เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

อ่ะแฮ่ม รู้สึกว่าถูกพาดพิงซะแล้ว
คุณอัญฯไม่เจอ ผู้มีบารมีที่ลำพูนเหรอครับ ที่เป็นคนตัวเป็น ๆ ไม่ใช่เห็นในใจน่ะคนละคนกับนายกทักษินบอกน่ะ(จะบอกให้ )ช่วย กล่าวให้ฟังหน่อยหรือเขาไม่ให้เปิดเผยอีก อิ ๆ ผมไม่รู้เรื่อง ศาด สิน หรอก แต่หลายเรื่องก็พอทำให้ทราบด้วยปัญญาได้ว่าน่าจะเพี้ยน เพี้ยนทั้งอาจารย์ที่คุณอ้างบางท่านด้วย แล้วพวกที่นั่งเห็นโน่นเห็นนี่แล้วคิดว่าตนเลิศเลอ กรุณาดูใจตัวเองด้วย เดี๋ยวมาหนับหนุนกันจะพากัน กู่ไม่กลับ เสียทั้งคู่ ดูรูปที่ความคิดเห็น70 สิ อย่างนี้ใคร ๆ ก็ทำได้ (ผู้ที่อ่านกรุณากลั้นหัวเราะให้ดีนะครับขอบอก)

 

บารมีพ่อแมครูบาอาจารย์ หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโย
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->พิจารณากันเอาเองครับ เข้าใจว่าเป็นสะพานเงิน สะพานทอง ของเหล่าเทพเทวดา ที่ลงมาร่วมงานบุญกับหลวงปู่ทองทิพย์ ที่วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์ รัตนโคตร ครับ

จอมมารน้อย ธรรมปล่อยวางนั้น เป็นธรรมสำหรับพระอรหันต์ท่าน เรายังไม่ถึงขั้นนั้น จึงต้องทำบารมีอื่นไปก่อนอ่ะ

 

ก็อบมาให้พิจรนาครับ

 

คุณ sahadham


1. การที่บุคคลบวชและปฏิบัติตามวัตรของแต่ละนิกายมีผลต่อการสร้างบารมีของบุคคลหรือไม่
เรื่องนี้ตอบได้ว่านิกายไม่มีผลต่อการสร้างบารมี หากปฏิบัติอยู่ในกรอบคำสอนของพระพุทธองค์ก็ทำบารมีอยู่ในหลักบารมี 10 ได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนักปฏิบัติแต่ละบุคคลครับ

2. กรณีอย่างสายหลวงปู่มั่น หรือพระป่า ที่ยึดถือธุดงควัตรนั้น มีผลต่อการสร้างบารมีให้มีความเข้มแข็ง หรือไม่อย่างไร
สายปู่มั่นท่านเป็นธรรมยุติ ก็สร้างบารมีได้เช่นกันครับ ท่านเป็นร่มโพธิ์ปัญญาธิกะ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเน้นบารมีไหนเท่านั้นเอง อย่างท่านที่บวชปฏิบัติท่านเน้นเนกขัมมะบารมีเป็นหลัก บารมีอื่นๆก็รองๆลงมา บางท่านก็เน้นเมตตาบารมี บางท่านก็สัจจะบารมีในบางช่วง แล้วก็เน้นบารมีอื่นๆในบางช่วงของการปฏิบัติ

3. กรณีอย่างสายธรรมของหลวงปู่ทองทิพย์และคุณอัญญาสิทธิ์เอง มีการจัดระบบเปรียบเทียบว่า อยู่ในลักษณะนิกายไหน หรือมีวัตรปฏิบัติแบบเอกเทศ อย่างไรบ้าง

หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเป็นมหานิกายครับ ท่านบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัตินิกายไว้ ลูกศิษย์หลวงพ่อทองทิพย์มีทั้งมหานิกายและธรรมยุติ เมื่อมาพำนักในเขตของหลวงปู่ทองทิพย์ ท่านจะให้สังฆกรรมร่วมกันทั้งสองนิกาย ท่านไม่ให้แบ่งแยกครับ ใครเป็นผู้ใหญ่ ใครเป็นผู้น้อย ท่านรู้กันครับ ที่จริงครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติสูงๆนี่ ท่านถึงกันหมดครับ

