พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]


    ทำบุญก็ต้องทำตามฐานะครับ ต้องไม่ให้ตนเองเดือดร้อน

    โมทนาบุญทุกประการครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาบุญทุกประการครับ


    .
     
  3. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 12 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>psombat, ปฐม </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สบายดีคุณปฐม...
     
  4. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    สบายดีครับคุณพี่psombat
     
  5. นายเฉลิมพล

    นายเฉลิมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +460

    สวัสตอนเช้าไม่ทัน มาสวัสดีตอนค่ำแล้วกันครับ

    ช่วงนี้กำลัง ดูหนังสือ พอดีลูกสาวเพิ่งจะได้นำพระ องค์พิเศษมาให้หลังจากไปร่วมทำบุญผ้าป่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(29 ส.ค.53)เลยดูเพลินไปหน่อย

    อยากทราบพระชุดที่คณะหลวงปู่เทพโลกอุดรทั้งคณะ อธิฐานจิตเป็นชุดไหนบ้างครับ?

    อยากทราบว่าพระสมเด็จ องค์จิ๋ว ที่บอกว่าผู้หญิงกับเด็กควรบูชาไว้จะดีนั้น ชื่อเต็มว่าอย่างไรครับ อยากทราบองค์อธิฐานจิตด้วยครับ พอดีลูกสาวบูชามาแล้วแต่จำรายละเอียดไม่ได้ เห็นบอกว่าคนเยอะตื่นเต้นเกินไป
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับพระชุดที่คณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี จะเป็นชุดที่บุทอง หรือ บุเงิน หรือ บุนาค (เป็นบางชุด)

    ส่วนพระสมเด็จ เนื้อผงยาวาสนา(เป็นบางรุ่น) คณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ อธิษฐานจิตครับ

    ส่วนสมเด็จ องค์ิจิ๋ว เรียกว่า พิมพ์แป้งกระแจะ หรือ สมเด็จฝ่ายใน รุ่นนี้ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตครับ
     
  7. นายเฉลิมพล

    นายเฉลิมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +460

    ขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้นี้

    นอนดึกนะครับ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]จับตาเงินทุนไหลเข้า ดันบาทโป๊กกระเทือนส่งออก

    คอลัมน์ รายงานพิเศษ

    ที่มา ข่าวสด

    <table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>[​IMG]
    </td></tr></tbody></table>เศรษฐกิจ ไทยปี"53 รับข่าวดีตั้งแต่ไตรมาส 1/53 (ม.ค.-มี.ค.) ที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงถึง 12% และต่อเนื่องมาในไตรมาส 2/53 (เม.ย.-มิ.ย.) ขยายตัว 9% ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) เศรษฐกิจขยายตัวแล้ว 10.6%

    ขณะที่การส่งออกสร้างประวัติการณ์ขยายตัวสูงสุดในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าถึง 17,878 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกับปีก่อน 47.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวดีในทุกหมวดสินค้า และทุกตลาด

    แม้จะได้รับผลกระทบ จากความไม่สงบ ทางการเมืองในประเทศช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. ก็มีเพียงแต่ภาคการท่องเที่ยวที่ชะงักงันอยู่ในวงจำกัดเท่านั้น และหลังสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลง บรรยากาศ การลงทุนและท่องเที่ยวในประเทศก็พลิกฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง

    นักลง ทุนต่างชาติกลับมามีความมั่นใจลงทุนในไทย และเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย สวนทางกับความรู้สึกง่อนแง่นต่อบรรยากาศการลงทุนในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม หลัก (3 จี) ได้แก่ สหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่มีความแน่นอนหลังวิกฤตการเงิน ปัญหาหนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูง กลายเป็นข้อจำกัดต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ

    ประเทศ ไทย และเพื่อนบ้านในภูมิ ภาคเอเชียที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจแข็งแกร่ง จึงกลายเป็นขุมทรัพย์ของบรรดานักลงทุนที่ต้องการแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่า เห็นได้จากเงินทุนเคลื่อนย้ายในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ไหลเข้าไทยสุทธิจำนวน 2,712 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8.4 หมื่นล้านบาท

    ทั้งนี้ แบ่งเป็นการไหลเข้าในทุกภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่ไม่ใช่ธนา คารมีเงินไหลเข้ารวม 987 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งในส่วนของการลงทุนโดยตรง ตลาดหุ้น เป็นต้น ส่วนภาคธนาคารมีเงินไหลเข้าสุทธิ 571 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และรัฐบาลมีเงินไหลเข้าสุทธิ 261 และ 478 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ สร้างแรงกดดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นทุบสถิติถึง 2 ครั้ง ภายในเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์

