เพราะอะไรทำไมเด็กรุ่นใหม่ถึงไม่รักในหลวง?

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 27 พฤษภาคม 2010.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    ถ้าอยากรู้ว่าทำไมเด็กรุ่นใ
    <wbr>หม่ ไม่รักในหลวง โปรดอ่านให้จบ
    แล้วจะทำให้คุณเข้าใจ และรักในหลวงมากยิ่งขึ้น...


    ๑. ขอแสดงความไม่เห็นด้วยอย่าง
    <wbr>ยิ่ง กรณีคณะอักษรศาสตร์การปฏิเส<wbr>ธการ เข้าศึกษาต่อของ "นางสาวณัฐกานต์ สกุลดาราชาติ"

    ตอนแรกว่าจะเขียนแถลงการณ์ป
    <wbr>ระ ณามสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ลองคิดอีกทีคงต้องพูดด้ว<wbr>ยศัพท์วิชาการเยอะ ๆ ยืด ๆ คงไม่เข้าท่าเท่าไหร่ เอาเป็นว่าขอแสดงความไม่เห็<wbr>นด้วยอย่างยิ่งในกรณีที่เกิ<wbr>ดขึ้น

    สืบเนื่องจากที่นางสาวณัฐกา
    <wbr>นต์ สกุลดาราชาติ หรือใช้ชื่อในอินเตอร์เน็ตว<wbr>่า "ก้านธูป" ได้เขียนข้อความจาบจ้วงและแ<wbr>สดงพฤติกรรมหมิ่นสถาบันสูงส<wbr>ุดของชาติในเว็บ Facebook อย่างรุนแรงและต่อเนื่อง จนเป็นที่โจษจันกันในอินเตอ<wbr>ร์เน็ต เมื่อเธอสอบติดคณะอักษรศาสต<wbr>ร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จึงมีผู้หวังดีแจ้งเรื่องนี<wbr>้ไป ให้ทางมหาวิทยาลัย ตลอดจนรวบรวมหลักฐานส่งไปปร<wbr>ะกอบการพิจารณา ปรากฏว่าเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ทางคณะอักษรได้มีการประกาศอ<wbr>อกมาว่า "ขณะนี้คณะกรรมการหลักสูตรเ<wbr>อเชียศึกษามีมติไม่รับ นางสาวณัฐกานต์ สกุลดาราชาติ เข้าศึกษาต่อ"

    ผมคิดว่านี่คือความโหดร้ายอ
    <wbr>ย่าง หนึ่ง ที่สถาบันการศึกษาของรัฐปฏิ<wbr>เส ธโอกาสทางการศึกษาของคน ๆ หนึ่ง เพียงเพราะเขามีความคิดต่าง<wbr>ทางการเมือง นี่คือการใช้ "บทลงโทษทางสังคม" (Social Sanction) อันเป็นอำนาจนอกระบบมาใช้ทำ<wbr>ลายอำนาจในระบบ ซึ่งแน่นอนว่าในระยะยาวจะส่<wbr>งผล กระทบต่อเสถียรภาพของอำนาจใ<wbr>น ระบบ และเสถียรภาพของสิ่งที่ถูกใ<wbr>ช้เป็น ข้ออ้างของบทลงโทษทางสังคม นี้ นั่นก็คือภาวะการดำรงอยู่ขอ<wbr>งสถาบัน พระมหากษัตริย์

    พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ต่อไปจะเกิดการทำลายสิทธิขั
    <wbr>้นพื้นฐานของบุคคลที่คิดต่า<wbr>ง ด้วยข้อหา "ไม่รักในหลวง" และต่อไปสิทธิขั้นพื้นฐานเอ<wbr>งจะ ไม่สามารถดำรงตัวเองอยู่ได้<wbr> จนถึงกับล่มสลายเพราะเกิดคว<wbr>าม ไม่เสมอภาคขึ้น และภาวะการดำรงอยู่ของสถาบั<wbr>นจะถูกนำมาเป็น "แพะรับบาป" ในการล่มสลายของระบบสิทธิขั<wbr>้นพื้น ฐาน ผลก็คือ รอยร้าวระหว่างคนที่ "รักในหลวง" กับ "ไม่รักในหลวง" จะแยกออกห่างจากกันยิ่งขึ้น<wbr> และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้การ<wbr>เคลื่อน ไหวเพื่อ "โค่นล้มสถาบัน" มีแนวร่วมมากขึ้น รุนแรงยิ่งขึ้น และที่สำคัญ มีความชอบธรรมมากยิ่งขึ้น

    มีคำถามตามมาว่า ถ้าเช่นนั้นเราควรรับน้องคน
    <wbr>นี้เข้าไปศึกษาต่อในมหาวิทย<wbr>าลัยของรัฐเพื่อให้เป็นภัยต<wbr>่อความมั่นคงของสถาบันในวัน<wbr>ข้างหน้าหรือ

    ขออนุญาตตอบว่า สิทธิขั้นพื้นฐานเป็นคนละเร
    <wbr>ื่องกับเรื่องความมั่นคง ในกรณีนี้ สิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กไม่<wbr>ควร ถูกปฏิเสธจากรัฐที่เธออาศัย<wbr> อยู่ เช่นว่า ถ้าเธอป่วย ในฐานะของพลเมืองรัฐ เธอมีสิทธิเท่าเทียมกับคนอื<wbr>่นที่จะเข้ารับการรักษาในโร<wbr>งพยาบาลของรัฐ โดยจะไม่ถูก Social Sanction จากโรงพยาบาลของรัฐ เช่นเดียวกับการได้รับสิทธิ<wbr>ขั้นพื้นฐานทางการศึกษา ในส่วนของพฤติกรรมที่บ่อนทำ<wbr>ลาย ความมั่นคงของรัฐก็ควรใช้อำ<wbr>นา จในระบบที่มีอยู่มาจัดการ นั่นคือกฎหมายหมิ่นพระบรมเด<wbr>ชานุ ภาพ ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกิดขึ้นเ<wbr>พื่อ รักษาความมั่นคงของสถาบันสู<wbr>ง สุด

    ส่วน Social Sanction นั้นต้องแยกออกจากการใช้ในร
    <wbr>ะบบ โดยสามารถใช้ได้นอกระบบเท่า<wbr>นั้น จะเป็นการถูกแบนในคณะ หรือเพื่อนไม่คบ หรือประณามไปทั่วคณะให้รู้จ<wbr>ักกันทั่วไป จนแม่ค้าไม่ขายข้าวให้ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่ควรนำมายุ่งเกี่ยวกับ<wbr>อำนาจในระบบ

    ต้องอธิบายต่อว่าเรื่องนี้เ
    <wbr>ป็น คนละกรณีกับที่พนักงานเอกชน<wbr> ของบริษัท DHL ถูกไล่ออกเพราะ "ไม่รักในหลวง" เพราะนั่นเป็นกรณีพิพาทระหว<wbr>่างบุคคลต่อบุคคล คือนิติบุคคล (บริษัท) กับบุคคล คือพนักงานคนนั้น ที่มีความคิดเห็นแตกต่างทาง<wbr>การเมือง และนิติบุคคลไม่ประสงค์จ้าง<wbr>เธอต่อไป อาจจะด้วยกลัวเสียภาพพจน์บร<wbr>ิษัท หรือไม่พอใจอย่างไรก็แล้วแต<wbr>่ แต่ก็คือการใช้อำนาจในระบบข<wbr>องบุคคลต่อบุคคล

    แต่ในกรณีนี้เป็นข้อพิพาทระ
    <wbr>หว่าง รัฐกับบุคคล คือรัฐต้องให้สิทธิการศึกษา<wbr>แก่พลเมือง และมหาวิทยาลัยศิลปากรก็เป็<wbr>นมหาวิทยาลัยของรัฐ สิทธิขั้นพื้นฐานนี้จึงจะถู<wbr>กปฏิเสธ เพราะความคิดต่างทางการ เมืองไม่ได้ เพราะจะส่งผลต่อสภาวะของระบ<wbr>บทั้งหมดดังที่กล่าวไว้ข้าง<wbr>ต้น

    ๒. ว่าด้วย "เด็กรุ่นใหม่ไม่รักในหลวง"


    จบเรื่องของการประณามการปฏิ
    <wbr>เส ธการเข้าศึกษาต่อไว้ข้างบน มาพูดถึงข้อสังเกตของผมอย่า<wbr>งหนึ่ง ในปัจจุบันคือ "เด็กรุ่นใหม่ไม่รักในหลวง"<wbr> ซึ่งดูเหมือนกำลังระบาดมากข<wbr>ึ้น เรื่อย ๆ

