แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. บุญพามา

    บุญพามา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +1,566
    ผมขอร่วมตั้งชื่อ 1 "อิทธิฤทธิ์มหาลาภ" ถ้าซําต้องขออภัยครับ
     
  2. ebee

    ebee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +763
    เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณยุ่ง คุณก็จะไม่ว่างเลย
    เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณไม่มีเวลา คุณก็จะไม่มีเวลาเลย
    เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณจะทำในวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้จะไม่มีวันมาถึงเลย ..
     
  3. b_wanlop

    b_wanlop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +1,888
    อาหาร 7 อย่างที่ควรเลี่ยงเมื่อท้องว่าง



    1.เหล้า , กระเทียม
    ทั้ง2อย่างนี้จะยิ่งกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร ส่งผลให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบและเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้

    2. น้ำตาลหรืออาหารหวาน
    เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช็อคโกแลต เพราะจะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาล ส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีนทุกชนิดและลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต

    3. ชาแก่
    จะทำให้กรดเกลือของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง เกิดอาการใจสั่น เวียนศรีษะ มือเท้าไม่มีแรง

    4. ลูกพลับ
    เป็นตัวกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดเกลือออกมามาก ทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร

    5. กล้วย
    เพราะจะเพิ่มธาตุแมกนีเซียมในเลือดให้สูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียม เป็นการยับยั้งการทำงานของหลอกเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก

    6. ผัก
    เพราะหากรับประทานผักอย่างเดียวขณะท้องว่าง จะทำให้ท้องอืด

    7. นมและถั่วเหลือง
    แม้จะอุดมด้วยโปรตีน แต่จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อกระเพาะอาหารมีสารประเภทแป้งอยู่

    แถมท้ายอีกนิด ขณะท้องว่างไม่ควรอาบน้ำและออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้เกิดอาการช็อคได้ง่าย เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำ
     
  4. pei

    pei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    779
    ค่าพลัง:
    +2,855
    คาถาไหว้ครูหลวงพ่อกวย<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ถ้าท่านผู้ใดจะไหว้ครู หรือบอกเล่าครูหลวงพ่อกวยจะท่องบ่นคาถาทุกบท ในหนังสือเล่มนี้ ซึ้งข้าพเจ้ารวบรวมมานี้ ขอให้ท่านนำดอกไม้มาจบสักการะ ต่อหน้าพระพุทธ เพื่อเป็นศิริมงคลเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ ตำราเล่มนี้ จะช่วยท่านได้ทุกประการ ให้ระลึกนึกถึง หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร แล้วตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่าคำไหว้ครูโดยย่อดังต่อไปนี้<o:p></o:p>
    ตะมัตถัง ปะกาเสนโต สัตธาอะหะ
    อิมะอะวิ ตะอุอะมิ มะสะนะโม<o:p></o:p>
    สิบนิ้วข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการ แด่คุณครูอาจารย์ ผู้ประสาทวิทย์ อันเป็นมิ่งมิตรทั่วโลกา ข้าพเจ้าขอไหว้เทพยดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งองค์พระพรหมเมศรี ผู้เรืองฤทธิดกร อีกทั้งพระครูผู้รู้ไสยศาสตร์ โหราจารย์ จงมาอภิบาลปกเกศ ทั้งบิตุเรศชนนี หลวงพ่อกวยก็ดีจงมาเป็นสักขีพยานให้ข้าซึ่งจะท่องว่า คาถาอาคม ให้บรรลุสม และศักดิ์สิทธิ์ เป็นนิมิตดีแก่ตัวข้านะบัดนี้ เทอญ<o:p></o:p>
    บูชาธูปเทียนแล้วกราบลง 3 หน ก่อนท่านจะท่องคาถาใด ๆ ในตำราเล่มนี้ ให้ว่าบทนี้ได้ก่อน แล้วจึงท่องบทอื่น เลือกท่องได้ตามใจ ท่านควรเก็บไว้ที่สูง อย่าทิ้งเป็นของเล่น ตำรานี้ข้าพเจ้าคัดมาเรียกว่า ตำราแก้วสารพัดนึก<o:p></o:p>
    ที่มา www.watkositaram.com<o:p></o:p>
     
