ภูมิปัญญาภายใน กับการทำงานของสมองซีกขวา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 12 ตุลาคม 2010.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เนื้อหาจากวีดีโอชุด How it feel to have a stroke

    บรรยายโดย ดร.จิว บอล์ต เทเลอร์ (Dr. Jill Bolte Taylor)
    นักประสาทกายวิภาคศาสตร์ (Neuroanatomist) ผู้มีประสบการณ์ด้วยตัวเอง

    ที่มาของเนื้อหา: Brain Scientist has a Stroke of Enlightenment


    แปลโดย: คุณ Threeam


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=UyyjU8fzEYU"]YouTube - How it feels to have a stroke[/ame]


    ที่ฉันเติบโตมา และมาศึกษาเรื่องของสมอง ก็เพราะว่าฉันมีพี่ชายที่สมองทำงานผิดปกติ
    คือป่วยเป็นโรค Schizophrenia

    ดังนั้นในฐานะน้องสาวและนักวิทยาศาสตร์ ฉันจึงต้องการที่จะเข้าใจว่า ทำไมฉันจึงสามารถฝันได้
    ทำไมฉันสามารถเชื่อมโยงพวกมัน กับโลกแห่งความเป็นจริงของฉันเองได้
    และทำไมฉันจึงสามารถทำความฝันของฉันให้กลายเป็นจริงได้

    แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของฉัน ที่กำลังป่วยเป็นโรคทางสมองดังกล่าวอยู่

    ทำไมสมองของเขาจึงไม่สามารถเชื่อมโยงความฝันกับโลกแห่งความเป็นจริงปกติได้
    ดังนั้น ทั้งสองโลกนี้ มันจึงเป็นเหมือนภาพหลอนสำหรับเขาไป

    [​IMG]

    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    ดังนั้น ฉันจึงอุทิศการทำงานเพื่อวิจัยเกี่ยวกับโรคทางจิตประสาทที่รุนแรงที่ว่านั้น
    และฉันก็ได้ย้ายจากบ้าน
    ที่รัฐอินเดียนาไปอยู่ที่บอสตันแทน

    ซึ่งที่นั่นฉันทำงานในแล็บของ ดร. แฟรนซิน เบนส์ แผนกจิตเวชในฮาวาร์ด
    ที่แล็บ พวกเราได้ตั้งคำถามว่า “อะไรคือความแตกต่างทางชีวภาพระหว่างสมองของคนปกติ
    กับสมองของผู้ซึ่งถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคจิตเภท หรือความผิดปกติแบบสองขั้ว (bipolar disorder)

    ดังนั้นพวกเราจึงทำแผนที่ของวงจรขนาดจิ๋วของการทำงานของสมองขึ้นมา
    ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเซลล์สมองเซลไหนติดต่อสื่อสารกับเซลล์ไหนบ้าง โดยใช้สารเคมีตัวไหน
    และใช้สารเคมีเหล่านั้นในปริมาณเท่าไหร่ด้วย


    [​IMG]

    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    ด้วยเหตุนี้ มันจึงมีความหมายต่อชีวิตของฉันมาก เพราะว่าฉันทำงานวิจัยนี้ในช่วงเวลากลางวัน
    ส่วนในตอนเย็น และในวันหยุดสุดสัปดาห์ ฉันจะเดินทาง ในฐานะผู้สนับสนุน

    ของสมาพันธ์เพื่อโรคจิตประสาทแห่งชาติ (NAMI, the National Alliance on Mental Illness)


    ……………..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Dr Jill-01.jpg
      Dr Jill-01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.9 KB
      เปิดดู:
      5,100
    • Dr Jill-02.jpg
      Dr Jill-02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.2 KB
      เปิดดู:
      5,088
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เนื้อหาจากวีดีโอชุด How it feel to have a stroke

    บรรยายโดย ดร.จิว บอล์ต เทเลอร์ (Dr. Jill Bolte Taylor)
    นักประสาทกายวิภาคศาสตร์ (Neuroanatomist) ผู้มีประสบการณ์ด้วยตัวเอง

    ที่มาของเนื้อหา: Brain Scientist has a Stroke of Enlightenment


    แปลโดย: คุณ Threeam

    ตอนที่ 2



    ในเช้าวันที่ 10 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1996 ฉันตื่นขึ้นมาพบว่า สมองของฉันเองทำงานผิดปกติไป
    เกิดอาการเส้นเลือดแตกในสมองซีกซ้ายของฉัน


    ซึ่งในช่วงระยะเวลา 4 ชั่วโมงนั้น ฉันเฝ้าดูการสูญเสียความสามารถอย่างสิ้นเชิง
    ของสมองของฉันในการจัดการกับข้อมูลทั้งหมด


    ในเช้าของวันที่ตกเลือดในสมอง ฉันไม่สามารถเดินได้, พูดได้, อ่านได้, เขียนได้
    หรือระลึกเรื่องราวในชีวิตของฉันได้เลย
    ฉันได้กลายเป็นเด็กทารกในร่างของผู้หญิงสูงวัยไปซะแล้ว


