พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    • พิมพ์นี้ไม่ได้มี 2 หน้าหรอกนะครับ
    • ผมใส่ตลับแบบหนาจุได้ 2 องค์ - องค์นี้(ตัวอย่าง) อยู่ด้านหลัง
    • ส่วนองค์ด้านหน้าจะเป็นอีกพิมพ์ ที่คุณเอ๋กำลังตัดสินใจเลี่ยมอยู่นิแหละครับ
    • ส่วนพิมพ์ที่มี 2 หน้าจะเป็นแบบ บุเงิน บุทอง บุนาค กลักไม้ขีด ปิดตา หรือพิมพ์หลวงปู่ทวด ประมาณนี้อ่ะครับ
     
  2. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    โมทนา สาธุ สาธุ คมชัดลึกเลย
     
  3. Natachai

    Natachai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +937
    อนุโมทนา...สาธุ...สาธุ...สาธุ
     
  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ไปแตะ 934 แล้ว เสียวดอยค้าบบบบบบบบ
     
  5. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  6. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  7. Natachai

    Natachai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +937
    หลับหูหลับตากัดฟันซื้อๆฝังดินไว้ครบ 12 เดือนขุดขึ้นมาขาย 555
     
  8. littlelucky

    littlelucky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +1,938
    ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุกวัน



    [​IMG]

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ไม่ ว่าใคร ๆ ก็ล้วนแล้วอยากจะมีสุขภาพที่ดีไม่ต่างกัน ดังนั้น การดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนเลือกใช้ และที่สำคัญ มันให้ผลลัพธ์ที่ดีซะด้วยสิ โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารที่ทำให้สุขภาพดีจากภายใน ยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ทุกวันเลยล่ะ

    อ๊ะ ๆ แต่รู้มั้ยคะว่า นอกจากการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่แล้ว หากคุณได้รับประทาน "สุดยอดอาหาร" ในทุก ๆ วันแล้ว ยิ่งทำให้คุณมีสุขภาพดีมากขึ้นไปอีก เอ? ว่าแต่สุดยอดอาหารที่ว่านี้ คืออะไร อิอิ.. ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

    [​IMG]


    [​IMG] 1. เบอร์รี่

    แม้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะเคยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ยากในบ้านเรา แต่ในสมัยนี้เห็นจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีขายกันเกลื่อนตามห้างสรรพสินค้า และท้องตลาดบางแห่งด้วยแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมคะว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้น ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้มากเลยทีเดียว แถมยังมีแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ และที่สำคัญ ยังมีวิตามิน C ที่ช่วยในเรื่องผิวพรรณและหวัดอีกด้วย

    [​IMG]

    [​IMG] 2. ไข่ไก่

    ไข่ไก่เป็นสุดยอดอาหารที่หาง่ายมาก ๆ แถมยังราคาถูกอีกแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมว่า ไข่ไก่นั้นเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่ทำให้คุณได้พลังงานแต่ไม่อ้วน แถมมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา อ้อ แถมยังมีลูทีนที่จะป้องกันผิวคุณจากการทำลายของแสงแดดอีกด้วย

    [​IMG]

    [​IMG] 3. ถั่ว

    ถั่วเป็นแหล่งของเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยในถั่ว 1 ถ้วย จะให้ธาตุเหล็กประมาณ 16 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงเลยทีเดียว นอกจากนี้ ถั่วยังมีไฟเบอร์ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ง่ายอีกด้วย

    [​IMG]

    [​IMG] 4. อัลมอนต์ แม็คคาเดเมีย และมะม่วงหิมพานต์

    เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ จากการศึกษาของนักโภชนาการ พบว่า ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชเหล่านี้จะมีอายุยืนกว่าผู้ที่ไม่ได้ทานถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 เอแอลเอ ที่จะส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีด้วย

    [​IMG]


    [​IMG] 5. ส้ม

    เป็นแหล่งวิตามิน C คุณภาพ ที่มีประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค รวมทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งของแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย และเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว เรียกว่าคุณประโยชน์ครบครันเลยทีเดียว

    [​IMG]

    [​IMG] 6. มันเทศ

    อาหารที่หาได้ง่าย แถมยังให้ประโยชน์มากมายกับสุขภาพอีก มันเทศเป็นแหล่งเบตาแคโรทีนชั้นดีที่ช่วยในการบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และที่หลาย ๆ คนคิดไม่ถึง คือ มันเทศมีสารต้านมะเร็งสูงอีกด้วยค่ะ

    [​IMG]

    [​IMG] 7. บร็อคโคลี่

    เป็นแหล่งของวิตามินซี เอ และเค เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา และมีสารไอโซธิโอไซยาเนทส์ (Isothiocyanates) ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ วิตามินเคยังเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกด้วย

    [​IMG]

    [​IMG] 8. ชา

    แม้ว่าชาจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ไม่ได้ให้ผลดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่า การดื่มชาในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ มะเร็ง และทำให้สุขภาพฟันและกระดูกแข็งแรงขึ้น เพราะในชานั้นมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ

    [​IMG]

    [​IMG] 9. คะน้า

    มีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด รวมถึงมีวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สร้างภูมิต้านทานโรคที่ดี นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมเสริมสร้างการทำงานของกระดูก

    [​IMG]

    [​IMG] 10. โยเกิร์ต

    อาหารสุขภาพที่หลาย ๆ คนมักจะซื้อไว้ติดบ้าน เอาไว้ทานยามหิว และนั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้วค่ะ เพราะในโยเกิร์ตนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี วิตามินบี 12 และโปรตีน ดังนั้น ถ้าคุณทานโยเกิร์ตให้ได้วันละ 1 ถ้วย จะทำให้สุขภาพคุณดีอย่าบอกใครเลยล่ะ

    อาหารเพื่อสุขภาพ 10 สิ่งที่ควรทานทุกวัน
     
  10. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    สวัสดีตอนเช้าครับทั้ง2ท่าน
    sithiphong, นายเฉลิมพล
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ห้องพระกับบ้านร่วมสมัย


    ศาสนามีความ ผูกพันและเป็นเครื่อง ยึดเหนี่ยวทางจิตใจที่กลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งในวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เราจนแยกไม่ออก จึงไม่น่าแปลกใจที่ในเกือบทุกหลังคาเรือน จะมีการจัดสรรพื้นที่ว่างสำหรับการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือไว้ ภายในบ้านด้วย

    สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงในการทำห้องพระหรือติดตั้งหิ้งพระ ก็คือเรื่องของการจัดหาตำแหน่งที่มีความเหมาะสม ตามปกติแล้วห้องพระควรจัดอยู่ในมุมเงียบสงบที่สุดของบ้าน และมักอยู่ชั้นบนสุดของบ้าน เนื่องด้วยคนไทยเรามีความเชื่อว่าพระพุทธรูปเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สักการ บูชาจึงต้องอยู่สูงกว่าคนเสมอนั่นเอง

    ตามความเชื่อของไทยที่มีแต่ดั้งเดิมแล้วไม่นิยมหันพระพักตร์ของพระพุทธรูปไป ทางทิศใต้หรือทิศตะวันตก เพราะถือว่าเป็นทิศที่อยู่ภายใต้ ไม่แจ่มใส เช่นเดียวกับทิศตะวันตกที่หมายถึงการสิ้นสุด ส่วนทิศตะวันออกหรือทิศเหนือนั้น มีความหมายถึงการเริ่มต้น การมีชัย จึงถือเป็นทิศที่เป็นมงคล นอกจากนี้ยังไม่ควรอยู่ติดหรือตรงกับห้องน้ำ อีกทั้งถ้ามีห้องนอนอยู่ติดกับห้องพระ ก็ควรระวังในเรื่องที่นอน โดยไม่ควรหันปลายเท้าไปทาง ตำแหน่งของห้องพระหรือหิ้งพระ

    องค์ประกอบต่อไปที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ เรื่องของการระบายอากาศภายในห้อง ห้องพระหรือหิ้งพระควรมีช่องระบาย อากาศที่เหมาะสม เพื่อให้อากาศไหลเวียนถ่ายเทได้สะดวก ช่วยระบายกลิ่นควันจากธูปเทียนภายหลังเสร็จสิ้นจากการกราบไหว้บูชา ทั้งนี้อาจติดตั้งพัดลมดูดอากาศ เพื่อช่วยในการระบายอากาศเสริมด้วยก็ได้เช่นกัน

    โทนสีที่นิยมใช้ในการตกแต่งห้องพระ ได้แก่ โทนสีเข้ม เช่น สีน้ำตาล รวมไปถึงการเติมเฉดสีแดง โทนสีเงินและสีทอง อร่าม เพื่อสะท้อนความรู้สึกถึงพลังและความเลื่อมใสศรัทธา ในส่วนของวัสดุตกแต่งก็ควรเลือกสรรชนิดที่มีความทนทานต่อความร้อนของเศษธูป และน้ำตาเทียน โดยวัสดุปูพื้นอาจเลือกเป็นพื้นกระเบื้อง ซึ่งมีพื้นผิวง่ายต่อการทำความสะอาด แต่ถ้าท่านใด ชื่นชอบวัสดุธรรมชาติ อย่างเช่น ไม้และหินธรรมชาติ ก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน โดยอาจปูพรมหรือเสื่อเฉพาะในส่วนที่นั่ง ประกอบพิธี เพื่อป้องกันความชำรุดเสียหายอันเกิดจากเศษธูป และน้ำตาเทียนหยดใส่ ทั้งยังช่วยให้พื้นที่ใช้งานแลดูมีสัดส่วนยิ่งขึ้นด้วย

    ผนังห้องส่วนใหญ่มักเป็นสีโทนอ่อน เช่น สีขาวและสีครีม ส่วนผนังด้านหลังองค์พระพุทธรูปก็สามารถตกแต่งสร้างความโดดเด่นได้อย่างหลาก หลายตามแต่ความชื่นชอบและรสนิยม เช่น การกรุประดับด้วยไม้ฉลุเป็นซุ้มเรือนแก้วอย่างวิจิตรสลับกับการบุผ้า หรือนำกระจกเงามาใช้ตกแต่งเพิ่มความรู้สึกแห่งความร่วมสมัยเข้ากับบรรยากาศ ของบ้าน หรืออาจเลือกเพนท์ประดับเป็นลวดลายแบบไทยประยุกต์ลงบนผนังโดยตรงก็ได้

    แนวทางในการตกแต่งห้องพระก็เช่นเดียวกับการตกแต่งพื้นที่ใช้งานอื่น ๆ ภายในบ้านที่สามารถเติมเต็มไอเดียได้อย่างอิสระ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ ควรคำนึงถึงหลักความเชื่อศรัทธา ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องอาศัยการศึกษาทำความเข้าใจ.
    บ้านในฝัน


    ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
    Daily News Online > เสาร์สปอร์ต > อสังหาริมทรัพย์ > บ้านสวยด้วยมือคุณ > ห้องพระกับบ้านร่วมสมัย
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> <center"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </center"></td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, นายเฉลิมพล, ปฐม</td></tr></tbody></table>

    สวัสดีครับ

    นำมาฝากกันในตอนเช้าครับ

    จากร้าน"รุ่งเรือง นางเลิ้ง"

    [​IMG]

    http://palungjit.org/threads/ราชาบะหมี่หรือจะสู้-เทพแห่งบะหมี่-รุ่งเรือง-นางเลิ้ง.255799/

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

    29 สิงหาคม 2553 เวลา 20:08 น.

    ที่มา โพสต์ทูเดย์

    ว่ากันว่าเทคโนโลยีที่พัฒนาก้าวหน้ามากขึ้นและเข้ามาแวดล้อมอยู่ กับชีวิตของคนนั้น ทำให้ความสามารถในการทำบางสิ่งบางอย่างของเราลดลงโดยไม่รู้ตัว....
    โดย...ณศักต์ อัจจิมาธร
    ว่ากันว่าเทคโนโลยีที่พัฒนาก้าวหน้ามากขึ้นและเข้ามาแวดล้อมอยู่กับชีวิต ของคนนั้น ทำให้ความสามารถในการทำบางสิ่งบางอย่างของเราลดลงโดยไม่รู้ตัว
    เมื่อลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่บ้านในวันที่ต้องออกมาทำงาน ชายหนุ่มบางคนจึงพบว่าความสามารถในการจำเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลดต่ำลงขนาด หนัก เพราะที่ผ่านมาคิดจะโทร.หาใครก็เพียงแค่กดรายชื่อจากโทรศัพท์ขึ้นมาก็สามารถ ต่อสายไปถึงได้แล้ว
    แต่ในวันที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือนั้น แม้แต่เบอร์โทรศัพท์ของออฟฟิศที่เดินทางมาทำงานอยู่ทุกวันก็จำผิดๆ ถูกๆ
    เช่นเดียวกับที่กำลังนั่งเสิร์ชข้อมูลไปบนโลกไซเบอร์ เขาก็พบบางสิ่งที่ทำให้นึกขำขึ้นมาว่า ความสามารถในการอดทนรอคอยอะไรบางอย่างนั้น หดหายไปพร้อมๆ กับความเร็วของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้น
    แต่เดิมในสมัยที่ความเร็วอินเทอร์เน็ตมีไม่มากนัก การคลิกเมาส์ไปแล้วนั่งรอสักครึ่งนาที 1 นาที กว่าจะโหลดหน้าเว็บไซต์ขึ้นมาเป็นเรื่องปกติธรรมที่ไม่เคยทำให้ใจร้อนรน
    แต่ปัจจุบันเมื่อความเร็วอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น กลับทำให้ความอดทนในการรอน้อยลง คลิกไปแล้ว 10-20 วินาที ก็เริ่มมีอารมณ์ พานจะเลิกความคิดที่จะเปิดเว็บไซต์นั้นเอาดื้อๆ
    เขาพบว่า ความอดทนที่ลดลงนี้ระบาดไปถึงการรอคอยเรื่องอื่นในชีวิตประจำวันอีกมากมาย รอติดไฟแดงได้ไม่นานก็เริ่มกระสับกระส่าย รอคิวกดเอทีเอ็มเพียงชั่วครู่ก็เริ่มหงุดหงิดเมื่อเห็นคนที่กำลังกดอยู่ข้าง หน้าไม่เสร็จสิ้นภารกิจโดยเร็ว