  5. b_wanlop

    b_wanlop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +1,888
    ช่วงเวลาการทานอาหารมีส่วนช่วยทำให้ไม่อ้วน
    05.00-07.00 น. – ควรดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว เพื่อช่วยในการขับถ่าย
    07.00-09.00 น. – ควรทานอาหารเช้า เพราะเป็นช่วงของกระเพาะอาหาร ถ้ากินได้ทุกวันกระเพาะอาหารจะแข็งแรง ที่สำคัญคือ หน้าไม่แก่เร็วด้วย
    09.00-11.00 น. – ถ้าไม่ทานอาหารหรือขนมช่วงนี้จะดีมาก เพราะอาหารและน้ำจะแปรสภาพเป็นไขมัน
    13.00-15.00 น. – ลำไส้เล็กจะทำงานหนัก ควรงดอาหารทุกประเภท
    15.00-17.00 น. – เวลานี้เหมาะสำหรับการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง ควรทำตัวให้เหงื่อออก กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง
    23.00-01.00 น. – เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี ควรงดอาหารและดื่มน้ำก่อนเข้านอน

     
  6. chokaku

    chokaku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +4,333
    เห็นคุณ CheKuvara ยังหนุ่มแน่นเลยขอเล่าเรื่องหญิงให้ฟัง
    จะได้รู้จักมากขึ้น

    ขออภัย แอบแซวนะครับ

    [​IMG]

    นิยามของผู้หญิง

    ธาตุตัวแรกที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ (แต่ก็ยังไม่เข้าใจอะไรมาก มายนัก)

    ชื่อธาตุ : Woman
    สัญลักษณ์ : Wo
    ผู้ค้นพบ : Man
    มวลอะตอม : มาตรฐาน 50 กิโลกรัม แต่อาจแปรเปลี่ยนได้จาก 40-80 กิโลกรัม
    ลักษณะทั่วไป : คล้ายกันหมดถ้าอยู่ในเขตเมือง

    [​IMG]คุณสมบัติทางฟิสิกส์

    • พื้นผิวส่วนเคลือบด้วยสารหอมระเหยและน้ำมัน บำรุงผิว
    • เดือดที่อุณหภูมิต่างๆ เอาแน่ไม่ได้
    • ถึงจุดเยือกแข็งทันทีทันใด โดยไม่รู้สาเหตุ และอาจอยู่ที่จุดเยือกแข็ง ได้นานเป็นอาทิตย์
    • หลอมละลายหากได้รับการเอาอกเอาใจถูกวิธี
    มีรสเผ็ดและขมถ้าใช้ผิดวิธี แปรเปลี่ยนได้หลายสถานะ ตั้งแต่แข็งเป็นหินจนถึง อ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งลนไฟ
    • ไม่ทน ต่อการเสียดสี กระแทกกระทั้น


    [​IMG]คุณสมบัติทางเคมี

    • บ้างมีรสเป็นกรด บ้างหวานกว่าน้ำตาล บ้างเปรี้ยวอมหวาน
    • ทำปฏิกิริยาอย่างรวดเร็วกับเพชร ทอง ทับทิม ดอกไม้ และสิ่งสวยงามทุกชนิด
    • ดูดซึมข้อมูลข่าวสารรอบตัวได้มากมายมหาศาล
    • อาจจะระเบิดอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า
    • มีคุณสมบัติละลายเงินในกระเป๋าเมื่อเดินผ่านห้างสรรพสินค้า
    • เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน (compatible) กับผลไม้รสเปรี้ยว ผักสลัด และไม่เข้ากับไขมันทุกประเภท


    [​IMG]การทดสอบ

    • วัตถุตัวอย่าง จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม เมื่อถูกสัมผัส
    • วัตถุตัวอย่าง จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว เมื่อวางถัดจากตัวอย่างที่สวยกว่า
    • วัตถุตัวอย่าง จะเปลี่ยนเป็นส่งเสียงไม่หยุด เมื่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม


    [​IMG]ประโยชน์

    • แบกโลกไว้ครึ่งหนึ่ง
    • ดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์
    • ทำให้โลกสดใส
    • สร้างความอ่อนโยน ให้เกิดในสังคมมนุษย์


    [​IMG]ข้อควรระวัง

    • สัมผัสด้วยความประณีต และให้เกียรติ มิฉะนั้นอาจได้รับอันตราย
    ครอบครองได้เพียงชิ้นเดียว ใครฝ่าฝืน จะเกิดอาการ "สามเส้าดีซิส" ทำให้ทุรนทุราย อยากฆ่าตัวตาย



    ที่นี้ก็รู้จักผู้หญิงมากขึ้นแล้วซินะ อย่าลืมนะ ครอบครองได้เพียงคนเดียว
     
  7. ebee

    ebee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +763
    เวลาก็เหมือนสายน้ำ
    คุณไม่มีทางสัมผัสน้ำเดียวกันได้สองครั้งหรอก
    เพราะมันได้ไหลผ่านไปแล้ว
    มีความสุขกับทุกช่วงชีวิตของเราดีกว่า...
     