กรณีนักปฏิบัติถ้าใครยังยึดติดกับเรื่องภายนอก ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ค่อยถึงภายในครับ

สำหรับฆราวาสท่านก็ให้เน้นเรื่องของทานบารมี ซึ่งก็เดินบารมียากเช่นกันเพราะต้องเอาทั้งทางโลกและเอาทั้งทางธรรม หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเคยบอกผมว่าให้ปฏิบัติไปตามที่ปู่บอกนี่แหละ ใครจะว่ายังไงก็ช่างเขาเพราะเขาไม่รู้ เขาไม่สามารถไปรู้เห็นว่าในยุคพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆท่านทำบารมีกันมาอย่างไร ประเพณีของพุทธภูมิคนเขาก็ไม่ค่อยรู้กัน
หลวงปู่ท่านเน้นปฏิบัติให้เข้าถึงความเป็นโลกอุดรโดยอาศัยบุญญฤทธิ์ครับ แต่เป็นการสอนเฉพาะคนครับ ซึ่งส่วนมากท่านจะสอนเน้นเป็นคนๆไป ซึ่งบางอย่างเหมือนกัน บางอย่างก็แตกต่างกัน เพราะแต่ละคนมีเนื้อนาบุญ รวมทั้งมีบุพกรรมมาแตกต่างกัน


4. มีท่านผู้หนึ่งเคยบอกว่า ร 3-4 มีความเกี่ยวข้องกับพระศรีฯ ท่านเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องการแยกนิกายเป็นสองนิกายในสมัย ร 4 เพื่อทำให้ศาสนาเข้มแข็งคุณอัญญาสิทธิ์ ทราบข้อเท็จจริงเรื่องเหล่านี้ไหมครับ

เรื่องการแยกนิกายในสมัยรัชการที่ 4 นั้นไม่เกี่ยวกับพระศรีฯแต่อย่างใด เป็นเรื่องทางการเมืองครับ จะบอกเล่ามาในหน้าเวปนี้ก็ไม่เหมาะสักเท่าไหร่ ลองศึกษาประวัติศาสตร์ดูแล้วจะเข้าใจครับ แต่ รัชการที่ 5 นี่สิท่านเกี่ยวข้องกับองค์พระศรีฯ เป็นอย่างยิ่งครับ

เรื่องทำนองนี้บางเรื่องต้องหาข้อมูลเชิงลึกจึงจะเข้าใจครับ ผมมีตัวเลขอยู่ในใจเลขนึงคือเลขแปด เมื่อศึกษาเชิงลึกดูแล้วเลขแปดนี้เป็นตัวเลขของผู้ที่เสียสละมากๆครับ และเท่าที่ทราบมาเลขแปดนี้เป็นตัวเลขสำหรับผู้ที่เข้าถึงโลกอุดรได้ด้วย จะให้แก่ก็ได้ หนุ่มก็ได้ เป็นเลขสำหรับพระโพธิสัตว์บารมีสูง ใครก็ฆ่าไม่ตายครับ

 

ด้วยความเคารพครับ
กระผมเคยอ่านมา
ร4 ท่านทรงลงมาวางรากฐาน นิกายธรรมยุต ให้เข้มแข็งครับ
และอ่านจากหนังสือทิพย์อำนาจ
หลวงปู่เส็งท่านบอกว่า ร4 ขึ้นไปอยู่ที่ดุสิต แล้วย้ายไปนิมมารตี ขณะนี้ไม่ทราบครับ
ช่วยชี้แนะเพิ่มเติมด้วยนะครับ

 

คุณ biphai

สำหรับเรื่องที่ รัชการที่ 4 ท่านทรงวางรากฐาน นิกายธรรมยุต ให้เข้มแข็งนั้นถูกต้องแน่นอนครับ ซึ่งนิกายธรรมยุติ มีขึ้นในสมัยรัชการที่ 4 ครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆผมไม่ขอกล่าวถึงแล้วกันครับ บางเรื่องเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ท่าน ไม่เหมาะสำหรับระดับเราๆที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

