::: วรวุฒิคุณอนุสรณ์ ประวัติและวัตถุมงคลหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ครูบาฟ้าหลั่ง :::

ยันต์ด้านหลังเหรียญอ่านว่ายังไงครับ........

 

สวัสดีครับ...

ยันต์ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์ เมตตาเวสสุวรรณ แกะบล็อคจากลายมือหลวงปู่ครับ
อ่านได้ว่า.....

"โอมอะขะโข เวสสุวัณโณมหาราชา สุวัณนะเมตตานัง
ภุมมานัง อาคัจเจยยะ มหานิยม"

เป็นอีกคาถาหนึ่งที่หลวงปู่ใช้ประทับหลังเหรียญ หลายๆ รุ่นของท่านครับ

ธีระยุทธ

 

กริ่งฟ้าหลั่ง เนื้อสัมฤทธ์รมดำก้นจารฟ้าหลั่งครับคุณ wannabexcite (ขออภัยครับ เพิ่งหัดส่งภาพ และไม่ทราบจะทำยังไงกับอ้างอิงข้อความเดิม เพราะส่วนมากเข้ามาเก็บความรู้มากกว่า )

 

มีรูปมาฝากครับ....

พระฤาษีวาสุเทพ... สร้างเมื่อมี 2545 พร้อมวัตถุมงคล
รุ่น "ไจยะเบงชร-พญาวัน" โรยผงตะไบพระกริ่งไจยะเบงชร
มีสองพิมพ์ครับ พิมพ์ใหญ่กับพิมพ์เล็ก
ส่วนใหญ่จะเห็นแต่พิมพ์ใหญ่ เพราะเป็นพิมพ์ที่ออกให้บูชา
จำนวนการสร้าง 1000 องค์ บูชากันพรึ่บพรั่บ หมด

พิมพ์เล็กสร้างแจกกันเฉพาะในกลุ่มลูกศิษย์ มีประมาณ 30-40 องค์
ส่วนใหญ่เก็บกันหมด... จึงไม่หลุดออกมาให้เช่าบูชากัน

ราคาเล่นหากันตอนนี้ พิมพ์ใหญ่ ประมาณรักร้อยแก่ๆ ถึงพันกว่า
พิมพ์เล็ก เคยมีคนหาักัน 2-3 พัน แต่ไม่มีของเลยครับ

 

อิอิ ฤาษีมาแร้ว ภาพสวยครับพี่ เมื่อกี้ก็เพิ่งขึ้นไปไหว้องค์ที่อยู่ทางเข้าพระธาตุดอยสุเทพมา คนวันนี้อย่างมหาสาน ล้นพระธาตุไปหมด

 

โฮ้โห.....คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->wannabexcite เอาภาพพระฤษีวาสุเทพมาลง รู้ไหมว่าทำให้
กิเลสในตัวพุ่ง แล้วอย่างนี้จะทนได้อย่างไร ต้องหามาบูชาแล้ว
มีบางเว็บออก เหรียญไจยะเบงชร หลวงปู่ครูบาอิน เนื้อตะกั่ว 8xx บาท
และเนื้อทองจั๋งโก๋ 5xx บาท เว็บไหนก็ลองค้นหาดู.....

 

ขออนุญาตอัพเดทรายการวัตถุมงคลวัดใหม่หนองหอยนะครับ
สำหรับท่านที่มีข้อสงสัยประการใด สอบถามรายละเอียดได้
ที่เบอร์ผมนะครับ ธีระยุทธ 081-9520285

==============================

รายการวัตถุมงคล
พระครูวรวุฒิคุณ (หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท)
ณ วัดใหม่หนองหอย สมทบทุนสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท
(หมายเหตุ: แก้ไขรายการ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓)

เหรียญรุ่นลายเซนต์ “ขอให้รวย ขอให้อยู่ดีมีสุข เนื้อเงิน - เหรียญยืน/เหรียญรูปไข่ ๑,๕๐๐.-
เหรียญรุ่นลายเซนต์ “ขอให้รวย ขอให้อยู่ดีมีสุข เนื้อทองแดงรมดำ - เหรียญยืน/เหรียญรูปไข่ ๑๙๙.-
เหรียญรุ่นลายเซนต์ “ขอให้รวย ขอให้อยู่ดีมีสุข เนื้อทองแดงรมดำ - เหรียญยืน/เหรียญรูปไข่ พร้อมประคำ ๒๙๙.-
เหรียญยืนสี่เหลี่ยม อายุ ๙๒ ปี รุ่นแรกวัดใหม่หนองหอย (๒๕๓๖) ๒๙๙.-
เหรียญรุ่น สันติสุขกำเนิด (๒๕๓๖) เนื้อทองแดงผิวไฟ ๒๙๙.-
เหรียญรุ่น สันติสุขกำเนิด (๒๕๓๖) เนื้อกาไหล่ทอง ๔๙๙.-
เหรียญกลมเล็ก รุ่นฉลองอายุ ๑๐๐ ปี (๒๕๔๕) ๙๙.-
เหรียญรุ่น ๑๐๑ ปี (๒๕๔๕) ๙๙.-
ล็อกเกตใหญ่พร้อมห่วง รุ่นลายเซนต์ (สีเขียว/ สีฟ้า/ สีส้ม) ๓๕๐.-
รูปถ่าย เคลือบกรอบวิทยาศาสตร์ รูปนั่ง/รูปยืน ๑๙๙.-

พระสมเด็จ ๙๙ หลังยันต์นะ ตะกรุดเงิน ๖๙๙.-
พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลังรูปเหมือน ติดจีวร ๙๙.-/ โรยพลอยกินบ่อเสี้ยง ๑๕๙.-
พระสมเด็จผาสุข หลังปั๊มยันต์แดง ๑๓๙.-
พระสมเด็จไจยะเบงชร พิมพ์กรอบกระจก หลังยันต์ฟ้าฟีก ๒๙๙.-
พระคงเนื้อดินเผา รุ่นแรก ๙๙.-

ผ้ายันต์นางกวัก ยุคต้น ๑๙๙.-
ผ้ายันต์พระพรหม ยุคต้น ๑๙๙.-
ผ้ายันต์จั๊กกิ้มล้อมโลก ปี ๒๕๔๕ ฉลองอายุ ๑๐๐ ปี ๙๙.-
ผ้ายันต์กุณพระเจ้า ปี ๒๕๔๕ ฉลองอายุ ๑๐๐ ปี ๙๙.-
ผ้ายันต์ อภิมหายันต์ ๑๐๘ ขนาดโปสเตอร์ สีเหลือง/สีแดง ๑๙๙.-
ผ้ายันต์ธงแขวนรถ ๙๙.-
เสื้อยันต์มหาอุด รุ่นแรก ๓๙๙.-
ดาบสะหลี๋กัญไชย มหาไจยะมงคล ๑๐๑ ปี (ดาบเดี่ยว) ๗,๕๐๐.-


