สงสัยการฝึก กสิณสีครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย gigkok_man, 9 กันยายน 2010.

  1. gigkok_man

    gigkok_man Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +37
    คือผมเป็นคนที่ชอบคิดมากอ่ะคับ ในหัวผมก็จะคิดเรื่องต่างๆนาๆไปเรื่อยๆ และเป็นคนนอนหลับยากมากด้วยครับ จึงต้องเปิดพลงตอนผมนอนอ่ะคับ แต่ก็ไม่ดังมากนะพอได้ยิน แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าเปิดเพลงผมจะนอนไม่หลับนะครับชอบอยู่เงียบๆ การเปิดเพลงแล้วนอนหลับก็เป็นมาได้ประมาณ 5เดือนแล้วมั้งครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเปิดเพลงแล้วนอนหลับเลยนะครับ ก็สักพักเหมือนกันอ่ะ และในหัวผมอ่ะครับมันเหมือนกับมันคิดอยู่ตลอดเวลา ห้ามมันก็ได้แปปเดียว ( การห้ามก็คือตั้งใจคิดไปในเรื่องเดียว ก็คือตั้งใจคิดโดยไม่ปล่อยให้จิตมันคิดไปเองอ่ะครับ ) ส่วนมากจิตมันจะคิดเป็นเพลงอยู่ตลอดเวลาก็เพลงที่ฟังทุกคืนน่ะแหล่ะครับ แต่เวลาทำงานมันก็คิดเพลงนะครับ อีกใจนึงทำงานคิดงาน แต่อีกใจนึงคิดเป็นเสียงเพลงเหมือนเราร้องเพลงในใจอ่ะครับ ( ผมเป็นคนหลายใจรึเปล่าไม่รู้ อิอิ.) มันก็เลยมีผลเวลาไปนั่งเพ่ง กสิณน่ะครับ มองแล้วจำ หลับตาก็เพ่งต่อ แต่อีกใจมันก็คิดอะไรไปของมันอ่ะครับ ก็มีสมาธิบ้างนะ แต่ก็ต้องตั้งใจมากขึ้นด้วย แต่พอหลับตาและไม่เพ่งละเปลี่ยนมานั่งสมาธิแทน กำหนดลมหายใจ ยุบหนอ พองหนอ แล้วนึกว่าท้องยุบ แล้วท้องพอง ก็รู้สึกว่าจะเป็นสมาธิดีกว่าการเพ่งกสิณอ่ะครับ แล้วก็นั่งไปสักพักบางทีมันก็เป็นสมาธิไปในทางที่จิตคิดเองอ่ะครับ แล้วก็เป็นสมาธิในความคิดนั้น จนไม่รู้ว่าเราตั้งใจกำหนดลมหายใจ ยุบหนอ พองหนอ อยู่ จนรู้สึกตัวกลับมาอีกทีเราก็กำหนดลมหายใจใหม่ มันเป็นแบบแป๊ปเดียวอ่ะ ความคิด กับการกำหนดลม มันไปๆมาๆกันอยู่อ่ะ ( สลับไป แล้วเพลินกับความคิด และรู้สึกตัวก็กลับมาตั้งใจใหม่ ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง )
    และถามว่า
    1. การเป็นอย่างนี้คือจิตใจผมยังไม่เป็นสมาธิพอใช่มั้ยครับ
    2.ผมรู้สึกว่านั่งสมาธิแล้วก็นอนทำให้ผมนอนหลับยากเข้าไปอีกอ่ะครับ เหมือนจิตมันตื่นตัวอยู่ตลอดอ่ะครับ นอนยังไงก็ไม่หลับ นอนตั้งแต่เที่ยงคืน หลับก็ประมาณตี2ขึ้นไปอ่ะครับ อีกอย่างผมเป็นคนเข้าห้องน้ำบ่อย ตอนนอนก็เข้าประมาณ2 ครั้งขึ้นไปครับ (บางวันเข้า5-8 รอบก็มี เพราะอากาศเย็น และกินน้ำเยอะก่อนนอนอ่ะครับ) ทำให้ตื่น แต่เข้าเสร็จมานอนต่อก็หลับง่ายครับเพราะสลึมสลือ อยู่
    3. เวลาเพ่งกสิณสี เขาให้จำหรือนึกกันแน่ เพราะว่าเราเพ่งเสร็จหลับตาแล้วเราก็เพ่งดวงกสิณที่เราเห็นติดตาต่อไปจนกว่าจะเลือนหายไป และถ้าให้นึกขึ้นมาใหม่มันไม่ขึ้นหรอกครับ ต้องลืมตาเพ่งใหม่ทำซ้ำๆ ไปอ่ะครับ เพราะว่าถ้านึกแล้วเราเห็นดวงกสิณขึ้นมาแสดงว่าเราพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นแล้วครับ ( ความเข้าใจของผมที่ศึกษามานะครับ )
    4. ถ้าเราพิจารณา ขอบดวงกสิณเนี่ย จะเป็น กสิณโทษ รึเปล่าครับ ( เพราะบางทีตาเรามองไปที่ขอบเองอ่ะ )
    ก็ช่วยชี้แนะทีนะครับ ผมก็จะพยายามฝึกต่อไปครับ ขอบคุณล่วงหน้านะครับ
     
  2. จื่อหลิง

    จื่อหลิง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +698
    55 คุณมีนิสัยเดียวกับผมเลย วิตกจริต พวกนี้ชอบทำอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ต้องเจริญอานาปานสติ แล้วคุณจะรู้เองว่าเป็นอย่างไร ถ้าเวลาคิดไปมั่วไม่อยู่ในเรื่องเดียว หาคาถาอะไรก็ได้ มาท่องให้จำได้แล้วบริกรรมในใจแล้วสมาธิจะเป็นอัตโนมัติ (ผมใช้คาถาเงินล้านของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง) เพราะยาวดี หรือไม่ก็บริกรรมพุทโธ ส่วนกสิณสี ผมเพ่งกสิณสีขาว ทำให้บ่อยๆ ทำให้เป็นนิสัย ไม่งั่นความคิดจะมาขวางเรา
     
  3. ขณิก

    ขณิก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2007
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +216
    ผมขออนุญาติตอบเท่าที่ทราบนะครับ
    ผมพึ่งเริ่มฝึกแต่ไปไม่ถึงใหน ภูพักลักจำมา หากผิดพลาดอย่างไรขออภัยเจ้าของกระทู้ด้วยครับ และรบกวนผู้รู้ชี้ความกระจ่างให้ผมด้วยเช่นกันครับผม

