พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ‘Sick Building Syndrome’ ปีศาจร้ายบนตึกสูง!



    โดย: สมร นอนใกล้รุ่ง

    น้อง แหม่มมีอาการเซื่องซึม เวียนหัว คลื่นไส้บ่อยๆ และหลายสัปดาห์ต่อมาน้องปุ๊กกับพี่ปุ๋ยก็มีอาการคล้ายกัน พนักงานที่เหลือเริ่มจิตหลอนว่าเหตุที่มีคนป่วยเยอะแบบนี้ อาจเป็นเพราะมี something สิงสู่อยู่ในออฟฟิศหรือเปล่า???
    โชค ดีที่ฝ่าย HR ไม่เรียกหมอผีมาทำพิธี แต่ส่งทั้ง 3 คนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แล้วแพทย์ก็วินิจฉัยว่าทั้ง 3 คนไม่ได้ถูกผีเข้าแต่ประการใด ทว่าทั้ง 3 คนมีอาการของโรค ‘ตึกเป็นพิษ’!!!


    [​IMG]

    โรคตึกเป็นพิษคืออะไร?

    โรคตึกเป็นพิษ หรือ Sick Building Syndrome (SBS) ก็ คืออาการที่เกิดขึ้นจากมลพิษภายในอาคารที่วางระบบหมุนเวียนอากาศไม่ดี จึงทำให้สารระเหยที่ถูกปล่อยออกมาจากเครื่องใช้สำนักงาน เช่น เครื่องซีร็อกซ์ พรินเตอร์ รวมถึงสารระเหยจากสีทาผนัง ไม้อัด สารเคลือบเงาทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งไรฝุ่นในพรม วนเวียนอยู่ภายในระบบปรับอากาศของตึกน่ะ
    อาการ ที่ปรากฏก็คือ อ่อนล้า ปวดหัว เวียนหัว คลื่นไส้ คัดจมูก ไอ จาม เกิดผดผื่นคัน ระคายเคืองดวงตา และมีความผิดปกติของประสาทรับกลิ่น เป็นต้น
    ก็ ร้ายแรงขนาดนี้แม้คุณหมอจะระบุว่าไม่ใช่ แต่ในความรู้สึกของพนักงานที่เหลือ อาการเหล่านี้ก็น่ากลัวประดุจการกระทำของผีร้ายนั่นทีเดียว

    ใช่อาการที่ปีศาจ SBS คุกคามหรือไม่?
    มีข้อสังเกตให้พิจารณาสองประการ
    1.คนที่อยู่ในห้องหรือในตึกเดียวกันมีอาการพวกนี้เหมือนกันหรือไม่
    2.อาการนี้จะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในตึกเท่านั้น เมื่อออกมาภายนอกจะไม่หลงเหลืออาการอยู่อย่างนั้นหรือไม่
    ถ้าใช่ทั้งสองข้อล่ะก็...แปลว่าปีศาจแสนทันสมัยนาม Sick Building Syndrome ได้เร้นตัวอยู่ตามซอกหลืบต่างๆ ในออฟฟิศคุณเสียแล้วล่ะ
    และ เจ้าปีศาจตนนี้ก็จะรังควานพนักงานจนเจ็บป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งหากไม่มีการแก้ไข ฤทธิ์เดชของเจ้าผีร้ายก็จะยิ่งแผ่กว้างครอบคลุมไปทั้งองค์กร เพราะเมื่อคนทำงานมีสภาพไม่พร้อมย่อมทำงานได้ไม่เต็มที่ สุดท้ายอาจแย่ถึงขนาดส่งผลต่อกิจการขององค์กรเลยทีเดียว