วัตถุมงคลที่จัดสร้างหลังจากที่หลวงปู่มรณภาพแล้ว

พระผงอังคารธาตุ (มี ๖ สี ดำ-ขาว-เขียว-เหลือง-สีไม้-ก้นครก)
พิมพ์เล็ก ๔๙.-/ พิมพ์ใหญ่ ๑๙๙.-/ ก้นครก ๒๙๙.-/ ชุดกรรมการ ๖ สี ๑,๔๙๙.-

รูปหล่อครูบาอิน หน้าตัก ๙ นิ้ว ที่ระลึกพระราชทานเพลิงศพ เนื้อปูน ๑,๕๐๐ (ไม่จัดส่งทางไปรษณีย์)

ล็อกเก็ตรุ่น "มหามงคล ๑๐๘" ชุดกรรมการ (สี่เหลี่ยมสององค์) ๙๙๙.-
ล็อกเก็ตรุ่น "มหามงคล ๑๐๘" ล็อกเก็ตรูปไข่ใหญ่ ครึ่งองค์ ๒๙๙.-
ล็อกเก็ตรุ่น "มหามงคล ๑๐๘" ล็อกเก็ตรูปไข่ใหญ่ เต็มองค์ ๒๙๙.-
ล็อกเก็ตรุ่น "มหามงคล ๑๐๘" ล็อกเก็ตรูปไข่เล็ก ครึ่งองค์ ๑๙๙.
ล็อกเก็ตรุ่น "มหามงคล ๑๐๘" ล็อกเก็ตรูปไข่เล็ก เต็มองค์ ๑๙๙.


สนใจร่วมทำบุญ
สามารถติดต่อบูชาด้วยตนเองได้ที่วัดใหม่หนองหอย หรือติดต่อ...
พระครูสังวรยติกิจ (พระอาจารย์อินทร จิตตสังวโร) เจ้าอาวาสวัดใหม่หนองหอย
หมู่ที่ ๖ ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๖๐ โทร. ๐๘-๑๙๙๒-๐๔๐๗ โทรสาร. ๐-๕๓๓๖-๗๙๗๑

หรือโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาทุ่งเสี้ยว (สันป่าตอง)
ชื่อบัญชี กองบุญครูบาอิน อินโท เลขที่บัญชี ๖๖๑-๒-๒-๓๐๐๔๗

รายละเอียดวัตถุมงคลแต่ละชนิด สามารถติดตามได้ในกระดาน -:- สนทนาเกี่ยวกับวัตถุมงคล -:-

สุโข ปุญฺญสฺสํ อุจฺจโย
การสะสมบุญนำมาซึ่งความสุข <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

สวัสดีครับ...

มาพบกันอีกครั้ง กับภาคต่อของ "ตำนาดาบสหรีกัญไชย"
ที่ค้างมาจากตอนก่อน...

ในส่วนตอนนี้ ผมขอเรียกว่า เป็นตอน...

"วิเคราะห์ยันต์ดาบสหรีกัญชัย ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง
กับ จุททสมคาถา (พระคาถาปโชตา)”

เนื้อเรื่องในตอนนี้ อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับดาบสรีกัญไชย ของครูบาอินโดยตรง
แต่ก็เกี่ยวเนื่องอย่างยิ่งกับ "ตำนานดาบสหรีกัญไชย" ที่ค่อยๆ ศึกษา
ค่อยๆ วิเคราะห์วิจารย์กันครับ
ขอน้องรับคำวามคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่อบทความนี้ด้วยครับ...

หมายเหตุที่ ๑: บรรณานุกรมและเอกสารอ้างอิงต่างๆ จะระบุท้ายบทความ (ไม่ใช่ท้ายตอนนะครับ)


ธีระยุทธ
..................


วิเคราะห์ “ยันต์ดาบสหลีกัญชัย” ครูบาขันแก้ว
และ “จุททสมคาถา (พระคาถาปโชตา)”

หมายเหตุ: ในส่วนของข้อมูลเกี่ยวกับพระคาถาปโชตาโดยละเอียด สามารถศึกษาได้จาก
ในส่วนของบทความนี้จะได้วิเคราะห์ถึงความเกี่ยวเนื่อง และความน่าจะเป็นเกี่ยวกับพระคาถาปโชตา
กับยันต์ดาบ สหลีกัญชัย ตำหรับครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง เป็นสำคัญ
แต่ทั้งนี้ขอยกประวัติของพระคาถาปโชตามาพอสังเขปฯ เท่านั้น


จากเอกสารประกอบการสัมมนาทางวิชาการในหัวข้อ “๖๐๐ ปี ติโลกราชากับมิติทางวัฒนาธรรมและประวัติศาสตร์ล้านนาในยุคปัจจุบัน” ที่จัดขึ้นเมื่อ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ณ หอประชุมอาคารรวมวิจัยและบัณฑิตศึกษา สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดโดย สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรื่อง “พระคาถาปโชตา : มนตราประจำพระองค์ของพระญาติโลกราช” เป็นผลงานค้นคว้าจากเอกสารโบราณทั่วล้านนาและเอกสารจากทางสยามประเทศที่เกี่ยวข้องกับคาถาปโชตา โดย พระจตุพล จิตฺตสํวโร วัดบวกค้าง และ พระสุภชัย ชยสุโภ วัดสวนดอก (พระอารามหลวง) โดยมีข้อมูลโดยย่อ ที่กล่าวถึงความเป็นมาของคาถาปโชตา ในเอกสารโบราณล้านนา

ข้อมูลของคาถาปโชตาได้กระจัดกระจายอยู่ในเอกสารล้านนาหลายฉบับและมีอยู่หลากหลายรูปแบบ ทั้งบทสวดที่เป็นบาลีและตัวเมือง บางฉบับบอกถึงประวัติ บ้างแสดงเป็นนิสัยแปลบาลียกศัพท์ มีกลบทที่ผูกเป็นเรือนยันต์ บ้างก็นำไปประยุกต์ใช้กับงานพุทธศิลป์และศิลปกรรมเช่น ก่อพระเจ้า (สร้างพระพุทธรูป) ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ ยันต์โขงชาตา (ยันต์ผูกดวง) เป็นต้น

จากเอกสารล้านนา พับขนานอริยวงศ์ วัดหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.เชียงใหม่ ที่เป็นเอกสารหลักในการใช้ศึกษา มีใจความสอดคล้องกับเอกสารฉบับอื่นๆ และฉบับธัมม์ใบลานของ "ครูบาจีนาเมืองหอด" (ลูกศิษย์ครูบาเจ้าศรีวิไชย) มีข้อความหลักทับซ้อนกันทุกประการ แตกต่างเพียงรายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น ปริวรรตและย่อความได้ว่า...