  8. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    ขอบคุณเจ้าของเรื่องน่ะครับ

    เมื่อวันที่28กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ ลูกชายผมได้เดินทางไปกับคณะคาราวานPCXซึ่งจัดโดยบริษัทฮอนด้าแสงชัย เพื่อไปทดสอบสมรรถนะและโชว์รถฮอนด้ารุ่นพีซีเอ็กซ์ด้วย ทั้งคณะมีประมาณ100กว่าคัน ทั้งหมดได้เดินทางไปยังวัดป่าเลย์ไลก์ จ.สุพรรณบุรี เพื่อทำบุญที่วัด พระที่วัดได้ผูกข้อมือด้วยสายสิญจ์ เป็นการรับขวัญให้ทุกๆคนพร้อมๆกับบริกรรมคาถาไปด้วย ทุกอย่างผ่านไปอย่างปกติจนมาถึงลูกชายผม พอพระเอาสายสิญจ์เตรียมจะผูกข้อมือ ท่านเอามือมาจับมือลูกชายผมถึงกับสะดุ้งโหยง ขนลุกชันไปทั้งตัวจนสังเกตุเห็นได้ ท่ามกลางความตกตลึงของทุกคนในที่นั้น ท่านถามลูกชายผมว่า แขวนพระอะไรอยู่รึเปล่า ทำไมแรงขนาดนี้ เล่นเอาขนลุกซู่ไปทั้งตัวเลยท่าน พูดพร้อมกับชูแขนให้ดู จนลูกชายผมตกใจไปด้วยและถามพระว่าจะเป็นอะไรรึเปล่า ท่านบอกว่าดีแล้ว ของขึ้นแบบนี้น่ะดีแล้ว แล้วท่านก็ผูกข้อมือให้พร้อมทั้งว่าคาถาเงินล้านไปด้วย พอลูกชายกลับมาจากสุพรรณจึงมาเล่าให้ฟัง ในคอลูกชายผมแขวน เหรียญเดิมบาง และรูปหลวงพ่อที่ผมปริ้นท์จากคอมและบรรจุทรายเสกหลวงพ่อลงไปด้วย ผมมาคิดดูน่าที่พระถึงกับสะดุ้งน่าจะเกิดจากเหรียญเดิมบางที่หลวงพ่อเสกถึง สองปีแน่ๆเลย พี่น้องมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. หม่อง

    หม่อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    363
    ค่าพลัง:
    +943
    ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก <o:p></o:p>
    ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง <o:p></o:p>
    แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน <o:p></o:p>
    จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง <o:p></o:p>
    ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง <o:p></o:p>
    ในขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง <o:p></o:p>
    มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา <o:p></o:p>
    หลังจากเวลา 2 ปี ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น <o:p></o:p>
    วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า <o:p></o:p>
    ' ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะรอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้า <o:p></o:p>
    ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทางที่กลับไปยังบ้านของท่าน ' <o:p></o:p>


    <o:p></o:p>
    คนตักน้ำตอบว่า ' เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า <o:p></o:p>
    แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่ง <o:p></o:p>
    เพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่ ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้า <o:p></o:p>
    และทุกวันที่เราเดินกลับ ... เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น <o:p></o:p>
    เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว <o:p></o:p>
    ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว ... เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้ ' <o:p></o:p>
    คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง <o:p></o:p>
    แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น <o:p></o:p>
    อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้ <o:p></o:p>
    สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น <o:p></o:p>
    และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง <o:p></o:p>
    มองโลกหลายๆ ด้าน เพราะคนเราไม่ได้มีแต่ข้อเสียเท่านั้น (จริงๆ)<o:p></o:p>
     
  10. ebee

    ebee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +763
    ไม่ต้องสาธยายเกี่ยวกับตัวคุณให้ใครฟังหรอก
    เพราะคนที่ชอบคุณ ยังไงเขาก็ชอบ และไม่ต้องการฟังมัน
    แต่คนที่เกลียดคุณ ยังไงเขาก็ไม่เชื่อคุณหรอก...
     
  11. Maestro

    Maestro เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    676
    ค่าพลัง:
    +2,411
    ฟังธรรม ขณะฟังเพลง

    เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีโอกาสรับ หลวงพ่อกล้วย และ พี่ชี ไปทำธุระ
    ฟังธรรม ขณะฟังเพลง
    หลังจากหลวงพ่อกล้วยขึ้นรถ พอสตาร์ทรถ
    เสียง CD ธรรมะที่ฟังค้างไว้ก็ดังขึ้น
    จี๊ดเลยหันไปพูดกับพี่ชี ว่า
    Jeed : “ดีน๊ะพี่ ไม่เป็นเพลง แจ๊ส ยังเป็น CD ธรรมะ….รอดไป”

    หลวงพ่อกล้วย : " แจ๊ดอะไร ? ไหนเอามาเปิดสิ มันเป็นยังไง "
    ดังนั้นเลยกระวีกระวาด รีบเปิดเพลงแจ๊สถวายหลวงพ่อ
    แล้วเรียนท่านอย่างภูมิใจว่า

    Jeed : “ นี่ค่ะ เพลงแจ๊ส ......”

