ทหารพระองค์ดำรายงานตัวหน่อยครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย visut_p, 28 สิงหาคม 2008.

  1. Unique_Angel

    Unique_Angel ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +6,546
    คุณอาภากรคะ อาจารย์ที่ กรมหลวงชุมพรฯ ท่านนับถือนั้นมีใครบ้างคะ :D
     
  2. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    สวัสดีครับทุกท่าน
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆของทุกๆท่านครับ

    อนุโมทนาทุกบุญกุศลที่ดีงามของทุกท่านครับ

    คุณปราญชลีถ้ามีโอกาสแจ้งข่าวพระกรรมฐานแสดงธรรมที่ชมรมพุทธศิริราชเป็นระยะให้ทราบด้วยนะครับ

    คุณนลินหากมีโอกาสเข้าป่าฝากถามเทวดา เผื่อท่่านจะเมตตาแบ่งปันโลหะเงินทองนาคมาร่วมหล่อพระพุทธรูปเงินจักรพรรดิื หรือพระกริ่งแม่สอนลูกด้วยครับ

    คุณจักรและตรีไม่สบายขอให้หายไวๆโดยดีงามครับ

    เมตตามีคุณประเสริฐ อนุโมทนาสาธุ

    ผมเคยฝึกมือ ตา ใจ เขียนลายไทยมาตั้งแต่เด็กครับ นำมาลงให้ดูทำให้ ผมภูมิใจ ในพ่อผม ท่านกูฎ (อาจารย์ไพบูลย์ สุวรรณกูฎ) พี่สาว น้องสาว น้องชาย ผม ขึ้นมาด้วยครับ

    กลับไปปั้นงานต่อครับ

     
  3. พี่ทิดศิษย์มีครู

    พี่ทิดศิษย์มีครู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +2,794
    คืนนี้อีก ๑ คืน อาตมาขอเปิดและออนไลน์ไว้อีก คงเกือบตลอดคืนเพราะคืนนี้ โยมมารดาของเรา ซึ่งทนกับโรคภัยที่เบียดเบียนอยู่มีอารทรุดหนักมาก คงจะนั่งเขียนบันทึก เรื่องราวต่างๆและรอดูท่านไปเรื่อยๆ ในคืนอันไม่ได้ตั้งใจให้เกิดบรรยากาศนี้
     
  4. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    นมัสการพระอาจารย์ค่ะ
     
  5. Unique_Angel

    Unique_Angel ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +6,546
    นมัสการพระอาจารย์เจ้าค่ะ..
     
  6. พี่ทิดศิษย์มีครู

    พี่ทิดศิษย์มีครู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +2,794
    เจริญในธรรม...ทุกๆท่านที่แวะมาทักทายยามวิกาล

    ณ.เวลานี้อาตมากำลังพยายามที่จะทำสมาธิตามรู้ในสำนึกแห่งความรู้สึกต่างๆ เพื่อเขียน ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ในการอาพาธของพระภิกษุผู้เป็นอาจารย์และท่านเป็นผู้มีพระคุณกับอาตมาและครอบครัว แต่กลับต้องเผชิญและรับรู้ในเวทนาที่มิได้มีเพียงสังขารร่างกายเท่านั้น แต่ยังได้กับอาการที่ต้องตามรู้อารมณ์ของจิตใจที่ได้มา นั่งอยู่ไกล้ๆโยมมารดาผู้มีพระคุณ กำลังล้มเจ็บและมีอาการทุกข์ทรมานไปตามสภาวะสังขารที่ มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของที่ไม่มีใครสามารถเลี่ยงพ้นได้ แต่บางทีก็มีเรื่องปาฏิหาร หรือ จิตใจที่อยู่เหนือสังขารร่างกาย มาให้เราเห็นได้รับรู้ อย่างเช่นคุณโยมผู้เป็นมารดาของอาตมา