"จุทฺทสมคาถา ๑๔ บทนี้เกิดใน เมืองลังกา อรหันตาเจ้าในเมืองลังกาผูกขึ้นเมื่อ พุทธศาสนาล่วงมาแล้ว ๒๑๘ ปี ถวายแด่พระญาสัทธาติสสะ (น่าจะเป็นพระเจ้าเทวานัมปิยดิษ มากกว่าเพราะศาสนารุ่งเรืองมาก มีประวัติอยู่ใน มูลศาสนาสำนานล้านนา และสอดคล้องกับ ตำราพระเวทพิศดาร ภาค ๑ ของทางภาคกลางอีกด้วย) เพื่อเอาไว้จำเริญนมัสการพระพุทธเจ้า และพระญาสัทธาติสสะก็นำเอามานมัสการจำเริญเช่นกัน ทำให้บ้านเมืองสงบสุขจำเริญด้วยยัสสะสัมปัตติยิ่งนัก เมื่อจุลศกราชได้ ๘๐๐ กว่า เชยยมังคละเถร ไปนมัสการพระเขี้ยวแก้วที่ลังกาแล้วเรียนสืบมา เมื่อกลับมาจำพรรษาที่พระธาตุหริภุญเชยย์ ก็เปนผู้อุปัฏฐากพระธาตุเจ้าหริภุญเชยย์ ได้ถวายพระคาถานี้ให้พระเจ้าติโลกราชได้จำเริญสวาดธิยายไหว้พระประจำเนืองนิจ พระองค์ก็จำเริญในสิริราชสมบัติยั่งยืนนาน อายุก็ยืนหาพยาธิโรคามิได้ ทั้งยังมีชัยเหนืออริราชศัตรูทั้งปวง และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในล้านนาให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แม้นเสนาอามาตย์ เจ้าขุน ผู้น้อย ผู้ใหญ่ ไหร่ราษฎร์ทั้งมวล หากจำเริญยังพระคาถา ๑๔ บทนี้ ก็จักบริบูรณ์ด้วยเข้าของสมบัติ ยศ สิริ เดช อายุ วัณณะ สุขะ พละ ทุกประการ อีกทั้งสมณเพศ มีชีป่ามหานาคเจ้า หากสร้างเป็นยันต์ไว้กับตนก็หากวุฒิจำเริญด้วยสิกข์โยมคุรุอุปัฏฐากมากนัก"


ในตอนท้ายยังได้กล่าวถึง มหาป่าเจ้าปัญญาวชิรอรัญญวาสี เป็นผู้แปลออกมาจากพระบาลีที่ปรากฎในคัมภีร์ใบลานเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่คฤหัสถ์และนักบวชทั้งหลาย มหาป่าเจ้าองค์นี้ในมีหลักฐานปรากฎใน ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ว่า "...อยู่มาเถิงสักกราชได้ ๑๑๖๘ ตัว (พ.ศ.๒๓๔๙) เปนวันพระญาวัน ได้หดหล่อน้ำมุทธาราชภิเสกยังสวาธุเจ้าปัญญาวชิระมหาป่าเจ้าขึ้นเปนสมเด็จเสฏฐอัคควรราชเปนสังฆนายกะ..." คือได้รับการแต่งตั้งเป็นสังฆราชาราชครูหลวงเมืองเชียงใหม่...

จากประวัติความเป็นมาของคาถาปโชตา จะเห็นได้ว่าคาถานี้เป็นที่เคารพนับถือและเกี่ยวข้องกับบุคคลทุกชนชั้น ตั้งแต่พระญามหากษัตริย์ พระสังฆราช ขุนนาง สมณชีพราหมณ์ ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ต่างจำเริญพระคาถานี้ ปโชตา จึงไม่เพียงเป็นแค่คาถาโบราณที่หายไป แต่กลับเป็นมหาคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งที่ควรนำมาเผยแพร่ให้ประจักษ์อีกครั้งหนึ่ง

จากบทสวด จุทฺทสมคาถา (ปโชตา) ทั้ง ๑๔ บทในสำนวนบาลีที่ปรากฎใน พับสาสัททาพินทุหลวง ของครูบาเตชะ วัดหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน และในหนังสือสวดมนต์ ฉบับตัวเมือง ลายมือของ อ.แก้ว มณีรัตน์ และ อ.อินสม ไชยชมภู เจ้าของโรงพิมพ์บุญผดุง จ.เชียงราย ได้กล่าวในบทที่ ๙ ของปโชตาไว้ดังนี้

โยเทติ เทวเทโวคฺคํ มคฺคํ โนคฺคํ ผลํ ตโต
นมามิตํ รหมคฺคํ โนโส ปาเลตฺวา ปายโต ฯ
บทนี้ชื่อว่า "ขคฺคเชยฺย นวมคาถา" มหาสังฆราชาหมื่นพร้าวทือ มหาสังฆราชาเชียงหมั้นถือหื้อลงใส่แผ่นเหล็กแปลงเป็นรูปดาบสรีกัญไชย ลงในวันฤกษ์ดี ดิถีดีแล้วเสกด้วยคาถา ๑๐๘ ฅาบ สักการะปูชาประจญชนะข้าเสิ้กสัตรูทังมวลแลฯ

จากข้อมูลบทพระคาถาข้างต้น จึงนำมาวิเคราะห์ถึงรูปยันต์ดาบสหลีกัญชัย ของครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ที่ได้รับสืบทอดมาจากครูบาชุ่ม วัดชัยมงคล (วังมุย) ซึ่งรับมอบมาจากครูบาเจ้าศรีวิไชย อีกทอดหนึ่ง ยันต์ดาบสหลีกัญชัยตามลายมือของครูบาขันแก้ว เป็นดังภาพ




ตามอักขระล้านนา คือ




ซึ่งเมื่อถอดเป็นคำอ่านอักขระล้านนา เป็นภาษาไทยได้ว่า



จากบทพระคาถา

โยเทติ เทวเทโว คฺคํ มคฺคํ โนคฺคํ ผลํ ตโต
นมามิตํ รหมคฺคํ โนโส ปาเลตฺวา ปายโต ฯ

จะเห็นตำแหน่งของอักขระยันต์สัมพันธ์กัน หากสันนิษฐานว่า “เว” ในรูปยันต์ และ “เท” ในบทคาถา อาจจะเกิดความผิดเพี้ยนเนื่องมาจากการสืบทอดทางภาษา ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน ก็จะเห็นรูปแบบ การเดินของยันต์ดังนี้


“โยเท(เว)ติ เท(เว)วะเท(เว)โว คะคํ” เป็นส่วนของด้ามมีดในแผงยันต์ ลักษณะการลงเป็นสี่ทิศ




“มะคะคํ โนคะคํ” ตรงกัน และอาจจะด้วยเหตุผลเดียวกัน ทำให้เกิด “ผะลํตะโต” กับ “ลาลํคะโต” ขึ้นได้




ส่วนพระคาถาวรรคที่สาม “นมามิตํ รหมคฺคํ” แตกต่างเพียงแค่ “หํ” กับ “รห” ทั้งนี้ให้ “มะ” กับ “มา” เหมือนกันโดยอนุโลม จะได้ทิศทางการลงอักขระดังนี้