    หลวงพ่อกล้วย :
    "หลวงพ่อฟังแล้ว มันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ
    เวลาฟังเพลงหน่ะ
    ให้ฟังธรรมที่เกิดในใจเรา
    ดูว่ามันไหลตามไปมั้ย
    ชอบมันมั้ย
    ปฏิเสธ / ผลักไสมันมั้ย
    จะมาแยกว่าอันนี้เป็นธรรม อันนี้ไม่ใช่ธรรม
    อันนี้ ปฏิบัติ อันนั้นไม่ปฏิบัติได้ยังไง
    เราฟังธรรมได้ตลอด
    ไม่ว่าเสียงอะไรที่มากระทบหูเรา
    เราก็ฟังเสียงธรรมที่เกิดขึ้นในใจเรา
    ไหน... แจ๊ด อะไร หลวงพ่อฟังแล้วไม่เห็นมีอะไรเลย"

    รวมคำสอนของหลวงพ่อสำราญ ธมฺธุโร (หลวงพ่อกล้วย) ที่มา www.managerroom.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2010
  12. Limtied

    Limtied เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    822
    ค่าพลัง:
    +3,662
    คนเราบางคน บางทีก็อยากจะเอาบุญ เช่น
    ผ้ายังสกปรกอยู่ ยังไม่ได้ทำความสะอาด
    แต่อยากจะย้อมสีซะแล้ว
    ลองเอาผ้าเช็ดเท้าที่ยังไม่ได้ฟอกไปย้อมสีดูซิ...มันจะสวยไหม ?

    การไม่กระทำบาปนั้น...มันเลิศที่สุด
    บางคนบางคราว โจรมันก็ให้ได้ มันก็แจกได้
    แต่ว่าจะพยายามสอนให้มันหยุดเป็นโจรนั่นนะ มันยากที่สุด

    การจะละความชั่ว ไม่กระทำผิด...มันยาก
    "การทำบุญ" โจรมันก็ทำได้ มันเป็น..."ปลายเหตุ"
    " การไม่กระทำบาป" ทั้งหลายทั้งปวงนั้นนะ เป็น..."ต้นเหตุ"


    หลวงพ่อชา สุภัทโท
     
  13. chokaku

    chokaku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +4,333
    เนื่องจากกระทู้นี้มีน้ำใจค่อกัน สมานฉันต่อกันเสมือนเพื่อน จึงขอนำเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนมาให้อ่านกันครับ

    บางคนคงเคยอ่านกันมาแล้ว

    ลองอ่านอีกทีก็ยังซึ้งครับ


    "ความหมายของคำว่า...เพื่อน
    "
    เพื่อนคือ
    ... ยิ่งกว่าแฟนก้อว่าได้ ไม่ตามใจมัน ก็ไม่ด่า แต่ถ้ามันไม่ตามใจเราก็ด่าได้โดยที่มัน และเราไม่โกรธกัน
    [​IMG][​IMG]
    เพื่อนเมื่อโกรธกันสามารถกลับมาคืนดีกันได้โดยไม่ต้องเก็บความสงสัยว่า

    เรื่องที่โกรธกันคืออะไร ผ่านแล้วก็ผ่านไป

    [​IMG]
    เพื่อนคือที่พึ่งยามเป็นทุกข์
    เพื่อนคือที่ปรึกษา ตั้งแต่เรียน ทำงาน จนจะแต่งงาน! ก็ยังต้องปรึกษามัน
    [​IMG]
    เพื่อนคอยสับราง เวลารถไฟจะชน

    เพื่อนคอยโกหกพ่อแม่ เวลาไปเที่ยวแต่บอกว่าไปทำงาน

    เพื่อนคอยบอกแฟนว่าเรากำลังอยู่กับมัน ทั้งที่จริงเราไม่ได้อยู่กับมันหรอก

    และเพื่อนก็คือคนจ่ายค่าข้าวเวลาเราไม่มีเงิน
    ' เพื่อน ' คือ ทุกอย่าง

    มีผู้
    .... ที่เคยคบกันถามว่าจะให้เลือกหนึ่งเดียว ระหว่างเค้าซึ่งคบกันมา 1 ปี กับเพื่อนซึ่งคบมาประมาณ 15 ปีว่าคุณจะเลือกใคร
    ตอบแบบได้แบบไม่ต้องคิดเลยว่า
    ' เพื่อน '
    ซึ่งเค้าก็บอกว่าตอบผิดตอบใหม่ได้นะ

