เอ? ถ้าเราระลึกชาติได้ว่าถูกแม่หรือน้องฆ่าตาย เราจะไว้ใจใครได้อีกไหม?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 18 มีนาคม 2010.

  1. สุภาพรกิ่งนอก

    สุภาพรกิ่งนอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +1,536
    ที่ทุกท่านแนะนำมา ดิฉันขอบอกผู้ตั้งกระทู้ว่าใช่และเป็นหนทางที่พ้นทุกข์อย่างแน่นอนทั้งนั้นค่ะ แต่มีข้อแม้อยู่ว่าต้องลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังไม่ใช่ทำแบบศรัทธาหัวเต่าโผล่เข้าโผล่ออก อย่างนี้ต้องผ่านพระพุทธเจ้าอีกหลายแสนองค์<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การจะหลุดพ้นทุกข์ได้ ต้องดูที่จิตของเราเท่านั้นค่ะ สักแต่ว่าเห็น ได้ยิน แต่ไม่ปล่อยให้กระทบจิตเราพลอยทำให้ทุกข์และสุขตามไปด้วยเด็ดขาด พูดง่ายๆ ไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของผู้อื่นนั่นเอง (...จะเอ๋ แล้วก็.. บ้ายบาย ไม่ว่าทุกข์หรือสุข) <o:p></o:p>
    พอเจอทุกข์ก็เฉย พอเจอสุขก็เฉย เพราะมันไม่คงอยู่ เดี๋ยวเกิดเดี๋ยวดับ เป็นธรรมดาอยู่อย่างนั้นตลอดมาแล้วค่ะ ถ้าเราติดกับมันล่ะก็เป็นทุกข์มหันต์ค่ะ ต้องเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสารอีกนานแสนนาน <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระพุทธเจ้าเปรียบมนุษย์เป็นบัวสี่เหล่า ทุกท่านเคยทราบมาแล้วค่ะ เป็นเช่นนั้นจริงๆ ค่ะ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    มนุษย์ทุกคนมีกรรมเป็นคนของตนจริงๆ ค่ะ ที่รับกรรมทุกวันนี้ก็เป็นกรรมเก่า<o:p></o:p>
    นี่ขนาดยังไม่นับกรรมใหม่ที่ทำอยู่อีกนะคะ เพราะฉะนั้น ในแต่ละวินาที ต่อแต่นี้ไปพยายามทำกรรมดีค่ะ ส่วนกรรมเก่าก็ใช้ไป <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การให้อภัย เป็นการทำบุญที่ได้บุญมากที่สุดในประเภททาน มี 4 อย่างค่ะ สังฆทาน ธรรมทาน วิหารทาน และอภัยทาน แต่ว่าทำยากค่ะ หากว่าอยากจะพ้นทุกข์จิตก็ต้องฝึก อย่าไปทำเอาวันที่จะตายไม่มีประโยชน์เลย ช้าไปแล้ว<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การรักษาศีลก็เป็นบุญอีกประเภทที่สูงกว่า ทาน 4 อย่าง ทุกท่านทราบค่ะ แต่จะให้ดีต้องเพิ่มพรหมวิหารสี่ (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ) เข้าไปด้วย รับรองล้านเปอร๋เซ็นต์ว่าจิตท่านจะสงบขึ้นกว่านี้เยอะค่ะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    บุญที่สูงที่สุด ก็คือ การปฏิบัติกรรมฐาน นั่นเอง ทุกท่านในที่นี้ก็ทราบใช่ไหมคะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จริงอยู่ เห็นอยู่ว่าใครบ้างที่เป็นทุกข์ นั่นเป็นเพราะกรรมค่ะ เราเองก็ได้แต่ทรงพรหมวิหารสี่ไว้ค่ะ จิตไม่น้อมเข้าไปในทุกข์นั้น เพราะกรรมนั้นรับโทษแทนกันไมได้ ใครทำใครรับค่ะ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หากท่านเจ้าของกระทู้พอจะมีบุญอยู่บ้าง จิตก็จะร่มเย็นได้ไม่ยากค่ะ ลองลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังดูสิคะ เพราะความรู้ที่เราทนงตัวว่ารู้อยู่นี่ ที่แท้เป็นอวิชชาล้วนๆ ค่ะ<o:p></o:p>
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ใจเย็นๆครับ

