แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. chainerror

    chainerror เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,783
    ค่าพลัง:
    +7,901
    พี่หนุ่มครับ
    เหรียญจตุรพิธพรชัยหลวงพ่อกวย เด่นมากทางด้านไหนครับผม
    ตอนนี้ราคาพุ่งไม่หยุดเลยครับจะแซงเหรียญหลังหนุมานแล้วครับ
    ปีหน้าสงกะสัยเอื้อมไม่ถึงแน่ ยิ่งเดี๋ยวนี้คนนับถือหลวงพ่อ
    มากขึ้นทุกวัน ของปลอมของเสริมมีเนี๊ยบๆรึยังครับ
     
  2. ถิรวุษิ

    ถิรวุษิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,685
    ค่าพลัง:
    +7,520
    ขอบคุณมากๆอีกครั้งครับ
     
  3. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    ท่านอุปนายกมาแล้ว ขอบคุณมากครับพี่ Khwan แหล่มจริง ๆ ครับ
     
  4. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    พี่ก็ไม่เคยเห็นของจริง ดูจากมือถือเขา....เขาส่งมาให้ วิเคราะห์คล้ายงูปากเป็ด....แต่เหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาเองนะคะ.....
    นำมาให้ชมคิดว่า แปลก

    เผื่อท่านใดเคยเห็น....
    เรื่องของเรื่อง คุยกันเรื่องมังกร....เลยเขาก็ถามว่าอยากเห็นอะไรที่คนไม่ค่อยเห็นมั้ย เขาให้ดูพี่เห็นครั้งแรกก็ชวนขนลุก......
    ตัวเล็กค่ะ คนที่ไปถ่ายบอกมานะคะ....ประมาณงูปากเป็ดแต่มีหงอน....