    เมื่อ ๕ ปีก่อนนั้นท่านล้มเจ็บหนักจาก มะเร็งปากมดลูกระยะสุดท้าย หลังจากที่รักษามะเร็งเต้านม มาแล้วทั้งซ้ายขวา ทางแพทย์บอกให้ทำใจน่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน ๓๐ วันอย่างแน่นอน จนโยมบิดาของอาตมาคิดจะขออกบวชหลัง วาระสุดท้ายของ ผู้เป็น "แม่" แต่หาก ๕ ปีผ่านไป ทั้งกำลังใจ และจิตใจของท่าน และการออกบรรชาอุปสมบทอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หรือมีอะไรมาบอกล่วงหน้า อาตมาตัดสินใจออกบวช และ โยมบิดาของเราก็ทำกิจวัตรต่างๆ ประดุจนักพรต และยังออกช่วยเหลือคนชรา คนยากจน หรือคนที่ถูกทอดทิ้ง พาไปหาหมอ และคอยช่วยเหลือรับส่งพระภิกษุผู้อาพาธ ทุกรูป ตั้งแต่เช้า จรดค่ำของทุกวัน อาตมาเองคงได้รับบารมีจากท่าน จึงทำให้คิดได้และกลายมาเป็นนักบวช และ ได้พบเจอสิ่งต่างๆ ครูบาอาจารย์ และผู้รู้ให้คำสั่งสอน และเปิดดวงตาที่เคยมืดบอด ทางธรรมและกรรมฐานของอาตมาออกได้

    อาตมาขอน้อมจิตอันสงบ ณ เวลานี้ กับ ขอนำส่งอำนาจแห่ง ทาน ศีล และภาวนา และบารมีต่างๆที่เคยได้ทำมา ทุกภพ ทุกชาติ และ ณ ปัจจุบัน ขอจงเป็น พลวปัจจัย เป็นอุปนิสัยนำส่งให้ท่านทั้งสอง บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ และสหายธรรม ญาติธรรม ที่ร่วมในการสนับสนุน หรือคอยช่วยเหลืออาตมาในการต่างๆ และหน้าที่หรือสัจจะวาจาที่อาตมาได้กระทำมาแล้วก็ดี และที่จะเริ่มต่อไปก็ดี ขอจงนำส่งให้ท่านและบุคคลที่ท่านเคารพบูชา จงบังเกิดดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งเห็นจริง ในพระพระสัจจธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งในชาติ และภพหน้า ตลอดทุกชาติภพ อย่างยิ่ง จนถึงซึ่งความพ้นทุกพระนิพพานเทอญ.......................และขอจงแผ่ขยายในพระบารมี ของมหาบิตรจอมกษัตริย์ผู้ที่มากล้นในพระมหากรุณาธิคุณ ของชนทุกหมู่เหล่า แดนสยามและเมืองไกล้เคียง ขอพระบารมีจงช่วยคุ้มครองรักษา เป็นศูนย์รวมจิตใจของเหล่าพสกนิกร และผู้ที่สำนึกในพระบารมีและ ผู้ที่เคยได้อาศัยร่มบรมโพธิสมภารนี้ ตราบนานเท่านาน...................

    ขอดวงจิตทั้งหลายที่ยังล่องลอย...และรอคอย
    จงเป็นสักขีพยาน...ในการกระทำหรือคิด...ของจิตแห่งเรา

    ธ.โชติกะภิกขุ

    (ศิษย์ พ.พ.๒๕๓๓-๒๕๓๘ พระราชวังจันทร์ เมืองสองแควพิษณุโลก)

    หากมีท่านใดที่มีความต้องการจะร่วมไปตามรอยบุญและเพิ่มพูนพระบารมีกับเราแล้ว เรายินดีเสมอที่จะมีใครก้าวออกมาร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสุข ทุกข์ และ เรียนรู้ ตามประวัติศาสตร์ ที่ใช้เทคโนโลยี จากความคิด และโลกปัจจุบันเพื่อ ทดแทนคุณ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่เราท่านทั้งหลาย มีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน อาตมาขอเรียนเชิญ......มาพบปะสนทนา หรือ ติดต่อแสดงความคิดเห็น หรือสนับสนุนในทุนทรัพย์ หรือเพียงส่งแรงใจมา ก็ขออนุโมทนาอย่างสูงยิ่งใว้ล่วงหน้าแต่บัดนี้
     
  7. Red Leaf

    Red Leaf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +4,547
    นมัสการหลวงพี่ค่ะ.....
     
  8. อบ.