    อย่า ทึกทัก อะไรไปเอง

    สรุป แบบ นึกไปเองคิดไปเอง เป็นบาปกับตน
     
  3. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ยังงัยท่านก็เป็นบุพการีของเรา อโหสิกรรมให้ท่านเถอะครับ เพราะช่วงเวลา ๙ เดือนที่ท่านอุ้มตัวเราอยู่นะครับ ท่านเองก็ไม่ค่อยสบายกายสักเท่าไรหรอกครับ ไหนจะแพ้ท้อง กินอันนั้นไม่ได้ ทานอันนี้ก็อวกนะครับ ยิ่งตอนคลอดนะครับ ตัดสินเลยนะครับว่าแม่จะอยู่รึตายไหม ??????? ครับ ( ไม่เชื่อลองมีท้องดู = จขกท....พูดมันพูดง่าย อะไรก็มีเหตุผลทั้งนั้นแหละ
    แต่ลองโดนเองบ้างสิ แล้วจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่โดน )

    อีกอย่างถ้าระลึกชาติย้อนไปก่อน ชาติที่ท่านฆ่า เราเองก็จะรู้ว่าเราไปทำอะไรท่านไว้นะครับ หรือถ้าระลึกแล้วไม่เจอเหตุการณ์ ก็ต้องอโหสิกรรมให้ท่าน(แม่)

    พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงสอนให้พวกเราๆๆ ทั้งหลายว่า เวรระงับด้วยการไม่จองเวร นะครับ

    ส่วนเรื่องไว้ใจ ก็อย่าไปคิดมากเลยนะครับ ไม่ดีกับตัวท่านเองนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มีนาคม 2010
  4. Konbarb

    Konbarb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +206
    เก่งนะครับที่สามารถระลึกชาติได้และรู้ว่าอะไรเป็นอะไร คนมากมายอยากทำได้บ้างแต่ก็ไม่เห็นจะมีใครทำได้สักกี่คน แต่ทำไมไม่ใช้ความเก่งให้เป็นประโยชน์ เอามาเป็นเจ้าเครียดเจ้าแค้นทำไม ไม่กล้าไว้ใจแม้แต่แม่ตัวเองแล้วตอนนี้ยังอาศัยอยู่กับแม่หรือเปล่า ถ้ายังอยู่แนะนำให้เก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านไปได้แล้ว ยังจะดื้อด้านทนอยู่กับท่านทำไม ไม่ต้องไปคิดถึงบุญคุณที่ท่านอุ้มท้องมาหรอก ข้าวน้ำที่ท่านป้อนให้กินกันตายตั้งแต่ยังเด็กก็ไม่ต้องไปสนใจ เก่งแล้วนี่ ออกไปสู้ชีวิตเองสิครับ แล้วเวลาที่คุณมีลูกแล้วลูกคุณคิดกับคุณแบบนี้ รีบหาคำตอบไปบอกลูกตัวเองได้แล้วว่าที่คุณฆ่าเขาเมื่อชาติที่แล้วลูกไม่ต้องยกโทษให้แม่หรอกเพราะแม่แบบคุณนี่ไม่มีใครช่วยให้พ้นนรกแห่งความแค้นจากชาติที่แล้วได้หรอก ตราบใดที่ยังเห็นผิดๆแบบนี้
     
  5. ชลธร

    ชลธร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +51
    ง่ายๆเลยนะ"เค้าเลวก็อย่าไปเลวตามเค้า"

    เหมือนเห็นเพื่อนสอบตกแล้วอยากจะสอบตกแบบเพื่อนรึปล่าวล่ะ

    เป็นเจ้ากรรมนายเวรนี่เหมือนจะดีนะ

    ได้เป็นเจ้าหนี้เขา แต่ถามว่าเป็นแล้วได้อะไรบ้าง?

    หนีทุกข์ได้รึปล่าว อย่าไปจมอยู่กับมันดีกว่า

    ผู้ให้ชีวิตเราคือใคร? ถ้าไม่มีพ่อแม่เราจะได้เกิดมาไหม?

