ยุโรปส่องพบน้ำในดาวนอกสุริยจักรวาล

เจอแล้ว ดาวเคราะห์ดวงแรกที่มีน้ำ นอกระบบสุริยจักรวาล

"HD189733b" มีขนาดใหญ่กว่าดาวพฤหัสฯ 15% มันโคจรรอบกลุ่มดาว Vulpecula, the Fox และอยู่ห่างจากโลก 63 ล้านปีแสง

ผู้พบดาวดวงนี้คือ จิโอวานนา ทิเนตติ แห่งสำนักงานอวกาศยุโรป หรือ ESA และยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน โดยใช้กล้องส่องทางไกล "สปิตเซอร์สเปซ" ขององค์การนาซ่าส่องจนพบ ซึ่งกล้องนี้จะมีรังสีเซ็นเซอร์ตรวจสัญญาณเล็กๆ ที่เกิดจากไอน้ำดูดแสงจากดาว

ทิเนตติกล่าวว่า จากสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายของดาวเคราะห์ดวงนี้ เช่น ดาวประกอบขึ้นจากก๊าซมากกว่าที่จะเป็นหิน ทำให้ยากแก่การที่สิ่งมีชีวิตจะอาศัยอยู่ แม้ว่าที่นี่จะมีปริมาณน้ำมากกว่าที่คาดไว้ตอนแรก

สำหรับ HD 189733 มีขนาดพอๆ กับดวงอาทิตย์ แต่เย็นกว่า

แต่ถึงจะเย็นกว่าก็ยากแก่มนุษย์ที่จะอาศัย เพราะอุณหภูมิในบรรยากาศสูงถึง 2,000 องศาเซลเซียส

http://www.matichon.co.th/khaosod/k...g=03tec02200750&day=2007/07/20&sectionid=0326

 

อยากเจอมนุษย์ต่างดาวจังเลย...

 

*** แหล่งน้ำ ****

ทางช้างเผือก... คือ แหล่งน้ำของจักรวาล
น้ำ...ที่เพิ่มขึ้นบนโลก
ถูกส่งมาจาก....ทางช้างเผือก
ลอยมาตาม...กระแสลมจักรวาล
เพื่อ...เติมน้ำในโลกให้ครบสัดส่วน
ทุกอณูของสรรพสิ่งบนโลก....จึงจะสมบูรณ์

ที่กล่าวมา...คือ การจัดสรรของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือ โลกุตตระ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

การเติมน้ำให้กับโลก ตามสัดส่วนที่ขาดหายไป

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

นับว่าเป็นอีกหนึ่งความรู้ใหม่ของชาวโลก อนุโมนทนาด้วยครับ

 

จริงเหรอคะ

 

ใช่ดาวดวงเดียวกันป่าวครับ

 

คนละดวงสิครับ ดวงนึงใหญ่กว่าดาวพฤหัส 15%
อีกดวงเกือบเท่าดวงอาทิตย์ แต่จากรหัสแล้ว น่าจะอยู่ในระบบดาวเดียวกันนะ

 

(k)(k)(k)(k)(k)(k)(k)

 

*** เดินทางไกลด้วยน้ำ ****

การเดินทางท่องจักรวาล ในอนาคตจะใช้น้ำ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

({)

ขอสนับสนุนด้วยคน ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วย น่าจะแสดงความเห็นมาได้ เช่น
คุณ kontatip ลองไปซื้อหนังสือปฏิทินโหราศาสตร์ มาอ่านก็ได้ ทุกปีจะมีการทำนายการให้น้ำในจักรวาฬ และบนโลกเรา ว่ามีกี่ห่า เมื่อเข้าสุ่ปีใหม่ไทย (สงกรานต์) อันนี้เป็นหลักฐานพอได้กระมังว่า คนโบราณมีความเข้าใจเรื่องเป็นไปลึกซึ้งกว่า นักวิทยาศาสตร์มาก และมากกว่าที่คิดว่า เขารู้ได้อย่างไรว่า จะมีน้ำน้อยน้ำมาก ตรงไหน และเกี่ยวข้องกับโลก เพราะหนังสือปฏิทินโหร เป็นการตีพิมพ์ล่วงหน้า ซึ่งต้องอาศัยการเรียนรู้มาถึงจะกล้าระบุได้ ไม่งั้นโหราจารย์จะนำมาใช้เทียบได้หรือ การจะปฏิเสธสิ่งใด ย่อมเป็นสิทธิ์ แต่การถือสิทธิปฏิเสธแล้วไม่ยอมเรียนรู้ ก็น่าเสียดาย ฟังไว้ก็ไม่ขาดทุน เพราะในโลกนี้ยังมีอีกมาก ที่นักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่ทางพุทธศาสนาเราบรมครูใหญ่ มีคำตอบมานานกว่าสองพันห้าร้อยปี แล้ว คร้าบ (สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อธิบายไว้มากพอควรแก่การเรียนรู้) อยู่ที่คนอย่างเรา ๆ จะแตกฉาน หรือฉาบฉวยตะหาก แล้วทึกทักว่าไม่มีอยู่จริง แม้แต่โลกตะวันตกทุกวันนี้หันมาศึกษาพระพุทธศาสนากันมากขึ้น แต่พี่ไทยเรายังไหว้หินแปลก ไหว้สัตว์แปลกกันอยู น่าเสียดายนะครับ
+555