    วันที่ 26 ส.ค.53 เงินบาทแข็งค่าหลุดระดับ 32 บาท/เหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 31.35-31.37 บาท ซึ่งเป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 26 เดือน จากแรงหนุนเงินทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน และยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องสวนทางกับค่าเงินในภูมิภาค

    วัน ที่ 30 ส.ค.53 เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอยู่ที่ 31.27-31.28 บาท/เหรียญสหรัฐ เป็นระดับที่แข็งค่าสุดในรอบ 29 เดือน ถือเป็นการแข็งค่าต่อเนื่องจากช่วงก่อนหน้าอยู่ที่ 34 บาท/เหรียญสหรัฐ คิดเป็นการแข็งค่าขึ้นเกือบ 9% ในรอบ 1 ปี

    ขณะที่ธปท. ได้ดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดเข้าไปแทรกแซงด้วยการซื้อ เงินเหรียญสหรัฐ ทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศล่าสุด ณ วันที่ 27 ส.ค.53 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.54 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จากสัปดาห์ก่อนเมื่อวันที่ 20 ส.ค.อยู่ที่ 1.54 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แปลงเป็นเงินบาทอยู่ที่ 4.84 ล้านล้านบาท จาก 4.85 ล้านล้านบาท

    นั่นหมายถึง เงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งอาจเกิดจาก ธปท. ใช้เงินบาทซื้อเงินสกุลเหรียญสหรัฐเข้ามาเก็บไว้ เพื่อปล่อยเงินบาทเข้าสู่ระบบมากขึ้นรองรับความต้องการเงินบาทในตลาดเงิน

    จน กระทั่งวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องเรียกประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดเล็กเป็นการด่วน ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ซึ่งประกอบด้วย นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีด้าน เศรษฐกิจ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธปท. และนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อหาแนวทางสกัดการแข็งค่าของเงินบาท ที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ผู้ส่งออกให้ ลดลง

    ยิ่งไปกว่านั้นมีความเป็นห่วงว่า เงินทุนต่างชาติที่เข้ามาอาจเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น และอาจกลับออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อหาผลตอบแทนที่ดีกว่า หากเกิดความไม่แน่นอนจากปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและนอกประเทศเข้ามากระทบ บรรยากาศการลงทุน

    โดยนางธาริษายอมรับว่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่อนข้างเร็วเทียบกับเงินสกุลอื่นในภูมิภาค เนื่อง จากมีเงินทุนไหลเข้ามาทั้งในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ คิดเป็นค่าความผันผวนของเงินบาทอยู่ที่ 3-4% เทียบกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะตลาดตราสารหนี้ระยะสั้น แต่คงไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นที่เข้ามาเก็งกำไรหรือไม่

    ล่าสุด เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้น 6.4% เป็นอันดับ 2 รองจากประเทศมาเลเซีย จากช่วงก่อนหน้าแข็งค่า 3.5% จึงยอมรับว่าอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ผู้ส่งออกลดลงบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะผู้ประกอบการส่งออกรายย่อยที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก ทำให้เสียเปรียบในเชิงธุรกิจ

    แต่ทว่าที่ประชุมก็ไม่ได้มีมติเห็นชอบ ประกาศใช้มาตรการออกมาดูแลค่าเงินบาทเพิ่มเติม นอกเหนือจากความพยายาม ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และคำยืนยันว่า ธปท. มีเครื่องมือทางการเงินที่จะนำออกมาใช้ทุกเมื่อ ในกรณีที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็วเกินไป และส่งผลกระทบในวงกว้าง

    ด้าน นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประ ธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มองว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการคาดหมายล่วงหน้าแล้วว่าแนวโน้มค่าเงินบาทอาจจะแข็งค่าถึง 30 บาท/ เหรียญสหรัฐ จึงประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้าแล้ว รวมถึงบริหารต้นทุนของตัวเองให้ลดลง เพื่อรักษาระดับขีดความสามารถในการแข่งขันไว้ ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายยังพอรับมือได้ในระยะสั้น

    นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล ประธานคณะกรรมการธุรกิจเกษตรและอาหาร สภาหอการค้าไทย คาดว่าแนวโน้มเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องถึงปลายปีนี้จนแตะที่ระดับ 31 บาท/เหรียญสหรัฐ ส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกทั้งปี"53 คาดว่าจะลดลงประมาณ 1.8 แสนล้านบาท และหากในช่วง 3-4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ธปท. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก จะยิ่งทำให้เงินทุนไหลเข้ามามากขึ้น จนน่าเป็นห่วงว่าปี"54 เงินบาทอาจแข็งค่าแตะระดับ 30 บาท/เหรียญสหรัฐแน่นอน