    หากคุณเคยเห็นสมองจริงๆของมนุษย์ คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า
    มันมีอยู่สองซีก ซึ่งแยกต่างหากจากกันโดยสิ้นเชิง

    ฉันได้นำของจริงมาให้ดูด้วย


    [​IMG]

    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    [ขอบคุณ] (เสียงคนดูฮือฮาที่ได้เห็นสมองจริงๆ)

    นี่คือสมองจริงๆของมนุษย์ นี่คือส่วนหน้าของสมอง ในส่วนหลังของสมอง
    จะมีสายของเส้นประสาทไขสันหลังห้อยอยู่
    และนี่คือลักษณะที่มันควรจะถูกวางอยู่ในศรีษะของฉัน

    และเมื่อคุณมองดูที่สมอง คุณจะเห็นได้ชัดว่าสมองส่วนนอกทั้งสองส่วนที่เห็นนี้
    จะแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง


    สำหรับคุณๆที่เข้าใจเรื่องคอมพิวเตอร์ ก็จะรู้ว่าสมองซีกขวาของเราจะทำงานเหมือนกับ
    หน่วยประมวลผลแบบวงจรคู่ขนาน (parallel processor)

    ในขณะที่สมองซีกซ้ายของเรา จะเป็นเหมือนหน่วยประมวลผลแบบอนุกรม (serial processor)


    สมองทั้งสองซีกนี้ จะติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกัน ผ่านทางส่วนของสมองที่เรียกว่า corpus collosum
    ซึ่งประกอบไปด้วยเส้นใยแกนประสาท (axonal fibers) ประมาณ 300 ล้านเซล


    ซึ่งนอกเหนือจากการสื่อสารตรงนี้แล้ว สมองทั้งสองซีกนี้ ก็แยกขาดจากกันโดยสมบูรณ์แบบ
    เพราะว่าพวกมันจะประมวลผลข้อมูลในลักษณะที่แตกต่างกัน

    สมองแต่ละซีกจะ คิด ในเรื่องที่แตกต่างกัน,
    พวกมัน ใส่ใจ ในเรื่องที่แตกต่างกัน,
    และฉันกล้าที่จะบอกด้วยว่า พวกมันมี บุคลิก ที่แตกต่างกันอีกด้วย


    [ขอบคุณค่ะ สนุกมากที่ได้จับสมองของจริง] (เสียงคนดูหัวเราะ)

    ...............................


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Dr Jill-04.jpg
      Dr Jill-04.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.3 KB
      เปิดดู:
      7,038
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เนื้อหาจากวีดีโอชุด How it feel to have a stroke

    บรรยายโดย ดร.จิว บอล์ต เทเลอร์ (Dr. Jill Bolte Taylor)
    นักประสาทกายวิภาคศาสตร์ (Neuroanatomist) ผู้มีประสบการณ์ด้วยตัวเอง

    ที่มาของเนื้อหา: Brain Scientist has a Stroke of Enlightenment


    แปลโดย: คุณ Threeam

    ตอนที่ 3

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> สมองซีกขวาของเรา จะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่อยู่ในปัจจุบันขณะ
    จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของ “ที่นี่” และ “เดี๋ยวนี้”

    สมองซีกขวาของเรา จะ คิด เป็น รูปภาพ และ เรียนรู้การสั่งงาน
    ของระบบประสาทผ่านทางการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆในร่างกายของเรา


    ข้อมูลต่างๆในรูปแบบของกระแสพลังงาน จะหลั่งไหลเข้ามาสู่ระบบการรับรู้ของเรา
    ทุกๆระบบพร้อมๆกันหมด

    จากนั้นมันก็จะระเบิดเข้าไปในข้อมูลที่ปะติดปะอันมโหราฬนี้
    เพื่อแปลผลออกมาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันขณะนี้คืออะไร,
    ตอนนี้กลิ่นที่กำลังสัมผัสอยู่เป็นอย่างไร,
    รสชาติที่กำลังลิ้มรสอยู่เป็นอย่างไร,
    มีความรู้สึกเป็นอย่างไร และ กำลังได้ยินเสียงอย่างไร


    สมองซีกขวาของฉัน มันจะตระหนักรู้ว่า ฉันคือรูปธรรมชีวิตแห่งพลังงาน
    ที่เชื่อมโยงอยู่กับพลังงานทุกชนิดที่ล้อมรอบตัวฉันอยู่


    สมองซีกขวาของพวกเรา จะตระหนักรู้ว่า พวกเราคือรูปธรรมชีวิตแห่งพลังงาน
    ที่เชื่อมโยงซึ่งกันและกันอยู่ เสมือนเป็นครอบครัวใหญ่แห่งมนุษยชาติ เพียงครอบครัวเดียว



    และ ณ ที่นี้ เดี๋ยวนี้ พวกเราทั้งหมดบนโลกใบนี้ ล้วนเป็นพี่น้องชาย-หญิงกันทั้งนั้น
    พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อจะมาสร้างโลกให้ดีกว่าเดิม และในช่วงขณะนี้
    พวกเราทั้งหมดล้วนสมบรูณ์แบบ พวกเราทั้งหมดล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน
    และพวกเราทุกคนล้วนสวยสดงดงาม