เกี่ยวกับรัชการที่ 4 นั้น หลวงปู่ทองทิพย์ท่านบอกผมไว้แค่สองอย่างคือสมัยที่รัชการที่ 4 ท่านทรงผนวช ท่านได้ธุดงค์มาปลูกต้นขนุนไว้ที่วัดป่าสีดาฯ จนในปัจจุบันนี้ในวัดป่าสีดาฯมีต้นขนุนจำนวนมาก และยุคสมัยหนึ่งท่านลงมาบวชเป็นพระชื่อหลวงปู่กุ้น ท่านอยู่ทางภาคอีสาน ญาณรู้ท่านอัศจรรย์มาก ลูกศิษย์ท่านเคยหามท่านมาหาหลวงปู่ทองทิพย์ที่วัดป่าสีดาฯ และท่านละเข้าโลกทิพย์ไปเมื่อ พ.ศ. 2520 ครับ
พระปฏิบัติที่มีญาณรู้ขั้นสูงๆ ผู้ที่สามารถรู้และเข้าใจเกี่ยวกับวัดป่าสีดาฯ รวมทั้งสามารถรู้ได้ว่าหลวงปู่ทองทิพย์เป็นใครนั้น ผมถือว่าไม่ธรรมดาแล้วครับเพราะระบบธรรมของหลวงปู่ทองทิพย์นั้นท่านเป็นระบบปิด ท่านลงมาทำหน้าที่เฉพาะ ไม่เหมือนกับพระสงฆ์ทั่วๆไปครับ แต่อีกไม่นานก็จะเป็นระบบเปิด เมื่อทำบางสิ่งบางอย่างเสร็จแล้วเทพเทวาเขาก็คงจะเปิดระบบให้สาธารณชนได้รับรู้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งครับ ถึงเวลานั้นผมเองยังหนักใจว่าวัดที่สงบๆ จะไม่สงบอีกต่อไปเพราะคนจะหลั่งไหลกันไปมาก หลวงพ่อทองแดงบอกว่าอีกหน่อยจะรองรับคนกันไม่ไหว ท่านบอกว่าตัดสินใจให้ดีนะว่าต่อไปจะให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมหรือที่ท่องเที่ยวที่คนมาสักการะอยู่เป็นประจำ ผมก็คิดว่ายังไงก็ขอไว้เป็นที่ปฏิบัติธรรมก็แล้วกันเพราะไม่อยากวุ่นวายมาก

 

กระผมทราบความสำคัญของต้นขนุนครับ
และขอขอบคุณที่ให้ความกระจ่างบางเรื่องครับ
คุณ aunyasit อ่าน email บ่อยมั๊ยครับ

 

คุณอัญญสิทธิ์ครับ ครูบาอาจารย์ท่านได้กล่าวถึง ภัยพิบัติในเวลาอันใกล้นี้บ้างมั้ยครับ เอาแค่ปี สองปีนี้ ก็พอครับ เผื่อจะได้นำมาพิจารณาประกอบแนวทางการวางแผนชีวิตผมบ้าง

 

May all creature take care of themselves hapily...

 

คุณอัญญาสิทธิ์ครับ ผมก็ได้อ่านกระทู้นี้มาโดยตลอด ขอขอบคุณมากที่ได้ให้ความรู้และเปิดเผยเรื่องราวบางอย่าง ซึ่งหลายๆอย่างไม่เคยทราบมาก่อน และผมก็รู้สึกศรัทธาหลวงปู่ทองทิพย์มาก(ถึงผมจะไม่มีบุญได้เจอหลวงปู่) และตั้งใจจะไปไหว้พระศพหลวงปู่ที่วัดป่าสีดา แน่นอน
สุดท้ายผมขออนุโมทนาบุญกับคุณอัญญาสิทธิ์ด้วยนะคับและ ถ้ามีงานบุญของหลวงปู่ทองทิพย์ ขอคุณอัญญาสิทธิ์ส่งข่าวด้วยคับ ผมจะพยายามไปร่วมงานบุญด้วยครับ

 

คุณอัญญาสิทธิ์ครับ แล้วอย่างวัตรปฏิบัติอื่นที่มีความเชื่อกัน เช่นการกินเจ การทานมังสวิรัส หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเคยบอกกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม ว่าการกินเจ หรือไม่กิน มีความสำคัญอย่างไร ต่อการสร้างบารมีหรือปล่าว เคยอ่านพบว่าบางสายบุญเชื่อว่าถ้าไม่กินเจ จะเข้าสู่นิพพานไม่ได้ เช่นผู้ที่นับถือพระอรหันต์จี้กง เป็นต้น

