พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เล็งให้ห้าง-ร้านค้า ใน กทม. เก็บค่าถุงใบละบาท เริ่ม 6 มิ.ย.

    http://hilight.kapook.com/view/47980



    สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม

    รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จับมือ กทม. ลดโลกร้อน ลดการใช้ถุงพลาสติก เริ่ม 22 เม.ย. ถึง 5 มิ.ย.นี้ ขณะที่ประชาชนทั่วไปหากซื้อของห้างสรรพสินค้าทั่ว กทม. อาทิ โลตัส คาร์ฟูร์ บิ๊กซี เซเว่นอีเลฟเว่น ฯลฯ ถ้าใส่ถุง ต้องจ่ายค่าถุงละ 1 บาท เริ่ม 6 มิ.ย. 53 (วันสิ่งแวดล้อมโลก)

    นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยผู้ประกอบการศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้าสะดวกซื้อ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ 45 วัน รวมพลังลดถุงพลาสติกลดโลกร้อน ร่วมรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้ถุงพลาสติก รวมทั้งจัดกิจกรรมสร้างแรงจูงใจ เช่น การให้ส่วนลดในการซื้อสินค้า สำหรับลูกค้าที่ไม่ใช้ถุงพลาสติก

    โดยโครงการนี้ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. ซึ่งจะเป็นวันคุ้มครองโลก และจะเป็นการครบรอบ 40 ปี วันคุ้มครองโลก ไปจนถึงวันที่ 5 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก รวมระยะเวลา 45 วัน โดยเฉพาะในวันที่ 5 มิ.ย.จะมีการรณรงค์เชิญชวนให้ทุกคนพร้อมใจกันปฏิเสธถุงพลาสติก (No Plastic Bag Day) เพื่อยุติการใช้ถุงพลาสติก สำหรับโครงการนี้ได้ตั้งเป้าลดการใช้ถุงพลาสติกให้ได้จำนวน 8 ล้านใบ จากเดิมที่ช่วงการรณรงค์ 45 วันของปีที่แล้ว สามารถลดจำนวนถุงพลาสติกได้ 4.3 ล้านใบ

    ขณะที่นายพรเทพ เปิดเผยว่า ได้ขอความร่วมมือกับผู้แทนห้างสรรพสินค้า ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ อาทิ เทสโก้ โลตัส คาร์ฟูร์ บิ๊กซี และเซเว่น อีเลฟ เว่น เพื่อดำเนินโครงการ "ถุงละบาท" ลดการใช้ถุงพลาสติกในพื้นที่ กทม. ซึ่งขณะนี้มีห้างสรรพสินค้า และร้านค้าขนาดใหญ่เข้าร่วมโครงการ 21 แห่ง โดยเมื่อประชาชนไปซื้อของตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการต้องเตรียมถุงผ้าไปเอง หากไม่เตรียมไป และมีการขอถุงพลาสติกจะต้องจ่ายเงินเพิ่มใบละ 1 บาท จากนั้นห้างฯ ต่าง ๆ จะนำไปเข้ากองทุนประหยัด พลังงานและลดโลกร้อน "ถุงละบาท" และนำเงินที่ได้จากกองทุนไปทำโครง การต่าง ๆ เพื่อลดพลังงานหรือจัดการปัญหาขยะ แล้วให้นำมาประกวดกัน เพื่อชิงรางวัลและโล่เกียรติยศจาก กทม.

    ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะเริ่มราววันที่ 6 มิ.ย. นี้ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ใช้เวลาดำเนินการราว 3-6 เดือน เพื่อประเมินผลเป็นระยะ

    ทั้งนี้ หลังนำร่องจัดโครงการดังกล่าวแล้ว อนาคต กทม. จะพิจารณาออกข้อบัญญัติเพื่อใช้มาตรการทางกฎหมายบังคับ เช่น เก็บภาษีกิจการที่ต้องใช้ถุงพลาสติกจำนวนมากในอัตราที่สูง หรือออกกฎหมายมาบังคับให้เก็บเงินเมื่อต้องขอถุงพลาสติกจริง ๆ เพื่อควบคุมจำนวนพลาสติก ซึ่งในหลายประเทศทั่วโลกมีการออกกฎหมายบังคับใช้แล้ว

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก INN และเดลินิวส์

    [​IMG] [​IMG]
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มองในมุมกลับกัน
    น่าจะมีการลดราคาให้กับผู้ที่ซื้อสินค้า ถุงละ 1 บาทเช่นกัน


    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พิธียกน้ำชา

    ประเพณีแต่งงาน พิธีแต่งงานแบบจีน พิธียกน้ำชา


    [​IMG]

    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ในประเพณีการแต่งงานแบบจีน "พิธียกน้ำชา" ถือเป็นสิ่งสำคัญที่คู่บ่าว-สาวจะขาดไม่ได้ เนื่องจากพิธียกน้ำชาแสดงถึงการเคารพและคารวะญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีขั้นตอนเริ่มแรกคือจากการจัดที่นั่งให้ผู้ใหญ่ โดยให้คุณพ่อเจ้าบ่าวนั่งด้านซ้ายของคุณแม่ จากนั้นคู่บ่าว-สาว คลานเข่ายกถาดชาที่มีถ้วยชา 2 ใบรินน้ำชาเตรียมไว้แล้วยกให้คุณพ่อคุณแม่ ท่านจะหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นดื่มกัน โดยจะจิบแค่นิดหน่อย ห้ามจิบหมดถ้วย เพราะถือว่าน้ำชาที่เหลือมอบเป็นทุนกลับไปให้คู่บ่าว-สาว (ส่วนใหญ่นิยมเทกลับไปในกา)