    .................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2010
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เนื้อหาจากวีดีโอชุด How it feel to have a stroke

    บรรยายโดย ดร.จิว บอล์ต เทเลอร์ (Dr. Jill Bolte Taylor)
    นักประสาทกายวิภาคศาสตร์ (Neuroanatomist) ผู้มีประสบการณ์ด้วยตัวเอง

    ที่มาของเนื้อหา: Brain Scientist has a Stroke of Enlightenment


    แปลโดย: คุณ Threeam

    ตอนที่ 4

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> แต่สมองซีกซ้ายของฉัน กลับเป็นอะไรที่แตกต่างออกไป

    สมองซีกซ้ายของเรามันจะคิดแบบเป็นเส้นตรง และคิดแบบมีระเบียบแบบแผน

    สมองซีกซ้ายของเรา จะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีต และ ในอนาคต
    สมองซีกซ้ายของเรา มันถูกออกแบบมาให้นำชิ้นส่วนที่ปะติดปะต่อไว้แล้ว
    ของข้อมูลทั้งหลายในปัจจุบันขณะ (ที่สมองซีกขวาปะติดปะต่อไว้แล้วนั้น.../คนแปล)
    มาเพื่อเลือกเจาะลึกลงไปใน รายละเอียด และ รายละเอียด และรายละเอียดของรายละเอียดทั้งหลาย

    จากนั้นก็จัดหมวดหมู่ และจัดระเบียบ ข้อมูลทั้งหมดเหล่านั้น แล้วผสมผสานโยงใยเข้ากับข้อมูลทุกอย่าง
    ในอดีตที่เราเคยได้เรียนรู้มา แล้วก็สอดส่องหาความเป็นไปได้ทั้งหมดในอนาคตของเรา

    และสมองซีกซ้ายของเราจะ คิดในรูปแบบของภาษา

    มันคือเสียงพูดคุยกันของสมองนี้เอง ที่เชื่อมโยงฉันและโลกภายในของฉันเข้า ให้เข้ากับโลกภายนอก

    มันคือเสียงเล็กๆนี้เองที่พูดกับฉันว่า
    "เฮ้ ระหว่างทางกลับบ้าน อย่าลืมซื้อกล้วยติดมือกลับมาด้วยนะ เพื่อเอาไว้กินในตอนเช้า"

    มันคือสติปัญญาด้านการคำนวณนี้เอง ที่คอยเตือนฉันว่าเมื่อไหร่จะต้องซักผ้าแล้ว


    แต่บางทีสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ มันคือเสียงเล็กๆนี้เอง ที่คอยบอกกับฉันว่า "ฉันอย่างนั้น ฉันอย่างนี้"

    และทันใดที่สมองซีกซ้ายพูดกับฉันว่า "ฉันอย่างนั้น ฉันอย่างนี้" “ฉัน” ก็เริ่มแยกตัวออกมา
    ฉันจึงเริ่มกลายเป็น “ตัวตนบุคคลหนึ่ง” ที่แยกขาดจากพลังงานที่ไหลเวียนรอบตัวฉันอยู่
    และก็แยกขาดจากพวกคุณ

    และมันคือสมองส่วนนี้เอง ที่ฉันเคยสูญเสียมันไป ในเช้าวันที่เลือดคั่งในสมองของฉัน


    ............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2010
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เนื้อหาจากวีดีโอชุด How it feel to have a stroke

    บรรยายโดย ดร.จิว บอล์ต เทเลอร์ (Dr. Jill Bolte Taylor)
    นักประสาทกายวิภาคศาสตร์ (Neuroanatomist) ผู้มีประสบการณ์ด้วยตัวเอง

    ที่มาของเนื้อหา: Brain Scientist has a Stroke of Enlightenment


    แปลโดย: คุณ Threeam

    ตอนที่ 5

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ในเช้าวันที่เลือดคั่งในสมองของฉัน ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับมีอาการปวดเหมือนถูกตีกระหน่ำ บริเวณหลังตาซ้าย
    มันเป็นอาการปวดที่แบบเสียวแปล๊บๆ คล้ายๆกับเวลาที่ปวดฟันตอนกัดไอศกรีม
    ความปวดนั้นมันบีบรัด แล้วคลายออก แล้วก็บีบอีก และคลายออกอีก
    มันเป็นอาการปวดที่ฉันไม่เคยเป็นมาก่อน

    ตอนนั้นฉันจึงนึกในใจว่า ไม่เป็นไรฉันก็ยังจะไปทำกิจวัตรตามปกติของฉันได้เหมือนเดิม
    ดังนั้นฉันจึงลุกขึ้น แล้วไปที่เครื่อง Cardio glider ซึ่งเป็นเครื่องออกกำลังกายแบบทั้งตัวของฉัน


    ในขณะที่ฉันกำลังง่วนอยู่กับเครื่องฯอยู่นั้น ฉันรู้สึกตัวว่า มือของฉันดูเหมือนกรงเล็บ
    ที่จิกอยู่กับที่จับของเครื่องฯ ตอนนั้นฉันจึงนึกในใจว่า "นั่นดูแปลกประหลาดมากๆ"

