พี่ๆคะ ช่วยหาบทสวด เมตตากรณียสูตร ให้หน่อยได้มั้ยคะ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย บัวพ้นน้ำ, 10 ตุลาคม 2008.

  1. บัวพ้นน้ำ

    บัวพ้นน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +198
    คืออยากจะขอความกรุณาจากกัลยาณมิตรทั้งหลาย ทั้งพวกพี่ๆน้องๆ ใครที่มี เมตตากรณียสูตร กรุณานำมาลงให้หน่อยได้มั้ยคะ จะขอบพระคุณอย่างสูงเลย เรพาะมุกต้องการอ่ะค่ะ ว่าจะเอาไปใช้ในการทำงานอ่ะนะ ขอความกรุณาด้วยนะคะ
     
  2. Leonidas 1

    Leonidas 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +188
    กะระณียะเมตตะสูตร
    กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ
    กิจอันใด อันพระอริยเจ้าบรรลุบทอันกระทำแล้ว กิจอันนั้นกุลบุตรผู้ฉลาดในประโยชน์พึงกระทำ<O:p</O:p
    สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ
    กุลบุตรนั้นพึงเป็นผู้อาจหาญ และซื่อตรงดี
    สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี
    เป็นผู้ว่าง่าย อ่อนโยน ไม่มีอติมานะ<O:p></O:p>
    สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ
    เป็นผู้สันโดษ เลี้ยงง่าย
    อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ
    เป็นผู้มีธุรกิจน้อย ประพฤติเบากายจิต<O:p></O:p>
    สันตินทริโย จะ นิปะโก จะ
    มีอินทรีย์อันระงับแล้ว มีปัญญา
    อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
    เป็นผู้ไม่คะนอง ไม่พัวพันในสกุลทั้งหลาย<O:p></O:p>
    นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง
    วิญญูชนติเตียนชนทั้งหลายอื่นด้วยกรรมอันใด ไม่พึงประพฤติกรรมอันนั้นเลย<O:p></O:p>
    สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
    ขอสัตว์ทั้งปวง จงเป็นผู้มีสุข มีความเกษม มีตนถึงความสุขเถิด<O:p></O:p>
    เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ
    สัตว์มีชีวิตทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีอยู่
    ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
    ยังเป็นผู้สะดุ้ง ( คือมีตัณหา ) หรือเป็นผู้มั่นคง ( ไม่มีตัณหา ) ทั้งหมดไม่เหลือ<O:p></O:p>
    ทีฆา วา เย มะหันตา วา มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา
    เหล่าใดยาวหรือใหญ่ หรือปานกลางหรือสั้นหรือผอมพี<O:p></O:p>
    ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา
    เหล่าใดที่เราเห็นแล้ว หรือมิได้เห็น
    เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร
    เหล่าใดอยู่ในที่ไกลหรือที่ไม่ไกล <O:p></O:p>
    ภูตา วา สัมภะเวสี วา
    ที่เกิดแล้ว หรือแสวงหาภพก็ดี
    สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
    ขอสัตว์ทั้งปวงเหล่านั้น จงเป็นผู้มีตนถึงความสุขเถิด<O:p></O:p>
    นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ
    สัตว์อื่นอย่างพึงข่มเหงสัตว์อื่น
    นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ
    อย่าพึงดูหมิ่นอะไรๆ เขา ในที่ไรๆ เลย<O:p></O:p>
    พยาโรสะนา ปะฏิฆะสัญญา นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
    ไม่ควรปรารถนาทุกข์แก่กันและกัน เพราะความกริ้วโกรธด้วยความคับแค้นใจ <O:p></O:p>
    มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
    มารดาถนอลูกคนเดียว ผู้เกดในตนด้วยยอมพร่าชีวิตได้ฉันใด<O:p></O:p>
    เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
    ุพึงเจริญเมตตา มีในใจ ไม่มีประมาณในสัตว์ฉันนั้น<O:p></O:p>
    เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
    บุคคลพึงเจริญเมตตา มีในใจไม่มีประมาณไปในโลกทั้งสิ้น<O:p></O:p>
    อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ
    ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องเฉียง
    อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
    เป็นธรรมอันไม่คับแคบ ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู<O:p></O:p>
    ติฎฐัญจะรัง นิสินโน วา
    ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น ยืนอยู่ก็ดี เดินไปก็ดี นั่งแล้วก็ดี
    สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
    นอนแล้วก็ดี เป็นผู้ปราศจากความง่วงนอนเพียงใด<O:p></O:p>
    เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ
    ก็ตั้งสติอันนั้นไว้เพียงนั้น
    พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
    ับัณฑิตทั้งหลาย กล่าวกิริยาอันนี้ว่า เป็นพรหมวิหาร ในพระศาสนานี้<O:p></O:p>
    ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีสะวา
    บุคคลที่มีเมตตา ไม่เข้าถึงทิฏฐิ เป็นผู้มีศีล
    ทัสสะเนนะ สัมปันโน
    ถึงพร้อมแล้วด้วยทัศนะ ( คือโสดาปัตติมรรค)<O:p></O:p>
    กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง
    นำความหมกมุ่นในกามทั้งหลายออก
    นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติฯ
    ย่อมไม่ถึงความนอน ( เกิด) ในครรภ์อีก โดยแท้ทีเดียว<O:p></O:p>
    เดี๋ยวมีตำนานมาให้อีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2008
  3. Leonidas 1