    วิธีปัดรังควาญปีศาจ SBS
    1.จัดการ เรื่องการหมุนเวียนของอากาศให้ดีขึ้น เช่น ติดตั้งพัดลมดูดอากาศ หรือเปิดหน้าต่างตอนที่ปิดแอร์ เพื่อให้อากาศที่ค้างอยู่ในตึกระบายออกไปบ้าง
    2.ใช้ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นต้นกำเนิดของไอระเหยที่เป็นพิษให้น้อยที่สุด หรือเลือกวัสดุชนิดอื่นทดแทน เช่น ใช้สีทาผนังแบบที่ไม่มีโลหะหนักผสม ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้จริง หรือใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้อัดแบบที่ปล่อยไอระเหยน้อยกว่าปกติ
    3.จัดบริเวณที่มีการฟุ้งกระจายของสารระเหยแยกจากห้องทำงานของพนักงาน เช่น ห้องถ่ายเอกสาร ห้องพรินต์งาน ห้องเก็บผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
    4.ทำความสะอาดในส่วนต่างๆ ให้บ่อยขึ้น เพื่อลดการสะสมของฝุ่นละออง เชื้อรา แบคทีเรียต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศและพัดลมดูดอากาศ
    5.หา ต้นไม้ในร่มมาปลูกและตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ในห้อง เพื่อช่วยฟอกอากาศและลดปริมาณสารพิษ ยิ่งถ้าเป็นไม้ประดับที่ดูดสารพิษได้ก็ยิ่งเลิศมาก

    และ หลังจากที่ทุกคนช่วยกันทำความสะอาดโต๊ะตู้ อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ให้มีฝุ่นจับ รวมทั้งจัดให้มีการระบายอากาศที่ดีขึ้น น้องแหม่ม น้องปุ๊ก และพี่ปุ๋ยก็ไม่เคยป่วยอีกเลย


    <table cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td>จาก:</td><td>[​IMG]</td></tr></tbody></table>

    Momypedia | รอบรู้สุขภาพดี | Health Care | Health after 40 | Exercise | สุขภาพทางเลือก | ความ เสี่ยงและอุบัติเหตุ | คุมน้ำหนัก
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ข้าวผัดกิมจิ ทำเองก็ได้ ไม่ต้องไปถึงเกาหลี

    [​IMG]
    ตอน นี้ไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวกับเกาหลีก็มักจะได้รับความนิยมไปหมดเลยนะคะ โดยเฉพาะอาหารสัญชาติเกาหลีอย่างข้าวผัดกิมจิ ที่เริ่มมากระตุ้นต่อมความหิวให้อยากไปลองลิ้มชิมรสถึงต้นตำรับ แต่ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ เพราะวันนี้มีสูตรการทำข้าวผัดกิมจิ มาให้ได้ลองนำไปทำกินเอง น่าจะสร้างประสบการณ์อาหารที่แปลกใหม่ แล้วก็ยังได้ทานของอร่อยๆ ฝีมือตัวเองอีกด้วย ถ้าอย่างนั้นก็อย่ารอช้าไปทำกันเลยค่ะ
    เครื่องปรุงของข้าวผัดกิมจิ ได้แก่ ข้าว สวย กระเทียมสับ กิมจิกระป๋อง หรือกิมจิโฮมเมดที่ทำเองก็ได้ หั่นชิ้นเล็กๆ เห็ดแชมปิญองหั่นลูกเต๋า เต้าหู้หั่นลูกเต๋าหรือเนื้อสัตว์ก็ได้ พริกแกงเกาหลี gochujang หรือ mong-go น้ำมันงาน้ำมันสำหรับผัด ซีอิ๊วขาวญี่ปุ่น น้ำตาลทราย และต้นหอมซอย

    เมื่อเตรียมเครื่องปรุงพร้อมแล้วก็มาเริ่มขั้นตอนการปรุงกันเลยกับข้าวผัดกิมจิ
    [​IMG] โดย ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอากระเทียมลงผัดพอหอม ถ้าใครใช้เนื้อสัตว์ให้ใส่ลงไปตอนนี้ ผัดเนื้อสัตว์จวนสุกแล้วค่อยใส่กิมจิ ถ้าใส่แต่เต้าหู้ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยค่ะ

    [​IMG] ผัดกระเทียมเสร็จใส่กิมจิลงไปผัดเลย พอผัดกิมจิเข้ากันกับกระเทียมดีแล้ว ใส่เห็ดลงไปผัดต่อจนเห็ดสุก