 

ที่มาของข่าวเข้าไม่ได้แล้วครับผม

 

ความจริงแห่งจักรวาฬสุริยะนี้ คือโลกและดาวเคราะห์ทั้งมวลที่เป็นบริวารของพระอาทิตย์นั้น โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยแรงเหวี่ยง และค่อยๆขยับเข้าหาดวงอาทิตย์ทีละน้อย ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย นั่นก็คือการรับรังสีความร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งมีพายุสุริยะที่กระตุ้นพลังงานภายในดวงอาทิตย์เป็นระยะๆอันเกิดจากปฏิกิริยาฟิวชั่นนิวเคลียร์เองอีก จึงทำให้โลกและมวลหมู่ดาราที่รายล้อมพระอาทิตย์เองได้รับความร้อนอย่างต่อเนื่อง และนี่เองเป็นเห็นให้โลกร้อนขึ้นในปัจจุบัน อีกอย่างคือฝีมือการทำอุตสาหกรรมต่างๆของโลกก็ปลดปล่อยธาตุคาร์บอนสู่บรรยากาศเป็นเนืองๆ ยิ่งทำให้เกิดสภาวะเรือนกระจกมากยิ่งขึ้น ส่วนบรรยากาศของโลกในชั้นรอบนอกก็เกิดรูแหว่ง ทำให้ร้อนจนแทบเดี้ยง หากแต่ว่าสิ่งเหล่านี้คือการเกิดจริง น้ำแข็งขั้วโลกละลาย สัตว์ทะเลตาย แหล่งอาหารกำลังจะขาดแคลน ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์

เมื่อโลกเราขยับเข้าใกล้ดวงอาทิตย์เท่าไหร่ ธาตุน้ำก็ยิ่งระเหยแยกเป็นโมเลกุลหลุดออกไปจากนอกโลก ในที่สุดโลกเราก็จะขาดน้ำ เมื่อน้ำได้เหือดแห้งไปแล้ว สิ่งมีชีวิตใดๆในโลกนี้ก็จะค่อยๆสูญสิ้นเผ่าพันธุ์อย่างมิต้องสงสัย

วิญญาณธาตุที่เป็นดวงจิตของสิ่งมีชีวิตก็จะพยายามหาถิ่นฐานที่พักใหม่ ซึ่งเหตุผลที่พอเป็นไปได้คือการอพยพไปสู่ดาวอังคาร และสร้างวิวัฒนาการแห่งมนุษย์ชาติใหม่อีกครั้ง เหตุที่เป็นไปได้เพราะว่าดาวอังคารยังพอมีหวัง ทำให้เกิดการสำรวจอาณาจักรใหม่ในองค์การที่เรารู้กันอย่างชินหู นั่นคือองค์การนาซ่านั้นเอง เพราะมีโอกาสที่พวกเราพอจะมีชีวิตรอดได้ หากแต่ว่าสิ่งที่สำคัญคือการสร้างสัมพันธไมตรีกับมนุษย์ชาวดาวอังคารด้วย มิฉะนั้นอภิมหาสงครามระหว่างโลกและดาวอังคารจะเกิดขึ้นอีก ...

เมื่อถึงกาลที่ดับสูญของโลก เวลานั้นเหล่าบริวารของดวงอาทิตย์ต่างก็ได้รับความร้อนเช่นกัน และบางดวงร้อนและแผ่กระจายรังสีออกมาทำให้บริวารดาวเคราะห์ทั้งหลายเปล่งแสงออกมา เหมือนดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง ... ณ. วันนั้นย่อมประหนึ่งเสมือนว่ามีพระอาทิตย์เกิดขึ้นอีก ๗ ดวง ซึ่งตรงกับที่พระองค์สัมมาพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ คืออนาคตข้างหน้าอันยาวไกลจะมีพระอาทิตย์เกิดขึ้นมาก นับได้ถึง ๗ ดวงเลยทีเดียว<!-- google_ad_section_end -->