    แต่เรื่องแบบนี้มันก็ต้องพิจารณาด้วยตัวท่านเอง.
     
  6. เดือนยี่

    เดือนยี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    783
    ค่าพลัง:
    +1,377
    ถ้าระลึกชาติได้แล้วทำให้ตัวเองรู้สึกเจ็บปวด ก็ขอเป็นคนปกติดีกว่า ทำทุกๆวันให้มีค่าที่สุดก็พอ พ่อ แม่ก็คือพระของเรา ถ้าเป็นเรา เราจะไม่รู้สึกอะไรนอกจาก ความรักที่มีให้อย่างไม่มีเหตุผล ทำทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ บุญคุณพ่อแม่ไม่มีวันใช้หมดหรอกค่ะ ความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ อย่าโกรธกันนะค่ะ
     
  7. OddyWriter

    OddyWriter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +977
    ผมว่ามันเป็นเพียงอดีตที่ผ่านไปแล้ว และทำอะไรไม่ได้แล้วนะครับ

    ถ้าระลึกชาติได้ แล้วเจอเรื่องแบบเจ้าของกระทู้ ผมก็คงอโหสิให้กับคนที่เคยกระทำเรา เพราะมันผ่านไปแล้ว ในชาตินี้เจ้าตัวเขาเองก็คงไม่รู้เรื่องด้วย

    นับว่าผู้ที่ระลึกชาติได้แล้วเจอเรื่องแบบนี้ในการระลึกชาติเป็นผู้โชคดีนะครับ เพราะมีโอกาสที่จะได้ทำอภัยทานกับผู้ที่ฆ่าเรา

    จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสได้ให้อภัยกับผู้ที่ฆ่าเราครับ

    สำหรับเรื่องการไว้ใจใครได้อีกหรือไม่

    ลองพิจารณาประโยคนี้ดีไหมครับ

    "ถ้าเรารักษาธรรมะ แล้วธรรมะจะรักษาเราเอง"
     
  8. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351
    เออ ก็อย่างที่ จขกท.เค้าว่านะ


    ไม่เจอกับตัวเอง...ไม่มีทางรู้หรอก


    ลองเกิดขึ้นกับตัวเองสิ


    จะพูดคำว่า อโหสิกรรม...ได้เต็มปากอยู่อีกรึเปล่า
     
  9. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351
    เอ่อ...แล้วถ้าคิดจะตอบโต้กลับด้วยถ้อยคำหรืออะไรก็ตามทั้งปวง


    ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า...




    อย่าได้แคร์
     
  10. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    ถ้าถึงขนาดระลึกชาติได้จริง น่าจะแวะลงไปดูในนรกซะหน่อยน๊ะว่าเค้าอยู่กันอย่างรัย
    มันร้อนมั๊ย ไฟโทสะที่เผาผลาญก็ไม่ต่างจากไฟนรกหรอกน๊ะ ถ้าแวะได้ก็ลองแวะ
    ไปดูน๊ะครับ กรรมที่ทำกันไปๆมามันจบง่ายๆด้วยคำว่า อโหสิกรรม แต่ถ้าทำไม่ได้
    ก็ผูกกรรมกันต่อไปภพชาติหน้า ถ้าระลึกชาติได้จริงหลายๆชาติก็อาจจะมีชาตินึงที่เรา
    ไปทำร้ายเค้า แต่จะให้พาไปดูก็คงไม่มีปัญญาได้แต่คาดเดาความน่าจะเป็นให้เท่านั้น
    เพราะกรรมนั้นมันยุติธรรมเสมอ เมื่อคุณทำกรรมในชาตินี้ อย่างแรกคือนรกในใจที่
    เกาะกิน ถ้าโดนกฎหมายบ้านเมืองเล่นงานก็เข้าคุก พร้อมกับไฟนรกที่จะฉุดดึงลงนรก
    เวลาจิตดับ.....อโหสิกรรมเถอะ ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้วจริงๆ
     
  11. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    [​IMG][​IMG]

    ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1247293388.jpg
      1247293388.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.9 KB
      เปิดดู:
      238
  12. somsannannom

    somsannannom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,626
    นี่หละคือวิสัยผู้เสพความตาย เก็บความแค้น ความหวาดระแวงไว้เป็นพลัง
    เปลี่ยนให้เป็นเปลวไฟเผาใหม้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบข้าง
    ขนาดชาติที่แล้วยังหวาดละแวง ผู้คนในชาตินี้อย่าหวังว่าจะไว้ใจใคร
    ถ้าตรามารปรากฎขึ้นที่แขนเจ้าเมื่อไหร่ ให้รู้ว่าข้าจะได้พื้นคืนอำนาจและจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

    บักหลอด
     
  13. ดั่งมายา

    ดั่งมายา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +51




    เอาอย่างนี้นะคะ ลองไปศึกษาดูพุทธประวัติดูบ้างก็ดี จะยกตัวอย่างให้เพียงเล็กน้อยค่ะ.
    พระพุทธเจ้าของเรา พระองค์ทรงทราบว่าพระเทวทัต จะเข้ามาทำให้สงฆ์แตกแยกในอนาคต และในอดีตพระเทวทัตก็เคยผูกเวรกรรมกับพระองค์ มามากมายนับชาติไม่ถ้วน... พระองค์ทรงทราบล่วงหน้าว่าพระเทวทัตจะต้องตกมหานรกอเวจี แต่ก็ยังทรงอนุญาติให้พระเทวทัต บวชได้ เพราะเล็งเห็นด้วยญาณวิถีว่าพระเทวทัตจะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาลข้างหน้า หลังจากที่พ้นจากมหานรก และนรกขุมย่อย อีกทั้งยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนับไม่ถ้วนแต่ก็จะได้เป็นพระพุทธเจ้า.. แต่หากไม่ให้บวชในพระพุทธศาสนาในตอนนั้น ก็จะต้องตกมหานรกนับชาติไม่ถ้วน ไม่มีโอกาสได้เป็นพระพุทธเจ้า.ต้องทนทุกข์ทรมานชั่วกัปล์ชั่วกัล ไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยเหตุผลเพราะ คำว่า เมตตา ให้อภัย เล็งเห็นประโยชน์ของผู้อื่นจึงสงเคราะห์ ทั้งที่รู้ล่วงหน้าว่า พระเทวทัตจะมาทำร้ายพระศาสนา และ พระองค์เอง . พระองค์ทรงมองเห็นอนาคต เหตุที่ยังไม่เกิด แต่ก็ทรงเมตตาพระเทวทัตให้บวช แต่คุณแค่เห็นอดีตเหตุที่เกิดไปนานแล้ว แก้ไขไม่ได้ แต่ก็ทุขทรมานกับมันเพราะอาฆาตแค้น มันก็น่าอายอยู่ ทำใมไม่ลองนึกกลับด้านว่า " เอ แล้วคนที่เขาทำกับเราอย่างนี้ตอนนี้ ไปทุกทรมานที่ใหน รับกรรมอย่างไร มองลงไปให้ลึกๆ แล้วคุณก็จะเห็นว่าคนที่เขาทำกับคุณอย่างนี้ จะต้องได้รับอย่างนี้ มันจะน่าสงสารคนที่เขาทำคุณมากกว่านะคะ" เพราะเหตุแห่งการไม่รู้ ก็นำพาคนผู้มีจิตอาฆาตทำร้ายผู้อื่นให้ต้องไปทุกข์เวทนาอย่างนั้น การมองว่าตนเป็นผู้ถูกทำร้ายเพียงข้างเดียวนั้นย่อมไม่ถูกค่ะ เพราะเมื่อใดที่มีคนต่อยคุณ มือที่ต่อยคุณก็เจ็บ. เมื่อมีคนฆ่าคุณ นรกในใจของคนคนนั้นก็เกิดแล้ว อีกทั้งยังต้องหลบหนีกฏหมายอาญาอีก รับกรรมทั้งทางโลกและทางธรรม ส่วนฝ่ายที่ถูกกระทำเมื่อไม่อาฆาตพยาบาทผูกเวรก็หลุดพ้นไปอีกกระทงค่ะ


    พระรัตนตรัยเ ป็นที่พึ่งที่ระลึก กำจัดภัยได้จริง
    ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน สาธุ
    ดั่งมายา
     