    ขณะที่ใครอีกคนพบว่ายิ่งนานวัน ลายมือในการเขียนหนังสือยิ่งแย่ลงอย่างน่าตกใจ เมื่อลองเปิดบันทึกที่เคยเขียนไว้เมื่อหลายปีก่อนเปรียบเทียบกับปัจจุบัน
    [​IMG]
    ลายมือที่ปรากฏในหน้ากระดาษชวนให้นึกขึ้นได้ว่า นานแล้วที่ไม่เคยหยิบปากกามาเขียนโปสต์การ์ดสักใบ แล้วเดินไปหย่อนในตู้จดหมายเพื่อฝากความคิดถึงไปหาใครสักคน แต่กลับใช้วิธีพิมพ์ข้อความนั้นลงไปบนแป้นโทรศัพท์มือถือและส่งออกไปปรากฏบน หน้าจอโทรศัพท์ของผู้รับแทน
    นิโคลัส คาร์ นักคิดนักเขียนด้านเทคโนโลยี ธุรกิจ และวัฒนธรรม ระดับป๋าคนหนึ่งของสหรัฐ เคยเขียนบทความออกตีพิมพ์ในนิตยสาร ดิแอตแลนติก ฉบับเดือน ส.ค. 2551 โดยใช้หัวเรื่องเชิงตั้งคำถามว่า “กูเกิลจะทำให้คนเราโง่หรือเปล่า” (Is Google Making Us Stupid?)
    คาร์ บอกว่า สมองและระบบความคิดของเขากำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจากใช้เวลาหลาย ชั่วโมงต่อวันในโลกออนไลน์เพื่อค้นหาเรื่องราวต่างๆ ตามความต้องการ
    เขายกตัวอย่างว่า สิ่งที่เห็นว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดก็คือ การอ่านหนังสือ...
    คาร์ตั้งข้อสังเกตว่า ทุกวันนี้เขาไม่สามารถนั่งอ่านหนังสือยาวนานเป็นชั่วโมงๆ จับประเด็นและเกิดความคิดไอเดียใหม่ๆ ขึ้นหลังจากที่ได้อ่านเรื่องเหล่านั้นอีกต่อไป
    “เมื่ออ่านไปได้เพียงสองสามหน้า สมาธิของผมก็ไม่อยู่กับหนังสือที่อ่านอยู่อีกต่อไป และเริ่มมองหาสิ่งใหม่มาทำแทน” คาร์ กล่าว
    บทความของคาร์ชี้ว่า มนุษย์กำลังถูกเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างรวดเร็ว ไล่ตั้งแต่ระบบความคิด อารมณ์ ลักษณะการใช้ชีวิต ซึ่งได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายจากในอดีต และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
    สำหรับคาร์ เขาพบว่าความสามารถในการอ่านหนังสืออย่างลึกซึ้งได้ถูกลดทอนลงหลังจากท่อง โลกออนไลน์อยู่เป็นกิจวัตร และคุ้นชินกับการค้นหาบางสิ่งบางอย่างด้วยวิธีการกรอกข้อความสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการจะหาและคลิกปุ่ม “เสิร์ช” แล้วข้อมูลทั้งหมดก็จะมากองอยู่ตรงหน้า และรอเพียงให้คลิกเพื่อเลือกลิงก์ในการกระโดดไปจากแหล่งข้อมูลในที่ต่างๆ
    นอกจากเทคโนโลยีจะทำให้ความสามารถในการทำบางสิ่งบางอย่างลดลงแล้ว ในบางคราวก็ทำให้ “ภูมิคุ้มกัน” ทางจิตใจของคนเราหายไปโดยไม่รู้ตัว
    ขณะที่การปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนถูกพลิกโฉมด้วยการกำเนิดขึ้นมาของเครือ ข่ายสังคมออนไลน์ ที่เปิดโอกาสให้เรานำเสนอและติดตามความเป็นไป ทั้งของตัวเราและคนอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วและอิสระนั้น ใครหลายคนก็เลือกเครือข่ายแห่งนี้เป็นศาลาพักใจที่ไว้ระบายความทุกข์ส่วนตัว
    เมื่อเข้าไปดูในเครือข่ายสังคมออนไลน์ เราก็มักจะพบว่ามีใครบอกเล่าความทุกข์ส่วนตัวปรากฏอยู่เสมอ ไม่ว่าจะทุกข์ระดับเล็กๆ จนถึงทุกข์ระดับใหญ่โต
    หากมองในแง่มิตรภาพ เราจะพบว่าบทบาทศาลาพักใจของเครือข่ายสังคมออนไลน์นั้น เป็นหนึ่งในเครื่องมือแห่งการให้กำลังใจแก่กันและกันที่ทรงประสิทธิภาพยิ่ง เพราะเมื่อใครบางคนบอกเล่าความทุกข์บางประการออกมา ก็จะมีกำลังใจจากเพื่อนฝูงในเครือข่ายหลั่งไหลมาปรากฏให้เห็นจำนวนมาก
    ทว่า หากไม่ระมัดระวังให้ดีแล้ว กำลังใจที่ไหลมานั้นอาจทำให้ภูมิคุ้มกันในการเผชิญความทุกข์ของเราบกพร่องได้
    การเลือกที่จะระบายความทุกข์บนโลกไซเบอร์เพื่อหวังที่จะได้รับกำลังใจจาก ผู้คนรอบข้างทุกครั้ง สุดท้ายก็อาจทำให้เราไม่สามารถเผชิญความทุกข์เหล่านั้นเพียงลำพังด้วยตัวเอง
    ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น คือ หากเรารู้สึก “ติด” กับ กำลังใจที่ได้รับมา ในตอนท้ายความทุกข์ที่มีอาจทวีขึ้นเป็นหลายเท่า เพราะหากกำลังไม่ไหลมาเหมือนที่เคยคิดไว้ เราอาจต้องเผชิญกับความผิดหวังและโดดเดี่ยวให้รู้สึกทุกข์มากขึ้นไปอีก

