ไทยเป็นมหาอำนาจ

ผมไม่ค่อยสนเรื่องพระ เรื่องเจ้าเท่าไหร่ แต่ก่อนหน้านี้เคยได้ยินนักการเมืองเถียงในสภาบอกว่าประเทศไทยกำลังจะเจริญรุ่งเรืองมากๆเพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิเกื้อหนุนอยู่
ก็เลยสนใจ จากนั้นก็เริ่มเซริซหาข้อมูล พอไปเจอเรื่องพระเจ้าจักรพรรดิ์ในที่นี้จึงเห็นว่าน่าสนใจดี เลยคิดว่าน่าจะมีคนในที่นี้ที่รู้ความจริงแฝงตัวอยู่ในนี้ เลยเข้ามาตั้งบอรด พอตั้งบอรดไปหลายครั้ง เข้าไปอ่านหลายบอรดก็ยังหาคนที่รู้เรื่องไม่เจอซักที เอาล่ะยอมแพ้แล้ว ในที่นี้มีใครเข้าใจบ้างว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ายังหาไม่เจออีกคงต้องเลิกเล่นเพราะดูแล้วคงไม่ได้อะไรกลับไป
โทษทีตั้งบอรดใดไปทำใครขุ่นเคือง ก็ขออโหสิกรรมด้วย

 

ประเทศไทย จะเป็นมหาอำนาจ

คัดลอกมาบางตอน ในธรรมเทศนาของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
ทีนี้ก็มาคุยกันถึงเรื่อง "ทองคำ"fficeffice" /><O></O>
ทองคำแหล่งที่ว่านี้แสดงปาฏิหาริย์บ่อย ๆ ความจริงไม่ใช่ทองคำแสดง เป็นเทวดาที่รักษาแสดง เรื่องเป็นอย่างนี้<O></O>
ในเมื่อถึงกาลเวลาที่ไปพบทองคำที่นั่นเข้า ผมก็ถามท่านท้าวมหาราช องค์ที่ตอบก็คือ ท่านท้าวเวสสุวัณ ถามว่า<O></O>
"ทองทั้งหลายเหล่านี้จะมีประโยชน์กับประชาชนชาวไทยเมื่อไร เวลานี้ประเทศชาติอยู่ในความยากจนเข็ญใจ คนแร้นแค้น ประชาชนน่าจะพึงได้"<O></O>
ท่านก็ตอบว่า "ถ้าให้ประชาชนคนไทยเวลานี้ คนไทยเกือบจะไม่เหลือเลย จะตายกันเกือบหมดทั้งชาติ ส่วนที่มีชีวิตอยู่ก็จะตกเป็นทาสของชาติอื่น"<O></O>
ก็เลยถามท่านว่า "ทองนี่มีความศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน?"<O></O>
ท่านบอกว่า "ทองก็แค่วัตถุจะมีความศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน ไม่สำคัญ สำคัญว่าคนไทยจะยังมีความโลภเห็นทองเข้าก็จะฆ่ากันหนัก เหมือนแร่ดีบุกที่เขาศูนย์ แร่ดีบุกที่เขาศูนย์น่ะฆ่ากันตายกันเป็นร้อย แต่ว่าถ้าทองคำนี้มันจะตายกันเกือบทั้งชาติ มึงแย่งกู กูแย่งมึง ฆ่ากันไป ฆ่ากันมา ถ้ากำลังชาวไทยอ่อนลงเพราะขาดความสามัคคี มีความโลภ ก็จะทำให้ต่างประเทศบุกรุกเข้ามา ไม่มีใครต่อต้านได้ ผลที่สุดทองทั้งหมดจะเป็นของชาวต่างประเทศ น่าดู และก็คนไทยที่เหลือก็ต้องเป็นทาสเขา ไอ้ทองก็ไม่ได้ กินก็จะไม่มีกิน เขาจะใช้อย่างทาส เขาจะข่มขู่อย่างทาส" <O></O>
ท่านบอกว่า "ถ้าคนไทยดีกว่านี้เมื่อไรทองนี้ใช้ได้เมื่อนั้น"<O></O>
ถามว่า "ปริมาณทองมีสักกี่ตัน?"<O></O>
ท่านบอกว่า "ถ้าหมื่นตันนี่มันยังไม่หมดถึงครึ่ง"<O></O>
โอ้โฮ แล้วก็ทองคำธรรมชาติไม่มีคำว่าหมด มันจะก่อตัวเกิดอยู่เสมอ<O></O>
ถามว่า "เหตุที่ทองก่อตัวเพราะอาศัยอะไรเป็นเหตุ"<O></O>
ท่านก็บอกให้ฟัง แต่ผมจะยังไม่บอกเวลานี้ ใครถามต่อไปก็ไม่บอก เพราะวิชานี้นักธรณีวิทยาเขาทราบกันอยู่แล้ว นักธรณีวิทยามีความรู้ด้านดินมันน่าจะทราบว่าทองเกิดจากอะไร เขาจะรู้ ผมก็ขี้เกียจเอาตำราเป็ด ๆ ไปพูดให้เขาฟัง<O></O>
หลังจากนั้นแล้วผมก็ถามถึงทองทั่วประเทศ ท่านก็พาดูหมด ทั้งทองคำธรรมชาติและทองที่ปรุงแต่งแล้ว หลอมแล้ว เป็นสร้อยก็มี เป็นแท่งก็มี เป็นเพชรนิลจินดาเยอะแยะ รวยจัด ผมนึก ๆ ยิ้มในใจว่า แค่ทองอย่างเดียว ประเทศไทยก็เป็นมหาเศรษฐีของโลกแล้ว ไม่ต้องแร่อื่น ยังน้ำมันอีก ยังแก็สอีก ยังแร่ต่าง ๆ อีก โอ...มหาศาล ผมยิ้มบ้าอยู่คนเดียว ไอ้เรื่องทองนี้ยังไม่มีใครเขาว่าบ้า ผมเลยต้องว่าบ้าคนเดียว ชื่นใจว่าสักวันหนึ่งข้างหน้าคนไทยจะดี<O></O>