    Leonidas 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +188
    เริ่มเรื่องที่ พวกพระภิกษุ ๕๐๐ รูป ในนครสาวัตถี ครั้นได้เรียนกัมมัฏฐานในสำนัก สมเด็จพระบรมศาสดา แล้วหลีกไปหาที่สงัดเงียบ สำหรับเจริญวิปัสสนา เดินทางไปได้สิ้นระยะทางประมาณ ๑๐๐ โยชน์

    ถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านเหล่านั้นได้เห็นพระภิกษุ มีความยินดี นิมนต์ให้นั่ง บนอาสนะอันสมควร แล้วอังคาสด้วยข้าวยาคู เป็นต้น พร้อมทั้งถามว่า พระผู้เป็นเจ้าทั้ง หลายจะไป ณ ที่แห่งใด

    ภิกษุทั้งหลายจึงกล่าวว่า เราจะไปแสวงหาสถานที่สบาย สำหรับปฏิบัติธรรมตลอดไตรมาส ชาวบ้านเหล่านั้นจึงกล่าวว่า จากนี้ไปไม่ไกลนัก มีป่าชัฏเป็นที่สงัด เงียบเป็นที่รื่นรมย์ ขอนิมนต์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย โปรดจงเจริญสมณธรรม ในที่นั้น ตลอดไตรมาสเถิด

    ข้าพเจ้าทั้งหลายจะขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และรักษาศีลในสำนักของพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย พระภิกษุทั้งหลายรับนิมนต์แล้วก็ออกเดินทางเข้าไปสู่ป่าชัฏ เพื่อเจริญสมณธรรม

    ฝ่ายพวกรุกขเทวดาที่สิงสถิตอยู่บนต้นไม้ในป่านั้น ต่างพากันคิดว่า พระผู้เป็นเจ้าทั้ง หลายมาอาศัยอยู่ที่โคนต้นไม้ของเรา ตัวเราและบุตรภรรยาขึ้นอยู่บนต้นไม้นี้ จักไม่เป็นการบังควร ดูว่าจะไม่เคารพ พวกรุกขเทวดาทั้งหลาย จึงพากันลงจากต้นไม้ มานั่งอยู่เหนือพื้นดิน ได้รับความลำบากมิใช่น้อย พวกรุกขเทวดาผู้ใหญ่ ได้พูดปลอบใจเทวดาผู้น้อยว่า ไม่เป็นไรหรอกชาวเราเอ๋ย… พระผู้เป็นเจ้าเหล่านี้คงจะอยู่ ณ ที่นี้ไม่นาน รุ่งขึ้นท่านก็คงจะจาริกไปที่อื่น ชาวเราทั้งหลาย จักได้กลับขึ้นไปอยู่บนวิมานของเราเหมือนเดิม