และส่วนวรรคสุดท้าย "โนโส ปาเลตฺวา ปายโต" มีจำนวนอักขระเท่ากัน ต่างเพียงบางตัว ซึ่งอาจจะสันนิษฐานได้ว่าเป็นความคลาดเคลื่อนในการถ่ายทอด ดังกล่าวข้างต้น จึงกลายเป็น “โนโสยะเลตฺวา ตะยะโส” ในอักขระ มีทิศทางการลงดังนี้



เมื่อพิจารณาจุดแตกต่างของอักขระ จะพบดังนี้



จะเห็นได้ว่า มีจุดแตกต่างของอักขระเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งนั่นน่าจะสรุปได้ว่า บทพระคาถาที่นำมาผูกเป็นยันต์ดาบสหลีกัญชัย ของครูบาขันแก้ว ที่สืบทอดมาจากครูบาชุ่มและครูบาเจ้าศรีวิชัยนั้น น่าจะมีที่มาจาก จุทฺทสมคาถา หรือ พระคาถาปโชตา นี้เอง โดยมีกลบทการลงอักขระตามที่ได้พยายามวิเคราะห์ไว้ข้างต้น แต่ทั้งนี้ อาจจะเป็นด้วยระยะเวลาที่มีการถ่ายทอดติดต่อกันเป็นเวลานาน จึงทำให้เกิดความแตกต่างของบทพระคาถา กับอักขระที่ผูกเป็นเรือนยันต์

และหากเป็นดังข้อสันนิษฐานข้างต้น ก็เป็นไปได้อีกเช่นกันว่า การสร้าง การทำยันต์ดาบสลีกัญชัย หรือแม้กระทั่งการทำดาบสหลีกัญไชย เอง น่าจะมีมาไม่ต่ำกว่า ๕๐๐-๖๐๐ ปี ตามวาระที่พระคาถานี้ได้เข้ามาสู่แผ่นดินล้านนา ในยุคสมัยของพระเจ้าติโลกราชนั่นเอง


ธีระยุทธ
=============

ขอขอบคุณ คุณโต้ง สายครูบา สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับพระคาถาปโชตา
ท่านที่สนใจติดตามอ่านได้ตามลิ้งค์นี้ครับ...
http://palungjit.org/threads/พระกริ...กษ์-ปิยะมหาราช-ปลุกเสก-พระเจ้าเปิดโลก.245260/

 

เยี่ยมครับพี่ไก่

ถือเป็นข้อมูลใหม่ ทีแรกโต้งก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไรกับปโชตากับสรีกัญไชยตำหรับครูบาขันแก้ว
แต่มาเจอวิธีกลบทต่างๆในการลงก็เข้าใจมากขึ้น ขอคุณข้อมูลดีๆเน้อครับ

บ้านเรายังมีศาสตร์ขลังๆอีกแยะเนอะพี่เนอะ

 

ขอบคุณครับโต้ง
ต้องขอบคุณโต้งที่จุดประกายความสงสัย
จนนำไปสู่ "ความพยายาม" ที่จะเชื่อม "ปโชตา"
กับ "สหรีกัญไชย" ให้จงได้
จนเกิดมาเป็นบทความตอนนี้ครับ

ตอนแรกรู้สึกงงตัวเองนะ ว่ากำลังทำอะไรอยู่
แต่พอมาเห็น สิ่งที่ซ่อนอยู่..... อูย หายงงเปนปลิดทิ้ง

ขอย้ำคำพูดของโต้งอีกที.....

ศาสน์ขลังของล้านนา... ยังมีอะไรให้ต้องศึกษาอีกเยอะ...

อ้ายไก่

 

สาธุ




สวัสดีครับพี่ไก่ และทุกๆ ท่าน


ผมขอเสนอเรื่องยันต์ดาบสหลีกัญชัย ในแง่มุมหลวงปู่ครูบาขันแก้วนะครับ


ตามที่รู้กันว่ายันต์ดาบสหลีกัญชัย ที่หลวงปู่ครูบาขันแก้วสร้างออกมานั้น ได้รับตกทอดจากครูบาเจ้าศรีวิชัย ผ่านทาง หลวงปู่ครูบาบุญชุ่ม ซึ่งหลวงปู่ทั้งสองก็ไม่ได้จัดสร้างเลย เหตุเพราะว่ามิใช้เจ้าของตำรา


เหตุที่ยันต์ดาบสหลีกัญชัยมาตกอยูที่ภาคเหนือ ก็เพราะพ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด ในสมัยนั้น ปัจจุบันคือ บริเวณ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ได้มอบตำราและพระเวทย์ที่ใช้กับพระขรรค์ไชยศรีไว้ให้กับพ่อขุนเม็งราย ซึ่งเป็นศิษย์ของท่านจึงได้มาตกอยู่ที่เมืองเหนือ จนถึงสมัยครูบาเจ้าศรีวิชัยได้เดินธุดงค์ไปที่ถ้ำเชียงดาว ซึ่งใครเป็นผู้นำมาเก็บซ่อนก็ไม่อาจรู้ได้


ตอนที่หลวงปู่ครูบาบุญชุ่มมอบตำรายันต์ดาบสหลีกัญชัย และพระเวทย์ที่เสกดาบ ให้กับหลวงปู่ครูบาขันแก้วสหายรัก โดยได้บอกว่า " มันเป็นหน้าที่ของเปิ้น(หลวงปู่ครูบาขันแก้ว) ที่จะต้องทำตะกรุด และดาบสหลีกัญชัยและมีดพระขรรค์สหลีกัญชัย "

อ้างอิงจาก หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พระครูอุดมขันติธรร(ครูบาขันแก้ว อุตฺคโม) วัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง) ต.ห้วยยาบ อ.เมือง จ.ลำพูน
หน้า 21 ตอนยันต์ดาบสหลีกัญชัย

ประวัติพ่อขุนผาเมือง
ที่มาที่ไป http://www.sukhothai.go.th/history/hist_06.htm
เหตุ และผล ttp://www.tourphetchabun.com/module...howpage&pid=33


ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นอีกแง่มุมหนึ่ง ที่ผมได้ยินได้ฟังมาจากลูกศิษย์หลวงปู่ครูบาขันแก้วนะครับ หากผิดพลาดแต่ประการใดขออภัยพี่ไก่ และผู้รู้ทุกๆ ท่านด้วยนะครับ ^_^
______________________________
hello9
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์มาทำงานกัน

โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัดฯ ทั่วภาคเหนือตอนล่าง
โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัด สำนักสงฆ์สำนักปฏิบัิติธรรม ทั่วภาคเหนือตอนล่าง<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

พี่ๆครับ อยากทราบว่าเสื้อยันต์มหาอุด รุ่นแรก ของครูอิน ทำไมถึงเหมือนของ อ.เณร วัดสิงคำ โดยของอ.เณรจะมีปั้มตราตรงไหล่ ครับ รูปตัวอย่างคับ

 

ขออภัยเขียนวัดผิดครับ อ.เณรวิเศษสิงห์คำ วัดป่าสักครับ

 

สวัสดีครับคุณหมู...

