"ในหลวง" พระราชทานทุน "พระนักเทศน์"

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 ฯพณฯ พลอากาศเอกกำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ประธานกรรมการโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ได้เป็นประธานในพิธีถวายทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ครั้งที่ 7 ประจำปี 2553 ณ ห้องประชุมสุชีพ ปุญญานุภาพ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย จ.นครปฐม

นายอินทร์จันทร์ บุราพันธ์ กรรมการและเลขานุการโครงการฯ ได้กล่าวรายงานว่า ในปีนี้โครงการทุนเล่าเรียนหลวงฯได้จัดสรรทุนโดยถวายแด่พระภิกษุสามเณรที่จะเข้าสอบเปรียญธรรม 6, 7, 8 และ 9 ประโยค ซึ่งได้รับ คัดเลือกจากกองบาลีสนามหลวง และทุนสำนักเรียนพระปริยัติธรรม ที่มีผลงานดีเด่นในเขตปกครองคณะสงฆ์ 5 เขต เขตละ 1 ทุน จำนวน 81 ทุน แด่ศูนย์เผยแผ่ พระพุทธศาสนาแห่งชาติ จำนวน 1,000 ทุน แด่พระธรรมทูต ระดับอำเภอ ที่มีผลงานดีเด่น 9 สาย สายละ 1 ทุน แด่พระภิกษุสามเณรภายใต้การกำกับดูแลมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จำนวน 236 ทุน แด่พระภิกษุสามเณรภายใต้การกำกับดูแลของมหา-วิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย จำนวน 54 ทุน

นอกจากนี้ ในปีที่ 7 ของการถวายทุนเล่าเรียนหลวง ทางโครงการฯพิจารณาว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ และการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น จึงได้จัดสรรทุนในการสนับสนุนการฝึกอบรมพระนักเทศน์เฉลิมพระเกียรติขึ้นอีกประเภทหนึ่ง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในมหามงคลวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ ในปี 2554 โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เพื่อสนับสนุนการดำเนินการหลักสูตรการศึกษา และการฝึกอบรมพระนักเทศน์เฉลิมพระเกียรติหลักสูตรระยะสั้น 3 เดือน จำนวน 760 ทุน หลักสูตรระยะกลาง 1 ปี จำนวน 80 ทุน บรรจุเป็นรายวิชา เป็นวิชาบังคับ หรือวิชาเลือกในระดับปริญญาโทและปริญญาตรี ของทั้งสองมหาวิทยาลัย เพื่อให้การแสดงพระธรรมเทศนา ซึ่งเป็นการเผยแผ่ธรรมะที่ประชาชนคุ้นเคยมากที่สุด เป็นไปอย่างถูกต้องทั้งอรรถพยัญชนะ และมีวิธีการที่ดึงดูดใจคน รวมทุนที่จัดสรรถวายแด่พระภิกษุสามเณร ประจำปี 2553 ทั้งสิ้น 2,220 ทุน รวมเป็นเงิน 12,916,000 บาท

ทั้งนี้ ประธานในพิธีได้ถวายตาลปัตรและย่ามโครงการฯ แด่พระภิกษุและสามเณรผู้ได้รับทุนและสอบได้เปรียญธรรม 9, 8, 7, 6 ประโยค จำนวน 33 รูป พร้อมกันนี้ ฯพณฯ นายเกษม วัฒนชัย องคมนตรี และ ฯพณฯ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ได้ถวายตาลปัตรและย่ามโครงการฯ แด่พระภิกษุและสามเณรผู้ได้รับทุน และสำเร็จ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

นาวาตรีเกริก ตั้งสง่า กรรมการโครงการทุนเล่าเรียนหลวงฯ กล่าวภายหลังพิธีถวายทุน ว่าปัจจุบันคนรุ่นใหม่สนใจการปฏิบัติธรรม ปีที่แล้วจึงได้เพิ่มทุนพระวิปัสสนาจารย์ขึ้นมา ซึ่งได้ผลมาก มีครูพระที่สอนในโรงเรียนพระปริยัติธรรมสายสามัญสนใจและขอทุนมาเพิ่มอีก 400 ทุน เพื่อจะศึกษาอบรมเป็นพระวิปัสสนาจารย์ จึงทำให้ทุนพระวิปัสสนาจารย์ เพิ่มเป็น 1,000 ทุนในปีนี้