    พุทธศาสนภาษิตกล่าวไว้ว่า “ละเหตุทุกข์ได้ เป็นสุขในที่ทั้งปวง” การละเหตุแห่งทุกข์นั้นมิสามารถยืมมือใครมาช่วยได้ นอกจากตัวเราเองที่ต้องตั้งสติเพื่อพิจารณาให้เห็นเหตุแห่งความทุกข์อย่าง ถ่องแท้ การแก้ทุกข์นั้นจะสำเร็จมากน้อยเพียงไรก็อยู่ที่การใช้ปัญญาของตัวเราเพื่อ พิจารณาเหตุและผลแห่งทุกข์นั้น
    พระอริยเจ้าที่ล่วงทุกข์ข้ามฝั่งสู่ความหลุดพ้น ก็ล้วนแต่เดินเข้าเผชิญหน้ากับความทุกข์เพียงลำพัง ใช้อำนาจแห่งปัญญาและเหตุผลเพื่อคลี่แผ่เหตุของความทุกข์ออกมา และเมื่อมองเห็นเหตุ ทุกข์ที่เกิดขึ้นก็ดับไปโดยปริยาย
    ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเราต้องการกำลังใจจากเพื่อนมนุษย์ในคราวที่ต้องเผชิญ ความทุกข์อย่างแสนสาหัส เพราะบางครั้งเราก็รู้สึกท้อแท้ ท้อถอยที่จะฝ่าฟันความทุกข์ที่อยู่ตรงหน้า แต่จะอันตรายอย่างยิ่งหากสุดท้ายแล้วเราไม่สามารถเผชิญทุกข์นั้นด้วยตัวเอง เพียงลำพัง และพานแต่จะร้องหาคำปลอบโยนจากใครบางคนอยู่ร่ำไป
    เพราะนั่นมิเพียงแต่ทำให้ความทุกข์ที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ถูกแก้ไขให้หมดไป จากหัวใจ หากแต่ทำให้ภูมิคุ้มกันความทุกข์ต้องบกพร่องอย่างหนัก จนไม่สามารถต้านทานทุกข์ใดๆ ได้อีกต่อไป


    ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    “บัตรเดบิต” กับเรื่องที่ต้องรู้

    หลายๆ คนคงจะเริ่มรู้จักหรืออย่างน้อยๆ ก็คงต้องเคยได้ยินชื่อของ “บัตรเดบิต” (Debit Card) กันอยู่บ้าง ซึ่งก็อาจยังมีบางคนที่ยังสงสัยว่าเจ้า “บัตรเดบิต” ที่ว่านี้มีอะไรพิเศษ แตกต่างยังไงกับ “บัตรเครดิต”
    (Credit Card) และ “บัตร ATM” ใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับบัตรเดบิต ลองมาทำความรู้จักหน้าที่ของมัน เพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยของเงินในบัญชีของเรา

    “บัตรเดบิต” ก็ คือบัตรที่ทางธนาคารออกให้กับเราเมื่อเราเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคาร เพื่อให้เราสามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ผ่านทางตู้ ATM ไม่ว่าจะเป็นถอนเงิน โอนเงิน และชำระค่าบริการต่างๆ พูดง่ายๆ ก็คือ บัตรเดบิตมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับบัตร ATM แต่บัตรเดบิตจะเหนือกว่าตรงที่สามารถนำไปซื้อสินค้าต่างๆ ได้โดยตรงโดยแทนเงินสด หรือการนำไป “รูด” ซื้อของ ซึ่งจะคล้ายกับบัตรเครดิต แต่จะต่างกันตรงที่ บัตรเครดิตเป็นการที่เรานำ “เงินในอนาคต” ออกมาใช้ก่อน บัตรเครดิตจะทำหน้าที่จ่ายเงินให้เราก่อน หลังจากนั้นเราจึงค่อยผ่อนจ่ายเงินคืนไปตามเวลาและเครดิตที่เราตกลงไว้กับ ธนาคารหรือร้านค้าที่เราซื้อสินค้า ส่วนบัตรเดบิต เป็นการใช้จ่ายที่ดึงเอาเงินมาจากบัญชีของเราโดยตรง คือใช้ไปเท่าไรเงินก็จะถูกหักออกไปเท่านั้นเดี๋ยวนั้น ไม่สามารถใช้จ่ายเกินยอดเงินในบัญชีได้

    บัตรทั้ง 2 แบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน บัตรเครดิต หากเราไม่คุมการใช้จ่ายให้ดีหรือใช้จ่ายเกินตัวเกินวงเงินที่เราสามารถหาได้ ในแต่ละเดือน ผลที่จะตามมาก็คือการเป็นหนี้บัตรเครดิต เพราะเราไม่สามารถหาเงินมาใช้คืนให้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เราไปทำ สัญญาไว้ได้ ส่วนบัตรเดบิต แม้จะไม่สร้างหนี้ให้เรากับธนาคารเหมือนบัตรเครดิต แต่ก็ต้องรู้จักควบคุมการใช้จ่ายและหมั่นเช็คยอดเงินในบัญชีเสมอ เพราะเราอาจเผลอรูดบัตรเดบิตซื้อนู้นซื้อนี้ จนเงินหมดบัญชีโดยไม่รู้ตัว

    การ ใช้บัตรเดบิตมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ และกำลังเข้ามาแทนที่บัตร ATM ซึ่งตอนนี้ก็มีบางธนาคารที่ยกเลิกการใช้บัตร ATM ไปแล้ว สิ่งที่หลายธนาคารใช้เป็นกลยุทธ์ดึงดูดให้เราหันมาใช้บัตรเดบิตแทนบัตร ATM ก็คือ การปรับค่าธรรมเนียนทั้งแรกเข้าและรายปีของบัตร ATM ให้ขึ้นมาเท่ากับบัตรเดบิต แต่คนที่ใช้บัตรเดบิตซื้อของแทนเงินสดมีน้อยมาก พูดง่ายๆ คือยังใช้เป็นเหมือนบัตร ATM ธรรมดา ซึ่งทำให้การต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปีเฉลี่ยปีละ 200 บาทให้กับบัตรเดบิต กับการจ่ายค่าธรรมเนียมปีละ 100 บาทให้กับบัตร ATM (ของบางธนาคาร) จึงเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคควรคำนึงถึงด้วยเช่นกัน