    โดยส่วนตัว ผมไม่รังเกียจคนที่จะบอกว่า
    <wbr> "ไม่รักในหลวง" หากคน ๆ นั้นมีเหตุผล มีข้อเท็จจริงที่ชี้แจงได้ม<wbr>ากพอ

    อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เล
    <wbr>ย ผมไม่อาย (แต่กลัวกฎหมายหมิ่นฯ 55) ที่จะสารภาพว่า ศีรษะผมก็เคยเอียงด๊อกแด๊กไ<wbr>ปทาง ซ้าย ๆ มาก่อน

    บ้าถึงขนาดไปสมัครเรียนรัฐศ
    <wbr>าสตร์ ที่รามฯ แล้วเลือกลงหลายวิชาที่ "ซ้าย" ไม่เชื่อก็ลองมาดูที่ทรานสค<wbr>ริปต์ได้ (ช่วงปีแรก ๆ อะนะ ปีหลังลงแบบว่าพอให้จบ เบื่อแระ) ตลอดจนอ่านหนังสือซ้าย ๆ ทางรัฐศาสตร์ ฟ้าเดียวกงเดียวกัน ฉบับต้องห้ามและไม่ต้องห้าม<wbr> เว็บประชาไท ไปจนหนังสือต้องห้ามอย่าง "กงจักรปีศาจ" "The King never smile" ฯลฯ

    แต่ผมก็คิดว่า จะดีหรือหากเราจะเกลียดใครค
    <wbr>นหนึ่ง โดยที่ไม่เคยรู้จักเขาจริง ๆ ผมก็เลยไปศึกษา "ตัวตน" ของพระองค์ผ่านพระราชกรณียก<wbr>ิจ พระราชดำรัสต่าง ๆ มาชั่ง ตวง วัด กับสิ่งที่ผมเคยรู้มา

    จนวันนี้ผมอายุ ๒๓ ปี (ต้องระบุเลขอายุเพราะว่า วันข้างหน้าเมื่อผมอายุ ๓๐ ๔๐ ๕๐ ความคิดอาจจะเปลี่ยนแปลงไปก
    <wbr>็เป็น ได้) การศึกษาทั้งหมดจนถึง ณ ขณะนี้ประมวลมาได้ว่า ผมภูมิใจที่เกิดมาในรัชสมัย<wbr>ของ พระองค์ ผู้ที่นับได้ว่าเป็น "มหาบุรุษ" คนหนึ่งของโลก

    ขนาดนั้นเลยเหรอ??


    เอ้า ผมลองยกตัวอย่างง่าย ๆ สักเรื่องก็ได้ มีบทความสัมภาษณ์ที่ไปถามชา
    <wbr>วบ้านสหกรณ์โคนมหนองโพ จังหวัดราชบุรี อันเป็นโครงการในพระบรมราชู<wbr>ปถัมภ์ มีคำตอบหนึ่งที่แสดงถึงพระป<wbr>รี ชาญาณของพระองค์เป็นอย่างยิ<wbr>่ง ตอนชาวบ้านกราบทูลว่า อยากจะสั่งซื้อเครื่องจักรเ<wbr>พิ่มเพื่อมาทำงานแทนคน จะได้ผลิตนมได้เร็วขึ้น ได้กำไรมากขึ้น พระองค์ทรงตอบว่า อย่าเลย เธอเอาเครื่องจักรมาทำงานแท<wbr>นคน ได้ผลผลิตเร็วขึ้น ได้กำไรมากขึ้นก็จริง แต่คนจะไม่มีงานทำ

    นี่มันความคิดของมหาบุรุษชั
    <wbr>ด ๆ

    หลายคนอาจจะยังงงอยู่ว่าเป็
    <wbr>นม หาบุรุษอย่างไร ต้องมองลึก ๆ แล้วจะเห็นพระปรีชาญาณของพร<wbr>ะองค์ครับ คำว่า "คนจะไม่มีงานทำ" ของพระองค์ไม่ใช่แค่ คนตกงาน แต่หมายถึง คนจะไม่มีส่วนร่วมในสหกรณ์แ<wbr>ห่งนี้ครับ

    อย่าลืมว่า สหกรณ์ คือ สห+กรณ หมายถึงการประกอบกิจร่วมกัน
    <wbr> ดังนั้นการเอาเครื่องจักรมา<wbr>จึงเป็นการทำลายหลักการพื้น<wbr>ฐานของสหกรณ์ เพราะกิจที่ "คน" จะทำร่วมกันถูกเครื่องจักรแ<wbr>ย่ง ไปทำเสียแล้ว ถามต่อว่า งั้นก็เอาคนมาคุมเครื่องจัก<wbr>รสิ จะต้องคุมสักกี่คนกัน สุดท้ายก็จะมีคนคุมอยู่ไม่ก<wbr>ี่คน มีคนจัดการอยู่ไม่กี่คน จากนั้นการขยายตัวของสหกรณ์<wbr>จะไปไปในทางสั่งซื้อเครื่อง<wbr>จักรการผลิตเพิ่ม ไม่ใช่ขยายออกไปโดยการเพิ่ม<wbr>คน เข้ามา สุดท้ายสหกรณ์นี้ก็จะล่มสลา<wbr>ยล ง กลายสภาพไปเป็นบริษัทโคนมหน<wbr>องโพ

    หลายคนอาจจะบอก ก็ดีแล้วนี่ เป็นบริษัทกำไรเยอะดี ค่อยจ้างคนมาเยอะ ๆ แล้วคนก็จะมีงานทำเยอะ ๆ กันเอง ต้องมองว่าการล่มสลายของสหก
    <wbr>รณ์ไม่ใช่แค่เรื่องทางกายภา<wbr>พเท่านั้นนะครับ แต่ถือเป็นการล่มสลายทางสัง<wbr>คม ด้วย เพราะสหกรณ์เกิดขึ้นมาจากกา<wbr>รร่วม กันของคนหลาย ๆ คน มี "ข้อผูกพันทางใจ" เป็นสัญญาช่วยเหลือกัน ไม่ใช่ "สัญญาจ้าง" แบบบริษัท การมีข้อผูกพันทางใจทำให้คน<wbr>เต็มใจเข้ามาช่วยเหลือกันด้<wbr>วยความโอบอ้อมอารี อันเป็นวิถีดั้งเดิมของสังค<wbr>มไทย แต่ถ้าเมื่อใดสหกรณ์ล่มสลาย<wbr>ลง กลายเป็นบริษัท เมื่อนั้นระบบสัญญาจ้างที่ใ<wbr>ห้ความสำคัญกับ "กฎระเบียบ" และ "เงินตรา" ก็จะเข้ามาแทนที่ ซึ่งสองอย่างนี้จะทำลายความ<wbr>โอบอ้อมอารี ความไว้เนื้อเชื่อใจลง และเมื่อมี "เงิน" เข้ามามาก ๆ จากการได้กำไรมาก คนจะเห็นแก่เงินและประโยชน์<wbr>ส่วน ตัวมากขึ้น นอกจากนั้นยังเกิดระบบสายบั<wbr>งคับบัญชาแบบ "เจ้านาย-ลูกน้อง" ไม่ใช่ "พี่-น้อง" เหมือนเดิม และทำลายระบบความสัมพันธ์ขอ<wbr>งสังคมเดิมลงจนหมด เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว<wbr>ใน สังคมเมือง สุดท้ายก็จะมีคนไม่กี่ตระกู<wbr>ลที่รวย คือบรรดาเจ้าของบริษัท ส่วนคนอื่นก็จะถูกลดชั้นมาเ<wbr>ป็นพ นักงาน และถูกกดขี่ เกิดความแตกแยกทางชนชั้นมาก<wbr>ขึ้น