    อบ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,538
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ อบ. [​IMG]
    สูตรอาหารลดอุจจาระตกค้าง มีดังต่อไปนี้

    1. เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว ทิ้งไว้ 30 นาที ดื่มก่อนนอน เม็ดแมงลักจะลากอุจจาระตกค้างออ<WBR></WBR>กมา ทานเป็นปกติได้ทุกวัน หรือ 3-4วันต่อสัปดาห์

    2. นมสด 2 กล่อง (รวมจะได้ประมาณ 500 มิลลิตร) และ กล้วยน้ำว้า 2 ลูก ทานก่อน 6 โมงเช้า ช่วงแรกควรทานติดกัน 3 วัน หากถ่ายก่อน 7 โมงเช้าเป็นปกติได้แล้ว ก็ลดมาเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

    3. ทานผักบุ้ง 2 กำมือ ผัด หรือ ต้ม ทำอาหารตามใจชอบ


    จากเฟซบุคคุณหมอจุ๋ม ทพญ. Achara Klinsuwan ค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    มีประโยชน์จริงๆ..ขอบคุณน้อง อบ.มากจ้า ที่เอามาโพส<!-- google_ad_section_end -->


    ว่าจะไปลองๆ เหมือนกันค่ะ อิอิ
     
  9. อบ.

    อบ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,538
    ต้องรู้อยู่ตลอด

    โดย : พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท) วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี

    [​IMG]

    ถ้าหากว่า เราเผลอไปนาทีหนึ่ง ก็เป็นบ้านาทีหนึ่ง
    เราไม่มีสติสองนาที เราก็เป็นบ้าสองนาที
    ถ้าไม่มีสติครึ่งวัน เราก็เป็นบ้าอยู่ครึ่งว้น เป็นอย่างนี้

    สตินี้ คือความระลึกได้

    เมื่อเราจะพูดอะไร ทำอะไร ต้องรู้ตัวเราทำอยู่
    เราก็รู้ตัวอยู่ ระลึกได้อยู่ อย่างนี้คล้ายๆ กับเราขายของอยู่ในบ้านเรา
    เราก็ดูของของเราอยู่คนจะเข้ามาซื้อของ หรือขโมยของของเรา

    ถ้าเราสะกดรอยมันอยู่เสมอ เราก็รู้เรื่องว่าคนๆ นี้ มันมาทำไม
    เราจับอาวุธของเราไว้อยู่อย่างนี้ คือ เรามองเห็นพอขโมยมันเห็นเรา
    มันก็ไม่กล้าจะทำเรา

    อารมณ์ก็เหมือนกัน ถ้ามีสติรู้อยู่ มันจะทำอะไรเราไม่ได้
    อารมณ์มันจะทำให้เราดีใจอยู่อย่างนี้ตลอดไปไม่ได้
    มันไม่แน่นอนหรอก เดี๋ยวมันก็หายไป
    จะไปยึดมั่นถือมั่นทำไม อันนี้ฉันไม่ชอบ อันนี้ก็ไม่แน่นอนหรอก...

    ถ้าอย่างนี้ อารมณ์นั้นก็เป็นโมฆะเท่านั้น เราสอนตัวของเราอยู่
    เรามีสติอย่างนี้เราก็รักษาอย่างนี้เรื่อยๆ ไป
    ตอนกลางวัน ตอนกลางคืน ตอนไหนๆ ก็ตาม ต้องรู้อยู่ตลอด




    "ยกโทษให้เขา คือเอาโทษออกจากเรา" .. ดังตฤณ
     
  10. อบ.

    อบ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,538
    [​IMG]
     
  11. อบ.

    อบ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,538
    กะปิในใจ


    [​IMG]

    พระพุทธองค์ตรัสว่า จิตของคนเรานั้นเหมือนกับลิง
    เราจึงเรียนรู้เรื่อง ของจิตใจของเราได้มากมายจากพฤติกรรมของลิง


    จะให้อะไรแก่ลิงก็ให้เถิด ขออย่างเดียวอย่าให้กะปิก็แล้วกัน
    ลิงนั้นเกลียดกะปิยิ่งนัก ถ้ากะปิติดมือมันเมื่อไหร่ เป็นได้เรื่องเมื่อนั้น โลกจะแตก แผ่นดินจะไหว มันไม่สนใจแล้ว สนใจอย่างเดียวว่า ทำอย่างไรกลิ่นกะปิจะหลุดไปจากมือ