    รุ่งสาง พระสุริยะก็ฉายแสงส่องลงมายังภาคพื้นปฐพี เหล่าภิกษุทั้งหลาย ก็พากัน ออกเที่ยวบิณฑบาตภายในหมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากป่านั้นนัก

    พวกเทวดาต่างพากันคิดว่า ดีหละ พระเป็นเจ้าทั้งหลายคงจะย้ายที่อยู่ กันสิ้นแล้ว จึงพากันขึ้นไปสถิตยังต้นไม้ของตนตามเดิม

    เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ล่วงเวลาไปครึ่งเดือน พวกรุกขเทวดาจึงพากันคิดว่า ชะรอยพระเป็นเจ้าคงจะอยู่ ณ ที่นี้ถ้วนไตรมาสเป็นแน่ เห็นทีชาวเราคงจะต้องลำบากไปตลอดไตรมาสด้วย เห็นทีชาวเราทั้งหลายจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ท่านไปเสียจากที่นี่

    เมื่อคิดดังนั้นแล้ว รุกขเทวดาต่างก็พากันแสดงตนให้ปรากฏต่อประสาทสัมผัสของพระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ด้วยอาการ กิริยา อันน่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ เช่น ทำให้เกิดลมพายุพัด ทำให้เกิดฝนตกเฉพาะภาคพื้นนั้น ทำให้ดูประหนึ่งแผ่นดินไหวสะเทือนเลื่อนลั่น ทำให้เกิดเสียงร้องโหยหวนดังเสียงของเปรต หรือสัตว์นรกผู้กำลังได้รับทุกขเวทนาจากการโดนลงทัณฑ์ แม้ที่สุดกระทำให้ภิกษุทั้งหลายได้เห็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ พวกภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปนั้นก็หาได้หนีจากที่นั้นไปไม่

    รุกขเทวดาผู้ใหญ่ เลยออกอุบาย ให้บริวารช่วยกันบันดาลให้เกิดโรค แก่ภิกษุเหล่านั้น มีอาการป่วยต่าง ๆ กัน เช่น โรคไอ โรคจาม โรคหอบ โรคนอนกรน โรคฝันร้าย โรคเหล่านี้ ทำให้กายของพระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป มีร่างกายซูบซีด ผอมแห้ง ได้รับทุกขเวทนา จนทนอยู่ ณ ที่นั้นมิได้ จึงพากันเดินทางหลีกหนี ออกจากป่าชัฏนั้น แล้วชวนกันไปเฝ้าพระบรมศาสดา ทูลเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ประสบมา ให้พระบรมศาสดาทรงทราบ

    พระผู้มีพระภาค เมื่อได้ทรงสดับ การที่ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปได้ประสบมา จึงทรงมีพุทธประสงค์ให้ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป กลับไปเจริญสมณธรรมในที่เดิม

    จึงทรงประทาน เมตตาสูตร ให้แก่พระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปได้เรียน เพื่อใช้ป้องกันภัย จากภูต และเทวดา ยักษ์ มาร ทั้งปวง โดยมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสาธยายพระสูตรนี้ ตั้งแต่ชายป่า จนถึงภายนอก และภายในที่พัก เช่นนี้ ความสวัสดีจะมีแก่เธอทั้งหลาย

    ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ได้เรียนพระพุทธมนต์ จนขึ้นใจแล้ว จึงพากันเดินทางกลับไปยังป่าชัฏดังเดิม ครั้นถึงชายป่าชัฏ ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปก็สาธยายพระพุทธมนต์ บทเมตตาสูตร จนเดินถึงที่พัก