    1. การเป็นอย่างนี้คือจิตใจผมยังไม่เป็นสมาธิพอใช่มั้ยครับ

    2.ผมรู้สึกว่านั่งสมาธิแล้วก็นอนทำให้ผมนอนหลับยากเข้าไปอีกอ่ะครับ เหมือนจิตมันตื่นตัวอยู่ตลอดอ่ะครับ นอนยังไงก็ไม่หลับ นอนตั้งแต่เที่ยงคืน หลับก็ประมาณตี2ขึ้นไปอ่ะครับ อีกอย่างผมเป็นคนเข้าห้องน้ำบ่อย ตอนนอนก็เข้าประมาณ2 ครั้งขึ้นไปครับ (บางวันเข้า5-8 รอบก็มี เพราะอากาศเย็น และกินน้ำเยอะก่อนนอนอ่ะครับ) ทำให้ตื่น แต่เข้าเสร็จมานอนต่อก็หลับง่ายครับเพราะสลึมสลือ อยู่

    ผมคิดว่าจิตมันยังติดกับเพลงหรือสิ่งเร้าบางอย่างอยู่อ่ะครับ เพลงมันร้องก็ร้องไปเราก็พุธโธไปครับ หรือยุบหนอไป แต่อาจต้องทำประจำจึงจะตัดออกไปได้ เพราะเมื่อเราได้ปิติแล้ว
    เราไม่อยากไปเรื่องอื่นน่ะครับอยากนั่งต่อไปเรื่อยๆ คิดว่าพอถึงปิติน่าจะตัดออกไปได้อ่ะครับ (ขอความเห็นจากผู้รู้ด้วยครับอันนี้ความคิดส่วนตัว)


    3. เวลาเพ่งกสิณสี เขาให้จำหรือนึกกันแน่ เพราะว่าเราเพ่งเสร็จหลับตาแล้วเราก็เพ่งดวงกสิณที่เราเห็นติดตาต่อไปจนกว่าจะเลือนหายไป และถ้าให้นึกขึ้นมาใหม่มันไม่ขึ้นหรอกครับ ต้องลืมตาเพ่งใหม่ทำซ้ำๆ ไปอ่ะครับ เพราะว่าถ้านึกแล้วเราเห็นดวงกสิณขึ้นมาแสดงว่าเราพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นแล้วครับ ( ความเข้าใจของผมที่ศึกษามานะครับ )

    ผมก็เข้าใจว่านึกเอาครับหลังจากไปวัดยานาวามาพระครูท่านแนะนำให้มองภาพติดตาครับ
    (เข้าใจว่าเป็นแสงสะท้อนจากแสงที่ยังค้างอยู่ )ทำไปเรื่อยๆก็ภาพจะติดมมาครับนึกขึ้นก็จะเห็นเป็นวงๆ แต่ไม่ชัดต้องอาศัย ทำบ่อยๆกระมังครับเพราะผมก็พึ่งฝึกหัดเช่นกันครับ
    ส่วน การมองภาพติดตา ผมเข้าใจเองว่าน่าจะใช้ได้เฉพาะกสิณสีเท่านั้นหรือเปล่าครับ
    เพราะว่า กสิณดินหรือ กสิณน้ำ ไม่น่ามีภาพติดตาอ่ะครับคงต้องใช้วิธีนึกเอง(ขอความรู็จากผู้รู้ด้วยเช่นกันครับผม)



    4. ถ้าเราพิจารณา ขอบดวงกสิณเนี่ย จะเป็น กสิณโทษ รึเปล่าครับ ( เพราะบางทีตาเรามองไปที่ขอบเองอ่ะ )
    ไม่น่าเป็นอะไรนะครับแต่เค้าให้มองตรงกลางน่ะครับ น่าจะได้ผลดีกว่ากระมังครับ
     
  4. saturday_rainy

    saturday_rainy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +957
    เคร่งเครียดไปนิดครับ ผ่อนอารมณ์ให้เบาสักนิด การกินน้ำเย็นก็ดีเหมือนกันถ้าอารมณ์ตอนนั้นฟุ้งซ่านไปหน่อย บางทีการคิดโน่นคิดนี่ พยายามมองหาอะไรในวงกลมนี่มันเป็นนิวรณ์ ทางที่ดีจับอานาปนสติกำกับ บวกคำภาวนาไปด้วยก็ดี ไม่ต้องคิดอะไรมากมายนัก นิมิตจะเกิดแน่ถ้าอารมณ์ของคุณ เริ่มมี กำลังของจิตซึ่งไม่ใช่อารมณ์จากสัญญา
     
  5. gigkok_man

    gigkok_man Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +37
    เคร่งเครียดไปนิดครับ ผ่อนอารมณ์ให้เบาสักนิด การกินน้ำเย็นก็ดีเหมือนกันถ้าอารมณ์ตอนนั้นฟุ้งซ่านไปหน่อย บางทีการคิดโน่นคิดนี่ พยายามมองหาอะไรในวงกลมนี่มันเป็นนิวรณ์ ทางที่ดีจับอานาปนสติกำกับ บวกคำภาวนาไปด้วยก็ดี ไม่ต้องคิดอะไรมากมายนัก นิมิตจะเกิดแน่ถ้าอารมณ์ของคุณ เริ่มมี กำลังของจิตซึ่งไม่ใช่อารมณ์จากสัญญา<!-- google_ad_section_end -->
    .......
    ..............ก็ตอนเพ่งกสิณผมก็ภาวนาไปด้วนะครับว่า โลหิต กสิณัง
    ตาก็มอง และเพ่ง ใจก็ภาวนา บางทีก็หลุดไปคิดเรื่องอื่น เหมือนทำหลายอย่างพร้อมกัน แต่ถ้าผม นั่งหลับตา ภาวนาว่ายุบหนอ พองหนอ รู้สึกสงบกว่ากันอ่ะครับ หรือว่าผมต้องนั่งสมาธิให้จิตใจสงบสามารถ คุมจิตไม่ให้วอกแวกให้ได้ก่อน ถึงจะไปฝึก กสิณได้อ่ะครับ

