OOนโม โพธิสัตวา / พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์OO

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ?????????, 2 มกราคม 2010.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  2. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  3. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  4. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  5. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    Namo Di Zang Wang Pusa

    [​IMG]


    [MUSIC]http://www.amitabha-gallery.org/chantDZ_stream1.m3u[/MUSIC]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2010
  6. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    อันพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมมีพระนิรมาณกายอันมีประมาณมิได้

    พระกษิติครรภโพธิสัตว์ก็เฉกเช่นกัน




    คนจำนวนไม่น้อยมีความเห็นผิดว่า พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์จะโปรดเฉพาะสรรพสัตว์ในนรกภูมิ แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่


    เพราะพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์นั้นโปรดสัตว์ทั่วทั้ง ๖ ภูมิ โดยที่พระศากยมุนียังทรงมอบหมายพระธุระในการแสดงธรรมต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในช่วงเวลาที่พระสุคตเจ้าทรงดับขันธปรินิพพาน และพระศรีอารยเมตไตรยังไม่ได้มาอุบัติเพื่อประกาศพระศาสนา ซึ่งสามารถจำแนกนิรมาณกายแห่งพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ ตามการโปรดสรรพสัตว์ทั้ง ๖ ภูมิ ได้ดังนี้


    ๑. ทัณฑกษิติครรภ พระหัตถ์ทรงซ้ายคทาทัณฑ์ (คทาชนิดหนึ่ง ที่ยอดเป็นรูปศรีษะของมนุษย์) พระหัตถ์ขวากระทำน้ำทิพย์มุทรา ทรงสำแดงนิรมาณกายนี้เพื่อโปรดสรรพสัตว์ในนรกภูมิ
    ๒. มณีรัตนกษิติครรภ พระหัตถ์ซ้ายทรงแก้วจินดามณี พระหัตถ์ขวากระทำน้ำทิพย์มุทรา ทรงสำแดงนิรมาณกายนี้เพื่อโปรดสรรพสัตว์ในเปตภูมิ
    ๓. รัตนลัญจกรกษิติครรภ พระหัตถ์ซ้ายทรงรัตนลัญจกร พระหัตถ์ขวากระทำมโนรสรัตนมุทรา ทรงสำแดงนิรมาณกายนี้เพื่อโปรดสรรพสัตว์ในติรัจฉานภูมิ
    ๔. ธรณีกษิติครรภ พระหัตถ์ซ้ายทรงคทาวัชระ พระหัตถ์ขวากระทำทานมุทรา ทรงสำแดงนิรมาณกายนี้เพื่อโปรดสรรพสัตว์ในอสุรภูมิ
    ๕. สรวนิรวณวิสกัมภินกษิติครรภ พระหัตถ์ซ้ายทรงคทาขขร (คทาที่บรรพชิตจีนถือเวลาเดินทาง) พระหัตถ์ขวากระทำปณิธานมุทรา ทรงสำแดงนิรมาณกายนี้เพื่อโปรดสรรพสัตว์ในมนุสสภูมิ อันจักระงับแล้วซึ่งทุกข์แห่งสรรพชีวิตทั้ง ๘ ประการ อันประกอบไปด้วย ๑. เกิด ๒. แก่ ๓. เจ็บ ๔. ตาย ๕. อุปายาส (ความคับแค้นใจ) ๖. ปิยวิปปโยค (ต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก) ๗. อัปปปิยสัมปโยค (ต้องพบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก) และ ๘. ปัญจุปาทานักขันธ์ (อุปาทานยึดมั่นในขันธ์ ๕)
    ๖. สุริยประภากษิติครรภ พระซ้ายทรงมโนรสจินดามณี หระหัตถ์ขวาทรงแสดงธรรมมุทรา ทรงสำแดงนิรมาณกายนี้เพื่อโปรดสรรพสัตว์ในเทวภูมิ
     
  7. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    ที่มาแห่งนาม “กษิติครรภ” นั้น

    คัมภีร์ “รัตนตรัยผัสสสังเขปกถา” กล่าวว่า สมัยหนึ่งพระศาสดาทรงประทับอยู่ที่เขาคิชกูฏ ครานั้นพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ เดินทางท่องเที่ยวไปยังตำบลต่างๆ จนเมื่อมาถึงเขาเวปุลละบรรพต พบนายบ้านพร้อมด้วยลูกบ้านทั้ง ๕๐๐ ถูกอมนุษย์ทำร้ายดูดเอาพลังชีวิต ร่างกายไร้กำลัง นอนสลบไม่สมประดี พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์เกิดมหากรุณาจิต แต่ไม่รู้จะทำประการใด จึงเดินทางมาเข้าเฝ้า พระผู้มีพระภาคศากยมุนีตถาคตพุทธเจ้า เมื่อมาถึงได้ถวายบังคมและนั่งลงที่บังควรส่วนข้างหนึ่ง จึงกราบบังคมทูลให้พระชินสีห์ทราบถึงเรื่องราวที่ตนไปพบมา และบังคมทูลถามพระผู้มีพระภาค เพื่อหาวิธีช่วยนายบ้านและบริวารทั้ง ๕๐๐ เมื่อพระผู้มีพระภาคได้ฟังเนื้อความ ด้วยพระมหากรุณาธคุณ จึงทรงแผ่พระพุทธรัศมีจากพระเศียร บังเกิดแสงสว่างถึงหมื่นสาย สาดส่องไปยังพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ ครานั้นบริชนในธรรมสภาโจษจันกันว่า พระโพธิสัตว์ได้รับพระพุทธรัศมีครั้งนี้ จักต้องสำเร็จมหาธรรมประการใดประการหนึ่งเป็นมั่นคง ครานั้นพระกษิติครรภเศวตพุทธ (พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์) กล่าวขึ้นว่า บัดนี้เรามีมหามนต์ อันจักขจัดแล้วซึ่งจิตแห่งมาร ทั้งยังสามารถขับไล่เสียซึ่งฝูงผีปีศาจราชทูต อันจักมาทำร้ายบริชนคนทั้งปวง ในอดีตภาคอันมิอาจคณนาได้ สมัยนั้นสมเด็จพระผู้มีพระภาคอันมีนามว่า “พระประภามณฑลราชาตถาคตพุทธเจ้า” ได้อุบัติขึ้นในโลก เมื่อพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นได้ดับขันธปรินิพพานลง กาลว่างจากพระศาสนา เราได้บังเกิดแลอาศัยในที่นั้น ครั้งนั้นมีพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งประทับอยู่ที่กุตะบรรพต เราได้เห็นผู้คนทั้งหลายถูกภูตผีเบียดเบียน จึงได้ตั้งปณิธาน จะออกตามหามหามนต์ อันจักระงับเสียซึ่งทุกข์แห่งสรรพชีวิต เมื่อได้มาถึงกุตะบรรพต ได้พบพระปัจเจกพุทธเจ้า ครั้นพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้นได้ทราบเรื่องก็เกิดจิตมหากรุณา ถ่ายทอดมหามนต์แก่เรา จากนั้นภายใน ๓ ทิวา เราได้กำราบฝูงภูตจนสิ้น จากนั้นได้แสดงธรรม ให้ภูติทั้งนั้นตั้งอยู่ในกุศลธรรม บังเกิดมรรคจิต สรรพชีวิตทั้งนั้น มีสัตว์นรกและเปรตเป็นอาทิ สำเร็จบนปัทมอาสน์ อุบัติพุทธเกษตร พ้นจากทุกข์ทั้งปวง พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้น จึงมีพยากรณ์ว่า สืบไปภาคหน้าในศาสนาแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เธอจักได้สำเร็จเป็นพระมหาโพธิสัตว์อันมีนามว่า “กษิติครรภ” เมื่อกล่าวจบพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์จึงทูลลาพระสุคตเจ้า ไปยังเวปุลละบรรพต เพื่อช่วยนายบ้านและบริวารทั้ง ๕๐๐ จากนั้นนายบ้านและบริวารทั้ง ๕๐๐ ทั้งนั้น ก็พ้นภัย
     