    นาย อมร งามมงคลรัตน์ รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี"53 อุตสาหกรรมอาหารขยายตัวเพิ่มขึ้น 15.9% จากช่วงเดียวกับปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 4.11 แสนล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ 8.3 แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10%

    "หาก เงินบาทแข็งค่ากว่าที่เคยประ มาณการไว้ 1 บาท/เหรียญสหรัฐ จะทำให้มูลค่าส่งออกหายไป 2.59 หมื่นล้านบาท ทำให้เป้าการส่งออกไม่เป็นไปตามคาด" นายอมร กล่าว

    ขณะที่ กระทรวงพาณิชย์ ได้ตั้งคณะทำงานร่วมกับส.อ.ท. เพื่อจัดทำรายงานผลกระทบต่อภาคการส่งออกสินค้าของไทย จากปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นถึง 3% โดยจะพิจารณาว่าจะมีผลกระทบต่อการค้าและการส่งออกอย่างไร โดยเฉพาะสินค้าที่มีการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เช่น ภาคการเกษตร อาหาร และเกษตรแปรรูป คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์

    ในที่สุดต้องเป็น หน้าที่ของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเอง ที่ต้องบริหารความเสี่ยงนี้ให้ผ่านไปได้ ตราบใดที่ไทยยังต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
    [/FONT]


    ˹ѧ��;������ʴ�͹�Ź� : �ú�ء�� ʴ�ء����ͧ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ติดเชื้อปลายประสาทคู่ที่ 7 โรคชวนผวา...รักษาได้

    [​IMG]

    กลายเป็นข่าวน่าตกใจช็อกวงการบันเทิงอีกข่าวหนึ่งสำหรับ โอ-อนุชิต สพันธ์พงษ์ ดารา นักแสดง ที่ป่วยเป็น โรคติดเชื้อไวรัสปลายประสาทคู่ที่ 7 โดยมีอาการควบคุมใบหน้าซีกซ้ายไม่ได้ ลักษณะจึงคล้ายกับคนปากเบี้ยวจนเจ้าตัววิตกกังวลเกรงว่าจะกลายเป็นโรค อัมพฤกษ์ อัมพาต...!!

    จากกระแส ข่าวที่แพร่สะพัดถึงอันตรายของโรคนี้เองได้สร้างความตื่นตระหนก ให้กับผู้ที่รับทราบข่าวสารไปตาม ๆ กัน ล่าสุด นพ.วัชรพงศ์ ชูศรี อายุรแพทย์ระบบประสาทและสมอง ศูนย์สมองและระบบประสาทกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ว่า โรคติดเชื้อไวรัสปลายประสาทคู่ที่ 7 หรือโรคปากเบี้ยวนี้ เราเรียกว่าโรค “Bell palsy” เพราะได้ชื่อมาจาก Charles Bell ศัลยแพทย์ชาวสกอตต์ ซึ่งเป็นผู้บรรยายอาการของโรคนี้ไว้เป็นท่านแรกตั้งแต่ศตวรรษที่ 19

    ทั้งนี้ลักษณะอาการที่แสดง ออกจะเป็นอาการกล้ามเนื้อ ใบหน้าอ่อนแรงอันเกิดจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 (Facial nerve) อักเสบหรือได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทางเดินของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ดังกล่าวจะออกจากก้านสมอง ผ่านใต้กะโหลกศีรษะมาโผล่ที่หน้าหูแล้วแยกเป็นสองแขนงทำหน้าที่ควบคุมการ เคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าด้านเดียวกัน แขนงบนช่วยในการหลับตา แขนงล่างช่วยดึงกล้ามเนื้อมุมปาก เช่น การยิ้ม การห่อปาก นอกจากนี้ยังมี แขนงย่อย ๆ ไปเลี้ยงที่เยื่อแก้วหูและรับรสที่ลิ้นอีกด้วย

    โรคติดเชื้อไวรัสปลายประสาทคู่ที่ 7 นี้สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย ส่วนอาการหน้าเบี้ยวมักเกิดขณะที่เส้นประสาทมีอาการอักเสบ บวม หรือถูกกดทับ ในคนที่ปกติแข็งแรงดีมาก่อน เชื่อว่าสาเหตุการเกิดโรคอาจเกิดในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนน้อย จนทำให้มีการติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสเริม ไวรัสไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้ยังพบบ่อยในสตรีตั้งครรภ์ ผู้ป่วย เบาหวาน มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือต่อมน้ำเหลือง ผู้ติดเชื้อ ไวรัสเอชไอวี และกลุ่มผู้ได้รับอุบัติเหตุทางสมอง เป็นต้น

