ทหารพระองค์ดำรายงานตัวหน่อยครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย visut_p, 28 สิงหาคม 2008.

  1. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    เวลาบริกรรมทําไม่ถึงเอาพุทโธมาเป็นลมหายใจทําไมไม่ไว้บนหึ้ง
    เวลาเข้าเฝ้าพระตถาคตทําไม่ต้องนั่งทําไมไม่ยืน

    การเปล่งพระนามองค์บิดาพวกท่านไม่ได้ยินข้าพเจ้า เลยตะโกนแบบนี้หล่ะแทนการพูด เจตนาลบหลู่ไม่มีครับ ส่วนเกี่ยวข้องทางกายภาพและเชื้อสายไม่มี แต่สรรพวิชาที่มีในอัตภาพนี้ก็ได้รับจากพระองค์เยอะจนใช้หนี้องค์ท่านไม่ไหว สิ่งที่ทําได้คือประกาศนามพระองค์ท่านเพื่อเป็นการระลึกถึงท่านด้วย และ เป็นสัณญาณของบรรดาลูกเตี่ยที่กระจัดกระจายหาได้เจอะเจอกันอีกครั้ง เพื่อร่วมสร้างบารมี ชุมพร จุติ อิทธิ กะระนัง สุโข
     
  2. innovex

    innovex เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2005
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +2,679
    ถ้าอย่างนั้นผมยินดีในเจตนาอันบริสุทธิ์ด้วยครับ
    สรรพวิชาที่ว่านั้น ได้มาในด้านไหนครับ ยาหรือไสยศาสตร์ครับ ผมถือโอกาสชวนคุยต่อเลยนะครับ
     
  3. Unique_Angel

    Unique_Angel ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +6,546
    กาลิเลโอนะ พิซซ่า ^^"
     
  4. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    ท่านไม่สอนสายงานที่ซําซ้อนกับหน้าที่ผู้อื่นนะครับ เรื่องยาท่านว่าให้มาก็ใช้ได้ไม่เต็มกําลัง วิชาการด้านนี้เจริญมากแล้ว ผลหมากรากไม้ความจริงมันก็มีดีอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ของที่งอกจากดิน นําที่ตกจากฟ้ามีแต่พิษ
    ไสยเวทย์ไม่มี ทุกอย่างเกิดจากศรัทธา และ บุญฤทธิ์
    แต่เรื่องพิธีกรรมที่จะเป็นประโยชน์แล้วก็รับไปเท่าที่จะรับได้
     
  5. Unique_Angel

    Unique_Angel ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +6,546
    พลังกดทับที่มีเงื่อนงำ...

    เมื่อขึ้นชั้นสอง จึงได้ไหว้สาสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันอีกครั้งหนึ่ง
    นางฟ้าก็เดินวนๆ เวียนดูโน่นดูนี่ โดยเดินเวียนซ้าย สายตาก็ไปปะทะกับ
    พระพุทธรูป และพระอัครสาวกซ้ายขวา รูปร่างคลับคล้ายคลับคลา
    ฤๅนี่จะเป็น พระที่ปู่เคนเล่าไว้ จึงนำหน้าอันอ้วนกลมไปใกล้ๆ แล้วส่องตัวอักษร

    อ่านไม่ออก - -"

    แถมจำไม่ได้ด้วยว่า ปู่เคนบอกว่าด้านไหนเป็นของท่านใด อาศัยความเดามั่วล้วนๆ ว่า
    ข้างซ้ายเรา คือ ที่จารึกว่าเจ้าฟ้านเรศ ข้างซ้ายคือ เจ้าฟ้าเอกาทศรถ

    กำลังจะเดินอ้อมไปอีกด้าน ได้ยินเสียงพิซซ่าร้องดังลั่นว่าเจอแล้ว
    เลยเดินเฉิบๆ เข้าไปหา
    พิซซ่ากำลังไม่แน่ใจว่าองค์ไหนเป็นของท่านใดเหมือนกัน
    แล้วอยู่ๆ ก็ชี้ไปที่ด้านขวาว่า สิงห์ตัวนี้แน่ๆ แล้วพี่แกก็เดินเข้าไปดู
    แล้วก็เข้าไปลูบๆ คลำ ด้วยความดีใจ
    (อยากให้เห็นหน้าจริงๆ ว่าหน้าดีใจของพิซซ่าหวานหยดขนาดไหน โฮ่ๆๆๆๆๆๆๆ)

    เราอยู่ในนั้นสักพักก็รู้สึกมึนๆ ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
    ประเหมาะกับพิซซ่าก็พูดขึ้นมาว่าพลังที่นี่กดลงมาน่าดู
    ก็อ้าว...โห... มิน่าทำไมมึน
    เราก็ทู่ซี้อยู่กันอีกสักพักจึงลงมา

    พอขึ้นรถ ก็ยังไม่หายมึน มันทั้งหายใจไม่ค่อยออก สารพัดอาการ
    พาลไม่ค่อยอยากจะคุยกะใคร จนกระทั่งกลับโรงแรมจึงได้รู้ตัวว่า

    ทั้งวันตรูข้านี้ยังไม่ได้กินข้าวเลยซักเม็ด!!!
    มื้อเช้าสูดกาแฟแก้วเดียวแล้วปุเล็งๆ ไปกะหัวหน้าวงทั้งวัน
    โอวววว มิน่าล่ะถึงอ่อนละโหยโรยแรง
    ว่าแล้วก็แกะขนมที่มินิบาร์ออกกินเสีย ๕๕๕~

