สงสัยครับ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย วรญไวโรจน์, 15 มิถุนายน 2010.

  1. วรญไวโรจน์

    วรญไวโรจน์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +12
    ผมได้ไปเจอข้อความเหล่านี้จากที่แห่งนึง จึงได้สนใจขึ้นมา เลยเข้ามาสู่สังคมใหญ่อย่างเวปพลังจิตนี้ ผมขอความเห็นของผู้่มีจิตญาณจริงๆนะครับ ผู้ที่เป็นวิชาการตำราต่างๆ ขอพักไว้ก่อนเอาไว้รอบหลังนะครับ ย้ำผู้ที่มีจิตญาณอภิญญาเท่านั้น

    ข้อความดังนี้

    มหาธรรม เรื่อง การบำเพ็ญเป็นปฐมธรรมราชาและพระพุทธเจ้าองค์ปฐม


    การบำเพ็ญบารมีเป็นพระพุทธเจ้ามี หลายแบบ แบบที่เป็นองค์ปฐมบำเพ็ญบารมีอย่างหนึ่ง แบบที่บำเพ็ญบารมีเป็นองค์ต่อไปของกัปนั้นๆ ก็บำเพ็ญอีกแบบหนึ่ง ดังอธิบาย


    การบำเพ็ญแบบองค์ ปฐม
    ก็คือ การบำเพ็ญบารมีเป็น “พระเจ้าจักรพรรดิองค์ปฐม” แต่ในช่วงห้าพันปีนี้ ไม่สามารถทำได้ ผู้บำเพ็ญบารมีเป็นพระเจ้าจักรพรรดิจะได้สมบัติจักรพรรดิไม่ครบ ๗ ประการ จะมีบารมีไม่เต็มขั้น



    การบำเพ็ญบารมีนี้จะทำได้ในกัปหน้า ซึ่งต้องรอให้พระศรีอาริยเมตตรัยมาตรัสรู้จนสิ้นกัปนี้ไปก่อน กัปหน้าจึงจะบำเพ็ญบารมีเป็นพระเจ้าจักรพรรดิกันได้ แต่ถ้าบำเพ็ญช่วงห้าพันปีนี้ จะกระทบต่อพระพุทธศาสนาทันที เนื่องจากพระพุทธศาสนายุคนี้ อาศัยบุญบารมีตรงจากพระสมณโคดมพุทธเจ้า และบุญบารมีเป็นของหยิบยื่นให้แทนกันไม่ได้ บุญใครทำ คนนั้นรับไป พระพุทธเจ้าสมณโคดมทำอย่างไรมา ก็ย่อมได้อย่างนั้น



    .....พระศรีอาริยเมตตรัยทำอย่างไรมาก็ได้อย่างนั้น พระเจ้าจักรพรรดินั้น จะเกิดได้หนึ่งองค์ในกัปนี้ คือ ยุคที่พระศรีอาริยเมตตรัยมาตรัสรู้นั่นเอง แล้วพระเจ้าจักรพรรดิองค์นั้น ก็จะบำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็น “พระพุทธเจ้าองค์ปฐม” ของกัปหน้าต่อไป โดยจะบำเพ็ญในกัปหน้าที่จะไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เลย อยู่กัปหนึ่ง จากนั้นจึงเกิดกัปที่มีพระพุทธเจ้า