    อาการของโรค Bell palsy นี้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเร็วภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยสามารถสังเกตได้เมื่อตื่นขึ้นมาจะรู้สึกว่าหน้าหนัก ๆ หลับตาไม่สนิท ตาแห้ง ทานน้ำมีน้ำไหลจากมุมปาก บางรายมีอาการลิ้นชาหรือหูอื้อ ๆ ร่วมด้วย ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์เร็ว เพราะตกใจหรือมีคนทักหรือกลัว ตัวเองเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมอง อุดตัน แต่สามารถแยกอาการ ได้โดยโรคหลอดเลือดสมอง อุดตัน มักมีอาการทางระบบประสาทอื่นร่วมด้วย ได้แก่ แขนขาอ่อนแรงข้างเดียวกับที่มีปากเบี้ยว ตาเห็นภาพซ้อน เดินเซหรือมีอาการบ้านหมุน

    เมื่อผู้ป่วยมาพบเข้ารับการรักษา แพทย์จะทำการวินิจฉัยจากประวัติและอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก และตรวจร่างกายโดยแพทย์ระบบประสาท ในบางรายอาจจำเป็นต้องตรวจเลือดหรือเอกซเรย์สมองเพิ่มเติม ส่วนวิธีการรักษานั้นอย่างแรกเราต้องทราบก่อนว่าอาการ Bell palsy ในแต่ละรายไม่เท่ากัน สาเหตุหรือการบวมอักเสบของเส้นประสาทก็แตกต่างกัน ในบางรายที่มีอาการน้อย อาจจะไม่ต้องทำอะไรก็หายเองได้ใน 2-3 สัปดาห์

    อย่างไรก็ตามการศึกษาในปัจจุบันพบว่า ยากลุ่มสเตีย รอยด์ (Steroid) สามารถช่วยลดการบวมและอักเสบของเส้นประสาท ทำให้หายเร็วขึ้น โดยการให้ยาในวันแรก ๆ ที่เริ่มมีอาการจะให้ผลในการรักษาที่ค่อนข้างดี นอกจากนี้ยังมียาต้านไวรัสเริม และยาวิตามินบี ซึ่งจะช่วยทำให้อาการดีขึ้นได้

    สำหรับอาการที่ผู้ป่วยไม่สามารถหลับตาได้สนิทหรือกะพริบตาน้อยลงมีผลทำให้ กระจกตาแห้งนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาโรค Bell palsy คือ ป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบหรือมีแผลที่กระจกตา ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้โดยการปิดตาและหยอดน้ำตาเทียม นอกจากนี้ยังต้องมีการรักษา ด้วยการทำกายภาพด้วยการ ใช้ไฟฟ้ากระตุ้น หรือใช้วิธีแพทย์ทางเลือก เช่น การฝังเข็ม ซึ่งก็มีรายงานว่าสามารถช่วยได้ในบางราย

    หลังจากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคและทำการรักษาแล้ว ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นมากใน 2-3 อาทิตย์แรก และประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่เป็นจะหายสนิท ส่วนอาการที่เหลือจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ ใน 3-6 เดือน แต่ในรายที่เส้นประสาทมีปัญหาอยู่เดิม เช่น เบาหวาน หรือเกิดจากเชื้องูสวัด มักจะไม่หายสนิท โอกาสเป็นซ้ำอีกพบน้อยมาก แต่ถ้าเกิดเป็นซ้ำหลายครั้งควรรีบไปพบประสาทแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยหรือ ตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ เพิ่มเติม

    โรคปากเบี้ยวนี้ถึงแม้แพทย์จะยืนยันว่าไม่เป็นอันตรายมาก แต่ก็เชื่อว่าหลายคนคงไม่อยากมีอาการปากเบี้ยว บังคับหน้าไม่ได้ หรือเผชิญกับเจ้าเชื้อไวรัสตัวนี้อย่างแน่นอน ฉะนั้นเราจึงควรดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอและพักผ่อนให้ เพียงพอ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเราอาจถูกไวรัสร้ายตัวนี้คุกคามกลายเป็นเหยื่อรายต่อ ไปก็ได้.

