สนทนาตามประสา

งั้นรบกวนตอบในกระทู้ก็ได้ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ

 

ครับผม คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Tanunchapat<!-- google_ad_section_end --> และคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->BABY CRY TT<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3060327", true); </SCRIPT> <!-- google_ad_section_end -->
เรื่องข้อความ ผมยังไม่เป็นนะครับ คือผมติดธุระ นิดนึงครับ จะกลับมาประมาณ ๔-๕ ทุ่มครับ คืนนี้ นะครับ ใจเย็น ๆ ครับ เข้าใจคนรอ ครับ ผมเองเวลาพิมพ์ ก็เหมือนนกกระยาง กินปลาน่ะ กว่าจะจิ้มได้ ทีละตัว<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3059791", true); </SCRIPT>

 

คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->BABY CRY TT<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3060327", true); </SCRIPT>
ขอบพระคุณค่ะ ไม่ได้ถามเชิงหมอดูค่ะ ใจชอบหรือเปล่า ? หมายถึงปานกลาง ถึงหนัก แต่ถามในส่วนของปฏิบัติ เพราะตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่า ของแถมที่ได้มาจากการปฏิบัตินั้น จริงหรือเปล่า มีแต่ของเก่า นักปฏิบัติ ไม่เรียกของแถม เพราะดิฉันยังคงมีนิวรณ์อยู่ คือ ลังเล สงสัย ตัวที่ ๒ ของนิวรณ์ ๕ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ก็เริ่มที่จะนำคนให้ปฏิบัติบ้างแล้ว แต่ผู้ที่เราจะไปนำเขานั้น ทั้งหมดเรามิได้เป็นผู้หา แต่ทว่าเป็นผู้ที่ครูบาอาจารย์ ท่านนำมาทั้งสิ้น ท่านคือใครล่ะ ? ก็คงสงสัยอยู่นั่นแหละค่ะ ว่าสิ่งที่เราเป็นนั้น ไม่ฟุ้งซ่าน ใช่ไหมคะ เพราะเพิ่งเริ่มปฏิบัติมาได้แค่ปีกว่าๆ เองค่ะ และก็ไม่ได้ทำสม่ำเสมอ แต่ก็ค่อนข้างบ่อยค่ะ ทุกอย่างมาเร็วจนตั้งตัวไม่ทันเหมือนกันค่ะ แต่เท่าที่อ่านในเรื่องเกี่ยวกับกรรมฐานนั้น ถึงได้ทราบว่า ดิฉันปฏิบัติกรรมฐานในแนวสมถะกรรมฐาน เพราะไม่ได้บริกรรมใดๆ คำบริกรรม คำภาวนา เป็นเครื่องโยงจิต เป็นสมถะนะ ดูเพียงลมหายใจเข้าออก ทุกอย่างก็นิ่ง อานาปานสติ และพร้อมจะรับคลื่นจากครูบาอาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com</st1ersonName>ท่านค่ะ อุปจารสมาธิ แต่ก็ยังสงสัยนั่นแหละค่ะ ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ฟุ้งซ่านหรือเปล่า หรือเป็นมารแปลงมา ? มีนิวรณ์ หรือเปล่าล่ะ <O