    .............
    55 คุณมีนิสัยเดียวกับผมเลย วิตกจริต พวกนี้ชอบทำอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ต้องเจริญอานาปานสติ แล้วคุณจะรู้เองว่าเป็นอย่างไร ถ้าเวลาคิดไปมั่วไม่อยู่ในเรื่องเดียว หาคาถาอะไรก็ได้ มาท่องให้จำได้แล้วบริกรรมในใจแล้วสมาธิจะเป็นอัตโนมัติ (ผมใช้คาถาเงินล้านของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง) เพราะยาวดี หรือไม่ก็บริกรรมพุทโธ ส่วนกสิณสี ผมเพ่งกสิณสีขาว ทำให้บ่อยๆ ทำให้เป็นนิสัย ไม่งั่นความคิดจะมาขวางเรา<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    ...บางทีผม ก็ลองสวดมนต์ดูแล้วนะครับ ก็ยังทำงานได้ต่อไป เช่น คาถาชินบัญชร พาหุง มหาการุณิโกฯ หรือบทที่ผมจำได้อ่ะครับ เพราะว่าเปลี่ยนจากเพลงหรือคิดอื่นๆมาเป็นการสวดอ่ะครับ
    ..............
    ...
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ให้ผมแนะนำนะครับ....ก่อนอื่นเลยคือ.....คุณไปหากรรมฐานอันใดก็ได้ให้เป็นหลักใจจริงๆสักอัน....เพราะว่าอะไรรู้ไมครับ.....เพราะว่าผมเห็นแล้วว่าคุณทำกรรมฐานกองใหน...ไม่ได้ดีสักกอง......เพราะว่าชอบที่จะไปจับหลายอย่างครับ.....คุณไปลองดูนะครับ.....ถ้าจะเอาอานาก็เอาอานา เอาให้มันดีและถึงที่สุดไปเลย.....ถ้าจะเอาพองยุบ หรือกสิณ ก็เอาให้มันดีไปเลยครับ.....แม้ว่าการปฏิบัติ...กรรมฐานกองอื่นจะเด้งขึ้นมา....เมื่อคุณตั้งใจว่าจะเอากองนี้ก็วางกองอื่นไปก่อนเลยครับ......เพราะดูแล้วมันไม่ใช่ของดีนะ....ผมว่ามันเป็นความฟุ้งซ่านแห่งจิต......โบราณท่านว่าจับปลาสองมือ...มันจะไม่ได้สักตัวนะครับ......ถ้าหากว่าคุณต้องการจะฝึกกองอื่นก็ให้ได้กองหนึ่งให้มันดี....พอดีแล้วจะไปฝึกอย่างอื่นมันง่ายมากครับ.....แต่ต้องเอาให้ดีสักกองก่อน....ไม่ใช่พร้อมกันทุกกอง......ไม่ใช่ของดีนะครับที่ทำอย่างนี้.....

    ส่วนเรื่องเพลงที่ฟังตอนนอนไม่หลับ....ถ้าให้แนะนำ....ผมจะแนะนำให้ฟังเทศน์แทนเพลงครับ.......ดูสิว่ามันจะหลับไม.......วิทยุคลื่น หลวงตามหาบัวก็ได้.....ไม่รู้ว่าบ้านคุณรับได้ไม.....ถ้าจิตมันจะฮำเพลง....ก็เปลื่ยนให้มันฮำเทศน์แทน.....คงจะดีไม่น้อย......เพราะอะไรครับ....เพราะเพลงนั้นมันดึงใจให้ไหลไปสู่ที่ต่ำได้.....ในขณะที่เทศน์ทำให้ใจสูง......ถ้าทนไม่ได้ต้องฟังเพลง.....ไปเลยครับเพลงสวด ไทย บาลี จีน ทิเบต มากมายครับ.....มีให้เลือก....จะเอาแบบใหน....เพลงสวดส่วนใหญ่เป็นดนตรีบำบัดไปในตัว....ฟังแล้วทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น....ดีกว่าเพลงทั่วไป....คลื่นจังหวะมันกระทบใจให้ตกต่ำได้ดีกว่ามาก.......

    ฝากการบ้านสองข้อนะ

    ๑.หากรรมฐานที่เหมาะสมกับตนเอง...เอาอย่างเดียวให้ดี...อย่าเจ้าชู้....จับปลาหลายมือ...
    ๒.เทศน์กับเพลงสวด(ดนตรีบำบัดครับ)...

    ขออภัยหากพูดตรง....เพราะไม่รู้จะไปอ้อมมันไปทำไม....

    ท้ายนี้ฝากพระธรรมเทศนาหลวงปู่หล้า เขมปัตโต....ตั้งใจปฏิบัติครับ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2010
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    วิธีรวบรวมจิตให้สงบเร็ว และทรงอยู่นานๆ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต


    [​IMG]

    ปุจฉา วิสัชนา : หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต




    ๔.ดิฉันอยากจะขอเรียนถามหลวงปู่ถึงเรื่องการควบคุมจิตใจให้มีความสงบอยู่นานๆและขออุบายหรือวิธีการในการทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบเร็วขึ้นด้วยค่ะ


    <O:pการภาวนาอยากจะให้จิตจดจ่ออยู่นานๆก็ต้องตัดความละโมบอารมณ์อื่นที่มาเกยมาพาด ต้องตั้งสติไว้กับอาจารย์เดิม (คือกรรมฐานเดิมที่ตั้งไว้) ยินดีในกรรมฐานที่ตั้งไว้นั้นอย่าไปยินดีในกรรมฐานอื่นที่ยังไม่ได้ตั้ง นึกหรือบริกรรมกรรมฐานอันเดิมนั้นแหละ

    ตั้งสัจจะไว้ในที่นั้น ตั้งอธิษฐานไว้ในที่นั่นถ้ามันลืมไปก็ดึงมาอย่าได้เสียใจเพราะความสำเร็จอยู่กับความอดทนและความเพียรเพราะเอากรรมฐานเดิมที่ตั้งเป็นตัวประกันยอมเป็นยอมตายกับกรรมฐานเดิมนั้น คำว่า "ศีล" คำว่า "ปัญญา" ก็รอบรู้ในกรรมฐานที่ตั้งไว้นั้นอย่าไปวอกแวกเคลื่อนที่ไปทางอื่นเพราะเรารวมคำสอนของพระองค์แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์มาไว้ที่เป้ากรรมฐานที่เราตั้งไว้นั้นแล้ว