    เคล็ดลับสุขภาพดี : ฟักทอง ประโยชน์ที่มากว่ากว่าบำรุงสายตา
    ฟักทอง เป็นพืชชนิดหนึ่งที่คุณแม่บ้านนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารหรือ ทำขนมหวานได้อย่างเอร็ดอร่อยไม่ว่าจะเป็น ผัดฟักทองใส่ไข่ แกงเลียง ขนมบวดฟักทอง ฯลฯ โดยนอกจากความหวาน มัน อร่อย แล้ว คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า เนื้อฟักทอง และเมล็ด นั้นมีประโยชน์มากมายเกินกว่าความหวานหอมเสียอีก

    ลักษณะของผลฟักทอง มีขนาดใหญ่ เป็นพูกลม มีทั้งทรงแบนและทรงสูง เปลือกของผลจะแข็ง มีสีเขียวหรือสีน้ำตาลแดงแล้วแต่ชนิดของฟักทองนั้น ๆ เนื้อในผลจะมีสีเหลืองน่ารับประทาน โดยเมื่อทานเข้าไปแล้วจะเปลี่ยนเป็น วิตามินเอ ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย โดย ส่วนที่ใช้เป็นยา ได้แก่ ดอก ผล เมล็ด มีสรรพคุณดังนี้ ผล เนื้อในของผลฟักทองนั้นจะมีสารพวก carotenes อยู่ ซึ่งสารนี้เมื่อเข้าไปในร่างกายแล้วจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอไม่ว่าจะอยู่ใน รูปของคาวหรือของหวานเป็นอาหารเสริมสุขภาพได้เป็นอย่างดี โดยใช้ ฟักทองครึ่งกิโลกรัมนึ่งแล้วราดด้วยน้ำผึ้ง กินวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ติดต่อกัน 5-7 วัน จะช่วยบรรเทาอาการหอบหืดได้นาน 6 เดือน ถึง 2 ปี สำหรับผู้ที่มีอาการน้อยจะเห็นผลมากกว่าผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง หรือจะต้มฟักทองประมาณ 250 กรัมกับน้ำสะอาด ดื่มกินเป็นน้ำแกง ช่วยบรรเทาอาการเบาหวานได้ ดอก ต้มดอกฟักทองกับตับหมู 120 กรัม กินรักษาโรคตาบอดกลางคืน

    เมล็ด ภายในเมล็ดจะมีน้ำมันชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นยาที่ใช้ถ่ายพยาธิ ตัวตืด โดยการใช้เมล็ดแห้ง 60 กรัม นำมาบดให้เป็นผง แล้วผสมกับน้ำตาลและนม ให้คนไข้ทานโดยทิ้งช่วงห่างประมาณ 2 ชั่วโมง พอครั้งสุดท้าย ให้ดื่มน้ำมันระหุ่งตามเพื่อให้ถ่าย หรือนำเนื้อในเมล็ดฟักทอง 120 กรัม คั่วแล้วบดเป็นผง ผสมน้ำอุ่น ดื่มครั้งละ 30 กรัม ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมในสตรีหลังคลอด หากรับประทานเนื้อในเมล็ดฟักทองดิบปริมาณ 100 กรัม ติดต่อกัน 3 วันจะช่วยถ่ายพยาธิไส้เดือน และคั่วเมล็ดฟักทอง 150 กรัมให้สุก กินเนื้อในเพื่อขับพยาธิตัวตืด

    นอกจากนี้ฟักทองยังมีประโยชน์ที่หลากหลาย เช่น สารเบต้าแคโรทีน ในฟักทองช่วยป้องกันโรคผิวหนัง ช่วยป้องกันมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะในผู้สูงอายุและบรรเทาอาการปวดเมื่อยของ ข้อเข่าและบั้นเอว ช่วยบำรุงไต ตับ และสายตา โดยฟักทองยังให้พลังงานต่ำ ไขมันน้อย คาร์โบไฮเดรตในฟักทองช่วยบำบัดแผลในกระเพาะและลำไส้ส่วนบน คนที่เป็นโรคกระเพาะ การกินฟักทองนึ่งก็จะช่วยบรรเทาการปวดท้องได้ และยังบรรเทาอาการหอบหืดที่เกิดจากโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังในผู้สูงอายุ ส่วนเมล็ดฟักทองนั้นยังช่วยรักษาและลดอาการเกิดโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้ อีกด้วย

    ใครที่ชอบทานฟักทองและเคี้ยวเมล็ดฟักทองเล่นเป็นขนมขบเคี้ยวคงทราบกันแล้ว ว่า นอกเหนือจากความหวาน มัน อร่อย ทั้งเนื้อฟักทอง และส่วนของเมล็ดยังมีสรรพคุณที่มีประโยชน์ ต่อร่างกายเราอย่างมหาศาลว่าแล้ว... ใครที่ไม่ชอบรับประทานคงต้องเปลี่ยนใจมาลองทานกันดูบ้างแล้วล่ะค่ะ เพื่อสุขภาพที่ดีของเรานั่นเอง.