    ดังนั้น โดยสิทธิ์และศักดิ์ทั้งปวง ยุคนี้ เราย่อมบำเพ็ญบารมีได้เพียง “ปฐมธรรมราชา” ก็เท่านั้น ถ้าจะให้ได้ถึงพระเจ้าจักรพรรดิ ก็ต้องทำลายศาสนาของพระพุทธเจ้าสมณโคดมให้สิ้นลงก่อน แล้วยกเอาพระศรีอาริยเมตตรัยเป็นศาสดาเอกของโลก พระเจ้าจักรพรรดินั้นจึงจะอยู่รอดต่อไปได้ ไม่ตายเสียก่อน ซึ่งจะเข้ายุคของพระศรีอาริยเมตตรัยทันที ซึ่งมันไม่ใช่ มันยังไม่ถึง ดังนี้ “มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีพระเจ้าจักรพรรดิใน ยุคนี้” แต่มีของเก๊ ของเทียม ของเลียนแบบได้คือ ทำตัวเป็นพระเจ้าจักรพรรดิแต่ไม่มีบารมีที่จะครอบครอง “สมบัติจักรพรรดิ ๗ ประการ” ได้ จึงเรียกว่า “พระเจ้าจักรพรรดิเทียม” ก็พอได้ อาจเกิดได้อยู่ สรุป การบำเพ็ญบารมีในยุคนี้ในทางโลกได้สูงสุดเพียง “ปฐม ธรรมราชา” เท่านั้น


    พระธรรมราชากับพระ ปฐมราชานั้นต่างกัน
    การบำเพ็ญบารมีเป็น “พระธรรมราชา” ก็อย่างหนึ่ง “พระปฐมราชา” ก็อย่างหนึ่ง พึงรู้ว่าไม่เหมือนกัน อย่างเอามารวมกัน ยกตัวอย่างเช่น พระเจ้าสายน้ำผึ้ง มีบุญบารมีเป็นปฐมกษัตริย์ เนื่องจากตอนนั้นเชื้อสายราชวงศ์เก่าๆ ไม่มีเหลือแล้ว พวกพราหมณ์ก็เสี่ยงทายไปพบท่านก็ทูลเชิญมาเป็นกษัตริย์ แต่ท่านไม่ได้มีความรู้เรื่องพุทธศาสนามากพอที่จะเรียกได้ว่าเป็น “พระธรรมราชา” ส่วนพระธรรมราชานั้น มีประวัติของผู้บำเพ็ญบารมีได้คือ พระธรรมราชาลิไท แห่งราชวงศ์สุโขทัย บารมีแห่งพระธรรมราชานี้ มากพอจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง แต่ไม่มากพอที่จะขึ้นเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐม (เหนื่อยไหมเนี่ย กว่าจะบำเพ็ญบารมีได้ดังใจ ไม่ใช่น้อยๆ เลย)


    สรุปง่ายๆ คือ คนที่อยากจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐมของกัปหน้า จะต้องสั่งสมบุญบารมีเพื่อให้ได้เป็น “พระเจ้าจักรพรรดิองค์ปฐม” ในยุคของพระศรีอาริยเมตตรัยแล้วสนับสนุนท่าน ก็จะมีบุญบารมีมากพอที่จะไปต่อได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐมแห่งกัปหน้า ซึ่งยังมีอีกกัปหนึ่งเกิดขึ้นก่อน ให้พระเจ้าจักรพรรดิผู้นั้น “รับวิบากกรรมเต็มๆ” จากการเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดินั้น ถ้าใจร้อนรีบบำเพ็ญบารมีขึ้นเป็น “พระเจ้าจักรพรรดิภายในห้าพันปีนี้” ก็จะไม่อาจสนับสนุนพุทธศาสนาของพระสมณโคดมได้ แต่จะสนับสนุนพุทธศาสนาแบบมีลัทธิและนิกาย ในส่วน “มหายาน ของพระศรีอาริยเมตตรัย” แทน ก็บอกแล้วว่าบุญใครทำคนนั้นได้ ให้กันไม่ได้ จะกล่าวอีกกี่ร้อยครั้งก็จะพูดอย่างนี้ว่าพระสมณโคดมไม่ได้ทำบุญมาให้ได้พระ เจ้าจักรพรรดิ จะอยากได้ขนาดไหนก็ไม่มีทางจะได้ ขนาดตอนพระองค์ท่านมีชีวิตอยู่ก็ยังไม่ได้ ได้ก็แต่พระธรรมราชา ๗ องค์เท่านั้น เช่น พระเจ้าพิมพิสาร, พระเจ้าปเสนทิโกสน องค์นี้เป็นนิตยโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้ต่อๆ ไป ซึ่งไม่ใช่องค์ปฐมทั้งสิ้น