    จากนั้นคู่บ่าว-สาวจึงยกย้ำชาให้ญาติผู้ใหญ่ท่านอื่นตามลำดับความอาวุโส ทั้งนี้ ทุกครั้งที่ยกน้ำชา ต้องรินชาใส่ถ้วย 2 ใบทุกครั้ง ไม่เว้นแม้แต่ผู้ใหญ่ที่คู่ชีวิตเสียไปแล้ว แต่แทนที่ผู้ใหญ่จะดื่มเองทั้ง 2 ถ้วย ก็ดื่มแค่ถ้วยเดียว ส่วนผู้ใหญ่ที่คู่ชีวิตยังมีชีวิตอยู่แต่มาไม่ได้ ก็ให้ดื่มทั้ง 2 ถ้วย เมื่อผู้ใหญ่ดื่มแล้วจะให้ศีลให้พร และมอบเงินทองให้คู่บ่าว-สาวโดยใส่ไว้ในถาด

    ต่อมาคู่บ่าว-สาวจะร่วมกันรับประทาน ขนมอี๊ (เป็นขนมบัวลอยจีน ใช้แป้งข้าวเหนียวนวดจนได้ที่ปั้นเป็นลูกกลม ผสมสีชมพูเพื่อให้ได้สีสิริมงคล) ซึางเป็นอันเสร็จพิธี

    สำหรับลักษณะของกาและถ้วยชาใน พิธียกน้ำชา ต้องเป็นถ้วยชาแบบจีน ไม่ควรใช้ถ้วยชาที่มีหู และควรมีถาดในการยกน้ำชาด้วยทุกครั้ง ส่วนชาที่ใช้ในพิธีจะเป็นชาจีนหรือชาฝรั่งก็ไม่ผิดธรรมเนียมแต่อย่างใด


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • china.jpe
      china.jpe
      ขนาดไฟล์:
      182.6 KB
      เปิดดู:
      117
    • cc.jpe
      cc.jpe
      ขนาดไฟล์:
      111.8 KB
      เปิดดู:
      141
    • i_do.jpe
      i_do.jpe
      ขนาดไฟล์:
      5.5 KB
      เปิดดู:
      421
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อย.แจ้งดำเนินคดีเครื่องสำอาง"โคเซียม ครีม" อวดอ้างสรรพคุณรักษาข้อเข่าเสื่อม

    Matichon Online: ˹ѧ

    อย.แจ้งดำเนินคดีเครื่องสำอาง"โคเซียม ครีม" อวดอ้างสรรพคุณรักษาข้อเข่าเสื่อม

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1272965860&grpid=&catid=04
    อย.แจ้งดำเนินคดีเครื่องสำอาง "โคเซียม เอ็กซ์ตร้าครีม" และ "โคเซียม ครีม" อวดอ้างสรรพคุณผิดประเภท จดทะเบียนเป็นครีมบำรุงผิวกาย แต่โฆษณาว่ารักษาข้อเข่าเสื่อม



    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>[/FONT]
    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า อย.ได้ตรวจเอกสารการโฆษณาของผลิตภัณฑ์ โคเซียม เอ็กซ์ตร้าครีม (Coxium Extra Cream) และโคเซียม ครีม (Coxium Cream) ซึ่งมีการโฆษณาข้อความอ้างสรรพคุณรักษาการเสื่อมบริเวณข้อและเข่า แต่จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ปรากฏว่า ผลิตภัณฑ์โคเซียมดังกล่าว ผลิตโดยบริษัท เอ็ม แอล เอ็ม ฟู้ด จำกัด และจำหน่ายโดยบริษัท มิลลิเมด จำกัด มีการจดแจ้งเป็นเครื่องสำอางควบคุม โดยโคเซียม เอ็กซ์ตร้าครีม เลขที่แจ้ง 10-1-5210848 และโคเซียม ครีม เลขที่แจ้ง 10-1-5210683 ซึ่งทั้ง 2 ตำรับแจ้งว่ามีวัตถุประสงค์ใช้เพื่อบำรุงผิวกายเท่านั้น [/FONT][FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]

    นพ.พิพัฒน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ อย. ได้ไปตรวจบริษัท เอ็ม แอล เอ็ม ฟู้ด จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องสำอางดังกล่าว ขณะตรวจพบฉลากกล่อง สติ๊กเกอร์ แผ่นฟิล์ม ซองโคเซียม เอ็กซ์ตร้า ครีม และตัวอย่างเครื่องสำอางโคเซียม เอ็กซ์ตร้า ครีม ชนิดหลอดและชนิดซอง ซึ่งจากการตรวจฉลาก พบมีการแสดงฉลากไม่ถูกต้องและครบถ้วน โดยชนิดหลอดไม่ระบุที่ตั้งผู้ผลิต ชนิดซองไม่ระบุผู้ผลิต ที่สำคัญมีการแสดงข้อความด้วยการอวดอ้างสรรพคุณลดความเสี่ยงและอาการปวดในโรคข้อเสื่อม โดยระบุเป็นจารบีข้อเข่า สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นการแสดงสรรพคุณทางยา รวมทั้งก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและเกิดความสับสนต่อผู้บริโภคได้

    ภญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการ อย. กล่าวอีกว่า การกระทำของทั้งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรายดังกล่าว ถือเป็นการ
    ฝ่าฝืนกฎหมาย ในเบื้องต้น อย. ได้จัดทำหนังสือแจ้งไปยังบริษัท เอ็ม แอล เอ็ม ฟู้ด จำกัด เพื่อเพิกถอนใบรับแจ้งเครื่องสำอางควบคุม เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการแสดงฉลากและโฆษณาอวดอ้างไปในทางยา และมีชื่อเดียวกันกับยาที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว อันจะทำให้ผู้บริโภคหลงเข้าใจผิด