 

คุณ biphai

ผมอ่าน e-mail อยู่เป็นประจำครับ แต่ก็มีบางท่านส่งe-mail มา แล้วผมเปิดอ่านไม่ได้ คงจะมีปัญหาเรื่อง fonts ที่แก้ไขไม่ได้

คุณ Bajang
เรื่องภัยพิบัตินั้นมีแน่นอนครับ แม้ผมจะสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ได้เสร็จ ก็ช่วยได้บางส่วนเฉพาะผู้ที่อยู่ในศีลธรรมและนักภาวนาเท่านั้นครับ ถ้าจะนำมาพิจารณาประกอบแนวทางการวางแผนชีวิต ก็ให้หมั่นทำเพื่อตัวเองคือการทำบุญกุศลและภาวนาอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง ให้ทำเสียตั้งแต่วันนี้ครับ เพราะกาลเวลาไม่เคยคอยใคร หากทำได้แบบนี้ถ้าไม่มีวิบากกรรมใหญ่จริงๆ ก็จะรอดพ้นจากภัยต่างๆครับ หากใครไม่ทำแม้กระทั่งทำเพื่อตัวเอง ก็จะเป็นคนอายุสั้นไปโดยปริยายครับ

Khun osasuki
Best wishes for all universal conciousness.

คุณ koro
ขออนุโมทนาในกุศลจิตครับ

คุณ sahadham
วัตรปฏิบัติอื่นที่มีความเชื่อกัน เรื่องการกินเจ การทานมังสวิรัส หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเคยบอกกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้สรุปความได้ว่าการกินเจ นั้นในสมัยพุทธกาล มีจุดเริ่มต้นมาจากพระเทวทัต ที่มีทิฐิต้องการเอาชนะพระพุทธเจ้า จึงชักชวนพระภิกษุบางส่วนให้คล้อยตามตนเองว่าดีกว่าพระพุทธเจ้าคือไม่ทานเนื้อสัตว์หรือไม่เบียดเบียนอย่างแท้จริง แต่ในความเป็นจริงแล้วพระพุทธเจ้าท่านทรงเล็งเห็นถึงกฏแห่งกรรมที่สรรพสัตว์ต้องหมุนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ต้องมีบุพกรรมเป็นเชื้อของการเวียนว่ายตายเกิดจึงจะสามารถวนเวียนมาทำบารมีเพื่อการหลุดพ้นได้ หากไปกินพืชอย่างเดียวนานๆเข้าก็จะไม่สามารถมาวนเวียนทำบารมีได้ อาจจะต้องทนทุกข์อยู่ในภพภูมิที่เป็นทุกข์อยู่ตลอดกาลนานเพราะมาเกิดร่วมกับสรรพสัตว์ต่างๆไม่ได้ เป็นต้น
สำหรับทางสายบุญที่จะทำบารมีเข้าสู่พระนิพพานนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกินเจแต่อย่างใดครับ คิดง่ายๆครับสรรพสัตว์ที่เกิดมาตามธรรมชาติที่กินพืชเป็นอาหารตลอดชีวิต ก็เห็นมีแต่ ช้าง ม้า วัว ควาย เป็นต้น บางทีผมคิดเรื่องกินเจตลอดชีวิตว่าถ้าจิตมันยึดมากๆว่าเราต้องกินพืชเท่านั้น ในหลายๆภพชาติ เราก็คงจะต้องหมุนเวียนมาเป็น ช้าง ม้า วัว ควาย บ่อย เพราะเราทำปรมัตถ์หรือปฏิบัติไว้ตั้งแต่ตอนที่เป็นมนุษย์
หากพิจาราณาลึกๆก็จะเห็นว่าการกินเจยังไม่ใช่ทางปฏิบัติที่แท้จริง และในสมัยพุทธกาลก็ไม่เคยปรากฏว่ามีพระอรหันต์รูปใดเลยที่บรรลุธธรรมโดยการปฏิบัติกินเจตลอดชีวิต แต่ปัจจุบันนั้นเท่าที่เห็นคนบางส่วนเขาทานเจกันก็ไม่ได้เคร่งครัดอะไรมาก ทานกันแค่เทศกาลนึงเพื่อปรับธาตุขันธ์ของร่างกายเท่านั้นเอง ซึ่งก็ไม่ส่งผลอะไรต่อการหมุนเวียนมาทำบารมี
สำหรับผมเอง หากใครจะทานเจ ก็ไม่รังเกียจครับ เพราะไม่งั้น ทิฐิเล็กๆก็จะมาเกิดกับตัวเราเองว่าเราดีกว่าเขาที่เราไม่กินเจ สิ่งสำคัญอยู่ที่การวางจิตวางใจของเราแหละครับ ว่าแค่รู้และเข้าใจแล้วก็ปล่อยวางไปหรือจะนำมาพิจารณาให้เกิดปัญญาในแง่มุมต่างๆ หวังว่าคงจะเข้าใจนะครับ