ค่อยๆ อ่าน ช้าๆ นะ ค่อยๆทำความเข้าใจ อารมณ์ความเป็นทิพย์ เป็นผลของสมถะ ความแจ่มใส เป็นผลชั่วคราวของวิปัสสนาญาณ (เป็นกรณีไป) อาการความเป็นทิพย์ จะเริ่มเกิด อารมณ์ จิตจะต้องอยู่ในระดับ อุปจารสมาธิ ขั้นกลาง ( จะมีอาการ ขนลุก น้ำตาไหล กายโยก ตัวลอย กายพอง อาการใดอาการหนึ่ง ไม่เสมอกันทุกคนนะ) ความเป็นทิพย์ ในขั้นแรก ถ้ากำลังยังอ่อน จะมีแค่ ความรู้สึกทางใจ เหมือนฝัน เหมือนนึก จนคิดว่า เราอุปทานไปหรือเปล่า นี่นิวรณ์กินแล้ว ถ้ากำลังใจแข็ง ก็จะเห็นเป็นภาพในใจ เหมือนดูหนัง ดูทีวี (นิวรณ์ กับ สมาธิ ก็เหมือนเด็กสองคนเล่นกระดานหก) ถ้ามีนิวรณ์ สมาธิไม่เกิด
คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Tanunchapat<!-- google_ad_section_end --> อ้อ ..มีแซว ..บางส่วนของคำถาม ที่เหลือจะส่งให้ ต้องลองดูก่อนนะ ไม่เป็น ที่ลงเพราะเห็นว่า มีประโยชน์ แบบตาสี ตาสา
เรื่อง เจ้ากรรมนาย<st1ersonName ProductID="เวร นะ" w:st="on">เวร นะ</st1ersonName> <O
กรรม (ผลของการกระทำทั้งดี และเลว )แต่จะพูดในด้านลบนะ กรรมที่เราจะให้ผลเรา มี ๒ อย่างนะ คือกฎของกรรม อันนี้เราหลบยาก และเจ้ากรรมนาย<st1ersonName ProductID="เวร คือ" w:st="on">เวร คือ</st1ersonName> ผู้ที่เราเคยล่วงละเมิด ไว้ในกาลก่อน ด้วย กาย วาจา ใจ เราเกิดมาแล้วนับภพนับชาติไม่ถ้วน ฉะนั้นเจ้ากรรมนาย<st1ersonName ProductID="เวร เราจีงมีมาก" w:st="on">เวร เราจีงมีมาก</st1ersonName> ใช้หนี้ชาติเดียวไม่หมดนะ อย่าประกาศตัวใช้หนี้ ล่ะ เดี้ยงเลย เจ้ากรรมนายเวรเรา จึงมีทั้ง สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา พรหม บางสภาก็ให้ผลเราไม่ได้ บางสภาวะ ก็ให้ผลเราได้ หน้าทีเรา ควรจะทำอย่างไรก็ได้ เพื่อให้ท่านอโหสิกรรมให้เรา เราทุกคน ย่อมมีเทวดาคุ้มครอง มากน้อย ขึ้นอยู่ที่คุณธรรม ท่านจะช่วยเรา ก็เพียงแค่ บรรเทา เบาบาง เท่านั้น แต่ต้องไม่เกินกฎของกรรม
การหนีกฎของกรรม และเจ้ากรรมนายเวร เป็นเรื่องไม่ยาก ถ้ามีบารมี (กำลังใจ)คือเป็นพระอริย ตั้งแต่พระโสดาบัน ขึ้นไป จะมีก็เพียงเศษกรรม แต่ก็หนักเอาเรื่อง แต่สำหรับพระอริยะ ท่านไม่หนัก ดูอย่างพระโมคคัลลา