    ภญ.วีระวรรณ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ อย. จะดำเนินคดีกับทั้งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายในความผิดร่วมกัน ดังนี้
    1. ผลิตเพื่อขายเครื่องสำอางที่แสดงฉลากไม่ถูกต้องและครบถ้วน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    2. ฉลากแสดงสรรพคุณที่เป็นเท็จและก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    3.โฆษณาด้วยข้อความอันเป็นเท็จ

    ซึ่งขณะนี้ อย.ได้มีหนังสือถึงบริษัทผู้จำหน่ายให้ระงับโฆษณาสรรพคุณดังกล่าวแล้ว และขอความร่วมมือจากร้านขายยาและผู้จำหน่าย อย่าได้นำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางดังกล่าวมาจำหน่าย เนื่องจากอยู่ระหว่าง อย. กำลังเพิกถอนใบรับแจ้งเครื่องสำอางควบคุม โดยถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้าข่ายหลอกลวง

    [/FONT]
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>มาใช้ “น้ำมัน” ทอดอาหารให้ถูกวิธี
    Travel - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 พฤษภาคม 2553 16:23 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เดี๋ยวนี้เวลาเลือกซื้ออาหารประเภททอด ๆ ตามร้านค้าต่างๆแล้วเห็นน้ำมันในกระทะดำเมี่ยมมิด “108เคล็ดกิน” ก็ให้นึกผวาพาลกินไม่ลงเสียดื้อๆ ทั้งที่จริงแล้วการเลือกใช้น้ำมันที่ถูกวิธีก็มีอยู่ด้วยกันหลายข้อ

    วันนี้จึงยกตัวอย่างวิธีการใช้น้ำมันทอดอาหารที่ถูกต้องมาให้รู้ทั่วกัน ข้อที่หลายคนรู้กันดีแล้ว คือ ในครัวเรือนไม่ควรใช้น้ำมันทอดอาหารซ้ำเกิน 2 ครั้ง และหากจำเป็นต้องใช้น้ำมันซ้ำให้เทน้ำมันเก่าทิ้งหนึ่งในสามและเติมน้ำมันใหม่ก่อนเริ่มการทอดอาหารครั้งต่อไป แต่ถ้าน้ำมันทอดอาหารมีกลิ่นเหม็นหืน เหนียวข้น สีดำ ฟองมาก เป็นควันง่ายและเหม็นไหม้ ควรทิ้งไปอย่าเสียดาย

    ไม่ทอดอาหารไฟแรงเกินไป อุณหภูมิที่เหมาะสมของน้ำมันประมาณ 160 – 180 องศาเซลเซียส ซับน้ำส่วนที่เกินบริเวณผิวหน้าอาหารดิบก่อนทอด เพื่อชะลอการเสื่อมสลายตัวของน้ำมัน ต้องหมั่นกรองกากอาหารทิ้งระหว่างและหลังการทอดอาหาร และปิดท้ายด้วยการเก็บน้ำมันที่ผ่านการทอดอาหารไว้ในภาชนะสแตนเลสหรือแก้วปิดฝาสนิท เก็บในที่เย็นและไม่โดนแสงสว่าง เพียงเท่านี้ก็ช่วยเพิ่มคุณภาพที่ดีแก่ชีวิตด้วยการกินได้แล้ว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]

    องค์นี้ จะนำไปบรรจุกรุครับ

    ยังมีที่เป็นชุดสามสมัยอีก มีจารทั้งองค์อีกต่างหาก และยังมีอีกหลายๆรุ่นที่เป็นพระบูชา ก็จะบรรจุกรุ เพื่อคนรุ่นหน้า ที่มีบุญ วาสนา และบารมี ที่จะได้ไว้บูชาครับ

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันพรุ่งนี้ พี่ชนิดาจะเป็นตัวแทนคณะกองทุนหาพระถวายวัด ไปถวายพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม และพระธาตุพระอรหันต์อีก 3 พระองค์ ไปถวายพระอาจารย์สำราญ ธัมธุโร(หลวงพ่อกล้วย) วัดป่าธรรมอุทยาน ขอนแก่น

    ความคืบหน้าเป็นอย่างไร จะมาแจ้งให้ทราบและร่วมโมทนาบุญกันครับ

    โมทนาบุญกับคณะกองทุนหาพระถวายวัดครับ
    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทึ่ง! โยคีอินเดียอดอาหาร 70 ปี ยังรอด

    <SCRIPT src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type=text/javascript></SCRIPT>?荧ễ? ?荧ễ? 栢¤ՍԹക?͒˒à70 ?ՠ?荧ễ? ‘?Í?