    [​IMG] จาก นั้นใส่ข้าวสวยลงไปผัดให้เข้ากัน เหยาะน้ำมันงาลงไปนิดหน่อยพอหอมปรุงรสด้วยน้ำดองกิมจิ กะดูว่าใส่แล้วไม่ให้ข้าวแฉะจนเกินไป ตามด้วยพริกแกงเกาหลี (ผัดข้าวสำหรับ 2 จาน ใส่พริกแกงไปช้อนโต๊ะกว่าๆ) ผัดให้เข้ากัน

    [​IMG] จาก นั้นปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวญี่ปุ่น และน้ำตาลนิดหน่อย ผัดต่อจนเข้ากันดีแล้ว ใส่เต้าหู้ที่หั่นไว้ลงไป ค่อยๆ ผัด ระวังอย่าให้เต้าหู้เละนะคะ จากนั้นใส่ต้นหอมซอยลงไป คลุกให้ทั่ว ปิดไฟ แล้วตักข้าวผัดกิมจิแสนอร่อยใส่จาน ทานได้เลยค่ะ

    womanstoryonline.com นิตยสารออนไลน์สำหรับผู้หญิง
    .



    .



    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เปิดตำนาน “เมืองอู่ทอง” ยุคทวารวดี – สุวรรณภูมิ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">3 ตุลาคม 2553 16:29 น.</td></tr></tbody></table>

    [​IMG] <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="300"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="300"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">พระพุทธรูปศิลปะอู่ทอง จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุพรรณบุรี</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> “เมืองอู่ทอง” เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ในเขตของ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ในปัจจุบัน เมืองโบราณอู่ทอง ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจรเข้สามพัน ลักษณะเป็นรูปวงรี มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ ทิศตะวันตกเป็นเทือกเขารางกะปิด เขาคำเทียมและเขาพระ ทิศตะวันออกเป็นที่ราบกักเก็บน้ำ นอกเมืองมีแนวคันดินเป็นถนนโบราณเรียกว่า "ถนนท้าวอู่ทอง" และแนวคันดินรูปเกือกม้า เรียกว่า "คอกช้างดิน" ซึ่งอาจจะเป็นเพนียดคล้องช้างโบราณ หรือสระเก็บน้ำในศาสนาพราหมณ์

    เดิมเคยมีความเชื่อกันว่า เป็นเมืองของพระเจ้าอู่ทอง หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา แต่ต่อมาเกิดโรคระบาด จึงต้องอพยพไปสร้างเมืองใหม่ ซึ่งก็คือกรุงศรีอยุธยา แต่ความเชื่อนี้ก็เปลี่ยนไปเมื่อมีการสำรวจหลักฐานทางโบราณคดีที่พบว่า เมืองอู่ทองมีมนุษย์มาอยู่อาศัยตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 2,500 ปีมาแล้ว โดยได้พบหลักฐานประเภทข้าวของเครื่องใช้ และเครื่องมือที่เป็นโลหะอื่นๆ อีกมากมาย

    ในยุคต่อมา เมืองอู่ทองก็ได้มีการพัฒนาตนเองไปสู่สังคมเมืองสมัยประวัติศาสตร์ ช่วงยุค “ทวารวดี” ราว พุทธศตวรรษที่ 5-9 มีทำการติดต่อค้าขายกับต่างชาติ และมีบทบาทเป็นศูนย์กลางทางการค้าและเมืองท่า ร่วมสมัยกับเมืองออกแก้ว ของประเทศเวียดนาม ได้พบลูกปัดแก้ว เหรียญกษาปณ์ เหรียญโรมัน เป็นต้น รวมถึงโบราณสถาน และโบราณวัตถุที่พบในเมืองอู่ทองก็เป็นศิลปกรรมในสมัยทวารวดี เช่น เศียรพระพุทธรูป ทองคำ เจดีย์ พระพุทธรูปปางประทานธรรมจักร

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ลูกปัดโบราณที่ขุดค้นพบในบริเวณ อ.อู่ทอง</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> และอีกหนึ่งความเชื่อก็คือ เมืองอู่ทอง น่าจะเป็น “เมืองสุวรรณภูมิ” ที่ พระเจ้าอโศกมหาราช ได้ส่งพระโสณะเถระ และพระอุตระเถระ มาเผยแผ่พระพุทธศาสนา เนื่องจากในดินแดนแถบนี้เป็นศูนย์กลางของการคมนาคมในยุคนั้น และมีการพบโบราณวัตถุศิลปกรรมแบบอโศก เช่น เสาอโศก, ธรรมจักร, กวางหมอบ อีกด้วย