การปฎิบัติ เรามุ่งเน้นให้ถึงแก่นของพระพุทธศาสนา การวัดผลของการปฎิบัติ ดูอารมณ์ที่มากระทบ คือกามคุณทั้ง ๕ อันมี รูป เสียง กลิ่น รส สัมพัส ทั้งดีและเลว ทั้งละเอียด และหยาบ เรามีอารมณ์หวั่นไหว กับความรู้สึกนี้บ้างไหม การปฎิบัติในขั้นแรก หวังเพียงแค่บรรเทา เบาบาง กับสิ่งเหล่านี้ เท่านั้น เนกขัมมะบารมี(การถือบวช) คือการสำรวมกาย วาจา ใจ จงกล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอ ถ้าเห็นว่าเราดีเมื่อไรเราก็เลวเมื่อนั้น (คำสอน พระราชพรหมยาน) มิได้มีเจตนา ที่จะสั่งสอน หรือติเตียนผู้ใด นักปฎิบัติด้วยกัน คือกัลยามิตรซึ่งกันและกัน เป็นเพื่อนเกิดแก่ เจ็บตาย ด้วยกัน
<O

 

ไม่เป็น ครับผม . หลับผันดี ครับ

 

การปฎิบัติ เรามุ่งเน้นให้ถึงแก่นของพระพุทธศาสนา การวัดผลของการปฎิบัติ ดูอารมณ์ที่มากระทบ คือกามคุณทั้ง ๕ อันมี รูป เสียง กลิ่น รส สัมพัส ทั้งดีและเลว ทั้งละเอียด และหยาบ เรามีอารมณ์หวั่นไหว กับความรู้สึกนี้บ้างไหม การปฎิบัติในขั้นแรก หวังเพียงแค่บรรเทา เบาบาง กับสิ่งเหล่านี้ เท่านั้น เนกขัมมะบารมี(การถือบวช) คือการสำรวมกาย วาจา ใจ จงกล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอ ถ้าเห็นว่าเราดีเมื่อไรเราก็เลวเมื่อนั้น (คำสอน พระราชพรหมยาน) มิได้มีเจตนา ที่จะสั่งสอน หรือติเตียนผู้ใด นักปฎิบัติด้วยกัน คือกัลยามิตรซึ่งกันและกัน เป็นเพื่อนเกิดแก่ เจ็บตาย ด้วยกัน

อืม...ช่วงมาฆะก้อไปบวช เนกขัมมะมา อยู่ได้10วันค่ะ ยอมรับเลยว่า มีแว่บ มีหวั่นไหวบ้างนิดส์นึง ^-^

ดีจังได้มีกัลยาณมิตรเพิ่ม ขอบคุนค่ะ(ปกติจะมีแต่คนขอเลิกคบ5555)

 

ยินดี ครับ

 

ลุงครับบบ อยากได้เอ็มลุงอริยบุตรเหมือนกันครับ อิอิ อยากถามว่าผมปฏิบัติมาถูกทางยังครับ ดูจะไม่ค่อยก้าวหน้า ทั้งที่ช่วงแรกไวเหลือเกิน

 

แล้วเราจะทำยังไงล่ะคะ ถึงจะตัดเจ้านิวรณ์ออกไปได้

 

สวัสดีครับคุณลุง พอจะสงเคราะห์ผมบ้าง ได้ใหมครับ

 

หนู rinchang และคุณ KOKOKING

เรื่อง M ให้ลุงมีเวลาหน่อยนะ จะศึกษา (ว่าเด็กไว้มากโดนซะเอง) เมื่อให้ M แล้วอย่าดื่มเกินวันละ 2 ขวดล่ะ คุณKOKOKING ติดตรงไหน ลองมาเล่ามานะ ขอละเอียดหน่อย ไม่ดู นะครับ<O
<OคุณTanunchapat<O
การตัดนิวรณ์<O
นิวรณ์มันอยู่เฉยๆครับมันมีบทบาทเพราะตัวเราเองครับ ที่ไปคิดถึงมัน<O
การฝึกสมาธิ (สมาธิจะตั้งมั่นได้ศีลต้องบริสุทธิ์การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ต้องไม่ละเมิดศีลเอง ไม่ยุยงให้คนอื่นละเมิดศีลและไม่ยินดีเมื่อคนอื่นละเมิดศีลแล้ว ศิลจะทรงตัว ต้องมีพรหมวิหาร ๔ ประจำใจ )
การทำสมาธิ ในเบื้องต้นคือการฝึกตัดนิวรณ์ วิธีเช็คว่านิวรณ์กินใจหรือปล่าว (มีหลายวิธี) ลองเอาง่ายๆ ก่อน ลองท่อง บท อิติปิโส ทั้ง ๓ ห้อง(ไม่กางตำรา ถ้าท่องไม่ได้ บทไหนก็ได้ ที่ยาวพอสมควร)ท่องในใจโดยไม่เผยอปาก ไม่กระดกลิ้น<O
เมื่อทำได้ ลองนึกท่อง หน้าเครื่องเสียง ทีวี ดูนะ ทำได้หรือปล่าว นี่ เราฝึกนะ
<O
คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->direkk<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3063312", true); </SCRIPT> ครับ เรากัลยณมิตร ด้วยกันอย่าพูดอย่างนั้น เรามาแลกเปลี่ยน ความรู้ ซึ่งกันและกัน ผมเองก็ยังไม่ดีพอครับ เรียกว่าคุยกันดีกว่า ว่าติดขัดตรงไหน ค่อยคุยกัน