    เราก็บอกว่าตอบถูกแล้ว เพราะเค้าเห็นว่าเรารักเพื่อนมากกว่า แต่ไม่ใช่


    ถัาเราจะต้องเอาคนเข้ามาในชีวิตอีก
    1 คน
    ซึ่งก็ยังไม่รู้จักอะไรกันมาก

    กับเสียคนที่เรารู้จักกันมาเป็น
    10 ปี
    เราว่าทุกคนก็ต้องมีคำตอบเหมือนกับเรา

    เพราะทั้งสำหรับคนทั้งสองกลุ่ม

    เราไม่สามารถเอาแต่ละคนมาบวกและลบกันเพื่อให้ผลลัพธ์เป็นศูนย์

    [​IMG]

    เพราะฉะนั้นทุกคนต้องเลือกสิ่งที่มีค่ามากกว่า และสิ่งที่เราเลือก สิ่งนั้นก็คือ
    *****'' เพื่อน ''****
    ' some time happy… some time sad… but all time
    friend '
    บทส่งท้าย ถ้าเราสนุก ไปเที่ยวโดยไม่มีเพื่อน แล้วเล่าให้มันฟัง

    มันก็ไม่ว่าอ ะไร
    .... แล้วถ้าเราเที่ยวแล้วเกิดปัญหา เราตามตัวมันมา
    มันเคยพูดไหมว่า
    '* ไม่สน * เที่ยวแล้วไม่ชวน * * '
    คำพูดอย่างนี่จะไม่มีจากปากเพื่อน

    [​IMG]
    มีแต่จะพูดว่า
    ' อยู่ตรงไหน เป็นอะไรหรือเปล่า ' แล้วก็ลงท้ายว่า * จะรีบไป ....
    [​IMG][​IMG]
    อย่าลืมส่งต่อให้เพื่อนคนที่คุณรักด้วยนะ
     
  14. หม่อง

    หม่อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    363
    ค่าพลัง:
    +943
    จุก : หลวงตาครับ....หลวงตาคิดอย่างไรกับพวกที่ “ไม่รู้ไม่ชี้” ต่อสังคม?<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    หลวงตา : พวกไหนละ?<o:p></o:p>
    จุก : ก็ทุกพวกนั้นแหละ....ใครก็ได้ พวกไหนก็ได้<o:p></o:p>
    หลวงตา : หลวงตาว่า...ก็ดีนะ...<o:p></o:p>
    จุก : ดียังไงครับหลวงตา ผมว่าเห็นแก่ตัวมากกว่า<o:p></o:p>
    หลวงตา : เองพูดก็มีส่วนถูก...แต่เอ็งเป็นคนถามหลวงตา...แล้วจะไม่ฟังเหตุผล<o:p></o:p>
    ของหลวงตาก่อนหรือ?<o:p></o:p>
    จุก : ขอโทษครับหลวงตา...ผมอารมณ์ค้างไปหน่อย...ว่าแต่ว่า “ไม่รู้ไม่ชี้” <o:p></o:p>
    ที่หลวงตาว่าดี มันดียังไง?<o:p></o:p>
    หลวงตา : จุก...จุกเชื่อไหม คนเรา...ถ้าลอง “ไม่รู้” แล้วไป “ชี้” เรียกว่า “ชี้” ไป<o:p></o:p>
    ทุกเรื่องทั้ง ๆที่ “ไม่รู้” นั่นแหละ สังคมจะเป็นอย่างไร?<o:p></o:p>
    จุก : ผมก็ว่ามันคงวุ่นน่าดู<o:p></o:p>
    หลวงตา : วุ่นแล้วมันไม่น่าดูหรอกจุก....เอ็งดูเหตุการณ์บ้านเมืองของเราเวลานี้<o:p></o:p>
    สิ ความเห็นมากมายเหลือเกิน...บางคนก็เสนอว่า ต้องอย่างนั้น <o:p></o:p>
    ต้องอย่างนี้ ต้องจัดการอย่างนั้น ต้องจัดการอย่างนี้ ขอเพียงได้พูด <o:p></o:p>
    พูดแล้ว คนนั้นจะเอาอย่างนี้ คนนี้จะเอาอย่างนั้น บางทีก็เอามันเข้า<o:p></o:p>
    ว่าไม่ได้ใส่ใจเลยว่า ถ้าทำตามที่พูดผลจะเป็นอย่างไร...<o:p></o:p>
    จุก : ไม่รู้..ขอเพียงได้ “ชี้”<o:p></o:p>
    หลวงตา : นั่นแหละจุก..หลวงตาจึงบอกว่า ถ้า “ไม่รู้” ก็ไม่ควร “ชี้” หัดเป็นคน<o:p></o:p>
    ไม่รู้ไม่ชี้กันซะบ้าง จะได้ไม่วุ่นวาย<o:p></o:p>
    จุก : หมายความว่า อะไรที่ตนไม่รู้อย่างถ่องแท้แล้ว ก็หัดเงียบฟัง พิจารณา <o:p></o:p>
    ไตร่ตรองดูให้รอบคอบจนเข้าใจแจ่มชัดแล้วนั่น จึงค่อยชี้?<o:p></o:p>
    หลวงตา : ถูกแล้ว...จุก.<o:p></o:p>
     