    มันจะเอามือถูกับพื้น ถู ๆ ๆ แล้วก็ดมดูว่ากลิ่นยังติดมืออยู่หรือไม่ ถ้ายังติดอยู่ มันจะถู ๆ ๆ อีก และถูแรงขึ้น ๆ จนเนื้อถลอก ถ้าดมแล้วยังไม่พอใจ ก็ถูต่อไป แม้เลือดไหลซิบ ๆ ก็ยังไม่หยุดจนกว่ากลิ่นกะปิจะหายไป กว่าลิงจะเลิกถูและเลิกดม มือก็แดงไปด้วยเลือดแล้ว


    มันไม่เฉลียวใจเลยว่า แท้ที่จริงสิ่งที่ทำร้ายมัน ไม่ใช่กะปิ หากได้แก่การกระทำของมันเอง กะปิทำความรำคาญแก่มันก็จริง แต่ที่มันเลือดตกยางออกก็เพราะทำร้ายตัวเอง


    แล้วอะไรที่ทำให้มันรุนแรงกับตัวเองอย่างนั้น กะปิหรือ? ไม่ใช่หรอก ความเกลียดกะปิอย่างเข้ากระดูกดำต่างหาก


    พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สำหรับลิงแล้ว สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่กะปิ แต่ได้แก่ความเกลียดกะปิต่างหาก จะว่าไป ปัญหาของเจ้าจ๋อนั้นก็เป็นปัญหาของคนเราเหมือนกัน สิ่งที่เราโกรธหรือเกลียดนั้นไม่ร้ายเท่ากับความโกรธเกลียดที่ฝังแน่นในใจเรา ถึงเขาจะดูถูกเรา กลั่นแกล้งเรา แต่การหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่กับคนคนนั้น และการกระทำของเขาวันแล้ววันเล่าต่างหาก ที่มีสิทธิ์ทำให้เราเป็นโรคหัวใจหรือเส้นโลหิตในสมองแตกได้


    การมีสิวบนใบหน้าไม่ใช่ปัญหาใหญ่โต การถูกเพื่อนล้อเพราะเหตุนี้ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แต่การกังวลจมจ่อมอยู่กับเรื่องนี้ก็ทำให้วัยรุ่นฆ่าตัวตายมาหลายคนแล้ว


    สิ่งที่ทำความทุกข์แก่เรามากที่สุดนั้น มิใช่สิ่งที่เราไม่พอใจ หากได้แก่ความไม่พอใจของเรา หรือปฏิกิริยาของเราต่อสิ่งนั้นต่างหาก


    มะเร็งหรือเอดส์นั้น ไม่ทำร้ายคนป่วยมากเท่ากับความกังวล ท้อแท้ หดหู่ หรือจงเกลียดจงชังโรคดังกล่าว คนเป็นอันมากตายเร็วขึ้นก็เพราะความรู้สึกแบบนี้ มิใช่เพราะโรค เมื่อใดก็ตามที่ทำใจได้ หรือมีท่าทีที่ดีต่อโรค ผู้ป่วยก็จะมีสภาพดีขึ้น ภัยจากโรคก็จะลดลง มิหนำซ้ำอาจจะกลับเป็นคุณด้วย หลายคนรู้สึกขอบคุณโรคมะเร็ง เพราะช่วยให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น คนที่อยู่กับมะเร็งหรือเอดส์อย่างปกติสุขมีอยู่ไม่น้อยในเวลานี้


    ในทำนองเดียวกัน ความตายก็น่ากลัวน้อยกว่าความกลัวตาย คนเป็นอันมากทุกข์เพราะความกลัวตายยิ่งกว่าเพราะความตายจริง ๆ เสียอีก ทันทีที่ความกลัวตายจางคลายไป ความตายกลับจะเป็นมิตรที่นำความสงบและปัญญามาสู่จิตใจ


    เวลาอยู่คนเดียวในที่มืด ลอกนึกดูว่าตัวการที่ทำให้เรากระสับกระส่าย หวาดผวานั้น คือ สัตว์ร้าย คนแปลกหน้า ผี ใช่หรือไม่ ถ้าคิดว่าใช่ ทำไมหัวใจของเรายังเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งๆ ที่ ไม่มีสิ่งเหล่านั้นมาปรากฏให้เห็น หรือว่าตัวการแท้จริงที่ทำให้เราว้าวุ่นก็คือความกลัวและการครุ่นคิดถึงสิ่งเหล่านั้น