    พระศรีอาริยเม ตตรัยสององค์?
    พระมหาโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตตรัย แบ่งมากมายจนไม่อาจนับได้ แต่จะมีภาคใหญ่ ที่มีบุญบารมีมากพอที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้ ๒ องค์ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ ไม่มีในตำราใดๆ ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องมาเชื่อ (ผู้เขียนเขียนทิ้งไว้อย่างนั้นละ ไม่เกี่ยวกับใคร เผื่อตนเองตายแล้วมาเกิดใหม่ ได้อ่านข้อความเหล่านี้ก็จะสานต่องานเก่าได้) สององค์นั้นองค์หนึ่ง จะตรัสรู้เป็นองค์สุดท้ายเพื่อปิดกัปนี้ อีกองค์หนึ่งจะตรัสรู้เป็นองค์ปฐมของกัปต่อไป

    ลักษณะของพระศรีอา ริยเมตตรัยองค์ปิดกัป
    ๑) ท่านจะโปรดแก่กาเผือก หรือพุทธมารดาแห่งภัทรกัปนี้ให้สำเร็จให้ได้ ท่านจะติดแม่ ดังเช่น ชาติที่เกิดเป็น “อิกคิวซัง” และอดทนต่อพ่อที่ดุร้ายได้ (พ่อเป็นเสือ) ให้สังเกตดีๆ ท่านจะไม่ยอมละทิ้งพ่อและแม่ แม่จะโง่ทึบ ส่วนพ่อจะดุร้ายมาก
    ๒) ท่านจะไม่เอาผู้หญิงแล้ว เนื่องจากภัทรกัปนี้ จะโปรดผู้ชายเป็นหลัก โปรดผู้หญิงแต่น้อยให้ผู้หญิงอยู่ทางโลกสนับสนุนพระพุทธศาสนา หมดกรรมมาเกิดเป็นชายก่อนจึงจะบวชแล้วเอานิพพานได้ ในขณะที่ภัทรกัปหน้าจะโปรดทุกคนเสมอกัน
    ๓) ท่านจะบำเพ็ญบารมีช่วยเหลือพระ นิตยโพธิสัตว์องค์อื่นๆ ในฐานะพี่เลี้ยง จะไม่แย่งน้องๆ เนื่องจากบารมีเก่าที่เคยสละให้พระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาในภัทรกัปนี้ ท่านจึงไม่แข่งขันเป็นที่หนึ่ง ยอมเป็นที่สองหรือลำดับสุดท้ายได้ มีขันติมาก
    ๔) ท่านจะบำเพ็ญบารมีหนักมาทาง “การรักษา” เช่น เกิดเป็นแพทย์รักษาโรคคน ในชาติที่เป็น “หมอโฮจุน” ก็คือภาคหนึ่งของท่าน หรือรักษาบ้านเมืองให้พ้นภัย เช่น ชาติที่เกิดเป็นรัชการที่สี่ทำให้พ้นภัยล่าอาณานิคมได้ ก็เป็นอีกภาคหนึ่ง
    ๕) ในชาติหลังกึ่งพุทธกาลไปจนครบห้า พันปี ท่านจะเก็บตัวและอยู่ลับๆ มากกว่าที่จะเปิดเผย เนื่องจากเป็นการชำระกรรมให้ตนใสสะอาดพร้อมอย่างแท้จริง และไม่ขวางทางนิพพานของมวลสัตว์ ไม่กลายเป็นศาสดาเอกองค์ใหม่ของโลก