    ใครที่ อยากรู้ข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการทดสอบเปรียบ เทียบ “ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิต” สามารถหาอ่านได้ที่ “นิตยสารฉลาดซื้อ” นิตยสารรายเดือนเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของผู้บริโภค (วางจำหน่ายที่ร้าน นายอินทร์) หรือ www.ฉลาดซื้อ.com หรือโทร.0-2248-3734-7 ต่อ 307


    แก้ไขล่าสุด ( วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2010 เวลา 11:31 )

    “บัตรเดบิต” กับเรื่องที่ต้องรู้
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คืนสินค้าผู้บริโภคทำได้

    วันพฤหัสบดีที่ 02 กันยายน 2010 เวลา 14:59

    การซื้อสินค้า แน่นอนล่ะต้องถูกพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วก่อนจะควักเงินจากกระเป๋าจ่ายไป แต่หากซื้อแล้วไม่เป็นไปดังที่หวังล่ะ ซื้อเสื้อมาแล้วมันคับไป หรือใช้แล้วไม่พอใจ ผู้บริโภคอย่างเราๆสามารถนำสินค้าไปคืนได้
    เปลี่ยนหรือคืนสินค้า ทำได้จริงแค่ไหน คุณเคยนำสินค้าที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าไปคืนกับพนักงานขายไหมคะ คำตอบแรกที่คุณคิดว่าจะได้ยิน คุณคิดว่าคืออะไร....คืนได้หรือไม่ได้

    เมื่อเดือนกันยายน 2545 บรรดาห้างสรรพสินค้าและดิสเคาน์สโตร์ รวมถึงคอนวีเนียนสโตร์หรือร้านสะดวกซื้อ ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือกำหนดมาตรฐานการรับประกัน คุณภาพสินค้าและบริการร่วมกับกรมการค้าภายใน เพื่อเป็นการยืนยันว่า สินค้าที่มีการจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าได้มาตรฐานและรับประกันคุณภาพของ สินค้า ซึ่งรายละเอียดการรับประกันสินค้าของแต่ละห้างเป็นอย่างไร เชิญตรวจสอบกันได้ในบทความนี้เลยนะคะ

    ไม่พอใจสินค้า เรายินดีคืนเงิน ??นักช้อปโดยทั่วไปมักเข้าใจว่าการเปลี่ยนหรือคืนสินค้านั้นจะทำได้เฉพาะกับ สินค้าที่ชำรุดบกพร่อง หรือผลิตมาไม่ได้มาตรฐานเท่านั้น แต่ความจริงแล้วการเปลี่ยนหรือคืนสินค้านั้นทำได้แม้กระทั่งสินค้านั้นไม่ ได้มีปัญหาแต่อย่างใด เพียงแค่คุณไม่ชอบใจมันเอาดื้อ ๆ คุณก็สามารถเปลี่ยนหรือเอาเงินคืนได้
    ในห้างสรรพสินค้าบางแห่งคุณอาจ จะเคยเห็นป้ายแบบนี้บ้างแล้ว "ไม่พอใจสินค้า เรายินดีคืนเงิน" ซึ่งหมายความว่า สำหรับสินค้าที่คุณจ่ายเงินซื้อนำกลับไปถึงบ้านแล้ว แม้ว่าตัวสินค้ามันจะไม่มีความผิดอะไร ไม่มีความเสียหายชำรุดบกพร่อง เพียงแต่แค่คุณเกิดความรู้สึกไม่พอใจสีสันหรือรูปทรงของสินค้า (แม้ว่าตอนที่อยู่ในห้างคุณจะรู้สึกพอใจเอามาก ๆ ก็ตาม) คุณมีสิทธิ์ขอคืนสินค้าเปลี่ยนเป็นเงินคืนได้
    แล้วคุณเคยลองพิสูจน์ ข้อความเช่นว่านั้นหรือไม่ว่าทำได้จริงหรือเปล่า นิตยสารฉลาดซื้อได้ ทดลองส่งอาสาสมัครไปซื้อสินค้าราคาปกติตามร้านค้าที่อยู่ ในความรับผิดชอบของห้างสรรพสินค้าและดิสเคาน์โตร์ทั้งหมด 7 แห่ง เป็นห้างสรรพสินค้า 4 แห่ง คือ 1. ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาลาดพร้าว 2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง สาขาธนบุรี และห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขารัชดาภิเษก และเป็นดิสเคาน์สโตร์ 3 แห่ง คือ 1.คาร์ฟูร์ สาขาบางปะกอก 2. บิ๊กซี สาขาสุขสวัสดิ์ และ เทสโก โลตัส สาขางามวงศ์วาน

    โดยมีเงื่อนไขให้กับ อาสาสมัครว่าให้ซื้อสินค้าที่ขายในราคาปกติ ขายโดยร้านหรือบูธที่เป็นส่วนของห้างสรรพสินค้า (ไม่ใช่ร้านที่เข้ามาเช่าพื้นที่) และเมื่อซื้อสินค้ามาแล้ว 1-2 วันให้นำสินค้าไปคืน โดยขอคืนเงินที่จ่ายไปทั้งหมดไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนสินค้าแทน โดยมีข้ออ้างว่าไม่พอใจสินค้าด้วยสาเหตุที่ไม่ใช่ความชำรุดบกพร่องของตัว สินค้า เช่น ไม่ชอบสีสันหรือรูปทรงที่เลือกไป เป็นต้น

    ผลการสำรวจ มาตรการการรับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าเพื่อความพอใจของลูกค้าผลที่ได้คือ ดิสเคาน์สโตร์ทั้ง 3 แห่ง ยอมคืนเงินให้กับลูกค้า โดย คาร์ฟูร์และบิ๊กซีขอจดชื่อที่อยู่ของลูกค้าไว้ ในขณะที่ เทสโก โลตัส ยอมคืนเงินให้โดยไม่มีการจดข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าแต่อย่างใด