    เราทุกข์เพราะความกลัวและเรากลัวทุกครั้งที่คิดถึงพวกนั้น พูดง่าย ๆ ก็คือ จริง ๆ แล้วเรากลัวความคิดของเราเองต่างหาก เราทุกข์เพราะสิ่งที่อยู่ในใจเรายิ่งกว่าอะไรอื่น จะเรียกว่าทุกข์เพราะตัวเราเองก็ได้ สิ่งอื่นคนอื่นเป็นเพียงองค์ประกอบเท่านั้น เพราะฉะนั้น เวลาเดือดเนื้อร้อนใจ อย่าไปโทษหรือเล่นงานคนอื่นจนลืมจัดการกับใจของตนเอง อย่าลืมว่า กะปิข้างนอกไม่ร้ายเท่ากะปิในใจเรา


    ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ท

    เรื่องโดย .. รินใจ
     
  12. พี่ทิดศิษย์มีครู

    พี่ทิดศิษย์มีครู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +2,794
    ข้อความข้างบนนั้น เป็นธรรมและแก่นแท้ของธรรมทั้งปวง อันเราท่านทั้งหลายที่ต้องการ ฝึก จิตของเราเพื่อสิ่งใดก็ตาม

    สิ่งที่ทำความทุกข์แก่เรามากที่สุดนั้น มิใช่สิ่งที่เราไม่พอใจ หากได้แก่ความไม่พอใจของเรา หรือปฏิกิริยาของเราต่อสิ่งนั้นต่างหาก

    และ

    สิ่งที่ทำความทุกข์แก่เรามากที่สุดนั้น มิใช่สิ่งที่เราไม่พอใจ หากได้แก่ความไม่พอใจของเรา หรือปฏิกิริยาของเราต่อสิ่งนั้นต่างหาก

    อาตมาขอนอบน้อม อนุโมทนากับข้อความอันเป็น ธรรมทานนี้ สาธุ

    และขอนำความคิด และ ความเห็นเฉพาะตนที่พบมาให้เป็นธรรมทานต่อผู้สนใจต่ออีกเป็นการต่อยอดของยุญบารมีในมานนี้

    หากท่านที่เคยฝึกและศึกษาปฏิบัติกับตนตามไปตามนี้แล้ว นี่คือจุดสำคัญของจิต และกรรมฐานในการตามรู้สภาวะของอารมณ์ แต่บางทีก็เป็นจุดเริ่มต้น หากเรียนรู้ยิ่งนานเข้า นานเข้า เราจะคิดมุมกลับไปว่า นี่มันเป็นปลายทางของการเรียนที่เราจะสามารถรู้ได้อย่างแจ่มชัด และที่แน่ๆ อาตมาเองขอสารภาพจากความในส่วนลึกอย่างไม่อายเลยว่า แม้อาตมาหรืออาจจะหลายๆท่านจะพยามเพียงไรก็ตามในการที่จะเรียนรู้หรือตามรู้สภาพที่เกิดในขณะนั้นๆแล้วเพียงได ด้วยการรับรู้และทำความเข้าใจมันเพียงอย่างเดียวโดยไม่ขัดขืน หรือกดดันใดๆก็ตามจนสามารถรับรู้ได้ในใจตนแล้วว่า เราสามารถฝึกการเรียนรู้ตามรู้ได้อย่างดีมากทีเดียว แต่ที่บางครั้งเราอาจจะมานั่งตกใจกับตัวเอง ว่าบางครั้งตามเหตุของธรรมชาติแล้ว บางครั้ง เราเองก็อาจจะลืมและไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่าบางอารมณ์ หรือความรู้สึกนั้น มันเกิดมานานแล้วโดยเรามิรู้ได้ทันและลืมไปเสียด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป(หรือยัง) ตั้งแต่เมื่อไรกันนี่ แท้จริงแล้วในความคิดของอาตมาที่อาจตรงกับครูบาอาจารย์บางท่าน หรืออาจขัดกับท่านใดไปบ้างก็ตาม แต่นี่คือการรู้ของอาตมาจากจิตใจของอาตมาเองซึ่งอาจเกิดขึ้น และคงตั้งอยู่ในวันนี้ และก็เต็มใจยิ่งที่จะดับไปในวันข้างหน้า อาตมาคิดว่า นี่แหละ เราก็คน ท่านก็คน มันก็คน เขาก็คน ทุกคนล้วนอยู่และอาศัยในธรรมชาติทั้งปวงของโลกในขณะนี้ และ ความสงบ สมาธิ และปัญญาที่รู้แจ้งนั้น ก็คงเป็นผลที่เกิดและจะพัฒนาดีขึ้นๆ รู้ชัดขึ้นๆ ก็หลังจากที่เราเพียรที่ทำตามรู้ตาม เจริญสติตามไป เรื่อยๆ ๆ ๆ จนถึงเมื่อ เราไปถึงทางพ้นจากกองทุกข์ได้ นั่นแหละ ความสงบ บังเกิด......สงบ......ถาวร