    ยังไม่หนำใจ เมื่อเติมพลังแล้วมันยังไม่ถึงขีดจึงล้มตัวลงนอนไปอีก
    ครึ่งชม. ถัดมาจึงฟื้นคืนชีพ ตาปิ๊งปั๊ง
    พิซซ่าเดินเข้ามาในห้องพักแล้วก็หัวเราะ ฮากลิ้ง

    "โธ่พี่ เราก็ห่วงนึกว่าเป็นอะไรมากที่แท้หิวข้าวจะเป็นลมนี่เอง"

    ทีนี้... ใครจะร่วมขบวนไปกับสุริยาทัวร์ ต้องพกเสบียงกรังระหว่างทางไปด้วยนะคะ ^^"

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • CIMG0412.JPG
      CIMG0412.JPG
      ขนาดไฟล์:
      112 KB
      เปิดดู:
      45
    • CIMG0413.JPG
      CIMG0413.JPG
      ขนาดไฟล์:
      97.8 KB
      เปิดดู:
      41
    • CIMG0416.JPG
      CIMG0416.JPG
      ขนาดไฟล์:
      100.1 KB
      เปิดดู:
      43
    • CIMG0418.JPG
      CIMG0418.JPG
      ขนาดไฟล์:
      147.9 KB
      เปิดดู:
      59
    • CIMG0419.JPG
      CIMG0419.JPG
      ขนาดไฟล์:
      88.6 KB
      เปิดดู:
      43
    • CIMG0420.JPG
      CIMG0420.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75 KB
      เปิดดู:
      67
    • CIMG0421.JPG
      CIMG0421.JPG
      ขนาดไฟล์:
      78 KB
      เปิดดู:
      53
    • CIMG0422.JPG
      CIMG0422.JPG
      ขนาดไฟล์:
      96 KB
      เปิดดู:
      47
    • CIMG0423.JPG
      CIMG0423.JPG
      ขนาดไฟล์:
      90.9 KB
      เปิดดู:
      66
    • CIMG0424.JPG
      CIMG0424.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.4 KB
      เปิดดู:
      61
    • CIMG0425.JPG
      CIMG0425.JPG
      ขนาดไฟล์:
      138.8 KB
      เปิดดู:
      57
    • CIMG0426.JPG
      CIMG0426.JPG
      ขนาดไฟล์:
      106 KB
      เปิดดู:
      35
    • CIMG0427.JPG
      CIMG0427.JPG
      ขนาดไฟล์:
      93 KB
      เปิดดู:
      52
    • CIMG0428.JPG
      CIMG0428.JPG
      ขนาดไฟล์:
      80 KB
      เปิดดู:
      35
    • CIMG0429.JPG
      CIMG0429.JPG
      ขนาดไฟล์:
      80.6 KB
      เปิดดู:
      42
    • CIMG0430.JPG
      CIMG0430.JPG
      ขนาดไฟล์:
      93.4 KB
      เปิดดู:
      43
  6. Unique_Angel

    Unique_Angel ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +6,546

    คืนที่นอนไม่หลับ

    เหตุเกิดในคืนที่สองของการอยู่ในเชียงใหม่
    จริงๆ นางฟ้าก็เป็นคนที่เปลี่ยนที่นอนบ่อยนะคะ
    จึงไม่ใช่คนงอแงเรื่องที่นอนเท่าไหร่ (ยิ่งถ้ามีแอร์ล่ะสบาย อิอิ)
    หลังจากที่กลับมาจากเฮือนโบราณแล้วก็อยู่คุยกับพิซซ่าที่ห้องพิซซ่า

    ปล่อยแม่ป้าเป็นเลขาชั่วคราว โทรเปลี่ยนไฟล์ทบินให้
    ^^" โทษทีนะเพื่อนเคยแต่ให้คนอื่นจองไม่เคยจะจองเองเลยซักกะครั้ง

    แม่ป้าเห็นเราคุยติดลมกะพิซซ่า ยังกะคนไม่ได้คุยกันมาซักสามร้อยปี
    เลยปล่อยให้คุยกันไปตามสบายส่วนหล่อนหนีไปอาบน้ำ

    หลังจากคุยกับพิซซ่าจนเกือบจะเที่ยงคืน แม่ป้าเลยเดินมาตาม ^^"
    จึงกลับเข้าห้องไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน

    ตอนก่อนนอนก็ไม่เป็นอะไรหรอก พอนอนไปได้ซักพักเป็นเรื่อง
    ไม่แน่ใจว่าตีอะไร แต่เดาว่าน่าจะประมาณตีสี่ เหมือนมีคนเอามือมาลูบๆ ที่น่อง - -"
    เราก็ตื่น หือ...? อารายหว่าก็สะบัดขา ...ว่างเปล่า... ก็มีแต่ผ้าห่มเหมือนปกติ
    ก็นอนต่อ... ทีนี้พอเคลิ้มจะหลับอีกรอบ ก็เหมือนมีคนมาลูบน่องอีก -*-
    ชักจะเดือด อะไรกันเนี่ย เลยนึกในใจ "อย่ามากวนนะ จะนอน"

    ทีนี้พลิกตัวกลับอีกด้านก็ตกใจ
    ประจันหน้าแม่ป้าพอดีระยะปะชิด หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเรยตรู - -"