  14. simnonglek

    simnonglek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +107
    เรียนท่าน จขกท.
    ท่านจะอโหสิกรรมหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ท่าน ดิฉันขอเล่าเรื่อง2เรื่อง ที่เป็นเรื่องของการจองเวร ฝากให้ท่านพิจารณา
    ชาติก่อนขององคุลิมาลก่อนที่จะเป็น อหิงสกะ หรือ องคุลิมาลในชาติปัจจุบัน ท่านเคยเกิดเป็นโคถึกที่มีพละกำลังมหาศาล และได้ไปบุกรุกทำลายทรัพย์สิน ที่นา และสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก ชาวบ้านเลยวางแผนกันจับโคถึกตัวนี้ ในที่สุดก็สามารถจับได้และได้ฆ่าโคถึกตายในที่สุด ก่อนโคถึกจะตายได้ผูกใจเจ็บจองเวรชาวบ้านทุกคนที่มีส่วนวางแผนและลงมือฆ่าตน ในชาติที่เป็นองคุลิมาล ท่านก็เป็นโจรฆ่าคนจำนวนมาก ซึ่งคนที่ท่านฆ่าก็คือชาวบ้านที่เคยฆ่าท่านในชาติก่อนและก็มาถึงคนสุดท้าย(คนที่หนึ่งพัน) ก็คือมารดาในชาติปัจจุบันของท่าน ซึ่งมารดาของท่านในชาติก่อนเป็นหนึ่งในชาวบ้านที่ร่วมวางแผนฆ่าโคในตอนนั้น ถ้าหากพระพุทธเจ้าไม่ได้มาเสด็จมาห้ามก่อน ท่านคงจะทำกรรมหนักคือฆ่ามารดาของตัวเอง (ปิตุฆาต มาตุฆาต เป็น อนันตริยกรรม) ผลของอนันตริยกรรมเป็นอย่างไรลองศึกษาดู
    อีกเรื่องเป็นเรื่องของภิกษุท่านหนึ่งในสมัยที่พระพุทธเจ้ายังอยู่ (จำชื่อไม่ได้ต้องขออภัยด้วย) ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว วันนึงท่านได้เข้าไปในป่าและถูกแม่โคขวิดตาย ซึ่งแม่โคในชาติก่อนคือหญิงโสเภณีที่ท่านได้ข่มขืนและฆ่าในที่สุด ก่อนตายหญิงโสเภณีได้ผูกใจเจ็บจองเวร เมื่อครั้นได้เป็นแม่วัวและเห็นท่านก็ทำร้ายท่านจนถึงแก่ความตาย ซึ่งแม่วัวตัวนี้ก็ได้รับกรรมหนักสุดแสนทรมานไปนานแสนนานเพราะทำร้ายพระอรหันต์
    ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะการจองเวร พระพุทธเจ้าเห็นภัยของการจองเวรจึงเมตตาสั่งสอนไม่ให้สัตว์โลกจองเวรกัน ฝากท่าน จขกท.พิจารณาเอาเอง เพราะถึงแม้100คนจะขอให้ท่านให้อภัยแต่ถ้าท่าน1คนยืนยันจะไม่ให้อภัย ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ถึงแม้100คนจะขอให้ท่านจองเวร แต่ถ้าท่าน1คนยืนยันจะอโหสิกรรม ก็สุดแล้วแต่ท่าน ใครก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
    สุดท้าย ขอฝากคำกลอนบทนึงที่ดิฉันจะใช้เตือนใจตัวเองเสมอ
    " จงเตือนตนของตนให้พ้นผิด
    ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
    ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน
    ตนแชเชือนไม่เตือนตนให้พ้นภัย "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2010
  15. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351
    ก่อนจะสอนใคร...ให้สอนใจตัวเองก่อนเถิดหนา
     