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมครับ

 

กระผมขออนุญาตยกตัวอย่างการไม่กินเนื้อสัตว์ของกระผมนะครับ
มีอยู่ครั้งหนึ่งมีนิมิตเห็นเปรตกินน้ำลาย จิตของเปรตก็คิดว่าอร่อย
แล้วตัวผมเองก็ขึ้นไปอยู่ข้างบน
มองลงมาเห็นมนุษย์ กินเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อสัตว์ต่างๆ จิตก็ปรุงแต่งไปอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากนั้นกระผมก็ตั้งสัจจะว่าจะไม่กินเนื้อสัตว์ต่างๆ อีกเลย จนทุกวันนี้ครับ

จริงๆแล้วก็ทานกันได้ครับ เพื่อให้สังขารทรงอยู่ได้ พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ห้าม
ห้ามแค่ สัตว์10ประเภทครับ
ครอบครัวผมก็ทานปกติเหมือนคนทั่วไปครับ แต่ผมไม่ทานครับ

ผมเห็นอาหารเจแล้ว ผมมาพิจารณาไม่รู้จะได้บุญมากหรือป่าว
เพราะก็ยังปรุงแต่งอาหาร ให้เป็นรูปร่างอย่างนั้น อย่างนี้
คนก็ยังติดใจในรสชาติอยู่ดี แต่ดีอย่างคือไม่เบียดเบียนสัตว์
ต่อไปในอนาคเต สัตว์ต่างๆ คงจะหมดหายใป
เหมือนกับ สมัยแรกๆๆ มนุษย์ได้กินง้วนดิน แล้วก็อันตธานหายไป
เกิดอาหารแบบใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ เราๆท่านๆ
ก็ยังแสวงหาอะไรใหม่ๆ ปรุงแต่งกันเรื่อยไป

ต้องขออภัยกับทุกๆท่านด้วยนะครับครับ
กระผมไม่มีเจตนาใดๆทั้งสิ้นครับ แค่ขอเสนอความเห็นของตัวเองครับ
นี้เป็นมุมมองของตัวผมเอง ผิดถูกอย่างไรก็ขออภัยให้กระผมด้วยนะครับ

 

อนุโมทนาแก่ทุกท่านที่เป็นคนดีผมว่าอ่านนี้ก่อนนะ
ขอให้ทุกท่าน จงอย่าหลงตัวว่าเป็นผู้ทรงญาณ เป็นพระอริยเจ้า ความเป็นพระอริยเจ้าไม่ต้องประกาศ เห็นหน้าปั๊บรู้จักได้ยินชื่อ ก็รู้ว่าเป็นพระอริยเจ้า หากว่าท่านยังไม่เป็น และหลงว่าเป็นนี่มันจะซวย ไม่ต้องประกาศเขา ความดีอยู่ที่เรา เราไม่ได้บวชเพื่อบูชาของชาวบ้าน เราบวชเพื่อความดับไม่มีเชื้อ...