“ต่อมาก็เห็นว่าเมื่อญาติโยมเข้าวัด วิธีสื่อสารที่เร็วที่ สุดก็คือฟังเทศน์ฟังธรรมนั่นเอง เราก็เห็นว่าถ้าส่งเสริม หรือให้ความสำคัญกับพระนักเทศน์ น่าจะเป็นประโยชน์ แต่มุมมองของโครงการทุนเล่าเรียนหลวงฯก็คือมาตรฐาน จึงได้มีการหารือกับมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง เพื่อกำหนดหลักสูตรพระนักเทศน์ร่วมกันให้เป็นมาตรฐานในการศึกษา” นาวาตรีเกริก กล่าว และเสริมว่าในปี 2554 ทางโครงการฯเตรียมรณรงค์ให้คนเข้าวัด เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในมหามงคลวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ ในปี 2554 โดยร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม หรือหน่วยงานอื่นๆ อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทำการท่องเที่ยวเชิงปฏิบัติธรรม เพื่อดึงคนเข้าวัดปฏิบัติธรรม โดยจะมีการรวบรวมข้อมูลต่างๆของวัดในทุกภาคที่สอนปฏิบัติธรรม เพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้สนใจที่จะไปปฏิบัติธรรม

สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธาจะทูลเกล้าฯถวายทุนทรัพย์ เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลในโครงการฯนี้ ติดต่อได้ที่ทำเนียบองคมนตรี สำนักราชเลขาธิการ เขตพระนคร กทม. 10200 สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0-2220-7400 ต่อ 4117

ความเป็นมาโครงการทุนเล่าเรียนหลวงฯ

วันที่ 5 ก.พ. 47 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ในมหามงคลวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ 76 พรรษา 5 ธันวาคม 2546 ต่อมาวันที่ 21 พ.ค. 47 ได้พระราชทานทุนปฐมฤกษ์ให้โครงการฯ เพื่อสนับสนุนพระภิกษุและสามเณรให้มีโอกาสศึกษาพุทธศาสนาชั้นสูงจากสถาบันพุทธศาสนาในประเทศ จากนั้นวันที่ 14 ก.ย. 47 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับเป็นนายกกิตติมศักดิ์โครงการฯ และพระราชทานพระบรมราชานุญาตเชิญพระมหามงกุฎประกอบเป็นตราโครงการฯ

พิธีถวายทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยจัดขึ้นทุกปี โดยเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ วันที่ 11 มิ.ย. 47 จำนวน 152 ทุน เป็นเงิน 1,271,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 242 ทุน เป็นเงิน 2,186,000 บาท ครั้งที่ 3 จำนวน 312 ทุน เป็นเงิน 2,756,000 บาท ครั้งที่ 4 จำนวน 381 ทุน เป็นเงิน 3,280,000 บาท ครั้งที่ 5 จำนวน 379 ทุน เป็นเงิน 3,253,000 บาท ครั้งที่ 6 จำนวน 1,053 ทุน เป็นเงิน 10,058,000 บาท และครั้งที่ 7 จำนวน 2,220 ทุน เป็นเงิน 12,916,000 บาท

ประเภททุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย

1. ทุนการศึกษาในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก กำกับดูแลโดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย

2. ทุนการศึกษาระดับเปรียญธรรม 6, 7, 8 และ 9 กำกับดูแลโดยกองบาลีสนามหลวง

3. ทุนพระธรรมทูต กำกับดูแลโดยกองงานพระธรรมทูต

4. ทุนสำนักเรียนและสำนักศาสนศึกษาดีเด่น กำกับดูแลโดยกองบาลีสนามหลวง

5. ทุนพระวิปัสสนาจารย์ เป็นทุนสนับสนุนคณะสงฆ์ในการผลิตบุคลากรด้าน วิปัสสนาจารย์ ระดับประกาศนียบัตรและระดับปริญญาโท สาขาวิปัสสนาภาวนาหรือเทียบเท่า กำกับดูแลโดยศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ

6. ทุนสนับสนุนโครงการฝึกอบรมพระนักเทศน์เฉลิมพระเกียรติ ระดับวิทยากรแม่แบบ และระดับพระนักเทศน์ประจำจังหวัด กำกับดูแลโดยมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย​

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 117 สิงหาคม 2553 โดย กองบรรณาธิการ)
ที่มาของข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์​

 

ขออนุโมธนาบุญด้วยครับ

 

โมทนาสาธุบุญ....ครับ.....

โครงการน่าจะมีการประกาศระดมร่วมทุน..อย่างเป็นทางการ.....เชื่อว่าต้องมีผู้ร่วมอีกมาก...