    ทึ่ง!โยคีอินเดียอดอาหาร70ปียังรอด ทหารตื่นเต้นจองตัวทำวิจัยหากลยุทธ์ยังชีพ (ไทยโพสต์)

    วงการแพทย์อินเดียตื่นตะลึง! เจอโยคีบำเพ็ญพรตงดกินอาหารและน้ำมานาน 70 ปียังอยู่สบายดี ทั้งที่มีอายุถึง 83 ปีแล้ว

    บรรดาแพทย์เสนารักษ์ร่วม 30 คนได้เฝ้าดูอาการของนักพรตปราลาด จานี ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ในโรงพยาบาลเมืองอาห์เมนาบัดทางภาคตะวันตก

    มีการติดตั้งกล้อง 2 ตัวในห้องสังเกตอาการ และมีตากล้องอีกคนคอยถ่ายภาพเคลื่อนไหวขณะท่านโยคีเดินไปไหนมาไหน

    หมอจะสแกนทั่วร่างกาย ตรวจสมอง เช็กหัวใจ "ผลการศึกษาในกรณีนี้จะช่วยให้เราได้ความรู้เกี่ยวกับการอยู่รอดของมนุษย์ที่ไม่กินอาหารและน้ำ" นายแพทย์ จี. ลาวาซาฮากัน หัวหน้าทีม บอกกับนักข่าว

    คุณหมอบอกว่า โยคีจานีเปิดเผยว่าท่านได้รับพลังงานจากการทำสมาธิ แต่ทหารไม่สามารถทำสมาธิได้ แม้กระนั้นเราก็ยังอยากรู้เกี่ยวกับตัวท่านและร่างกายของท่าน

    "เราอาจได้ความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์ในการอยู่รอดในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ เหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ และเวลาไปสำรวจนอกโลก เช่น บนดวงจันทร์ หรือดาวอังคาร"

    ตั้งแต่การตรวจนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา โยคีท่านนี้ยังไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลย และไม่ได้เข้าห้องน้ำด้วย

    นักพรตผู้นี้นุ่งห่มผ้าสีแดง สวมสร้อยลูกประคำ เป็นคนพื้นเพรัฐคุชราฐ ท่านอ้างว่าตัวเองได้รับการประสาทพรจากพระแม่เจ้าองค์หนึ่งเมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ทำให้สามารถยังชีพได้โดยไม่ต้องกินอะไรเลย




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    ทึ่ง!โยคีอินเดียอดอาหาร70ปียังรอด ทหารตื่นเต้นจองตัวทำวิจัยหากลยุทธ์ยังชีพ | ไทยโพสต์
    [​IMG]
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ทึ่ง! โยคีอินเดียอดอาหาร 70 ปี ยังรอด

    <SCRIPT src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type=text/javascript></SCRIPT>?荧ễ? ?荧ễ? 栢¤ՍԹക?͒˒à70 ?ՠ?荧ễ? ‘?Í?

    ทึ่ง!โยคีอินเดียอดอาหาร70ปียังรอด ทหารตื่นเต้นจองตัวทำวิจัยหากลยุทธ์ยังชีพ (ไทยโพสต์)

    วงการแพทย์อินเดียตื่นตะลึง! เจอโยคีบำเพ็ญพรตงดกินอาหารและน้ำมานาน 70 ปียังอยู่สบายดี ทั้งที่มีอายุถึง 83 ปีแล้ว

    บรรดาแพทย์เสนารักษ์ร่วม 30 คนได้เฝ้าดูอาการของนักพรตปราลาด จานี ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ในโรงพยาบาลเมืองอาห์เมนาบัดทางภาคตะวันตก

    มีการติดตั้งกล้อง 2 ตัวในห้องสังเกตอาการ และมีตากล้องอีกคนคอยถ่ายภาพเคลื่อนไหวขณะท่านโยคีเดินไปไหนมาไหน

    หมอจะสแกนทั่วร่างกาย ตรวจสมอง เช็กหัวใจ "ผลการศึกษาในกรณีนี้จะช่วยให้เราได้ความรู้เกี่ยวกับการอยู่รอดของมนุษย์ที่ไม่กินอาหารและน้ำ" นายแพทย์ จี. ลาวาซาฮากัน หัวหน้าทีม บอกกับนักข่าว

    คุณหมอบอกว่า โยคีจานีเปิดเผยว่าท่านได้รับพลังงานจากการทำสมาธิ แต่ทหารไม่สามารถทำสมาธิได้ แม้กระนั้นเราก็ยังอยากรู้เกี่ยวกับตัวท่านและร่างกายของท่าน

    "เราอาจได้ความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์ในการอยู่รอดในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ เหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ และเวลาไปสำรวจนอกโลก เช่น บนดวงจันทร์ หรือดาวอังคาร"

    ตั้งแต่การตรวจนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา โยคีท่านนี้ยังไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลย และไม่ได้เข้าห้องน้ำด้วย

    นักพรตผู้นี้นุ่งห่มผ้าสีแดง สวมสร้อยลูกประคำ เป็นคนพื้นเพรัฐคุชราฐ ท่านอ้างว่าตัวเองได้รับการประสาทพรจากพระแม่เจ้าองค์หนึ่งเมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ทำให้สามารถยังชีพได้โดยไม่ต้องกินอะไรเลย




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    ทึ่ง!โยคีอินเดียอดอาหาร70ปียังรอด ทหารตื่นเต้นจองตัวทำวิจัยหากลยุทธ์ยังชีพ | ไทยโพสต์
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ถ้าเป็นจริงตามนี้

    งานนี้นักวิทยาศาสตร์ทั้งมึน ทั้งโง่ ทั้งงงงงงงงงง หุหุหุ

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ลองลิ้มชิมรส ‘ทุเรียนนนท์’
    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้าไลฟ์สไตล์ > ลองลิ้มชิมรส ‘ทุเรียนนนท์’

    [​IMG]

    ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา สาขารัตนาธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัดนนทบุรี และชมรมอนุรักษ์ทุเรียนนนท์ จัดงาน เทศกาลทุเรียนนนท์ปี 2553 บริเวณวัดใหญ่สว่างอารมณ์ อำเภอปากเกร็ด ตั้งแต่วันที่ 8-18 พฤษภาคม และที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา สาขารัตนาธิเบศร์ ในวันที่ 21-30 พฤษภาคมนี้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดควบคู่ไปกับการเผยแพร่พันธุ์ทุเรียนเมืองนนท์