    ลักษณะของพระศรีอาริยเมตตรัยองค์ปฐม
    ๑) ท่านจะมีพ่อเป็นมังกร กำเนิดจากเผ่ามังกร พ่อลูกจะไม่รักกันนัก สามารถเข่นฆ่ากันได้ แต่ท่านจะไม่ฆ่าพ่อตนเอง จะสามารถยั้งมือไว้ได้ (พ่อร้ายกว่าพ่อเสือในกัปก่อนนี้) ส่วนแม่จะเป็นมังกรเขียวมีความหลง ฉันทาคติมาก ชอบให้คนเอาใจ
    ๒) ท่านจะโปรดผู้หญิงมาก จึง “เจ้าชู้มาก” มีภรรยามาก มากกว่า ๑ คนเสมอ ในกัปนั้นจะมีภรรยากันมากมาย ชายหนึ่งคนอาจมีภรรยาอย่างน้อย ๔ คน ต่างจากองค์ปิดกัปที่จะมี “เนกขัมบารมี” มาก เห็นภัยและโทษแห่งความรัก จึงห่างจากหญิง
    ๓) ท่านจะแข่งขันกับพระนิตยโพธิสัตว์ อีกสามองค์ที่แย่งกันเป็นองค์ปฐม อันได้แก่ พระรามเจ้า, พระยามาราธิราช และพระอสุรินทราหู เสมอๆ เช่น การแข่งกันเป็นประธานาธิบดีคนแรกของจีน, การแข่งกันเป็นประธานาธิบดีคนแรกของไทย ฯลฯ
    ๔) ท่านนี้จะบำเพ็ญบารมีหนักมาทาง “สร้างและทำลายล้าง” ดังนั้น ท่านจึงเป็นนักปฏิวัติตัวฉกาจเช่นชาติที่เกิดเป็น “ซุนยัดเซน” หรือบำเพ็ญบารมีมาทางมหาเทพแห่งการทำลายล้าง (ศิวะ) แต่ท่านจะมีกรรมมาก เพราะยังไม่รีบตรัสรู้ในเร็วๆ นี้
    ๕) ในชาติหลังกึ่งพุทธกาลไปจนครบห้า พันปี ท่านจะมีบทบาทมาก คือ สนับสนุนพุทธศาสนาให้ครบห้าพันปี สานต่อพุทธศาสนาที่หักกลางนั้น ดังนี้ ท่านจึงจะปรากฏตัวชัดต่อสาธารณชนเปิดเผยโด่งดัง แต่เฉพาะทางโลกไม่ใช่ทางธรรม


    อนึ่ง เดิมทีพระพุทธเจ้าทำนายไว้ว่ากัปต่อไปจะมีพระรามเจ้า ๑ องค์ แต่นั่นประมวลผลการบำเพ็ญบารมี ณ วันที่ทำนายนั้น แต่วันนี้การบำเพ็ญบารมีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาก กัปหน้าจะเป็น “ภัทรกัป” อีกครั้ง แต่องค์ที่จะตรัสรู้เป็นองค์ปฐมจะไม่ใช่พระรามเจ้า เนื่องจากท่านบำเพ็ญบารมีแล้วไม่สำเร็จ จะเป็นพระศรีอาร์ฯ อีกภาคแบ่งหนึ่งแทน เพราะพระรามเจ้าปรารถนาจะได้ศาสนาแบบพระศรีอาริยเมตตรัย ถ้าพระรามเจ้าตรัสรู้เป็นองค์ปฐม ก็จะได้แค่ปัญญาธิกะ ท่านจึงเพียรบำเพ็ญบารมีต่อให้ได้วิริยธิกะตรัสรู้เป็นองค์ปิดกัปหน้า



    ข้อความที่เน้นสีแดงนี้หละครับ ที่ผมสนใจว่า จะจริงเท็จประการใด



    ขอบคุณครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2010
  2. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852