    การดำรงอยู่ของสหกรณ์จึงเป็
    <wbr>นสิ่ง สำคัญ เพราะเป็นการดำรงอยู่ของระบ<wbr>บความ สัมพันธ์ของสังคมเดิม (ที่ควรจะดำรงอยู่ต่อไป) การขยายการผลิตของสหกรณ์จึง<wbr>ไม่น่าจะใช้วิธีการเพิ่มเคร<wbr>ื่องจักร เพราะจะเป็นตัวเร่งให้สหกรณ<wbr>์ล่มสลายเร็วขึ้น แต่ควรเป็นไปด้วยการขยายจำน<wbr>วน คน แม้ว่าที่สุดแล้วอาจจะได้รา<wbr>ยได้ น้อยกว่าใช้เครื่องจักร แต่ลักษณะทางกายภาพและลักษณ<wbr>ะทาง สังคมของสหกรณ์จะยังดำรงอ ยู่ คือเป็น "พี่-น้อง" ที่มาช่วยกันด้วย "น้ำใจ" และเมื่อสหกรณ์ยิ่งเติบโตขึ<wbr>้น ขยายวงกว้างกันมากขึ้น คนที่มาร่วมกันก็จะยิ่งรักก<wbr>ันมาก ขึ้นทั้งจำนวนและความผ<wbr>ูกพัน ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง<wbr>กว่า กำไรที่เป็นเงินเสียอีก

    นี่แหละคือพระปรีชาญาณของพร
    <wbr>ะองค์ ที่ทรงมีสายพระเนตรที่กว้าง<wbr> ขวาง เอ้อ ใช้ราชาศัพท์มาก คนอ่านอาจจะเหนื่อย เอาเป็นว่าพระองค์"ฉลาด"และ<wbr>"มองการณ์ไกล"เอามากๆ แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเข<wbr>้าใจ สภาพพื้นฐานของสังคมไทยเป็น<wbr> อย่างดี ตลอดจนเห็นตัวอย่างของสังคม<wbr>เมือง ที่ถูก "ระบบบริษัท" และ "ทุนนิยม" มาทำลายลักษณะความโอบอ้อมอา<wbr>รี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของค<wbr>นไทยไปสิ้น จึงทำให้เห็นต่อเนื่องไปอีก<wbr>ว่า พระองค์ไม่ได้เสด็จต่างจังห<wbr>วัดแบบโก้ ๆ เก๋ ๆ หรือที่นักวิชาการซ้ายหลายค<wbr>นพ ยายามชี้ว่าพระองค์ "สร้างภาพ" แต่พระองค์ทรงเสด็จแบบจริง ๆ จัง ๆ และได้เรียนรู้ เก็บข้อมูลลักษณะสังคม ยิ่งกว่า NGO หลายคน จึงจะเห็นว่า "ระบบสหกรณ์" และ "เศรษฐกิจพอเพียง" ไม่ได้เกิดขึ้นมาเป็นนโยบาย<wbr>โก้ ๆ แต่คือความพยายามในการรักษา<wbr> "ลักษณะของสังคมไทยที่ดี" เอาไว้ให้ได้มากที่สุดของพร<wbr>ะองค์

    นี่แหละครับคำตอบว่า "อย่าเลย เธอเอาเครื่องจักรมาทำงานแท
    <wbr>นคน ได้ผลผลิตเร็วขึ้น ได้กำไรมากขึ้นก็จริง แต่คนจะไม่มีงานทำ" จึงเป็นคำตอบของมหาบุรุษ

    นี่แค่ตัวอย่างเดียว ต้องใช้พื้นที่อธิบายขนาดนี
    <wbr>้ อันที่จริงผมมีอีกหลายตัวอย<wbr>่างจากการศึกษามา ว่าจะเขียนรวมเล่มเป็นหนังส<wbr>ือแต่ ว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลา (ข้ออ้าง) เอาเป็นว่าอย่าลืมเตือนผมตอ<wbr>นผมว่าง ๆ ก็แล้วกันนะ

    นั่นจึงเป็นคำตอบว่า ทำไมคนหัวเอียงอย่างผมถึงกล
    <wbr>ับมาทำหัวตรง ถวายความรักความนับถือให้พร<wbr>ะองค์จนหลายคนเข้าใจผิดว่าผ<wbr>มเป็น Royalist หัวรุนแรง ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ถวายความรักความนับ<wbr>ถือ ให้พระองค์แบบไม่ลืมหูลืมตา<wbr> แต่มีเหตุผลมากพอที่จะบอกว่<wbr>า ทำไมผมถึงมีจุดยืนเช่นนี้

    เช่นเดียวกัน หากใครมีเหตุผลมากพอที่จะมี
    <wbr>จุดยืนที่แตกต่าง ผมก็ไม่เคยรังเกียจ เช่นเดียวกับน้องคนนั้น

    สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นปั
    <wbr>จจัย ที่ทำให้คนรุ่นใหม่ "ไม่รักในหลวง" นั่นเป็นเพราะกระแส "ลัทธิซาบซึ้ง" ที่ถูกปลุกขึ้นมาในช่วงปี ๔๖-ปัจจุบัน ที่สอนให้เรารักในหลวงแบบ "ลัทธิ" ไม่ใช่ "ความเข้าใจ" เช่น บอกลูกบอกหลานว่า "รักในหลวงนะลูก" - "ทำไมล่ะแม่" - "เพราะพระองค์ทำเพื่อแผ่นดิ<wbr>น" - "ยังไงล่ะแม่" - "ทรงเสด็จไปพัฒนาท้องที่ทุร<wbr>กันดาร" - "ไปไหนบ้างล่ะแม่" - "ทั่วประเทศจ๊ะ" - "จริงเหรอแม่" - ...(คิดในใจ นั่นสินะ)

    ดูเหมือนว่าภาพของกษัตริย์ท
    <wbr>ี่เด็ก รุ่นใหม่เห็นในปัจจุบัน จะเป็นเรื่องอภินิหารปรัมปร<wbr>า (Myth) เรื่องราวพระราชกรณียกิจของ<wbr>พระองค์ ก็เป็นเหมือนเรื่องเล่า นานแสนนานจนจับต้องไม่ได้ ทั้งที่ทุกสิ่งที่พระองค์ทำ<wbr>นั้น เป็นเรื่องที่มีบันทึกไว้ท ั้งหมด แต่ดูเหมือนว่าเราสามารถเข้<wbr>าถึง ข้อมูลนี้ได้น้อยเกินไป หรือเราศึกษาเรื่องราวของพร<wbr>ะองค์ ท่านน้อยเกินไป ส่วนหนึ่งผมขอกล่าวโทษสำนัก<wbr>ราชเลขาธิการ หรือส่วนอื่นส่วนใดก็แล้วแต<wbr>่ที่ เกี่ยวข้องที่ไม่สามารถ<wbr>ทำ ให้ประชาชนเข้าถึง "ความดีงาม" และ "พระปรีชาญาณ" ของพระองค์ได้มากพอ แต่กลับปลุกเร้าในทำนอง "ลัทธิ" ทั้งที่ความดีงามของพระองค์<wbr>นั้น มีมากมายจนทำให้คน "รักอย่างเข้าใจ" ได้ไม่ยากเลย (ตรงกันข้ามกับอดีตนายกฯ แม้ว ที่ต้องปลุกเร้าให้คนรักแบบ<wbr> "ลัทธิ" เพราะไม่สามารถให้คนรักแบบ "เข้าใจ" ได้ เพราะเมื่อใดที่คนที่รักแม้<wbr>วเข้า ใจว่าอะไรเป็นอะไร คนนั้นจะหมดรักแม้วทันที) ถ้าสามารถทำให้ทุกคน "รักอย่างเข้าใจ" ได้ "ลัทธิซาบซึ้ง" ก็ไม่จำเป็นเลยสำหรับการ "รักในหลวง"

