ผิดไหม หากจะรักใครสักคน...โดยที่เขาเป็นเพศเดียวกับเรา

ตามหลวงปู่...

ธรรมะ เกี่ยวกับหมามีเยอะ

ตีไม่ว่า ด่าไม่โกรธ ขอข้าวกินอย่างเดียว

ความกตัญญูเป็นเลิศ ความซื่อสัตว์เป็นยอด

อนุโมทนาครับ

 

ผมก็เป็นอีกคนที่ต้องเผชิญกับสภาวะการณ์นี้...แต่ผมก็รับมือและยอมรับมันได้​

ผมไม่ได้เป็นไปตามกระแสนิยม หากแต่ผมรู้ถึงสิ่งที่ผมเป็นตั้งแต่จำความได้และซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง​

ที่ว่าให้เป็นไปตามธรรมชาติ บุรุษคู่สตรีนั้น มันอาจจะจริงสำหรับหลายๆคน หากแต่มิใช่สำหรับตัวผมเอง หากจะให้สมัครรักใคร่กับสตรีเพศ มันก็คงจะผิดธรรมชาติ เพราะธรรมชาตินั้นกำหนดมาให้ผมมีรสนิยมชื่นชมในบุรุษเพศเดียวกันมาตั้งแต่กำเนิด ถ้าเลือกได้ ผมคงไม่เป็นเช่นนี้หรอกครับ​

ถ้ายังดึงดัน ปฎิเสธตัวตนของตัวเอง มันจะกลายเป็นการสร้างบาป สมัยนี้มีผู้หญิงหลายคนที่ต้องทนทุกข์เพราะได้มารู้ว่าสามีของตัวเองนั้นเป็นเกย์ มิหนำซ้ำผลลัพท์ที่เจ็บปวดที่สุดต้องตกมาถึงลูก แน่นอนล่ะว่าผลกรรมทั้งหลายจะมาถึงที่ใคร​

การยอมรับและอยู่กับสิ่งที่เป็นก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร และก็ไม่ยากเกินหากคิดจะทำ​

 

เห็นด้วยครับ......................

 

อย่าไปยึดติดครับ ไม่ว่าจะเป็นกรรมอะไร อย่านึกให้เราไม่สบายใจ ทำแต่ความดีก็พอแล้วครับ แล้วก็ถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่เป็นและไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก้ไม่เป็นรัยครับ ชีวิตคนเราสั้นนัก ทำความดี และทำตัวให้มีความสุขเถิดครับ

 

ในโลกนี้ จักรวาลนี้ไม่มีคำว่าผิดธรรมชาติหรอกครับ ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นธรรมชาติทั้งสิ้น
ลองใช้กำลังวิปัสนาญาณตรึกตรองดูดีๆนะครับ

สมมติว่าโลกนี้ไม่มีคนรักเพศเดียวกัน พื้นที่สีเขียวของต้นไม้ในปัจจุบันนี้ คงเหลือน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง เพราะมีประชากรโลกเต็มไปหมด

คิดในทางบวกแล้ว นั่นอาจหมายความว่า นี่คือการคุมกำเนิดแบบธรรมชาติ

เกิดมาเป็นมนุษย์ มันก็ต้องมีทุกข์ทั้งนั้นแหล่ะครับ

ใครไหวตัวทัน ก็หลบกรรมทันครับ

 

คิดอะไรมากมาย เพศเป็นเรื่องสมมติของโลก ความรักคือสิ่งสวยงาม ตราบใดที่ไม่ดึงตัวเองตกต่ำหลงระเริงไปกับเรื่องกิจกรรมทางเพศ ก็ไม่ผิดอะไรหรอก

มีคน 2 แบบบนโลกนี้คือ คนที่มีความรักกับคนที่ใช่ และคนที่มีความรักกับคนที่ไม่ใช่

เป็นเพราะกรรมเป็นตัวกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนของความรัก

ตราบใดที่ยังก้าวไม่พ้นเรื่องกามต่างๆ

ก็ต้องหลงวนเวียนอยู่ในกามภพไม่มีที่สิ้นสุด

การเกิดมารักเพศเดียวกัน มิใช่ความผิด หากแต่กรรมเป็นตัวขับเคลื่อน

หากสร้างความกดดันให้ตนเอง ติดอยุ่เรื่องเพศ ว่าต้องเป็น ชาย/หญิงเท่านั้น

ก็จะยิ่งเพิ่มความเครียดให้ตัวเอง ลงโทษตัวเองซ้ำซ้อน

เราเคยเห็นเยอะแยะไป ที่รักเพื่อนเพศเดียวกัน อยู่กันแบบเข้าอกเข้าใจ

เซ็กซ์คือทางเชื่อมความรัก หากแต่ความหึงหวง และเสพย์แบบไม่รู้จักเพียงพอ จะเป็นตัวทำลายทุกสิ่ง แม้กระทั่ง ทำลายความรัก ทำให้รักผิด รักไม่เป็น

ซึ่งท้ายสุดแล้วก้กลับมาทำลายตนเอง เผาผลาญตนเอง

มองดูเถิด เหตุใดเรารักพ่อแม่แต่ไม่มีเซ็กซ์กับพ่อแม่

ก็เปลี่ยนความรักนั้น ให้บริสุทธิ์ดังเช่นรักที่มีให้ครอบครัว
เท่านี้ รักก็จะไม่ทำร้ายตนเอง

ต้องรักให้เป็น และฉลาดรู้เท่าทันความรัก

จึงจะมีความรัก ที่ถูกต้อง

ลองเอาไปปรับใช้ดูนะ

 

เห็นด้วยอย่างยิ่ง ขอแค่อย่าผิดลูกผิดเมียครับ รัก คือ เมตตา รักคือ กรุณา รักคือ มุทิตา และ รักคือ อุเบกขา จงรักที่เป็นตัวของตัวเอง แต่อย่ารักแบบกิเลสตัณหา

 

ความเห็นส่วนตัวของผม ผมว่าไม่ผิด แต่ (อาจจะ) ไม่เหมาะสมเท่าไหร่

ที่บอกว่าไม่ผิด เพราะผมเชื่อในเรื่องกรรมที่ผ่านมา บางคนเคยเป็นคู่ในอดีตชาติ แต่มาเกิดชาตินี้ ดันเป็นเพศเดียวกัน จิตปภัสสรในอดีตชาติจึงดึงดูด แม้เป็นเพศเดียวกัน ดังนั้น เรื่องบางเรื่อง ผมถือว่าเป็นแรงกรรม

ที่บอกว่า (อาจจะ) ไม่เหมาะสมนั้น ก็ต้องขึ้นกับพฤติกรรมของคุณกับอีกคนว่าเป็นเช่นไร ถ้าคบหากันฉันท์กัลยาณมิตรและมีความรักต่อกันคงไม่เป็นไร แต่ถ้ามีเรื่อง Sex เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็คงจะไม่ดี (ผมคิดว่าที่หลวงตามหาบัวสอน ก็คงเป็นเรื่องนี้เช่นกันครับ)

ก็ลองพิจารณาดูครับ บางครั้งมีเพื่อนที่รู้ใจเป็นหญิง อาจมีความสุขกว่ามีเพื่อนรู้ใจเป็นชายก็ได้

อนุโมทนากับข้อความข้างบนค่ะ และอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยคุณได้คือ สติค่ะ

 

กรรมมันผูก เร่งทำทาน ศีล ภาวนา รักษากุศลกรรมบถ 10 ให้เข้มแข็ง
อธิษฐานขอให้พ้นทุกข์นี้
รักพ่อแม่มากๆ ทำความดี อดทน เร่งสร้างบารมีให้พ้นทุกข์เถิด

 