    ภายในงานพบกับทุเรียนนนท์หลากหลายสายพันธุ์จากสวนทุเรียนชื่อดัง ที่นำมาให้ได้ลิ้มลองทั้งแบบสดจากสวน และผลิตภัณฑ์แปรรูป มีทั้งเครปทุเรียน ไอศกรีมทุเรียน ลูกชุปทุเรียน และขนมทุเรียน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการแสดงศิลปะการระบายสีบนตัวนางแบบชื่อดังพร้อมประกอบการแสดงจินตลีลา สาธิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเปลือกทุเรียน เช่น กระถางต้นไม้และแผ่นฟิล์มถนอมอาหาร

    สำหรับเทศกาลทุเรียนที่เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ มีกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยว อาทิ ปอกได้ให้เลย (แข่งขันแกะทุเรียนนนท์ ในเวลาที่กำหนดได้ นำทุเรียนกลับไปได้เลย) แข่งขันทานทุเรียน (ชิงเงินรางวัล 3,000 บาท แถมกินทุเรียนนนท์ ฟรี) แฟนพันธุ์แท้ทุเรียนนนท์ ทายน้ำหนักราชาผลไม้ เมืองนนท์ และแข่งขันความอึดพิชิตทุเรียนนนท์ เป็นต้น ในวันที่ 22-23 และ 29-30 พฤษภาคม ลุ้นโชคบัตรกำนัลที่พักแบบโฮมสเตย์ พร้อมลิ้มรสอาหารคาวหวาน ที่ทำจากทุเรียนนนท์ตลอดการเดินทาง

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนท่องเที่ยว โทร. 1672
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • durian_th.jpe
      durian_th.jpe
      ขนาดไฟล์:
      17 KB
      เปิดดู:
      196
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมว่าเรื่องของสิ่งแวดล้อม น่าจะเป็นเรื่องของสังคมโลกที่ต้องช่วยกัน เรื่องใหญ่กว่าเรื่องถุงพลาสติกก็มี และน่าจะใหญ่กว่ามาก ก็คือ ภาวะโลกร้อน ผมว่าอนาคตคนต้องตายที่เกี่ยวกับภาวะโลกร้อน น่าจะเป็นร้อยล้านคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำท่วมโลก หรือ โรคภัยไข้เจ็บที่พัฒนาตัวเองมากกว่าแต่ก่อน หรือเชื้อโรคที่ไม่รู้จัก อาจจะได้รู้จักมากขึ้นครับ

    ถุงพลาสติกบางแห่ง ผมใส่พระไว้ (น่าจะประมาณ 1 ปี) ปรากฎว่า ถุงหมดสภาพแล้ว น่าจะย่อยสลายได้ด้วยครับ

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โปรดระวังแมลงลักษณะนี้ให้ดีมีใน กทม.แล้วด้วย
    ที่มา Fwd mail ครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    โปรดระวังแมลงลักษณะนี้ให้ดีมีใน กทม. มีแล้วด้วย
    เรียก อีกอย่างว่า แมลงก้นกระดกค่ะ ลุงแหว่น
    ที่กำแพงแสนมีจนจะเรียกได้ว่า เป็น1ในกลุ่มประชากรแล้วค่ะ
    เพราะมี คณะเกษตรภาคพืชไร่อ่ะค่ะ เห็นว่า ปลูก ต้นอะไรสักอย่างที่แมลงชนิดนี้ชอบ
    อีก อย่างที่ต้องระวังคือ ถ้าเจอ ห้ามตบห้ามตีค่ะ เพราะ ถ้าตัวมันแตก สารที่ไหลออกมาจะเป็นตัวเรียกเพื่อนมันมาค่ะ
    เห็นเพื่อนที่อยู่หอในมหาลัย บอกว่า ถ้าเจอให้ใช้เทปแปะให้มันอยู่กับที่แล้วตายไปเองค่ะ
    อ้อ จะบอกว่า ไบกอน ฆ่าไม่ตายค่ะ
    เป็นแมลงวิวัฒนาการสูง
    โปรดทราบ และ ระวังด้วย
    ชื่อ ทางการของมันชื่อ แมลงด้วงน้ำำมัน
    ถ้าโดนแล้วห้ามเกาเด็ดขาด เพราะมันจะลามไปเรื่อยๆ เลย หนองหรือน้ำเหลืองของเราจะทำให้ลามจากอีกจุดเพิ่มเป็นอีกจุดลาม เป็นแผล ใหญ่
    และที่สำคัญตอนนี้แมลงนี้มีอยู่ใน กทม. แล้ว ด้วย
    เรียน ทุกท่านทราบเพื่อเป็นการเตือนถึงอันตรายของแมล และ อาการที่เกิดขึ้น
    (ตามภาพ ที่แนบมา) ดร.วัฒนา อู่วาณิชย์ เพื่อนที่ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ส่งเมล์มาให้เพื่อกระจายข่าวต่อด้วย ค่ะ
    โปรดระวังแมลงลักษณะนี้ให้ดี คนหลายคนถูกแมลงชนิดนี้ทำร้ายหลายรายแล้ว
    หากโดน กรุณาพบแพทย์โดยด่วนมิฉะนั้นแผลจะลุกลามไปรวดเร็วมาก
    แมลง ชนิดนี้จะไม่กัดหรือต่อย แต่ฉี่ของมันมีความเป็นกรดสูงมากและเป็นสาเหตุให้เกิดแผล ซึ่งหาก เกิดเป็นแผล
    แล้วเอา มือไปถูกแผลนั้นให้รีบล้างมือโดยเร็ว
    มิ ฉะนั้นจะเกิดแผลลุกลามไปยังที่ๆ เอามือไปสัมผัสต่อไปอีก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ขนพองสยองเกล้า!! สถาบันวิจัยเวียดนามถ่ายรูป"ผี" ไว้นับพัน
    http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9530000061635
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 พฤษภาคม 2553 19:32 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=632 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=632>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    ภาพถ่ายจากบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ในนครหายฟ่อง (Hai Phong) ปรากฎเป็นรูปให้เห็นเหมือนคนกำลังหิ้วศรีษะของตัวเอง ส่วนข้างหลังเป็นภาพ "คน" ที่กำลังนั่งกินดื่มกัน โดยไม่ได้ตระหนักว่า ตรงจุดนั้นเคยมีคนเสียชีวิต