 

คมชัดลึก :“ กรมธรณี ” เปิดแหล่งขุมทองของไทยพบ 76 พื้นที่รวม 700 ตัน มูลค่ารวม 9 แสนล้านบาท

วันที่ 8 ธ.ค. นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์ราคาทองคำของโลกได้ขยับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา ที่ผ่านมากรมทรัพยากรธรณี ได้มีการสำรวจและศักยภาพการพัฒนาแหล่งแร่ทองคำในประเทศไทยไว้
ล่าสุดพบมีแหล่งแร่ทองคำในประเทศรวม 76 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 31 จังหวัด มีปริมาณแร่ทองคำประมาณ 700 ตัน และหากสกัดเป็นทองคำบริสุทธิ์แล้ว คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 9 แสนล้านบาท โดยมีการสะสมตัวแบบทุติยภูมิ อีกหลายพื้น ที่ เฉพาะแหล่งลำปาง – ตาก มีแร่ทองคำประมาณ 24 ตัน ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าแหล่งศักยภาพสูงส่วนใหญ่พบในพื้นที่ตอนบนของภาคกลาง ตามแนวเทือกเขาหินแกรนิตทางตะวันออก และขอบด้านตะวันตกของแห่งที่ราบสูงโคราช
อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า สำหรับพื้นที่แหล่งแร่ทองคำที่มีความสมบูรณ์ของเนื้อทองคำเฉลี่ย ตั้งแต่ 1-2 และ 5-10 กรัมต่อตันมี 4-5 แห่งที่มีศักยภาพในอนาคต ได้แก่ ห้วยคำอ่อน บริเวณรอยต่อ จ.ลำปาง-แพร่ ดอยตุง บริเวณเชิงเขาทางฝั่ง อ.แม่จัน เขาช่องกาย อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี รอยต่อ อ.เมือง จ.ตาก – อ.ด่านลานหอย จ.สุโขทัย บ้านบ่อทอง จ.ชลบุรี และบางแห่งเริ่มมีชาวบ้านในพื้นที่เข้าไปขุดหาสินแร่ทองคำ จนเริ่มมีผลกระ ทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมีการใช้สารไซยาไนต์ และปรอททำให้ปนเปื้อนในแหล่งน้ำและสุขภาพของผู้ร่อนทองเอง
ส่วนพื้นที่แร่ทองคำที่เคยได้รับสัมปทานจากกระทรวงอุตสาหกรรมมาแล้ว อยู่แถวรอยต่อระหว่าง ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร และ ต.ท้ายดง อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ เกรดทองคำเฉลี่ย 1.5-2.5 กรัมต่อตัน ที่เรียกเหมืองแร่ทองคำชาตรี โดยบริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด และพื้นที่แหล่งแร่ภูทับฟ้า – ภูซำป่าบอน ของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด เกรดทองคำเฉลี่ย 5 กรัมต่อตัน ส่วนพื้นที่เขาพนมพา อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร โดย อบจ.พิจิตร กำลังขอต่ออายุประทานบัตร ทำให้มีชาวบ้านแห่เข้าไปขุดร่อนทองจำนวนมาก