    การทำให้การ "รักในหลวง" เป็น "ลัทธิซาบซึ้ง" จึงสุ่มเสี่ยงต่อการถูกวิพา
    <wbr>กษ์วิจารณ์และตรวจสอบจากฝ่า<wbr>ยที่ไม่เห็นด้วย นอกจากนั้นยังมีการพยายามเส<wbr>นอ ความคิดในลักษณะ "เปิดโปง" ความไม่ดีไม่งามบางประการอย<wbr>่างผิด ๆ เช่นที่บทความหนึ่งได้กล่าว<wbr>ว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริ<wbr>ย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เพราะบทความนั้นรวมสำนักงาน<wbr>ทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์เข้า ไปในบัญชีรายชื่อทรัพย์สินข<wbr>องพระองค์ ด้วย ทั้งที่สำนักงานนี้โดยเนื้อ<wbr>แท้ แล้วเป็นสำนักงานที่อยู่ใน ความควบคุมของรัฐ พระองค์ไม่สามารถเบิกจ่ายได<wbr>้ตามชอบใจ และเงินคงคลังแผ่นดินส่วนมา<wbr>กก็จะอยู่ในนี้ ดังนั้นพระองค์จึงเป็นเจ้าข<wbr>องทรัพย์ สินนี้แต่ในนาม การจะ "ตีขลุม" เอาว่าพระองค์ "รวย" ก็ดูเหมือนจะไม่ยุติธรรมต่อ<wbr>พระองค์ นัก อย่างไรก็ดี ก็มีหลายคนที่พร้อมจะเชื่อบ<wbr>ทความดังกล่าวโดยไม่ลังเลแล<wbr>ะไม่ไตร่ตรอง เพราะสำคัญว่าเรานี่ช่างวิเ<wbr>ศษเหลือเกินที่ "ได้รู้ได้เห็น" ความลับที่ใครอื่นไม่รู้ นี่แค่ตัวอย่างเดียวนะครับ ยังมีตัวอย่างอีกมากที่ได้ร<wbr>ับการ เผยแพร่จากนักวิชาการไร้ค วามรับผิดชอบ แต่ไม่มีใครออกมาชี้แจง การไม่ออกมาชี้แจงของฝ่ายที<wbr>่เกี่ ยวข้องจึงทำให้สถาบันถ<wbr>ูกมอง ว่าเป็น "สิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้" และ "มีความลับที่ไม่ดีมากมายใน<wbr>นั้น" ทั้งที่ความจริงแล้ว "การตรวจสอบ" และ "การชี้แจง" เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สถา<wbr>นะ ของสถาบันกษัตริย์มีความมั่<wbr>น คงมากกว่า "ความเชื่อ" และ "ความรักแบบไม่เข้าใจ"

    อีกประการหนึ่ง ใครที่เคยเป็นวัยรุ่น ก็น่าจะเข้าใจครับ วัยนั้นมัน "วัยแห่งการต่อต้าน" หรือ "วัยขบถ" เป็นปมอย่างหนึ่งที่ถ้าเรีย
    <wbr>นจิตวิทยามาจะเข้าใจ คือไม่อยากทำตัวเหมือนคนส่ว<wbr>นใหญ่ ไม่อยากตามกระแส ไม่อยากทำตามคำสั่งใคร เพราะจะ "ไม่มีตัวตน" และจะ "ไม่ได้รับการยอมรับ" ทีนี้ก็เอามาปนกับเรื่องนี้<wbr> ถ้าคนส่วนใหญ่รักในหลวง แม่สั่งให้รักในหลวง หนูก็จะไม่รักดื้อ ๆ นี่แหละ มีอะไรมั้ย จะคิดต่างใครจะทำไม เพื่อให้ได้มี "ที่ยืนอันแสนโดดเด่น" ในสังคม โดยเฉพาะเมื่อเกิดการ "รักในหลวง" ที่ถูกทำให้เป็น "กระแส" (อาทิ วิสต์แบนด์ เสื้อเหลือง-ชมพู ฯลฯ) มากกว่ารักเพราะศรัทธาอย่าง<wbr>แท้จริง (ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคว<wbr>รทำให้เกิดขึ้นอย่างยิ่ง) กระแสมันมาแบบนี้ ก็จะมีวัยรุ่นหลาย ๆ คนที่ไม่อยาก "ตามกระแส" ก็เลย "ไม่รักในหลวง" ไปซะแบบนั้น ก็เป็นเรื่องของเด็กที่เข้า<wbr>ใจได้ครับ อันนี้ไม่ได้ดูถูกความรู้สึ<wbr>กนึกคิดของวัยรุ่นว่าคิดเอง<wbr>ไม่เป็นนะครับ แต่มันมีส่วนหนึ่งที่อธิบาย<wbr>ได้ แบบนี้

    จึงต้องกลับมาทบทวนครับว่า หลายสิ่งที่เราทำเพื่อให้สถ
    <wbr>าบันสูงสุดดำรงอยู่นี้ เราทำได้ถูกต้องเหมาะสมเพีย<wbr>งใด และควรปรับปรุงอะไรบ้าง กรณีน้องณัฐกานต์ถูกปฏิเสธส<wbr>ิทธิพื้นฐานทางการศึกษาเพรา<wbr>ะ "ไม่รักในหลวง" นั้นเหมาะสมมากน้อยหรือไม่เ<wbr>พี ยงใด จากนี้ไป สถาบันกษัตริย์จะต้องเผชิญก<wbr>ับอันตรายหลายด้าน และสุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคง<wbr>ที่ จะดำรงอยู่ กฎหมายหมิ่นฯ ก็เป็นเพียงระบบหนึ่งที่จะป<wbr>ระกันความมั่นคงได้ส่วนหนึ่<wbr>ง แต่กฎหมายนั้นไม่สามารถเข้า<wbr>ไปบีบบังคับความคิด-ความเชื<wbr>่อของคนในรัฐได้ สำหรับในคนรุ่นเก่านี้ ผมเองคิดว่าสถาบันกษัตริย์ย<wbr>ังมี ความมั่นคงมากพอจากหลายปัจจ<wbr>ัย แต่ในคนรุ่นต่อไป การท้าทายพระราชอำนาจและควา<wbr>มมั่นคงของสถาบันจะมีมากขึ้<wbr>น ซึ่งก็เป็นโจทย์สำคัญสำหรับ<wbr>ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า จะทำอย่างไรในอนาคตเพื่อให้<wbr>ความ มั่นคงของสถาบันนี้ยังคงอยู<wbr>
    ผมคงจะไม่ขอให้คนรุ่นใหม่คิ
    ่ <wbr>ดแบบ เดียวกับที่ผมคิด เพราะความคิดของคนเราสามารถ<wbr>มีความแตกต่างได้ ผมมีเพียงคำถามที่อยากฝากไว<wbr>้สำ หรับคนรุ่นใหม่ในวันนี้ที่ "ไม่รักในหลวง" ขอให้ถามตัวเองว่า ๑.ทำไม ๒.เราจะรักหรือไม่รักใครคนห<wbr>นึ่ง โดยที่เราไม่รู้จักเขาจ<wbr>ริ ง ๆ จะยุติธรรมต่อคน ๆ นั้นไหม ไม่ต้องตอบผมครับ ถามตัวเองแล้วตอบตัวเอง ถ้าสามารถตอบตนเองได้โดยได้<wbr>คำ ตอบที่ตนเองพอใจ ผมก็จะไม่ไปก้าวก่ายความคิด<wbr>ของ ท่าน

    มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมอยากจ
    <wbr>ะขอ ก็คือ ขอแค่อย่าคิดจะไม่รักเพราะค<wbr>ิดว่า เท่ เป็นแฟชั่น ขอให้แตกต่างจากคนอื่นเป็นด<wbr>ี โดยไม่ใช้ "สมอง" ไตร่ตรองเลยครับ


    วุฒินันท์ ชัยศรี

    ศิษย์เก่าคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร รุ่น ๓๘

    ที่มา :
    http://www.facebook.com/no<wbr>te.php?note_id=39826272930<wbr>5&id=100000461614520&ref=m<wbr>f
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2010
  2. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    ...พวกเรา คนวัยอย่างผม

    เป็นห่วงคนรุ่นต่อไป เหลือเกิน

    ..ทำสุดกำลัง แล้ว ก็ต้องปล่อยไปตามวัฏจักรกรรม


    หลายอย่าง แม้รู้เห็น

    หากพูด หรือ ทำไปแล้ว โดยคนอื่นรับรู้ แต่ มีผลกระทบด้านไม่ดีตามมามากกว่า

    จะทำในที่ลับ แต่ คุณธรรมความดี ความกลมกลืน เจริญได้มาก


    จนกว่าจะหมดลมในชาตินี้


    ...ขอขมากรรม ขอสุมากรรม ถวายกุศล แด่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์
    ผู้รักษาแผ่นดินแห่งพระศาสนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 พฤษภาคม 2010
  3. หมอก้อย

    หมอก้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2010
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +996
    ไปเหมาว่าคนรุ่นใหม่ไม่รักในหลวง กันทุกคน ก็ไม่ได้...
    เพราะคนรุ่นเก่าก็มีไม่น้อยที่ไม่ได้รักในหลวง
    หมอเชื่อว่า อย่างน้อย 99.99% ของคนทั้งแผ่นดิน ต่างรักในหลวงด้วยกันทั้งนั้น
    ดังนั้น ไม่ต้องไปใส่ใจกับ 0.01%ที่เหลือ
    การคิดต่างจะยังมีต่อไป ตราบเท่าที่โลกนี้ยังมีมนุษย์
    แต่การที่เราจะคิด เราต้องพิจารณาถึงเหตุผลและข้อเท็จจริงในเรื่องนั้นให้ดีเสียก่อนถึงตัดสินใจ
    สำหรับในหลวงนั้น หมอคิดว่า หากมีนำพระราชกรณียกิจของพระองค์รวมถึงทุกๆอย่างที่พระองค์ทรงทำมานั่งแจกแจงแล้ว ...
    หมอเชื่อเหลือเกินว่า ไม่มีใครที่ไม่รักในหลวงแน่นอน...
    ทุกวันนี้ตัวของหมอเอง กับอาชีพหมอ ยอมรับว่าเหนื่อย ในขณะที่วัยรุ่นๆที่อายุยังไม่ถึง 25 อย่างหมอ ได้ไปเที่ยวสนุกสนานตามประสาวัยรุ่น ไม่ต้องรับผิดชอบ อยู่เวรเหนื่อยมากขนาดนี้
    แต่ที่หมอยังต้องทำวิชาชีพนี้ต่อไป หนึ่งในแรงบันดาลใจก็คือ "ในหลวง"...