  15. Maestro

    Maestro เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    676
    ค่าพลัง:
    +2,411
    ข้าโกหกแก

    กับลูกศิษย์ที่สนใจในการปฏิบัติภาวนา หลวงปู่ท่านมักพูดให้แง่คิดที่ลึกซึ้งอยู่เสมอ เป็นต้นว่า "ที่ข้าพูดให้แกฟังน่ะ ข้าโกหกแกทั้งนั้น"

    ลูกศิษย์ร้อยทั้งร้อย เมื่อฟังคำหลวงปู่ข้างต้นแล้ว ย่อมอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าจะเป็นไปได้อย่างไร พระพูดโกหกได้หรือ แล้วสิ่งที่หลวงปู่พูดให้ฟังถึงสภาวธรรมต่าง ๆ มันก็เป็นเหตุเป็นผล และไม่ได้นอกพระไตรปิฎกสักหน่อย แล้วจะว่าโกหกได้อย่างไร

    เมื่อเห็นสีหน้างวยงงของลูกศิษย์ หลวงปู่จึงเฉลยให้ฟังว่า "ก็สิ่งที่ข้าเล่าให้แกฟังนั้น มันเป็นจริงที่ข้า แต่ไม่ได้เป็นจริงที่แก ข้าจึงว่าข้าพูดโกหกให้แกฟังทั้งนั้น"

    ลูกศิษย์ฟังดังนั้นแล้วก็คล้าย ๆ จะเข้าใจขึ้นมาบ้าง แต่ถามจริง ๆ แล้ว ก็ยังไม่สิ้นสงสัยซะทีเดียว เรียกว่าฝากไว้ก่อน จนกระทั่งศึกษาและปฏิบัติมากเข้า ๆ จึงเริ่มกระจ่างขึ้นว่า

    แท้จริงแล้ว ผลการปฏิบัติ (ที่เรียกว่า "ปฏิเวธ") นั้น เป็นสมบัติของใครของคนนั้น พอพูดเล่าออกมาก็แปลงสภาพจากปฏิเวธ (ของจริง) กลายมาเป็น "ปริยัติ" (มิใช่ของจริง) หากแต่เป็นเครื่องชี้ให้พอเห็นลาง ๆ ถึงสภาวธรรมอันเป็นส่วนผลของผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นได้ด้วยตนเอง

    ดังคำครูบาอาจารย์ที่ว่า "ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง" และสอดคล้องกับสุภาษิตของนิกายเซนที่ว่า "นิ้วชี้พระจันทร์" นิ้วชี้นัยหนึ่งก็คือปริยัติ ส่วนพระจันทร์ก็คือปฏิเวธที่เอามาพูดไม่ได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องสัมผัสได้ด้วยใจเจ้าของจากการประพฤติปฏิบัติธรรม ด้วยตนเอง แค่ฟัง ๆ มา มันยังเป็นของโกหก เพราะยังเป็นแค่เรื่องบอกเล่าของผลการปฏิบัติ (ปฏิเวธ) ของผู้อื่น (มันใช่ความจริงที่ตนเอง)

    เรื่อง "ข้าโกหกแก" นี้ จึงเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมากอีกเรื่องหนึ่งที่น่านำมาบันทึกไว้ เพื่อศิษย์ผู้มาทีหลังจะได้หยิบยกนำไปใคร่ครวญพิจารณา

    เครดิต คุณสิทธิ์ Luangpudu.com / Luangpordu.com
     
  16. บุญพามา

    บุญพามา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +1,566
    ขอลุ้น หน้า 999สวัสดีครับ...โอม...

