พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ขอกราบนอบน้อมแด่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ กราบ กราบ กราบ

 

เป็นผ้ายันต์ที่มีอิทธิคุณสูงจริงๆเลยนะครับ ขอบพระคุณครับอาหนุ่มสำหรับความรู้ที่ดีๆและสิ่งที่ดีๆที่มอบให้หลานหุหุหุหุ

 

ในช่วง ๑๐ ปีมานี้ พระบรมสารีริกธาตุสัณฐานแปลกๆได้มีการนำออกเผยแพร่กันมากมาย ทั้งการจัดนิทรรศการที่เมืองทองธานีบ้าง การเปิดเผยต่อสื่อต่างๆบ้าง ที่พิสูจน์ว่าจริงเท็จยังไงก็ขอให้คิดกันให้ดี พลาดพลั้งก็ได้ไม่คุ้มเสียครับ

คุณลุงทองดี เป็นหนึ่งในผู้ที่แรกรเมก็ไม่ได้สนใจในพระบรมสารีริกธาตุเลย แต่เนื่องด้วยไปท่องเที่ยวยังพระเจดีย์ต่างๆ เห็นผู้คนกราบไหว้ด้วยจิตศรัทธา ก็มีความรู้สึกว่า หากมีพระบรมสารีริกธาตุ(สำหรับเรียกกระดูกของพระพุทธเจ้า) พระบรมธาตุ(สำหรับเรียกพระปัจเจกพุทธเจ้า พระธาตุ(สำหรับเรียกกระดูกพระอรหันต์) อยู่ต่ำกว่าผู้คนที่เดินกันไปมา อาจจะเหยียบย่ำ หรือตกหล่น ก็ได้ตั้งจิตขออัญเชิญจัเก็บยังที่ที่เหมาะสม จากวันนั้นจนวันนี้พระบรมสารีริกธาตุก็ได้เสด็จมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้ติดต่อผ่านสำนักเลขานุการในสมเด็จพระสังฆราชทำหนังสือกราบทูลถวายพระบรมสารีริกธาตุ และกราบทูลขอให้พระองค์ทรงรับเป็นองค์ประธานในการจัดทำหนังสือประมวลภาพพระบรมสารีริกธาตุ พระองค์ท่านได้กล่าวเจริญพรมาในพระสัมโมทนียกถา...

ภายในมีพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานต่างๆมากกว่าที่เคยเปิดเผยในที่ใด ก็ขอเชิญเพื่อนๆที่สนใจติดต่อหาซื้อเอาที่มูลนิธิ พระบรมธาตุ ในพระสังฆราชูถัมภ์นะครับ เล่มนี้ผมได้มาในราคาทำบุญปี ๒๕๔๖ บาท ตามปีพ.ศ. ที่หนังสือเสร็จ มี ๒ เล่ม เล่มแรกเป็นส่วนของพระบรมสารีริกธาตุ เล่มที่ ๒ เป็นพระธาตุอรหันต์ เก็บเอาไว้ศึกษาจนจุใจเลยครับ เป็นหนังสือที่ทรงคุณค่ามากในปัจจุบัน...

 

เพียงภาพพระบรมสารีริกธาตุลอยน้ำก็คุ้มค่ามากแล้วจริงๆ

 

บางสัณฐานก็ไม่มีบันทึกไว้ เช่นพระเสโทธาตุที่คุณหนุ่มมีจิตเมตตามอบไว้ให้เพื่อนชมรมรักษ์พระวังหน้า อุปมาหากคิดว่าตนเองเหนื่อยในหน้าที่การงาน หากได้เพ่งพิจารณาพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนของเสโทธาตุ ตั้งจิตระลึกถึงตั้งแต่การที่พระพุทธองค์ทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน พระองค์ท่านเผยแผ่หลักธรรมคำสอนที่ทรงค้นพบเหตุแห่งทุกข์ หนทางดับทุกข์จนสิ้นอาสวะกิเลสทั้งปวง ไม่ง่ายเลย ระลึกได้อย่างนี้ งานการต่างๆก็จะเบาลงถนัดเลย...