    ในสมัยต่อมา มีการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางเดินของแม่น้ำจรเข้สามพัน อันเป็นเส้นทางคมนาคมหลักที่จะออกไปสู่ทะเลของเมืองอู่ทอง ทำให้เมืองอู่ทองมีความสำคัญลดน้อยลงในยุคหลังอาณาจักรทวารวดี

    จากการที่เมืองอู่ทองเป็นทั้งแหล่งโบราณคดี และแหล่งอารยธรรมโบราณที่สำคัญ จึงทำให้ในปัจจุบันนี้ ได้มีการฟื้นฟูบูรณะเมืองโบราณอู่ทอง เช่น การขุดลอกและซ่อมแซมคูเมืองอู่ทอง ที่มีความยาวกว่า 10 กิโลเมตร พร้อมๆ กับการขุดลอกลำน้ำจรเข้สามพันและลำน้ำทวน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญในสมัยก่อน โดยได้รับความร่วมมือจากกรมชลประทานเป็นผู้ขุดลอก

    และมีการจัดการแสดงแสงสีเสียง “ตำนานเมืองอู่ทอง” ในช่วงระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 7 ธันวาคม 2553 บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภออู่ทอง เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เผยแพร่เปิดตำนานเมืองโบราณอู่ทองให้เป็นที่ รู้จัก รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาทางประวัติศาสตร์ในอนาคต และภายในงานก็ยังมีการจัดนิทรรศการ “ไหว้พระ 5 ขุนเขา 1 ศาลเจ้าพ่อพระยาจักร” ซึ่งเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวออมบุญใน อ.อู่ทอง

    ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์การท่องเที่ยว อ.อู่ทอง โทร. 0-3555-1001 ต่อ 101 หรือที่ ททท.สำนักงานสุพรรณบุรี โทร. 0-3553-6030</td></tr></tbody></table>

    Travel - Manager Online -


    .



    .
     
  4. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 11 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 9 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีตอนเช้าครับพี่หนุ่ม และสมาชิกล่องหน อีก 9 ครับ

    พี่หนุ่มสบายดีไหมครับ ?
     
  5. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 22 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 17 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, :::เพชร:::, krod1986, psombat, มูริญโญ่ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดีทุกๆท่าน ครับ

    วันนี้สมาชิกทุกคนเข้ามากันแต่เช้าเลยนะครับ
     
  6. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    สวัสดีครับทุกๆท่าน

    วันนี้ผมนำประสบการณ์จากคณะตัวแทนฯ ที่ได้ไปถวายพระบรมฯ พระธาตุ พระพิมพ์ The TOP และพระพิมพ์วังหน้า ตามรายละเอียดข้างบน ...

    ผมคิดว่า ... หลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จโต ท่านลงมารับถวายเองเลยนะครับ

    ณ วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา เวลาก่อน 10 โมงเช้า หลังฉันเช้า ถวายแด่ท่านเจ้าคุณเที่ยง เจ้าอาวาสวัดระฆัง ซึ่งก่อนถวายท่านก็ได้ยิ้มและบอกว่าเจตนาดี ทำเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา

    จากนั้นเพื่อนได้ถวายพระสมเด็จกลุ่ม The TOP พร้อมกับบอกท่านว่า ผู้มอบพระบรมฯมา อยากให้ถวายกับท่านโดยตรง พอท่านรับเท่านั้นแหละครับเสียงท่านเปลี่ยนไปเป็นเสียงดุก้องกังวาล (จากเดิมที่ท่านเจ้าคุณฯจะอารมณ์ดียิ้มแย้ม) ท่านบอกว่า ... (ผมอาจจำมาได้ไม่หมด)

    "ไปเอาออกมาทำไมของพระราชวัง เป็นสมบัติของแผ่นดิน ต้องเอาไปคืน พระนี้สร้างไว้เมื่อสมัยรัชกาลที่ 3 ถึง รัชกาลที่ 4 ดินที่สร้างเป็นดินที่เหลือจากการสร้างพระเจดีย์ในพระราชวัง ผสมกับหินที่ได้นำมาจากประเทศจีน...."