 

การทำความดี นั้น ทำอะไรที่ขึ้นชื่อว่า กุศลกรรม หรือทำความดี หรือทำอะไรที่เป็น กลาง ไม่ดี และ ไม่เลว ถือว่า ทำได้ทั้งนั้น ครับ ผม

สำหรับเรื่องสายการปฏิบัติ ว่าจะกินเจ หรือไม่กิน ตรงนั้นเป็น ศรัทธา เป็นความเชื่อของสายนั้น

การปฏบิติธรรมทำไมต้องมีสายต่างๆ เพราะ ครูบาอาจารย์ในสายนั้นๆ กับ ศิษย์ ท่านทั้งหลาย ทำบุญมาร่วมกัน ตั้งศรัทธา และ ผูกพันธ์กันมา ในอดีต ถึงสงเคราะห์กันได้ เราชื่นชอบสายไหน ก็ขอให้อยู่ในสายนั้น ถ้าเราทำบุญมากับหลายสาย เราก็จะได้ ฝึกไปกับหลายๆสาย ครับผม ในอดีตชาติ อาจจะชอบทำบุญในหลายที่ไม่เลือกสถานที่ครับ และไม่เลือกบุคคล หรือ คณะ ครับ แล้วอย่ามองว่าสายอื่นไม่ดี ถ้าจิตไปมอง ท่านอื่นว่าไม่ดีแล้ว นั่น แหละ คือกระจกที่ส่องจิตตัวเองออกมาแล้ว ว่าตัวเองเป็นยังไง เมื่อรู้ตัวเองแล้วก็ขอให้ปรับปรุงแก้ไข และ วันหลังจิตจะดับ อารมณ์ของกิเลสได้ทั้งหมดครับ จิตจะรู้เท่าทันกิเลสนั่นเอง

เพราะฉะนั้น ถ้า พวกท่านทั้งหลายทำอะไรแล้วสุขใจ ไม่เบียบเบียนใคร ทำแล้วเป็น กุศลแก่ตัวเอง และผู้อื่น ทำแล้ว อิ่มบุญ ทำไป เพื่อยังประโยชน์ทางธรรม และทางโลก ไม่เบียดเบียนใครแล้ว ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ทั้ง กาย และใจแล้ว ขอให้พวกท่านทำลงไป ได้เลยครับ

อาหาร นะอร่อยครับ อร่อยจริงๆ แต่ตัวเรา จะวางความอร่อยไว้ได้หรือไม่เท่านั้นเอง การ ฝึกเพื่อชำระ กิเลส คือการฝึกใจ ฝึกที่ใจครับ ( อย่าลืมฝึกอาหารเร ก่อนทานข้าวทุกครั้งก็ช่วยได้มากครับ )

ขอโมทนาบุญกับ คุณ Aunyasit ด้วยครับ ลงทั้งแรงกาย แรงใจ และแรงศรัทธา อย่างยิ่งยวด

 

พี่ Aunyasit
พอจะรู้เรื่องหลวงปู่ญาท่านสวน กับ หลวงปู่สุภามั้ยครับ รบกวนเล่นให้ฟังหน่อย

 

เมื่อไหร่ Aunyasit กะ siarayamarata จะประลองยุทธกันเนี่ย ใกล้รึยัง ชักอยากเห็นไวๆซะแล้วสิ...
(b-oneeye)

 

คุณ วิปจิตัญญู

อนุโมทนาในกุศลจิตครับ ขอให้มีอินทรีย์ที่แก้กล้าในการปฏิบัติธรรมครับ

คุณ zoba

ญาท่านสวน ท่านเป็นพระสงฆ์สายสำเร็จลุนครับ ที่ จ. อุบลฯ นั้นก็มีหลวงปู่จันทร์หอม อีกรูปที่น่ากราบไหว้ แต่ละท่านล้วนแต่เก่งๆทั้งนั้นครับ แต่พระสงฆ์เก่งๆที่ไม่เปิดเผยตัวเองก็มีอีกมากครับ สำหรับหลวงปู่สุภานั้นท่านเป็นสายหลวงปู่สีทัตย์ กับหลวงปู่สุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านก็มีอะไรดีๆเยอะครับ หากมีโอกาสผมก็จะหาโอกาสไปคารวะท่านเหล่านั้นเช่นกัน

สำหรับพระท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั้น เราต้องถามครูบาอาจารย์ ให้ท่านแนะนำว่ามีพระสงฆ์รูปไหนบ้างที่มีเนื้อนาบุญมาสูงๆ