    พวกรุกขเทวดาทั้งหลาย เมื่อได้สดับเสียงเจริญ เมตตาสูตร จากปากพระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ก็มีจิตเมตตา รักใคร่ พากันมาต้อนรับปฏิสันถาร รับบาตรจีวร ปัดกวาด หาน้ำใช้ น้ำฉัน แล้วคอยรับใช้ อภิบาลรักษาอยู่ตามแนวป่า มิให้มนุษย์ อมนุษย์ และสัตว์ร้ายใด ๆ มารบกวน ทำร้ายพระเป็นเจ้าของตน

    ภิกษุเหล่านั้น เมื่อได้อยู่เป็นที่สงบสุขแล้ว ก็หมั่นตั้งจิตบำเพ็ญ วิปัสสนา กัมมัฏฐาน ตลอดกลางวันและกลางคืน จนจิตหยั่งลงสู่วิปัสสนาญาณ เห็นความเสื่อมในร่างกายของตน ว่าอัตภาพนี้มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ประดุจภาชนะดินเผา ที่เปราะบางแตกทำลายลงง่าย ไม่คงทนถาวร ขณะที่เป็นอยู่ก็เป็นภาระ ที่ต้องประคับประคองรักษา แม้ที่สุดก็หาได้มีตัวตนที่แท้จริงไม่

    องค์สมเด็จพระชินศรีบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะทรงประทับอยู่ภายในพระคันธกุฎี ทรงทราบสภาวะธรรม ที่เกิดขึ้นในจิตของพระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ด้วยพระญาณ จึงทรงเปล่งพระรัศมีให้ปรากฏเฉพาะหน้า แก่ภิกษุเหล่านั้น ดุจดังว่าเสด็จมาเองเฉพาะภิกษุแต่ละองค์ และทรงตรัสพระคาถาว่า

    ภิกษุทั้งหลาย กายนี้เปรียบเหมือนหม้อดิน จิตนี้เปรียบเหมือนนคร ที่มีข้าศึกคอยจ้องรุกรานโจมตีคือกิเลส อาวุธที่จะใช้กำราบกิเลส ก็คือปัญญา ขณะที่เรากำลังรุกรบกับข้าศึกคือกิเลส ก็ต้องระวังดูแลรักษาหม้อดิน คือกายนี้อย่างไม่มีวันจบสิ้น กายนี้เป็นภาระอย่างยิ่ง และเหตุแห่งการเกิดกายนี้ ก็คือกรรม อวิชชาความไม่รู้ ความรู้วิชา ทำให้รุ่งเรืองปัญญา ดับเหตุแห่งอกุศลกรรมเสียได้ ย่อมไม่พัวพันต่อชาติภพ ย่อมมีชัยชนะในโลก

    เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้ว ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปก็ได้บรรลุอรหัตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ ด้วยประการฉะนี้<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>
    จะพิมพ์ก้อไม่ไหว เลยต้องกอบมา
    http://xchange.teenee.com/index.php?showtopic=42323
     
  4. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้และผู้รู้...ที่ทำให้ได้รับความรู้ในบทสวดนี้ด้วยค่ะ
     
  5. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860

    ส่งมาให้ตามคำขอเรียบร้อยแล้ว น่ะ ครับ

    ขอให้หมั่นสวดเป็นประจำมีอานิสงค์ยิ่ง 11 ประการ

    อนุโมทนา....สาธุ ครับ[​IMG]


    ;aa22;aa22;aa22;aa22;aa22
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. บัวพ้นน้ำ

    บัวพ้นน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +198
    ขอขอบพระคุณ พวกพี่ๆทุกคนนะคะ

    โอ้.......