  8. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒ สมณะจินเฉียวเจฺว๋ จากอาณาจักรซินหลอ (อาณาจักรนี้ได้ล่มสลายไปแล้ว ที่ตั้งของอาณาจักรนี้ ปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของประเทศเกาหลี) ได้จาริกมายังอาณาจักรถัง (ราชวงศ์ถัง) เพื่อศึกษาพระพุทธศาสนา ต่อมาได้ไปบำเพ็ญธรรมที่เขาจิ่วฮว๋าซันอยู่ ๗๕ ปี และถึงแก่มรณะกรรม ในปีพ.ศ. ๑๓๓๗ ตรงวัน ๓๐ ค่ำ เดือน ๗ (๗ อธิกมาส) จันทรคติจีน สิริอายุได้ ๙๙ พรรษา ๓ ปีต่อมาพบว่าร่างของท่านไม่เน่าเปื่อย ชาวบ้านเชื่อกันว่าท่านเป็นนิรมาณกายแห่งพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ ขนานนามร่างของท่านว่า “กษิติครรภร่างทอง” และยกย่องให้เขาจิ่วฮว๋าซันเป็น ๑ ใน ๔ มหาบรรพตแห่งพุทธศาสนามหายาน


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]



    คาถา “กษิติครรภมหาโพธิสัตว์สลายบาปสัจพจน์”

    เป็นคาถาที่สำคัญมากที่สุดคาถาหนึ่งของพุทธศาสนามหายาน เนื่องจากเป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์มากคาถาหนึ่ง จึงเป็นที่รู้จักกันเป็นที่แพร่หลาย คาถา “กษิติครรภมหาโพธิสัตว์สลายบาปสัจพจน์” ออกเสียงตามสำเนียงจีนกลางดังนี้


    “อม ปอลอมิลิงทอนิง ซอพอเฮอ”

    ซึ่งมาจากภาษาสันสกฤตดังนี้ “อม ปรามารตะเน สวาหา”


    พระคาถานี้มีอานุภาพมหาศาล เมื่อเจริญพระคาถาให้กระทำกษิติครรภมหาโพธิสัตว์สลายบาปมุทรา แล้วจินตภาพว่า กษิติครรภมหาโพธิสัตว์ปรากฏพระองค์อยู่บนนภากาศ พระรัศมีแห่งพระองค์สาดส่องไปทั่วสรรพโลกธาตุอนันตมหาจักรวาล สาดส่องไปยังสรรพชีวิตทุกคนทุกตนทุกภพภูมิ พระรัศมีพาดร่างกายแห่งสรรพชีวิต ยังบาปกรรมที่รัศมีสีดำให้สลายไปจากทุกอณูแห่งร่างของสรรพชีวิต เหลือไว้แต่รัศมีอันเรืองรองสุกใส อันเป็นรัศมีแห่งปัญญา และมหากรุณา เมื่อจินตภาพดังนี้ และภาวนาเนิ่นนานไปบาปกรรมแห่งผู้ภาวนาจะค่อยๆเบาบางและสลายไปในที่สุด คนจำนวนไม่น้อยสำคัญผิด คิดว่าจะภาวนาคาถานี้ด้วยความโลภ เพื่อลบล้างบาปตนที่ได้กระทำมา ให้ตนมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งการสวดสาธยายมนต์และธารณีในพุทธศาสนามหายานเพื่อตน จะได้ผลน้อยและเนิ่นช้า ทั้งยังขัดต่อหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามหายาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2010
  9. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    “กษิติครรภทศจักรสูตร”

    แสดงความหมายนามแห่ง “กษิติครรภ” ไว้ความว่า

    คำว่า “กษิติ” (แผ่นดิน) หมายถึง พระขันติธรรมดังพื้นปฐพี และคำว่า “ครรภ” (ขุมใต้พื้นดิน) หมายถึง ทรงสงบนิ่งลึกล้ำดุจขุมใต้พื้นแผ่นดิน

    โดยแสดงคุณธรรมแห่งผืนปฐพีทั้ง ๗ ประการ อันเป็นคุณแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งลายไว้ดังนี้


