สงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของฌาณกับนิมิต

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย nrcl, 31 ตุลาคม 2006.

  1. nrcl

    nrcl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +4,318
    ผมมีความสงสัยเกี่ยวกับคำสอนของหลวงพ่ออยู่เรื่องหนึ่งครับ ที่หลวงพ่อบอกว่าการทำกสิณเมื่อเริ่มเข้าอุปจารสมาธินิมิตจะค่อยๆกลายเป็นสีขาว พอเข้าฌาณนิมิตจะเริ่มใสขึ้นเรื่อยๆจนเมื่อถึงฌาณ 4 จะกลายเป็นแก้วใสประกายพฤกษ์ ความสงสัยก็คือ

    1) สมมติว่าเราทำกสิณสีแดง เราเริ่มที่สีแดง แล้วเราน้อมบังคับนิมิตให้กลายเป็นสีขาวทึบ แล้วให้ค่อยๆใสขึ้นเรื่อยๆ อย่างนี้ผิดวิธีรึเปล่าครับ (โดยการบังคับ ไม่รอให้เกิดขึ้นเอง) แล้วเมื่อนิมิตกลายเป็นแก้วใสประกายพฤกษ์ จิตเราจะอยู่ที่ฌาณ 4 โดยอัตโนมัติรึเปล่า
    2) สงสัยคำว่าประกายพฤกษ์ครับ ช่วยอธิบาย หรือยกตัวอย่างนิดนึงได้ไหมครับ ความเข้าใจผมคือเป็นแก้วใสที่มีประกาย เหมือนต้องแสงไฟ ถูกต้องรึเปล่า
    3) คำว่า นวสี ที่สามารถเข้าฌาณออกฌาณ สลับฌาณ ได้คล่อง โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาที การสังเกตุว่าอยู่ที่ฌาณไหนสังเกตุจากอะไรครับ ลมหายใจ หรือนิมิต รึเปล่า หรือว่าใช้วิธีอื่นๆ ขอความรู้เป็นธรรมทานสำหรับการปฎิบัติด้วยครับ

    ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
    ผมเข้าใจว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่เริ่มปฎิบัติได้มาก หลายๆคนคงสงสัยคล้ายๆกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 ตุลาคม 2006
  2. ren

    ren เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,646

    อ่ะ อ่ะ

    บอกไว้ก่อนน่ะจ๊ะว่าเราเองก็ไม่เก่งเหมือนกัน
    แต่จะขอแนะนำตามความเข้าใจของเราแล้วกัน

    สมมุติว่า เราทำกสินสีแดง ....
    ตอนแรงมันก็ต้องแดงใช่ไหม .. ? จับดวงแดงๆ ก่อน
    ไม่เห็นต้องไปบังคับให้มันเป็นสีโน้นสีนี้เลย
    เมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็จะเปลี่ยนเองอัตโนมัติ
    แม้ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นอะไรก็ต้องตามดูรู้ตัวเสมอ

    แต่บ้างที่ เขาสอนกันให้จับดวงแก้ว ใสๆ
    เป็นการลัดขั้นตอน ก็ดีจ๊ะ ทรงดวงแก้วให้อยู่
    แล้วจะเป็นดวงประกายพฤกษ์เมื่อไรเรารู้เองคะ
    เมื่อถึงเวลานั้น มันจะสว่างมากกๆๆๆๆ
    ไม่ใช่เพียงแก้วใสต้องไฟแต่จะสว่างไสว
    เหมือนมีดวงอาทิตย์เป็นของตัวเอง กักๆ
    (อันนี้ไม่ทราบว่าแต่ละคนจะเหมือนกันรึเปล่า เท่าที่เคยเจอเป็นแบบนี้ )

    ส่วนเรื่องการเข้าออกฌาน อันนี้ต้องอาศัยการฝึกฝน
    ผู้ฝึกสมถะ มิใช่เพียงนั้งสมาธิให้ได้ถึงฌานโน้นฌานนี้
    แต่จะต้องเขาออกฌานได้อย่างคล่องแคล่ว
    และนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆได้
    การใช้ประโยนช์สูงสุด คือการตัดกิเลส เพื่อเข้าสู่นิพพาน