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ASTVผู้จัดการออนไลน์-- ศูนย์วิจัยศักยภาพมนุษย์ (Research Centre of Human Potentials) ในกรุงฮานอยได้เผยแพร่ภาพ พร้อมเรื่องราวที่ระบุว่าเป็น ภาพ "ผี" ที่ถ่ายเอาไว้ ในการวิจัยเรื่องเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย ทั้งเรียกร้องให้วงการวิทยาศาสตร์ของประเทศ หันมาศึกษาอย่างเป็นระบบ

    นายเหวียนซยั๊กหาย (Nguyen Giac Hai) เจ้าหน้าที่วิจัยอาวุโสและหัวหน้าของศูนย์วิจัยฯ แห่งนี้กล่าวว่า ปัจจุบันที่นั่นเก็บรูปภาพ "ผี" ที่ถ่ายเอาไว้ได้จำนวน 1,000 ภาพ

    ภาพเหล่านั้นเก็บรวบรวมจากหลายจังหวัดและนครทั่วประเทศ รวมทั้งเมืองดาลัท ใน จ.เลิมด่ง เขตที่ราบสูงภาคกลาง จากบริเวณ "ตลาดผี" กรุงฮานอย นครโฮจิมินห์ รวมทั้งจากสุสานวันเดี่ยน ฌาปนกิจสถานกรุงฮานอย จากบริเวณเรือนจำเก่า ที่เคยเป็นแดนประหาร และสถานที่อีกหลายแห่งที่มักเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์บ่อยๆ

    บางภาพที่ถ่ายออกมานั้น เป็น “เงาที่ไร้หัว” ซึ่งอาจจะบ่งบอกสภาพการเสียชีวิตของบุคคลที่เกี่ยวข้อง

    หลายภาพได้ถ่ายจากสะพานบ่ายเจิ่ย (Bai Chay) ที่เชื่อมอ่าวฮาลองกับแผ่นดินใหญ่ ใน จ.กว๋างนีง (Quang Ninh) แหล่งที่มีคนเลือกเป็นสถานที่กระโดดน้ำตายมาแล้วหลายสิบราย

    ภาพ "ผี" ที่ปรากฏออกมานั้น จะมีลักษณะเป็นแสงล้อมรอบ ให้เห็นเป็นรูปเป็นร่าง ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรส

    นายหายกล่าวว่า ในเดือน ส.ค.2550 เจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ ผู้หนึ่งเดินทางไปธุระส่วนตัวที่เมืองดาลัท ได้ถ่ายรูป "บ้านผี" ที่นั่น และ ปรากฏเป็นเป็นรูปร่างหลายชนิดที่มีแสงรอบๆ ผู้ที่สามารถสื่อสารกับจิตวิญญาณได้ กล่าวว่า ภาพที่เห็นนั้นล้วนเป็นดวงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ เจ้าหน้าที่คนนั้นตัดสินใจพักอยู่ในดาลัทต่ออีก 1 วัน เพื่อถ่ายภาพในเวลาเช้า และ บ่าย หาข้อมูลต่อไป

    "เมื่อพบสิ่งแปลกๆ มากขึ้น เราได้เสิร์ชเข้าไปในอินเตอร์เน็ตและก็ได้พบว่า มีสิ่งที่เหมือนๆ กันนี้ในทั่วโลก ซึ่งเขาเรียกกันว่า "ออร์บส์" (Orbs)" นายหายกล่าว

    อย่างไรก็ตามเมื่อลองขยายรูปภาพที่ถ่ายได้ในเวียดนาม ก็จะเห็นใบหน้าต่างๆ ปรากฏชัด ในต่างประเทศเรียกกันว่า "ชีวิตหลังความตาย" (Life After Death) เคยมีหลายคนที่รอดตายหวุดหวิด หรือ หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว กลับมารู้สึกตัวใหม่ คนเหล่านั้นพูดตรงกันว่า พวกเขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแสงรอบๆ นายหายกล่าว

    ภาพถ่ายจากบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุรถชนกันและมีผู้เสียชีวิตก็ปรากฏเป็นแสงรอบๆ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่านั่นคือ วิญญาณของผู้ตายที่ยังล่องลอยวนเวียนอยู่ที่นั่น และเมื่อนำภาพเหล่านั้นไปให้ญาติของผู้ตายดู พวกเขาระบุได้ทันที่ว่า ที่ปรากฏในภาพนั่นคือญาติผู้เคราะห์ร้ายของพวกเขา

    รูปภาพทั้งหมดที่เก็บไว้โดยศูนย์วิจัยแห่งนี้ล้วนเป็นภาพถ่ายจริง ที่ผู้เชี่ยวชาญรับรองได้ว่าไม่ใช่ภาพที่เกิดจากการตัดต่อและแต่งด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างแน่นอน นายหายกล่าว.