 

ถ้าเป็น มหาอำนาจ คงจะยากนะครับ
ถ้าเป็นอย่างอื่นพอเป็นไปได้นะครับ

 

เคยอ่านมา...
มีคนกราบเรียนถามหลวงพ่อฤาษีว่าจะจบที่ "10 ชาววิไล" ใช่ไหม ท่านบอกว่ายังมี "11 ไทยมหารัฐ" ต่อด้วย "12 จักรพรรดิราช" และสถาบันพระมหากษัตริย์จะอยู่คู่ชาวไทยไปจนหมดพุทธกาล

ถ้าเป็นจริง ผมว่าในยุคหน้าเราจะเริ่มเจริญขึ้นแล้ว เห็นว่าเวลานี้ทรัพย์ต่าง ๆ เริ่มผุดขึ้นมารองรับแล้ว ยุค "จักรพรรดิราช" พระมหากษัตริย์ของเราน่าจะทรงปกครองโลกเลย

 

เคยอ่านผ่านตามามั้งแต่จำไม่ได้ค่า
เมื่อก่อนเค้าซีร็อคกันมาให้อ่าน ประมาณว่า ประเทศไทยนี้
มีทรัพย์สินในดินเยอะ คล้ายยุคพระศรีฯ แต่ไม่ใช้นะค่ะ ในดิน..ถ้ำ..มีเพชร นิล จินดา ทอง เต็มไปหมด แต่ก้อต้องรอให้ถึงเวลา ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาประมาณนั้นอ่ะ จำไม่ได้แล้วค่า

 

ในความคิดของอาตมา...

ในยุกต์ที่คนเสื่อมจากบุญกุศล ความเป็นมหาอำนาจ มหาเศรษฐี
จะเกิดกับบุคคล ประเทศ ศาสนา ที่มีคุณความดีลดน้อยถอยลง
หากเศรษฐีมหาอำนาจ ยุกต์ต้นเป็นสมัยพุทธกาลแล้วใซร้ ยุกต์กลางฝรังจะรวยมากยุกต์ปลายแถวอาหรับจะรวยเป็นมหาอำนาจแต่เป็นมหาอำนาจที่มีคุณภาพความสุข ทางกายและทางใจที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ เพราะกรรมกำหนดสรรพสิ่งในโลก

บิลล์ เกตส์ คืนสู่บัลลังก์อภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง ​

เศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ส่งผลให้คนจนตกงานกันทั่วโลก ไม่เว้นแม้กระทั่งอภิมหาเศรษฐีของโลกก็ต้องพลอยจนลงไปด้วย จากการจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกของนิตยสารฟอร์บส์ปี 2009 ผลปรากฏว่าบรรดาอภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยมหาศาลต่างมีทรัพย์สินจนลงถ้วนหน้าทีเดียว