    ตลอดทั้งพระพุทธ พระธรรมทั้งหลายอันหาประมาณไม่ได้เราก็เอามารวมไว้ที่เป้าอันเดียวนั่นแล้วเราไม่สงสัยจะส่งส่ายไปหาอันอื่นเลยถ้าไม่ขนาบทิฏฐิของตนอย่างนั้นมันก็ไปคว้าอันนั้นอันนี้อยู่ จิตของเราก็ไม่รวมความเห็นชอบของเราก็ไม่รวมอยู่ที่แห่งเดียวที่มันไม่ยอมอยู่ที่แห่งเดียวเพราะอุบายของเราไม่ทันกับกิเลสของเราเพราะกิเลสของเรามันหลุกหลิกๆ อยู่เหมือนลิง กระโดดนั้นกระโดดนี้กระโดดถูกกิ่งไม้ผุก็ตกตูมตาย

    เหตุนั้นจึงให้สันโดษยินดีในกรรมฐานเดิมที่ตั้งไว้เปรียบเหมือนทิศเหนือ เมื่อทิศเหนือมีอำนาจในแม่เหล็ก เข็มทิศใดๆย่อมชี้ไปทางทิศเหนือทั้งนั้น เป็นเมืองขึ้นทิศเหนือก็ว่าได้ ฉันใดก็ดีเมื่อเราตั้งมั่นไว้ในกรรมฐานใดๆ เป็นหลักแล้ว กรรมฐานอื่นๆมีตั้งหมื่นตั้งแสนย่อมเป็นเมืองขึ้นของกรรมฐานที่เราตั้งไว้

    จะเป็นวิปัสสนากรรมฐานกรรมฐานที่เกี่ยวกับปัญญาก็ดี หรือสมถกรรมฐาน กรรมฐานที่เกี่ยวกับจิตใจก็ดีก็มารวมพลกันอยู่กับเป้าเดิมที่เราตั้งไว้ไม่ส่งส่ายนั่นเอง แม้มรรคผลนิพพานก็อยู่ในที่นั้นด้วย แม้เราจะกระจายออกจากเป้าเดิมที่นั้นเราก็ไม่สงสัยอีกให้ถือว่ามันแตกออกจากเป้าเดิม ก็คือศีล สมาธิ ปัญญา อันเก่านั่นเอง ให้เข้าใจว่าสมาธินี้เหมือนเชือกเส้นยาวๆ ที่เราขึงไปทั่วไตรโลกธาตุแต่เราสาวเข้ามาให้มันรวมเป็นกองเดียวจะโตเท่าฟ้าเท่าแผ่นดินก็ตามหรือจะเล็กลงเท่าปลายเข็มก็ตามก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องเดียวกันนั่นเอง<O:p</O:p



    </O:p

    </O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2010
  8. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ผมแนะนำว่าควรไปฝึกอย่างถูกวิธีดีกว่าฝึกเองครับ ผมเคยไปฝึกมารับรองว่าดีมากครับ อาจารย์สอนและแนะนำดีมาก เรียนอย่างถูกวิธี


    กสิณแก้อารมณ์ฟุ้งซ่านได้ดีครับ กสิณที่ฝึกได้ง่ายสุดอคือ กสิณสี ได้แก่ เขียว เหลือง แดง และ สีขาว (สีขาวยากกว่าสีอื่น)

    กสินดินง่ายกว่ากสิณไฟ กสิณน้ำ และ กสิณอากาศ (ตามลำดับ)

    ประโยชณ์ของกสิณ คือ เป็นวิธีไปสู่ อรูปฌาน


    ขอเชิญร่วมฝึกกสินที่ วัดยานนาวา ทุกวันอาทิตย์ (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)




    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">ขอเชิญร่วมฝึกกสิณที่วัดยานนาวา </TD><TD class=buttonheading width="100%" align=right></TD><TD class=buttonheading width="100%" align=right></TD><TD class=buttonheading width="100%" align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top width="70%" colSpan=2 align=left>Written by Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>



    </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>สถานที่ฝึกสมาธิกสิณ
    อาคารมหาเจษฎาบดินทร์ อาคารไททีวีเพื่อพระพุทธศาสนา
    ชั้น 3 วัดยานนาวา สาทร กรุงเทพ

    เปิดฝึกอบรมเพ่งกสิณพร้อมมีอุปกรณ์กสิณไว้ให้ฝึก (ผู้มีแผ่นกสิณไม่ต้องนำติดตัวไป) ปกติทุกวันอาทิตย์ และโอกาสพิเศษครั้งละ 2 วัน (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)

    สอบถามรายละเอียด โทร.01-448-5277, 02-212-6480
    เวลาฝึกอบรม 13.00 น. - 17.00น. เฉพาะวันอาทิตย์


    ผู้ฝึกสอน
    พระครูอนุศาสน์สุธรรมนันท์ พระครูสมุห์อุดม ปุญญกาโม
    พระมหาสมบัติ ญาณวโร ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์

    เส้นทางไปวัด รถเมล์สาย 1, 15, 17, 35, 75, 163, ปอ. 4, 504, ปอ.พ. 20
    รถไฟฟ้า BTS สถานีตากสิน
    เรือโดยสาร ท่าเรือสาทร
    (วัดยานนาวาอยู่ติดสะพานตากสิน/สาทร ติดกับห้างโรบินสันบางรัก)


    งานปฏิบัติธรรมเพ่งกสิณเฉลิมพระเกียรติ 2-3 มิย 2550 ที่ผ่านมา

    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา : http://www.kasina.org
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2010
  9. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    ชอบคิดฟุ้งซ่านใช่มั้ย....ความจริงไม่ได้ชอบหรอก แต่มันเป็นอยู่เรื่อย....