    ขอน้อมนำส่งอำนาจบารมีธรรมทั้งปวงจงไปสู่โยมมารดาของเรา

    ธ.โชติกะภิกขุ

     
  13. อบ.

    อบ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,538
    [​IMG]

    ปัญญาแท้ แลเป็นกลาง วางทุกสิ่ง
    เท็จหรือจริง ชิงชังนัก ฤารักหวาน
    เหนือสุขทุกข์ เหนือดีชั่ว เหนือมิตรพาล
    จิตเบิกบาน นิ่งเย็นใน หทัยธรรม




    นมัสการหลวงพี่และสวัสดีเพื่อนๆค่ะ

    อบเองก็ตามรู้ตามดูจิตตนเองเช่นกันค่ะ

    บางครั้ง เมื่อเราเห็นกิเลสในตน เราก็ไม่ชอบ (เพราะยังมี "เรา" อยู่ .. )

    เราก็อยากดี (ยัง "อยาก" อยู่)

    เราก็ไม่กลาง กับกิเลส

    ทั้งๆ ที่ ดี หรือ ชั่ว ล้วนเป็นธรรมดา และสอนไตรลักษณ์ เหมือนๆกัน

    วันก่อน อบ ได้ฟังซีดี พระอาจารย์ สะดุดคำว่า

    "เหนือดี เหนือชั่ว"

    เลยแต่งกลอนนี้ขึ้นมาค่ะ

    แต่ตนเอง ยังไม่เหนือเลยค่ะ

    อนุโมทนากับหลวงพี่ทุกประการค่ะ


    ^___^
    <LABEL class="caption_save uiButton uiButtonConfirm uiButtonMedium"></LABEL><LABEL class="caption_cancel uiButton uiButtonDefault uiButtonMedium"></LABEL>
     
  14. Red Leaf

    Red Leaf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +4,547

    เดินทางนี้ให้ตรงไปเรื่อยๆ วันนี้ไม่ถึง...วันหน้าก็ต้องถึงจ้า

    เออ..บ้านเงียบจังเนาะ หุหุหุ แต่ยังไงก็จะเข้ามานมัสการและรับข้อธรรมจากหลวงพี่ตลอดเวลาค่ะ
     
  15. innovex

    innovex เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2005
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +2,679
    สาธุครับและอนุโมทนาทุกท่าน
    โน๊ตบุ๊คผมพิมพ์ไทยได้แล้วครับ
    กลอนไพเราะและความหมายดีครับคุณ อบ.
     
  16. princesslulu

    princesslulu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +1,055
    นั่นแน่.. เอาภาพละลายใจแม่ยกมาอีกแว๊ว..พี่อินฯ
     
  17. princesslulu

    princesslulu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +1,055
    พอดีไปเจอข้อความดีๆ เลยเอามาฝาก

    อุปกิเลส 16 : 9.มายา-มารยา
    Posted by หมอนไม้ , ผู้อ่าน : 10 , 15:48:41 น.
    หมวด : ศาสนา
    พิมพ์หน้านี้ โหวต 0 คน



    คำนี้ เราต่างรู้จักกันดี ไม่เว้นว่าจะเป็นผู้หญิงผู้ชาย ครึ่งหญิงครึ่งชาย ครึ่งชายครึ่งหญิง คนดี คนไม่ดี ต่างมีอุปกิเลสที่ชื่อ 'มายา' หรือ 'มารยา' แอบแฝงอยู่ไม่มากก็น้อย