<CENTER>
บิลล์ เกตส </CENTER>หลังจากที่ครองตำแหน่งอภิมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งของโลกมา เป็นเวลาติดต่อกันถึง 13 ปี เมื่อปีที่แล้ว วิลเลียม เกตส์ ที่ III หรือที่เรียกกันด้วยชื่อง่ายๆว่า บิลล์ เกตส์ ก็เสียตำแหน่งอภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกให้กับ วอร์เรน บัฟเฟตต์ และ คาร์ลอส สลิม เฮลู โดยตกไปอยู่ที่อันดับสาม
แต่ บิลล์ เกตส์ ก็กลับมาทวงบัลลังก์คืนได้ในปีนี้ทันทีทันควัน ด้วยทรัพย์สินที่มีมูลค่าที่เหลืออยู่เพียง 40,000 ล้านดอลลาร์ โดยที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่สามารถที่จะรักษาตำแหน่งเดิมไว้ได้ เพราะทรัพย์สินที่เหลืออยู่เพียง 37,000 ล้านดอลลาร์ หรือลดลงไปถึง 25,000 ล้านดอลลาร์จากเดิมที่มีอยู่ถึง 62,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ บิลล์ เกตส์ ก็มีทรัพย์สินลดลงถึง 18,000 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่มีอยู่ 58,000 ล้านดอลลาร์

<CENTER>
วอร์เรน บัฟเฟตต์ </CENTER>เรียกได้ว่าสภาพของเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ส่งผลต่อทรัพย์สินของทุกคนโดยถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี นักธุรกิจ หรือมนุษย์เงินเดือน ในสังคมโลกใบนี้ จึงเป็นปีที่พูดได้ว่าแม้แต่เศรษฐีก็ยังจนลง จากสภาพเศรษฐกิจขาลงชนิดที่ไม่มีใครคาดถึง โดยเฉพาะ เป็นการล่มสลายของธุรกิจเก่าแก่หลายแห่งของสหรัฐอเมริกา ที่ไม่มีผู้ใดจะเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้
ส่วนอภิมหาเศรษฐีอันดับ 3 ยังคงเป็น คาร์ลอส สลิม เฮลู เจ้าพ่อการสื่อสารผู้ทรงอิทธิพลแห่งเม็กซิโก ที่ก็มีทรัพย์สินลดลงเช่นกัน โดยลดลงถึง25,000 ล้านดอลลาร์จาก 60,000 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 35,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น จะเห็นได้ว่าบรรดาเหล่าอภิมหาเศรษฐีทั้งหลายนั้น มีทรัพย์สินที่ลดลงเฉลี่ยอยู่ในอัตราถึงกว่า 30% ทีเดียว

<CENTER>
คาร์ลอส สลิม เฮลู </CENTER>สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ในมูลค่าทรัพย์สินของอภิมหาเศรษฐีทั่วโลกก็คือ ราคาหุ้นในตลาดซื้อขายหุ้นที่ร่วงดิ่งลงเหวอย่างไม่รู้จักหยุด เพราะหุ้นแต่ละตัวราคาตกรูดอย่างชนิดที่พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเปรียบเทียบกับราคาของหุ้นเหล่านี้ที่บูมอย่างไม่เคยมีมาก่อนในปีก่อนหน้านี้ จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าบรรดาหุ้นทุกตัว ที่ถีบทะยานไปจนชนเพดานเป็นทิวแถว ต่างร่วงลงมาพังพาบหมอบอยู่กับพื้นกันโดยถ้วนหน้า อย่างเช่นหุ้น รีไลแอนส์ คอมมูนิเคชั่น ของ อนิล แอมบานี อัครมหาเศรษฐีของอินเดียที่มีมูลค่าลดลงถึง 32,000 ล้านดอลลาร์ ลดลงเทียบถึง 76%
อนิล แอมบานี เป็นหนึ่งใน 24 อัครมหาเศรษฐีชาวอินเดีย ที่ติดอันดับผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกของฟอร์บสฺ โดยมีทรัพย์สินลดลงโดยถ้วนหน้าจากผลของการผันผวนของเศรษฐกิจโลกในปีที่ผ่านมา เฉพาะราคาของหุ้นแทบทุกตัวในตลาดหุ้นของอินเดีย ต่างมีมูลค่าที่ลดลงกว่า 44% และมิหนำซ้ำราคามูลค่าของเงินรูปีก็ตกลงถึง 14% เมื่อเปรียบเทียบกันเงินดอลลาร์ของอเมริกัน

