ทาน"ยาประดง"ท่านใดมีประสบการณ์ว่าหายจากโรคร้ายบ้างครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย momแข็งแรง, 2 เมษายน 2010.

แท็ก: แก้ไข
  1. momแข็งแรง

    momแข็งแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +214
    เช่น โรคมะเร็ง ช่วยเล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ ขอขอบคณล่วงหน้าครับ:cool:
     
  2. momแข็งแรง

    momแข็งแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +214
    โอ้ผมอธิบายไม่ชัดเจนเองต้องขออภัยด้วยครับ ไม่ใช่ประดงเลือดครับท่านจิ-โป แต่เป็นยาประดงที่ขายในวังสวนจิตรผลิตโดยกรุงเทพทิพโอสถนั่นเองครับ ตามลิ้งค์ล่างนี้ครับที่ผมโพสถามในห้องนี้เพราะว่ายาตัวนี้ลึกลับสมชื่อห้องเลยครับ

    http://www.marinerthai.com/bkt/vimarn.htm

    http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2006/05/J4371481/J4371481.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2010
  3. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    ไม่เคยได้ยินน่ะครับ ผมว่าเอาไปถามแพทย์เฉพาะทางดีกว่านะ
     
  4. momแข็งแรง

    momแข็งแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +214
    "ถามแพทย์เฉพาะทาง " ไม่ทราบว่าจะถามได้ที่ไหนครับ คือผมซื้อมาแล้วกำลังจะลองให้ผู้ป่วยทานดูอ่ะครับ
     
  5. momแข็งแรง

    momแข็งแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +214
  6. Kate_sarin

    Kate_sarin สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +4
    ที่ www.bangkoktiposod.com มีข้อมูลยาประดงของกรุงเทพทิพโอสถอยู่ค่ะ
     
  7. pisi

    pisi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +244
    สมัยก่อนเคยได้ยินแต่ ยาประดง ยี่ห้อ พระสังข์ทรงช้าง
    ไม่รู้ว่าใช้รักษาโรคอะไร เป็นยาประดง ประเภทเดียวกันหรือเปล่าครับ
     
  8. Kate_sarin

    Kate_sarin สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +4
    เท่าที่ทราบ ยาประดงพระสังข์ทรงช้างกับของกรุงเทพทิพโอสถไม่เหมือนกันค่ะ เพราะยาประดงของแต่ละบริษัทย่อมมีสูตรยาต่างกัน อย่างยาประดงพระสังข์ทรงช้างใช้รักษาโรคผิวหนังที่เป็นเม็ดผื่นคัน ส่วนยาประดงของกรุงเทพทิพโอสถใช้รักษาโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบน้ำเหลืองและระบบเลือด พวกโรคร้ายแรงต่างๆ ที่หายารักษายากค่ะ
     
  9. Kate_sarin

    Kate_sarin สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +4
    To share: ความรูื้เรื่องมะเร็ง

    โรคมะเร็ง (Cancer) ตามที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติได้อธิบายไว้นั้น เป็นโรคของเซลล์ที่มีการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติ กลายเป็นก้อนมะเร็งซึ่งสามารถบุกรุกทำลายเนื้อเยื่อใกล้เคียงและกระจายไปยังอวัยวะอื่นได้

    เนื่องจากเซลล์มะเร็งมีการเจริญเติบโตรวดเร็วมาก จึงขยายขนาดกลายเป็นก้อนมะเร็งที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าไปเบียดเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ส่งผลให้อวัยวะเหล่านั้นสูญเสียความสามารถในการทำหน้าที่ตามปกติ นอกจากนี้ ก้อนมะเร็งที่โตขึ้นอาจขวางทางเดินโลหิต ทำให้เส้นเลือดอุดตัน ส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณที่เกิดเนื้อร้ายต้องตายไปในที่สุด