  16. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    :boo:หนูก็เคยลำบากแบบนี้ ตั้งแต่เกิด จนอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้านรกที่หนูเห็นเป็นแบบนี้ มีไฟร้อนเผา ชีวิตตอนนี้ก็ไม่แตกต่างจากการตกนรกเลย แต่เป็นการตกนรกทั้งเป็น หนูโกรธแม่มาก ถึงขนาดเวลาคนถามถึง หนูจะบอกว่า แม่ตายแล้ว ทั้งๆที่ท่านยังอยู่ หนูคิดและโทษท่านเสมอว่า เพราะท่านหนูถึงได้ลำบากแบบนี้
    ตั้งแต่เข้าวัด บวชชีพรามณ์ ทำให้หนูเข้าใจ ว่าเมื่อมีผลก็ต้องมีเหตุ
    หนูกลับมาดูแลแม่ได้ ก็ตอนที่ท่านป่วย เป็นอัมพฤก และเบาหวานจนตัดขาทิ้งและ แม้หนูจะดูแลท่าน แต่ท่านก็ยังรักลูกชาย เงินทอง ท่านก็ให้แต่พี่ชาย คิดถึงแต่พี่ชายแม้พี่ชายจะมีครอบครัวไปแล้วก็ตาม ลูกพี่ชาย ยังดูถูกหนูมากเลย เพราะ พ่อเค้าคือพี่ชายหนูไม่ได้เรียน(เพราะมีลูกก่อน) พยายามกีดกันหนูไม่ให้เรียน แล้วก็บอกลูกว่าหนูเนี้ยจะไม่ได้เรียน ที่หนูรู้เพราะ ลูกพี่ชาย มาบอกแบบสมน้ำหน้า เย้ยหนูว่าหนูนะจะเรียนได้แค่ป.6เท่านั้น หนูยอมรับว่าแค้นใจมาก
    หนูกัดฟันหาเงินเรียน ได้ทานข้าววันละมื้อ(บางวัน ก็ไม่มีกิน) พี่ชายบอกว่า"จะเรียนไปทำไม ถ้าเลิกเรียนมาทำงาน เฮียจะให้เงินเดือน" คนอย่างหนูยอมตาย ไม่ยอมเลิกเรียน ก็เลยทำให้พี่ชายเกลียด หาเรื่องมาตลอด
    ปัจจุบัน พี่ชายก็ให้หนูช่วยสอนการบ้านลูกชายเค้า (คนที่เคยหัวเราะ เย้ยหนูว่าความรู้แค่ป.6นั้นละ) ตอนนี้เค้ากลับมาถาม คณิตศาสตร์ หนู เพราะลูกพี่ชายอ่อนคำนวณมาก ในขณะที่หนูชอบ และถนัด ซึ่งหนูก็ได้แนะนำหนังสือ(ที่หนูไม่มีปัญญาซื้อ ได้แต่ไปยืนอ่าน)หนูโกรธไหม แน่นอนตอนนั้นโกรธ แต่ตอนนี้ไม่โกรธแล้ว ถ้าเค้าให้ติว หนูก็คงติวให้
    วันนี้หนูก็ยังทำงาน หาเลี้ยงตัวเอง แม้พี่ชาย รวมถึงลูกชายเค้าจะทำตัวราวกับเศรษฐี โดยเฉพาะลูกชาย ที่อยากได้อะไร เป็นต้องได้ กินแต่ของแพงๆ ในขณะที่หนูทานวันละ1มื้อ ขนม ไอติม ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ไม่กิน ถึงจะทำงานมีเงิน หนูก็ไม่ใช้ บอกตัวเองเสมอๆว่าจะเก็บเงินนี้ไว้เรียน อยากได้หนังสือใจแทบขาดก็ไม่ซื้อ แต่ตอนนั้น ไม่มีเงินซื้อหนังสือเรียนจริงๆ จึงกลำกลืน ขโมยหนังสือเรียน(รวมถึงรองเท้า) หนูไม่ได้อยากทำแต่ถูกภาวะจำเป็นจริงๆ ตอนนี้เลิกขโมยทุกอย่างแล้ว เพราะ มีพี่ชายใจดี คือพี่จิรเดช ได้ช่วยเหลือหนูทำให้หนูมีอาหารทาน วันละมื้อ หนูเลยสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี เลิกขโมย และจะตั้งใจเรียน ตอนนี้หนูมีงานพิเศษที่ทำประจำแล้ว ก็จะซื้อของไปให้แม่ แม่อยากได้อะไร หนูก็ซื้อให้นะคะ แต่แม่ที่ป่วยก็ไม่ได้เห็นความดีหนูสักเท่าไหร ท่านเอาแต่ใจ อยากได้อะไรต้องได้เดี๋ยวนั้น หนูขายน้ำมันขวด ท่านหิวน้ำก็สั่งให้เอามาให้ ท่านไม่ยอมรอเลย กลับบ้าน หนูเหนื่อยมาก ทั้งทำงานหาเงิน วันนั้นหนูเป็นไข้ ท่านอยากอาบน้ำ หนูก็ต้องทำ อุ้มท่านไปอาบน้ำ ทั้งๆที่ จะยืนยังลำบาก แม่ไม่สนใจเลย ท่านคิดแต่ ท่านสบาย พอลูกชาย มากับหลายชาย ท่านดีใจ แจกเงิน(หนู ทั้งเรียน ทั้งทำงาน ต้องซื้อของให้ท่าน ท่านไม่รู้หรอกว่าหนูเหนื่อยแค่ไหน ของที่หนูให้แม่ แล้วแม่ให้ลูกชาย ความรู้สึกหนู จะเป็นอย่างไร)
    แต่หนูก็ไม่ได้เก็บมาคิด ทำดีต่อไปจนวันหนึ่ง หนูถูกล๊อตเตอรี่(ไม่ได้จะซื้อ แต่เค้ามาส่งให้ )หนูจึงจำใจจ่ายไป แล้วมันก็ถูก ได้งินไม่มาก เท่ากับที่หนูเคยขอ(ตรงๆกับเสด็จปู่)หนูมีเงินซื้อหนังสือแล้ว:cool: หนูไปซื้อหนังสือ ชีววิทยา ,คณิตศาสตร์, ภาษาอังกฤษ ฟิสิกส์ ในส่วนเนื้อหาและ ข้อสอบ วิชาเฉพาะแพทย์ ของปีที่ผ่านๆมา ท่านผู้รู้คงรู้สึกเฉยๆ แต่วันนั้นหนูมีความสุขที่สุดเลย หนูอยากมีหนังสืออ่านแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ขอบคุณ เสด็จ ปู่ ร.5 มากเลยที่ใหเงินหนู ^^ ความสุข พูดตรงๆก็หาง่ายนะ
    หวังว่าพี่จะ เลิกสนใจอดีต หันมามองปัจจุบัน หนูรู้ว่ามันยาก หนูไม่ได้ห้ามพี่คิด แต่อยากให้พี่คิดถึงเรื่องตัวเองดีกว่า อนาคต ความสุขที่รออยู่ เวลาพี่ตาย พี่ก็ตายคนเดียว เพราะฉะนั้น ใช้เวลาทีมีน้อยนิด ทำให้ตัวเองมีความสุขดีกว่า อย่าเอาสิ่งอื่นมาทำให้ทุกข์เลย มันไม่คุ้มเลยคะ
    ถ้าหนูเขียนอะไรให้พี่ไม่พอใจ หนูขอโทษด้วยนะคะ ก็เหมือนที่พี่บอก ไม่เจอเองก็ไม่รู้ แต่หนูอ่านที่ทุกคนเขียนถึงพี่ เค้าไม่เข้าใจพี่หรอก แต่สิ่งหนึ่งที่หนูสัมผัสและรับรู้ได้ คิดว่าพี่ก็รู้นะ คือทุกคนหวังดี อยากเห้นพี่ปล่อยวางความทุกข์ หนูก็หวังจะเห้นพี่มีความสุขด้วยเมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2010
  17. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    เราควรอยู่กับปัจจุบัน นาทีนี้ วินาทีนี้ครับ อดีต เรากลับไปเเก้อะไรไม่ได้เเล้ว เเต่เราทําปัจจุบันนี้ให้ดีได้ครับ ปัจจุบันดี อนาคตย่อมดีเเน่นอนครับ อย่าไปยึดติดกับความหนหลังเลยครับ เจริญในธรรมครับ
     