    ถ้าเราคิดดี บารมีจะออกมาจากตัวของเราเอง
    การทำดีไม่ต้องโพนทะนา...
    ปิดทองหลังองค์พระไปเถอะ สักวันทองจะล้นมาข้างหน้าเอง

    ...โมทนาค่ะ
     
  4. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +2,244
    ผมไม่เห็นด้วยคนหนึ่งกับบางส่วนของข้อความของผู้เขียนคอลัมน์ของเจ้าของกระทู้
    เพราะว่าสังคมนี้มีกฏที่ยอมรับกันอย่างหนึ่ง ส่วนหนึ่งคือความจงรักภักดี และรักในหลวง จะผิดหรือที่หลาย ๆ ฝ่ายออกมาตอบโต้ต่อต้านกับผู้ที่ฝืนกระแส คือไม่ให้การอนุเคราะห์ต่อผู้ที่ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมคนหนึ่งที่จะออกมาประนามเช่นเดียวกัน ผมจะไม่ให้ความช่วยเหลือใด ๆ แก่คนอกตัญญู เช่นนั้น
    สังคมนี้ สังคมไทย เรายอมรับและนับถือสถาบันพระมหากษัตริย์มานาน เพราะพระมหากรุณาธิคุณ อเนกอนันท์ หาที่เปรียบไม่ได้ ที่มีต่อชนชาวไทย ยิ่งรัชกาลปัจจุบันด้วยแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่าพระองค์ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อพสกนิกรของพระองค์ จนพระวรกายทรุดโทรมมาก
    แผ่นดินนี้อยู่ได้เพราะใคร ตั้งอยู่ได้เพราะใคร รวมรวมได้เพราะใคร เป็นปึกแผ่นได้เพราะใคร จึงสมควรหรือไม่ที่คน ๆ หนึ่งอาศัยในแผ่นดินนี้ มีชีวิตอยู่บนแผ่นดินนี้ แล้วคิดจองล้างจองผลาญพระองค์ท่าน เหมือนกับพ่อคนหนึ่งเลี้ยงดูลูกน้อยมาตั้งแต่แบเบาะ จนเติบใหญ่ แล้วลูกคนนั้นกลับคิดว่าพ่อไม่มีค่าอะไร ไม่ได้ทำอะไรให้ตน ตนโตมาเองได้ จึงคิดว่าพ่อไม่ต้องเป็นพ่อแล้ว เป็นเพื่อนลูกเถอะ เป็นคนเสมอลูกเถอะ จึงทำทุกอย่าง ทุกวิถีทาง เพื่อให้พ่อไม่ต้องเป็นพ่ออีกต่อไป คิดให้ดี ว่าถูกหรือผิด
    ในเมื่อสังคมนี้ยอมรับนับถือสถาบันพระมาหกษัตริย์ ผมเชื่อว่าเกินร้อยละ 99 ที่ยังเคารพพระองค์ท่าน เช่นนั้นคนไม่ถึงร้อยละ 1 นั้น สมควรหรือไม่ที่จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะเปลี่ยนสังคมนี้ไปตามที่ตัวเองต้องการ เป็นสังคมที่ไร้พระมหากษัตริย์ จะระบบ ระบอบอะไรก็ตาม ตามใจตน ผมคิดว่าไม่เข้าเรื่อง
    หาใครสักคนที่ดีกว่าพระองค์ท่าน ทุ่มเทเพื่อคนทั้งชาติมากกว่าพระองค์ เอาเท่าพระองค์ท่านก็ได้ แล้วผมจะกลับมาพิจารณาอีกที แต่ผมเชื่อว่าชั่วชีวิตผมคงจะไม่มี (ไม่นับพระพุทธเจ้ากับพระอริยเจ้านะครับ)

    ผมไม่ได้แรง และไม่ได้โหมกระแส แต่หวังว่าสังคมจะเข้าใจ ผมอยากให้ทุกคนรักกัน สามัคคีกัน แต่ผมจะไม่ขอสามัคคีกันคนล้มสถาบัน เผาบ้าน เผาเมือง อย่างเด็ดขาด
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <object width="640" height="505"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/lpP1OJXSuzg&hl=en_US&fs=1&"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/lpP1OJXSuzg&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="640" height="505"></embed></object>
     
  6. paintkiller

    paintkiller เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +946
    ผมเกิดมาเท่าที่จำความได้บ้านผมก็มีรูปของในหลวงและพระราชินีที่ ข้างฝาบ้าน สูงกว่านั้นก็พระพุทธเจ้า พ่อแม่ ก็หรือญาติก็ไม่มีใครสอนให้รัก ในหลวง แต่ทุกครั้งที่ขบวนเสด็จผ่าน พ่อผมจะจอดรถมอเตอร์ไซด์รอ พอขบวนผ่าน ก็จะโค้งคำนับ พ่อก็จะบอกเพียงว่า ขบวนนี้ใครเสด็จ บ้านผมไม่รวย อยู่บ้านนอก เราไม่รวยแต่ก็มีความสุข ทุกๆค่ำเวลาดูทีวี(ขาวดำ)จะเห็นภาพข่าวของท่าน เสด็จดำเนินไปที่ต่างๆ ในถิ่นธุระกันดาน ไปหาชาวเขา คนบ้านนอกที่ยากจน ผมรู้แต่เพียงว่านี่คือพระมหากษัตริย์ไทยท่านไปทำไมในที่เหล่านี้ คลองชลประทาน สถานีทดลองการเกษตร ใครริเริ่มล่ะครับ เพิ่งมารู้เอาตอนโตหน่อย ถ้าไม่มีสิ่งเหล่าที่ จังหวัดผม ก็คงเป็นแค่จังหวัด ทุรกันดานธรรมดา คนจนมากๆถึงจะเรียนไม่จบ ป6. แต่ก็ได้เรียนถ้าหากรักเรียนจริงๆ ไม่ใช่มีสิทธิเรียนแล้วไม่เรียนแบบสมัยนี้ เคยเห็นมั้ยครับ สมุดเล่มนี้ห้ามจำหน่าย หน้าปกเป็นรูปใคร หลายจังหวัดหลายภูมิภาคคงจะเป็นแบบเดียวกับที่ผมเล่า หรืออาจะแย่กว่า หรือดีกว่า แต่คงไม่มีใครปฎิเสธได้ว่าทั้งหมดนี้ พระองค์ท่านได้ทำให้ประชาชนคนไทยที่ขาดโอกาส
    ผมอายุ35ปีเชื่อว่าคนที่มีความคิดรู้สติตัวเองรู้ภูมิหลังของตัวเองและรุ่นคราวเดียวกันคงไม่ต้องอธิบาย ความหมายของคำว่า ในหลวง
    สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อายุ 25ปีลงมา ตอนที่ท่านเกิด ข่าวของในหลวงเสด็จพระราชดำเนินไปที่ต่างๆแบบที่ผมเคยเห็นตอนเด็กๆคงไม่มีแล้ว แต่ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นในประเทศไทยแล้ว ถามหน่อยสิครับว่า ไพร่ที่อยู่ตอนนี้อ่ะ จะได้มาตะโกน ด่าอำมาตร แบบนี้หรือเปล่า
     
  7. mib8gdviNz

    mib8gdviNz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +1,524
    มีเพียงส่วนน้อย เท่านั้นแหละครับที่ไม่ได้รักในหลวง...