    กลับก่อนค่ะ ฝนหยุดตกแล้ว ถึงบ้านจะแวะเข้ามาค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 ตุลาคม 2010
  5. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="594" height="1175"><tbody><tr><td bgcolor="#025b25" height="35">หลักเกณฑ์การพิจารณา รัก (เพราะรัก จึงอยากให้พิจารณา)
    </td> </tr> <tr> <td align="left" bgcolor="#ccffff" valign="top"> มีนักเล่นเครื่องรางหน้าใหม่จำนวนไม่น้อย ตั้งคำถามกับผู้เขียนว่า “เครื่องรางเล่นยากไหม” สำหรับ
    ผู้เขียนเองนั้นตอบได้ทันทีว่าไม่ยาก ถ้าเรามีหลักเกณฑ์การพิจารณาที่แน่นอน แต่กว่าที่ผู้เขียนจะตอบ
    คำถามนี้ได้ก็ใช้เวลาพอสมควร หลักเกณฑ์แรกที่ผู้เล่นหน้าใหม่ จะต้องทำความเข้าใจ เมื่อหันมาเล่น
    เครื่องรางสิ่งนั้นคือ “รัก” เพราะรักจะเป็นตัวแยกของจริง กับของเสริม หรือทำเลียนแบบออกจากกันได้
    หลักการพิจารณารักเก่า ถ้าจะให้บรรยายก็ยากพอสมควรครับ เพราะการที่จะพิจารณารักเก่าได้นั้น การ
    เห็นรักในแบบต่างๆ เห็นบ่อยๆ และเห็นจากของจริงจึงจะสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ เอาอย่างนี้ก็แล้ว
    กันนะครับ เรามารู้จักรักกันก่อน รักเป็นยางไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกับต้นยาง เป็นไม้ยืนต้น
    ขนานใหญ่ แต่ไม่ใช่ต้นรักที่นำมาร้อยพวงมาลัยนะครับ ต้นรักนี้จะขึ้นหรือเจริญงอกงามดีในอากาศที่มี
    ความเย็น และพบต้นรักเหล่านี้ได้ทางตอนเหนือของประเทศ และในประเทศจีน</td> </tr> <tr> <td align="left" bgcolor="#ccffff" valign="top"> หลักการนำมาใช้ก็เช่นเดียวกับต้นยางคือ นำเอายางที่ได้จากลำต้นและกิ่งก้านมาใช้ เมื่อได้ยางจาก
    ต้นรักมาแล้วก็จะนำเอามาใช้ทาลงบนไม้ ภาชนะ พระเครื่อง พระบูชา หรือแม้กระทั่งเครื่องรางประเภท
    ตะกรุด โดยสามารถพิจารณาได้จากเครื่องเขินตู้ไม้เก็บคัมภีร์ หรือเก็บบทสวดมนต์ ตลอดจนพระเครื่อง
    พระบูชาที่แกะสลักจากไม้ พบมากทางภาคเหนือ เนื่องจากหาต้นรักได้ง่าย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความคงทน
    ถาวร และยังเป็นการรักษาสภาพของวัตถุที่นำรักไปทาหรือชุบไว้ รักถ้ายังไม่ได้ผสมอย่างอื่นลงไปก็จะมี
    สีเหมือนยางไม้ทั่ว ๆ ไป สีออกใส ๆ อมน้ำตาล ซึ่งเราเรียกรักชนิดนี้ว่า รักน้ำเกลี้ยง ส่วนรักประเภท
    ที่ 2 นี้ เป็นรักนำเข้ามาจากประเทศจีน นำเข้ามาเป็นแท่งยางวรรณะออกแดง ส่วนจะหาอะไรมาเป็น
    ตัวทำละลาย หรือส่วนผสมในเนื้อยางนั้น ก็ได้แต่คาดเดากันไป ซึ่งนั่นก็ไม่ได้เป็นสาระ รักประเภทที่
    2 นี้ เรียกว่า รักแดง ส่วนรักประเภทที่ 3 นี้ ได้จากต้นรักที่ขึ้นอยู่ทางภาคเหนือของไทย เนื้อยางที่ได้
    จะออกสีดำ จะเรียกรักชนิดนี้ว่า รักดำ หรือรักล้านนา ซึ่งรักทั้งสามประเภทนี้ จะต้องแยกแยะออกจาก
    กันให้ได้ เพราะธรรมชาติของรักทั้ง 3 ประเภทจะคล้าย แต่ไม่เหมือนกัน[​IMG]
    เมื่อเรารู้แล้วว่ารักทำมาจากอะไร ก็คงง่ายขึ้นในการพิจารณา โดยธรรมชาติ