ก็เป็นคนนึ่งเช่นกันที่รักเพศเดียวกัน แต่ว่าก่อนนี้ ก็ไม่ใช่ ก็เคยคบผู้ชายมา เหมืือนตั้งแต่แรกๆ ก็คิดเสมอว่าเรารักผู้ชายนะ ๆ คิดและห้ามตัวเองตลอดใครว่าเราชอบผู้หญิง ก็รุ้สึกโกรธ แต่สรุปสุดท้าย ใจเราก็รักผู้หญิง จริงๆ ...เชื่อในเรื่องวิบากกรรม แล้วก็แรงส่งให้ถึงระหว่างคุ่เราด้วยว่า ถ้าเราไม่มีเวรมีกรรมต่อกันคงไม่มาเกียวข้องหรือได้เจอกันหรอก แม้แต่ใจเราเคยคิดแล้วก็เคยห้ามตัวเองมาตลอด รู้ผลว่ามีข้อเสียอย่างไร ก็รู้ๆอยู่ แต่มันก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ อาจจะเป็นที่เราลุ่มหลง ไปก็ได้ หรือไม่ก็วิบากกรรมที่เรามีต่อกัน ทำให้เรารู้สึกรัก รุ้สึกสงสาร ตอนนี้ ใช้พระพุทธศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ มีรักก็ย่อมมีทุกข์เหมือนดั่งที่พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้ ขอเป็นกำลังใจให้นะ คิดดีๆ แล้วกัน แต่ถ้ายังไม่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน ก็ลองคิดดีๆ นะ.....

 

กรรมเก่านำมาให้เห็นผิด ควรทำธรรมปัจจุับันให้มีทิฐิไปในที่ควรเสีย อย่าผิดทั้งชีวิต หากใจไม่ยอมรับในสรีระตามธรรมชาติตามธรรมดาที่มี มันจะไปรู้ไปเห็นธรรมได้อย่างไร ในเมื่อเอาอยาก เอาชอบมาบัง เอาตัณหามานำเสีย อยากได้ อยากเป็นแล้วไม่ได้ก็ทุกข์ ไม่อยากได้ แล้วมันดันได้มามันก็ทุกข์

ถามว่าผิดไหม ตอบว่าผิด ก็แล้วแต่ว่าจะทำให้มันถูก หรือเลือกที่จะผิดไปทั้งชีวิต

 

ขอถามต่ออีกแล้วกันนะคะ เท่าที่อ่านความคิดเห็นและคำแนะนำของหลายๆท่าน

แล้วถ้าหากดิฉันเลือกที่จะรักกัน โดยที่ไม่มีเรื่อง sex มาเกี่ยวข้อง แต่รักกันที่ใจ
แล้วชวนกันเข้าหาทางธรรมนี่ ยังจะผิดมากไหมคะ...

 

จะตอบว่าผิดก็คงไม่...จะตอบว่าถูก..ก็คงไม่อีกนั่นแหละ มันอยู่ที่ใจเราครับ
ชายรักหญิง
หญิงรักชาย
ชายรักชาย
หญิงรักหญิง
หญิงอยากเป็นผู้ชาย
ชายอยากจะเป็นผู้หญิง
ถ้ามันไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร หรือ ผิดศีลข้อใดแล้ว ก็กระทำไปเถอะ
ถ้าเรารักแบบบริสุทธิ์ใจซะอย่าง ...
มันก็เป็นเพียงเรื่องสมมุติกันขึ้นมา เพศ หญิง หรือ เพศ ชาย
มันเกิดจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน มันยึดเป็นตัวตน เห็น รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เหล่านี้ มันทำให้เราเข้าไป ยึด ไปชอบ ไปรัก เพราะมันตรงกับ กิเลส ของเรา อยากจะได้เขามาครอง...เพราะเรามีเรา..มีตัวเรา..ก็เลยต้อง มีเขา
...ทุกอย่างมันมีเหตุ...ปัจจัย ทำให้เป็นแบบนี้ครับ จะว่า กรรมก็ใช่ แต่ถึงอย่างไร ขอให้มี สติ...รักใครชอบใคร ก็ขอให้มีสติ..อย่าให้ความรักมันมาทำร้ายเราได้..
ขอให้กำลังใจ...
เจริญในธรรม

 