    แล้วการสังเกตุว่าอยู่ฌานไหนนั้น แฮะๆ
    ตถาคตพ่อเจ้า ท่านสอนแล้วจ้า
    ท่านบอกไว้หมดล่ะค่ะ ว่าองค์ฌานนั้นเป็นอย่างไร ที่เวปนี้ก็มีบอกน่ะ

    แต่ว่าแนะนำนิดหนึ่ง
    เวลาปฎิบัติอย่าไปใส่ใจมาก ว่าตอนนี้เราอยู่ฌานไหนแล้ว
    เพราะจิตจะไม่เป็นสมาธิ มัวแต่กังวลสงสัยเกิดนิวรณ์มาอีก
    เหอๆ เราเองก็เป็นบ่อย มัวแต่สงสัยเลยไม่ค่อยได้เรื่อง

    ส่วนเรื่องนิมิต เรื่องนี้ พูดยาก หากเป็นนิมิตรเห็นเป็นเรื่องราว
    บ้างทีนิมิตติ้งต๊อง มาจากจิตฟุ้งฟ่าน
    บางทีก็เชื่อได้ บางทีก็ไม่ ไม่ต้องใส่ใจมันมากจะดีกว่า

    วางใจเป็นกลาง เฝ้าดูอาการของจิต แต่อย่าไปยึดกับอาการตรงนั้น

    ขอให้ก้าวหน้าเจริญในธรรมน่ะจ๊ะ
    สาธุ สาธุ

    ปล. อย่าเชื่อเรามากลองทำดูแล้วศึกษาด้วยตัวเองจากคำสอนของตถาคตเจ้า อริยะเจ้าทั้งหลาย แล้วจะรู้ได้ด้วยตนเอง

    โมทนาในทุกการตั้งจิตเพื่อกุศลกรรม

    บาย บาย ๆ (^.^)

    (bb-flower
     
  3. dj-up

    dj-up เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +112
    อืม...ดีมากเลยครับ
     
  4. ทำเป็นงง

    ทำเป็นงง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +557
    yellow

    ผมมีความสงสัยเกี่ยวกับคำสอนของหลวงพ่ออยู่เรื่องหนึ่งครับ ที่หลวงพ่อบอกว่าการทำกสิณเมื่อเริ่มเข้าอุปจารสมาธินิมิตจะค่อยๆกลายเป็นสีขาว พอเข้าฌาณนิมิตจะเริ่มใสขึ้นเรื่อยๆจนเมื่อถึงฌาณ 4 จะกลายเป็นแก้วใสประกายพฤกษ์ ความสงสัยก็คือ

    ถ้าทรงภาพ นิมิตกสินได้ จัดอยู่ใน อุปจารสมาธิขั้นต้น เรียกว่า อุคหนิมิต
    ถ้านิมิต จะเริ่มขาว ต้องอุปจารสมาธิ ขั้นปลาย ถึงปฐมฌานขั้นต้น เรียกว่า ปฏิภาคนิมิต

    1) สมมติว่าเราทำกสิณสีแดง เราเริ่มที่สีแดง แล้วเราน้อมบังคับนิมิตให้กลายเป็นสีขาวทึบ แล้วให้ค่อยๆใสขึ้นเรื่อยๆ อย่างนี้ผิดวิธีรึเปล่าครับ (โดยการบังคับ ไม่รอให้เกิดขึ้นเอง) แล้วเมื่อนิมิตกลายเป็นแก้วใสประกายพฤกษ์ จิตเราจะอยู่ที่ฌาณ 4 โดยอัตโนมัติรึเปล่า