ขอบพระคุณคุณหมูนะครับ ที่ร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับประวัติยันต์ดาบสหลีกัญชัย
ของครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง...

ในส่วนของประวัติยันต์ดาบสหลีกัญชัย ตามที่บันทึกในหนังสืออนุสรณ์งานศพของหลวงปู่
ผมได้รับข้อมูลนี้มาจากคุณศิษย์กวง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ในกลุ่มรัศมีพรหมโพธิโก
แล้วตอนหลังก็ได้คุยกับพระอาจารย์ชนินทร์ ชนินโท ท่านก็ยืนยันเรื่องนี้กับผมอีกครั้ง
วันที่ได้คุยกับท่านอาจารย์ชนินทร์ ผมได้มีโอกาสเล่าถึงดาบสรีกัญไชย ของหลวงปู่ครูบาอิน
ให้ท่านฟัง... พร้อมทั้งพูดถึง "จัยยะสังคหะ" ซึ่งเป็นคาถาสำหรับ "เสก" ดาบ
ผมก็ท่องคาถาบทนี้ให้พระอาจารย์ชนินทร์ฟัง... ท่านบอกกลับมาเลยว่า
"ครูบาขันแก้ว ก็ใช้คาถาบทเดียวกันนี้ เสกยันต์เสกดาบของท่าน"
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ
"ครูบาอิน และครูบาขันแก้ว ใช้คาถาจัยยะสังคหะ ในการเสกดาบสหรีกัญไชย เหมือนกัน"
ได้ยินแล้วอึ้งไปเลย...
ตอนพระอาจารย์ชนินทร์ท่านมาที่วัดใหม่หนองหอย เพื่อเอาเหรียญหลวงปู่ครูบาอิน
ที่ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก ได้สร้างถวาย และเก็บไว้ส่วนหนึ่ง
มามอบให้พระอาจารย์อินทร เพื่อสมทบทุนสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์
ทั้งสองท่านก็ได้คุยกัน พระอาจารย์อินทรยังได้มอบธัมม์ล้านนา "จัยยะสังคหะ"
ให้กับพระอาจารย์ชนินทร์ด้วย...

สรุปอีกครั้งว่า...
"ครูบาอิน และครูบาขันแก้ว ใช้คาถาจัยยะสังคหะ ในการเสกดาบสหรีกัญไชย เหมือนกัน"
เป็นเพียงสิ่งเดียวที่สรุปได้ ตอนนี้ครับ...

ผมแนบบทความจากหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ ครูบาขันแก้ว มาให้อ่านกันด้วย
แต่ผมอยากตั้งข้อสังเกตุประการหนึ่งครับ...
จริงอยู่ว่า... เมื่อครั้งพ่อขุนผาเมือง ไม่ยอมขึ้นครองเมืองสุโขทัย
และได้ยกบ้านเมืองให้ "พ่อขุนศรีอินทราทิตย์" พร้อมทั้งมอบพระแสงขรรค์ไชยศรี ให้เป็นเครื่องแสดงฐานะ
จากนั้นท่านก็ไปครอง "เมืองราด" ตราบจนสิ้นอายุขัย
(ทั้งหมดทั้งมวล อ้างอิงจากศิลาจารึกหลักที่ ๒ วัดศรีชุม + ตำนาน เรื่องเล่า ต่างๆ เท่านั้น)

ประเด็นของผมก็คือ... พระญาเม็งราย เจ้าเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสหายกับ พ่อขุนรามคำแหง เจ้าเมืองสุโขทัย
และพระญางำเมือง เจ้าเมืองพะเยา...

ตามประเด็นที่บันทึกไว้ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ กล่าวว่า...
"... พ่อขุนผาเมืองได้มอบตำราและพระเวทย์ที่ใช้กับพระขรรค์ไชยศรีให้ไว้กับพ่อขุนเม็งราย ซึ่งเป็นศิษย์ของท่าน... "

ผมอยากทราบว่าพระญาเม็งราย ไปเป็นลูกศิษย์พ่อขุนผาเมืองได้อย่างไร
เพราะนี่เองคือกุญแจดอกสำคัญที่จะเชื่อมโยง ว่าเหตุใดจึงมีตำรานี้อยู่ในแผ่นดินล้านนา
ผมทราบแต่เพียงว่า พระญางำเมือง และพระญาเม็งราย เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกัน
ข้อมูลที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ของเชียงใหม่ก็ระบุเช่นนั้น...
เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ยังไม่เคลียร์

พอก่อน... มาอ่านบทตัดตอนจาก หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ ครูบาขันแก้ว กันดีกว่าครับ

====================

ยันต์และดาบสหลีกัญชัย
พระครูอุดมขันติธรรม (ครูบาขันแก้ว อุตตโม) วัดสันพระเจ้าแดง

ดังที่ได้กล่าวไว้ในขั้นต้นว่า เมื่อพูดถึงดาบ หรือยันต์ดาบสหลีกัญไชย ที่โด่งดังที่สุดในแผ่นดินล้านนา ก็คงไม่พ้นดาบสหลีกัญไชยของหลวงปู่ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง จังหวัดลำพูน ในตอนนี้จึงจะขอยกบันทึก เรื่องราวความเป็นมาของ “ยันต์ดาบสหลีกัญชัย” จากบันทึกของ “คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก” ในหนังสือ “อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พระครูอุดมขันติธรรม (ครูบาขันแก้ว)” ซึ่งคุณ “ศิษย์กวง” ได้อ้างอิงไว้ในบทความชื่อ “ครูบาขันแก้ว อุตตโม วัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง) จ.ลำพูน ตอน ยันต์ดาบสหรีกัญชัย” (ตอนที่ ๑ และ ๒) ซึ่งได้คัดลอกมาลงแบบเต็มไม่ได้ตัดทอนแต่อย่างใด ดังต่อไปนี้

ยันต์ดาบสหลีกัญชัย ที่หลวงปู่ขันแก้ว ได้ใช้ลงเป็นตะกรุดนั้น มีความเป็นมาดังนี้...

ในสมัยที่หลวงปู่ศรีวิชัย (ครูบาศีลธรรม) ได้ไปเข้านิโรธสมาบัติที่ถ้ำเชียงดาว ซึ่งอยู่ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ หลวงปู่ ศรีวิชัยไปได้ตำรามาจากถ้ำเทวดา ซึ่งเป็นถ้ำเล็กๆ อยู่ภายในถ้ำเชียงดาวเป็นสูตรยันต์ที่ใช้ลง “มีดพระขรรค์ไชยศรีของพ่อขุนผาเมืองและลงดาบสหลีกัญชัย...”