    เซลล์มะเร็งสามารถเบียดแทรกเข้าไปในเซลล์ที่อยู่รอบด้าน และสามารถแพร่กระจายลุกลามและแทรกเข้าไปในหลอดเลือดและท่อน้ำเหลือง แพร่สู่อวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย ทำให้เนื้อเยื่อของอวัยวะนั้นเสียไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมะเร็งลุกลามสู่อวัยวะสำคัญ เช่น ตับ ปอด และสมอง ก็จะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในเวลาอันสั้น โรคมะเร็งจึงคร่าชีวิตคนเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน จนได้ชื่อว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย ทั้งนี้ มะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทยได้รายงานว่า ในปี พ.ศ. 2552 มีคนไทยเสียชีวิตด้วยมะเร็งสูงถึง 5-6 หมื่นราย หรือประมาณเดือนละ 5 พันคน ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้คาดการณ์ยอดผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งทั่วโลกจะสูงถึง 84 ล้านคนในช่วงปี พ.ศ. 2548-2558

    สำหรับปัจจัยที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งมีหลายประการด้วยกัน ดังนี้

    สาเหตุจากสิ่งแวดล้อมภายนอกร่างกาย: ในปัจจุบัน ทางการแพทย์พบสารก่อมะเร็งชนิดต่างๆ (Carcinogen) มากกว่า 450 ชนิด อยู่ในรูปของอาหาร พืช และสารเคมีต่างๆ เช่น สารหนูซึ่งอาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนัง ควันบุหรี่และสารเคมีในเขม่ารถที่มีสารทำให้เกิดมะเร็งปอด สารเคมีพวกอะโรมาติคไฮโดรคาร์บอน (Aromatic Hydrocarbon) ที่ทำให้เกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ สารไนโตรซามีน (Nitosamine) ที่ทำให้เกิดมะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ สารกายภาพต่างๆ ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองเรื้อรัง รวมถึงรังสีต่างๆ อาทิ รังสีอุลตราไวโอเล็ตจากแสงแดด แสงเอ็กซเรย์ สารกัมมันตรังสี ก็เป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งตามอวัยวะต่างๆ ได้ ปัจจัยภายนอกร่างกายที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งยังรวมถึง จุลินทรีย์ เช่น ไวรัสตับอักเสบที่มีความสัมพันธ์กับมะเร็งตับ รวมถึงพยาธิ เช่น พยาธิใบไม้ตับที่เป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็งตับเช่นกัน

    สาเหตุภายในร่างกาย: มะเร็งบางชนิดมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ที่ผิดปกติ เช่น มะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมธัยรอยด์ ขณะเดียวกัน ความไม่สมดุลทางฮอร์โมนก็เป็นสาเหตุของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านมในเพศหญิง และมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย นอกจากนี้ ปัญหาที่เกิดจากภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง หรือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การระคายเคืองที่เกิดขึ้นช้าๆ เป็นเวลานาน รวมถึงภาวะทุพโภชนา ก็เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งเช่นกัน

    ในปัจจุบัน แนวทางการรักษาโรคมะเร็งมีมากขึ้น สำหรับวิธีการรักษาทางแผนตะวันตกหรือแผนปัจจุบันนั้น แพทย์มักใช้วิธีการรักษาโดยวิธีต่างๆ ดังนี้

    การผ่าตัด (Resection) เป็นแนวทางการรักษาหลักหากสามารถกระทำได้ เช่น การผ่าตัดลำไส้ช่วงที่เป็นมะเร็งออก นอกจากนี้ กรณีที่โรคอยู่ในระยะลุกลาม การผ่าตัดจะช่วยผู้ป่วยบางรายให้อาการทุเลาลงได้

    การฉายรังสี (Radiation) เป็นการรักษาผู้ป่วยมะเร็งแต่เพียงอย่างเดียว หรืออาจใช้เพื่อเสริมการรักษาโดยการผ่าตัดก็ได้ ทางการแพทย์มักจะใช้รังสีรักษาในตำแหน่งที่มีก้อนมะเร็งหรือต่อมน้ำเหลือง อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธีนี้มีผลข้างเคียง เช่น เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือ ปอดอักเสบ เป็นต้น