    อาจจะมีเสียงแย้งมาว่า ไม่จริงหรอก ไม่ได้มีกันทุกคน ผู้หญิงน่ะมีมากกว่าผู้ชาย ดูในละครน้ำเน่าสิ ผ่านมากี่สิบปี ก็ยังมีตัวอิจฉาตบตีนางเอกอยู่เลย อืมม์ ก็ต้องกลับไปถามนะคะว่าใครเขียนบทให้ผู้หญิงร้ายอย่างนี้ แล้วใครล่ะกำกับผู้หญิงให้ออกมาดูน่าสมเพชเช่นนั้น ใครกันเล่าที่เป็นแบบอย่างให้เธอๆ ต้องแสดงบทอันน่าทุเรศทุรังอย่างนั้นออกมา ทั้งนางเอกและตัวอิจฉา ล้วนน่าสงสารเช่นเดียวกับคนทำ และคนดู เขาตบตีกันอยู่ได้ทุกวัน ก็น่าสงสารไม่แพ้กัน


    ยิ่งคำว่า สิทธิมนุษยชน ที่นำเข้าจากตะวันตกกำลังมาแรง หญิง-ชาย มีความเท่าเทียมกันในการทำงานมากขึ้น ผลก็คือ เจ้าตัว 'มายา' นี้ก็ย้ายฝั่งไปสิงผู้ชายมากขึ้นตามไปด้วย (บางทีผู้ชายเองอาจจะไม่รู้ตัว เพราะฟอร์มเยอะ) แต่! คุณผู้ชายลองสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่า บางทีก็มีอิจฉา ริษยา ผู้หญิงที่เขาทำงานได้ดีกว่าตัวไม่น้อย ผลของการอิจฉา ริษายา ก็ทำให้ตัว 'มายา' ทำงานมากขึ้น เมตตากับลูกผู้หญิงที่ไม่มีผลประโยชน์ด้วยน้อยลง และเมตตากับผู้หญิงที่ตัวเองอยากจะได้อะไรจากเธอมากขึ้น


    เขาจึงเรียกโลกนี้ว่า โลกมายา ไงคะ ไม่ว่าจะในจอ นอกจอ ในบ้าน นอกบ้าน ในมหาวิทยาลัย ในที่ทำงาน มนุษย์เราล้วนถูกมายาบดบังดวงตากันทั้งนั้น เด็กจึงล้นโลก อ้าว เป็นงั้นไป


    คำจำกัดความของอุปกิเลสตัวนี้ ที่มีคนพยายามนิยามไว้มากมาย เช่น เสแสร้งแกล้งทำ ความเป็นคนลวงโลก ไม่จริงใจ ฯลฯ จึงยังคงเป็นเพียงมายาในระดับจิตวิทยาเท่านั้น ยังไม่ลึกเข้าไปถึงระดับหัวหน้าของมันคือ 'จิตสังขาร' หรือความคิดปรุงแต่งนี่เอง ที่เป็นตัวให้อาหาร มายา จนมันใหญ่ขึ้นๆ จนครอบใจเราไว้เหนียวแน่น


    ทางลัดที่จะกะเทาะเปลือกมายานี้ออกมาดูตัวเอง ก็คือ 'สติ' ตัวเดียว


    สติ จะทำให้เรามองดูตัวเราเองอย่างที่มันเป็นจริงๆ สังเกตง่ายๆ ก็คือ ถ้ามีสติ เราจะรู้ว่า เวลาพูด ใจเราพูดอีกอย่างหรือเปล่า เวลาเราชมเขา ใจเราชมเขาจริงๆ หรือไม่ เมื่อลองสังเกตไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นเองว่ามีเหมือนกันนะที่ไม่อยากชมหรอก แต่ก็ต้องชมตามมารยาท มีเหมือนกันนะ อยากไปมากเลย แต่ก็ต้องบอกว่าไม่อยากไป กลัวเสียฟอร์ม มีเหมือนกันนะ รักจริงๆ แต่ก็บอกว่า ไม่รัก และมีเหมือนกันนะ ที่เกลียดมาก แต่ก็แกล้งบอกว่าชอบให้ตายใจ


    นี่คือความวิปริตทางจิตอีกอย่างหนึ่ง ถ้าตามมันไม่ทัน มันจะหลอกเราไปเรื่อยๆ จนตายไปกับมันก็มี แล้วเราก็ไม่ได้เรียนรู้ว่า มายา ไม่ใช่ของจริง มันเป็นเพียง สนิม หรือกาฝาก ที่มาเกาะติดอยู่ที่จิตเราเท่านั้นเอง


    พระพุทธเจ้าท่านอุปมาอุปกิเลสเหล่านี้ไว้ดั่งผ้าที่เปื้อนสี ย้อมอย่างไร ผ้าก็สีหม่น ไม่ได้สีใหม่สักที และนี่คืออีกตัวหนึ่งที่ขวางกั้นไม่ให้เราดวงตาเห็นธรรมไปได้.