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=619 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=619>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    "ผี" อีกตัวเป็นผู้หญิงกำลังเดินสาละวนอยู่ข้างทางรถไฟในย่านรอบนอกของกรุงฮานอย ที่นั่นเป็นทางข้าม ที่มีคนถูกรถไฟชนเสียชีวิต


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=617 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=617>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    สะพานบ่ายเจ่ย (Bai Chay) ที่อ่าวฮาลอง เป็นสะพานขึงที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ท้องน้ำข้างล่างเป็นสุสานของคนหลายสิบคนที่ตัดสินใจอำลาชีวิตด้วยการกระโดดน้ำ


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=478 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=478>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    นับตั้งแต่เปิดใช้ในปี 2549 มีผู้ตัดสินใจใช้เป็นแหล่งปิดชีวิตของตัวเองเกือบ 30 ราย ทางการต้องจัดเจ้าหน้าที่ออกเดินตรวจตลอด 24 ชั่วโมง.. และมีเรื่องเล่ากันว่า เจ้าหน้าที่ลาออกไปแล้วนับสิบคน เพราะทนเสียงร้องโหยหวนจากเบื้องล่างไม่ไหว


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2010
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กองทุนประกันสังคม ช่วยท่านออมเงินเพื่อวัยเกษียณได้อย่างไร
    http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9530000061202
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 พฤษภาคม 2553 10:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ปัจจุบันท่านทราบหรือไม่ว่า เงินสมทบกองทุนประกันสังคมที่ท่านถูกหัก 5% จากเงินเดือนทุกเดือน ท่านจะได้อะไรกลับมาบ้าง เพื่อให้เข้าใจง่าย ขอยกตัวอย่างเป็นตัวเลข

    โดยสมมติว่าท่านมีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป เนื่องจากกองทุนประกันสังคมมีเพดานการจัดเก็บเงินสมทบจากฐานค่าจ้างสูงสุดอยู่ที่ 15,000 บาท ท่านที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จึงสมทบร้อยละ 5 ของเพดานค่าจ้าง 15,000 บาท เป็นจำนวนรวม 750 บาท นายจ้างของท่านสมทบอีก 750 บาท รัฐบาลช่วยสมทบอีก 412.50 บาท ซึ่งเงินสมทบทั้งหมดดูแลสิทธิของท่านดังนี้

    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เงินสมทบส่วนแรกจำนวน 225 บาท กับเงินสมทบในส่วนหลังจำนวน 75 บาทนั้น ถูกหักเพื่อการคุ้มครองกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน คลอดบุตร และว่างงาน เงินสมทบในส่วนนี้เปรียบเสมือนการจ่ายเบี้ยประกันชีวิต

    หากท่านไม่ได้ใช้สิทธิกรณีใดเลยในขณะนี้ เงินสมทบในส่วนนี้จะถูกนำไปรวมเป็นเงินกองกลาง เพื่อใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือจ่ายเป็นเงินประโยชน์ทดแทนการขาดรายได้ให้แก่เพื่อนๆ สมาชิกที่เป็นผู้ประกันตนเมื่อต้องประสบความเดือดร้อนจากการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย คลอดบุตร หรือว่างงาน ตามหลักการ “เฉลี่ยทุกข์ – เฉลี่ยสุข” ซึ่งกันและกัน

    สำหรับเงินสมทบกรณีสงเคราะห์บุตร เป็นส่วนที่รัฐบาลจ่ายสนันสนุนให้กับผู้ประกันตนในอัตราร้อยละ 1 คิดเป็นเงิน 150 บาทต่อเดือนเงินสมทบกรณีชราภาพ เป็นการหักเงินสมทบเพื่อ “การออม” โดยผู้ประกันตนจะจ่ายเงินสมทบร้อยละ 3 และนายจ้างสมทบร้อยละ 3 รวมเป็นร้อยละ 6 ของทุกเดือน ตามตัวอย่างในตาราง คิดเป็นเงินออมรวม 900 บาทต่อเดือน

    ซึ่งผู้ประกันตนจะได้รับคืนเป็นประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพเมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง โดยจะได้รับเป็นเงินก้อน ซึ่งเรียกว่า “เงินบำเหน็จชราภาพ” ในกรณีที่จ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพไม่ครบ 180 เดือน หรือรับเป็นรายเดือน ซึ่งเรียกว่า “เงินบำนาญชราภาพ” ในกรณีที่จ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพครบ 180 เดือนขึ้นไป เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2541



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพจะจ่ายเมื่อผู้ประกันตนอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง หรือตาย หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้

    1. เงินบำนาญชราภาพ เริ่มนับเดือนที่ 1 เมื่อกฎหมายใช้บังคับเดือนธันวาคม 2541จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 180 เดือน รับเป็นรายเดือนไปตลอดชีวิต หากเสียชีวิตภายใน 60 เดือนหลังการรับเงินบำนาญ จะมีบำเหน็จตกทอดให้ทายาท 10 เท่าของเงินบำนาญรายเดือนที่ได้รับอยู่การคำนวณเงินบำนาญชราภาพนำเงินเดือน 60 เดือนสุดท้ายมาหาเฉลี่ย/เดือน คูณด้วย ร้อยละ 20 (บวกจำนวนร้อยละที่เพิ่มให้อีกร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก 12 เดือนสำหรับระยะเวลาที่เกิน 180 เดือน)สูตรการคำนวณส่งเงินสมทบ 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญร้อยละ 20 ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย และจะได้รับอีกร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก 12 เดือน สำหรับระยะเวลาที่เกิน 180 เดือน