    จึงสวดมนต์ในใจใหม่แล้วก็หลับต่อได้ตามปกติ ^^"

    สรุปนอนกับแม่ป้าคราวนี้แม่ป้าไม่มีละเมอ แต่มีอะไรก็ไม่รู้มาลูบขาข้าเจ้าแทน
    คราวหน้า สุริยาพาทัวร์อีกรอบใครจะนอนกะแม่ป้าเอ่ยยยยยย
     
  7. Unique_Angel

    Unique_Angel ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +6,546
    พรุ่งนี้ค่อยมาต่อนะคะ - -"
     
  8. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    คืนนี้พี่กรองคงฝันดี
    ดีไม่ดีอาจได้ละเมอลุกมารำมังคละ
     
  9. Red Leaf

    Red Leaf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +4,547
    เอามาฝาก "ยัยกรอง" โดยเฉพาะ...

    ประวัติกะลาตาเดียว
    (The Single Eye Coconut Shell)
    [​IMG]


    โดย ร้าน " หวายเก้าเส้น "


    คนในสมัยโบราณนับถือกะลาตาเดียวเป็นวัตถุที่มีอาถรรพ์ที่มีฤทธิ์อยู่ในตัวของมันเอง จึงนำกะลามะพร้าวที่มีตาเดียวมาแกะเจาะรู เพื่อติดตัวใช้สำหรับเดินทางเข้าหาอาหาร ไว้สำหรับป้องกันภัยร้ายต่างๆที่จะมาถึงตัว ส่วนกะลาทั้งลูกชาวบ้านมักจะนำไว้บูชาอธิษฐานขอสิ่งต่างๆให้กับครอบครัว ต่อมาเข้าในสมัยสุโขทัย ได้มีชาวบ้านนำกะลาตาเดียวมาเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ สำหรับติดตัว เพราะถือกันว่า เป็นเครื่องรางของขลังสามารถป้องกันคุณไสย และภูติผีปีศาจได้ และยังทำให้ผู้ที่มีติดตัวไว้มีโชคมีลาภอีกด้วย

    แต่ชาวบ้านบางคนมักนิยมนำไปให้อาจารย์ ที่มีวิชาแก่กล้า ลงคาถาอาคมต่างๆแล้วแต่ผู้ใช้จะชอบ สมัยกรุงศรีอยุธยาก็เช่ากัน ยังมีชาวบ้านนำกะลาตาเดียวเป็นเครื่องรางของขลัง และใช้ตักข้าวสาร เวลาหุงข้าว เชื่อกันว่าจะทำให้มีข้าวกินไม่มีอดอยากตลอดชีวิต

    ส่วนข้าราชการที่ทำงานสมัยกรุงศรีอยุธยามักจะนำกะลาตาเดียวมาแขวนคอติดตัวไปทำงานด้วย เพื่อความเจริญรุ่งเรืองทางยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้เป็นเจ้าขุนมูลนาย เป็นใหญ่เป็นโตกว่าคนอื่น ส่วนทหารที่ออกศึกก็มักจะนำไปให้อาจารย์ที่มีวิชาลงคาถาอาคมกำกับ เพื่อให้ตนออกศึกและชนะรอดกลับมาได้

    ต่อมากะลาตาเดียว ก็มักจะถูกนำมาแกะเป็นรูปพระราหูไว้ติดสร้อยคอ เนื่องจากหายากขึ้นเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้ในบทประพันธ์เรื่อง " พระอภัยมณี " ของสุนทรภู่ ได้มีการแต่งกล่าวถึงเครื่องรางรูปพระราหูเอาไว้เช่นกันว่า นางระเวงมีเครื่องรางกะลาตาเดียว แกะเป็นรูปพระราหู แขวนติดประจำกายอยู่ และมีคืนหนึ่งนางระเวงได้นอนหลับมี "อ้ายย่องตอด" ผู้มีวิชาแก่กล้าทางไสยศาสตร์ ชองจับสัตว์ และคน ดูดเลือดเป็นอาหาร ได้ลอบเข้าไปทำร้ายนางระเวง แต่พอเห็นกะลาตาเดียว ที่แกะเป็นรูปพระราหูที่แขวนเป็นประจำกายนางระเวง จึงไม่กล้าทำร้ายรีบหนีออกไป

    ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีประวัติกะลาตาเดียวทั้งลูก ว่ากะลาตาเดียวทั้งลูก หรือมะพร้าวตาเดียวเอาเนื้อมะพร้าวออกหมดแล้ว จะเหลือแต่กะลาทั้งลูก ที่ไม่มีรอยแตกร้าว จะเป็นที่นิยมของพวกพ่อค้า-แม่ค้า ชาวไร่ ชาวสวน ชาวนา และคู่บ่าวสาวที่แต่งงาน ตลอดจนพวกข้าราชการชั้นเจ้าขุน เจ้าพระยา จะนิยมเก็บไว้ในบ้าน เพราะเชื่อว่ามีไว้ในบ้านแล้ว จะช่วยส่งเสริมบารมี
    ให้มียศฐาบรรดาศักดิ์ สูงขึ้นเร็วกว่าคนอื่น และจะช่วยล้างอาถรรพ์ที่เป็นเสนียดจัญไรภายในบ้านได้เป็นอย่างดี และทำให้มีกินมีใช้ มีเงินมีทองมากขึ้น ไม่รู้จักหมด ส่วนพ่อค้า แม่ค้า ชาวไร่ชาวสวน ที่นำข้าวของไปขายในเมืองและต่างแดน ก็จะถือกะลาตาเดียวไปด้วย ซึ่งจะทำให้ขายดีให้กำไรอย่างงาม


