรทำบุญอันจะนำความสุขมาให้




    บางครั้งเทวดากล่าวเข้าที แต่ยังไม่สมบูรณ์ พระองค์ก็ตรัสแก้ไขให้ เช่น



    (เทวดา) นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา

    โคมิโก โคหิ ตเถว นนฺทติ

    อุปธีหิ นรสฺส นนฺทนา

    น หิ โส นนฺทติ โย นิรูปธี



    คนมีบุตรเพลิดเพลินเพราะบุตร

    คนมีโคเพลิดเพลินเพราะโค

    เมื่อมีทรัพย์สมบัติก็มีความเพลิดเพลิน

    หมดทรัพย์สมบัติก็หมดความเพลิดเพลิน




    (พระพุทธเจ้า) โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา

    โคมิโก โคหิ ตเถว โสจติ

    อุปธีหิ นรสฺส โสจนา

    น หิ โส โสจติ โย นิรูปธี



    คนมีบุตรเศร้าโศกเพราะบุตร

    คนมีโคเศร้าโศกเพราะโค

    เมื่อมีทรัพย์สมบัติก็มีความเศร้าโศก

    หมดทรัพย์สมบัติก็หมดความเศร้าโศก




    จะเห็นได้ว่าคำกล่าวของเทวดาก็ถูกเหมือนกัน แต่ถูกอย่างโลกๆ มองในสายตาของคนที่ยังยึดมั่นถือมั่น นึกว่ามีลูกมีทรัพย์สมบัติก็มีความสุข แต่ในสายตาแห่งพระอริยะแล้ว ความสุขเช่นนั้นเป็นความสุขจอมปลอม เป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ ความสุขที่แท้คือการสละสิ่งเหล่านั้น ไม่ยึดมั่นถือมั่น พูดง่ายๆ ปุถุชนถือว่า มีเป็นสุข ไม่มีเป็นทุกข์ อริยะถือว่ามีเป็นทุกข์ ไม่มีเป็นสุข มองกันคนละมุม

    ส่วนที่เป็นปัญหาถามมีหลายเรื่อง มีระดับชั้นตั้งแต่เรื่องกระจุ๋มกระจิ๋มไปจนถึงปริศนาธรรมอันลุ่มลึกและหลักปฏิบัติตนเพื่อพ้นทุกข์

    ปัญหากระจุ๋มกระจิ๋มส่อถึงค่านิยมของยุคสมัยที่ไม่ลึกซึ้งอะไรนัก และไม่เกี่ยวกับหลักปฏิบัติ เช่น คำถามของเทวดาองค์หนึ่งว่า



    "อะไรหนอเป็นสง่าของรถ

    อะไรหนอเป็นเครื่องปรากฏของไฟ

    อะไรหนอเป็นสง่าของแคว้น

    อะไรหนอเป็นสง่าของสตรี"




    พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า

    "ธงเป็นสง่าของรถ

    ควันเป็นเครื่องปรากฏของไฟ

    พระราชาเป็นสง่าของแคว้น

    ภัสดาเป็นสง่าของสตรี"



    บางครั้งพระพุทธองค์กับเทวดาก็คุยกันถึง "สูตรแห่งความงาม" หรือ "เทคนิคชะลอความแก่" ด้วยนะครับ ท่านที่รู้สึกว่ากำลังจะหนุ่มน้อยสาวน้อยลงไปทุกที สนใจไหมครับว่าพระพุทธองค์ตรัสอย่างไร

    เรื่องเริ่มด้วยเทวดาองค์หนึ่งสังเกตเห็นภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยสาวกของพระพุทธองค์ซึ่งมีความเป็นอยู่ง่ายๆ ตามป่าตามถ้ำ อาหารก็ฉันมื้อเดียว ไม่ได้อยู่ดีกินดีเหมือนชาวบ้านชาวเมืองชาวเขา แต่ทำไมแต่ละรูปมีผิวพรรณผ่องใสใบหน้าอิ่มเอิบ ยิ่งอายุมากก็ยิ่งหนุ่มขึ้น ไม่รู้จักแก่ไปตามวัย เธอจึงทูลถามว่าพระพุทธองค์ทรงมีเคล็ดลับอะไรสอนพวกเธอ