    ท่านก็ได้ร่ายยาวต่อว่า

    "...อาตมา (เดี๋ยวก็ทั้งอาตมาเดี๋ยวก็หลวงปู่โต) สนิทกับวัดกัลยามากกว่า แต่ที่ต้องมาอยู่ในวัดระฆังนี่เพราะหนีราชภัย มาพำนักอาศัยอยู่ในเขตวิสุงคามเสมา อุโบสถหลังเก่า ต้องออกรับบิณฑบาตรกับเหล่าเทวดา..."

    พูดถึงตรงนี้ผมก็อดตื้นตันใจในหลวงปู่ฯไม่ได้แล้วซี .. และท่านจะพูดอะไรต่อนั้นผมก็จำไม่ได้แล้วนะครับ

    สำหรับท่านเจ้าคุณเที่ยง ท่านบอกว่า ท่านได้ไปสร้างพระพุทธรูปหล่อด้วยทองเหลืองขนาดใหญ่ ที่วัดแห่งหนึ่ง(จำไม่ได้) ในจังหวัดราชบุรี ณ ที่แห่งนั้นเป็นที่ตั้งทัพของรัชกาลที่ 1 สมัยพระเจ้าตาก ประมาณนี้ และท่านยังบอกอีกว่าท่านคงจะอยู่อีกไม่นาน (รีบๆไปทำบุญกับท่านนะครับ!)
    สำหรับพระบรมฯ ท่านอาจจะนำไปประดิษฐานที่พระพุทธรูปองค์ดังกล่าวนี้แหละครับ

    โมทนาสาธุครับหลวงปู่,ท่านเจ้าคุณเที่ยง
    กราบ กราบ กราบ
    กราบ กราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2010
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาบุญทุกประการครับ

    ไว้พี่ส่งรายชื่อคณะกองทุนหาพระถวายวัด ที่เป็นรายชื่อใหม่ให้นะครับ
     
  8. นายเฉลิมพล

    นายเฉลิมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +460
    ต้องโยนผ้าตั้งแต่ยกแรกแล้วครับ
    แบบนี้อยากได้คำเฉลยมากกว่าครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับงานกฐิน ผมจะนำซองกฐินไปให้กับพี่ใหญ่ ในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ครับ

    [​IMG]


    ท่านใดที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญ รบกวนโอนเงินร่วมทำบุญมายังบัญชีผม ที่ผมแจ้งให้ท่านตาม Email แล้วแจ้งผมมาอีกครั้งผ่านทาง Email ด้วยครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2010
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. นายเฉลิมพล

    นายเฉลิมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +460
    ตามที่ท่านบอก"เป็นสมบัติของแผ่นดิน"ต้องเอาไปคืน
    ทำอย่างไรต่อครับ
     
  12. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    พี่เพชรเล่นชะน้องตาลายไปหมดเลยหุหุหุหุ ไฟลว์บังคับไหมเนี่ย ยอมยกธง
    อิอิอิอิ
     
  13. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    อยู่ที่เจตนาครับพี่ สำหรับผม
    ...ทำบุญ แจกจ่าย ถวายวัด เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา
    คงเอาไปคืนในวังไม่ได้หรอกนะครับ เพราะเราไม่ได้ขนออกมาเอง
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    เรื่องของพระวังหน้า ผมเคยบอกแล้วในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ ว่า พระวังหน้า เป็นพระพิมพ์ต่างๆที่หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีพระบัณฑูรให้สร้างขึ้น วัตถุประสงค์ในการสร้างขึ้นเพื่อ ชาติ และ พระศาสนา(ศาสนาพุทธ)

    ดังนั้น การนำไปถวายวัด หรือ นำมาเพื่อสร้างประโยชน์เพื่อชาติ และ พระศาสนา(ศาสนาพุทธ) เป็นการทำตามวัตถุประสงค์แล้วครับ

    และ ผมได้ทำตามที่หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ที่มีพระเมตตามาบอกกับผมครับ