    ผมว่าพอเสร็จเรื่อง ลูกอม เเล้วต่อไปคงมาดูรายละเอียดของ การสร้างพระ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2010
  17. goodlook

    goodlook Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2010
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +128
    ทุกคนเกิดมาไม่สามารถมีอะไร "เท่าเทียม" กันหรือ "เหมือนกัน" ได้หมดทุกอย่าง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ไม่ว่าจะเป็นโชคชะตา พรสวรรค์ ความฉลาด หรือ ฐานะ<o:p></o:p>
    แต่ทุกคนมีสิ่งเดียวที่เหมือนกันหรือเท่ากันทุกคนไม่ว่าใครก็ตาม คือ "เวลา" ในหนึ่งวัน<o:p></o:p>
    และอีกสิ่งหนึ่งก็คือ มุมมอง หรือ ทัศนะคติ ต่อสิ่งที่เราได้ประสบ พบ หรือ เจอ
     
  18. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,342
    รู้ไว้ใช่ว่า...เกร็ดความรู้ นานาสาระประโยชน์

    รู้ไว้ใช่ว่า.. นานาสาระประโยชน์
    สารพัดประโยชน์ นานาสาระที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าบางทีอาจจะเป็นประโยชน์บ้างสำหรับบางคนหรือหลายๆ คน ไม่มากก็น้อยค่ะ


    เวลาจะเทนมข้นออกจากกระป๋อง ทำไมจึงต้องเจาะ 2 ช่อง

    การเจาะกระป๋องนม 2 ช่อง เวลาเทให้ช่องนึงอยู่ด้านบน จะทำให้เทออกได้สะดวก เป็นเพราะอากาศที่มีความกดดันมากถึง 15 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว จะสามารถเข้ากระป๋องได้ทางช่องบน และช่วยดันให้นมในกระป๋องไหลออกมาได้ หากเจาะแค่เพียงช่องเดียว..อากาศจากภายนอกจะดันไม่ให้นมในกระป๋องออกมา
    แม้ว่าการเจาะ 2 ช่องจะทำให้มีอากาศเข้าจากด้านบน และด้านล่างเท่ากัน แต่น้ำหนักของนมในกระป๋องจะทำให้มันไหลออกมาได้
     
  19. b_wanlop

    b_wanlop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +1,888
    รู้ไว้ใช่ว่า...เกร็ดความรู้ นานาสาระประโยชน์

    รู้ไว้ใช่ว่า.. นานาสาระประโยชน์
    สารพัดประโยชน์ นานาสาระที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าบางทีอาจจะเป็นประโยชน์บ้างสำหรับบางคนหรือหลายๆ คน ไม่มากก็น้อยค่ะ


    เวลาจะเทนมข้นออกจากกระป๋อง ทำไมจึงต้องเจาะ 2 ช่อง

    การเจาะกระป๋องนม 2 ช่อง เวลาเทให้ช่องนึงอยู่ด้านบน จะทำให้เทออกได้สะดวก เป็นเพราะอากาศที่มีความกดดันมากถึง 15 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว จะสามารถเข้ากระป๋องได้ทางช่องบน และช่วยดันให้นมในกระป๋องไหลออกมาได้ หากเจาะแค่เพียงช่องเดียว..อากาศจากภายนอกจะดันไม่ให้นมในกระป๋องออกมา
    แม้ว่าการเจาะ 2 ช่องจะทำให้มีอากาศเข้าจากด้านบน และด้านล่างเท่ากัน แต่น้ำหนักของนมในกระป๋องจะทำให้มันไหลออกมาได้
     
  20. Maestro

    Maestro เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    676
    ค่าพลัง:
    +2,411
    วัตถุมงคล ...มงคลที่ตรงไหน