    ๑. พื้นปฐพีสามารถให้กำเนิดและเป็นที่อาศัยแห่งสรรพชีวิต อันหมายถึงพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย เป็นที่กำเนิดแห่งกุศลธรรมทั้งปวง
    ๒. พื้นปฐพีสามารถรองรับสรรพสิ่งไว้ได้ อันหมายถึงพระโพธิสัตว์ทั้งหลายสามารถรองรับ และรักษากุศลธรรมทั้งปวงไว้ได้
    ๓. พื้นปฐพีสามารรับเอาปฏิกูลแห่งสรรพสิ่งไว้ได้ อันหมายถึงพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย สามารถแบกรับทุกข์แห่งสรรพชีวิตเอาไว้ได้ ต่อเมื่อสรรพชีวิตข้ามพ้นทะเลแห่งความทุกข์แล้ว ตนเองจึงค่อยตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
    ๔. พื้นปฐพีสามารถฝังซ่อนทรัพย์และสิ่งของทั้งหลายได้ อันหมายถึงพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ย่อมคุณธรรมอันวิเศษทั้งหลายแฝงเร้นไว้ภายใน
    ๕. พื้นปฐพีสามารถยังสรรพสิ่งทั้งหลาย (มี พฤกษาชาติ เป็นอาทิ) เจริญเติบโตขึ้นได้ อันหมายถึง พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย จักสามารถยังให้คุณธรรมอันวิเศษทั้งปวงเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้
    ๖. พื้นปฐพีสามารถเป็นที่พึ่งพิงให้สรรพสิ่งทั้งหลายอาศัยอยู่ได้ อันหมายถึง พระโพธิสัตว์ทั้งหลายสามารถเป็นที่พึ่งพิง เป็นสรณะให้แก่สรรพชีวิตได้
    ๗. พื้นปฐพีมีความมั่นคง ไม่หวั่นไหวเป็นลักษณะ อันหมายถึง พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย มีโพธิจิตที่แกร่งกล้าดุจเพชร (วัชระ) ซึ่งไม่มีวันที่จะเสื่อมสลายได้
     
  10. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]

    ในพระพุทธศาสนานิกายวัชรยาน กษิติครรภมหาโพธิสัตว์ทรงมีพระนามที่ “กรุณาปณิธานวัชระ” หรือ “มหาปณิธานวัชระ” ณ. วัชรโลกธาตุทรงสำแดงพระองค์เป็นที่ “ทัณฑมหาโพธิสัตว์” ปรากฏพระองค์ในสำนักแห่งพระรัตนสมภวตถาคตพุทธเจ้า และ ณ. คัพภโลกธาตุทรงสำแดงพระองค์เป็นที่ “กษิติครรภสัตวะ” ทรงเป็น ๑ ใน ๙ ของมณฑลมัชฌิมภาคแห่งวิหารกษิติครรภ.


    -ขอบพระคุณข้อมูลจาก
    http://www.q1133.com/index.php/bodhisattvaanddharmapala/77-kasitikanbodhisattva
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2010
  11. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893



    [​IMG]


    <TABLE id=table1 width="68%" border=0><TBODY><TR><TD>Om Pra Ma Ni Da Ni So Ha
    Click Here To Listen (mp3)
    This is Ksitigabha Bodhisattva Tibetan Mantra
    for Eradicating Fixed Karma.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​




    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2010
  12. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]อมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อนรกให้โอกาสทำดี

    เพื่อสร้างสม กุศล บารมี

    เป็นบันได สู่สุคติ ..ไยไม่ใช้โอกาสอันงาม

    โลกมนุษย์ มีกรรมมากมายให้เลือกกระทำ
    ก็ควรกระทำแต่กรรมดี ที่จะเป็นที่พึ่งต่อจิตตน ในภายภาคหน้า

    เวลาในโลก ...ยืนยาวเพียงใดกัน


    ...ก่อนหมดเวลา ขอทุกดวงจิต ในทุกกายสังขารสำนึกได้
    ที่จะทำดี เพื่อเป็นที่พึ่งของตนเอง

    ไม่ช่วยตนก่อน พระองค์ใด จะช่วยได้ตลอดรอดฝั่งเล่า...<!-- google_ad_section_end -->
     
  13. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2010
  14. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    วงเวียนกรรมของเวไนยสัตว์


    [​IMG] ในขณะนั้น พระกษิติครรภโพธิสัตว์ได้กราบบังคมทูลต่อพระพุทธองค์ว่า "ข้าแต่พระตถาคตเจ้า อันตัวข้าบาทนี้ได้อาศัยพึ่งพาพุทธานุภาพแห่งพระองค์ท่าน จึงสามารถนิรมานกายออกไปฉุดช่วยเวไนยสัตว์ที่กำลังตกอยู่ในห้วงทุกข์ทั่วหมื่นพันโลกธาตุ หากแม้นมิใช่ด้วยพระองค์ทรงเมตตาปกแผ่พระบารมีแก่ข้าบาทแล้ว ลำพังเพียงตัวของข้าบาทเองย่อมมิอาจจะกระทำเช่นนั้นได้ ครั้นบัดนี้มาได้รับพระบัญชาจากพระองค์ให้โปรดฉุดช่วยเวไนยสัตว์ที่ตกจมอยู่อบายภูมิทั้ง 6 เพื่อรอคอยเวลาแห่งมหามิ่งมงคลกาลที่องค์พระศรีอาริยเมตไตรยจะลงมาตรัสรู้บนโลกฉะนั้น ตัวข้าพระบาทยิ่งต้องช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากความทุกข์ยากลำบาก ตามพระพุทธประสงค์ให้จงได้ ขอองค์พระตถาคตเจ้าทรงโปรดวางพระทัยเถิดพระเจ้าข้า"

    [​IMG] ครั้นแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสแก่พระกษิติครรภโพธิสัตว์ว่า "บรรดาเหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายที่ยังไม่หลุดพ้นนั้น จิตใจยังไม่มั่นคง จึงสร้างกรรมก่อเวรแปรผันไปตามสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จนทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสงสารวัฏฏ์อันยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด เปรียบได้กับมัจฉาที่ถูกแหอวนล้อมไว้ แต่หลงเข้าใจผิดคิดว่าได้ว่ายอยู่ในกระแสชลที่กว้างใหญ่แม้จะมีบ้างที่พึ่งสามารถหลุดรอดออกมาได้ใหม่ ๆ แต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่ประเดี๋ยวเดียว แล้วก็ต้องกลับลงไปอยู่ในวงล้อมของแหอวนนั้นซ้ำอีก จนไม่มีวันหลุดรอดออกมาได้เป็นคำรบสอง ปุถุชนที่มีความดื้อรั้นฝังแน่นในกมลสันดานเหล่านี้เป็นผู้ที่ตถาคตหนักใจยิ่งนัก แต่เนื่องด้วยท่านมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ในอันจะฉุดช่วยเวไนยสัตว์ทั้งปวงให้พ้นทุกข์ นี่เองเป็นเหตุให้ตถาคตได้เบาใจลง"

    [​IMG] ครั้นองค์สมเด็จพระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าสิ้นสุดพระดำรัสลง ขณะนั้นพระโพธิสัตว์ "ติ้งจื่อไจ้หวง" ได้กราบบังคมทูลง่า "ข้าพระบาทใคร่ได้ยินได้ฟังเรื่องราว การบำเพ็ญบารมีในแต่ละชาติ ตลอดจนใคร่ทราบว่า พระกษิติครรภโพธิสัตว์ได้ทรงตั้งปณิธานอันใดไว้บ้าง ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงโปรดพระกรุณาลำดับความเป็นมา ให้เหล่าข้าบาทได้ล่วงรู้ด้วยเถิด พระเจ้าข้า" พระพุทธองค์จึงตรัสตอบว่า "พวกท่านทั้งหลายจงตั้งใจฟัง และตรึกตรองใคร่ครวญให้ดี เราจะไขแสดงให้ทุกท่านได้รับรู้"