    แต่สำหรับท่านที่ได้พระวังหน้าไปโดยที่ไม่ผ่านการทำบุญ ผมแนะนำเสมอว่า ควรไปทำบุญชำระหนี้สงฆ์ เนื่องจากเราเองจะไม่ทราบเลยว่า รุ่นไหนบ้างที่เป็นของสงฆ์ครับ

    ส่วนท่านที่ได้พระวังหน้าไปโดยการร่วมทำบุญเพื่อพระศาสนา ก็หายห่วงได้ครับ

    รายละเอียดที่ผมได้คุยกับหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ผมลงในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ แต่จำไม่ได้ว่า ลงไว้ที่หน้าไหน ลองไปหาอ่านกันดูครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  15. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ขอประทานโทษนะครับ
    ท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์ที่ "พระธรรมธีรราชมหามุนี" แล้วนะครับ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของท่านผู้ให้สร้างพระกริ่งปวเรศ ในรุ่นปี พ.ศ.2434

    จะเป็นท่านไวยาวัจกร ของวัดบวรนิเวศ และกลุ่มคณะศิษยานุศิษย์ที่เป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่
    สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ที่ให้สร้างเท่านั้น

    เรื่องของแม่พิมพ์ ในการสร้าง ก็ไม่ได้มีเพียงแม่พิมพ์เดียว มีหลายแม่พิมพ์


    แล้วก็ไม่ได้หล่อเป็นช่อ ในการหล่อเป็นช่อ เป็นการสร้างในเมืองไทย


    สำหรับพระกริ่งปวเรศ ที่สร้างขึ้นและนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงในปีพ.ศ. 2434 มีมากมายหลายรุ่น เท่าที่ผมทราบและอยู่ที่ผม มีไม่ต่ำกว่า 5-60 พิมพ์ ซึ่งมีการสร้างทั้งในเมืองไทย และ การสร้างที่ทวีปยุโรป ( ประเทศฝรั่งเศษ หรือ ประเทศอังกฤษ หรือ ประเทศอิตาลี )


    พระกริ่งปวเรศ รุ่นปี พ.ศ. 2434 มีทั้งเนื้อทองคำ , เนื้อเงินสเตอร์ริง และ เนื้อนาค


    เรื่องของสัมฤทธิ์เดช หรือ สัมฤทธิ์คุณ เป็นมวลสารที่สร้างพระกริ่งในเมืองไทย ดังนั้น จะนำความคิดเห็นในการสร้างพระที่เมืองไทย ไปผสมปนเปกับการสร้างพระกริ่งที่เมืองนอกไม่ได้ เนื่องจากสภาวะแวดล้อมในเรื่องต่างๆ ไม่เหมือนกัน แต่ขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งให้ทราบ



    สิ่งที่จะฝากไว้ก็คือ ของจริงต้องพิสูจน์ได้

    .

    http://palungjit.org/groups/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%A8-%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%9E-%E0%B8%A8-2434-%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-1912-page2.html#gmessage27035
    .

     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เห็นเพียงเล็กน้อย อย่าด่วนสรุป

    อันตรายสำหรับการให้ข้อมูลที่ผิดพลาด

    นั่นคือ "กรรม"


    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หนาวสุดรอบ 30 ปี กทม. แค่ 16 องศา


    [​IMG]


    หนาวสุดรอบ 30 ปี กทม. แค่ 16 องศา (ไทยโพสต์)

    กรม อุตุฯ ประกาศฤดูหนาวปีนี้จะมีอากาศเย็นขึ้นหลายองศา คาดอุณหภูมิต่ำสุดทุบสถิติปี 52 ทั่วประเทศ ส่วนกรุงเทพฯ จะมีอุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา ขณะเดียวกันผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญาจะส่งผลให้ประเทศไทยมีปริมาณฝนสูง ขึ้นกว่าปกติ พร้อมเตือนรับมือพายุหมุนเขตร้อนและคลื่นพายุซัดฝั่ง

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศการคาดหมายลักษณะอากาศช่วง ฤดูหนาวของประเทศไทย ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2553 ถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2554 สำหรับในปีนี้คาดว่าจะมีอากาศหนาวกว่าปีที่แล้ว และอุณหภูมิจะต่ำกว่าค่าปกติหรือค่าเฉลี่ยในรอบ 30 ปีเล็กน้อย