ขออนุโมทนาบุญกับคุณหนุ่มในการมอบสิ่งดีๆให้เพื่อนคณะรักษ์พระวังหน้าด้วยดีเสมอมาครับ..

 

เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิตครับพี่เพชร ขอบพระคุณครับพี่ที่นำมาให้ชมเป็นบุญตาจริงๆเลยครับพี่ท่าน

 

พระบูชาเนื้อโลหะหลวงปู่องค์ที่ ๓ มีพระธาตุนิมิตเสด็จ...

 

ท่านเมตตามากครับ ขอแบ่งให้ลุงหนุ่มแล้วท่านก้เพิ่มกลับมาให้ครับ หุ หุ

 

เมื่อสักครู่ผมได้โอนเงินทำบุญจากการที่เพื่อนๆร่วมทำบุญกับผมมา

เนื่องจากผมชอบฟังธรรมะและปฏิบัติธรรมผ่านทางรายการ TV ช่อง sbbtv999 ของวัดสังฆทานอยู่เป็นประจำ
และเคยได้รับแบ่งพระบรมฯครั้งแรกในชีวิต (ต่อจากเพื่อนอีกคน) มา 14 องค์ (ขนาดเท่าๆกับพระเสโท) จากวัดแห่งนี้

จึงขอบริจาคเงิน 1,000 บาท เพื่อร่วมทำบุญทุกกิจกรรมของทางวัดสังฆทาน

ขอบุญนี้จงส่งถึง "คุณเฑติกร ตุ้ยปัน,กัญญ์ณพัชญ์ ศรีใจติ๊บ" ด้วยครับ

โมทนาสาธุครับ

 

สำหรับรุ่นที่เป็นพระบูชารุ่นนี้ เนื้อจะมีความเป็นพิเศษ

จะมีทั้งที่แก่เงิน หรือ ทองลูกบวบ

ส่วนแร่เงิน และ แร่ทองคำ ที่นำมาสร้างเป็นองค์พระ แหล่งที่มาของแร่ นับว่า แปลกมาก ผมว่า ผู้คนสมัยนี้ ไม่น่าจะทราบเรื่องแหล่งแร่มากนักครับ


.

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 20 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 15 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, dragonlord+, narin96+, Pinkcivil </TD></TR></TBODY></TABLE>

สวัสดีครับ น้องอุ้ม และทุกๆท่าน

ท่านใดอยากเห็นพระบูชาสวยๆ ต้องถามน้องอุ้มครับ


.


.

 

เซิงจี้สื่อกุย : เกิดชั่วคราว ดับกลับคืน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 ตุลาคม 2553 14:10 น.

《生寄死归》　

生(shēng) อ่านว่า เซิง แปลว่า เกิด
寄(jì) อ่านว่า จี้ แปลว่า อาศัยชั่วคราว
死(sǐ) อ่านว่า สื่อ แปลว่า ตาย
归(guī) อ่านว่า กุย แปลว่า กลับคืน 　


ในสมัยอดีตกาล เมื่อ "ต้าอี่ว์" สืบทอดราชบังลังก์จากกษัตริย์ "ซุ่น" กลายเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน แต่กลับใช้ชีวิตอย่างสมถะ ปราศจากความละโมบโลภมาก ข้าวของเครื่องใช้ล้วนทำจากไม้ที่ไม่ผ่านการแกะสลัก พระราชวังก็เป็นเพียงห้องหับพื้นๆ อาหารการกินมีเพียงข้าวแข็งหยาบกับแกงจืดที่ต้มจากผักพื้นบ้าน เครื่องนุ่งห่มเป็นผ้ากระสอบแข็งระคายและใช้หนังกวางมาเป็นเครื่องป้องกันความหนาวเมื่อถึงฤดูหนาว