    [​IMG] ในอดีตกาลล่วงมาแล้ว มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า "อิเซี่ยจื่อเฉินยู้ไล้" ทรงมีพระชันษาหกหมื่นอสงไขยกัลป์ ก่อนที่พระองค์จะทรงออกภิเนษกรมณ์ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ครองนครเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

    [​IMG] และทรงมีพระสหายเป็นกษัตริย์ซึ่งครองอยู่อีกเมืองหนึ่งใกล้ ๆกันกษัตริย์ทั้ง 2 พระองค์ได้ปฏิบัติ กุศลบถทั้งสิบและบำเพ็ญประโยชน์แก่สรรพสัตว์เรื่อยมา

    [​IMG] ทั้งสองพระองค์ได้ทรงปรึกษาหากุศโลบายที่จะชักจูงพสกนิกรให้ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม กษัตริย์พระองค์หนึ่งทรงตั้งปณิธานว่า ขอให้ได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเร็ว เพื่อจะได้มาโปรดเทศนาสั่งสอนสรรพสัตว์ให้บรรลุเจ้งสู่พระนิพพาน

    [​IMG] ส่วนกษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งได้ทรงตั้งปณิธานว่า ถ้าหากยังไม่สามารถโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้หลุดพ้นจากอกุศลกรรมต่าง ๆ จนบรรลุถึงสุคติหรือพระโพธิญาณแล้ว ก็จะไม่ขอเข้าสู่พุทธภูมิ

    [​IMG] พระพุทธองค์ได้ทรงมีพระดำรัสสรุปความแก่พระโพธิสัตว์ติ้งจื่อไจ้หวงว่า กษัตริย์ที่ทรงตั้งปณิธานขอให้ได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าก่อนแล้วจึงจะโปรดสรรพสัตว์นั้นก็คือพระพุทธเจ้า อิเซี่ยจื่อเฉินจิ้วยู้ไล้ ส่วนกษัตริย์ที่ทรงตั้งปณิธานว่า จะขอโปรดสัตว์โลกก่อนแล้วจึงจะเข้าสู่พระพุทธภูมิก็คือ พระกษิติครรภโพธิสัตว์นั่นเอง

    [​IMG] และแล้วในกาลต่อมาอีกยาวนานในสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "ชิงเจิน เหลียน ฮัว มู่ ยู้ ไล้" พระองค์ทรงมีพระชันษา 40 อสงไขย

    [​IMG] ในระหว่างนั้นมีพระอรหันต์รูปหนึ่งได้ออกโปรดสรรพสัตว์ให้รู้จักบำเพ็ญกุศลธรรมเรื่อยมา จนกระทั่งเป็นที่เคารพเลื่อมใสแก่ปวงชนทั้งหลาย

    [​IMG] อยู่มาวันหนึ่ง ท่านได้รับนิมนต์จากกุลธิดาผู้หนึ่งนามว่า "มู่ กวง" นางเป็นคนใจบุญ ชอบถวายทานแก่สมณพราหมณ์อยู่เนื่องนิจ ในวันนั้นพระอรหันต์ได้เอ่ยถามนางว่า "เธอได้จัดถวายภัตตาหารอันประณีตเช่นนี้ มีประสงค์สิ่งใดหรือ?" นางจึงตอบว่า วันนี้เป็นวันคล้ายวันมรณะของมารดาข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้ถวายภัตตาหารเจอันบริสุทธิ์เหล่านี้เพื่อประสงค์จะอุทิศส่วนกุศลผลบุญแก่มารดาที่ล่วงลับไปแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเวลานี้มารดาของข้าพเจ้าไปปฏิสนธิ ณ ที่ใด....เจ้าข้า?

    [​IMG] พระอรหันต์เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ก็เกิดความเมตตาสงสาร จึงเข้าญาณสมาบัติพิจารณาดูจนรู้แจ้งว่ามารดาของนางตกอยู่ในนรกอเวจีได้รับทุกข์เวทนาอย่างแสนสาหัส พระอรหันต์จึงกล่าวถามนางว่า มารดาของนางเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ได้สร้างอกุศลกรรมอันใดไว้บ้าง บัดนี้จึงต้องตกอยู่ในห้วงทุกข์ที่แสนสาหัสเช่นนั้น

    [​IMG] นางมู่กวงได้ตอบว่ามารดาของตนขณะยังมีชีวิตอยู่ ชอบกินอาหารจำพวกปลา เต่า และตะพาบน้ำ ฯลฯ โดยเฉพาะลูกของสัตว์เหล่านั้นนับเป็นจำนวนมิอาจประมาณได้ และแล้วนางก็ได้อ้อนวอนถามพระอรหันต์รูปนั้นว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะสามารถปลดเปลื้องทุกข์ของมารดาได้

    [​IMG] พระอรหันต์จึงชี้แนะแก่นางว่า "เธอจงสร้างรูปปฏิมา กรรมของพระพุทธเจ้า "ชิงเจินเหลียนฮัวมู่ยู้ไล้" ขึ้นประดิษฐานไว้กราบไหว้สักการะ บูชา และจงตั้งจิตแน่วแน่ภาวนาพระนามของพระองค์ท่านอย่างศรัทธาจริงใจทำเช่นนี้แล้วก็จะบังเกิดมหากุศลอย่างยิ่ง"

    [​IMG] เมื่อนางได้สดับแล้วก็รีบปฏิบัติตามทันทีโดยนำเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินในบ้านไปว่าจ้างให้ช่างมาปั้นรูปของพระพุทธเจ้าประดิษฐานไว้ ตลอดเวลาทุก ๆ วัน นางเฝ้ากราบไหว้สักการะ บูชาสวดภาวนาเบื้องหน้าองค์พระปฏิมา ด้วยจิตศรัทธาแน่วแน่