    ส่วนคู่บ่าวสาวที่แต่งงานกันในสมัยนั้น ก็มักจะนำกะลาตาเดียวทั้งลูกที่เป็นตัวผู้ ตัวเมียคู่กัน เก็บไว้ในบ้านจะทำให้อยู่กันมีความสุข ไม่แยกจากกันชั่วนิรันดรจะทำให้ชีวิตครอบครัวอุดมสมบูรณ์พูนสุขไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง ส่วนบางครอบครัวที่แต่งงานให้ลูกหลาน และอยากให้ลูกหลานตนมีความสุขมากยิ่งขึ้น ไม่ให้แตกแยก เลิกร้างจากกัน ก็จะแกะชื่อ-สกุล ฝ่ายชายลงในแผ่นไม้รัก
    แล้วใส่ในกะลาตัวเมีย ส่วนชื่อ-สกุล ฝ่ายหญิง ก็จะแกะลงในแผ่นไม้รักอีกแผ่น แล้วใส่ในกะลาตัวผู้ เก็บไว้คู่กันในบ้าน ก็จะรักกันชั่วนิรันดร


    และยังมีประวัติที่เล่ากันเป็นทอดๆ สมัย ปู่ ย่า ตา ยาย ที่รู้เรื่องกะลาตาเดียว เล่ากันว่ายังมีคู่บ่าวสาวที่แต่งงานกัน ไม่ให้สามีของตนนอกใจไปรักหญิงอื่น ก็จะแกะสลัก ชื่อ-สกุล ทั้งคู่ สามี-ภริยา ลงในแผ่นไม้รักแผ่นเดียวกัน แล้วใส่ลงในกะลาตาเดียว ก็จะทำให้สามีหลงรักตนคนเดียว
    ไม่นอกใจไปรักหญิงอื่น ส่วนสามีก็เช่นกัน ถ้าต้องการให้ภริยาเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดี ก็จะแกะสลัก ชื่อ-สกุล สามี-ภริยา ลงในแผ่นไม้รักแผ่นเดียวกัน แล้วใส่ลงในกะลาตัวผู้ ก็จะทำให้ ภริยาไม่นอกใจไปมีชู้ โดยเฉพาะพวกข้าราชการทหารที่ออกรบ หรือไปประจำการตามหัวเมืองต่างๆ กะทันหัน
    ในช่วงเวลาที่แต่งงานกันใหม่ๆ แล้วจำเป็นต้องราชการแล้วนำภริยาไปด้วยไม่ได้

    ••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••


    อาถรรพ์ของกะลาตาเดียว

    กะลาตาเดียว หรือ กะลามะพร้าวตาเดียว ถือกันว่าเป็นวัตถุอาถรรพ์ ที่มีฤทธิ์อยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้วแม้ว่าไม่ต้องปลุกเสกก็ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ คนแต่ก่อนได้กล่าวกันว่า กะลาตาเดียว มีคุณวิเศษหลายอย่าง

    1. ใช้สำหรับตักข้าวสารใส่หม้อ เวลาหุงข้าวกิน หากว่านำติดตัวไปประกอบอาชีพ ธุรกิจ จะทำให้เกิดทรัพย์สมบัติบริบูรณ์ หากเป็นชาวไร่ ชาวนา และพืชในไร่งอกงามดี หากเป็นข้าราชการก็จะเจริญทางยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้เป็นหัวหน้า เป็ฯนายคน เป็นใหญ่เป็นโตเร็วกว่าคนอื่นๆ

    2. ใช้เป็นเครื่องรางของขลัง ติดประจำกายไว้กับตัว เพราะกะลาตาเดียวเป็นอาถรรพ์มีดีอยู่ในตัวแล้วหากว่ามีการนำไปปลุกเสกลงคาถาอาคมก็จะยิ่งมีอิทธิฤทธิ์มากยิ่งขึ้น

    3. ใช้สำหรับเป็นสิ่งป้องกันเสนียดจัญไรป้องกันคุณไสยและภูติผีปีศาจได้ ใช้แก้ผีเข้า ของมีคมเข้าตัวใช้ล้างอาถรรพ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในบ้าน เช่นปลูกบ้านทับของมีอาคมร้าย ซากศพ บ่อน้ำ บ้านตั้งอยู่กลางสามแพร่ง และอื่นๆ ที่ส่งผลร้ายให้แก่ผู้อาศัย ให้กลับกลายเป็นดีได้

    4. ใช้ป้องกันภัยอันตรายต่างๆได้ เช่นทำให้แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุต่างๆที่จะมาถึงตัว

    5. ใช้ทำเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ติดตัวเป็นประจำ จะทำให้สุขภาพแข็งแรงดี โรคภัยไข้เจ็บ จะไม่ค่อยมาเบียดเบียน ที่เจ็บป่วยอยู่ก็จะทำให้สุขภาพดีขึ้น

    6. นำบูชาอยู่เป็นประจำ จะทำให้เกิดโชคลาภสม่ำเสมอ ทรัพย์สินเงินทองจะหลั่งไหลมาเทมาไม่ขาดสาย