ภาพจาก


ครั้งหนึ่ง ต้าอี่ว์เดินทางล่องเรือไปยังแดนใต้ โดยสารเรือลำหนึ่งข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ขณะที่เรือแล่นไปถึงใจกลางลำน้ำ พลันมีมังกรสีเหลืองตัวใหญ่มหึมาโผล่ขึ้นมาจากสายน้ำ มังกรตัวนั้นไม่ทราบมีความยาวเท่าใด แต่เฉพาะส่วนหางก็มีขนาดใหญ่โตเทียบได้กับเรือลำหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อมังกรเหลืองตัวนั้นโบกสะบัดหาง สายน้ำก็ถูกม้วนกลายเป็นคลื่นยักษ์ลูกแล้วลูกเล่าสาดซัดเข้าใส่ลำเรือ จนเรือโคลงเคลงไปมา เท่านั้นไม่พอ มังกรเหลืองยังดำลงไปใต้ท้องเรือ ใช้ส่วนหลังยกลำเรือขึ้นแล้วว่ายพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนทำให้ผู้โดยสารที่อยู่บนเรือต่างพากันหวาดกลัวจนใบหน้าซีดเผือด คงมีเพียงต้าอี่ว์ ผู้เดียวที่รักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้ราวกับไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น

เหล่าผู้ติดตามเห็นต้าอี่ว์ไม่มีทีท่าหวาดกลัว จึงเอ่ยถามด้วยความข้องใจว่า "เวลานี้ เรืออาจจะพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อ พวกเราก็อาจจะกลายเป็นอาหารในปากมังกรเหลือง แต่เหตุใดใต้เท้ายังคงลักษณะสำราญใจเช่นนี้?"

ภาพจาก http://tupian.hudong.com​

ต้าอี่ว์จึงกล่าวตอบด้วยเสียงอันดังว่า "ชีวิตข้าเป็นไปตามลิขิตฟ้า ข้าทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจก็เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ ชีวิตของข้าที่มีอยู่ ก็เป็นสวรรค์ที่มอบให้ หากข้าตายไป ก็เพียงส่งมอบชีวิตหวนคืนให้สวรรค์ ความเป็นความตายไม่อาจสั่นคลอนจิตใจข้าได้ โดยเฉพาะจากเจ้ามังกรเล็กๆ เพียงหนึ่งตัว ในสายตาของข้า มันก็เป็นเพียงแค่สัตว์เลื้อยคลาน ไม่มีอะไรให้ข้าต้องกังวล"

ผู้ติดตามได้ฟังดังนั้น ได้แต่รำพึงว่า "ใต้เท้านับเป็นผู้ยิ่งใหญ่โดยแท้"

ส่วนมังกรเหลืองเมื่อได้ยินคำกล่าวอันยิ่งใหญ่ของต้าอี่ว์ จึงถอนศีรษะกลับตัว สะบัดหางจากไป

สำนวน "เซิงจี้สื่อกุย" มีความหมายว่า ไม่ยึดถือความเป็นความตายเป็นสรณะ การเกิด-ดับเป็นธรรมดาโลก ไม่ควรตื่นเต้นดีใจหรือโศกเศร้าให้มากเกินไป ซึ่งสำนวนนี้เป็นสำนวนที่มาจากคำสอนในลัทธิเต๋า ที่มุ่งเน้นความกลมกลืนไปกับวิถีธรรมชาติ มองการเกิด-ดับเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ จึงไม่จำเป็นต้องครุ่นคำนึงให้มากความ เพียงทำตัวให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติก็เพียงพอแล้ว

ที่มา : 《道的100个哲理故事》, 光明日报出版社， I S B N： 7801459288, 出版日期： 2005-3-1

หมายเหตุ : ต้าอี่ว์ เป็นบุคคลในอดีตกาล เมื่อ 4000 ปีก่อน เป็นผู้ซึ่งคิดค้นวิธีการขุดคลองระบายน้ำ แก้ปัญหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงบริเวณลุ่มน้ำฮวงโห(แม่น้ำเหลือง)ได้สำเร็จจนได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์จีน


.

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000140017

.





.....



.....



.....​

 

โมทนา สาธุ สาธุ ปฏิบัติดี ปฎิบัติชอบ

 

ติ๊กต๊อกๆๆๆๆ แร่มาจากในแม่น้ำปล่าวครับ หุ หุ

 

สำหรับน้องchantasakuldecha ก็ได้พบสิ่งมหัศจรรย์ เกี่ยวกับพระบูชาเช่นกัน



.

 

แร่ที่ว่า เป็นแร่เงิน หรือ แร่ทอง ล่ะครับ

เท่าที่ทราบ ไม่ใช่ครับ อิอิ


.