    สำหรับกลุ่มห้างสรรพสินค้าพบว่า
    * ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง
    เมื่อ อาสาสมัครขอคืนสินค้ากับพนักงานขาย ๆ ไม่ยอมให้คืนสินค้าแต่เสนอให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าอื่นเปลี่ยนแทน แต่เมื่อลูกค้ายังยืนยันต้องการคืนสินค้าเหมือนเดิม พนักงานขายก็ยังไม่ยอมคืนให้ ท้ายที่สุดอาสาสมัครได้ไปติดต่อที่จุดบริการลูกค้าของห้างสรรพสินค้าจึงได้ รับเงินคืน


    * ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เมื่ออาสาสมัครขอคืนสินค้า พนักงานขายเสนอให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าอื่นเปลี่ยนแทน แต่เมื่อลูกค้ายืนยันขอคืนเงินเหมือนเดิม พนักงานขายบอกให้ไปติดต่อที่แคชเชียร์ของแผนกสินค้านั้น ซึ่งทางแคชเชียร์แจ้งว่าไม่สามารถคืนเป็นเงินได้ (ทั้ง ๆ ที่มีป้ายเขียนไว้ว่า รับประกันความพอใจ เปลี่ยนคืนสินค้าสำเร็จได้ภายใน 5-10 นาที แสดงไว้อย่างชัดเจนที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์)และได้ออกเป็นใบคูปองใช้แลกซื้อ สินค้าในห้างแทน มีอายุ 30 วัน จนท้ายที่สุดฉลาดซื้อต้องโทรไปแจ้งว่าเรากำลังทดสอบมาตรการการรับเปลี่ยน หรือคืนสินค้าของห้างกับผู้บริหารระดับสูง ทางห้างจึงคืนเงินให้พร้อมกับคำขออภัยและแจ้งว่าจะมีมาตรการลงโทษกับการประ พฤติตัวที่ไม่เหมาะสมของพนักงานแคชเชียร์และพนักงานขาย

    * ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ เมื่ออาสาสมัครขอคืนสินค้า พนักงานขายเสนอให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าอื่นเปลี่ยนแทน แต่เมื่อลูกค้ายืนยันขอคืนเงินเหมือนเดิม พนักงานขายและแคชเชียร์ปฏิเสธ ซึ่งทางแคชเชียร์แจ้งว่าไม่สามารถคืนเป็นเงินได้ และได้ออกเป็นใบคูปองใช้แลกซื้อสินค้าในห้างแทน แต่มีระยะเวลาเพียง 1 วันเท่านั้น จนท้ายที่สุดฉลาดซื้อต้องโทรไปแจ้งว่าห้างกำลังถูกทดสอบมาตรการการรับ เปลี่ยนหรือคืนสินค้ากับผู้บริหารระดับสูง ทางห้างจึงคืนเงินให้ พร้อมกับคำขออภัยและแจ้งว่าจะมีมาตรการลงโทษกับการประพฤติตัวที่ไม่เหมาะสม ของพนักงานขาย

    * ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เมื่ออาสาสมัครขอคืนสินค้า พนักงานขายเสนอให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าอื่นเปลี่ยนแทน แต่เมื่อลูกค้ายืนยันขอคืนเงินเหมือนเดิม พนักงานขายบอกให้ไปติดต่อที่แคชเชียร์ของแผนกสินค้านั้น ซึ่งทางแคชเชียร์แจ้งว่าไม่สามารถให้คืนเป็นเงินได้ จนท้ายที่สุดฉลาดซื้อต้องโทรไปแจ้งว่าเรากำลังทดสอบมาตรการการรับเปลี่ยน หรือคืนสินค้าของห้างกับผู้บริหารระดับสูง ทางห้างจึงคืนเงินให้พร้อมกับคำขออภัยและแจ้งว่าจะมีมาตรการลงโทษกับการประ พฤติตัวที่ไม่เหมาะสมของพนักงานขาย และแจ้งว่าหากลูกค้าต้องการเปลี่ยนหรือคืนสินค้าให้ไปติดต่อที่จุดบริการ ลูกค้า(ซึ่งอยู่ที่ชั้นสอง คนละชั้นกับจุดที่มีปัญหา) จะดีที่สุด

    จะ เห็นได้ว่า แม้จะมีข้อตกลงดังกล่าว(ซึ่งตามจริงหลาย ๆ ห้างก็มีข้อตกลงการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า มาก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว) แต่ในทางปฏิบัติคุณอาจพบปัญหาได้โดยเฉพาะกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าที่ สนใจเปอร์เซ็นต์ยอดขายมากกว่าหัวใจในการบริการลูกค้า ไม่สนใจที่จะคืนเงินให้กับลูกค้าทั้ง ๆ ที่ลูกค้าได้แสดงเจตน์จำนงค์อย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งหากผู้บริหารของกลุ่มห้างสรรพสินค้าไม่มีการปรับตัว เช่น ไม่มีการเข้มงวดกวดขันอบรมพนักงานขายที่ดีพอ หรือไม่มีจุดบริการลูกค้าที่เห็นเด่นชัดทุกชั้น ทุกแผนก ก็อาจกลายเป็นจุดอ่อนของห้างสรรพสินค้าที่ทำให้ลูกค้าเข็ดขยาดจนต้องหันไป ใช้บริการกับกลุ่มดิสเคาน์โตร์ใหญ่ ๆ ได้ง่าย สำหรับผู้บริโภคที่มีปัญหาในการขอเปลี่ยนหรือขอคืนสินค้าให้ติดต่อกับฝ่าย ประชาสัมพันธ์หรือผู้บริหารระดับสูงของห้างทันที

    กรณีสินค้าชำรุดบกพร่องเปลี่ยนหรือคืนได้เพียงแค่วันที่ห้างกำหนดจริงหรือ?

    ความ รับผิดเพื่อชำรุดบกพร่อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 472 ในกรณีที่ทรัพย์สินซึ่งขายนั้นชำรุดบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นเหตุให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็น ปกติก็ดี ประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญาก็ดี ท่านว่าผู้ขายต้องรับผิด

    ความ ที่กล่าวมาในมาตรานี้ย่อมใช้ได้ ทั้งที่ผู้ขายรู้อยู่แล้วหรือไม่รู้ว่าความชำรุดบกพร่องนั้นมีอยู่ ม.473 ผู้ขายย่อมไม่ต้องรับผิดในกรณีดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ

    (1) ถ้าผู้ซื้อได้รู้อยู่แล้วแต่ในเวลาซื้อขายว่ามีความชำรุดบกพร่องหรือควรจะ ได้รู้เช่นนั้นหากได้ใช้ความระมัดระวังอันจะพึงคาดหมายได้แต่วิญญูชน

    (2) ถ้าความชำรุดบกพร่องนั้นเป็นอันเห็นประจักษ์แล้วในเวลาส่งมอบ และผู้ซื้อรับเอาทรัพย์สินนั้นไว้โดยไม่อิดเอื้อน