<CENTER>
อนิล แอมบานี </CENTER>ผลของการตกต่ำในครั้งนี้นอกจากจะส่งผลกระทบไปยังทุกประเทศในโลกเสรีแล้ว ยังส่งผลกระทบไปถึงประเทศหลังม่านเหล็กอย่างรัสเซียด้วยเช่นกัน ไม่นับไปถึงจีนอันเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของอเมริกา อัครมหาเศรษฐีอันดับโลกชาวรัสเซียที่เคยอู้ฟู่เมื่อหลายปีก่อน ไม่ว่าจะเป็น ดิมิทรี ปัมปิยานสกี้ วาสิลี อนิซิมอฟ ที่ล้วนอยู่ในธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรมและโลหะ ต่างก็ล้วนมีทรัพย์สินที่ลดลงกันโดยถ้วนหน้าทั้งสิ้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างมีทรัพย์สินกันมากมายกว่านี้เกือบเท่าตัวด้วยกันทั้งนั้น
วิกฤตครั้งนี้จึงทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนใกล้กันขึ้นมาอีกนี๊ดดดดด

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2552 ​

 

นั่นมันเป็นอดีตครับ

พระมหากษัตริย์มหาราชผู้ยิ่งใหญ่ในเอเชียที่ช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากการล่าอาณานิคมมีอยู่สองประเทศ คือ สยาม(โดยร.5) และ ญี่ปุ่น(เมจิ)

วิธีการคล้ายกันคือ พัฒนาประเทศให้ทันประเทศทางฝั่งตะวันตก จนเคยมีฝรั่งกล่าวไว้ว่า ประเทศสยาม และ ญี่ปุ่น นี่แหละ ที่จะเป็นมหาอำนาจในเอเชีย

แต่ขอย้ำว่ามันคือ สยาม นะครับ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เราก็มีปัญหาด้านการเมืองเสมอมา จนเป็นเหมือนทุกวันนี้

 

ขอบคุณครับ

 

ผู้กุมชะตา"ทองคำ" โลก 13 ชาติ 2 สถาบัน 4 ขาใหญ่

วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4150 ประชาชาติธุรกิจ


นับ ถึงสัปดาห์นี้ สินทรัพย์ที่น่าลงทุนมากที่สุด ในกลุ่มสินค้าคอมมูดิตี้ ซึ่งยกแถวพุ่งทะยานทำสถิติสูงสุด นับจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ยังไม่มีตัวใดร้อนแรงเกินหน้าทองคำ
ทำให้ตลาดทองคำทั้งในและนอกประเทศเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิดของนักลงทุน และกลุ่มต่าง ๆ ทั่วโลก

ความน่าสนใจของทองคำ ส่งผลให้เว็บไซต์ของเอ็นบีซีนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ "ผู้ถือครองทุนสำรองที่เป็นทองคำมากที่สุด" 15 อันดับแรก ซึ่งประกอบด้วย 13 ประเทศและ 2 สถาบัน

อันดับหนึ่ง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา มีทุนสำรองที่เป็นทองคำทั้งสิ้น 2.9836 แสนล้านดอลลาร์ โดยเก็บรักษาอยู่ที่สถาบัน รับฝากทองสหรัฐ ในเคนทักกี โรงกษาปณ์ที่ฟิลาเดลเฟีย โรงกษาปณ์ที่เดนเวอร์ สถาบันรับฝากทองที่เวสต์พอยต์ และสำนักงานถลุงแร่ทองคำในซานฟรานซิสโก