ผิดไม่ผิดไ่ม่ทราบ แต่ไม่มีทางเข้าสู่มรรคผลได้ จนกว่าจะเป็นปกติเพศ คือพอใจในสิ่งที่เราเป็น ไม่พยายามไปฝืนสิ่งที่เป็น
เป็นหญิงก็ไม่้ต้องไปอยากเป็นชาย เป็นชายก็ไม่ต้องอยากเป็นหญิง
เราไม่เข้าใจหรอกนะ ว่ามันจะยากแค่ไหนที่จะระงับความอยากได้อยากเป็นนั้นน่ะ แต่ก็ต้องพยายาม
จะเห็นว่า ทอมกับดี้ นั้นน่ะ มันก็คือ หญิงกับชาย ดีๆนี่เอง เพียงแ่ต่ว่า มันไม่ได้เป็นชายโดยธรรมชาติ
มันเป็นชายโดยหลอกตัวเองว่าแค่อยากเป็น แล้วก็อยากอยู่กับผู้หญิงคนที่ชอบ
ดี้นั่นก็หลอกตัวเองว่า ทอม นั่นน่ะเป็นชาย
แสดงถึงกรรมแห่งราคะ แต่จะมีที่มาอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้

หญิง-ชาย ถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ไม่จำเป็นต้องแยกกันอยู่
ทอม-ดี้ ถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ก็เช่นกัน มีแต่ทำดีร่วมกันแล้วจะมีแต่สิ่งดีๆ
แต่จะไปคิดหวังว่าชาติหน้าเราจะมาคู่กันอีกนี่ไม่ต้องนะ เดี๋ยวเป็นหญิงทั้งคู่ก็เข้าอีหรอบเดิม
หรือเป็นชายทั้งคู่ก็คือกัน - -

 

ที่เกิดมาชอบเพศเดียวกัน เพราะ ชาติที่แล้วผิดศีลข้อสามมา เราก็เป็นทอม คือชาติที่แล้วเราอาจจะเกิดเป็นผู้ชาย แล้วไปผิดศีลข้อสามไว้ ชาตินี้เลยเกิดเป็นแบบนี้ เรารู้สึกว่าตั้งแต่จำความได้ก็เป็นแล้ว เหมือนส่งมาเกิดให้เป็นแบบนี้เลย เราว่ามันก็ไม่ผิดหรอกนะ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนี่ เราก็ยังสวดมนต์ทุกวัน ไปปฏิบัติธรรมเหมือนคนอื่นๆ ในเมื่อกรรมกำหนดมาแบบนี้แล้ว ก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องเดินตามต่อไป จนกว่าจะถึงเวลาหมดกรรม

 

รักแบบหวังดีอยากเห็นคนที่ตนรักมีความสุขก็ดีครับ ไม่แปลก ไม่ผิด
แต่ถ้ารักเพราะยึดติดรูป และอยากมีความใคร่(อยากกอด อยากอยู่ใกล้ ฯลฯ)ด้วย ผมว่ามันผิดธรรมชาติครับ(รวมทั้งที่จิตปรุงแต่งให้ชอบด้วยครับ)

 

อนุโมทนาสาธุกับทุกๆความคิดเห็นและข้อชี้แนะ สำหรับส่วนตัวเองซึ่งก็มีแค่ปัญญาอันน้อยนิด ก็มีประสบการณ์แบบ จขกท.เป็นอยู่นี้ เราจะปฏิบัติแค่ว่าเราจะวางไว้แค่เพื่อน แต่รู้สึกรักและผูกพันมากกว่าเพื่อน อันนี้เราทำได้แค่บอกตัวเองและบอกอีกคนว่าเราเป็นเพื่อน เป็นมิตรกันนะ มีอะไรช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ก็ขอให้บอก เราทำหน้าที่ของเพื่อน ที่มีความรู้สึกมากกว่าเพื่อนเท่านั้นเอง ก็สบายใจดีค่ะ ไม่ทำให้หลายๆคนที่เกี่ยวข้องต้องทุกข์หรือไม่สบายใจกับเรา และเราก็สบายใจที่เราเข้าใจกันว่าเรารู้สึกเช่นนี้นะ เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นไงต่อไป แต่วันนี้เราจะทำดีต่อกันต่อไปเท่านั้นเอง/ขอให้ธรรมะชี้นำนะคะ