    ตื่นตาตื่นใจดีนะครับ

    ถูกกิเลสครับ หาบทความที่ดีมีสาระ

    แบบคุณคนนี้ คงจะได้รู้อะไรอีกมาก ที่รู้อยู่แล้ว

    ก็แน่นเข้าไปอีก
     
  3. thontho

    thontho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +612
    ทำไมที่บันทึกในตำราหรือจากปากมนุษย์ จะต้องจริงล่ะครับ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า หาฟ้าให้เจอก่อน แล้วค่อยถามฟ้า ความรู้ไม่มีที่สิ้นสุดครับ
     
  4. chartz

    chartz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +223
    น่าสนๆๆๆ

    ถ้ามีแหล่งอ้างอิงให้ตามไปค้นจะดีมากๆเลย

    แต่ผมงงว่าพระศรีอารย์ ท่านเคยเป็น อิคคิวซัง กับหมอโฮจุนด้วยหรอครับ

    แล้วการแข่งกันเป็นประธานาธิบดีคนแรกของจีน

    เป็นการแข่งกันของพระโพธิสัตว์ถึง 3 พระองค์เลยเหรอครับ งานใหญ่เลยนะนั่น
     
  5. ไห่เบ้หยิง

    ไห่เบ้หยิง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +89
    เหมือน ติงไห่ กับ ฟางซินเสีย น่าจะบอกด้วยนะว่าเป็นพ่อลูกกัน
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อย่างดูแล้ว ไม่น่า เชื่อถืออย่างแรง คับ

    อ่านแล้ว เหมือนคน ไม่เข้าใจ ศาสนาพุทธ อย่างแรง แล้วมี เขียนเรื่อง แต่งเรื่องขึ้นมา ทั้งนั้น

    มั่ว พร้อม หา ความจริง ไม่ได้ สักอย่าง

    ศาสนา พุทธ นะ ไม่ใช่ เอา ศาสนา อื่นๆ เข้ามา มั่วไปหมด เหมือน พยายามจะ เขียนให้ดูดี น่าเชื่อ ถือ


    เท่านั้นยังไม่พอ แต่รู้สึกเหมือน จะพยายาม ให้เข้าใจ ศาสนา พุทธ ผิดๆ อีก บอกผิด ๆ สอน ผิดๆ เหมือน ทำลาย ศาสนา พุทธ ทางอ้อม เลย คับ

    แถมมีการกล่าวตู่ พระพุทธเจ้า ว่า โกหก อีกตะหาก ใครอ่านแล้วไปหลงเชื่อ ไม่ วิเคราะห์ ให้ดี เข้าใจ ศาสนาพุทธ แล้วก็ พระพุทธเจ้า ได้ผิดๆ แน่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2010
  7. boby1

    boby1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +117
    ปติบัติเอง รู้เอง เห็น เอง ครับ
     
  8. วีระชัยมณี

    วีระชัยมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,128
    ค่าพลัง:
    +2,548
    คงไม่จริงครับ...มั่วกันหมดครับ...การทำนายของพระพุทธเจ้าคือถูกที่สุด เปลี่ยนแปลงไม่ได้ครับ ไม่ใช่การประมวลผล ณ ขณะนั้นครับ....ผิดถนัดครับ
     
  9. yuth01

    yuth01 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +1,152
    อย่างดูแล้ว ไม่น่า เชื่อถืออย่างแรง คับ
    อ่านแล้ว เหมือนคน ไม่เข้าใจ ศาสนาพุทธ อย่างแรง แล้วมี เขียนเรื่อง แต่งเรื่องขึ้นมา ทั้งนั้น มั่ว พร้อม หา ความจริง ไม่ได้ สักอย่าง
    ศาสนา พุทธ นะ ไม่ใช่ เอา ศาสนา อื่นๆ เข้ามา มั่วไปหมด เหมือน พยายามจะ เขียนให้ดูดี น่าเชื่อ ถือ
    เท่านั้นยังไม่พอ แต่รู้สึกเหมือน จะพยายาม ให้เข้าใจ ศาสนา พุทธ ผิดๆ อีก บอกผิด ๆ สอน ผิดๆ เหมือน ทำลาย ศาสนา พุทธ ทางอ้อม เลย คับ<!-- google_ad_section_end --> ..... Saber