อันดับ สอง คือ เยอรมนี มีทุนสำรองทองคำรวม 1.2501 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีปริมาณทองคำในครอบครอง 3,749.1 ตัน ตามด้วย กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มีทุนสำรองที่เป็นทองคำรวม 1.18 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีปริมาณทองคำในครอบครอง 3,539 ตัน และ อิตาลี ที่สำรองทองคำเก็บไว้ รวม 8.992 หมื่นล้านดอลลาร์ ในอันดับ 3 และ 4 ตามลำดับ

นอกจากนี้ยังมี ฝรั่งเศส จีน และสวิตเซอร์แลนด์ ที่สำรองทองคำไว้เป็นมูลค่า 8.968 หมื่นล้านดอลลาร์ 3.865 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 3.815 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

อันดับ 8 เป็น ญี่ปุ่น มีทองคำในมือ 2.807 หมื่นล้านดอลลาร์ อันดับ 9 เป็น เนเธอร์แลนด์ ที่มีทองคำในครอบครอง 2.247 หมื่นล้านดอลลาร์ ถัดไปเป็น รัสเซีย มีทองคำในมือ 2.085 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีปริมาณทองคำในมือ 625.2 ตัน

ในอันดับ 11-15 ได้แก่ ธนาคารกลางแห่งยุโรป 1.839 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีสัดส่วนทองคำในทุนสำรอง 18.8% รวม 551.5 ตัน ไต้หวัน 1.53 หมื่นล้านดอลลาร์ โปรตุเกส 1.403 หมื่นล้านดอลลาร์ อินเดีย 1.312 หมื่นล้านดอลลาร์ และ เวเนซุเอลา 1.307 หมื่นล้านดอลลาร์

โดย รวมแล้วทองคำในการถือครองของ 13 ชาติชั้นนำ และสถาบันการเงินเสาหลัก 2 แห่ง มีปริมาณทั้งสิ้น 29,634 ตัน หรือคิดเป็น 20.5% ของปริมาณทองคำทั่วโลก นอกจากนี้ยังพบว่า ทองคำกระจายอยู่ในการถือครองของบริษัทเอกชน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการซื้อขายทองคำในตลาดโลก มีอยู่ 4 ราย ไม่นับรวมสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถือเป็นผู้มีบทบาทในตลาดทองคำเป็นอันดับ 2 ของโลก ประกอบด้วย กองทุนทองคำเอสพีดีอาร์ กองทุนที่เน้นการลงทุนในผลิตภัณฑ์อ้างอิงรายใหญ่สุด มีทองคำในครอบครอง 1,109.314 ตัน นับถึง 14 ตุลาคม โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงระดับการถือครองมาตั้งแต่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา

ขณะ ที่อันดับ 2 คือ อีทีเอฟ ซีเคียวริตีส์ ถือครองทองคำแท่ง 8.066 ล้านออนซ์ และอันดับ 3 เป็นบาร์ริกส์โกลด์ ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่สุดของโลก และ แองโกลโกลด์ อาชันติ ตามมาเป็นอันดับ 4

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของแหล่งทรัพยากรทอง ถือว่ากานาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีบทบาทโดดเด่น ไม่แพ้แคนาดา แอฟริกาใต้ และออสเตรเลีย แม้ว่าปัจจุบันจีนเป็นประเทศผู้ผลิตทองคำรายใหญ่สุดของโลก โดยพบว่าปัจจุบันกานามีบริษัททองรายใหญ่ 13 ราย ในจำนวนนั้นรวมถึงแองโกลโกลด์ อาชันติ ครอบครองแหล่งทองมาก คิดเป็น 17% ของแหล่งทองทั่วโลก

สำหรับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ พบว่าราคาในตลาดโลกยังพุ่งทะยานอย่างร้อนแรง แม้จะมีแรงเทขายทำกำไรเป็นระยะ ๆ โดยระหว่างการซื้อขายวันพฤหัสบดี สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ส่งมอบเดือนธันวาคม ยังเคลื่อนไหวเหนือ 1,060 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใกล้กับระดับปิดตลาด 1,064 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในตลาดโคเม็กซ์ของตลาดนิวยอร์ก เมอร์แคนไทล์ แต่ต่ำกว่าระดับปิดตลาด 1,072 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อวันพุธ (14 ต.ค.)
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

ทุกอย่าง เป็นของแผ่นดิน ถึงเอาขึ้นมาก็ต้องเป็นของแผ่นดิน


ถ้าไม่ได้ทำเพื่อแผ่นดิน ทองก็ย่อมอยู่ในที่ที่ มันสมควรจะอยู่

 

ประเทศไทย จะเป็นมหาอำนาจหรือไม่ คอยดูเหตุการณ์ต่างๆ
ในระยะเวลาจากปัจจุบันนี้ ไปในอนาคต5ปี ปีพ.ศ.2558
ถ้ามีเหตุการณ์ล้างโลกจริง กทม.จมน้ำ พร้อมกับหลายๆเมือง
ในโลก ล่ะก้อ ผมเชื่อ(ของผม)ว่าประเทศไทยจะเจริญเข้าสู่ยุค
พระเจ้าจักรพรรดิ จริง ท่านจะรวมไทยและลาวเป็นประเทศใหม่
แต่คนที่อยูรอด คือคนดีมีศีลธรรม
ส่วนตัวผมเชื่อ100% ว่าไทยจะเป็นมหาอำนาจชัวร์

 

ขอยืนยันตามนั้นครับ
ไทยจะได้เป็นมหาอำนาจแน่
แต่คนที่จะแย่คือผู้ไร้ศีลธรรมอันดีงาม
อีก 3 ปีนี้รอรับศึกหนักก่อน หลังจากนั้นค่อยๆ ดีขึ้น
เร่งรัดการปฏิบัติ ฝึกฝน อภิยญาให้ดีเข้าไว้
จะได้ใช้เมื่อยามฉุกเฉิน สาธุ

 

สาธุ ขอให้เป็นอย่างนั้น ครับ
แต่คงจะยากครับ
ส่วนตัวเชื่อ แค่ ๕ % ก็ถือว่าเยอะแล้วนะครับ

 

สาธุ อนุโมทนาครับ
ตอบได้ตรงใจผมเลยนะครับ


ถ้าไม่ได้ทำเพื่อแผ่นดิน ทองก็ย่อมอยู่ในที่ที่ มันสมควรจะอยู่

 

นับจากนี้ไป ไปถึง พ.ศ. ๕๐๐๐ ไม่มีใครที่จะมาเกิดเป็น " พระเจ้าจักรพรรดิ " หรอกครับ เชื่อผมสิ

 