    พระพุทธองค์ตรัสว่า

    อตีตํ นานุโสจนฺติ

    นปฺปชฺชนฺติ อนาคตํ

    ปจฺจุปนฺเนน ยาเปนฺติ

    เตน วณฺโณ ปสีทติ



    ไม่อาลัยอาวรณ์สิ่งที่ล่วงไปแล้ว

    ไม่พะวักพะวนถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

    ทำเรื่องเฉพาะหน้าให้เป็นไปด้วยดี

    ปฏิบัติได้เช่นนี้ ผิวพรรณก็จะผ่องใส



    เห็นไหมครับ สูตรนี้ไม่ลึกลับอะไรและเชื่อว่าปฏิบัติไม่ยากสำหรับผู้ตั้งใจจริง ที่สำคัญก็คือ ไม่ต้องลงทุนบินไปทำพลาสติก เซอร์เจอรี่ หรือ "ยกเครื่อง" ถึงเมืองนอกเมืองนาให้เสียเงินเสียทองเป็นจำนวนมาก ปฏิบัติตามนี้รับรองท่านจะกลับกลายเป็นสาวหรือหนุ่มสองพันปี เตะปี๊บแตกวันละร้อยใบแล!


    ˹ѧ
     
  7. Guide_Raito

    Guide_Raito เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    892
    ค่าพลัง:
    +2,990
    สาธุครับ
    __________________________________________________________
    มีบุญมาฝากคับทางกลุ่มพระพุทธศาสนา ม. สงขลานครินทร์ ภูเก็ต ได้ จัดทำโครงการแจกสือ่ ธรรมะของสายหลวงพ่อฤาษีลิงดำคับ เพราะ ที่นี่มีเด็กหลายคนสนใจมาฝึกมโนมยิทธิและหันมาทำความดีกัน เนื่องด้วย สื่อ ธรรมะ ของหลวงพ่อ ครับทางชมรมเลยจัดโครงการแจกสือ่ธรรมะเป็นสาธารณะประโยชน์ แก่ โรงเรียน ห้องสมุดต่างๆเพื่อ ชักจูง คนให้เป็นสัมมาทิฐิและเป็นกำลังพระศาสนา สืบต่อไปครับffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    ขอให้ชาวเวปพลังจิตทุกท่าน เจริญขึ้นทั้งทางโลก และทางธรรม เข้าถึงธรรมขององค์สมเด็จฯ ได้โดยง่ายครับ
    [​IMG] [​IMG]
    เข้าชมรายละเอียดได้ที่http://palungjit.org/forums/ขอเชิญร่วมบุญ-โครงการธรรมทานกับนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์-ภูเก็ต-[.109/FONT]218421.html<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ห้องศูนย์ประชาสัมพันธ์>>ธรรมทาน คับ
     
  8. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    พระพุทธองค์ตรัสว่า
    อตีตํ นานุโสจนฺติ
    นปฺปชฺชนฺติ อนาคตํ
    ปจฺจุปนฺเนน ยาเปนฺติ
    เตน วณฺโณ ปสีทติ

    ไม่อาลัยอาวรณ์สิ่งที่ล่วงไปแล้ว
    ไม่พะวักพะวนถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
    ทำเรื่องเฉพาะหน้าให้เป็นไปด้วยดี
    ปฏิบัติได้เช่นนี้ ผิวพรรณก็จะผ่องใส

    เห็นไหมครับ สูตรนี้ไม่ลึกลับอะไรและเชื่อว่าปฏิบัติไม่ยากสำหรับผู้ตั้งใจจริง ที่สำคัญก็คือ ไม่ต้องลงทุนบินไปทำพลาสติก เซอร์เจอรี่ หรือ "ยกเครื่อง" ถึงเมืองนอกเมืองนาให้เสียเงินเสียทองเป็นจำนวนมาก ปฏิบัติตามนี้รับรองท่านจะกลับกลายเป็นสาวหรือหนุ่มสองพันปี เตะปี๊บแตกวันละร้อยใบแล!

    .........................................................................................