 

กราบอนุโมทนา คำสอนของหลวงตาค่ะ หนูเชื่อหลวงตา แล้วอีกอย่างนึง สงสารคนที่เรารักด้วยค่ะ เขาต้องมานั่งรับบาป รับกรรมกับเราด้วย แทนที่เขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติ เหมือนกับเราไปดึงเขาเอาไว้ ปล่อยเขาไปดีกว่า สงสารเขาที่เขาต้องอายคนอื่นที่มีแฟนเป็นแบบเรา ขอทำความดีเพื่อเพศบริสุทธิ์ในชาติหน้าดีกว่าค่ะ อดทน ต่อสู้เนาะ ไม่ยอมแพ้ ขืนยอมแพ้เพราะจิตอ่อนแอ จมอยู่กับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานในเรื่องความรักก็แย่เลย จะปฏิบัติธรรมอย่างอื่น ให้ยิ่งๆ ขึ้นไปกว่านี้คงไม่ได้แน่นอน หนูขอคิดใหม่ ทำใหม่ตั้งแต่บัดนี้ค่ะ ขอบารมีหลวงตาช่วยคุ้มครองด้วย สาธุ

 

เพศที่สาม ก็สามารถบรรลุมรรคผลได้<!-- google_ad_section_end -->
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-2576485761337625";/* 300x250, created 21/07/09 */google_ad_slot = "6922411748";google_ad_width = 300;google_ad_height = 250;//--> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
ถาม : เขาบอกว่า เพศที่สามไม่มีโอกาสบรรลุ ?

ตอบ : ใครบอก ?

ถาม : อ่านหนังสือมา

ตอบ : ถ้าหากไม่ใช่พระพุทธวจนะ อย่าเพิ่งเชื่อ การสร้างบารมีของบุคคล ชาติแรกๆ จะเริ่มเป็นผู้หญิงก่อน พอบารมีเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ถึงอุปบารมีขั้นปลาย ก็จะเริ่มเป็นผู้ชาย อันนี้เป็นไปตามสภาวะเลย

ก่อนที่จะเกิดเป็นผู้ชายก็จะมีนิสัยของผู้ชายปรากฏก่อน ก็จะกลายเป็นหญิงห้าวสาวหล่อ เราก็จะไปเรียกเขาว่า "ทอม" พอข้ามไปเป็นผู้ชายใหม่ๆ นิสัยบางส่วนของผู้หญิงยังติดอยู่ เราก็ไปว่าเขาเป็น "ตุ๊ด" แต่ความจริงเป็นเรื่องปกติ จะเป็นอย่างนั้นไประยะหนึ่ง

ถามว่าก่อนหน้านั้นไม่มี แล้วทำไมสมัยนี้มี ? ก็เพราะระยะนี้พวกท่านทั้งหลายเหล่านี้มาเกิดมาก คราวนี้พอพัฒนาไปเรื่อยๆ พอถึงอุปบารมีขั้นปลาย โอกาสที่จะเข้าถึงมรรคผลก็เริ่มมี ฉะนั้น..ที่บอกว่าไม่มีโอกาสเข้ามรรคผลเลย..ไม่ใช่ ต้องดูระยะเวลาและสิ่งที่เขาทำด้วย ท่านทั้งหลายเหล่านี้มีความแข็งแรงของผู้ชาย และมีความละเอียดของผู้หญิง เพราะฉะนั้น..เขาทำงานได้ดีกว่าเราเยอะเลย

ถาม : (ไม่ได้ยิน)

ตอบ : มีเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่บางส่วนนั้นมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ผู้หญิงบางท่านถึงแม้จะเป็นปรมัตถบารมี แต่ก็ยังต้องเกิดเป็นผู้หญิง ก็เพราะว่าอธิษฐานมาเป็นพุทธมารดาหรือเนื้อคู่ของพระโพธิสัตว์