    เค้าก็แค่กำลังหลง ทางอยู่น่ะครับ

    ขอให้เขา ออกมาจากหนทางที่มืดดำ นั่นได้สักทีนะครับ ^^
     
  8. พระจิรวัฒน์ ญาณวโร

    พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5,029
    ค่าพลัง:
    +17,452
    เจริญพร ขอเเสดงความคิดเห็นด้วยคน ก่อนอื่นเลยอาตมาขอให้กำลังใจเเละจะเฝ้าติดตามเเนวคิดของคุณสัณโดษต่อไป เเละคิดว่าไม่ถูกนักที่คนบางกลุมบางพวกจะเอาในหลวงมาพูดว่ารักหรือไม่รัก อาตมาภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทยเเละมีรูปในหลวงใส่กรอบอย่างดีประดับไว้ที่กุฏิด้วยใจเครารพ ในหลวงในความรู้สึกของอาตมา(เป็นถึงสมมุติเทพ)ดังนั้ง การที่ตั้งหัวข้อว่าทำไมเด็กรุ่นใหม่ไม่รักในหลวง หัวข้อนี้ฝากทีมงานพลังจิต ช่วยพิจารณา คุณโยมเเป้งเเละทีมงานคนอื่นๆ ช่วยดูด้วยไม่มีเหตุผลใดๆที่เราจะไปกล่าวหาท่านหรือมีทำว่ารักไม่รัก ขอร้องน่ะอย่าให้มีอีก ช่วยกันดูเเลบ้านของเราให้น่าอยู่ ขอเจริญพร พระจิรวฒน์ ญาณนวโร
     
  9. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เฮอะ จริงๆ นายอะไรนั่นต้องตั้งหัวข้อว่า

    เพราะอะไร ทำไมคนรุ่นเก่าไม่กี่คนคนถึงไม่รักในหลวง
    และเพราะอะไร ทำไมเด็กรุ่นใหม่ไม่กี่คนถึงไม่รักในหลวง

    แหม เล่นบอกว่า "เด็กรุ่นใหม่" แต่ไม่บอกขนาดกลุ่มคนเนี่ย อย่างงี้มันวาทกรรมซ่อนเงื่อนนี่หว่า
     
  10. อั๋นวัดสาม

    อั๋นวัดสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4,259
    ค่าพลัง:
    +9,022
    ไม่อยากโทษน้องเค้าหรอกครับ เพราะน้องเค้าถูกเลี้ยงและถูกขัดเกามาให้เชื่ออย่างนั้น
     
  11. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    คนเรา ต่างจิต ต่างใจ บางคนชอบขาว บางคนชอบดำ ต่างคนก็อยู่ในสภาวะการเลี้ยงดู
    การรับรู้ข่าวสารที่ต่างกัน บางคนเห็นว่าสิ่งนั้นดี บางทีอาจไม่ดีต่ออีกคนก็ได้ แน่นอน
    ความคิดเห็นคนเราจะเหมือนกัน100%นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้นคนเราก็เป็นคนดี
    กันหมด มีแนวคิดเดียวกันหมด คนเลวคงไม่มี แต่ในความเป็นจริง คนเรามีข้อแตกต่างนั้นเอง
    ความหลากหลากหลายทางความคิดจึงมี ที่เหลือ ต้องใช้ คอมม่อนเซนต์ เอาเอง ว่าอยากเป็นคนดี หรือคนเลว แยกแยะได้นี่ครับ
     
  12. la8coste

    la8coste เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +364
    รุ่นพี่ผู้ใหญ่ท่านนึงได้ไปทำบุญกับพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง (ขอสงวนนามแต่ทุกๆคนรู้จักท่านและวัดของท่านดี) ในช่วงที่กิดเหตุในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ท่านพูดขึ้นมาว่า คนที่ด่าว่าร้ายในหลวงกับพระราชินี เตรียมตัวลงนรกได้เลย เอามาเล่าให้ฟังนะครับ นานาจิตตัง

    เรื่องราวที่เกี่ยวกับในหลวง จากคำกล่าวของพระอริยสงฆ์-อริยบุคคลทั้งหลาย (บางส่วน)

    “ในหลวงพระองค์นี้ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์น๊ะ...”
    หมายเหตุสำหรับปฐมเหตุที่ทำให้พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) วัดเทพศิรินทราวาสกล่าวความเช่นนี้ ก็เกิดมาจากการที่ท่านได้กล่าวเตือนญาติโยมบางรายที่ไปนมัสการว่า
    “ การที่คุณเอาธนบัตรที่มีรูปในหลวงไปใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงนั้นไม่ดีเลย เพราะในหลวงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ การเอาพระรูปของท่านไปไว้ในที่ต่ำอย่างนั้น ย่อมบังเกิดโทษเป็นอันมาก ทีหลังอย่าพากันทำ ”
    โดย...ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส

    "พระองค์มัวแต่เป็นห่วงคนอื่น แต่ไม่ทรงห่วงพระองค์เองบ้างเลย"
    โดย...หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่

    "วันหนึ่งข้างหน้า ในหลวงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งของโลก"
    หลวงพ่อมองหน้าผมแล้วย้ำว่า...
    "ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ"
    โดย...หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา
    ได้กล่าวไว้กับลูกศิษย์คนหนึ่ง เมื่อครั้งที่บวชอยู่กับท่านฯ

    เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๔๙๘ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม
    ได้ปรารภกับศิษยานุศิษย์ของท่านว่า
    "มีใครเป็นห่วงพระเจ้าแผ่นดินองค์น้อย (ในหลวง) บ้าง???"
    เมื่อทุกคนกล่าวรับว่าเป็นห่วง เนื่องจากมีข่าวที่น่าเป็นกังวลมาให้ได้ยินอยู่
    คุณแม่บุญเรือน(พระอริยะเจ้ามหาอุบาสิกา-ฆราวาสนักปฏิบัติธรรมชั้นสูงผู้เมตตา ทรงอภิญญา และฤทธิ์ปาฏิหาริย์อันน่าอัศจรรย์ยิ่งในยุคนั้น) ก็ว่าต่อไปอีกหน่อยว่า
    “ถ้าเป็นห่วง ก็ขอให้แม่อธิษฐานช่วยพระองค์ท่านซิ”
    (ตามอริยประเพณี พระอริยะจะทำการสิ่งใดโดยปราศจากเหตุ หรือไม่มีผู้อาราธนามิได้)
    เมื่อศิษย์ทุกคนกล่าวคำขอให้คุณแม่ใช้อิทธิฤทธิ์ช่วยในหลวงให้ทรงพระเจริญ
    และแคล้วคลาดจากสรรพภยันตรายทั้งปวงแล้ว คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม จึงได้กำหนดที่จะไปเข้า "นิโรธสมาบัติ" คุ้มครองถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่บ้านนาซา(เป็นเคล็ดให้เรื่องร้าย"สร่างซา"ลงไป) ของนางสาววาย(เป็นเคล็ดให้เรื่องราวที่ไม่ดีมีอันต้อง"วาย"หายสูญ ไป) วิทยานุกรณ์(น้องสาวพระมหารัชชมังคลาจารย์ วัดสัมพันธวงศ์) ที่ปากน้ำประแสร์ จ.ระยอง เป็นเวลาถึง ๑ ปีเต็ม โดยเวลานั้น คุณแม่บุญเรือน ได้สั่งห้ามมิให้ศิษย์คนใดเข้ามารบกวนท่านในช่วงเวลานั้นเป็นอันเด็ดขาด...!!!
    ที่มา...หนังสืออนุสรณ์ อดีตเจ้าอาวาส วัดสารนาถธรรมาราม ระยอง พ.ศ. ๒๕๕๑

    "มีแต่คนที่ไม่ฉลาดเท่านั้น ที่จะไม่รู้ว่า ในหลวงพระองค์นี้ดีอย่างไร"
    โดย...พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม สกลนคร