    เยี่ยมเรยส์ 55+

    พอดีจะนำไปใช้ในการทำงานกู้ภัยน่ะค่ะ

    ไงก้อขอขอบพระคุณอย่างสูงนะคะ
     
  7. วรัณย์

    วรัณย์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    384
    ค่าพลัง:
    +37
    เอาไปใช้ยังงัยช่วยบอกหน่อย
     
  8. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +505
    พี่เอาทำนองการสวดแบบอินเดียมาให้ฟังนะจ๊ะ

    ลองสวดตามดูนะ เพราะจะทำให้เราจำได้เร็วกว่านะคะ

    เพราะตอนนี้พี่ก็สวดอยู่จ้า


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. บัวพ้นน้ำ

    บัวพ้นน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +198
    ขอบคุณอีกแระ 55+
    มีแต่คนใจดีทั้งนั้นเลย
    อ่อ ที่เอาไปใช้น่ะ คือว่า พี่ชายอ่ะ แกบอกให้หามาอ่ะค่ะ แล้วใช้สวดตอนอยู่กะศพ
    หรือไปช่วยเค้าอะไรทำนองนี้มั้งนะคะ
    เด๋วไปถามแกให้แน่ก่อน เด๋วมาบอกค่ะ
     
  10. porapatr

    porapatr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    599
    ค่าพลัง:
    +1,282
    พี่เอาอีกแบบมาให้ฟังค่ะ เป็นแบบทิเบต ตัวพี่เองจะฟังตอนเช้า และ สวดตอนกลางคืนหนะ แต่อย่างที่คุณเวฬุวัลว่าลองสวดตามดูนะ เพราะจะทำให้เราจำได้เร็วกว่านะคะ จริงเลยค่ะ เพราะ ๆ ทั้ง 2 แบบทั้งอินเดีย และ ทิเบต เอาไว้ฟังทั้ง 2 แบบเลยน๊ะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. porapatr

    porapatr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    599
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ขอแถมบทแผ่เมตตาไม่มีประมาณด้วยน๊ะคะ ^^

    บ ท แ ผ่ เ ม ต ต า โ ด ย ไ ม่ มี ป ร ะ ม า ณ

    อะหัง อะเวโร โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ปราศจากเวร )
    อัพยาปัชโฌ โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
    อะนีโฆ โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
    มะมะ มาตาปิตุ ( ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า )
    อาจาริยา จะ ญาติมิตตา ( จะ ครูอาจารย์ และญาติมิตร )
    สะพราหมะจาริโน จะ ( ผู้ประพฤติธรรมทั้งปวง )
    อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
    อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
    อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
    อิมัสมิง อาราเม สัพเพ โยคิโน ขอให้ท่านโยคี ( ผู้ทรงสมาธิ) ทั้งปวงในเขตนี้ )
    อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
    อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
    อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
    สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
    อิมัสมิง อาราเม สัพเพ ภิกขู ( ขอพระภิกษทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่ในเขตนี้ )
    สามะเณรา จะ ( และสามเณร )
    อุปาสะกา อุปาสิกายา จะ ( ทั้งอุบาสกและ อุบาสิกา )
    อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
    อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
    อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
    อัมหากัง จะตุปัจจายะทายะกา ( ขอทายกทายิกา ผู้ให้ปัจจัย๔ แก่พวกเราทั้งหลาย )
    อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
    อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
    อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
    อัมหากัง อารักขา เทวาตา ( ขอเทวดาผู้อารักขาเราทั้งหลาย )
    อิมัสมิง วิหาเร ( ในวิหารแห่งนี้ )
    อิมัสมิง อาวาเส ( ในอาวาสแห่งนี้ )
    อิมัสมิง อาราเม ( ในอารามแห่งนี้ )
    อารักขา เทวาตา ( ขอเทวาผู้รักษาสถานที่เหล่านี้ )
    อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
    อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
    อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
    สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
    สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
    สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
    สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
    สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
    สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย ทั้งปวง )
    สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย ทั้งปวง )
    สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
    สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
    สัพเพ เทวา ( ขอเทวาทั้งหลาย ทั้งปวง )
    สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
    สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย ทั้งปวง )
    อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
    อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน)
    อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
    ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
    ยถา ลัทธาสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้มา )
    กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
    ปุรถิมายะ ทิสายะ ( ขอสัตว์ทั้งปวง ในทิศบูรพา ( ทิศตะวันออก )
    ปัจฉิมายะ ทิสายะ ( ในทิศปัจฉิม ( ทิศตะวันตก )
    อุตตรายะ ทิสายะ ( ในทิศอุดร ( ทิศเหนือ )
    ทักขิณายะ ทิสายะ ( ในทิศทักษิณ ( ทิศใต้ )
    ปุรถิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศอาคเนย์ ( ทิศตะวันออกเฉียงใต้ )
    ปัจฉิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศพายัพ ( ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ )
    อุตตระ อนุทิสายะ ( ในทิศอิสาน ( ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ )
    ทักขิณายะ อนุทิสายะ ( ในทิศหรดี ( ตะวันตกเฉียงใต้ )
    เหฎฐิมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องล่าง )
    อุปาริมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องบน )
    สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย )
    สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
    สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
    สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
    สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
    สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย )
    สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย )
    สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
    สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
    สัพเพ เทวา ( ขอเทวา ทั้งหลาย )
    สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย )
    สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย )
    อะเวรา โหนตุ ( อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย )
    อัพยาปัชฌา โหนตุ ( อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย )
    อะนีฆา โหนตุ ( อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย )
    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( จงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
    ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
    ยถา ลัทธา สัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้มา )
    กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
    อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( และสัตว์ที่อยู่สูงขึ้นไปจนถึงภวัคคภูมิ )
    อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์ที่อยู่เบื้องล่างจนถึงอเวจีมหานรก )
    สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
    เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
    อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
    นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ และอุปัทวันตราย )
    อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ที่อยูสูงขึ้นไปถึงภวัคคภูมิ )
    อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์อยู่เบื้องล่างในอเวจีมหานรก )
    สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
    เย สัตตา อุทักเขจารา ( ขอสัตว์ทั้งหลายผู้เกิดในน้ำ )
    อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับใครเลย )
    นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย )
    อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ในโลกธาตุอื่น ที่อยูเบื้องบนคือภวัคคภูมิลงมา )
    อโธ ยาวะ อวิจิโต ( ตั้งแต่อเวจีมหานรกขึ้นไป )
    สมันตา จักกะวาเฬสุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายในจักรวาลโดยรอบๆ )
    เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
    อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับใครเลย )
    นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย ทั้งสิ้นเทอญฯ )