อีกประเภทหนึ่ง ผู้ชายเกิดเป็นผู้หญิงนั้นเพราะเจ้าชู้ เขาต้องการให้เกิดเป็นผู้หญิง จะได้รู้ว่าช้ำใจอย่างไร ถ้าอย่างนั้นก็คือเป็นหญิงเลย แม้จะมีนิสัยใจคอรวบรัดเหมือนผู้ชาย แต่ก็เป็นผู้หญิงอยู่ดี ไม่ใช่ครึ่งๆ กลางๆ




สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๓


ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=1954&page=2

 

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เมื่อวานมีเด็กอยู่คนหนึ่ง เขาค่อนข้างจะเป็น"ผู้ฉิง" เขามาถามว่า เพศที่สามอย่างเขา มีโอกาสบรรลุมรรคผลหรือไม่? ก็เลยกล่าวให้ฟังว่า พระพุทธเจ้าแบ่งบุคคลเป็นสี่ประเภท

ประเภทที่หนึ่ง อุคฆติตัญญู ฟังหัวข้อธรรมแล้วเข้าใจ บรรลุธรรมได้ ประเภทที่สอง วิปจิตัญญู ฟังหัวข้อธรรมแล้วยังไม่เข้าใจต้องอธิบาย ขยายความสักส่วนหนึ่งจึงเข้าใจ แล้วบรรลุธรรมได้ ประเภทที่สาม เนยยะ เคี่ยวเข็ญแล้วสามารถที่จะเข้าใจ ถ้าไม่เคี่ยวเข็ญก็ไม่ได้ ประเภทที่สี่ ปทปรมะ ฉลาดเกินจนไม่ยอมรับความคิดคนอื่น

ก็แปลว่าถ้าตัดประเภทสุดท้าย ที่ไม่ยอมรับความคิดคนอื่นออก อีกสามประเภทนี่เขาไม่ได้กำหนดเลยว่าเป็นเพศไหน ผู้ชายที่ใจเป็นหญิง อย่างน้อยบารมีก็ยังสูงกว่าผู้หญิงทั่วไป ๆ เพราะว่าการเกิดแต่แรก ตั้งแต่สามัญบารมีขึ้นมาจะเป็นผู้หญิงมาก่อน พอมาเป็นอุปบารมีขั้นปลายเริ่มจะมาเป็นผู้ชาย

การสร้างบารมีกำลังใจจะเข้มข้นไปเรื่อย ๆ ช่วงก่อนที่จะมาเป็นผู้ชาย ก็คือ ระหว่างจากผู้หญิงจะมาเป็นผู้ชาย จะมีนิสัยบางส่วนของผู้ชายเกิดขึ้น สมัยนี้เราก็ไปว่าเขาเป็นทอม พอเกิดมาเป็นผู้ชายใหม่ ๆ จริตนิสัยผู้หญิงบางส่วนติดมา เราก็ไปว่าเขาเป็นตุ๊ด แต่ถ้าเราเข้าใจจริง ๆ จะรู้ว่านั่นเป็นขั้นตอนปกติของการสร้างบารมี ถ้าคุณเข็นมาจนถึง ๑ อสงไขยกับแสนมหากัป โอกาสบรรลุมีทั้งนั้น

คนส่วนใหญ่ไปเห็นว่าเขาไม่ปกติ แต่จริง ๆ แล้วปกติของเขาเป็นอย่างนั้น เพราะว่าการเกิดมาต้องค่อย ๆ สร้างบารมีเพิ่มขึ้น ก็ต้องเคยเป็นอย่างนั้นมาทั้งนั้น คนที่เป็นผู้ชายเต็มตัวก็เคยเป็นอย่างนั้นมาก่อน คนที่เป็นผู้หญิงเต็มตัวเดี๋ยวก็ต้องเป็นอย่างนั้นบ้าง จะช้าจะเร็วเมื่อวาระมาถึงก็ต้องเป็น"

สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๓