    ในช่วงต้นฤดูระหว่างเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ประเทศไทยตอนบนจะยังคงมีฝนตกชุกในบางพื้นที่ สำหรับ ภาคใต้จะมีอากาศเย็นในบางวัน ส่วนมากตอนบนของภาค โดยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ในช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป

    สำหรับการคาดหมายอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยในเดือนธันวาคม 2553 ภาคเหนือ เช่น จ.เชียงราย จะมีอุณหภูมิ 6-8 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 11.1 องศา จ.เชียงใหม่ จะมีอุณหภูมิ 7-9 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 13.2 องศา และ จ.พิษณุโลก จะมีอุณหภูมิ 11-13 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 17.3 องศา ซึ่งการคาดหมายไม่รวมอุณหภูมิต่ำสุดบริเวณยอดดอยและยอดภู

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จ.อุดรธานี จะมีอุณหภูมิ 7-9 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 14.3 องศา จ.เลย จะมีอุณหภูมิ 6-8 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 13.6 องศา จ.อุบลราชธานี จะมีอุณหภูมิ 12-14 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 15.3 องศา และ จ.นครราชสีมา จะมีอุณหภูมิ 12-14 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 17.3 องศา

    ภาคกลาง เช่น จ.นครสวรรค์ จะมีอุณหภูมิ 13-15 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 16.8 องศา จ.สุพรรณบุรี จะมีอุณหภูมิ 14-16 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 18.0 องศา และ จ.กาญจนบุรี จะมีอุณหภูมิ 13-15 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 15.6 องศา

    ภาคตะวันออก เช่น จ.สระแก้ว จะมีอุณหภูมิ 14-16 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 18.9 องศา และ จ.ชลบุรี จะมีอุณหภูมิ 16-18 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 21.3 องศา

    ภาคใต้ เช่น จ.ประจวบ คีรีขันธ์ จะมีอุณหภูมิ 17-19 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 20.5 องศา และ จ.ภูเก็ต จะมีอุณหภูมิ 20-22 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 23.0 องศา

    สำหรับกรุงเทพมหานคร ที่จะมีอุณหภูมิ 16-18 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 20.0 องศา

    นาย สมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า จากการเฝ้าติดตามปรากฏ การณ์เอลนีโญและลานีญา พบว่าสถานการณ์อุณหภูมิน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิก บ่งบอกถึงการพัฒนาของปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งคาดว่าจะต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2554 ทำให้ตลอดช่วงฤดูหนาวปีนี้ ประเทศไทยจะมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติ โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ อาจมีพายุหมุน เขตร้อนก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือด้านตะวันตก เคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ และมีแนวโน้มที่พายุหมุนเขตร้อนจะเคลื่อนเข้าใกล้หรือเคลื่อนเข้าสู่ประเทศ ไทย

    โดยในเดือนตุลาคมมีโอกาสเคลื่อนเข้าใกล้หรือเข้าสู่ ประเทศไทยในแนวภาคตะวันออกและภาคใต้ ส่วนในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมมีโอกาส เคลื่อนเข้าสู่ภาคใต้ ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้นและอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในบางพื้นที่ได้ รวมทั้งคลื่นลมจะมีกำลังแรงขึ้น หรืออาจเกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง

    "ฤดู หนาวในปีนี้จะมีความหนาวเย็นกว่าปกติ มีปัจจัยจากปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้มีปริมาณฝนและความชื้นสูง อีกทั้งยังมีความกดอากาศสูงกำลังแรงจาก ประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย จึงทำให้ปีนี้อากาศหนาวมากขึ้นอย่างแน่นอน" นายสมชายกล่าว





    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์
    [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กรมอุตุนิยมวิทยา




    ��ҡó��ҡ�� ˹���ش�ͺ 30 �� ���. �� 16 ͧ��
    .

     
  20. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 26 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 20 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>มูริญโญ่, chantasakuldecha, newcomer, nongnooo, sithiphong, ปฐม </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดีครับทุกท่าน
    คุณหนุ่ม / คุณnongnooo, / คุณศรุต นอนดึกระวังจะมีน้องชื่อหลินปิง นะครับ
    ฮิฮิฮิฮิฮิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...