    .............................................................
    เห็นด้วยกับคุณ Saber

    มนุษย์ก็ปรุงแต่งเก่งอย่างนี้แหละครับ กิเลสมันจึงหัวเราะเราอยู่ไม่รู้กี่กัปป์ กี่กัลป์มาแล้ว............
     
  10. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    เรื่องน่าสนใจ น่าศึกษา หากมีข้อมูลเพิ่มช่วยเล่าต่อครับ
    ท่าน จขกท คงไม่ได้บังคับให้เพื่อนธรรมทั้งหลายเชื่อหรอกครับ
    อ่านไว้ รู้ไว้ไม่เสียหายใดๆ

    ขออนุโมทนาครับ
     
  11. วรญไวโรจน์

    วรญไวโรจน์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +12
    อนุโมทนาครับ ทุกๆท่านที่เข้ามาตอบ

    ผมแค่สงสัยครับ

    ผมเป็นคนมีความรู้เกี่ยวกับศาสนาน้อยครับ จึงอยากเรียนรู้ข้อมูลจากหลายๆอย่าง หลายๆที่ครับ
     
  12. วรญไวโรจน์

    วรญไวโรจน์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +12
    ยังมีข้อสงสัยอีก1 (ขออภัย เป็นคนขี้สงสัยครับ)

    สมมุติ ถ้าในสมัยพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนมายุอยู่
    พระองค์ ทรงประกาศรับรองชัด...แค่พระศรีอาริยเมตไตรยพระองค์เดียวเท่านั้น ว่าจะได้ตรัสรู้ต่อจากพระองค์ เป็นองค์ที่1


    แต่ส่วนองค์อื่นๆอาจจะได้รับพยากรณ์ แต่ไม่ได้ระบุ บอกลำดับ ว่าเป็นองค์ที่เท่านั้นเท่านี้ ตามตำราอนาคตวงศ์ในปัจจุบัน

    เพราะหลังจากที่พุทธศาสนาถูกโจมตีจากสงครามใหญ่ครั้งนั้น หลักฐานตำรับตำราถูกเผาเกือบหมด และก่อนหน้านั้น พราหมณ์ก็เป็นผู้มีอำนาจ เข้ารักษาพร้อมกับลัทธิแบบของตนผสมผสานกันเข้า

    จึงอาจเเต่งเติมเรื่องอนาคตวงศ์ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้หวังประโยชน์อะไรบางอย่าง เช่นเอาชื่อ พระรามโพธิสัตว์ พระอสุรินราหู เข้ามาเป็นองค์ต้นๆ เป็นต้น จนกลายเป็นตำนานความเชื่อมาถึงทุกวันนี้

    ผมแค่สงสัยหน่ะครับ ได้โปรดแสดงความเห็นพร้อมทั้งข้อมูลต่างๆให้ผมได้ศึกษาด้วยนะครับ

    ปล.ไม่รู้ว่าผมจะสื่ออย่างไงดี ให้เป็นเหมือนคนไม่มีโทษในพระศาสนา แต่ก็สงสัยจริงๆนะครับ ขอให้ทุกๆท่านโปรดอย่าด่าผมเลยนะครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2010
  13. yoopee_up