http://palungjit.org/threads/ดาวน์โหลด-หนังสือ-คำสอน-พระราชพรหมยาน-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ.229837/

 

อืม....โอเคร จะลองทำดู เคยท่องบทสวดชินบัญชร ท่องไปท่องมาสลับกันเฉยเลย เราก้อ เฮ้ย...ทำไมมันวนไปวนมาไม่จบซ้ากกะที :'( ขนาดท่องโดยไม่มีสิ่งรอบข้างป่วนนะ ยังไม่รอด แล้วให้ไปท่องโดยมีสิ่งเร้า.....เฮ้อ....จะไหวมั้ยเนี่ย ช้านนนนนนน

แต่ แหมๆๆๆๆๆ ทำไมต้องตัวแดงตรงให้รักษาศีลให้บริสุทธิ์ด้วยอ่ะ ทำเอา ละอายแก่ใจเลยนะนี่55555555555 ^-^ นี่ขนาดออกตัวว่าไม่ใช่หมอดูนะ แล้วทำไมถึงเดาถูกอ่ะ

 

อิอิ ลุงรู้ทัน ว่าจะให้ลุงดูให้หน่อยนะครับบบ ก็เหมือนว่าอยู่กะที่ไม่ไปไหนอะครับ เลยไม่รู้ตัวเองถึงไหนยังไงแล้วอะครับ แต่ก็ปฏิบัติมาได้ไม่ถึง เดือนอะครับ ผมรบกวนถามลุงหน่อยนะครับว่า ถ้าได้ถึงฌาน 4 จิงๆแล้ว ต้องถอด กายทิพย์ได้ทุกคนไหมครับ แล้วผมไม่ค่อยเห็นอะไรในอุปจารสมาธิ หรือในนิมิตเลยครับ มันนิ่งไปหมดอะครับ เห็นแต่ ทรงกลม สีขาวสว่างจ้าๆอะครับ แล้วก็มีควันสีขาวจ้าๆพวยพุ่งออกมาอะครับเหมือนตัวเบาลอยไปไม่หยุดเลยครับ เป็นเพราะผมปฏิบัติที่ห้องพระที่บ้านอย่างเดียวรึป่าวครับเลยไม่ก้าวหน้าอะครับ ขอบพระคุณคุณลุงล่วงหน้านะครับบบ ผมก็อธิบายไม่ค่อยถูกอะครับขออภัยถ้าทำให้ลุงงงนะครับบบบ

 

ลุงอริยบุตรครับช่วยแนนำหน่อยนะครับทั้งทางโลกทางธรรมด้วยครับ

 

อยากทราบอะลุง ว่าเราสามารถอุทิศส่วนบุญจากการนั่งกรรมฐานให้กับเจ้ากรรมนายเวรของคนอื่นได้ไหมคะ? (ของพ่อแม่ พี่น้องคะ) เพราะพ่อแม่แกของไม่มีแรงมานั่งกรรมฐานอะคะและเราก็รู้ว่าพ่อแม่น่าจะมีเจ้ากรรมนายเวรที่จ้องจะเล่นงาน อยู่แล้ว...อยากจะช่วยพ่อแม่โดยเฉพาะแม่อะคะ
รบกวนตอบให้เข้าใจหน่อยนะคะ