    ลองจินตนาการคิดถึงภาพตัวเอง จากวัยเด็ก สู่วัยหนุ่ม จนกระทั่งโต และแก่ และป่วยเจียนตาย และตาย ร่างกายเน่าเปื่อยผุพัง แตกสลายกลายเป็นดิน น่าสังเวชมั้ย ปล่อยวางกับมันซะ
    อยู่ดีๆก็คิดถึงรถคู่กายขึ้นมา มีรอยขวั่นหรือเปล่าหว่า คิดดูสมัยที่เก็บเงินซื้อ ลำบากเก็บเงินแทบตาย ซื้อมาแล้วก็ต้องลำบากเติมน้ำมันอีก สกปรกก็ต้องล้างอีก จะดูแลยังไงสุดท้ายมันก็ต้องเก่าและเราก็ต้องการคันใหม่อีกอยู่ดี สังเวชมั้ย วางมันไว้เถอะ
    แล้วอยู่ๆก็คิดไปว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี ลองคิดดูซิ ถ้ากินแล้วไม่อร่อย ก็ต้องฝืนกินเพื่อให้หายหิวและมีชีวิตอยู่ได้ ถ้ากินแล้วอร่อยก็อยากจะไขว่คว้าหามากินอีก ลำบากเนอะ


    สำหรับเรื่องกสิณนั้น ก็ใช่ทั้งจำและคิดถึง คือต้องทำทั้งสองอย่างไม่ได้ระบุว่าต้องอย่างใดอย่างหนึ่ง
     
  10. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
     
  11. gigkok_man

    gigkok_man Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +37
    ให้ผมแนะนำนะครับ....ก่อนอื่นเลยคือ.....คุณไปหากรรมฐานอันใดก็ได้ให้เป็นหลักใจจริงๆสักอัน....เพราะว่าอะไรรู้ไมครับ.....เพราะว่าผมเห็นแล้วว่าคุณทำกรรมฐานกองใหน...ไม่ได้ดีสักกอง......เพราะว่าชอบที่จะไปจับหลายอย่างครับ.....คุณไปลองดูนะครับ.....ถ้าจะเอาอานาก็เอาอานา เอาให้มันดีและถึงที่สุดไปเลย.....ถ้าจะเอาพองยุบ หรือกสิณ ก็เอาให้มันดีไปเลยครับ.....แม้ว่าการปฏิบัติ...กรรมฐานกองอื่นจะเด้งขึ้นมา....เมื่อคุณตั้งใจว่าจะเอากองนี้ก็วางกองอื่นไปก่อนเลยครับ......เพราะดูแล้วมันไม่ใช่ของดีนะ....ผมว่ามันเป็นความฟุ้งซ่านแห่งจิต......โบราณท่านว่าจับปลาสองมือ...มันจะไม่ได้สักตัวนะครับ......ถ้าหากว่าคุณต้องการจะฝึกกองอื่นก็ให้ได้กองหนึ่งให้มันดี....พอดีแล้วจะไปฝึกอย่างอื่นมันง่ายมากครับ.....แต่ต้องเอาให้ดีสักกองก่อน....ไม่ใช่พร้อมกันทุกกอง......ไม่ใช่ของดีนะครับที่ทำอย่างนี้.....

    ส่วนเรื่องเพลงที่ฟังตอนนอนไม่หลับ....ถ้าให้แนะนำ....ผมจะแนะนำให้ฟังเทศน์แทนเพลงครับ.......ดูสิว่ามันจะหลับไม.......วิทยุคลื่น หลวงตามหาบัวก็ได้.....ไม่รู้ว่าบ้านคุณรับได้ไม.....ถ้าจิตมันจะฮำเพลง....ก็เปลื่ยนให้มันฮำเทศน์แทน.....คงจะดีไม่น้อย......เพราะอะไรครับ....เพราะเพลงนั้นมันดึงใจให้ไหลไปสู่ที่ต่ำได้.....ในขณะที่เทศน์ทำให้ใจสูง......ถ้าทนไม่ได้ต้องฟังเพลง.....ไปเลยครับเพลงสวด ไทย บาลี จีน ทิเบต มากมายครับ.....มีให้เลือก....จะเอาแบบใหน....เพลงสวดส่วนใหญ่เป็นดนตรีบำบัดไปในตัว....ฟังแล้วทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น....ดีกว่าเพลงทั่วไป....คลื่นจังหวะมันกระทบใจให้ตกต่ำได้ดีกว่ามาก.......


    ฝากการบ้านสองข้อนะ

    ๑.หากรรมฐานที่เหมาะสมกับตนเอง...เอาอย่างเดียวให้ดี...อย่าเจ้าชู้....จับปลาหลายมือ...
    ๒.เทศน์กับเพลงสวด(ดนตรีบำบัดครับ)...

    ขออภัยหากพูดตรง....เพราะไม่รู้จะไปอ้อมมันไปทำไม....

    ท้ายนี้ฝากพระธรรมเทศนาหลวงปู่หล้า เขมปัตโต....ตั้งใจปฏิบัติครับ.....<!-- google_ad_section_end -->

    ..........ขอบคุณนะครับสำหรับคำแนะนำดีๆ ผมชอบคำพูดที่ตรงๆอยู่แล้วครับ เพราะมันทำให้เรารู้ว่า เราเป็นอะไรอยู่ เราทำอะไรอยู่ และคนอื่นเขาคิดอะไรกับเราอยู่ครับ ผมก็จะพยายามปฏิบัติตามคำแนะนำนะครับ ชาติก่อนอาจเป็นมารหรือทำบาปไว้เยอะ ชาตินี้จะคิดสร้างกุศลเลยบากหน่อยกระมังครับ
    ...................
    ผมแนะนำว่าควรไปฝึกอย่างถูกวิธีดีกว่าฝึกเองครับ ผมเคยไปฝึกมารับรองว่าดีมากครับ อาจารย์สอนและแนะนำดีมาก เรียนอย่างถูกวิธี


    กสิณแก้อารมณ์ฟุ้งซ่านได้ดีครับ กสิณที่ฝึกได้ง่ายสุดอคือ กสิณสี ได้แก่ เขียว เหลือง แดง และ สีขาว (สีขาวยากกว่าสีอื่น)


    กสินดินง่ายกว่ากสิณไฟ กสิณน้ำ และ กสิณอากาศ (ตามลำดับ)

    ประโยชณ์ของกสิณ คือ เป็นวิธีไปสู่ อรูปฌาน


    ขอเชิญร่วมฝึกกสินที่ วัดยานนาวา ทุกวันอาทิตย์ (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)
    ..........ขอบคุณนะครับสำหรับการชวนนี้ ถ้ามีโอกาสไปแน่นอนครับ

    ...........
    ชอบคิดฟุ้งซ่านใช่มั้ย....ความจริงไม่ได้ชอบหรอก แต่มันเป็นอยู่เรื่อย....