    จากสูตรนี้ของพระพุทธองค์แยกได้ว่า

    ไม่อาลัยอาวรณ์สิ่งที่ล่วงไปแล้ว => ไม่ให้ยึดติดสิ่งที่ล่วงมาแล้วในอดีต
    ไม่พะวักพะวนถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง => ไม่ให้คิดฟุ้งซ่านถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
    ทำเรื่องเฉพาะหน้าให้เป็นไปด้วยดี => ให้มีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน
    ปฏิบัติได้เช่นนี้ ผิวพรรณก็จะผ่องใส => ผลลัพท์ที่ได้คือผิวพรรณที่ผ่องใส

    สูตรของพระพุทธเจ้านี้ ก็คือการฝึกสติให้จิตรู้ตื่นเบิกบาน อันนำมาซึ่งผิวพรรณผ่องใส
    มันเป็นเช่นนั้นจริงๆครับ คนฝึกสติจนจิตรู้ตื่นเบิกบาน ใบหน้าจะผ่องใสดูอ่อนเยาว์ลง...
     
  9. godman

    godman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,254
    น่าน นะสิ - -*
     
  10. คนมีกำกึด

    คนมีกำกึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +278
    อ่านแล้วผมรู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมกันในชายและหญิงตะหงิดๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง

    ที่ว่า เทพธิดาเกิดขึ้นที่ใด ก็เป็นของเทพบุตรที่นั่น ดูจะโหดร้ายมากเหลือเกิน

    สงสัยจะเป็นเรื่องเล่าขานแต่โบราณมา บางทีต้องดูบริบททางสังคมด้วยครับ

    อินเดียในสมัยพุทธกาล(เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็น)ผู้หญิงจะไม่มีค่าอะไรมากกว่าสินทรัพย์ของผู้ชาย

    เด็กต้องปกครองของพ่อ โตมาต้องแต่งงานปกครองโดยสามี แล้วต้องมีลูกชายถ้าไม่มีลูกชาย

    ถูกกล่าวหาเป็นกาลกิณีอีก อะไรจะโหดร้ายปานนั้น ผมคิดว่าถ้าในสวรรค์เป็นอย่างที่เล่ามานั้น

    ตอนนี้คงมีการเดินขบวนของกลุ่มเทพธิดาองกรณ์สิทธิ์เทพธิดาแล้วล่ะครับ
     
  11. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ออ กวนมหาสมุทรน้ำนมเป็นนิยายของพราหมณ์ครับ ไม่เกี่ยวกับพุทธ
    ยกมาเปรียบเทียบเฉยๆครับผม

    ถ้าพุทธ ชาย-หญิงก็คือสัตว์ประเสริฐที่เป็นอาภัสสราพรหมเหมือนกันครับ
    กลายเป็นมนุษย์เพราะหลงในผัสสะ จิตที่คงอารมณ์สมาบัติไว้ก็เสื่อม
    จึงลดภูมิมาเป็นภูมิมนุษย์ (ละเอียดครับ ภูมิจิตจึงเร็ว ไม่ใช่กายหยาบ)
    มนุษย์ต้นกัปป์ยังละเอียด มีความเป็นทิพย์ เป็นเพศบริสุทธิ์
    ต่อมาก็มีเหตุปัจจัยต่างๆที่ทำให้ภูมิจิตตกตนมีการแบ่งแยกเพศ
    กายเริ่มหยาบลง รัศมีเริ่มเศร้าหมอง จนกลายเป็นมนุษย์กายหยาบแบบปัจจุบัน
     
  12. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    อนุโมทนา สาธุ ๆ กับ ท่านทั้งหลายที่ได้นำพระธรรมมาเผยแพร่ด้วย ครับ
     
  13. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
  14. ขุนกำแหง

    ขุนกำแหง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2010
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +71
    ผมสงสัยจังครับ

    มันออกเหมือน ศาสนาฮินดู จัง เทพ รบ อสูร

    เทวดาไม่มีเพศ เกิดจากน้ำอมฤทธิ์(น้ำในความเชื่อศาสนาพรามหณ์ไม่ใช่หรือครับ)

    มนุษย์เกิดจากเทวดาสร้างหรือ แย่งยื้อกัน
     
  15. mission258

    mission258 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +22
    อนุโมทนาสาธุครับ แต่อ่านแล้วเนื้อหาไม่เกี่ยวกับหัวข้อที่ตั้งไว้เลย งงครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...