    (ข้อมูลจากกลุ่มสารนิเทศและวิเทศสัมพันธ์ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก)


    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=89716

     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สินค้า มาร์ค แพง เนื้อสัตว์-ไข่ ขึ้นอ่วมสุด จี้ ต่ออายุธงฟ้า


    แม่บ้านจ๊ากสินค้า"มาร์ค"แพง "เนื้อสัตว์-ไข่" ขึ้นอ่วมสุดจี้พาณิชย์คุมราคาต่ออายุธงฟ้า (ไทยโพสต์)

    จ๊ากสินค้าแพง สวนดุสิตโพลเผยผลสำรวจแม่บ้านทั่วประเทศ เนื้อสัตว์ ไข่ขึ้นราคาอ่วมสุด 60% ต้องประหยัด ตัดรายจ่ายไม่จำเป็นออก ถึงขั้นต้องกู้หนี้ยืมสินมาหมุน แนะ "พาณิชย์" ควบคุมให้ขายตามราคากำหนด ป้องกันฉวยโอกาส ห้ามกักตุน ระบุหากเป็น "มาร์ค" ได้ จะเดินตลาด รับฟังปัญหาคนเดือดร้อนแล้วนำไปแก้ไข วอนอย่าหยุดจัดธงฟ้า

    นายสุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยว่า จากมาตรการตรึงราคาสินค้าของกระทรวงพาณิชย์จะหมดลงในวันที่ 30 ก.ย.นี้ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามดูแลราคาสินค้าอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ในชีวิตประจำวันและอาหาร ส่วนสินค้ากลุ่มอื่นจะมีการพิจารณาตามต้นทุนและผลกระทบที่เกิดขึ้น

    โดยสวนดุสิตโพลได้สอบถามความคิดเห็นจากลุ่มแม่บ้าน ซึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่ดูแลครอบครัว และมีอำนาจในการตัดสินใจในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าต่างๆ ทั่วประเทศ จำนวน 1,729 คน ระหว่างวันที่ 29 ส.ค.-2 ก.ย.2553 พบว่า

    สินค้าที่มีราคาแพง 5 รายการที่ทำให้แม่บ้านได้รับความเดือดร้อน ได้แก่ 40.13% ระบุว่า เป็นกลุ่มเนื้อสัตว์/ไข่ รองลงมา 22.98% ผัก ผลไม้ 14.62% ระบุเป็นของใช้ส่วนตัว/ของใช้ในบ้าน ขณะที่ 12.03% ระบุว่าข้าวสาร และ 10.24% ระบุว่าเป็นอาหารแห้งและเครื่องปรุงรส

    สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับแม่บ้านนั้น 60.72% ระบุว่า ต้องประหยัด ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป รองลงมา 14.92% ต้องนำเงินเก็บ เงินที่ต้องใช้เรื่องอื่นออกมาใช้ก่อน และ 13.68% ระบุว่า ทำให้วิตกกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่ายต่างๆ และมี 4.47% ระบุว่าต้องกู้หนี้ยืมสินมาใช้

    ขณะที่พฤติกรรมการซื้อของของแม่บ้านเปลี่ยนไป โดยพบว่า 59.17% ซื้อของกินของใช้เท่าที่จำเป็น รองลงมา 21.08% ระบุว่า เลือกซื้อสินค้าประเภทเดียวกันแต่มีราคาถูกกว่า ขณะที่ 16.65% ซื้อของในช่วงที่มีการลดราคา หรือ ลด แลก แจก แถม และ 3.10% หันมาปลูกพืชสวนครัวกินเอง

    สำหรับวิธีการแก้ปัญหาสินค้าแพงที่กลุ่มแม่บ้านเสนอต่อกระทรวงพาณิชย์ คือ 48.58% ให้ควบคุมราคาสินค้าให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ป้องกันการฉวยโอกาสจากพ่อค้า ขณะที่ 20.34% เสนอให้นำสินค้าอุปโภคบริโภคออกมาจำหน่ายในราคาถูกหรือมีตลาดนัดสินค้าราคา ถูก 16.51% ให้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ผลิตสินค้าเพียงพอต่อความต้องการ ไม่กักตุน

    นอกจากนี้ ได้สอบถามว่าหากแม่บ้านเองเป็นนายกรัฐมนตรี จะแก้ไขปัญหาสินค้าแพงอย่างไร 33.40% ระบุว่า ออกมาตรการป้องกัน ควบคุมการกักตุนสินค้าและขายสินค้าในราคาที่กำหนด 25.28% ระบุว่าต้องรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนเพื่อนำไปแก้ไขให้ดี ขึ้น ขณะที่ 14.32% ระบุว่า จะลงไปสำรวจตลาดด้วยตัวเอง พูดคุยกับพ่อค้า ผู้ประกอบการถึงปัญหาสินค้าราคาแพง และ 12.97% จะช่วยเหลือผู้บริโภคและผู้ประกอบการ เช่น ลดภาษีสินค้าให้ถูกลง จัดงานธงฟ้าอย่างต่อเนื่อง