  18. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,199
    ค่าพลัง:
    +3,381

    ลอร์ดโวลเดอร์มอร์ น่ากัวมากค่ะ :cool::boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2010
  19. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    ในวัฏฏะอันยืดยาว ผู้ที่ไม่เคยเกิดเป็นญาติกันไม่มีเลย เราจึงได้ทำกรรมดีกับกรรมชั่วพัวพันกับทุกคนอยู่แล้ว บางชาติก็ทำดีต่อกัน บางชาติก็อาจทำเลวร้ายต่อกันก็ได้ สุดแท้แต่วิบากกรรมจะพัดพาไป ในสมัยพุทธกาลก็มีตัวอย่างแบบนี้เหมือนกันครับ
    เรื่องมีอยู่ว่า พระกลุ่มหนึ่งหลังจากรับฟังโอวาทจากพระพุทธองค์แล้ว ก็จาริกออกไปแสวงหาที่วิเวกที่เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ได้ไปจำพรรษาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งมีอุบาสิกาผู้ใจบุญท่านหนึ่งได้รับอุปัฏฐากพระกลุ่มนั้น ซึ่งอุบาสิกานั้นได้ฟังเทศน์จนได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีพรั่งพร้อมด้วยอภิญญา แต่พระภิกษุกลุ่มนั้นกลับไม่มีผู้ใดสำเร็จธรรมในชั้นใดๆเลย อุบาสิกาได้สำรวจว่าเหตุใดหนอ ภิกษุผู้เป็นอาจารย์ทั้งหลายจึงไม่บรรลุธรรมใดเลย ทราบว่าเป็นอาหารและสิ่งแวดล้อมไม่เป็นสัปปายะ เกิดความไม่สบายกายสบายใจ ทำให้ปฏิบัติธรรมไม่ได้ผล อุบาสิกาท่านนั้นจึงถวายอาหารและสิ่งต่างๆให้เป็นสัปปายะแก่พระแต่ละรูป ไม่นานผลการปฏิบัติธรรมก็ก้าวหน้าจนเป็นพระอรหันต์ด้วยกันทั้งหมด แต่มีพระรูปหนึ่งได้ปฏิบัติธรรมจนสามารถระลึกชาติได้ ระหว่างที่ระลึกย้อนไปก็พบว่าอุบาสิกาท่านนี้เคยเป็นภรรยาที่ท่านรักมาหลายภพหลายชาติ แต่เมื่อระลึกย้อนไปยังชาติหนึ่งก็เห็นว่าอุบาสิกาที่เป็นภรรยาท่านในชาตินั้นได้เคยฆ่าท่านตายเพราะเหตุอย่างหนึ่ง ทำให้เกิดความกินแหนงแคลงใจนึกรังเกียจอุบาสิกาท่านนี้ จิตก็เริ่มตกต่ำ อุบาสิกาท่านนี้ทราบวาระจิตของพระรูปนั้น จึงบอกให้พระรูปนั้นระลึกย้อนไปอีกชาติก็พบว่า อุบาสิกาท่านนั้นได้เคยช่วยชีวิตท่านไว้ ความกินแหนงแคลงใจก็หมดไป ใจก็กลับมาผ่องใสเมื่อปฏิบัติธรรมต่อไปไม่นานก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
    จากตัวอย่างจะเห็นว่า ชาติหนึ่งอาจเคยทำร้ายกันไว้ แต่บางชาติก็อาจอุปการะกันมา จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นกับเรื่องพวกนี้ ให้ระลึกถึงแต่ความดีของคนอื่นก็พอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2010
  20. สุภาพรกิ่งนอก

    สุภาพรกิ่งนอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +1,536
    หากท่านผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติแล้วได้จริง จิตของท่านเหล่านั้นจะสงบเย็นค่ะใครอยู่ใกล้ก็สัมผัสได้ใช่ไหมคะจะเหมือนมีอานุภาพแห่งความเมตตานั้นแผ่มาถึงเราด้วยเช่น พระที่เป็นเนื้อนาบุญ พระอริยบุคคล ยังไงละคะffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ยิ่งหากคนอย่างเราๆ ปฏิบัติจนถึงขั้นที่ระลึกชาติได้ด้วยแล้วล่ะก็ จิตมีแต่จะสงบค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...