    [​IMG] เวลาผ่านไปเป็นลำดับจนกระทั่งในคืนวันหนึ่งนางมู่กวงก็ได้นิมิตเห็นพระรูปกายของพระพุทธเจ้าปรากฏมีพระรัศมีสีทองอร่ามส่องสว่างไสวเจิดจ้า พระสรีระของพระองค์สูงใหญ่ดุจเขาพระสุเมรุ พระองค์ได้ตรัสแก่นางว่า "ดูก่อนกุลธิดา เธออย่าได้เศร้าโศกนักเลย อีกไม่นานมารดาของเธอก็จะมาเกิดใหม่ในบ้านของเธอเองและทารกนั้นก็จะสามารถพูดได้ทันทีที่เกิดความรู้สึก"

    [​IMG] ครั้นต่อมานิมิตนั้นก็เป็นจริงทุกประการคือหลังจากนั้นไม่นานสาวใช้คนหนึ่งในบ้านของนางมู่กวงก็ได้คลอดบุตรออกมา แต่ยังไม่ครบ 3 ราตรี ทารกนั้นก็ร้องไห้และพูดคร่ำครวญต่อนางว่า

    [​IMG] "แม่เป็นแม่ของเจ้า ตั้งแต่ที่เราจากกันไปเป็นเวลายาวนาน แม่ต้องตกอยู่ในนรกภูมิ แต่เนื่องด้วยอาศัยอานิสงส์ผลบุญของลูก แม่จึงได้มีโอกาสกลับมาเกิดเป็นลูกของสาวใช้ที่นี่ หากแต่ชาตินี้แม่จะมีชีวิตอยู่เพียงแต่ 13 ปี ก็จะต้องตายจาก แล้วกลับไปรับทุกขเวทนาในนรกอเวจีอีก ลูกเอ๋ย...เจ้าหาวิธีช่วยแม่ให้พ้นจากบาปกรรมและหนี้เวรนี้ด้วยเถิด.."
    นางมู่กวงได้ถามทารกนั้นว่า "หากเธอเป็นแม่ของเราแล้ว เธอทราบไหมว่าได้หร้างกรรมอันใดไว้จึงต้องตกลงสู่นรกภูมิและทำให้ชาตินี้เกิดมาต้องอายุสั้น" ทารกน้อยจึงตอบว่า "วงเวียนกรรมนั้นเกิด ๆ ดับ ๆ บาปบุญคุณโทษทั้งหลายที่ได้รับล้วนแต่ตัวเราเป็นผู้สร้างขึ้นมาเองทั้งสิ้น สมัยที่แม่มีชีวิตอยู่กับลูก แม่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่เชื่อในกฎแห่งกรรม ข่มเหงทารุณแก่ข้าทาสคนใช้ ด้วยเหตุนี้เมื่อตายไปจึงได้รับทุกขเวทนาดังกล่าว ถ้าหากไม่ใช่เพราะลูกเป็นลูกที่กตัญญู ได้สร้างบุญกุศลเพื่อฉุดช่วยแม่แล้วละก็บาปกรรมอันหนักเช่นนี้มีหรือที่แม่จะหลุดรอดออกมาได้"

    [​IMG] นางมู่กวงได้ฟังดังนั้นก็ทราบว่าเป็นมารดาของนางจริงจึงเกิดความเวทนาสงสารยิ่งนัก นางได้ถามทารกน้อยถึงสภาพความทุกข์ในนรกว่าเป็นอย่างไร ทารกน้อยตอบว่า "อันความทุกข์ทรมานในนรกแม่ไม่สามารถจะสาธยายออกมาได้ว่าเป็นอย่างไรรู้แต่ว่า ระหว่างที่ต้องได้รับการทรมานอยู่นั้นมันช่างทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสถึงจะพรรณนาอย่างไรก็ไม่มีวันจบสิ้น แม่ไม่อยากเอ่ยถึงมันอีกเลย"

    [​IMG] เมื่อนางมู่กวงได้ยินแล้วก็รู้สึกสงสารมารดาอย่างจับใจจนน้ำตาไหลพรากอาบแก้ม นางได้เงยหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าร่ำไห้พร้อมกับกล่าวว่า "ข้าแต่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทั่วทุกทิศได้โปรดเมตตาต่อข้าพเจ้าด้วยเถิดขอให้มารดาของข้าพเจ้าจงหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานตลอดกาลนานแม้นถึงกาลมรณะแล้วก็ขออย่าให้มีโทษหนักต้องตกนรกอเวจีอีกเลย เพื่อช่วยมารดาให้ได้รอดพ้นจากอบายภูมิตลอดไป ข้าพเจ้าขอกล่าวสัจจาธิษฐานตั้งปณิธาณต่อหน้าเบื้องพระพุกตร์ของพุทธปฏิมาว่า "ข้าฯ จะปลดเปลื้องสรรพสัตว์ใน 3 ภพให้รอดพ้นจากอบายภูมิจนไปสู่สุคติ หรือบรรลุพระโพธิญาณเมื่อข้า ฯ กระทำได้สำเร็จเวลาใด จึงจะมุ่งสู่แดนพุทธภูมิ"

    [​IMG] เมื่อกล่าวคำอธิษฐานจบขณะนั้นนางก็ได้ยินพระสุรเสียงของพระพุทธองค์ตรัสว่า "เธอผู้มีมหาเมตตากรุณา เป็นผู้กตัญญูต่อมารดาและตั้งปณิธานอันยิ่งใหญ่ เราได้พิจารณาเห็นแล้วว่าเมื่อมารดาของเธอถึงกาลมรณะก็จะเป็นเวลาที่อกุศลกรรมของนางหมดสิ้นลงด้วย ต่อไปนางจะได้ไปเกิดในตระกูลพราหมณ์ มีอายุยืนนานถึง 100 ปีเมื่อพ้นจากโลกนี้แล้ว จะได้ไปเกิดในแดนสุขาวดีมีอายุนับประมาณมิได้ต่อไปภายหน้านางจะได้สำเร็จพระโพธิญาณโปรดสรรพสัตว์ทั่วทั้งไตรภพ"

    [​IMG] และแล้วองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงมีพระราชดำรัสสรุปความแก่พระโพธิสัตว์ ติ้ง จื่อ ไจ้ หวง ว่า "พระอรหันต์ผู้มาโปรดนางมู่กวงนั้น บัดนี้ก็คือ พระโพธิสัตว์อู๋เลี่ยงอี้"

    [​IMG] "ส่วนมารดาของนางมู่กวงนั้นบัดนี้ก็คือ พระโพธิสัตว์ เจี่ย โถ่ว และนางมู่กวงในกาลนั้นก็คือ พระกษิติครรภโพธิสัตว์ผู้ซึ่งตั้งแต่โบราณกาลได้กล่าวสัจจาธิษฐาน ขอตั้งปฏิธานว่าจะโปรดฉุดช่วยสรรพสัตว์ทั้งหมดนั้นเอง"