    7. นำพกพาไปค้าขายก็จะค้าขายดี นำติดตัวไปซื้อของก็จะได้ของมามาก ทั้งที่มีเงินนิดเดียว ถ้าขายของก็จะได้เงินเข้ามามาก แต่ของที่ขายไปดูยังไม่ยุบไปเท่าไหร่

    8. คนสมัยโบราณ ใช้นำเป็นเครื่องมือแพทย์โบราณใช้ในการตัดต้อที่ตาของคน ให้หายขาดได้

    9. ใช้เป็นยารักษาโรคอัมพาต โดยนำทั้งลูกมาผ่า แบ่งเป็นสี่ส่วน ให้นำชิ้นนึงไปทางทิศตะวันตก อีกสามชิ้นส่วน มาต้มน้ำ มาต้มน้ำกินน้ำทุกวัน วันละ 3 มื้อ มื้อละ 1 แก้ว ถ้าหมดก็นำมาแบ่งเช่นเดิม แล้วต้มกินอีก ไม่นานก็จะหายจากอัมพาต
     
  10. Red Leaf

    Red Leaf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +4,547
    มาเปิดเพลงเพราะๆ สบายๆ ให้ฟังกัน เพื่อจิตใจผ่องใส...:cool:

    [​IMG]

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1115041/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. Unique_Angel

    Unique_Angel ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +6,546
    กะลาไม่มีตาล่ะคะพี่ใบไม้ฯ
    น้องนางฟ้าได้กะลาตาเดียวกับกะลาไม่มีตามาอย่างละใบอ่ะค่ะ ^^
     
  12. Red Leaf

    Red Leaf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +4,547
    ค้นดู เห็นเค้าเรียกว่า กะลามหาอุตม์ หรือคตมะพร้าวน่ะ..หุหุ แถวนี้มีแต่คนมีของดีแฮะ...

    :cool::cool::cool:

    พบกะลามะพร้าวประหลาดไม่มีตา เซียนพระเครื่องควานหาซื้อราคาหลายหมื่นบาท

    นายสินสำรวย อัครรัศมีโย อายุ 46 ปี ชาว อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เจ้าของกะลามะพร้าวไม่มีตา หรือกะลามหาอุด กล่าวว่า กะลามะพร้าวไม่มีตา กำลังเป็นที่ต้องการของเซียนพระเครื่อง เพราะเชื่อว่าใครมีไว้ครอบครอง แล้วนำไปปลุกเสก จะสามารถป้องกันศาสตราวุธ ให้อยู่ยงคงกระพันได้ หลังจากบรรดาเซียนทราบว่า มีกะลามะพร้าวไม่มีตาได้มาขอซื้อในราคาลูกละหลายหมื่นบาท แต่ยังไม่ขาย อยากเก็บเอาไว้เนื่องจากหายากมาก

    นายสินสำรวย กล่าวว่า มีอาชีพแกะสลักลูกมะพร้าวขาย จะไปหา ซื้อมะพร้าวตามสวน และคัดเอาแต่ ลูกใหญ่มาทำงานฝีมือ แต่ปรากฏว่าเมื่อปอกเปลือกออก พบบางลูกเป็นมะพร้าวไม่มีตา แต่จำไม่ได้ซื้อมาจากสวนไหน มะพร้าวทั่วไปจะมีตาอยู่บนหัว 2 ตา และมีปาก 1 ปากเพื่อไว้ขยายพันธุ์ หรือเป็นกะลาตาเดียว ซึ่งก็หายาก คนชอบนำไปทำเครื่องรางของขลัง แต่ก็พบมากกว่ามะพร้าวไม่มีตา เพียงแต่การเก็บรักษาจะยาก หากถูกความร้อนจะระเบิด ทำให้กะลามะพร้าว เสียหาย
    ทั้งนี้ นายรัตนชัย คืนประเสริฐ เจ้าของศูนย์พระเครื่องชื่อดัง อ.ดำเนินสะดวก กล่าวว่า หลังทราบข่าวพบกะลาไม่มีตา หรือที่เรียกว่ากะลามหาอุด ก็ได้เดินทางไปดูพบว่าเป็นกะลา ไม่มีตาจริงๆ ซึ่งกะลาไม่มีตานี้ถือเป็นสุดยอดของขลังที่หากันมานานแล้ว

    “ในร้อยล้านลูกมะพร้าวบางครั้ง ก็ยังหาไม่พบ แต่ถ้าเป็นกะลาตาเดียวยังหาง่ายกว่า คนที่อยากได้กะลาไม่มีตา ต้องนำไปลงคาถาอาคมแล้วนำติดตัวไว้ จะทำให้แคล้วคลาดจากอันตราย ทั้งปวง โดยเฉพาะอาวุธจะยิง ฟัน ไม่เข้า แต่ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลด้วย ส่วนราคาที่เสนอซื้อขายก็อยู่ที่ความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ขณะนี้ทราบว่า มีหลายคนเสนอราคามาหลายหมื่นบาทแล้ว” เจ้าของศูนย์พระเครื่องชื่อดังกล่าว


    [​IMG]


    กะลาธรรมดา มี 2 ตา กับ 1 รูที่ใช้งอกลำต้นมะพร้าวออกมา
    กะลาตาเดียว มี 1 ตา กับ 1 รูที่ใช้งอกลำต้นมะพร้าวออกมา
    กะลาไม่มีตา ไม่มีตา กับ 1 รูที่ใช้งอกลำต้นมะพร้าวออกมา
    กะลามหาอุตม์ ไม่มีตา และ ไม่มีรูที่ใช้งอกลำต้นมะพร้าวออกมา
     