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์
    [​IMG]

     
  11. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    สวัสดีตอนเช้าครับคุณอา sithiphong
     
  12. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ :cool: น้องเขยผมเป็นปีที่แล้ว รักษาหลายเดือนเรยกว่าจะหายครับ เห็นหมอบอกว่าต้องพักผ่อน นอนหลับให้เพียงพอครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ ผมจะดำเนินการส่งพระวังหน้า ไปให้กับคุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ปฐม<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3722435", true); </SCRIPT> และคุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->tuilan

    สำหรับชื่อหลวงปู่ที่ผมเขียนไว้หน้าซอง คือองค์ผู้อธิษฐานจิต

    หากผมเขียนชื่อ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี แสดงว่า สร้างขึ้นที่วังหน้า ก่อนปี พ.ศ.2415

    แต่พระพิมพ์ต่างๆที่ผมส่งให้นั้น ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อขายในวงการซื้อขายพระเครื่องของเมืองไทยได้

    โมทนาบุญทุกประการ

    .<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับค่าจัดส่ง ที่ ดร.ประทีป ที่มีเจตนาในการร่วมทำบุญกับผม ที่ผมได้ปฎิเสธไป เนื่องจากผมคิดว่า ไม่มีผู้ที่ร่วมทำบุญ และต้องส่งพระพิมพ์อีก

    แต่มีผู้ที่ร่วมทำบุญ และมีความประสงค์ที่จะรับพระวังหน้า

    ดังนั้น

    ผมจะถอนเงินที่ ดร.ประทีป ที่ผมนำเข้าบัญชีของกองทุนหาพระถวายวัด มาเป็นค่าจัดส่งให้ครับ

    โมทนาบุญกับดร.ประทีปด้วยครับ


    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับ ดร. ..... ที่เจอกันในวันเสาร์

    ผมเอง ยอมรับว่า ไม่กล้าห้อย พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมเด็จพระพุทธสีธีทศพลที่ 1 (สมเด็จองค์ปฐม) แน่นอนครับ

    หรือ แม้แต่พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์อื่นๆ

    ยกเว้น พระสมเด็จ top of the top 4 ครับ

    .
     
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    :cool: เป็นอีกหนึ่งสะพานบุญที่มีความสำคัญมาก
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ในครั้งแรกๆ ที่ผมเปิดให้ร่วมทำบุญ สภากาชาดไทย , มูลนิธิชัยพัฒนา ฯลฯ ต่อมาก็เป็น สนส.บ่อเงินบ่อทอง (ในระยะแรก) ผมเองก็ใช้เงินส่วนตัวเป็นค่าจัดส่ง

    ต่อมาพี่ใหญ่ และอีกหลายๆท่าน ได้ร่วมทำบุญในค่าจัดส่งพระพิมพ์และวัตถุมงคลมา จำนวนเงินน่าจะหลายพันบาท โดยปกติ หากไปทำบุญที่กระทู้อื่นๆ เขาจะต้องให้ส่งเงินค่าจัดส่งให้ด้วย แต่ผมไม่ใช่ ผมใช้เงินส่วนตัวเป็นค่าจัดส่ง

    ผมถามพี่ใหญ่ว่า เพราะอะไร ถึงร่วมทำบุญในค่าจัดส่ง

    พี่ใหญ่ตอบว่า นี่แหละ ค่าส่งตัวเองไปนิพพานให้เร็วขึ้น

    ผมเองได้สอบถามบางท่าน บางท่านก็บอกผมมาเช่นนี้

    ต่อๆมาในการร่วมทำบุญกับ สนส.บ่อเงินบ่อทอง และ สนส.ผาผึ้ง ผมได้ใช้เงินที่หลายๆท่านร่วมทำบุญ มาซื้อกล่องพัศดุ และ เป็นค่าจัดส่งพระวังหน้า ให้กับ ท่านที่ร่วมทำบุญกับ สนส.บ่อเงินบ่อทอง และ สนส.ผาผึ้ง มาโดยตลอด

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่วมทำบุญค่าจัดส่งและอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วยครับ


    .
     