    การใช้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) มี 2 รูปแบบ คือ แบบที่ใช้เสริมการรักษาโดยการผ่าตัด และแบบที่ใช้เป็นการรักษาหลักในผู้ป่วยที่มีโรคลุกลามเกินกว่าที่จะรักษาด้วยการผ่าตัดได้
    สำหรับวิธีการรักษาทางแผนไทยหรือทางด้านสมุนไพรนั้น ได้มีการค้นคว้าวิจัยและพัฒนายาที่ผลิตจากสมุนไพรเพื่อจะนำมาบำบัดโรคร้ายแรงเหล่านี้เช่นกัน ตัวอย่างพืชสมุนไพรไทยที่มีการวิจัยอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกประเทศไทยก็คือ ขมิ้นชันซึ่งมีสาร Curcumin มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สามารถบรรเทาและยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ เป็นต้น และล่าสุดนี้ กรมพัฒนาแพทย์แผนไทยได้ยอมรับว่าในปัจจุบันมียาตำรับจากสมุนไพรไทยที่สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ โดยทางอย. จะขึ้นทะเบียนให้เป็น “ยาแก้น้ำเหลืองเสีย” (อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 23 พ.ค. 54)

    ทั้งนี้ ในการตัดสินใจว่าจะเลือกรับวิธีการรักษาแนวทางใดนั้น ผู้ป่วยแต่ละรายจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ดุลพินิจของตนประกอบ พร้อมกับพิจารณาผลข้างเคียงและค่าใช้จ่ายจากการรักษาด้วยแนวทางต่างๆ ว่าสามารถยอมรับได้หรือไม่ด้วย

    แหล่งข้อมูล www.BangkoktipOsod.com (Health Club)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2011
  10. AFlKLlFl

    AFlKLlFl Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2013
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +49
  11. Water Lily

    Water Lily เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +738
    มีค่ะ คุณแม่เคยทาน ซื้อจากในวัง เคยใช้เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนนะคะ doze
    ข้างขวดเขียนว่าแก้น้ำเหลืองเสียนะคะ เป็นยาสมุนไพรไทยที่ได้รับการวิจัยมา
    จะมียาประดง 1 ชุด และยาถอน (จำพวกรางจืด) 1 ชุด
    ยาประดงให้กินทุกวัน ตามข้างขวด กินติดต่อกัน 30 วัน ข้อห้ามคือ ห้ามทานผักบุ้งไทย ผักบุ้งจีน ระหว่างทานยานี้ พอทานครบ 1 ชุดแล้วให้ทานยาถอน 1 ครั้ง เพื่อไม่ให้สมุนไพรสะสมในร่างกายมากไปนะคะ ก่อนทานทางบ้านได้ปรึกษาทางเภสัชที่เป็นคนปรุงยานี้ ให้เค้าแนะนำให้จะแม่นยำว่า เพราะมะเร็งมีหลายชนิด อาจจะต้องทานไม่เหมือนกันนะคะ

    คุณแม่รักษาโดยการให้คีโมประมาณ 6 เดือน และทานยาประดงควบคู่ไปด้วย ผลที่ได้รับคือทำให้การรักษาคีโมเป็นไปด้วยดี ลดอาการแพ้คีโม ซึ่งมักจะอาเจียน และเป็นไข้ ทำให้ฟื้นตัวค่อนข้างเร็วและหายเป็นปกติแล้ว

    ข้อแนะนำ ในการใช้คือควรทานตั้งแต่ระยะแรกก่อนให้คีโม และทานให้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ สามารถใช้คู่กับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันได้ เท่าที่เห็นจากประสบการณ์จริงไม่มีปัญหาอะไร

    แต่ในการแนะนำสมุนไพรเหล่านี้ให้คนไข้ทาน ต้องเช็คข้อมูลจากผู้รู้ให้ละเอียดค่ะ ตอนคุณแม่ไม่สบายมีคนมาแนะนำมากมาย ทั้งแปะตำปึง หญ้าเทวดา น้ำมันรำข้าว สมุนไพรอื่นๆ มันทำให้สับสนมาก เกรงว่าจะทานแล้วมันตีกันไปหมด แต่จากการหาข้อมูลและปรึกษาทางผู้ปรุงยาประดง เห็นว่ามีการวิจัยและทดลองมาระยะหนึ่งแล้ว และสรรพคุณในการรักษาตรงกับตัวโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง จึงยอมให้คุณแม่ทานได้ ก่อนจะแนะนำอะไรให้ผู้ป่วยทาน ขอให้ศึกษาข้อมูลโดยละเอียดค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...