  13. Unique_Angel

    Unique_Angel ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +6,546
    ที่มีคล้ายๆ แบบนี้แหละค่ะ ไว้จะถ่ายภาพมาให้ดู
    (กะลาไม่มีตาของน้อง มันกลมกริ๊กไปหมดเลยล่ะพี่ใบไม้ฯ)
     
  14. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    คุยเรื่องเครื่องรางแล้วเหรอ

    พูดถึงเรื่องยันต์ ที่มาจากพระมหาเถรคันฉ่อง
    และพระขุนแผนสมัยพระนเรศวรค่ะ ขุนแผนนั้นเชื่อกันว่ามีชีวิตช่วงต้นอยุธยา สมัยพระรามาธิบดีที่สอง เป็นคนเก่งอาคมและการรบ มีไหวพริบและเสน่ห์ (เก่งไปหมดทุกเรื่องเลยนิ) จึงมีการทำพระขุนแผนขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจกับเหล่าทหารหาญในการออกรบ..

    **

    พระมหาเถรคันฉ่อง ซึ่งเป็นพระมอญ ถูกกษัตริย์พม่าเรียกให้ดูว่าฤกษ์ยามหาโอกาสที่จะฆ่าพระนเรศวร ซึ่งพระมหาเถรคันฉ่องดูดวงพระนเรศวรแล้วรู้ทันทีว่าฆ่าไม่ได้ คนๆ นี้มีบุญ ต่อไปจะกอบกู้เอกราชชาติบ้านเมือง มีเทวดารักษา จึงเกิดสงสารพระนเรศวร และได้บอกพระนเรศวรว่าให้หนีออกไป เขาจะฆ่า ขืนอยู่ตายแน่นอน จึงได้พาทหารหนีออกมาโดยมีพระมหาเถรคันฉ่องหนีมาด้วย หากข่าวนี้ได้รั่วไหลรู้ถึงหูกษัตริย์แห่งกรุงหงสาวดี พระมหาเถรคันฉ่องต้องถูกฆ่าตายด้วย จึงหนีกลับมายังกรุงศรีอยุธยา ซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองขึ้นของพม่า โดยให้พระมหาเถรคันฉ่องจำวัดอยู่ที่วัดป่าแก้ว หรือวัดใหญ่ชัยมงคลในปัจจุบัน

    พระมหาเถรคันฉ่องเป็นพระปฏิบัติวิปัสสนา และเป็นที่เลื่อมใสของข้าราชการจะมีการปราบศึกกันแต่ละครั้งจะเป็นผู้ที่ดูฤกษ์ผานาทีให้กับสมเด็จพระนเรศวรชนะทุกครั้งแคล้วคลาดมาตลอด โดยทำเลขยันต์เครื่องรางแจกทหารลงเสื้อลงตะกรุดแจกให้เป็นขวัญและกำลังใจ

    ต่อมากษัตริย์แห่งกรุงหงสาวดีเห็นว่าเอาไว้ไม่ได้แล้วพระนเรศวรซึ่งเป็นกบฏ จึงให้สมเด็จพระมหาอุปราชายกทัพเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ สมเด็จพระนเรศวรทราบข่าวข้าศึกเข้ามาก็ยกทัพออกจากกรุงศรีอยุธยา พระมหาเถรคันฉ่องได้ดูฤกษ์ยาม พร้อมกับบอกว่าศึกนี้ใหญ่หลวงนัก จึงได้บวงสรวงลั่นฆ้องศึกยกทัพไปตีกับพม่า โดยให้ตราทัพเข้าไปตีเฉียงตามตำราพิชัยสงครามให้ตีเป็นปีกนกอินทรีโอบเข้าล้อมข้าศึก แล้วก็ลงเครื่องรางมอบตะกรุดโทนรวมทั้งเลขยันต์ให้พระนเรศวรติดตัวไปตลอดจะได้ชนะข้าศึก เมื่อยกทัพไปถึงตำบลมหาพราหมณ์ อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็ให้หยุดทัพ โดยให้แม่ทัพนายกองทำพิธีตัดไม้ข่มนามตามตำรับพิชัยสงครามให้หยุดพักทัพก่อน ต่อจากนั้นก็ยกทัพไปปะทะกับพม่าที่ตำบลตระพังตรุ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ก็มีการรบพุ่งกันขึ้นมา ช้างของสมเด็จพระนเรศวรชื่อไชยยานุภาพเกิดตกมันควาญช้างเอาไม่อยู่เมื่อเสียงกลองดังกระหึ่มในสนามรบเพื่อย้อมใจนักรบ ช้างของสมเด็จพระนเรศวรเกิดตกมันก็ตื่นตั้งหลักไม่อยู่วิ่งเข้าใส่ช้างของสมเด็จพระมหาอุปราชา ซึ่งตั้งรับอยู่แล้วใช้งากระแทกเสยไชยยานุภาพเสียหลัก สมเด็จพระมหาอุปราชาได้จังหวะใช้ของ้าวฟันสมเด็จพระนเรศวรเข้าที่พระมาลาเบี่ยง