    [​IMG] "ในอนาคตกาลต่อไปภายหน้า หากผู้ใดไม่ตั้งมั่นอยู่ในความดีไม่เชื่อใจกฏแห่งกรรมการเวียนว่ายตานเกิด เอาแต่สร้างบาปก่อเวร ไม่ดำรงตนอยู่ในเบญจศีล เห็นผิดเป็นชอบ ลบหลู่พระธรรมคำสอน บุคคลเช่นนี้ตายแล้วต้องไปเกิดอยู่ใสภพภูมิของ สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย"

    [​IMG] " แต่ทว่า....หากผู้ใดมีวาสนาได้พบพานผู้มีบุญโปรดเมตตาตักเตือนชี้แนะหรือสามารถสำนึกตนอีกทั้งมีจิตศรัทธานอบน้อมสักการะระลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของ พระกษิติครรภโพธิสัตว์ด้วยความจริงใจแม้เพียงชั่วขณะจิตเดียวบุคคลผู้นั้นก็สามารถรอดพ้นอบายภูมิทั้งหลาย"

    [​IMG] "และหากสาธุชนผู้ใดมีจิตศรัทธาถวายบูชาพระกษิติครรภโพธิสัตว์ ด้วยภัตตาหารอันปราศจากชีวิตและเลือดเนื้อสัตว์ สักการะด้วย ธูป ประทีปดอกไม้ เครื่องหอมของล้ำค่าพร้อมทั้งได้ปฏิบัติบูชาด้วยการถือศีลกินเจ บุคคลเล่านี้เมื่อสิ้นอายุขัยละจากโลกนี้ไปแล้วหากยังไม่บรรลุพระโพธิญาณก็จะได้ไปจุติอยู่บนสวรรค์เป็นเวลายาวนาน ครั้นเสวยผลบุญในเทวโลกสิ้นแล้ว เมื่อลงมาจุติในโลกมนุษย์ก็จะเกิดอยู่ในตระกูลสูง และได้บุพเพนิวาสานุสติญาณโดยง่ายสามารถระลึกถึงชาติก่อนและบุญกรรมที่ทำไว้ในอดีต"

    [​IMG] " ดูก่อน...ติ้งจื่อไจ้หวง เธอผู้เป็นพระโพธิสัตว์แท้จริงพระกษิติครรภโพธิสัตว์นั้นเปี่ยมด้วยบุญญาธิการและฤทธานุภาพอันล้ำเลิศเกินกว่าจะพรรณนาได้หมดสิ้น ขอบรรดาเหล่าโพธิสัตว์ทั้งหลาย จงจดจำสาระเรื่องราวพระกษิติครรภโพธิสัตว์ไว้ให้ดีเพื่อจะได้เป็นแบบอย่างในการเจริญรอยตามสืบไป"

    [​IMG] พระโพธิสัตว์ติ้งจื่อไจ้หวง ได้กราบทูลว่า "ข้าแต่พระตถาคตเจ้า ขอพระองค์อย่าได้ทรงปริวิตกเลยด้วยพุทธานุภาพและมหาเมตตาบารมีของพระองค์ท่านเหล่าข้าบาททั้งปวงจักต้องลงไปเผยแผ่พระสูตรอันล้ำค่านี้ให้สรรพสัตว์ในสากลโลกได้ล่วงรู้" ครั้นกล่าวจบองค์พระโพธิสัตว์จึงน้อมถวายอภิวาทแล้วถอยกลับเข้าสู่แท่นอาสนะ

    [​IMG] ในขณะนั้น ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ได้ประคองอัญชลีขึ้นถวายอภิวาทแต่องค์สมเด็จพระศากยมุนีพุทธเจ้า แล้วกราบทูลว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า องค์พระกษิติครรภโพธิสัตว์ได้ทรงตั้งปณิธานอันยิ่งใหญ่เป็นเวลาหลายชั่วกัลป์มาแล้วแต่เหตุไฉนจนกระทั่งบัดนี้ ก็ยังไม่สามารถฉุดช่วยเวไนยสัตว์ให้หมดได้ อีกทั้งยังต้องทรงตั้งอธิษฐานจิตครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นด้วยเหตุใด ขอพระตถาคตเจ้าทรงโปรดพระกรุณาประทานอรรถาธิบายแก่เหล่าข้าบาทด้วยเถิด...พระเจ้าข้า"
    พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า "ดีแล้ว...ข้อปุจฉานี้จะเป็นประโยชน์แก่พวกท่านและเวไนยสัตว์ทั้งหลายในอนาคตกาลด้วย บัดนี้เราจะวิสัชนาแยกแยะให้ท่านรู้ถึงจริยากิจที่พระกษิติครรภโพธิสัตว์ได้บำเพ็ญไว้ในโลกเบื้องล่าง"

    [​IMG] พระพุทธองค์ได้ทรงประทานอรรถาธิบายแก่ท้าวจตุมหาราชทั้ง 4 และที่ประชุมทั้งหมดว่า "ดูก่อนท่านทั้งหลาย..แม้พระกษิติครรภโพธิสัตว์จะได้ฉุดช่วยเวไนยสัตว์ ให้รอดพ้นจากความทุกข์ทรมานในนรกภูมิมาแล้วจำนวนมากมาย นับได้หลายชั่วกัปป์ชั่วกัลป็แล้วก็ตาม
    แต่การที่ท่านยังไม่อาจทำให้ข้อปณิธานสำเร็จลุล่วงได้ดังที่เคยอธิษฐานจิตไว้แต่แรกเริ่มนั้น ก็เนื่องด้วยมหาเมตตาจิตที่มีต่อสรรพสัตว์ในโลกียโลก เหตุเพราะท่านได้เพ่งพิจารณาดูแล้วว่า ต่อไปในอนาคตอันยาวไกล จิตใจของสรรพสัตว์บนโลกก็จะยิ่งเสื่อมทรามลงเป็นทบทวีคูณ ด้วยแรงแห่งกรรมชั่วที่พวกเขาได้สั่งสมพอกพูนเข้าไว้ จะยิ่งทำให้การโปรดฉุดช่วยเป็นไปได้ยากลำบากขึ้นไปอีก
    ดังนั้นไม่ว่าพระกษิติครรภโพธิสัตว์จะแบ่งภาคออกเป็นหมื่นเป็นแสนภาคแต่ทว่า ....ทุกภาคของท่านก็จักยังคงอธิษฐานจิตอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการตอกย้ำข้อปฏิธาณที่มีมาแต่เดิมนั้นให้หนักแน่นลงไปอีก
    และตลอดเวลาทุกยุคทุกสมัย ท่านจะค้นหาวิธีการอันเหมาะสมมาโปรดเวไนยสัตว์เหล่านั้น ตามควรแก่เหตุผล แก่บุคคลแก่สภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไป"