    แล้วฉันก็ก้มมองดูร่างกายของตัวเอง และฉันก็คิดในใจว่า "ว้าว..ตัวฉันดูแปลกๆประหลาดพิกล"

    มันเหมือนกับว่าสติสัมปชัญญะของฉัน ได้เปลี่ยนระดับไป จากการรับรู้ถึงโลกแห่งความเป็นจริงตามปกติ
    ซึ่งก็คือ ตัวฉันผู้ที่กำลังออกกำลังกายอยู่บนเครื่องฯนี้ กำลังมีประสบการณ์พิศวงบางอย่าง
    คือฉันกำลังเป็นผู้เฝ้ามองดูตัวฉันเอง กำลังมีประสบการณ์ดังกล่าวนี้อยู่


    และเพราะทุกอย่างที่ดูแปลกประหลาดไปเสียทั้งหมด และความเจ็บปวดของฉันก็เริ่มเลวร้ายมากขึ้น
    ฉันจึงเลิกเล่นเครื่องออกกำลังกาย


    และในขณะที่ฉันกำลังเดินผ่านห้องนั่งเล่นไปนั้น ฉันก็รู้สึกว่า ทุกๆอย่างภายในร่างกายของฉัน
    ได้เริ่มช้าลงเรื่อยๆแล้ว และทุกย่างก้าวที่ฉันเดิน ก็เริ่มเป็นไปอย่างแข็งเกร็ง และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

    ฉันก้าวเท้าได้ไม่คล่องเอาซะเลย และขอบเขตการรับรู้ของฉันก็หดตัวลง
    ดังนั้นฉันจึงจดจ่อการรับรู้ของฉันอยู่แต่กับระบบภายในเท่านั้น


    ในขณะที่ฉันกำลังยืนอยู่ในห้องน้ำ กำลังเตรียมตัวจะก้าวเข้าไปใต้ฝักบัวอาบน้ำ
    ฉันแน่ใจว่า ฉันได้ยินเสียงคำพูดสนทนากันของส่วนต่างๆภายในร่างกายของฉันเอง
    ฉันได้ยินเสียงเล็กๆเสียงหนึ่งพูดว่า

    "โอเค..พวกคุณกล้ามเนื้อ พวกคุณต้องหดตัว, พวกคุณกล้ามเนื้อ พวกคุณต้องคลายตัว”


    ฉันเริ่มสูญเสียการทรงตัว ฉันจึงยันตัวเองไว้กับข้างฝาผนัง แล้วฉันก็มองดูที่แขนของฉัน

    ตอนนั้นฉันพบว่า ฉันไม่สามารถที่จะระบุขอบเขตของร่างกายของตัวฉันเองได้เหมือนเดิม
    ฉันไม่สามารถบอกได้ว่า ร่างกายของฉันเริ่มต้นจากตรงไหน และไปสิ้นสุดที่ตรงไหน
    เพราะว่าอะตอมและโมเลกุลของแขนของฉัน ได้หลอมรวมเข้ากับอะตอมและโมเลกุลของฝาผนังไปซะแล้ว

    และสิ่งเดียวที่ฉันสามารถสัมผัสได้ก็คือ “พลังงาน” และ “พลังงาน”


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


    แล้วฉันก็ถามตัวเองว่า "เกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันเป็นอะไรไป ?"

    และในขณะนั้นเอง เสียงพูดคุยกันในสมองของฉัน, เสียงพูดคุยกันในสมองซีกซ้ายของฉันก็เงียบสนิทลง
    อย่างกับว่ามีใครไปหยิบรีโมทคอนโทรขึ้นมาแล้วกดปุ่มปิดเสียงอย่างนั้นแหละ..มันเงียบสนิทจริงๆ


    ตอนแรก ฉันตกใจมากที่พบว่าตัวเองตกอยู่ภายใต้ความเงียบสนิทของจิตใจ
    แต่หลังจากนั้นฉันก็เริ่มประทับใจในความมหัศจรรย์ของพลังงานรอบๆตัวฉัน

    และเพราะว่าฉันไม่สามารถระบุขอบเขตของร่างกายของฉันเองได้อีกต่อไป
    ฉันจึงรู้สึกถึงความกว้างใหญ่ไพศาล และการแผ่ขยายออกไป

    ฉันรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันกับพลังงานทั้งหมด และนั่นช่างเป็นสิ่งที่สวยงามเหลือเกิน


    และทันใดนั้น สมองซีกซ้ายของฉันก็กลับเข้ามาในสาย และพูดกับฉันว่า

    "เฮ้ !..เรามีปัญหานะ เรามีปัญหา เราต้องการความช่วยเหลือ"

    ก็ประมาณว่า OK OK ฉันกำลังมีปัญหา แต่แล้ว ในทันใดนั้น ฉันก็ถูกพัดพาให้กลับออกมาสู่จิตสำนึกนั้นอีกครั้งหนึ่ง
    ซึ่งฉันปรารถนาจะเรียกสภาวะความว่างเปล่านี้ว่า ลาลาแลนด์
    (La La Land – ที่ที่สบายๆเรียบง่าย เรื่อยๆมาเรียงๆ ยกตัวอย่างเช่น
    มีคนเรียกเกาะที่ผู้แปลอยู่ตอนนี้ว่า la la land.../ผู้แปล)

    แต่มันก็สวยงามมากเหลือเกิน ลองจินตนาการดูสิว่า มันจะเป็นอย่างไร ถ้าได้ตัดขาดการติดต่อกับเสียงในสมอง
    ที่เชื่อมคุณไว้กับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง


    ดังนั้น ณ.สถานที่แห่งความว่างเปล่าแห่งนี้ ความเครียดทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับตัวฉัน และงานของฉัน
    ได้มลายหายไปสิ้น และฉันก็รู้สึกว่าตัวเบาหวิว

    ลองจินตนาการดูเถิดว่า สัมพันธภาพทั้งหมด ที่มีอยู่กับโลกภายนอก
    และสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความเคร่งเครียดทั้งหลาย ที่เกี่ยวข้องกับพวกมัน ต่างมลายหายไปสิ้น

    ฉันจึงรู้สึกได้ถึงสันติสุข

    และลองจินตนาการดูอีกว่า มันจะเป็นความรู้สึกอย่างไร ที่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ขยะที่มีมาตลอด 37 ปีของฉัน
    ทิ้งไปจนหมด ฉันรู้สึกเคลิ้มสุข เป็นความรู้สึกที่ช่างสวยงามเหลือเกิน


    และแล้วสมองซีกซ้ายของฉันก็กลับเข้ามาอยู่ในสายอีกครั้ง แล้วพูดกับฉันว่า

    "เฮ้ !..เธอต้องตั้งใจฟังหน่อยนะ เราต้องการความช่วยเหลือนะ"

    แล้วฉันก็คิดว่า "ฉันต้องหาคนมาช่วย ฉันต้องมีสติ" ฉันจึงออกจากที่อาบน้ำและแต่งตัวเหมือนหุ่นยนต์

    แล้วฉันก็เดินไปรอบๆอพาร์ทเม้นท์ของฉัน และเริ่มคิดต่อว่า

    "ฉันต้องไปทำงาน ฉันต้องไปทำงาน ฉันจะขับรถได้ไหม? ฉันจะขับรถได้ไหม?"


    และในขณะนั้นเอง แขนขวาของฉันก็เริ่มเป็นอัมพาตและตกอยู่ข้างตัวฉัน
    และฉันก็ตระหนักว่า

    "โอ้ พระเจ้าช่วย ! ฉันมีเลือดคั่งในสมอง ฉันมีเลือดคั่งในสมอง"

    แล้วสมองก็พูดกับฉันต่ออีกว่า
    "ว้าว ! มันเจ๋งมากเลย มันเจ๋งจริงๆเลย จะมีนักวิทยาศาสตร์ด้านสมองซักกี่คนกันนะ
    ที่จะมีโอกาสได้วิจัยสมองของตัวเอง จากภายในแบบนี้"


    [เสียงหัวเราะจากคนดู]


    ........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 08-12-11.jpg
      08-12-11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      398.5 KB
      เปิดดู:
      6,372
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เนื้อหาจากวีดีโอชุด How it feel to have a stroke

    บรรยายโดย ดร.จิว บอล์ต เทเลอร์ (Dr. Jill Bolte Taylor)
    นักประสาทกายวิภาคศาสตร์ (Neuroanatomist) ผู้มีประสบการณ์ด้วยตัวเอง

    ที่มาของเนื้อหา: Brain Scientist has a Stroke of Enlightenment


    แปลโดย: คุณ Threeam

    ตอนที่ 6

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> และมันก็มีความคิดผุดขึ้นมาในใจฉันอีกว่า
    "แต่ฉันเป็นผู้หญิงทำงานที่ยุ่งมากนี่ ฉันไม่มีเวลาสำหรับเลือดคั่งในสมองหรอก !"

    แล้วฉันก็คิดต่อประมาณว่า
    "โอเค ฉันไม่สามารถหยุดไม่ให้มันเกิดเลือดคั่งในสมองได้ งั้นฉันก็จะเป็นอย่างนี้ไปสักอาทิตย์
    หรือสองอาทิตย์ก็แล้วกัน แล้วฉันก็จะกลับมาใช้ชีวิตต่อตามปกติ ก็โอเคหน่ะ"


    ดังนั้น ฉันต้องหาคนช่วย ฉันต้องโทรไปที่ทำงาน แต่ฉันไม่สามารถจำเบอร์โทรศัพท์ของที่ทำงานได้
    แล้วฉันก็นึกขึ้นได้ว่า ในห้องทำงานของฉันมีนามบัตรที่มีเบอร์โทรศัพท์อยู่ ฉันจึงไปที่ห้องทำงาน