หลวงปู่ศรีวิชัยมิได้ “ตัวพระขรรค์ไชยศรีหรือดาบสหลีกัญชัย” มาแต่ได้ “ตำรายันต์ที่ใช้ลงดาบหรือพระขรรค์” มา และก็ได้เกิดร่ำลือกันว่าท่านไปได้ดาบวิเศษสหลีกัญชัยมา ซึ่งเป็นของวิเศษคู่บ้านคู่เมืองและไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายตามราชประเพณี จึงเป็นอีกข้อหาหนึ่งที่ทำให้หลวงปู่ศรีวิชัยถูกอธิกรณ์ฟ้องจากคณะสงฆ์ของ จ.ลำพูน

ต่อมาท่านได้ให้ตำรายันต์นี้ไว้กับ “หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก” วัดวังมุย โดยที่หลวงปู่ศรีวิชัยและครูบาชุ่มก็มิได้สร้างทั้งตะกรุดและดาบสหลีกัญชัยไว้

เหตุที่ยันต์ดาบสหลีกัญชัยมาตกอยู่ที่ภาคเหนือ ก็เพราะพ่อขุนผาเมืองได้มอบตำราและพระเวทย์ที่ใช้กับพระขรรค์ไชยศรีให้ไว้กับพ่อขุนเม็งราย ซึ่งเป็นศิษย์ของท่าน จึงได้ตกมาอยู่ที่เมืองเหนือ จนถึงสมัยหลวงปู่ศรีวิชัยได้เดินธุดงค์ไปที่ถ้ำเชียงดาว ซึ่งใครเป็นผู้นำมาเก็บซ่อนก็ไม่อาจจะรู้ได้

และในภายหลังหลวงปู่ศรีวิชัย จึงได้มอบยันต์ที่ใช้ลงดาบสหลีกัญชัยและพระเวทย์ที่ใช้กำกับดาบสหลีกัญชัยไว้กับหลวงปู่ครูบาชุ่ม วัดวังมุยและหลวงปู่ครูบาชุ่มก็ได้มอบ “ตำรายันต์ลงดาบสหลีกัญชัยและพระเวทย์ที่เสกดาบ, ตำราทำตะกรุดลูกหนังควายเผือกตายในท้องแม่และตำราลงยันต์นากคอคำ ๓ ชุด” ให้กับหลวงปู่ขันแก้วสหายรักไว้ โดยบอกว่า
“เป็นหน้าที่ของเปิ้น (ของหลวงปู่ขันแก้ว) ที่จะต้องทำตะกรุด และดาบสหลีกัญชัย และมีดพระขรรค์สหลีกัญชัย”

ในระยะปีแรก หลวงปู่ขันแก้วจะลงเฉพาะในแผ่นตะกรุดเท่านั้น ส่วนมีดดาบและพระขรรค์ ท่านได้ทำในภายหลังประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๓ โดยหลวงปู่ได้ถาม คุณสุทธิโชค คงอุไร บุตรชายของคุณพ่อ (คุณหมอสมสุข คงอุไร) ว่า
“มีดาบไหม”
คุณสุทธิโชค ก็ตอบหลวงปู่ว่า
“มีครับ หลวงปู่จะเอาไปทำไม”
หลวงปู่ก็ตอบว่า
“จะลงยันต์สหลีกัญชัยให้”

คุณสุทธิโชค คงอุไร จึงได้นำมีดดาบโบราณของท่านเจ้าคุณตา “พระยาสรชาติโยธี” มาให้ท่านลงที่บ้านสะพานเหลือง เมื่อคราวที่หลวงปู่ได้ลงมาโปรดสัตว์ โปรดธรรมที่กรุงเทพ และเป็นดาบสหลีกัญชัยเล่มแรกที่หลวงปู่ขันแก้วได้ลงยันต์ไว้ให้

จากนั้นคุณหมอสมสุข คงอุไร ก็ได้ถวายหลวงปู่ขันแก้วอีก ๑ เล่ม จึงเป็นดาบสหลีกัญชัยเล่มที่ ๒ ที่เป็นมีดดาบจึงมีเพียง ๒ เล่มเท่านั้น

เมื่อวันเสาร์ ๕ ที่ ๒ เมษายน ๒๕๒๖ หลวงปู่ขันแก้วได้อนุญาตให้คุณหมอสมสุขทำเป็นแบบพระขรรค์และแบบมีดพระขรรค์ (มีดหมอ) ได้ปลุกเสกให้หลายครั้งก่อนวันเสาร์ ๕ ที่ ๒ เมษายน ๒๕๒๖ ที่วัดอีกครั้งก่อนหน้ามรณภาพ ๓ เดือน

ในวันเสาร์ ๕ ที่ ๒ เมษายน ๒๕๒๖ หลวงปู่ขันแก้วได้ลงตะกรุดยันต์ดาบสหลีกัญชัยรุ่นพิเศษ (รุ่นแม่ทัพธรรม) ดอกใหญ่กว่าทุกรุ่นไว้ ๑ ชุดและได้ลงตะกรุดในแบบต่างๆ ให้กับคุณหมอสมสุขไว้ เรียกว่า “ทำอย่างชนิดทิ้งทวน”

หลวงปู่ขันแก้ว ท่านตื่นจากจำวัดเวลาประมาณ ๐๕.๐๐ น. ตะกรุดต่างๆ ได้ลงเสร็จแล้วในตอนกลางคืน คือทำล่วงหน้าไว้หลายอย่าง แต่เฉพาะตะกรุดสหลีกัญชัยดอกใหญ่รุ่นแม่ทัพธรรมนี้ ท่านได้ลงเมื่อรุ่งเช้าของวัดเสาร์ ๕ ที่ ๒ เมษายน ๒๕๒๖ เมื่อแสงทองขึ้นจากขอบฟ้าและเห็นเส้นสายลายมือ หลวงปู่ท่านลงจนเสร็จหมดทุกดอก

หลังจากฉันภัตตาหารเช้าแล้ว หลวงปู่ท่านสั่งให้นำมงคลวัตถุทั้งหมดที่ได้เตรียมไว้ขึ้นไปทำพิธีใหญ่ปลุกเสกเดี่ยวบนพระวิหารในตอนเช้า และในตอนค่ำหลวงปู่ได้ไปนั่งปรกปลุกเสกในพิธีพุทธาภิเษกที่อนุสาวรีย์พระนางจามเทวีจังหวัดลำพูน

สำหรับเรื่องของ “ความเกี่ยวพันกับเจ้าของพระขรรค์ไชยศรี หรือดาบสหลีกัญชัยในอดีตชาติ...” มีที่มาที่ไปดังนี้ครับ

คุณพ่อได้เล่าให้ฟังว่า ในวันเสาร์ ๕ ที่ ๒ เมษายน ๒๕๒๖ คุณพ่อได้เรียนถามหลวงปู่ว่า
“ดาบสหลีกัญชัยนี้กับพระขรรค์ไชยศรี ของพ่อขุนผาเมืองมีความเกี่ยวข้องกันใช่ไหมครับ”
หลวงปู่ตอบว่า... “แม่น” (หมายถึงมีความเกี่ยวข้องกัน)