    yoopee_up เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +203
    ท่านวรญไวโรจน์ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิดหรอกครับ กระผมก็เป็นคนที่ไม่รู้มาก่อนเหมือนกันเป็นเหตุให้ต้องมาเกิด(ปัจจุบันก็ยังไม่รู้)ผมก็อ่านและศึกษาหลักของศาสนาอื่นๆมาพอสมควรเหมือนกันแต่ไม่ได้ลึกอะไรมากผมเลยคิดได้ว่าไม่สมควรนำมาเปรียบเทียบระหว่างศาสนาด้วยกันหรือแม้กระทั่งสายต่างๆในศาสนาพุทธเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกผมก็คิดว่าหลักธรรมที่ตถาคตกล่าวไว้เป็นหนึ่งไม่มีสอง ถ้าเขาจะรู้ก็จะรู้ได้ด้วยตนเอง เรื่องอย่างนี้มันเป็นเรื่องของอจินไตย นอกจากท่านจะฝึกและบำเพ็ญเพียรได้เห็นจริงในสัจธรรมของตถาคตเจ้าที่ตรัสไว้ดีแล้ว

    และกระผมก็คิดว่าบรรดาพระโพธิสัตว์ไม่ถือตัวถือตนหรือโอ้อวดตัวให้ยิ่งกว่าคุณที่มีอยู่ถ้าใครได้ดีกว่าก็ยินดีในส่วนดีของเขาถ้าใครพลาดพลั้งก็ควรช่วยเหลือค้ำจุลเขา

    ถ้ากระผมเขียนผิดพลาดอะไรไปก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2010
  14. คนนะ

    คนนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +221
    รอฟัง......................
     
  15. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    ท่าน จขกท....ครับ
    ท่านคงเข้าใจอะไรผิดไปแล้วมั้งครับ
    คำว่าองค์ปฐมไม่ได้หมายถึงองค์แรกในมหากัปป์ที่พระพุทธเจ้ามาอุบัติ แต่หมายถึงพระพุทธเจ้าพระองค์แรก( องค์ปฐม )
    ลองอ่านดูนะครับ

    มหากัปป์ที่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ 1 พระองค์เรียกว่า สารกัปป์

    มหากัปป์ที่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ 2 พระองค์เรียกว่า มัณฑกัปป์

    มหากัปป์ที่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ 3 พระองค์เรียกว่า วรกัปป์

    มหากัปป์ที่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ 4 พระองค์เรียกว่า สารมัณฑกัป

    มหากัปป์ที่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ 5 พระองค์เรียกว่า ภัทรกัปป์

    ในแต่ละมหากัปป์( 1 มหากัปป์มี 256 กัปป์ )ที่พระพุทธเจ้ามาอุบัติก็แล้วแต่ว่าพระโพธิสัตว์พระองค์ไหนบารมีท่านเต็ม 30 ทัศน์ก่อนก็จะมาอุบัติก่อน ตัวอย่างอย่าง ภัทรกัปป์นี้
    1.พระกกุสันธพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
    เมื่อสมัย เป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนมหากัปป์ (อุบัติในกัปป์ที่ 9 )

    2.พระกกุสันธพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
    เมื่อสมัย เป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนมหากัปป์(อุบัติในกัปป์ที่ 10 )

    3. พระกัสสปพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
    เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป (อุบัติในกัปป์ที่11 )

    4.พระศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
    เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 4 อสงไขยแสนมหากัปป์ (อุบัติในกัปป์ที่12 )

    5. พระอริยเมตตรัยพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
    เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 16 อสงไขยแสนมหากัปป์(อุบัติในกัปป์ที่ 13 )


    ไม่มีพระโพธิสัตว์องค์ไหนแบ่งภาคได้ด้วยครับ และแข่งกันหรอกครับ ใครเต็มก่อนก็มาอุบัติก่อน เท่านั้นเอง ระดับองค์นิตยโพธิสัตว์แล้ว พระองค์ไม่มีการแข่งขันกันหรอกครับ

    ท่านเอาบทความนั้นมาจากไหนครับ อ่านแล้วสนุกจังเลยนะครับ (เหมือนหนังจีนเลย อิอิ)
     
  16. ตาโป

    ตาโป สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    ได้ความรู้มากเลยคับผมม
     

แชร์หน้านี้

Loading...