ก้อ รอดูต่อไปก็ละกาน

เค้าอาจจะไม่ได้ชื่อ พระเจ้าจักรพรรดิ์หรอก

เค้าก็เป็นชื่อพระราชาน่ะแหละ

แค่แผ่เขตไปไพศาลก็แค่นั้นเอง

อาจจะครึ่งเอเชียด้วยซ้ำ

แต่มันก็ต้องรอดู อ่านะ

อย่าไปเชื่อ ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง

ส่วนเรื่องมหาอำนาจน่ะ

ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่อ่านะ

ต่อไปเงินจีนจะแข็งกว่าอเมริกา

ต่อไป เงินไทยจะแข็งกว่าจีน

มันก็เป็นเรื่องปกติ ตามสภาพทางเศรษฐกิจ และการค้า

ละก้อ เรื่อง ทอง น้ำมัน เพรช พลอย

ของอะ มันเต็มประเทศไปหมด

แต่ตอนนี้ มันออกมาแค่ 700 ตัน วิจัย 10 ปี

ได้ทองไปแค่ 30 ตัน มันก็ได้ไปแค่นั้นแหละ

เพราะดวงเมืองมันยังไม่เปิด ออกมาตอนนี้ คนตายค่อนประเทศ

เพราะมันจะแย่งกันตายสิ

รอถึงเวลาก่อนน่า ของที่มันจะรอผุดจากดินอะ มันมีเยอะแยะ เต็มไปหมด

ถึงมองก็มองไม่เห็น น่าซ่าก็มองไม่เห็น ขุดไปก็ไม่เจอ

เพราะมันยังไม่ถึงเวลา

ประเทศอื่นน่ะ มันสู้ไทยได้ที่ไหน

ละก้อ ญี่ปุ่นอะ เด๋วมันก็หายไปเอง

มหาอำนาจน่ะ ถ้ารอดไป เค้าถือเป็นประเทศที่ดีงาม

แต่สมัยก่อนน่ะ ไปถล่มตั้งหลายประเทศ ฆ่าคนไปก็เยอะ

ฟื้นฟูประเทศได้อย่างรวดเร็ว เพราะมันเล่นของ

ทอง กะ ทรัพยากรน่ะ ไม่ต้องไปห่วงหรอก

คนไม่ดีมันไม่ได้เอาไปใช้หรอก จะทำเปลี่ยนดวงเมือง มันก็ช่วยไม่ได้

ทรัพย์น่ะ เค้ารอคนที่เค้าจะได้มาเอาไปใช้ เพื่อพัฒนาประเทศ

เพื่อจักรพรรดิ์ จักรพรรดิ์เค้าใหญ่กว่า กษัตริย์ เพราะว่าแผ่เขตคามไปได้ไกลกว่าเยอะ

ประเทศแข็งแรงกว่าเยอะ ทรัพย์ก็มีกว่าเยอะ บ้านเมืองก็ดีกว่าเยอะ



ทั้งหมดน่ะ

อย่าไปเชื่อ

มันต้องรอดูพิสูจน์อีก สามปี ไม่นานหรอก

แต่มรสุมน่ะ หนักนะ รอดมาก็ไม่ได้เยอะนะ

ถ้าไม่ได้ตั้งอยู่ในกุศล และบุญบารมี

เนื้อสัตว์น่ะ อีกนิดเดียวมันก็จะกินไม่ได้แล้ว

เพราะมันจะเป็นพิษ

ถ้าไม่ได้ตามนี้ ก็คงจะเป็นแค่กระดูก รอดไป อีก สามปี

เพราะมันจะล้างโลก ให้สะอาด เหมือนซึนามิ

คนโลภมันไปทำเปื้อนไว้เยอะ ก็ต้องล้างมันหน่อย

มะไหว เรื่องความลับ ก็ต้องปิดให้เป็นความลับต่อ

เพราะมันยังไม่ถึงเวลา

 

สาธุ
สาธุ
สาธุ
ขออนุโทนาอย่างสูงครับ ท่านZeusInw
ผมเข้ามาดูกระทู้นี้บ่อยเพราะผมสนใจ
พบท่านต้นละ ......ประจำเว๊บ มาออกความเห็นไว้
อยากตอบท่านเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าไม่ดีกว่า
รอดูก่อนครับไม่นานหรอก
โต้กันไปมา ไม่ดีหรอก ไม่งาม
พวกเราล้วนแต่คนดีทั้งนั้น
ควรสามัคคีกันดีกว่าครับ

 

ไม่เป็นไรครับท่าน ตอบได้ตามสบายไม่ว่ากัน
ผมเองแค่คิดว่านับจากนี้ไปจนถึง พ.ศ. ๕๐๐๐ คงไม่มีใคร( สัตว์ในเทวโลกที่มีบุญ )พอที่จะมีบุญเป็นพระเจ้า...... รึพระรา........... พอที่จะแผ่อำอาจออกไปไพศาลได้ขนาดนั้นนะครับ ถ้ามีในประเทศไทยได้จริงผมเองก็ขออนุโมทนาด้วยนะครับ ท่านอ่านดูดีๆๆนะครับ

 

ข้อมูลน่าสนใจ