 

ครั้งแรกผมเข้าใจว่า เกิดจากโลหะภายในทำปฏิกิริยากับความชื้นที่เกิดจากการล้างพระ แล้วปูดออกมาภายนอก แต่เมื่อสังเกตกลับไม่ใช่ครับ

หรือจะเป็นปฏิกิริยาของแร่เงิน แร่ทอง...มาปูเสื่อรอฟัง..

 

"จีวรดอก"นี้ มีที่มา....
โพสโดย คุณ"เนาว์สถิตย์" (NAOSATITT)

พุทธวงศ์

"จีวรดอก" อันนับเอกลักษณ์แห่งเอกปฏิมาเฉพาะพระพุทธรูปสมัย"รัตนโกสินทร์"เป็นการเฉพาะ ซึ่งหลายๆท่านอาจจะนึกสงสัยว่า มีที่มาที่ไปเป็นเช่นไร..????

DSC02825(2).gif

เคยได้ทราบมานานแล้วว่า "จีวรดอก"นั้น แท้จริงแล้ว นายช่างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ได้เลียนแบบ"ผ้าต่างประเทศ" ที่ มีการทอเนื้อผ้าเป็นลายดอกดวงเล็กๆ คล้ายกับดอกพิกุล อันนับเป็นของแปลกใหม่ในสมัยนั้น ทำให้เป็นที่นิยมถือเป็นของดีมีค่าสูง เหล่าทายกทายิกาผู้มีศรัทธา ปรารถนาจะถวาย"ประณีตทาน"เลยนำผ้าลายดอกนี้มาตัดย้อมเป็นจีวรถวายพระภิกษุ จนเป็นที่ปรากฏแพร่หลายโดยทั่วไป อันเป็นแรงบันดาลใจอย่างสำคัญในมีการประดิษฐ์"พระพุทธรูปจีวรดอก"ขึ้นมาด้วยประการฉะนี้...

DSC028341.gif

แต่นั่น ก็เป็นเพียง"เรื่องเล่า"กันมาเท่านั้น
แต่ก็ยังหาได้เคยพบพาน"ผ้าลายดอก"ของจริง ซึ่งเป็นปฐมกำเนิดของ"จีวรดอก"แต่อย่างไรเลย
จนกระทั่ง เมื่อครั้งที่ได้รับมอบ"ชายจีวร" ของ"สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน วัดราชสิทธาราม กรุงเทพมหานคร"ซึ่ง เป็นพระบรมราชอุปัชฌายาจารย์แห่งรัชกาลที่ 1-4 และเจ้านายชั้นสูงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ "พุทธวงศ์"จึงได้แจ้งใจสิ้นเชิงทุกประการ........

DSC02684.gif


ดูกันชัดๆจะๆ สำหรับรูปหล่อ"พระสงฆ์จีวรดอก" ยุคโบราณ(หลวงปู่ทับ วัดทอง กรุงเทพ)ที่หาดูหาชมได้ยากยิ่งที่สุด(ภาพนี้ ถ่ายติดแสงลึกลับด้วย)


topicpic-060326124501580.gif

ที่มา พุทธวงศ์

เว็บบอร์ด พลังจิต ดอทคอม หน้าที่ 1434

และหน้าที่ 1789

 

ครั้งแรกที่เกิดก็เกิดกับหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดที่แกะสลักเป็นพระพุทธ ผมทำความสะอาดหิ้งพระทีไรจะเกิดผงสีขาวลักษณะขุยๆ+ผง สีขาวรอบบริเวณพระธาตุนั้น ขาวมากครับ ที่แปลกคือ ได้ครอบด้วยตู้กระจกไว้ แต่ผงพระธาตุเกิดทั้งภายในกระจก และภายนอกกระจกที่ครอบนั้น ก็เลยบรรจุใส่ผอบเก็บไว้..

 

ถ้าเป็นเนื้อปูน ก็อาจจะคิดได้ว่า เป็นปฎิกิริยา

แต่เป็นแร่เงิน หรือ แร่ทองคำ

ไม่น่าใช่

ผมเองก็เห็นที่บ้านเช่นกัน แต่เป็นพระบูชาครับ

.