    (3) ถ้าทรัพย์นั้นได้ขายทอดตลาด

    ม. 474 ในข้อรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องนั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่เวลาที่ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่อง

    หลัก เกณฑ์และเงื่อนไขการรับคืนสินค้าหรือเปลี่ยนสินค้าใหม่ ของห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ นั้น ในทางกฎหมาย มีลักษณะเป็นคำมั่น ซึ่งหากทางห้างไม่ปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้กับผู้บริโภค จะมีผลเป็นการผิดสัญญา

    อย่างไรก็ตาม หากสินค้าชำรุดบกพร่อง ทางห้างจะต้องรับผิดชอบทุกกรณีตามกฎหมาย (มีอายุความ 1 ปี)โดยไม่เกี่ยวกับเงื่อนไขการรับคืนสินค้าซึ่งห้างเป็นผู้กำหนดขึ้น ส่วนจะรับผิดชอบในลักษณะใดนั้น ก็ต้องพิจารณาตามความบกพร่องที่เกิดขึ้น เช่น การคืนเงิน การเปลี่ยนสินค้า เป็นต้น

    นายชัยรัตน์ แสงอรุณ กรรมการสภาทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ให้ความเห็นต่อการคืนสินค้าว่าหลายคนซื้อของจากห้างสรรพสินค้า แล้วไม่พอใจหรือใช้แล้วไม่มีประสิทธิภาพ แล้วคืนได้หรือไม่
    ตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยความรับผิดชอบของผู้ขายต่อสินค้าชำรุดหรือ บกพร่อง หรือไม่สมประโยชน์กับการใช้สอย รวมถึงผลิตออกมาไม่ได้มาตรฐาน ตามกฎหมายระบุว่าผู้ขายต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว โดยไม่ต้องมีการทำสัญญาแต่อย่างใด ต้องรับผิดชอบในการคืนหรือเปลี่ยนสินค้าให้ภายใน 1 ปี และหากไม่ยอมเปลี่ยนคืนให้กับลูกค้า ลูกค้าก็สามารถฟ้องร้องได้ในอายุความ 1 ปี

    เพราะฉะนั้นหากสินค้าหมดอายุหรือไม่ได้มาตรฐานเราสามารถเปลี่ยนคืนได้ภายใน 1 ปี
    แล้วคุณล่ะเมื่อคืนสินค้าแล้วได้พบกับเหตุการณ์อะไรบ้าง เล่าสู่กันฟังนะคะ

    แก้ไขล่าสุด ( วันพฤหัสบดีที่ 02 กันยายน 2010 เวลา 15:35 )

    ที่มา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

    คืนสินค้าผู้บริโภคทำได้


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2010
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จองรถไม่ได้รถ แถมโดนยึดเงินจอง ต้องทำอย่างไร


    วันพฤหัสบดีที่ 02 กันยายน 2010 เวลา 13:14
    อิฐบูรณ์ อ้นวงษา - ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค

    เมื่อ 2-3 วันก่อน เห็นข่าวนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ออกมาเปิดเผยว่า รู้สึกเป็นห่วงว่าจะเกิดปัญหาร้องเรียนของผู้บริโภคเกี่ยวกับการจองซื้อรถ ยนต์ ซึ่งคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปีนี้จะมียอดจำหน่ายมากถึง 750,000 คัน

    ก็ขอบอกตรงนี้เลยว่าไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับท่านรัฐมนตรี เพราะตอนนี้ผู้บริโภคที่ไปติดต่อขอซื้อรถเต้นท์ตามศูนย์ขายรถยนต์ต่างๆ โดยหลอกฟันกินเงินจองแห่มาร้องเรียนนอกจากที่ สคบ.แล้วยังทะลักมาร้องเรียนที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคอีกด้วย ต้องบอกว่าเพียบ

    ปัญหาที่ผู้บริโภคร้องเรียนในการจองรถมีหลายลักษณะ คือ จองซื้อรถยนต์แล้วไม่ได้รถตามกำหนดอ้างโน่น อ้างนี่ว่ารถยังไม่มาแล้วให้รอไปเรื่อยๆ พนักงานขายออกใบเสร็จรับเงินดาวน์ให้ไม่ครบตามจำนวน โดยอ้างว่าหักเป็นค่าอุปกรณ์ และที่มีถี่มากกว่าเพื่อนคือผู้บริโภคร้องเรียนว่า โบรกเกอร์จำหน่ายรถยนต์ประกาศขายรถผ่านทางอินเทอร์เน็ตหรือไม่ก็นิตยสาร ประเภทคนรักรถ โดยโฆษณาลด แลก แจก แถม ดอกเบี้ยถูกเงินดาวน์ต่ำ ลูกค้าที่ประวัติการเงินไม่ดีสามารถจองซื้อได้ แต่เมื่อถึงเวลาปรากฏว่ามีเงื่อนไขต่างๆ มากมายจนไม่สามารถรับรถได้ อย่างเช่นจะต้องติดต่อขอสินเชื่อกับไฟแนนซ์ให้ครบ 3 ไฟแนนซ์ก่อน และมีบางแห่งรับเงินจองแล้วปิดบริษัทหนี คนที่เจอปัญหาแบบนี้ส่วนใหญ่ไม่อยากมีเรื่องก็พากันทิ้งคนจองที่มักจะถูก เรียกเก็บครั้งละ 5 พันบาทกันเป็นแถว กลายเป็นขุมทรัพย์ของนายหน้าขายรถจำนวนมหาศาล ลองคิดดูครับว่าถ้าวันหนึ่งเขามีลูกค้าไปจองรถวันละ 10 รายเก็บรายละ 5 พัน ถ้าสัก 5 คนทิ้งเงินจองรถด้วยเทคนิคต่างๆที่ว่ามาก็เป็นเงินที่คนพวกนนี้รับเต็มๆถึง 25,000 บาทต่อวัน อาชีพขี้โกงแบบนี้น่าทำไม๊ล่ะครับ

    สคบ. เห็นถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญากำหนดให้ธุรกิจ การขายรถยนต์ที่มีการจองเป็นธุรกิจควบคุมสัญญา เมื่อปี 2551 แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบกัน หรอกครับว่าเนื้อหาประกาศนี้มีหน้าตาอย่างไรก็เลยถูกหลอกกินเงินจองอย่างที่ ได้ยกตัวอย่างมา