  18. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 17 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 12 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>psombat, :::เพชร:::+, sithiphong+, นายเฉลิมพล, ปฐม </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดี สายๆวันจันทร์ครับ
    ขอให้สำเร็จงานด้วยความราบรื่น
    ขออนุญาตเก็บหน้าล่างนี้ไว้หน่อยนะครับ

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->psombat<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3749515", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2009
    สถานที่: ชมรมรักษ์พระวังหน้า
    ข้อความ: 838
    Groans: 0
    Groaned at 3 Times in 3 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 4,756
    ได้รับอนุโมทนา 4,086 ครั้ง ใน 785 โพส
    พลังการให้คะแนน: 999 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของการทำบุญ

    ในความเห็นผม ผมเปรียบเสมือนกับการก่อสร้างบ้าน

    การสร้างบ้าน เริ่มแรกก็ต้องมีการตอกเสาเข็ม มีการก่อเป็นโครงบ้าน มีการฉาบปูน มีการทำประตู ทำหน้าต่าง ทำพื้น ทำหลังคา และอื่นๆอีกหลายๆอย่าง

    การทำบุญ ก็ต้องทำหลายๆอย่างเช่นกัน บุญแต่ละอย่าง ส่งผลให้ไม่เหมือนกัน ส่งผลให้ช้าหรือเร็วไม่เหมือนกัน

    และที่สำคัญอีกเรื่อง คือ การกรวดน้ำ
    หากท่านใดสนใจเรื่องของการกรวดน้ำ ให้ pm แจ้งความประสงค์ มาให้ผมด้วย ผมจะส่งลิงค์เรื่องของการกรวดน้ำไปให้ครับ

    นอกเหนือจากการทำบุญแล้ว ยังมีเรื่องของการภาวนา

    ทำให้ครบกันนะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอให้ใช้โพสนี้ เป็นหลักเกณฑ์ในการร่วมทำบุญและรับพระกริ่งปวเรศ เนื้อสเตอร์ริง ซิลเวอร์ ครับ

    ผมขอมอบพระกริ่งปวเรศ เนื้อสเตอร์ริง ซิลเวอร์ ที่สร้างขึ้นที่ทวีปยุโรป ตามรายละเอียดดังนี้


    1.พระกริ่งปวเรศ เนื้อสเตอร์ริง ซิลเวอร์ (หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ จาร(ด้วยพระองค์เอง)ทั้งองค์พระกริ่ง) ผมให้ร่วมทำบุญ 70,000 บาทต่อการรับพระกริ่งปวเรศ 1 องค์ มีจำนวน 2 องค์

    2.พระกริ่งปวเรศ เนื้อสเตอร์ริง ซิลเวอร์ ( ไม่มีการจาร) ผมให้ร่วมทำบุญ 20,000 บาทต่อการรับพระกริ่งปวเรศ 1 องค์ มีจำนวน 5 องค์

    ผมให้สิทธิสำหรับท่านที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง

    ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง หากจะร่วมทำบุญ ตามรายละเอียดดังนี้

    1.พระกริ่งปวเรศ เนื้อสเตอร์ริง ซิลเวอร์ (หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ จาร(ด้วยพระองค์เอง)ทั้งองค์พระกริ่ง) ผมให้ร่วมทำบุญ 10,000,000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน) ต่อการรับพระกริ่งปวเรศ จำนวน 1 องค์ มีจำนวน 2 องค์

    2.พระกริ่งปวเรศ เนื้อสเตอร์ริง ซิลเวอร์ ( ไม่มีการจาร) ผมให้ร่วมทำบุญ 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) ต่อการรับพระกริ่งปวเรศ จำนวน 1 องค์ มีจำนวน 5 องค์

    สำหรับท่านที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ



    เริ่มต้นการจองและโอนเงินร่วมทำบุญตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553
    สิ้นสุดการโอนเงินร่วมทำบุญวันที่ 30 กันยายน 2553



    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระกริ่งปวเรศลงในเว็บพลังจิตครับ

    หมายเหตุ พระกริ่งปวเรศที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระกริ่งปวเรศที่ไม่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องไทย(วงการซื้อ-ขายพระ) ได้ หากท่านต้องการพระกริ่งปวเรศ(พระเครื่องที่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทย (วงการซื้อ-ขายพระ) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป

    แต่พระกริ่งปวเรศที่ผมมอบให้นั้น เป็นพระกริ่งปวเรศ ที่สร้างขึ้นที่ทวีปยุโรปโดยคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่กรมพระยาปวเรศ ให้สร้างขึ้น โดยช่างชาวยุโรป ใช้มวลสารหลักก็คือ สเตอร์ริง ซิลเวอร์( เนื้อเงิน ของยุโรป) และนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดศรีรัตนศาสดาราม ในปีพ.ศ.2434 โดยหลวงปู่กรมพระยาปวเรศ ท่านอธิษฐานจิตเดี่ยว

    แต่หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และหลวงปู่กรมพระยาปวเรศ ,กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เป็นอย่างไร ต้องไปหาอ่านในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร , หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ เป็นต้น) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง) ได้ครับ

    ซึ่งเรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ<!-- google_ad_section_end -->

    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

    .



    .<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...