คุณพ่อก็ได้เรียนถามต่อว่า...
“ตำราลงยันต์ดาบสหลีกัญชัย ก็ได้ลงพระขรรค์ไชยศรีของพ่อขุนผาเมืองใช่ไหมครับ”
หลวงปู่ขันแก้วก็ตอบว่า “แม่น” อีก

“ถ้าอย่างนั้น ยันต์ดาบสหลีกัญชัยก็เป็นของพ่อขุนผาเมืองใช่ไหมครับ”
หลวงปู่ขันแก้ว ก็ตอบ “แม่น”อีก

คุณพ่อก็เรียนถามท่านต่อไปอีกว่า
“ที่มาตกอยู่ที่เมืองเหนือก็เพราะได้มอบตำรายันต์ดาบสหลีกัญชัยไว้กับพ่อขุนเม็งรายใช่ไหมครับ”
หลวงปู่ขันแก้วก็ตอบว่า “แม่น” (เพราะรู้ว่ากรุงสุโขทัยรักษายันต์ดาบนี้ไว้ไม่ได้ จึงได้ให้เก็บไว้ทางเมืองเหนือ เพื่อรอผู้เป็นเจ้าของมาทำในอนาคต)

คุณพ่อเห็นว่า “ไฟเขียวได้เปิดทางแล้ว” ก็เลยเรียนถามต่อว่า
“ที่หลวงปู่ครูบาชุ่มบอกว่า เป็นหน้าที่ของหลวงปู่ ก็แสดงว่าหลวงปู่เป็นเจ้าของยันต์ดาบสหลีกัญชัยในอดีตชาติและเป็นเจ้าของพระขรรค์ไชยศรีด้วยใช่ไหมครับ”
หลวงปู่ขันแก้ว ท่านก็ “พยักหน้ารับ” ต่อหน้าผู้ที่ร่วมนั่งฟังอยู่หลายคน มีคุณวันชัย แก้วทับทิม คุณบุญทอง อมรทวีชัยและหลานหลวงปู่ในวันนั้น

คุณพ่อได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่มาเล่าเชียร์หลวงปู่หรือเชียร์เพื่อขายมงคลวัตถุเข้าพกเข้าห่อในภายหลัง มงคลวัตถุที่หลวงปู่ได้ปลุกเสกไว้ก็จะเก็บรักษาไว้เพื่อให้เป็นของขวัญในการร่วมทำบุญกับคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก ตามสภาพของการทำบุญและราคาของตลาดในปัจจุบัน เพื่อจะหารายได้เอาไปสร้างวัตถุอันเป็นที่ระลึกถึงคุณงามความดีของหลวงปู่ขันแก้วต่อไป... และคุณพ่อก็ได้บอกผู้เขียนว่า...

หลวงปู่ขันแก้ว อุตตโม ก็คือ “ผู้เป็นเจ้าของพระขรรค์ไชยศรีและยันต์ดาบสหลีกัญชัยกลับชาติมาเกิด”

หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโกท่านเป็นพระที่มีอภิญญาหลายอย่าง จึงได้บอกกับหลวงปู่ขันแก้วไว้ว่า “เป็นหน้าที่ของเปิ้น” คือเป็นหน้าที่ของหลวงปู่ขันแก้วที่จะต้องทำในปัจจุบันชาตินี้....

หลวงปู่ยังได้กล่าวกับคุณพ่ออีกว่า
“ถ้าโยมหมอและคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก ไม่มีความกตัญญู กตเวทิตา ต่อหลวงปู่ครูบาชุ่มและครูบาขันแก้ว ก็ให้ทำลายยันต์ดาบสหลีกัญชัยตำรับนี้ทิ้งเสียและไม่ต้องสร้างเป็นมงคลวัตถุด้วย...”
แต่ที่หลวงปู่ได้เห็นแล้วว่าโยมหมอและคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก มีความกตัญญู กตเวทิตาจริง จึงได้นำออกมาทำให้กับคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก เพื่อให้ได้รู้เรื่องความเป็นมาในอดีตของ “พระขรรค์ชัยศรี หรือ ดาบสหลีกัญชัย”

ในวันเสาร์ ๕ ที่ ๒ เมษายน ๒๕๒๖ หลวงปู่ยังได้กล่าวต่อไปอีกว่า..
“ยันต์ดาบสหลีกัญชัยนี้เป็นพญายันต์” และห้ามนำไปใช้ในทางที่ผิดหรือนำไปยัดใส่ไว้ในตะกรุดอื่นๆ (คือมีผู้จะเอาไปใส่ไว้ในตะกรุดลูกหนังควายเผือก)
“ยันต์ดาบสหลีกัญชัย” มีอำนาจให้คนเกรงกลัว เกรงขาม มีทั้งความคงกระพัน แคล้วคลาด กันพวกข่าม คุณไสยต่างๆ อีกด้วย มีอยู่กับตัวหรือเก็บไว้ในบ้านเรือนก็เป็นสิริมงคลด้วย...

ผมไม่ปฏิเสธว่า เรื่องความเป็นมาของ “ดาบสหรีกัญชัย” มีมากมายหลายเรื่อง แต่เราก็ต้องยอมรับว่าในทุกเรื่องล้วนมีลักษณะร่วมสากลบนรากฐานของศาสนา แต่สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้อีกเช่นกันก็คือเรื่องของ “ดาบสหรีกัญชัย” ที่จะต้องถูกตีความใหม่ออกไปบ้างตามเวลาและสถานที่…

คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกและผู้ที่เคารพในหลวงปู่ครูบาขันแก้ว ทุกคนพร้อมใจกันเชื่อในเรื่องความเป็นมาของ “พระยันต์ดาบสหรีกัญชัย”
แน่นอนครับว่า การที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างให้ความเชื่อมั่นและเดินทางตามความเชื่อด้วยความคิดแบบเดียวกันมาเป็นเวลายาวนานเกือบสามสิบปี ย่อมไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่ายๆ

หลายครั้งที่”ความเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง”ถูกกระทบจากเสียงรอบข้าง...
เรื่องราวของการได้มาซึ่ง “ตำราลงยันต์ดาบสหรีกัญชัย” ก็ได้ถูกนำมาชี้แจงอยู่ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พระครูอุดมขันติธรรม (ครูบาขันแก้ว) แล้ว... ก็สุดแท้แต่ใครจะเชื่อกันขนาดไหน...
แต่สำหรับ “คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกและผู้ที่เคารพในหลวงปู่ครูบาขันแก้ว” แล้ว พวกเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าเชื่อว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นคือ “ความจริง” และความจริงดังกล่าวนั้นได้ก่อให้เกิด…ความศรัทธาในตัวของหลวงปู่ครูบาขันแก้วและคำสอนของท่านอย่างไม่เปลี่ยนแปลง...