    จังหวะเดียวกันที่ไชยยานุภาพตกมันอยู่แล้วมีกำลังมากกว่ากดช้างของสมเด็จพระมหาอุปราชาเบี่ยงออก สมเด็จพระนเรศวรได้ใช้พระแสงของ้าวฟันสมเด็จพระมหาอุปราชาขาดสะพายแล่งเสียชีวิตบนหลังช้าง เมื่อทหารพม่าเห็นว่าแม่ทัพเสียชีวิตต่างก็วิ่งหนีถอยทัพกลับไป

    หลังจากที่ชนะข้าศึกก็ฉลองกรุงศรีอยุธยา 7 วัน 7 คืน ซึ่งสมเด็จพระนเรศวรเวลาไปปราบศึกที่ไหนก็จะเอาพระเอกาทศรถไปด้วย และก็ได้สร้างวัดเชษฐารามขึ้นซึ่งเป็นวัดของพระเอกาทศรถ และก็ได้สถาปนาพระมหาเถรคันฉ่องเป็นพระผู้ใหญ่ตั้งให้เป็นสมเด็จพระนพรัตน์ ฝ่ายอรัญญาวาสีพระอยู่นอกพระนครโดยให้มีชื่อในพระทินนามว่าสมเด็จพระนพรัตน์แห่งวัดป่าแก้วในสมัยนั้น

    "พระยันต์" นี้ได้บันทึกอยู่ในสมุดข่อยวัดประดู่ทรงธรรม อาตมาไม่ทราบว่าในชาติอดีตเกิดมากรุงศรีอยุธยา กรุงสยาม เพราะเป็นลูกที่นี่ อาจะมีเชื้อสายหรือจะไปเทกระโถนให้กับสมเด็จพระนพรัตน์อดีตชาติก็ไม่รู้ถึงจะต้องมาสร้างตรงนี้ขึ้น ทำไมจึงเรียกว่า "ยันต์ปราบหงสา" เพราะยันต์มีเป็นร้อยๆ แต่ทำไมมาเอาตรงนี้

    สมเด็จพระนพรัตน์คิดว่าดีมันสมควรที่จะคู่ควรกับพระยามหากษัตริย์ถึงเอายันต์อันนี้ลง เกิดชนะศึกขึ้นมาชาวบ้านชาวเมืองจึงตั้งยันต์อันนี้ตามตำรับวัดประดูทรงธรรมว่ายันต์ปราบหงสา ยันต์มหาปราบ หรือปราบหงสาวดี ครั้งนั้นตำราอันนี้ก็เผยแพร่ออกไปคนก็มาเรียนกัน สมัยก่อนวัดประดู่ทรงธรรมเป็นเมืองกตักศิลาใครก็มาเรียนวิชาอาคม หลวงพ่อทวดวัดช้างให้ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นต้น ซึ่งตำรับตำราเก่าๆ อยู่ที่นี่ก็มีการเผยแพร่กันไป

    พระยันต์ที่ทำนี้เป็นพระยันต์ค่าคนเมืองมาก มันมีความเป็นมากับพระมหากษัตริย์กับการกู้ชาติบ้านเมือง มียันต์มากมาย ทำไมต้องเอายันต์นี้ลงมันมีความหมาย ซึ่งก็ได้อ่านดูแล้วเป็นยันต์ของสูง จึงนำยันต์ตรงนี้มาลงให้เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ ยันต์นี้ก็เป็นยันต์ค่าคนเมือง มีความหมายว่า ค่าคนเมืองคือหาค่าไม่ได้ จะเอาอะไรมาแลกตรงนี้คงไม่ได้เพราะยันต์นี้เป็นมิ่งขวัญกำลังใจให้กับสมเด็จพระนเรศวรทรงชนะศึก ให้เหล่าแม่ทัพนายกองทั้งหลายที่คาดตะกรุดหรือมียันต์ เพื่อมีกำลังใจหึกเหิมแคล้วคลาดด้วยความศรัทธาเชื่อมั่น อุกฆะมโนนิธิเกิดขึ้น ก็เป็นยันต์ที่เจ้าฟ้ามหากษัตริย์เชื่อมั่น ถ้าไม่มีตรงนี้แล้วทหารก็อ่อนท้อเข้าไปก็ตายอย่างเดียว

    เมื่อมีตรงนี้ขึ้นมามันยิ่งกว่าเมือง จึงเขียนว่า "พระยันต์ค่าควรเมือง หรือชื่อว่าพระนเรศวรปราบหงสา" จึงมีความเป็นไปเป็นมาของพระยันต์ ซึ่งเป็นตำรับตำราของวัดประดู่ทรงธรรมเป็นกรุวิชาของกรุงศรีอยุธยา จึงได้ร่ำเรียนศึกษาจากครูบาอาจารย์และเก็บรักษาตำรานี้ไว้ เห็นว่าเป็นยันต์ค่าควรเมือง ถ้าปล่อยนิ่งเฉยก็คงจะสาบสูญหายไป และเทิดทูนคุณของสมเด็จพระนเรศวรเป็นค่าควรเมืองเป็นยันต์สำคัญอย่างยิ่ง มีความสำคัญไปมาจึงเอาพระยันต์อันนี้มาสร้างเป็นเหรียญขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนเป็น อนุสสติ เป็นกฤษดานุภาพรำลึกถึงพระนเรศวรทรงกู้ชาติ และให้รำลึกถึงสมเด็จพระนพรัตน์ แห่งวัดป่าแก้ว ทุกคนที่ถูกลืม บางคนรู้จักสมเด็จพระนเรศวรแต่ไม่รู้จักสมเด็จพระนพรัตน์