    ตัวอย่าง ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 180 เดือน อายุ 55 ปีบริบูรณ์และไม่ได้ทำงานแล้ว ค่าจ้าง 60 เดือนสุดท้ายเฉลี่ย/เดือน = 15,000 บาท จะได้รับเงินบำนาญ = (15,000 x 20%) = 3,000 บาท/เดือนในตัวอย่างนี้ ผู้ประกันตนจะได้รับบำนาญเป็นรายเดือน เดือนละ 3,000 บาท ไปตลอดชีวิต หากเสียชีวิตเมื่ออายุ 75 ปี คือ รับบำนาญแล้ว 20 ปี คิดเป็นเงินบำนาญที่ได้รับทั้งหมด (240 เดือน x 3,000 บาท) = 720,000 บาท
    2. เงินบำเหน็จชราภาพ จ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือนหากจ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพมาไม่ครบ 12 เดือน จะได้รับเฉพาะส่วนที่ผู้ประกันตนจ่ายร้อยละ 3 ต่อเดือน เท่านั้นหากจ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพมาครบ 12 เดือนขึ้นไป จะได้รับส่วนของผู้ประกันตน ส่วนของนายจ้าง และผลประโยชน์ตอบแทนประจำปีที่กองทุนประกันสังคมให้ ซึ่งที่ผ่านมาสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร

    ตัวอย่าง ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมา 120 เดือน อายุ 55 ปีบริบูรณ์และไม่ได้ทำงานแล้ว ค่าจ้าง 60 เดือนสุดท้ายเฉลี่ย/เดือน = 15,000 บาท จ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพ 450 บาท/เดือน นายจ้างจ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพ 450 บาท/เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ = (120 เดือน x 900 บาท) + (ผลประโยชน์ตอบแทน 10 ปี) = 108,000 + (ผลประโยชน์ตอบแทน 10 ปี)

    ท่านคงได้เห็นแล้วว่าเงินสมทบของท่าน ให้ประโยชน์อะไรกับท่านบ้าง ท่านผู้ประกันตนส่วนใหญ่รู้จักประกันสังคมเฉพาะเรื่องเจ็บป่วย แต่ไม่ทราบว่าที่จริงแล้ว ทุกๆ เดือนที่จ่ายสมทบ ท่านได้สร้างความคุ้มครองให้กับตนเองอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นคุ้มครองเรื่องทุพพลภาพ ตาย คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ว่างงาน รวมทั้งท่านยังได้ออมเงินไว้กับกองทุนประกันสังคมเพื่อให้ท่านได้มีบำเหน็จหรือบำนาญใช้ในยามเกษียณด้วย

    ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคมเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการออมเงินกับกองทุนประกันสังคมเพื่อให้ได้รับบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพหลังเกษียณ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคม เขตพื้นที่/จังหวัด/สาขาทั่วประเทศ หรือที่สายด่วนประกันสังคม 1506 ติดต่อระบบโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติ ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง ให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น.
    ที่มา : วิน พรหมแพทย์ สำนักบริหารการลงทุน สำนักงานประกันสังคม


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สปส. ย้ำ ผปต. เจ็บป่วยฉุกเฉินหรือประสบอุบัติเหตุ ห้ามทิ้ง!! ใบเสร็จรับเงินเด็ดขาด
    สำนักงานประกันสังคม

    สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ย้ำผู้ประกันตนที่เกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน ในช่วงสงกรานต์ให้เก็บหลักฐานต่างๆ เพื่อยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01) ได้ที่สำนักงานประกันสังคม เขตพื้นที่/จังหวัด ทุกสาขาทั่วประเทศ ภายใน 1 ปี
    สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองดูแลผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยฉุกเฉินหรือประสบอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยมีผู้ประกันตนที่เดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาและอาจประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินขึ้น หากผู้ประกันตนไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ได้ และมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยเร่งด่วน ซึ่งหากไม่เข้ารับการรักษาอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุดได้ โดยผู้ประกันตน/ญาติ/ผู้เกี่ยวข้องจะต้องรีบแจ้งให้โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ทราบในทันที เพื่อจะได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือเพื่อรับผู้ประกันตนไปรักษาต่อเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ สำนักงานประกันสังคมจะรับผิดชอบตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนด ภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ผู้ประกันตนเข้ารับการรักษาจนถึงเวลาที่ โรงพยาบาลตามบัตรฯ ได้รับแจ้ง โดยผู้ประกันตนสามารถนำหลักฐานมายื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนได้ คือ
    - แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส. 2-01)
    - สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน,ใบรับรองแพทย์,ใบเสร็จรับเงิน
    - หนังสือรับรองของนายจ้าง (กรณีขอรับเงินทดแทนการขาดรายได้)
    - สำเนาสมุดบัญชีธนาคารใดธนาคารหนึ่ง ดังนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกรุงไทย,
    ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารนครหลวงไทย, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารซีไอเอ็มบี
    ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถยื่นแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส. 2-01) พร้อมหลักฐานได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด ทุกสาขาทั่วประเทศ ได้ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน มีข้อสงสัยสอบถามได้ที่สำนักงานประกันสังคม เขตพื้นที่/จังหวัด/สาขาที่ท่านสะดวก หรือโทร.1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการทุกวันตั้งแต่ 07.00-19.00 น. ระบบโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th
    --------------------------------------------------------
    ศูนย์สารนิเทศ สอบถามข้อมูลประกันสังคม โทร.1506 / www.sso.go.th
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

แชร์หน้านี้

Loading...