 

อิอิ ลุงรู้ทัน ว่าจะให้ลุงดูให้หน่อยนะครับบบ ลุงเคยลงอ่างมาก่อนหนู ครับ ก็เหมือนว่าอยู่กะที่ไม่ไปไหนอะครับ เลยไม่รู้ตัวเองถึงไหนยังไงแล้วอะครับ แต่ก็ปฏิบัติมาได้ไม่ถึง เดือนอะครับ ดีแล้ว พระท่านว่า วิริเยนะ ทุกขะมัจเจติ คนจะล่วงทุกข์ได้ ด้วยความเพียร ผมรบกวนถามลุงหน่อยนะครับว่า ถ้าได้ถึงฌาน 4 จิงๆแล้ว ต้องถอด กายทิพย์ได้ทุกคนไหมครับ อยู่ที่วางอารมณ์ เหมือนเราเลือกทางเดิน สุกวิปัสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิภิทัปปัตโต ถ้าฌาณ ๔ อย่างหยาบ จิตจะเด้งออกเอง (เอกคตา )เราต้องการ ถ้าฌาณ ๔ ละเอียด เป็นฌาณใช้งาน(อุเบกขา) แล้วผมไม่ค่อยเห็นอะไรในอุปจารสมาธิ หรือในนิมิตเลยครับ มันนิ่งไปหมดอะครับ ไม่ครับ ถ้าอยากเห็น ต้องวางอารมณ์ให้ถูก คุณต้องกำหนดนิมิตกสิน เห็นแต่ ทรงกลม สีขาวสว่างจ้าๆอะครับ แล้วก็มีควันสีขาวจ้าๆพวยพุ่งออกมาอะครับเหมือนตัวเบาลอยไปไม่หยุดเลยครับ ปิติใกล้ ปฐมฌานแล้ว เป็นเพราะผมปฏิบัติที่ห้องพระที่บ้านอย่างเดียวรึป่าวครับเลยไม่ก้าวหน้าอะครับ ไม่เกี่ยวครับ คุณจะกินข้าวที่ใหน ก็อิ่มเหมือนกัน อยู่ที่กำลังใจ ขอบพระคุณคุณลุงล่วงหน้านะครับบบ ผมก็อธิบายไม่ค่อยถูกอะครับขออภัยถ้าทำให้ลุงงงนะครับบบบ<!-- google_ad_section_end --> โมทนา ครับ เวลาทำอย่าอยาก ทำจิตให้สบาย อย่าเคลียด ท่าใหนก็ได้ ไอ้ ท่ามากมันหากินยาก
คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ainteerati<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3063875", true); </SCRIPT> ว่ามาเลยครับ ทางโลกผมเบื่อ เอาทางธรรม ดีกว่า

สุขทางโลก เหมือนเรากินอ้อย จากโคนมาหาปลาย
สุขทางธรรม เหมือนเรากินอ้อย จากปลายมาหาโคน

 

ขอบพระคุณคุณลุงมากครับ ไอ้ผมก็หลงตัวเองนึกว่าได้ฌาน4แล้ววอิอิ จะเร่งปฏิบัติครับบบบ

 