    ลองจินตนาการคิดถึงภาพตัวเอง จากวัยเด็ก สู่วัยหนุ่ม จนกระทั่งโต และแก่ และป่วยเจียนตาย และตาย ร่างกายเน่าเปื่อยผุพัง แตกสลายกลายเป็นดิน น่าสังเวชมั้ย ปล่อยวางกับมันซะ

    อยู่ดีๆก็คิดถึงรถคู่กายขึ้นมา มีรอยขวั่นหรือเปล่าหว่า คิดดูสมัยที่เก็บเงินซื้อ ลำบากเก็บเงินแทบตาย ซื้อมาแล้วก็ต้องลำบากเติมน้ำมันอีก สกปรกก็ต้องล้างอีก จะดูแลยังไงสุดท้ายมันก็ต้องเก่าและเราก็ต้องการคันใหม่อีกอยู่ดี สังเวชมั้ย วางมันไว้เถอะ
    แล้วอยู่ๆก็คิดไปว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี ลองคิดดูซิ ถ้ากินแล้วไม่อร่อย ก็ต้องฝืนกินเพื่อให้หายหิวและมีชีวิตอยู่ได้ ถ้ากินแล้วอร่อยก็อยากจะไขว่คว้าหามากินอีก ลำบากเนอะ


    สำหรับเรื่องกสิณนั้น ก็ใช่ทั้งจำและคิดถึง คือต้องทำทั้งสองอย่างไม่ได้ระบุว่าต้องอย่างใดอย่างหนึ่ง

    ........ครับ ปล่อยวางมันพูดง่ายครับ แต่การกระทำของเรานี่สิ ทำยากเนอะ การเป็นมนุษย์เราก็ยังมีกิเลสอยู่อ่ะครับ ปล่อยได้บางเรื่องแต่บางเรื่องก็ต้องทำ ต้องคิดครับ เช่น ชิวิตประจำวัน ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว ต้องเติมน้ำมันรถ ต้องกินข้าว ค่าเช่าห้อง อะไรประมาณนี้อ่ะครับ บางทีไม่คิดก็วิ่งเข้ามาในหัวอ่ะครับ เพราะพื้นฐานผมเป็นคนคิดมากคนนึงอ่ะครับ ไม่เป็นไร ผมจะพยายามดูครับ ขอบคุณนะครับ สำหรับคำแนะนำ

     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    หยุดคิดไม่ได้ เพราะมี นิวรณ์

    ทำสมาธิให้เป็น จะดีขึ้นเอง
     
  13. gigkok_man

    gigkok_man Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +37
    หยุดคิดไม่ได้ เพราะมี นิวรณ์

    ทำสมาธิให้เป็น จะดีขึ้นเอง<!-- google_ad_section_end --> ...
    ...อยากขอความกระจ่างเรื่อง นิวรณ์ อ่ะครับ ว่ามันเป็นอย่างไร และที่ผมเป็นอยู่มันเป็นอย่างไร จะตัดมันออกจากจิตใจผมได้อย่างไร
    ...และนะตอนนี้ผมได้ทดลองตั้งใจทำสมาธิไม่ให้คิดเรื่องอื่นโดยการ ให้ตัวเองรับรู้ลมหายใจอยู่ตลอดเวลาคือ หายใจเข้าก็คิดว่าหายใจเข้า หายใจออกก็คิดว่าหายใจออก เอาจิตไปจับที่ปลายจมูกเพราะเวลาเราหายใจเข้าออก มันรู้สึกได้ครับ เป็นการเอาจิตมาไว้กับตัวเราอ่ะครับ ไม่ให้วอกแวกไปคิดเรื่องอื่นๆ ผมก็รู้สึกดีนะครับ มีคิดเรื่องอื่นบ้างบางช่วงนะครับ เป็นการดีมั้ยครับที่ผมทำอย่างนี้ ชี้แนะทีครับ ขอบคุณครับ
     
  14. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ขออนุโมทนาในคำตอบของทุก ๆ ท่านค่ะ...


    Chakkapittra-king.jpg

    หากยังหยุดฟุ้งซ่านไม่ได้ การฝึกกสินก็ไม่ได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นกสินกองใดก็ตาม

    ปกติผู้ที่ฝึกกสินได้สำเร็จได้นั้น ควรฝึกอานาปานสติให้ได้ฌาณ ๔ ก่อน แล้วค่อยไปฝึกกสินสี เพราะอานาปานสติเป็นตัวทรงอารมณ์ หรือทรงสมาธิได้ดี



    แก้วสีแดง.jpg

    การฝึกกสินสีนั้น ความจริงเหมาะกับผู้ที่มีโทสะจริตนะคะ แต่สำหรับท่านจขกท. เป็นประเภทวิตกจริตไม่เหมาะกับกสินสีค่ะ

    อย่างแรกควรฝึกอานาปานสติ หายใจเข้า "พุท" หายใจออก "โธ" ไปก่อน ทำให้ชำนาญ หรือหากยังฟุ้ง คิดพุทโธไม่ออก ลองวิธีนี้..

    วิธีนับ ๑ ถึง ๑๐

    หายใจเข้า(ยาว ๆ ) หายใจออก(ยาว ๆ) แล้วนับหนึ่ง
    หายใจเข้า-หายใจออก นับ สอง
    หากระหว่างการหายใจเข้า-ออก ไปคิดฟุ้งซ่าน ให้กลับมานับหนึ่งใหม่
    ทำอย่างนี้ นับจนถึงสิบ
    เชื่อได้เลยกว่า ไม่ทันถึงสาม ต้องนับใหม่ อิอิ..เพราะธรรมดาของจิตมันย่อมปรุงแต่ง เราก็พยายามทำไปเรื่อย ๆ ค่ะ วิธีนี้ใช้ได้ผลหลายท่านแล้วนะคะ

    ก่อนนอนก็นอนนับไป ตื่นขึ้นมาก็หัดนับใหม่ ทำให้ได้ สุดท้าย จิตมันจะหยุดคิดเอง หากเราไม่หยุดความพยายาม



    แก้วสีเขียว.jpg



    หมั่นฝึกอานาปานสติผ่าน แล้วทำให้ชำนาญ ค่อยไปฝึกกสินสี ยังไม่สายค่ะ

    ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

    บุญรักษาค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2010
  15. gigkok_man

    gigkok_man Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +37
    และถ้าทำสมาธิไปด้วย ทำงานไปด้วยจะดีรึไม่ดีครับ จะได้ผลดีแค่ไหนครับ เพราะเราก็ต้องคิดเรื่องงาน และมาทำสมาธิอีก จะวุ่นวายกันไปใหญ่รึเปล่า ขอชี้แนะจากผู้ที่มีประสบการณ์หรือผ่านจุดนั้นมาแล้วด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  16. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    นิวรณ์ ๕

    โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    นิวรณ์ ๕

    อกุศลธรรมที่คอยทำลายล้างความดีที่เป็นกุศล คือ ฌาน ท่านเรียกว่า นิวรณ์ มี ๕ อย่าง คือ
    ๑. กามฉันทะ ความพอใจใน รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส อันเป็นวิสัยของกามารมณ์
    ๒. พยาบาท ความผูกโกรธ จองล้างจองผลาญ
    ๓. ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ในขณะเจริญสมณธรรม
    ๔.อุทธัจจกุกกุจจะ ความคิดฟุ้งซ่าน และความรำคาญหงุดหงิดใจ
    ๕.วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ ไม่แน่ใจว่าจะมีผลจริงตามที่คิดไว้หรือไม่
    เพียงใด
    อารมณ์ทั้ง ๕ ประการนี้ เป็นเพื่อนสนิทกับจิตใจมานับจำนวนปีไม่ถ้วน ควรจะพูดว่าจิตใจ
    ของเราคบกับนิวรณ์มานานหลายร้อยหลายพันชาติ เมื่อจิตใจเราสนิทสนมกับอารมณ์ของนิวรณ์
    มานานอย่างนี้ เป็นธรรมดาอยู่เองที่จิตใจจะต้องอดคบหาสมาคมกับนิวรณ์ไม่ได้ เมื่อเรามาแนะนำ
    ให้คบหาสมาคมกับฌาน ซึ่งเป็นเพื่อนหน้าใหม่ มีนิสัยตรงข้ามกับเพื่อนเก่าก็เป็นการฝืนอารมณ์
    อยู่ไม่น้อย ฉะนั้น ในฐานะที่นิวรณ์กับจิตเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน ก็อดที่จะแอบไปคบหาสมาคม
    กันไม่ได้ อารมณ์ที่จะคอยหักล้างนิวรณ์ คืออกุศลห้าประการนี้ได้ ก็อารมณ์ ๕ ประการของปฐมฌาน
    นั่นเอง เมื่อจิตกับนิวรณ์เป็นมิตรสนิทกันมานาน ฉะนั้น การดำรงจิตอยู่ในอารมณ์ฌานจึงทรงอยู่ได้
    ไม่นาน ทรงอยู่ได้ชั่วครู่ชั่วขณะ จิตก็เลื่อนเคลื่อนออกจากอารมณ์ฌานคลานเข้าไปหานิวรณ์ อาการ
    อย่างนี้เป็นกฎธรรมดาของท่านที่เข้าถึงฌานในระยะต้น หรือที่มีความช่ำชองชำนาญในฌานยังน้อยอยู่
    ต่อเมื่อไรได้ฝึกการดำรงฌาน กำหนดเวลาตามความต้องการได้แล้ว เมื่อนั้นแหละความเข้มข้น
    เข้มแข็งของกำลังจิตที่จะทรงฌานอยู่ได้นานตามความต้องการจึงจะปรากฏมีขึ้น ขอนักปฏิบัติจงเข้าใจ
    ไว้ด้วยว่าจิตที่เข้าสู่ระดับฌาน คือ ปฐมฌาน หรือฌานอื่นใดก็ตาม ถ้ายังไม่ฝึกฝนจนชำนาญ เข้าฌาน
    ออกฌานตามกำหนดเวลาได้แล้ว จิตก็จะยังทรงสมาธิไว้ได้ไม่นาน จิตจะค่อยถอยหลังเข้าหานิวรณ์ ๕
    ประการอย่างใดอย่างหนึ่งเมื่ออารมณ์ฌานย่อหย่อน เมื่อมีอาการอย่างนั้นบังเกิดขึ้นก็จงอย่าท้อใจ
    หมั่นฝึกฝนเข้าฌานโดยการกำหนดเวลาว่า ต่อแต่นี้ไปเราจะดำรงอยู่ในฌาน ตั้งแต่เวลานี้ถึงเวลา
    เท่านั้น แล้วเริ่มทำสมาธิเข้าสู่ระดับฌาน ทรงฌานไว้ตามเวลา จนกว่าเมื่อถึงเวลาแล้วจิตจะเคลื่อน
    จากฌาน มีความรู้สึกตามปกติเอง เมื่อทำได้แล้วหัดทำบ่อย ๆ จากเวลาน้อย ไปหาเวลามาก คือ
    ๑ ชั่วโมง ไปหา ๒-๓-๔-๕-๖ จนถึง ๑ วัน ๒-๓-๔-๕-๖-๗ พอครบกำหนด จิตก็จะคลายตัวออกเอง
    โดยไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกหรือคนเรียก เมื่อชำนาญอย่างนี้ ชื่อว่าท่านเอาชนะนิวรณ์ได้ แต่ก็อย่าประมาท
    เพราะฌานโลกีย์ ถึงอย่างไรก็ดี ยังไม่พ้นอำนาจนิวรณ์อยู่นั่นเอง นิวรณ์ที่ไม่มารบกวนนั้น
    ไม่ใช่นิวรณ์สูญไปหรือสลายตัวเพียงแต่เพลียไปเท่านั้นเอง ต่อเมื่อไรท่านได้โลกุตตรฌาน คือ บรรลุ
    พระอริยะตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปนั่นแหละท่านพอจะไว้ใจตัวได้ว่า ท่านไม่มีวันที่จะต้องตกมาอยู่
    ใต้อำนาจนิวรณ์ คืออกุศลธรรมต่อไปอีก เพราะโลกุตตรฌานคือได้ฌานโลกีย์แล้วเจริญวิปัสสนาญาณ
    จนบรรลุอริยมรรคอริยผล เป็นพระอริยบุคคลแล้ว อกุศลคือนิวรณ์ ๕ ประการเข้าครองจิตไม่ได้สนิทนัก
    สำหรับพระอริยะต้น พอจะกวนบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็จักจูงใจให้ทำตามนิวรณ์สั่งไม่ได้ นิวรณ์บางอย่าง
    เช่น กามฉันทะ ความพอใจในความสวยงามของ รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส ความโกรธ ความขัด -
    เคือง พระโสดาบัน พระสกิทาคามียังมี แต่ก็มีเพียงคิดนึกไม่ถึงกับลงมือทำ เรียกว่าอกุศลกวนใจนิด -
    หน่อย พอทำได้ แต่จะบังคับให้ทำไม่ได้ สำหรับพระอนาคามี ยังตกอยู่ใต้อำนาจของอุทธัจจะ คือความคิด
    ฟุ้งซ่าน แต่ก็คิดไปในส่วนที่เป็นกุศลใหญ่มากกว่า ความคิดฟุ้งเลอะเลือนเล็กๆ น้อย ๆ พอมีบ้าง
    แต่ไม่มีอะไรเป็นภัย เพราะพระอนาคามีหมดความโกรธ ความพยาบาทเสียแล้ว
    อำนาจของนิวรณ์มีอย่างนี้ บอกให้รู้ไว้ จะได้คอยยับยั้งชั่งใจคอยระมัดระวังไว้ไม่ปล่อยให้ใจ
    ระเริงหลงไปกับนิวรณ์ ที่ชวนให้จิตมีความรู้สึกนึกคิดไปในส่วนที่เป็นอกุศลยับยั้งตนไว้ในอารมณ์ของ
    ฌานเป็นปกติ ท่านที่มีอารมณ์จิตเข้าถึงอารมณ์ฌานและเข้าฌานไว้เป็นปกติ ท่านผู้นั้นมีหน้าตาแช่มชื่น
    เอิบอิ่มอยู่เสมอ มีอารมณ์เบิกบานไม่หดหู่ เห็นน่ารักอยู่ตลอดเวลา ฌานแม้แต่เพียงปฐมฌานจัดว่า
    เป็นฌานเบื้องต้น ก็มีผลไม่น้อยถ้าทรงไว้ได้ไม่ปล่อยให้เสื่อม ตายไปในขณะที่ทรงฌาน ก็สามารถ
    ไปเกิดในพรหมโลกได้สามชั้น คือ ปฐมฌานหยาบ เกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๑ ปฐมฌานกลาง เกิดเป็น
    พรหมชั้นที่ ๒ ปฐมฌานละเอียด เกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๓ ถ้าท่านเอาสมาธิในปฐมฌานมาเป็นกำลังของ
    วิปัสสนาญาณแล้วอำนาจสมาธิของปฐมฌานก็สามารถเป็นกำลังให้วิปัสสนาญาณกำจัดกิเลสเป็น
    สมุจเฉทปหาน คือตัดกิเลสได้เด็ดขาด จนบรรลุอรหัตตผลได้สมความปรารถนา อำนาจฌานแม้แต่
    ฌานที่ ๑ มีอานุภาพมากอย่างนี้ ขอท่านนักปฏิบัติจงอย่าท้อใจ ระมัดระวังใจ อย่าหลงใหลในนิวรณ์
    จนเสียผลฌาน