    ฉันดึงเอาปึกนามบัตรที่หนาประมาณสามนิ้วออกมา แล้วฉันก็มองไปที่นามบัตรใบบนสุด
    และถึงแม้ว่าฉันจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ด้วยตาของฉันเองว่า นามบัตรของฉันมีหน้าตาอย่างไร
    แต่ฉันก็ไม่สามารถบอกได้ว่า ที่เห็นอยู่นี้ เป็นนามบัตรของฉันรึเปล่า เพราะสิ่งที่ฉันเห็นทั้งหมด
    มันเป็น จุดภาพ และจุดภาพของตัวอักษร ก็ปนเปกันอยู่กับจุดภาพของฉากหลัง
    และปนเปอยู่กับจุดภาพของสัญลักษณ์ต่างๆด้วย ซึ่งฉันก็ไม่สามารถอธิบายมันได้

    แล้วฉันก็รอ รอ จังหวะที่ฉันอยากเรียกว่าเป็น “คลื่นที่ชัดเจน” ซึ่งในช่วงจังหวะนั้นเอง
    ที่ฉันสามารถเชื่อมต่อกับโลกแห่งความเป็นจริงปกติได้อีกครั้ง และฉันก็สามารถบอกได้ว่า
    นั่นไม่ใช่นามบัตรของฉัน นั่นก็ไม่ใช่อีก และอันนั้นก็ไม่ใช่

    ฉันใช้เวลา 45 นาที่ ในการดูนามบัตรทีละใบๆ จนหมดไปประมาณสักหนึ่งนิ้วของความหนาของปึกนามบัตรนั่นกระมัง


    ในขณะเดียวกันนั้น ในช่วง 45 นาทีนั้น การตกเลือดในสมองซีกซ้ายของฉันก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น
    ฉันเริ่มไม่เข้าใจ ตัวเลข ฉันเริ่มไม่เข้าใจโทรศัพท์ แต่นั่นก็เป็นแผนเดียวที่ฉันมีอยู่ในตอนนั้น

    ดังนั้น ฉันจึงยกเอาแป้นโทรศัพท์ขึ้นมาวางตรงหน้า แล้วเอานามบัตรมาวางไว้ข้างๆตรงนี้
    แล้วฉันก็พยายามจับคู่ระหว่างรูปร่างของภาพที่เขย่าไปมาที่อยู่บนนามบัตร กับที่อยู่บนแป้นโทรศัพท์
    แต่หลังจากนั้น ฉันก็ถูกพัดพากลับเข้าไปอยู่ในลาลาแลนด์อีกครั้งหนึ่ง และหลังจากที่กลับออกมาแล้ว
    ฉันก็จำไม่ได้ว่า ฉันได้กดเบอร์โทรศัพท์ไปรึยัง

    แล้วฉันก็ต้องแกว่งเอาแขนข้างที่ไม่รู้สึกแล้วเหมือนตอไม้ มาปิดที่ตัวเลข ตัวที่ฉันได้กดลงไปที่แป้นโทรศัพท์แล้ว
    เพื่อที่เวลาที่ฉันกลับออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงตามปกติแล้ว ฉันจะได้บอกตัวเองได้ว่า
    ใช่แล้ว ฉันได้กดหมายเลขนั้นไปแล้ว

    และแล้วในที่สุด เบอร์โทรศัพท์ทั้งหมด ก็ถูกกดเป็นที่เรียบร้อย และฉันก็คอยฟังเสียงจากโทรศัพท์
    และเพื่อนร่วมงานของฉันก็รับโทรศัพท์แล้วเขาก็พูดกับฉันว่า "วู วูวว วูวว วูว วู วู"

    [เสียงหัวเราะจากคนดู]


    แล้วฉันก็พูดกับตัวเองว่า "โอ พระเจ้าช่วย! เสียงเขาเหมือนสุนัขพันธ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์เลย"
    และฉันก็ตั้งใจจะพูดกับเขาว่า "นี่คือจิวนะ ฉันต้องการความช่วยเหลือ"

    แต่เสียงของฉันที่ออกมาก็คือ "วู วูวว วูวว วูว วู วู" แล้วฉันก็นึกในใจว่า
    "โอ พระเจ้าช่วย! เสียงของฉันเหมือนสุนัขพันธ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์เลย"

    ดังนั้น ฉันไม่สามารถรู้ได้เลย, ฉันไม่เคยรู้เลยว่า ฉันไม่สามารถพูดได้ หรือเข้าใจภาษาได้
    ถ้าฉันไม่ได้ลองเป็นด้วยตัวเองแบบนี้

    แล้วเพื่อนร่วมงานฉันก็เข้าใจว่าฉันต้องการความช่วยเหลือ และเขาก็มาช่วยฉัน ต่อจากนั้นอีกไม่นาน
    ฉันก็ถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาล จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ข้ามเมืองบอสตันเพื่อไปโรงพยาบาลใหญ่


    ฉันม้วนตัวเหมือนท่าทารกในครรภ์ เหมือนบอลลูนที่เหลือลมนิดเดียว
    และขณะนั้นเอง ฉันรู้สึกได้ว่าพลังงานของฉันถูกยกระดับขึ้น และจิตวิญญาณฉันได้ยอมจำนน