 

สาธุๆ


^_^ เป็นจริงตามนั้นครับพี่ไก่ เรื่องพ่อขุนผาเมือง

แต่พ่อขุนผาเมืองเมื่อปลายพระชนมชีพไม่ได้อยู่ที่เมืองราดครับผม ด้วยเหตุที่ว่าพระนางสิงขรเทวี มเหสี(เป็นลูกพระเจ้าชัยวรมันที่ 7) ได้เผาเมืองราด

" ในปี พ.ศ. 1800 พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมือง ได้ริเริ่มคิดปราบปราม ขอมเพื่อปลดปล่อยอิสระของชนไท โดยนำกำลังไพร่พลเข้าทำการรบกับขอมจนเป็นอันผลสำเร็จ และประกาศเป็นอิสระจากขอม ตั้งแต่นั้นมา หลังจากชนะศึกและได้มเหสีองค์ใหม่คือ พระนางสิงขรเทวี และได้กลับมาที่เมืองราดจนเมืองราด (หล่มสัก) นั้นถูกเผา จนเกิดมีตำนานข้าวสารดำ นั้นมีการจารึกบรรยายอยู่ที่วิหารในวัดตาล อำเภอหล่มเก่า "

อย่างไรก็สิ่งที่สามารถใช้เป็นหลักฐานที่ได้รับการยอมรับจากนักประวัติศาสตร์ใช้อ้างอิงได้นอกเหนือไปจากตำนานและเรื่องเล่าต่างๆที่กล่าวถึงพ่อขุนผาเมือง ในปัจจุบันมีเพียงศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 2 เพียงชิ้นเดียว

ทุกวันนี้ยังมีการวิภาคทางวิชาการการทุกปีในเรื่องพ่อขุนผาเมืองอยู่ที่ไหนเมื่อปลายพระชนมชีพ ซึ่งข้อมูลล่าสุดสรุปกันว่าพ่อขุนผาเมืองเมื่อปลายพระชนมชีพอยู่จังหวัดเชียงราย

แต่อนาคตก็อาจเปลี่ยนแปลงได้เพราะเป็นประวัติศาสตร์ หากมีข้อมูลที่ดีกว่านี้ ^_^

ฉนั้น ก็อาจเป็นได้ว่าพ่อขุนเม็งรายกับพ่อขุนผาเมืองอาจเป็นศิษย์อาจารย์กันได้ เรื่องของเรื่องเพราะข้อมูลพระองค์ท่านน้อยมาก(พ่อขุนผาเมือง) บอกชื่อนี้ไปแทบจะไม่มีใครรู้จัก หรือเคยได้ยินด้วยซ้ำ ^_^

ก็มีแต่ชาวเพชรบูรณ์อย่างผม หรือ ชาวอุตรดิตถ์บางส่วน ที่รู้จักท่าน

แต่ผมก็ดีใจว่าที่สุดแล้วหลวงปู่ทั้งสองใช้พระคาถาเสกดาบเหมือนกัน ข้อนี้ก็พึ่งจะรู้จากพี่ไก่นี้แหละครับ ^_^

หากผิดพลาดแต่ประการใดขออภัยพี่ไก่ด้วยนะครับ __^/|^__​

______________________________
hello9
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์มาทำงานกัน

โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัดฯ ทั่วภาคเหนือตอนล่าง
โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัด สำนักสงฆ์สำนักปฏิบัิติธรรม ทั่วภาคเหนือตอนล่าง

 

สวัสดีครับคุณหมู...

ผมชอบจริงๆ ได้ความรู้ใหม่อีกแล้ว
ถ้าเป็นอย่างที่คุณหมูว่า บั้นปลายชีวิตของพ่อขุนผาเมือง
พระองค์ท่านไปอยู่ที่เชียงราย...

นี่คงอธิบายได้ว่า พ่อขุนผาเมือง กับพระญาเม็งราย เป็นศิษย์อาจารย์กันได้ยังไง
เพราะคนระดับพ่อเมือง... ย้ายไปอยู่อีกเมืองหนึ่ง คงไม่ได้ไปแบบธรรมดาแน่ๆ
และเมื่อไปถึงบ้านถึงเมืองเชียงรายของพระญาเม็งราย
คงเป็นโอกาสที่พระญาเม็งรายจะได้ฝากตัวเป็นศิษย์ได้

ชักจะเข้าเค้าแล้ว....

ตำนานสรีกัญไชยยังไม่จบครับ... ต้องค่อยๆ ศึกษากันต่อไป

ธีระยุทธ

 

สาธุๆ


ครับพี่ ^_^

แต่ข้อมูลที่เขาวิภาคกันเรื่องปลายพระชนมชีพของพ่อขุนผาเมือง ไม่ได้อยู่ที่เพชรบูรณ์ เพราะที่เพชรบูรณ์ไม่มีเจดีย์บรรจุพระอัฐิของพระองค์ มีแต่เพียงเจดีย์ที่เก็บเครื่องทรงออกรบ หรือ เพียงพระมาลา เท่านั้น

เรื่องนี้จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องตามหากันว่าพ่อขุนผาเมืองอยู่ที่ไหนเมื่อปลายพระชนมชีพ และที่เชียงรายมีเจดีย์อยู่ที่หนึ่ง อันนี้ผมจำไม่ได้ว่าส่วนไหนของจังหวัด ที่เขียนว่าพ่อขุนผาเมือง

ตอนนี้เลยเป็นข้อสันนิษฐานกันตามที่บอกไปขั้นต้น ^_^

______________________________
hello9
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์มาทำงานกัน

โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัดฯ ทั่วภาคเหนือตอนล่าง
โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัด สำนักสงฆ์สำนักปฏิบัิติธรรม ทั่วภาคเหนือตอนล่าง<!-- google_ad_section_end -->

 

สาธุๆ


สวัสดีครับพี่ไก่ ^_^
ขออนุญาตนำข้อมูลประวัติพ่อขุนผาเมือง เพื่อเพิ่มเติมประวัติการสร้างดาบสรีกัญชัย
เอกสารเพิ่มเติมครับ http://palungjit.org/attachments/a.1204332/

​

^-^ อันนี้ขอนอกเรื่องนิดนะครับ ประชาสัมพันธ์จังหวัดหน่อย

______________________________
hello9
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์มาทำงานกัน

โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัดฯ ทั่วภาคเหนือตอนล่าง
โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัด สำนักสงฆ์สำนักปฏิบัิติธรรม ทั่วภาคเหนือตอนล่าง

 

พี่ๆพอจะทราบประวัติการทำเสื้อยันต์แดงไหมครับ:d

 

สาธุๆ

สวัสดีครับคุณสกายลาย
คงต้องรอพี่ไก่ อย่างเดียวเลยครับใจเย็นๆ ครับผม ^_^

______________________________
hello9
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์มาทำงานกัน

โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัดฯ ทั่วภาคเหนือตอนล่าง
โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัด สำนักสงฆ์สำนักปฏิบัิติธรรม ทั่วภาคเหนือตอนล่าง