    สัญญาจองรถยนต์ที่ถูกต้องตามกฎหมายจะต้องมีสาระและเงื่อนไข ดังนี้ครับ

    1.รายละเอียดของรถยนต์ที่จะซื้อ

    1.1 ยี่ห้อ รุ่น ปีที่ผลิต สี และขนาดกำลังเครื่องยนต์
    1.2 รายการอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติมและของแถมหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ(ถ้ามีนะครับ)
    1.3 จำนวนเงินจองหรือมัดจำ
    1.4 ราคาขาย

    2. กำหนดเวลาที่คาดว่าจะส่งมอบรถยนต์

    หากผู้บริโภคพบสัญญาจองที่ขาดเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใดตามสัญญาที่ สคบ. ควบคุมก็ถือว่าเป็นสัญญาที่ผิดกฎหมาย ศูนย์จำหน่ายรถยนต์ที่ใช้สัญญาเถื่อนนั้นมีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับครับ

    ทีนี้หากผู้บริโภคหลวมตัวเข้าไปวางเงินจองกับสัญญาเถื่อนๆแล้วจะทำอะไรได้ บ้างนั้น นอกจากแจ้งความกับตำรวจหรือสคบ.ให้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ตัวผู้บริโภคเองก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาขอคืนเงินจองได้ภายใน 15 วันครับ

    ไม่ ว่าจะเจอปัญหา ถูกปรับเปลี่ยนราคารถยนต์สูงขึ้น , ไม่ส่งมอบรถยนต์ให้ตามกำหนดเวลา , ไม่ส่งมอบรถยนต์ภายในระยะเวลาที่กำหนด , ไม่ส่งมอบรถยนต์ที่มีออฟชั่น ของแถม หรือสิทธิประโยชน์ตามที่ได้ตกลงไว้ในสัญญา และที่สำคัญหากศูนย์ขายรถยนต์ทราบว่า ผู้บริโภคที่ต้องขอสินเชื่อและผู้บริโภคไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากไฟแนนซ์ ภายในระยะเวลาที่จะต้องส่งมอบรถยนต์กัน ผู้บริโภคมีสิทธิเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาได้โดยทันทีทั้งสิ้น และศูนย์ขายรถยนต์ต้องคืนเงินจองรถให้ผู้บริโภคภายใน 15 วัน นับแต่วันที่มีการบอกเลิกสัญญาการจองอย่างเป็นทางการ

    ข้อแนะนำที่ควรทำเป็นอย่างแรกคือ ให้ ผู้บริโภคทำจดหมายบอกเลิกสัญญการจอง โดยชี้ถึงเหตุว่ารถที่ศูนย์จำหน่ายจัดให้นั้นไม่เป็นไปตามสัญญาการจองอย่าง ใด หรือเป็นเพราะผู้บริโภคไม่ผ่านไฟแนนซ์ จึงขอกบอกเลิกสัญญาการจองและให้บริษัทคืนเงินจองที่ได้จ่ายไปจำนวนเท่าไหร่ ก็ว่าไป โดยให้โอนเงินเข้าบัญชี......................เลขที่...................... ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากของผู้บริโภค หรือจะให้ชำระเงินโดยวิธีการใดๆก็ว่าไป ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับจดหมายฉบับนี้ ทั้งนี้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่อง ให้ธุรกิจขายรถยนต์ที่มีการจองเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2551

    พร้อมกับสำทับให้จดหมายมีความขลังอีกหน่อยด้วยข้อความว่า “มิเช่นนั้นข้าพเจ้าอาจใช้สิทธิดำเนินการเรียกร้องตามกฎหมายต่อไป” และ เพิ่มความขลังขึ้นอีกนิดด้วยการใส่ข้อความท้ายจดหมายว่า สำเนาถึง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค แล้วให้ส่งจดหมายฉบับนี้แบบไปรษณีย์ตอบรับเท่านั้นเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน

    วิธีการแบบนี้จะใช้ได้ผลดีกับศูนย์จำหน่ายรถที่มีหลักแหล่งชัดเจน เป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดาที่ได้แสดงสำเนาหลักฐานประจำตัวแนบสัญญาการจองไว้อย่าง ชัดเจน แต่จะใช้ไม่ได้ผลเอาเลยกับพวกเต้นท์ลอย เต้นท์เถื่อนครับ ข้อสังเกตคือพวกนี้จะเสนอขายรถราคาต่ำมากเป็นพิเศษ แถมออฟชั่นและสิทธิประโยชน์ตามที่ผู้จองขอแบบไม่อั้น แต่พอขอดูรถบอกว่ารถจะมาอีก 2-3 วัน ถ้าอยากได้ต้องรีบวาง เงินจองก่อนไม่งั้นมันจะปล่อยรถให้คนอื่น หากเจอพวกนี้แนะนำผู้บริโภคอย่าไปสุงสิงดีกว่าครับ ไม่งั้นมันจะยุ่งเหยิง พบเมื่อไหร่แจ้งตำรวจหรือ สคบ.เมื่อนั้น

    โทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับครับ ประเคนให้มันไปเลยครับ
    แก้ไขล่าสุด ( วันพฤหัสบดีที่ 02 กันยายน 2010 เวลา 13:21 )

    มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
    จองรถไม่ได้รถ แถมโดนยึดเงินจอง ต้องทำอย่างไร
     
  17. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ดีมากเลยครับกำลังสร้างบ้านอยู่พอดีเลยครับ คำแนะนำดีมากเลยครับคุณอา
     
  18. THANOP

    THANOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +421
    ทำบุญ

    คุณอาสิทธิพงษ์ครับผมได้ร่วมทำบุญพระธาตุชัยผาผึ้งวันนี้เวลา 14.17น. อยากจะขอรับหลวงพ่อเงินเนื้อดิน หรือผงจากคุณอาครับ ศรัทธาท่านมากครับ แต่ตามฐานะครับ ขอรบกวนคุณอาเพียงเท่านี้ครับ นาย ถานพ สิงห์โตหิน 140/3 ม.4 ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง 21120 ขอขอบพระคุณคุณอามากครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02554.JPG
      DSC02554.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.9 KB
      เปิดดู:
      45
  19. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    สวัสดียามบ่ายครับ

    เมื่อวานซื้อ Check Valve 2 " 3 ตัว นำไปฝากพี่แอ๊วถวายหลวงพี่นิล เพื่องานซ่อมแซมท่อน้ำที่จะเดินขึ้นไปบนเจดีย์ครับ ( ตัว Check Valve เป็นตัวกันน้ำย้อนกลับ กันปั๊มพัง + AirBlock)
     
  20. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    ไปสมัครมาแล้วครับ เวปนั้นไม่ค่อยมีปัญหากับ IE นะครับ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...