    ในช่วงขณะนั้นเองที่ฉันรู้ตัวว่า ฉันไม่ได้เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของฉันเองอีกต่อไปแล้ว
    เพราะว่าถ้าแพทย์สามารถช่วยชีวิตฉันเอาไว้ได้ ฉันก็จะมีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อไป
    แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว มันก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่ฉันจะต้องย้ายไปอยู่ภพภูมิอื่นแล้ว


    ...........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2010
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เนื้อหาจากวีดีโอชุด How it feel to have a stroke

    บรรยายโดย ดร.จิว บอล์ต เทเลอร์ (Dr. Jill Bolte Taylor)
    นักประสาทกายวิภาคศาสตร์ (Neuroanatomist) ผู้มีประสบการณ์ด้วยตัวเอง

    ที่มาของเนื้อหา: Brain Scientist has a Stroke of Enlightenment


    แปลโดย: คุณ Threeam

    ตอนที่ 7
    (จบ)

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> เมื่อฉันตื่นขึ้นมาในบ่ายวันนั้น ฉันตกใจมากที่พบว่าฉันยังมีชีวิตอยู่
    เมื่อตอนที่ฉันสัมผัสได้ถึงการยอมจำนนทางจิตวิญญาณ
    ฉันได้กล่าวคำอำลากับชีวิตของฉันไปเรียบร้อยแล้ว

    และจิตใจของฉันในตอนนี้ ได้แขวนอยู่ระหว่างความเป็นจริงสองด้านที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
    การกระตุ้นได้ผ่านเข้ามาทางระบบประสาทสัมผัสของฉัน ที่ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน

    มันมีแสงสว่างส่องเผาสมองของฉันเหมือนไฟไหม้ป่า และมันก็มีเสียงที่ดังและยุ่งเหยิงมาก
    จนทำให้ฉันไม่สามารถแยกแยะเสียงใดๆออกจากเสียงรบกวนฉากหลังได้
    ฉันจึงอยากหนีไปเสียให้ไกล


    เนื่องจากฉันไม่สามารถบอกตำแหน่งแห่งหนของร่างกายของฉันในอวกาศได้
    ฉันจึงรู้สึกว่าตัวเองขยายใหญ่ออกไปอย่างมหึมา เหมือนยักษ์จีนี่ที่ออกมาจากขวดของเธอ
    จิตวิญญาณของฉันลอยทะยานอย่างอิสระ เหมือนปลาวาฬที่ว่ายร่อนในทะเลแห่งความเคลิ้มสุขเงียบงัน
    ทุกอย่างสอดคล้องประสานกัน ฉันจำได้ว่าฉันคิดในตอนนั้นว่า

    “ไม่มีทางที่ฉันจะยอมบีบร่างกายอันมหึมาของฉัน ให้กลับเข้ามาอยู่ในร่างกายเล็กๆนี้อีกอย่างเด็ดขาด”


    แต่แล้วฉันก็ตระหนักว่า "แต่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันยังไม่ตาย และฉันได้พบแดนสุขาวดี
    และถ้าฉันได้พบแดนสุขาวดี แล้วฉันก็ยังไม่ตาย ดังนี้ คนอื่นๆที่ยังมีชิวิตอยู่
    ก็สามารถที่จะพบแดนสุขาวดีนี้ได้เหมือนกัน"


    ฉันจินตนาการถึงโลกที่เต็มไปด้วยผู้คนที่น่ารัก ที่สวยงาม ที่สงบ
    ที่มีแต่ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ผู้ซึ่งรู้ดีว่าพวกเขาสามารถมาที่ดินแดนแห่งนี้ได้ทุกเวลา

    และพวกเขาก็สามารถ เลือกที่จะก้าวเข้ามาอยู่ในสมองซีกขวาของตนเองได้ เพื่อพบกับสันติสุขนี้

    และฉันก็ประจักษ์ว่า ประสบการณ์นี้มันช่างเป็นของขวัญที่พิเศษสุดๆจริงๆ
    การได้มาล่วงรู้ถึงปัญญาที่แท้จริงนี้ จะสามารถนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์แก่การดำเนินชีวิตของเราได้
    และสิ่งนี้เองที่ผลักดันให้ร่างกายฉันหายป่วย


    สองสัปดาห์ครึ่งหลังจากการตกเลือดในสมอง ศัลยแพทย์ได้นำก้อนเลือดคั่งขนาดเท่าลูกกอล์ฟ
    ที่กดศูนย์กลางภาษาในสมองของฉันออกไป

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    นี่เป็นรูปของฉันกับคุณแม่ ผู้เป็นนางฟ้าตัวจริงในชีวิตฉัน
    และฉันใช้เวลาทั้งหมดแปดปีสำหรับการฟื้นฟูสภาพร่างกาย

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    สรุปแล้ว เราคือใคร?