    ผิดวิธี สีจะเปลี่ยนเอง โดยไม่ต้องกำหนดบังคับ เพราะถ้าจิตถึงฌาณ จิตกับกาย จะเริ่มแยก ความรู้สึก
    การกำหนดบังคับ จะใช้ได้ในอารณ์ อุปจารสมาธิ และปฐมฌาน คือ กำหนด ย่อขยาย หรือเปลี่ยนตำแหน่ง นิมิตกสิน เท่านั้น ฌาณยิ่งสูง ภาพนิมิตยิ่งใส นะ

    2) สงสัยคำว่าประกายพฤกษ์ครับ ช่วยอธิบาย หรือยกตัวอย่างนิดนึงได้ไหมครับ ความเข้าใจผมคือเป็นแก้วใสที่มีประกาย เหมือนต้องแสงไฟ ถูกต้องรึเปล่า

    ไม่สว่างจนแสบตา นะ เคยเห็นเพชร หรือ คริสตอล ที่โดนแสงสว่าง หรือเปล่าครับ

    3) คำว่า นวสี ที่สามารถเข้าฌาณออกฌาณ สลับฌาณ ได้คล่อง โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาที

    อย่าเอาอารมณ์เรา ไปเทียบ หลวงพ่อ ถึงหลวงพ่อสอน ก็จริง

    การสังเกตุว่าอยู่ที่ฌาณไหนสังเกตุจากอะไรครับ ลมหายใจ หรือนิมิต รึเปล่า หรือว่าใช้วิธีอื่นๆ ขอความรู้เป็นธรรมทานสำหรับการปฎิบัติด้วยครับ

    นี่พูดเรื่องกสิน นะ ไม่เกี่ยวกับอานาปานสติ แต่ คล้ายกัน นะ
    อุปจารสมาธิ ทรงภาพกสินได้ (นิมิตกสิน ยังไม่เริ่มขาว) คำภาวนายังอยู่
    ฌาณ ๑ ภาพเริ่มใส คำภวนายังอยู่ เสียงภายนอก ได้ยิน แต่ไม่รำคาญ (ตัดวิตก)
    ฌาณ ๒ ภาพใสขึ้น คำภาวนาหาย (ตัดวิจารย์) เสียงภายนอกเริ่มเบา
    ฌาณ ๓ และ ฌาณ ๔ ไม่ขออธิบาย เพราะเป็นอารมณ์ ลื่นไหล คือประคองอารมณ์ ก็ถึงเอง

    ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
    ผมเข้าใจว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่เริ่มปฎิบัติได้มาก หลายๆคนคงสงสัยคล้ายๆกัน

    โมทนา ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2010
  5. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    อนุโมทนาด้วย คำตอบหลายๆท่านกระจ่างอยู่แล้วค่ะ

    เสริมนิดหน่อยคือ

    ฌาณ = กำลังของจิต

    นิมิต = เครื่องยึดเหนี่ยวจิต

    ทั้งสองเหมือนเสาสองต้นที่อิงอาศัยกันเพื่อให้เกิดผลใหญ่

    'จิตมีสภาพจำ' (คำสอนสมเด็จองค์ปฐมฯ)
    คล้ายกับฟองน้ำที่จะดูดซับสิ่งใดก็แล้วแต่ที่จิตยึดเป็นนิมิต และคายออกมาเป็นผลอย่างมหัศจรรย์ด้วยกำลังของฌาณ

    หากจิตยึดสิ่งใดเป็นนิมิต ก็จะแสดงธรรมชาติของสิ่งนั้นออกมา

    เช่น ผู้ฝึกอาโปกสิณ หรือกสิณน้ำ เมื่อใช้น้ำเป็นนิมิตให้จิตยึดเกาะ ด้วยกำลังฌาณที่เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ จะเกิดอาการเหมือนน้ำจะไหลท่วมไปทั้งโลก และน้ำก็ใสเป็นประกายพฤกษ์ สามารถแสดงฤทธิ์ด้วยคุณลักษณะของน้ำได้ เช่น อธิษฐานให้ฝนตก อธิษฐานให้ของแข็งมีความเหลวแบบน้ำ ฯลฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...