    สำหรับผู้ที่มาศรัทธาหลวงปู่ดู่นั้น ต้องยอมรับว่า "วัตถุมงคล" ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่นำทางคนจำนวนไม่น้อยให้เข้ามารับการต่อยอดจากท่านในการ แสวงหาพระเก่าพระแท้คือใจที่ต้องฝึกฝนอบรมในศีล สมาธิ และปัญญา เพื่อให้ใจเป็นพระขึ้นมาเสียเอง ก็โดยอาศัยการยึดในพุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ และสังฆัง สรณัง คัจฉามิ เป็นหลักใจเสียก่อน
    วัตถุมงคล จึงแสดงความเป็นมงคลออกมาได้จริงก็ตอนโยงจิตของเจ้าของเข้าหาธรรมนี้แหละ แค่อานิสงส์ในทางเมตตา หรือในทางแคล้วคลาดปลอดภัย ฯลฯ นั้น มันยังเป็นเรื่องโลก ๆ ขึ้นชื่อว่าโลกก็ย่อมต้องมีความพร่องอยู่เป็นนิจ และมิอาจต้านทานความแก่ ความเจ็บ และความตายได้ ถึงจะแคล้วคลาดครั้งนี้ หรือครั้งไหน ๆ สุดท้ายก็แคล้วคลาดจากความแก่ ความเจ็บ และความตายไปไม่ได้หรอก
    ดังนั้น ความเป็นมงคลของสิ่งที่เรียกว่า "วัตถุมงคล" จึงอยู่ที่ตรงนี้ ตรงที่เป็นเครื่องระลึกให้ใจเราเข้ามาในวงของพระธรรม วงของการปฏิบัติเพื่อให้ได้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนที่มีใจเป็นธรรมเท่านั้นจึงจะแคล้วคลาดปลอดภัยได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลอดจากทุกข์ทางใจ ที่เรียกว่า "ธรรมย่อมคุ้มครองรักษาผู้ประพฤติธรรม"
    หากสิ่งที่เรียกว่า "วัตถุมงคล" มิได้โยงคนเข้าหาธรรม ความเป็นมงคลก็หาเกิดไม่ เหมือนพระในคอโจร หรือพระที่ตั้งอยู่ในถิ่นต่างศาสนา ก็มิได้มีความหมายในทางยกระดับจิตใจแต่อย่างใด ความเป็นมงคลจึงไม่บังเกิด
    เวลาหลวงปู่ดู่ท่านสอนศิษย์ ท่านมักสอนให้ใช้ปัญญาใคร่ครวญ (ท่านใช้คำว่า "ตรอง") เช่น ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร นั่งสมาธิหลับตาไปทำไม ตอบตัวเองให้ชัด ชีวิตเกิดมาทำไม ใช้ชีวิตอย่างไรจึงจะไม่เป็นโมฆะ เห็นนิมิตแล้วควรวางใจอย่างไร เพื่อมิให้ขัดกับเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ ฯลฯ ก็ทำนองเดียวกับที่ว่าสมาธิมิใช่เพื่อ สมาธิ หากแต่เป็นสมาธิเพื่อปัญญา ท่านจึงว่า "อย่าต้มน้ำทิ้งเปล่า ๆ ต้องเอาไปชง (เครื่องดื่ม) ไมโลโอวัลติน จึงจะเกิดประโยชน์"
    วัตถุมงคลก็เหมือนกัน การบูชาวัตถุมงคลมิใช่จะให้จบแค่ตัววัตถุมงคล หรือมูลค่าการซื้อขาย หรือความเชื่อในความขลัง ฯลฯ หากแต่ต้องมาจบที่ใจเจ้าของที่หันมาหาธรรม ใจที่มีสติมากขึ้น ใจที่เผอเรอน้อยลง ใจที่เชื่อในพระรัตนตรัยมากขึ้น ชนิดที่เรียกว่าไม่อาจทำความชั่วทั้งในที่แจ้งและที่ลับ
    สิ่งที่หลวงปู่สอนมาตลอดชีวิตท่านก็คือ ให้ศิษย์มีปัญญา และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ทีนี้ผู้ที่มีวัตถุมงคลไม่ว่าจะของหลวงปู่หรือของครูบาอาจารย์ท่านใดก็ตาม ก็ควรพิจารณาทบทวนดูว่า เราใช้สิ่งนี้อย่างผู้มีปัญญา รวมทั้งใช้อย่างผู้ไม่ประมาทในชีวิตหรือไม่ หรือว่าเราใช้วัตถุมงคลเพียงแค่เครื่องหาเลี้ยงชีพ ใช้เพื่ออวดหรือข่มคนที่ไม่มีเหมือนเรา ใช้เป็นเครื่องเล่นเช่นวัดพลังงานในองค์พระ ใช้เป็นสิ่งเอาไว้อ้อนวอนขอความสำเร็จชนิดไม่ต้องขวนขวายสร้างเหตุที่เหมาะ สม ใช้เป็นเครื่องอุ่นใจว่าปลอดภัยแน่ ๆ แล้วตั้งตนอยู่อย่างผู้ขาดสติและขาดความระมัดระวัง ฯลฯ
    วัตถุมงคล ...มงคลที่ตรงไหน ทุกท่านคงมีคำตอบแล้วนะครับ
    การถ่ายทอดผ่านบทความครั้งนี้อาจกระทบ ใจบางท่าน แต่ก็ด้วยหวังประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น และบันทึกไว้เพื่อให้ผู้มาใหม่ได้เห็นปฏิปทาในการสร้างพระของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก เพราะนานวันไปปฏิปทาส่วนนี้อาจถูกลืมเลือนไป

    เครดิต คุณสิทธิ์ Luangpudu.com / Luangpordu.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...