    ที่มา
     
  17. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ใหม่ ๆ จิตยังไม่ทรงตัว ยังมีความฟุ้งซ่านอยู่ค่ะ แต่ถ้าเราฝึกไปเรื่อย ๆ เราจะมีความรู้สึกว่า มีลมไหลเข้า-ออก ภายในกาย และจะมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลาค่ะ คำภาวนาพุทโธ หรืออย่างอื่นหายไป เหลื่อเพียงลมหายใจเข้า-ออก สุดท้ายจะไม่รู้สึกว่า ตนเองหายใจ

    เดินไปไหน จะรู้สึกว่ากายเบาใจเบา ไม่คิดฟุ้งซ่านค่ะ สามารถทำได้ระหว่างเวลาทำงาน ยืนเดินนั่งนอน ทำได้หมดค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

     
  18. gigkok_man

    gigkok_man Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +37
    ขอบคุณสำหรับความกระจ่างเรื่อง นิวรณ์ นะครับ ผมก็จะพยายามฝึกต่อไปครับ
     
  19. ศรีสุทโธ

    ศรีสุทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    201
    ค่าพลัง:
    +461
    ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ฝึกกสิณสี แบบ นีละกสิณ (สีเขียว )
    ตอนแรกก็ไปซื้อหนังสือมาอ่าน แล้วก็ตามไปปฏิบัติที่วัดยานนาวามาแล้วครับ
    มีเอกสาร คู่มือ และอุปกรณ์การฝึกครบชุด ไปที่วัดรับรองไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
    หลังมาฝึกเองที่บ้าน ๓ วัน (อย่างจริงจัง) เท่านั้น
    ทำให้ผมรู้สึกทึ่ถึงผลลัพธ์ที่ได้ ว่าทำให้จิตสงบได้เร็ว และ ทรงอารมณ์สมาธิได้นาน
    เพราะจิตมีที่ยึดเกาะที่เป็นรูปธรรม ปฏิภาคนิมิตที่ได้ วิจิตรพิศดารสวยงามมากครับ
    ถ้าใช้แบบอานาฯ เมื่อจิตเริ่มรวมลมหายใจจะแผ่ว หรือบางคนที่สมาธิยังไม่กล้าแข็งเมื่อ
    จิตรวมมักจะหลับ เพราะจิตเบา กายเบา (ปัตสัทธิ) แล้วกสิณก็เป็นคู่ปรับกับ ความง่วง
    ใช้แก้กันได้ดี อนุโมทนาบุญด้วยครับ ถ้าคุณฝึกอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่
    ผู้วิเศษเก่งกล้าสามารถ ไม่มีหูทิพย์ ตาทิพย์ แต่สิ่งที่คุณได้จริงๆคือความสงบของจิต
    นั้นแหละครับ จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของสมถะกรรมฐาน ส่วนปาฏิหารย์เป็นของแถมที่คุณ
    จะได้ก็ต่อเมื่อจิตคุณสงบ มีสมาธิตั้งมั่นแล้วเท่านั้นครับ ...ขออนุโมทนาด้วยนะครับ
    ปล...ยินดีเป็นสหายธรรมกับคุณนะครับ เผื่อได้แลกเปลี่ยนความรู้กันครับ
     
  20. ศรีสุทโธ

    ศรีสุทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    201
    ค่าพลัง:
    +461
    หรือจะตามไปหาความรู้เพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ ชื่อ กสิณ:กรรมฐานที่ทรงพลัง
    เป็นเว็ปของ อาจารย์ ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์
    กสิณ : กรรมฐานที่ทรงพลัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...