เมื่อวันศุกร์ 18 ส.ค. ก็มีโอกาสไปอธิษฐานที่วัดชุมพลนิยาการาม ที่ อ. บางปะอิน กระแสศีลธรรมของพระศรีอริเมตไตร ที่อยู่ตรงหน้าโบสถ์และกระแสศีลธรรมของพระเจ้าอู่ทองหนาแน่นมาก วัดนี้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเคยมาอธิษฐานจิต แล้วถ่ายภาพท่าน ได้เป็นรูป ไม้เท้า พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ บังเอิญว่าเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาผมได้ไปอธิษฐานกับหลวงปู่ทองทิพย์ ที่วัดป่าสีดาฯ อธิษฐานจิตแล้วก็ถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิตอล เมื่อถ่ายภาพเสร็จ ก็ปรากฏเป็นไม้เท้าพระเจ้าห้าพระองค์ ออกมาเป็น 5 สีตามสีประจำของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ สวยงามมาก และอีกรูปนึง ถ่ายภาพพระรามแผลงศร ได้ออกมาเป็นรูปลูกศรของพระราม สีสรรสวยงามเช่นกัน ปกติพระรามแผลงศรนี้จะมีเฉพาะคันศร ไม่มีลูกศร
พอมีโอกาสก็เลยแวะไปที่วัดชุมพลนิยาการาม เพื่ออธิษฐานบางอย่างเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าห้าพระองค์และไม้เท้าพระเจ้าห้าพระองค์

จากนั้นก็ไปที่วัดพนัญเชิง ไปอธิษฐานกับหลวงพ่อโตไปสักการะหลวงพ่อโต ทางวัดเขากำลังลงรักสีดำเพื่อปิดทองใหม่ ช่วงนี้ญาณศีลธรรมท่านจะอยู่ขึ้นไปสูงมาก ทำนองเดียวกันกับญาณศีลธรรมของพระพุทธชินราชเมื่อตอนที่เขาลอกทองเก่าแล้วทารักสีดำเพื่อปิดทองใหม่ ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน พอเขาปิดทองเสร็จไปอธิษฐานแต่ละครั้งรู้สึกว่าญาณศีลรรมท่านอยู่ไกลมาก ก็พอจะเข้าใจได้ว่ากระแสศีลธรรมและศาสน์ศิลป์ต่างๆที่ครูบาอาจารย์โบราณท่านทำไว้นั้นเปลี่ยนแปลงไป เคยปรารภเรื่องเหล่านี้กับหลวงพ่อราม ท่านก็เข้าใจในทำนองเดียวกัน

จากนั้นก็ไปที่หน้าวัดภูเขาทองไปสักการะและอธิษฐานที่พระรูปของพระนเรศวรมหาราช เสร็จแล้วก็ไปสักการะและอธิษฐานที่หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ ที่วัดตูม ญาณศีลธรรมท่านก็สำคัญเช่นกัน

ที่จริงศาสน์ศิลป์ของสมัยอยุธยานี่ดีมากทีเดียว ยุคนั้นเขานิยมสร้างพระทรงเครื่องกันมาก ที่น่าสนใจก็ตรงที่พระเจ้าอู่ทองท่านทรงสร้างรูปพระศรีอริยเมตไตร ไว้นั้นน่าศึกษามาก แต่เมื่อศึกษาไปแล้วประวัติศาสตร์ไม่เขียนไว้เลย กลายเป็นความรู้นอกตำราไปอีก ก็จะปรึกษาความรู้เรื่องนี้กับครูบาอาจารย์เสียก่อนว่าสิ่งที่ตนเองไปรู้มานั้นถูกต้องตามควมเป็นจริงหรือไม่

 

ภาพพระศรีอาริยเมตไตร พระเจ้าอู่ทอง วัดชุมพลนิยาการามและ หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ วัดตูม ครับ

 

คุณ อัญสิทธิ์ ครับ ได้พระสมเด็จมาองค์นึง รู้อยู่ว่าไม่แท้ แต่มีความรู้สึกลึกๆว่าพระองค์นี้ไม่ธรรมดา
หรือว่าเจ้าของเก่า อาจจะบูชาไว้บนหิ้งพระไว้เป็นเวลานาน จึงทำให้พระนั้นมีพุทธคุณได้ครับ