    สมเด็จพระนพรัตน์ มีส่วนสำคัญในการดูดวงฤกษ์ยามให้กับสมเด็จพระนเรศวรในการปราบข้าศึก ทำไมคนสมัยก่อนจึงเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลังเพราะมีมาตั้งแต่สมัยขอม เรื่องอย่างนี้มีความเชื่อตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาแล้ว แม้แต่กลองไพรีในสนามรบก็ต้องลงยันต์ ธงชัยเฉลิมพลก็ต้องลงยันต์ ตะกรุดคอช้าง คอม้า ก็ต้องมี คนที่จะเป็นแม่ทัพนายกองได้ต้องเรียนตำรับตำราพิชัยสงคราม

    พระครูสังฆรักษ์ เล่าต่ออีกว่า มูลเหตุที่สร้างพระยันต์นี้ไม่ได้มีไว้ให้คนร่ำรวยกันหรือมีไว้ให้ป้องกันปืน ป้องกันระเบิด แต่พระยันต์นี้เป็นอนุสสติรำลึกถึงคุณพระธรรมคำสั่งสอนพระพุทธองค์จะคุ้มครองได้ต่อผู้มีธรรมอยู่ในใจเท่านั้น ไม่ได้ไปย่อย้อมคนให้ไปเช่าไม่ได้ไปย่อย้อมให้คนหลงงมงาย แต่ให้เป็นอนุสสติ รำลึก ให้นึกถึงบุญคุณแผ่นดิน นึกถึงสมเด็จพระนเรศวรมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ผู้กล้าหาญ ที่ได้กอบกู้เอกราชกรุงศรีอยุธยาไว้ไม่ให้เป็นเมืองขึ้นประเทศพม่า


    อุตส่าห์ไปก็อปมา..
    แต่บางตำรา ก็ไม่เชื่อว่าสมเด็จพระนพรัตน์เป็นพระมหาเถรคันฉ่อง น่าจะเป็นคนละคน
    �ӹҹ"����ѹ����Ҥ�����ͧ" ��й����û�Һ˧��
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2010
  15. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    ส่วนเรื่องพระขุนแผนไปอ่านในเว็บนี้
    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0.76533/

    แต่ก่อนทำบุญนี่ไม่รับพระเครื่องเลย เพราะมาทางสายปฏิบัติ
    จะให้เช่าหาพระราคาแพงคงทำไม่ได้จริงๆ
    แต่พอเริ่มเล่นพระเครื่อง ก็เริ่มด้วยพระขุนแผนนี่แหละค่ะ
    เก็บแล้วก็ให้เขาไปซะเกือบหมด เป็นของใหม่ เพราะไม่ได้เช่าหาของเก่าเลยเพราะไม่กล้าเสียเงินกับเรื่องนี้เท่าไหร่ ที่เจอแรงๆ ที่ได้มาเป็นของหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อมค่ะได้มาคืนนั้นก็มีสียงตลอดทั้งคืน แต่บอกว่าทราบแล้วนะ ว่ามี เขาก็เงียบไป แล้วไม่เคยรบกวนอะไรอีก

    แบบนี้แหละ เหรียญอะไร ๆ ก็เห็นครั้งเดียวตลอด.. ไม่รู้จริงไม่จริง..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2010
  16. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    สนในขอชมภาพลักษณะยันต์ปราบหงสา ครับ
    สมเด็จพนรัตน์ กับ มหาเถรคันฉ่อง อยากฟังความคิดเห็นของผู้อื่นครับ
     
  17. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    บทความที่เห็นค้นมาแปะค่ะ
    อาจต้องลองค้นดูค่ะ อาจจะหาภาพเก่าๆ ดูได้ในเน็ต รึเปล่า?
    ไม่ทราบว่าคนในกระทู้นี้จะมีไหมค่ะ

    แต่ที่บ้านมีหนังสือตำรายาเสด็จเตี่ยเป็นของหมอพรเขียน ยังไม่เคยอ่านละเอียดเลยเหมือนกันค่ะ

    ตำนาน"พระยันต์ พระนเรศวรปราบหงสา"
    http://amulet.numchaigp.com/viewpage.php?page_id=13
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2010
  18. innovex

    innovex เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2005
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +2,679
    ผมเองกำลังสนใจตะกรุดมหาระงับปราบหงสาอยู่เหมือนกัน
    น่าจะมีที่วัดโพธ์ผักไห่ ที่อยุธยา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2010
  19. Unique_Angel

    Unique_Angel ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +6,546
    ได้มาจะปีนึงแล้ว มีท่านนึงที่นับถือกันมาก ยัดใส่มือมาให้แบบ งงๆ
    (พออ่านบทความที่พี่ใบไม้มาลงให้ รู้สึกว่า เรานี่เหมือนลิงได้แก้วเลยอ่ะ ๕๕๕~)

    เป็นกะลาขัดแล้ว เขียนสี หน้าพ่อแก่ กับพระพิราพ กลับไปแล้วจะถ่ายรูปมาให้ดูนะ ^^ (ไม่กล้าผ่าอ่ะเขียนหน้าครูลงไปแล้วเสียดาย)
     
  20. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    อันนี้ใช่ยันต์ปราบหงสาหรือป่าวครับ
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...