    “เราอย่าเห็นสิ่งปลีกย่อยดีกว่าส่วนรวมส่วนใหญ่นะ ส่วนใหญ่นั่นล่ะเป็นของสำคัญ พ่อกับแม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อะไรที่เป็นหลักของชาติ เป็นหัวใจของชาติให้พากันรักกันสงวน อย่าพากันทำลาย ลูกเต้าจะอวดดีกว่าพ่อกว่าแม่มันไม่ดีละ
    คิดดูในพุทธศาสนา พระเจ้าอชาตศัตรูทำลายพระราชบิดา ก็ไม่เห็นเจริญอะไร ท่านว่า เย เกจิ พุทธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คตา เส น เต คมิสฺสนฺ อบายภูมิ พวกสัตว์ทั้งหลายถ้านึกลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มีความเทิดทูนในสิ่งที่ดีงามที่มีคุณมีประโยชน์ทั้งหลายแล้ว ผู้นั้นเจริญ ผู้ใดไปทำลายหลักใหญ่แล้วจะเอาให้ส่วนเล็กๆนี้ขึ้นครองบ้านครองเมืองมันก็ไม่ดี ให้พากันรักษาหลักใหญ่เอาไว้
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือหัวใจของชาติไทยเรา นี่ให้พากันจำเอาไว้นะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนี้คือหัวใจของชาติไทยเรา ให้พากันเทิดทูน อย่าพากันดูถูกเหยียดหยามทำลาย เช่นอย่างจะทำลายจะไม่ให้มีพระเจ้าอยู่หัว มันคนเกิดมาแล้วพ่อแม่ตายหมด มีแต่ลูกกำพร้าหยิมแหยมๆ มันใช้ไม่ได้นะ สกุลใดที่มีคนคับแคบอยู่ในบ้านนั้นเมืองนั้นแล้วสกุลนั้นไม่เจริญ สกุลใดที่มีความกว้างขวาง มีจิตใจอันกว้างขวาง พิจารณารอบคอบเพื่อทำประโยชน์แก่ส่วนรวมผู้นั้นเป็นผู้ดี
    นี่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ของพวกเราคือหัวใจของคนไทยทั้งชาติ ให้พากันทะนุถนอมนะ อย่าพากันไปทำลาย จะมีแต่ลูกหยอมแหยมๆ พ่อแม่ผู้ให้ความร่มเย็นไม่มีมันไม่เกิดประโยชน์ อย่างไรต้องรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ ในประเทศไทยเราก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี นี้คือหัวใจของชาติให้พากันเคารพเทิดทูน อะไรที่เป็นหลักใหญ่ของชาติของส่วนรวมให้พากันรักษา พากันเทิดทูน อย่าพากันทำลายโดยอวดดี
    ดังที่ท่านว่าอึ่งอ่างกับวัวนั่นละ เราก็เห็นในนิทานอีสปแต่ก่อนเรียนหนังสือ อึ่งอ่างตัวเท่ากำปั้นนี่ วัวมันตัวขนาดไหน ลูกอยู่ในรู แม่ไปหากิน ลืมแล้วนิทานอีสป มันเป็นอย่างไรละทีนี้ (ลูกเห็นวัว พอแม่กลับมาเล่าให้แม่ฟังว่าเจอตัวอะไรไม่รู้ใหญ่มาก แม่ก็พองตัว ลูกว่าใหญ่กว่านี้อีก) ได้ไหมๆ สุดท้ายสิ่งที่ได้คือพุงแตก นี่ระวังนะ ตัวเล็กๆ อย่าไปพองตัว มันไม่สมควรจะพอง อึ่งอ่างกับวัว วัวมันตัวใหญ่ขนาดไหน อึ่งอ่างตัวเท่ากำปั้น มาพอง มันตัวเท่านี้ไหมๆ เรื่อย สุดท้ายเลยตาย เข้าใจไหม นี่อึ่งอ่างกับวัวมันไม่ดีอย่างนั้นละ”
    โดย...หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี

    “...แม่ไปเมืองจีนคนจีนถามแม่ว่ามาจากประเทศไหน แม่บอกว่า...มาจากประเทศไทย ลูกรู้ไหมคนจีนดีใจจับมือแม่ แล้วบอกว่าแม่โชคดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของท่านนับถือพระพุทธศาสนา แม่ได้ยินแล้วน้ำตาคลอ รู้สึกดีใจมากที่ต่างประเทศรู้ว่า พระเจ้าอยู่หัวของเรามีพระเมตตาต่อพสกนิกรของพระองค์ท่าน...ทำให้แม่หวนนึกถึงพระแม่กวนอิมฯ เมื่อครั้งเสด็จมาประทับระยะแรก ๆ
    ในปีพุทธศักราช ๒๕๒๔ พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า.....
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราเป็นพระโพธิสัตว์ ดังนั้นพระองค์ท่านจึงเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่...ที่จะมาสร้างพระมหาเจดีย์ประวัติศาสตร์ไว้ให้เป็นสมบัติของชาติ...”
    ที่มา...หนังสือ หนึ่งทศวรรษ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ (อวโลกิเตศวร) ที่เสด็จลงมาโปรดมนุษย์ ณ ตำหนักพระแม่กวนอิม โชคชัย ๔
    “...เพราะอาตมาถือว่าทุกคนเกิดมาต้องรักชาติ ถ้าไม่รักชาติแล้ว เราจะมีแผ่นดินอยู่หรือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราชาวไทยทุกคนต้องเทิดทูนไว้เหนือกว่าสิ่งอื่นใด...”
    โดย...พระอาจารย์ใหญ่ กวงเซง ไต้ซือ ตำหนักพระแม่กวนอิม โชคชัย ๔
    “...ด้วยปณิธานของพระเดชพระคุณพระอาจารย์ใหญ่กวงเซง ที่ต้องการเทิดทูน สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และต้องการสนองเบื้องพระยุคลบาท ในพระมหากรุณาธิคุณ แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ซึ่งเปี่ยมไปด้วยพระมหาเมตตา พระบารมีมากล้นรำพัน ท่านจึงมีดำริให้สร้างพระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าหนึ่งหมื่นพระองค์บนที่ดินฝั่งตรงข้ามพระตำหนักพระแม่กวนอิมฯ โชคชัย ๔ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ เพื่อเป็นศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ถวายแด่พระพุทธองค์บนผืนแผ่นดินไทย ให้ทั่วโลกเดินทางมากราบไหว้...ถึงแม้ว่า พระเดชพระคุณพระอาจารย์ใหญ่เมี่ยวซ่าน วัดผู่จี้ เกาะผู่โถวซาน ประเทศจีน...ซึ่งเป็นรองประธานองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศจีนในขณะนั้น (เป็นพระอุปัชฌาย์ และเป็นพระอาจารย์...ที่พระอาจารย์ใหญ่กวงเซง ให้ความเคารพอย่างยิ่ง) จะให้ท่านสร้างพระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าหนึ่งหมื่นพระองค์ที่เมืองจีนก็ตาม...พระเดชพระคุณพระอาจารย์ใหญ่กวงเซงเคยกล่าวไว้ว่า คนจีนหลายต่อหลายคนบอกว่าท่านคือคนจีน คือลูกหลานจีน ท่านไม่อาจปฏิเสธได้ว่าท่านมีเชื้อสายจีน แต่ทว่าท่านเกิดที่เมืองไทย...ท่านคือคนไทย ท่านโชคดีเหลือเกินที่ท่านเกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย...ที่ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตา...ฉะนั้น พระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าหนึ่งหมื่นพระองค์...ต้องเกิดขึ้นที่นี่...ชีวิตนี้ท่านดีใจที่ได้เกิดมารับใช ้พระพุทธศาสนา ได้มาสร้างประโยชน์ให้แก่พระศาสนา ซึ่งได้สร้างความภาคภูมิใจกว่าการมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย ชีวิตนี้ท่านขออุทิศให้แก่พระพุทธศาสนา...เพื่อให้คนรุ่นหลังได้กราบไหว้บูชา...”