    [​IMG] หากเมื่อใดที่พระกษิติครรภโพธิสัตว์ได้พบเห็นผู้ที่ชอบกินชีวิตกินเลือดกินเนื้อของสัตว์ทั้งหลาย ท่านก็จะกล่าวเตือนบุคคลผู้นั้นว่า "จงอย่าเข่นฆ่าชีวิตและกินเลือดกินเนื้อผู้อื่นเลย มิเช่นนั้นท่านจะต้องได้รับกรรมสนองให้อายุสั้น"

    [​IMG] หากท่านได้พบเห็น ผู้ที่ชอบลักขโมย ท่านก็จะกล่าวตักเตือนว่า " จงเลิกเป็นโจรลักขโมยเสียเถิด มิเช่นนั้นในอนาคต ท่านจะต้องมีชีวิตที่อาภัพ ยากจน ค่นแค้น นี่คือผลกรรมตามสนอง"

    [​IMG] หากได้พบเห็นผู้ที่หลงมัวเมาในตัณหาประพฤติผิดในกาม ท่านก็จะกล่าวตักเตือนว่า "จงอย่าประพฤติผิดในกามอีกเลยมิเช่นนั้นกรรมก็จะสนองให้ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน จำพวกนกกา"

    [​IMG] หากพบคนปากร้าย ท่านก็จะกล่าวเตือนว่า "อย่าได้กล่าวคำหยาบคายด่าทอ ว่าร้ายผู้อื่นอีกเลย มิเช่นนั้นกรรมจะสนองให้ญาติพี่น้องต้องทะเลาะเบาะแว้งแก่งแย่งชิงดีกันเอง"

    [​IMG] หากพบคนที่ชอบนินทาผู้อื่น ท่านก็จะเตือนว่า "อย่าครหานินทาผู้อื่นอีกเลย มิเช่นนั้นกรรมจะสนองให้ปากของท่านผุพองเน่าเหม็นและเป็นใบ้"

    [​IMG] หากพบคนที่มีอารมณ์ร้าย ชิงชังเคียดแค้นผู้อื่นท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่าเป็นคนเจ้าโทสะอาฆาตพยาบาทอีกเลยมิเช่นนั้น ต่อไปจะต้องมีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ ผิวพรรณทราม"

    [​IMG] หากพบคนที่ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ยอมทำบุญทำทาน ท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่าตระหนี่ ถี่เหนียวนักเลยมิเช่นนั้น สิ่งที่หวังจะไม่มีวันสมปรารถนา"

    [​IMG] หากพบบุคคลที่เป็นแก่กิน ฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักประมาณ ท่านก็จะเตือนว่า "การกินอยู่ควรรู้จักมัธยัสถ์มิเช่นนั้น ร่างกายจะสะสมแต่โรคภัย ต่อไปจะต้องอด ๆ อยาก ๆ"

    [​IMG] หากพบคนที่ชอบล่าสัตว์ ทำลายชีวิตผู้อื่น ท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่าเบียดเบียนสัตว์เลย มิเช่นนั้นกรรมจะสนองให้ต้อง ประสบอุบัติภัยต้องพิการและตายอย่างน่าอนาถ"

    [​IMG] หากพบคนที่ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่ ท่านก็จะตักเตือนว่า "จงอย่าอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณเป็นอันขาดมิเช่นนั้นจะถูกฟ้าผ่า ถูกธรณีสูบ"

    [​IMG] หากพบผู้ที่ชอบเผาทำลายป่า เพื่อไล่ล่าสัตว์ ท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่าเผาทำลายป่าเลย มิเช่นนั้นกรรมจะสนองให้ต้องเป็นคนบ้าสติวิปลาสและฆ่าตัวตาย"

    [​IMG] หากพบบิดามารดาเลี้ยงที่ชอบทารุณลูกเลี้ยง ท่านก็จะเตือนว่า </B>"จงอย่าประพฤติเช่นนั้นเลย หาไม่แล้วชาติหน้าจะต้องเกิดมาถูกผู้อื่นเฆี่ยนตีเป็นประจำ" </B>

    [​IMG] หากพบคนที่ชอบใช้แหอวน ตาข่าย ดักจับนกปลา ท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่าดักจับสัตว์ที่น่าสงสารอีกเลย มิเช่นนั้นกรรมจะสนองให้ต้องพลัดพรากจากสามีภรรยาและบุตรธิดาของตน"

    [​IMG] หากพบคนที่ทำลายรูปเคารพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เบียดเบียนผู้ประพฤติธรรมฉีกเผาหนังสือธรรมะ ท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่าประพฤติเช่นนั้นอีกเลย หาไม่แล้ว ชาติหน้าจะต้องเกิดเป็นคนพิการ หูหนวก ตาบอด"

    [​IMG] หากพบคนที่ชอบดูถูกผู้ประพฤติธรรม ท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่าลบหลู่ ดูถูกผู้ประพฤติธรรมเลย มิเช่นนั้น วิญญาณจะต้องตกสู่นรกอเวจีไม่ได้ผุดได้เกิด"

    [​IMG] หากพบคนที่ชอบลักขโมย ทำลายศาสนสมบัติ ท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่าทำเช่นนั้นอีกเลย มิเช่นนั้นจะต้องไปเกิดเป็นเปรตได้รับทุกข์ทรมานเป็นเวลานานแสนนาน"

    [​IMG] หากพบคนที่ดุด่าว่าร้ายผู้ทรงศีล ท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่าประพฤติเช่นนั้นอีกเลย หาไม่แล้วจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานนับชาติไม่ถ้วน"

    [​IMG] หากพบคนที่ชอบทารุณสัตว์โดยใช้น้ำร้อนลวก ใช้ไฟเผา ใช้มีดสับร่างทั้งเป็น ท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่าทารุณสัตว์เลย มิเช่นนั้นต่อไปจะต้องประสบเคราะห์กรรมดุจเดียวกัน"

    [​IMG] หากพบผู้ที่ออกบวชแล้ว ไม่ถือศีลกินเจ ผิดต่อคำสัตย์ปฏิญาณ ท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่าประพฤติตนเช่นนั้นอีกเลย หาไม่แล้วจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์ที่หิวโหย อด ๆ อยาก ๆ"