    ที่มา : http://www.oknation.net/blog/buddhamantra/video/5968

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.420917/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2008
  12. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +505
    ขอบคุณคุณ porapatr มากค่ะ

    ขอโหลดเก็บเอาไว้นะคะ
     
  13. เดียวดาย654

    เดียวดาย654 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    743
    ค่าพลัง:
    +46
    เขาเอาไปใช้สวดเพื่อป้องกันภูตผี ไม่ให้มารบกวน ประมาณนี้
     
  14. porapatr

    porapatr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    599
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ยินดีอย่างมากเลยค่ะ คุณเวฬุวัล
    จะรู้สึกดีใจมาเลยค่ะ ถ้ามีคนสนใจโหลดเอาไปฟังเยอะ ๆ ^^
     
  15. บัวพ้นน้ำ

    บัวพ้นน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +198
    ถูกต้องค่ะ เพราะว่าแต่ละวันเนี่ย จะเจอศพ จากการเสียชีวิตแบบต่างๆ ทั้งตามกาลเวลา และอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นจึงต้องสวดป้องกัน และแผ่เมตตาประจำไงคะ
     
  16. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,174
    ค่าพลัง:
    +7,815
    อิติปิโส(พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ)ท่องให้ขึ้นใจก็พอแล้ว แค่นี้ก็ไม่มี"ใคร"มารบกวนแล้วจ๊ะ หุ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2008
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. berryciz

    berryciz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +240
    ขออนุโมทนาด้วยคะ ขอโหลดไปฟังไว้ด้วยคนนะคะ และขอบคุณสำหรับบทสวดค่ะ แอบแฝงตัวมาแจมด้วย ไม่เป็นไรใช่ไหมค่ะ อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...