อยากทราบอะลุง ว่าเราสามารถอุทิศส่วนบุญจากการนั่งกรรมฐานให้กับเจ้ากรรมนายเวรของคนอื่นได้ไหมคะ? (ของพ่อแม่ พี่น้องคะ) เพราะพ่อแม่แกของไม่มีแรงมานั่งกรรมฐานอะคะและเราก็รู้ว่าพ่อแม่น่าจะมีเจ้ากรรมนายเวรที่จ้องจะเล่นงาน อยู่แล้ว...อยากจะช่วยพ่อแม่โดยเฉพาะแม่อะคะ
รบกวนตอบให้เข้าใจหน่อยนะคะ<!-- google_ad_section_end -->
ได้ครับ ถ้าเจ้ากรรมนายเวรท่านยอมรับ อุปมาเหมือน คุณพ่อ คุณแม่ ของคุณ ไปตีหัวเขา ไปฆ่าเขา ไปละเมิดเขา แล้วให้คุณไปขอ ขมา ขึ้นอยู่ที่ท่านเจ้ากรรมนายเวร ครับ บางครั้งการขอ ขมา ด้วยตัวเองก็ยังไม่เป็นผล เพราะท่านไม่ยอมรับ ขึ้นอยู่กับท่านครับ บางทีท่านรับโมทนาไปแล้ว แต่ท่านไม่ยอม ใครจะทำไม ?
ไม่มีเจตนาที่จะกล่าว ล่วงเกิน บรรพบุรุษ โมทนาในเจตนาครับ

 

อืม...จะลองทำดูนะคะที่แนะนำ เคยท่องเหมือนกันนะบทสวด โดยไม่เปิดหนังสือ ท่องไปท่องมา เอ๊ะ....ทำไมมันยาวจัง ยาวผิดปกติ ไม่จบซะที.....ออ...ก้อท่องแล้วก้อ วน แถมสลับไปมาอีก โอ้ย..กรรม.....นั่นขนาดสวดเงียบๆ คนเดียว ไม่มีปัจจัยเร้านะ แล้วนี่จะให้ไปท่องแบบมี รูป รส กลิ่น เสียง แทรก........ช้านนนนนจะรอดมั๊ยเนี่ย :'(

แล้วเรื่องรักษาศีลให้เคร่งน่ะ แหมๆๆๆๆๆๆๆๆๆไม่ต้องเน้นสีแดงหรอก เล่นเอา ละอายขึ้นมาในบัดดลเลย ^-^ ไหนว่าไม่ใช่หมอดูไง แล้วไหงถึงรู้ล่ะ

ขอบคุณในคำแนะนำค่ะ

 

ขอบคุณเจ้าคะคุณลุง....ที่นู๋ห่วงแม่นู๋ห่วงเจ้ากรรมนายเวรที่แม่ทำกับสัตว์อะคะ
ไม่มีเจตนาที่จะกล่าว ล่วงเกิน บรรพบุรุษ โมทนาในเจตนาครับ (หมายความว่างัยคะ)คุณลุงคะคุณลุงไม่ต้องก๊อปตัวหนังสือที่ท่านอื่นโพสต์ไว้โดยลงไปที่อ้างอิงอะคะแล้วประโยคที่ลุงจะตอบคำถามก็จะมาทั้งประโยคเลย

 

หนู <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->pinya<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3064298", true); </SCRIPT> คำพูดนี้ครับ อุปมาเหมือน คุณพ่อ คุณแม่ ของคุณ ไปตีหัวเขา ไปฆ่าเขา ไปละเมิดเขา แล้วให้คุณไปขอ ขมา ที่หนูแนะนำ ลุงก็หาวิธีอยู่ อ้อ ตรงนี้นี่เอง (โง่อีกแล้ว) ขอบคุณครับ
หนู <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->A.M.P<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3064552", true); </SCRIPT> จ๊ะ เพระหนูนั่นแหละ ยังจะมาพูดดี ทุกคำที่ลุงเขียน ไม่ว่ากับใคร หนูค่อยๆ อ่าน ทำความเข้าใจ ให้เห็นภาพนะ แบบคุณTanunchapat น่ะ ถ้าคำพูดของลุงมีประโยชน์ แม้นหนึ่งในล้าน ลุงก็ดีใจแล้ว คำสอนทั้งหมดไม่ใช่ของลุง เป็นของครูบาอาจารย์ ที่ท่าน สอนมา