    [​IMG] หากพบคนที่ไร้เหตุผล ใช้แต่อารมณ์ ชอบข้างปาทำลายข้าวของ ท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่ากระทำเช่นนั้นอีกเลย มิเช่นนั้น กรรมจะสนองให้ต้องยากจนค่นแค้นแสนสาหัส"

    [​IMG] หากพบคนที่ชอบ คุยโต โอ้อวด เย่อหยิ่ง ต่อผู้อื่น ท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่ายะโสโอหังเลย มิเช่นนั้นจะต้องไปเกิดเป็นคนต่ำต้อยเป็นข้าทาสรับใช้ผู้อื่น"

    [​IMG] หากพบคนที่ชอบยุแหย่ให้ผู้อื่นแตกแยกกัน ท่านก็จะเตือนว่า "จงอย่าประพฤติเช่นนั้นอีกเลย หาไม่แล้ว กรรมจะสนองให้ต้องไปเกิดเป็นสัตว์ที่ไม่มีลิ้น"

    [​IMG] หากพบคนที่ทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวง เห็นผิดเป็นชอบ ถือเงินเป็นอำนาจท่านก็จะเตือนว่า "คนที่คดโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวง กรรมจะสนองให้ต้องได้ไปเกิดอยู่ในถิ่นแห้งแล้งทุรกันดาร"

    [​IMG] ทั้งหมดที่ได้สาธยายมานั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของบาปกรรมที่สรรพสัตว์ในโลกได้ก่อขึ้นและผลกรรมที่พวกเขาจักต้องได้รับ ฉะนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาตราบจนกระทั่งบัดนี้ พระกษิติครรภโพธิสัตว์จึงต้องใช้วิธีการที่เหมาะสมต่าง ๆ นานา มาโปรดชี้แนะและฉุดช่วยเหล่าเวไนยสัตว์นั้น ๆ อยู่อย่างมิหยุดหย่อน"

    [​IMG] "สรรพสัตว์ที่ได้สร้างบาปกรรมจักต้องถูกลงโทษทัณฑ์ให้อยู่ในนรกเป็นเวลายาวนานหลายช่วกัปป์ชั่วกัลป์ฉะนั้นขอให้พวกท่านจงอารักขาแดนสวรรค์และโลกมนุษย์ไว้ให้ดี จงอย่าให้เหล่าปีศาจมาร ผีนรก และวิญญาณบาปทั้งหลาย ได้ล่วงล้ำขึ้นมาชักจูงมอมเมาสรรพสัตว์ในโลกียโลกให้หลงเข้าสู่ทางผิด จนก่อกรรมทำเข็ญต่อไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น"
    เมื่อท้าวจตุโลกทั้ง 4 ได้สดับพระพุทธบรรหารดังนี้แล้ว ต่างก็ทรงทอดถอนพระทัย และบังเกิดจิตเวทนาสงสารเวไนยสัตว์ในโลกียโลกจนถึงกับหลั่งน้ำพระเนตร กาลนั้นจอมเทพผู้อภิบาลรักษาโลกทั้ง 4 พระองค์ ก็ได้ประณมหัตถ์กราบถวายอภิวาท แล้วจึงถอยกลับเข้าที่ประทับ
     
  15. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG] "และหากสาธุชนผู้ใดมีจิตศรัทธาถวายบูชาพระกษิติครรภโพธิสัตว์ ด้วยภัตตาหารอันปราศจากชีวิตและเลือดเนื้อสัตว์ สักการะด้วย ธูป ประทีปดอกไม้ เครื่องหอมของล้ำค่าพร้อมทั้งได้ปฏิบัติบูชาด้วยการถือศีลกินเจ บุคคลเล่านี้เมื่อสิ้นอายุขัยละจากโลกนี้ไปแล้วหากยังไม่บรรลุพระโพธิญาณก็จะได้ไปจุติอยู่บนสวรรค์เป็นเวลายาวนาน ครั้นเสวยผลบุญในเทวโลกสิ้นแล้ว เมื่อลงมาจุติในโลกมนุษย์ก็จะเกิดอยู่ในตระกูลสูง

    และได้บุพเพนิวาสานุสติญาณโดยง่ายสามารถระลึกถึงชาติก่อนและบุญกรรมที่ทำไว้ในอดีต"

    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

    ท่อนนี้.... มีตัวอย่างให้เห็นหลายคน ซึ่งเป็นเพื่อนๆของข้าพเจ้าเอง
     
  16. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]


    "ดูก่อนท่านทั้งหลาย..แม้พระกษิติครรภโพธิสัตว์จะได้ฉุดช่วยเวไนยสัตว์ ให้รอดพ้นจากความทุกข์ทรมานในนรกภูมิมาแล้วจำนวนมากมาย นับได้หลายชั่วกัปป์ชั่วกัลป็แล้วก็ตาม

    แต่การที่ท่านยังไม่อาจทำให้ข้อปณิธานสำเร็จลุล่วงได้ดังที่เคยอธิษฐานจิตไว้แต่แรกเริ่มนั้น ก็เนื่องด้วยมหาเมตตาจิตที่มีต่อสรรพสัตว์ในโลกียโลก เหตุเพราะท่านได้เพ่งพิจารณาดูแล้วว่า ต่อไปในอนาคตอันยาวไกล .....

    จิตใจของสรรพสัตว์บนโลกก็จะยิ่งเสื่อมทรามลงเป็นทบทวีคูณ ด้วยแรงแห่งกรรมชั่วที่พวกเขาได้สั่งสมพอกพูนเข้าไว้ จะยิ่งทำให้การโปรดฉุดช่วยเป็นไปได้ยากลำบากขึ้นไปอีก


    ดังนั้นไม่ว่าพระกษิติครรภโพธิสัตว์จะแบ่งภาคออกเป็นหมื่นเป็นแสนภาคแต่ทว่า ....ทุกภาคของท่านก็จักยังคงอธิษฐานจิตอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการตอกย้ำข้อปฏิธาณที่มีมาแต่เดิมนั้นให้หนักแน่นลงไปอีก

    และตลอดเวลาทุกยุคทุกสมัย ท่านจะค้นหาวิธีการอันเหมาะสมมาโปรดเวไนยสัตว์เหล่านั้น ตามควรแก่เหตุผล แก่บุคคลแก่สภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไป"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2010
  18. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/OO1YbUUDBms width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true">
     
  19. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    oooooooooooooooooooooooooooooooo

    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/S5JAVk3Qwi8 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true">
     
  20. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]

    ท่ามกลางเหล่ายมบาลทั้งปวง

    ทรงคอยช่วยเหลือให้สติ ระลึกถึงบุญกุศล และแผ่เมตตาโปรดสัตว์นรก
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...