    เราคือพลังชีวิตแห่งจักรวาล ที่มีความหลักแหลม และมีจิตใจที่สามารถรู้สึกนึกคิดได้ทั้งสองแบบ
    และเราก็มีพลังอำนาจที่จะเลือกอยู่ตลอดเวลา ว่าเราจะเป็นใครและเป็นอย่างไรในโลกใบนี้


    ณ.ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ฉันสามารถก้าวเข้าไปอยู่ในจิตสำนึกของสมองซีกขวาของฉัน
    ที่ซึ่งพวกเราเป็น -- ฉันเป็น – พลังชีวิตแห่งจักรวาล และเป็นพลังชีวิตของโมเลกุลอัจฉริยะ
    ทั้ง 50 พันล้านโมเลกุลที่สวยงาม ซึ่งประกอบกันขึ้นมาเป็นร่างกายของฉัน
    และเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มีอยู่เป็นอยู่

    หรือไม่ก็ ฉันสามารถเลือกที่จะก้าวเข้าไปอยู่ในจิตสำนึกของสมองซีกซ้ายของฉัน
    ที่ซึ่งฉันกลายมาเป็น ตัวตนหนึ่ง ที่แยกขาดจากกระแสพลังดังกล่าว แยกขาดจากพวกคุณ

    ฉันคือ ดร.จิว บอล์ต เทเลอร์ ผู้มีสติปัญญา ผู้เป็นนักประสาทกายวิภาคศาสตร์

    เหล่านี้คือสิ่งที่เป็น "เรา" ที่อยู่ในตัวฉัน

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    แบบไหนล่ะที่คุณจะเลือก ?
    แบบไหนล่ะที่คุณเลือกอยู่ ?
    และเมื่อไหร่ที่คุณจะเลือก ?


    ฉันเชื่อว่า ยิ่งเราใช้เวลาในการเลือกที่จะก่อวงจรแห่งความสงบสุขอันลุ่มลึก
    ขึ้นในสมองซีกขวาของเราเองมากเท่าไหร่ ความสงบสุข ก็จะยิ่งถูกฉายเข้ามาในโลกใบนี้มากเท่านั้น
    และสันติสุขก็จะเกิดขึ้นบนดาวพระเคราะห์ดวงนี้ มากขึ้นเท่านั้นด้วย


    และฉันก็คิดว่า แนวความคิดนี้ มีค่าควรแก่การเผยแพร่ออกไป



    ........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772

    ขอขอบคุณคุณ Threeam
    ที่ช่วยแปลให้พวกเราอ่านกันนะครับ


    โมทนาสาธุครับ

    ....................................
     
  9. threeam

    threeam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,364
    ลิ้งค์แนบ ตามไปดูคุณOprah สัมภาษณ์ Dr Jill
    Jill Bolte Taylor on Oprah's Soul Series Webcast - Oprah.com
    Oprah's SOUL SERIES webcast นี้ น่าสนใจมากๆ มีสัมภาษณ์ท่านอื่นๆอีกมากมาย
    กดเข้าไปรับชมรับฟังเลยค่ะพี่น้องคร๊าบ
    ปล โห คุณชยุต เกลาซะ คนแปลอันแรก อายม้วนต้วนไปเลย ขอขอบคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2010
  10. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    อ่านแล้วทำให้นึกไปว่า ที่ว่าเวลาทำสมาธิแล้วรู้สึกว่าตัวเบา ตัวลอย เนี่ย มันคงเป็นเพราะว่าสมองซีกซ้ายไม่ค่อยทำงานแล้ว แล้วสมองซีกขวาก็มีบทบาทมากกว่าแทนเลยทำให้รู้สึกอย่างนั้น
     
  11. สนังกุมารพรหม

    สนังกุมารพรหม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +992
    โห สาระเพียบเลยนะ ปวดหัวตึ๊บๆ
     
  12. krittima helga

    krittima helga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +247
    อ้อออ ตามหามาตั้งนาน พึ่งเจอ__ไอ้ตัวกู ของกู มันอยู่นี่เอง มันอยู่สมองซีกซ้าย เอามันออกไป ขอบคุณ คะคุณชยูตตตต
     
  13. poacmu

    poacmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +169
    ขอบคุณครับคุณThreeam ที่นำความรู้ใหม่ๆมาเสนอ
     
  14. uuuu0010

    uuuu0010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +247
    ตื่นตา ตื่นใจ มาก มีสาระอันสำคัญ
     
  15. tuato

    tuato เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +482
    ขอบคุณที่หาข้อมูลดีๆมาให้อ่าน เป็นประโยชน์ให้การคิดสร้างพลังให้ตัวเองมากเลย
     
  16. yolk04

    yolk04 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +33
    ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ
     
  17. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    น่าสนใจมากครับ ขอบคุณครับ
    ผมชอบเรื่องราวประสบการณ์ภายในนี้มาก
     
  18. prapaanpong

    prapaanpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +7,992
    ขอบคุณครับ อ่านแล้วทำให้คิดอะไร รู้สึกอะไรได้อีกเยอะเลยย
     
  19. cosmiccell

    cosmiccell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +253
    ขอบคุณทั้งคุณชยุต และคุณ treeam สำหรับบทความดีๆครับ :cool:
     
  20. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    ขอบคุณคุณสามแอมด้วยค่ะ ขอบคุณคุณชยุตที่ช่างเสาะหาความรู้ดีๆมาฝาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...