    “ พวกเราถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะยังประเทศไทยให้อยู่รอดได้ ด้วยหลักการปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา ตราบใดที่พวกเรายังตั้งใจปฏิบัติอยู่ และอุทิศส่วนกุศลให้แก่เทพเจ้าต่าง ๆ ที่รักษาประเทศของเราอย่างสม่ำเสมอ ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็ยังพอมีกำลังที่จะไปคานกับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเสวยบุญของตนอยู่และมีเทพเจ้ารักษาอยู่เหมือนกัน แต่ว่าเขาเสวยบุญอย่างเดียวจริง ๆ โดยการไม่ได้สร้างของใหม่ขึ้นเลย มีแต่สร้างบาปกรรม แต่ในเมื่อวาระบุญมันส่งผลก็ทำให้เขาเป็นใหญ่เป็นโตในแผ่นดินขึ้นมา ถ้าพวกเราไม่หมั่นตั้งใจบำเพ็ญภาวนา โดยเฉพาะอุทิศส่วนกุศลให้แก่เทพเจ้าต่าง ๆ แล้ว โอกาสที่ประเทศไทยของเราจะล่มจมสูญสลายมีสูงมากเพราะนักการเมืองสมัยนี้ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน นอกจากผลประโยชน์ของพวกพ้องและตัวกูเอง
    ในหลวงนอกจากเหนื่อย ยังชราภาพมากแล้ว สุขภาพไม่ไหวแล้ว อย่างที่อาตมาบอกว่า อยู่ได้วันหนึ่งถือว่ากำไรวันหนึ่ง ถ้าหากว่าพวกเราตั้งหน้าตั้งตาประกอบกรรมทำดี พระองค์ท่านก็ยังมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อ แต่ถ้าหากว่ามือไม่พายแล้วยังเอาเท้าราน้ำอีก มีแต่จะช่วยเหยียบย่ำซ้ำเติมให้ประเทศชาติล่มจมไปง่ายขึ้น ขอบอกว่าถ้าพระองค์ท่านหมดกำลังใจ ตัดสินใจไปเสียวันไหน เราจะเดือดร้อนกว่าที่คิด เพราะว่าบางพวก บางกลุ่ม บางศาสนา เขารออยู่อย่างเดียวว่า เมื่อไหร่ในหลวงจะสวรรคต เขาถือเป็นดีเดย์เลย ไปเมื่อไหร่มันเอาแน่ แล้วถ้าถึงเวลานั้น ที่เดือดร้อนที่สุดจะกลายเป็นพระอย่างอาตมานี่แหละ จะโดนเสียก่อน เพราะว่าพระนั้นมีจุดบอดตรงที่ว่า เครื่องแต่งตัวแปลกแยกกว่าชาวบ้านอย่างชัดเจน ที่อยู่ก็มีหลักแหล่งอย่างแน่นอน ชนิดที่หลบไปไหนไม่ได้ เขาจะใช้กำลังคนหรือกฎหมายก็ตาม สามารถที่จะบีบบังคับจัดการได้ง่าย
    ดังนั้นถ้ามีวิธีใดก็ตาม ที่คิดว่าเราจะสร้างกุศล สร้างกำลังกายกำลังใจ เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเจริญยิ่งยืนนานต่อไปได้ ให้ขวนขวายและเร่งทำกันให้มากไว้ โดยเฉพาะในส่วนของหลักธรรมต่าง ๆ ถ้าเรายึดถือและปฏิบัติกระทำโดยพร้อมเพรียงกัน ประเทศชาติจะสงบร่มเย็น เพราะว่าต่างคนต่างทำความดี ต่างคนต่างตัดรัก โลภ โกรธ หลง ของตนเอง ไม่ไปกระทบกระทั่งใคร ไม่แห่ตามข่าวลือต่าง ๆ ไป ถ้าเป็นดังนั้นในหลวงท่านก็คงมีกำลังใจที่จะอยู่ไปอีกสักระยะหนึ่ง
    อย่าประมาทเป็นอันขาดหลายท่านว่าในหลวงจะอยู่เป็นร้อยปีสุขภาพของคนแก่ระดับนั้น โดยเฉพาะใช้งานมามากในตอนหนุ่ม ๆ มาแสดงออกให้เห็นซึ่งความชำรุดทรุดโทรมในปัจจุบันนี้ เราจะเห็นได้ว่า ทันทีที่ในหลวงเข้าโรงพยาบาลครั้งแรก จะเห็นความทรุดโทรมอย่างชัดเจนเลย เหมือนกับรถยนตร์ที่ใช้งานหนัก ๆ ตอนที่ยังใหม่ พอถึงเวลาช่วงท้าย การชำรุดที่ต้องซ่อมแซมก็หนักกว่าปกติทั่วไป จะไปประมาทว่าท่านจะอยู่เป็นร้อยปี เดี๋ยวก็น้ำตาเล็ดอีก
    ถ้าเราได้วันหนึ่งเอาวันหนึ่ง พยายามเร่งขวนขวายความดีของเราให้มากที่สุด ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านให้มากที่สุด โดยหวังว่าเทพเจ้าต่าง ๆ ทั้งหลาย ทั้งที่รักษาพระองค์ท่านก็ดี ทั้งที่รักษาประเทศชาติก็ดี จะได้รับส่วนกุศลนี้ไปและมีกำลังช่วยกันค้ำจุนพระวรกายพรองค์ท่าน ให้ดำรงขันธ์อยู่ต่อไปได้อีกสักระยะหนึ่ง ช่วยกันค้ำจุนสถานการณ์บ้านเมืองของเรา อย่าให้มีอันเป็นไปมากกว่านี้
    ถ้าหากว่าโดยวาระกรรมของเราแล้ว ประเทศชาติของเราช่วงนี้มันอยู่ในจุดที่แย่ และจะแย่มากขึ้น ดังนั้นวิธีแก้กรรมที่ง่ายที่สุดก็คือ ทำความดีให้เยอะไว้ เหมือนอย่างกับไฟมันร้อนมาก ก็พยายามหาน้ำดับมันให้ได้ แม้ว่าน้ำจะไม่พอดับไฟ อย่างน้อย ๆ มันบรรเทาเบาบางลงก็ยังดี ไม่ทราบว่าญาติโยมคิดผิดหรือเปล่าที่มาที่นี่ มาทีไรได้การบ้านหนัก ๆ กลับไปทุกที ก็ได้แต่เตือนสติพวกเราเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ เพราะว่าสถานการณ์ต่าง ๆ มันเร็วมากในปัจจุบัน แค่ข่าวลือวูบเดียวเท่านั้นเอง ทำเอาหุ้นตกฮวบลงไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ในเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างมันมาเร็ว เราก็ต้องตั้งหลักและยืนหยัดให้ได้
    สิ่งที่จะทำให้เรายืนหยัดได้ในสังคมปัจจุบันก็คือ แน่วแน่มั่นคงและเข้มแข็งในกำลังใจของเราเอง ที่จะไม่ไหลตามกระแสบริโภคนิยม ไม่ไปตามรัก โลภ โกรธ หลง ของคนส่วนใหญ่เขา ถ้าทำอย่างนั้นได้ เราก็จะเหมือนก้อนหินกลางน้ำ อย่างน้อย ๆ ถ้ามันก้อนเล็กไม่สามารถให้คนอื่นเกาะพักพิงได้ ก็ยังยืนหยัดได้ด้วยตนเอง ไม่เป็นภาระแก่คนอื่นเขา แต่ถ้าเราเป็นหินใหญ่กลางน้ำได้ ก็เป็นที่เกาะ ที่อาศัยพักพิงของคนอื่นด้วย ยืนหยัดด้วยตัวเองได้ด้วย ก็จะช่วยประเทศชาติได้มากกว่านี้
    อาตมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ส่วนหนึ่งของประเทศ และสถาบันหนึ่งที่เป็นหลักยึด ก็ได้แต่นำสิ่งที่จะพอบอกกล่าวกันได้มาพูด
    ...เพราะว่าหลายต่อหลายอย่างก็เป็นการฝืนกฎของกรรมมากเกินไป บางทีการรู้เรื่องต่าง ๆ แต่พูดไม่ได้ อกมันจะแตกตายเหมือนกัน ”
    (ส่วนหนึ่งจากคำเทศน์เรื่อง “โชคดีที่เรามีในหลวง”)
    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เทศน์ก่อนทำกรรมฐาน ณบ้านอนุสาวรีย์
    วันเสาร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
    ที่มา(ฉบับเต็ม) http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1327
     
  13. หนองสะลาบ

    หนองสะลาบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +564
    ไม่รู้ว่าชะตากรรมน้องเค้าเป็นยังไงบ้างเห็นว่ามีกลุ่มบุคคลในโลกไซน์เบอร์คอยตามล้างตามเช็ดอยู่ป่านนี้มิหนีไปอยู่นอกประเทศแล้วหรือ
     
  14. GROLY

    GROLY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    2,019
    ค่าพลัง:
    +8,001
    เพราะคนที่เรียกตัวเองว่าคนรุ่นใหม่ ไม่เคยผ่านยุคเข็ญ ไม่เคยเห็นพระองค์ท่านทรงงานหนักขนาดไหนเพื่อให้ประชาชนของพระองค์มีความสุข ผมไม่เคยเห็นใครในโลกที่ทำได้ถึงครึ่งของในหลวงเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...