    ปักกลดกลางป่ากระดาษ/หมอนไม้
     
  18. princesslulu

    princesslulu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +1,055
    ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนกระทู้บ่อยๆ เหมือนแต่ก่อน

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร.. เบื่อไม่มีสาเหตุ.. หรืออาจจะมี

    เหมือนบางอย่างขาด บางอย่างล้น

    ... หาความพอดีไม่เจอ.. เลยต้องหาเวลาพูดคุยกับตัวเองบ้างเสียหน่อย...

    แต่ก้ใช่ว่าจะห่างจากมิตรสหายไปไหน ยังคงได้โทรคุยกับหลายๆ ท่าน ตามความระลึกถึงจะอำนวยฯ

    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมากลับไปบ้านแม่ทูนหัวฯ ไปไหว้เสด็จพ่อ ร.๕ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติฯ มา

    *** อันพรใดๆ ที่พ่อฯ ประทานให้ ก็ขอให้เผื่อแผ่มายังมิตรสหายที่ได้ระลึกถึงคุณแผ่นดิน คุณพระมหากษัตริย์ เช่นเดียวกับที่พ่อฯ ประทานให้ลูกหมาน้อยอย่างหนูด้วยนะเจ้าคะ ****


    ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น... งานที่รับปากท่านฯ กับพิซซ่าไว้ก็จะทำให้เต็มที่ รีบๆ เขียนมาเสียดีๆ เพราะมีแผนการณ์อื่นในอนาคตแล้ว อย่าช้าอยู่น้องรักขี้เกียจทวงงาน

    พี่เองก็จะทำงานในส่วนของพี่ด้วย เคยบอกท่านแล้วว่าเร่งให้ด้วยนะเจ้าคะ ขี้เกียจกลับมาสานเจตนารมย์ต่อชาติหน้า... เดี๋ยวพิซซ่าจะพาลเบื่อ...เอิ๊กๆๆๆๆๆ
     
  19. princesslulu

    princesslulu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +1,055
    สิ่งสำคัญ...

    ปีกว่าๆ มานี้บางสิ่งที่หายไปคือ "การสำรวจจิตใจตัวเอง" ในช่วงที่เรารวมกลุ่มกัน มันเป็นความสุข และมีความทรงจำดีๆ มากมาย แต่ในจริตส่วนตัวแล้ว ... เวลามันขับเคลื่อนไปตามปกติ แต่เรามีกิจกรรมเพิ่มขึ้น

    สิ่งที่ผิดพลาดที่ตัวเองละเลยไปก็คือ " การให้เวลากับตัวเอง " อาจจะฟังดูเหมือนคนบ้าที่พูดคุยกับตัวเอง บางครั้งสิ่งเล็กๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่เรามองข้ามไปไม่ทันได้ทบทวน แต่มันกลายเป็นสิ่งที่ตกผลึกอยู่ในความรู้สึก ทำให้ชีวิตเสียการทรงตัว...

    ที่หายไปก็เลยเป็นเวลาสำหรับ "คุยกับตัวเองให้มากๆ" ว่าเราต้องการอะไร อยากทำอะไร เมื่อรู้แล้วก็จะได้คลายตรงนั้นได้ถูก ใครจะรู้ปมเล็กๆ อาจเป็นปัญหาใหญ่...


    ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เวลาที่ห่างหาย มิตรภาพมิได้คลายคลอนไปด้วยนะคะ...


    รักเสมอ...

    พี่เรด..ขอเพลง "เดียวดายกลางสายลม" ของนรีกระจ่างด้วยนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.jpg
      images.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.7 KB
      เปิดดู:
      44
  20. visut_p

    visut_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,763
    ในที่สุดก็ตามอ่านทันจนได้ ก่อนอื่นก็ต้องขอนมัสการหลวงพี่ แล้วก็ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ทุกคนนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...