    ของยางไม้นั้น จะมีความเหนียวหนืด และใช้เวลาในการแห้ง (เซ็ทตัว) นานมาก
    และเมื่อแห้งดีแล้ว จะเกาะยึดติดกับสิ่งของที่เราทาลงไปได้ดี และมีความคงทน
    รักเมื่อทาลงไปใหม่ๆ ผิวของรักจะดูขุ่นๆ ด้านๆ แต่เมื่อรักแห้งตัวดีแล้ว ผิวจะมี ความมัน และยิ่งเก่าเท่าไรก็จะยิ่งดูมัน และใสมากขึ้นเท่านั้น (แต่ถ้าพิจารณา
    ด้วยกล้องจะพบว่า มีความแห้ง ย่น และหดตัว ทั้งนี้การแห้งจะแห้ง และหดตัวแนบ
    ลงบนผิว หาใช่แห้งลอยๆ อยู่โดยไม่มีการหดตัว) ดังนั้นรักที่เราเห็นว่าเก่าหรือใหม่
    ก็ต้องดูจากการแห้ง และหดตัวของรักเป็นสำคัญ และการแตกตัวของรักเก่านั้น
    จะแตกกะเทาะแบบกระเบื้องเคลือบ ขอบของรอยแตกจะไม่เผยร่อนแบบดินแตกตามท้องนา รักเก่า
    ขอบรอยกะเทาะจะแนบสนิทกับผิวของพระ หรือเครื่องราง แต่ถ้าเห็นรอยแตกของรักเผยอร่อนขอบ
    ม้วนออกก็แสดงว่า เกิดจากการเร่งปฏิกิริยาบังคับให้รักแห้ง หรือการอบรักให้แห้ง เพื่อเป็นการตบตา
    ในสมัยนี้หาน้ำรักแดงแท้ๆ ยาก ถ้าหาได้ก็ทำให้แห้งได้ยากมาก ทั้งนี้เนื่องจากต้นรักถูกล้มมาทำถ่าน
    หมดแล้ว ส่วนมากเขาจะใช้รักเทียมที่ทำมาจากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ (ปิโตรเลียม) เอาทินเนอร์
    ล้างก็ละลายออกมาแล้ว แต่ถ้าเป็นรักแท้ ๆ ถูกทินเนอร์ก็ไม่เป็นอะไรครับ
    ในปัจจุบันจะมีการทำรักแดงขึ้นมา ฝีมือค่อนข้างจะใช้ได้ทีเดียว แต่ขอกระซิบไว้เบาๆ ว่า ลองดู
    ที่ผิวและการหดตัวของรักดี ๆ เพราะเล่นเป็นแท้กันก็เยอะแล้ว</td> </tr> <tr> <td align="left" bgcolor="#ccffff" valign="top"> และอีกหนึ่งที่เราต้องนำมาพิจารณานั่นก็คือ กลิ่น กลิ่นจะมีผลต่อการพิจารณารักเก่าเป็นอย่างมาก รักเก่าที่เกิดจากธรรมชาติ เมื่อผ่านวันเวลามานานๆ จะไม่มีกลิ่น แต่ถ้าเป็นการลงรักใหม่ กลิ่นอันเกิด
    จากรักใหม่ที่ยังเซ็ทตัวไม่ดี (ยังไม่แห้ง) จะยังคงมีกลิ่นอ่อนๆ ของรักอยู่ [​IMG]แต่ทั้งนี้จะต้องแยกกลิ่นของ
    รัก กับกลิ่นของสิ่งแวดล้อมที่พระเครื่อง หรือเครื่องรางนั้นๆ ตั้งอยู่ให้ออก
    ทั้งนี้จะต้องทราบว่าของเก่าแทบจะทุกชนิด โดยเฉพาะไม้แกะ หรือตะกรุด
    ประเภทต่างๆ จะดูดกลิ่นรอบข้างเข้ามาสะสมไว้ในตัวเอง แต่ถ้านำมาผึ่ง
    แดด หรือผึ่งลมกลิ่นนั้นก็จะหายไป ต้องแยกกลิ่นรักเก่ากับรักใหม่ให้ออก
    นะครับ
    ในกรณีถ้าเป็นตะกรุด เชือกจะมีส่วนสำคัญในการเข้ามามีบทบาทช่วย
    ให้การพิจารณาง่ายขึ้น นั่นเพราะเชือกจะมีส่วนในการช่วยให้เราสามารถ
    พิจารณา เครื่องราง ประเภทที่มีการถักเชือกลงรักได้ง่ายขึ้น ที่กล่าวอย่างนี้
    ก็เพราะว่าเชือกที่ใช้ถักตะกรุดนั้น จะมีหลักให้พิจารณาตายตัวเลย นั่นก็คือ
    เชือกที่ใช้ถักจะเป็นเชือกป่าน หรือเชือกที่ใช้ถักกระสอบ แต่เป็นเบอร์เล็ก
    กว่า (ย้ำเชือกป่านเพียงอย่างเดียวที่ใช้ถักตะกรุด) ทั้งนี้พอจะอธิบายได้
    ดังนี้คือ เชือกป่านที่ใช้ในบ้านเราสมัยก่อน มี 2 แบบ คือ แบบแรกไว้ใช้ถักกระสอบ แบบที่สองจะเป็น
    เชือกป่านเหมือนกัน แต่จะมีขนาด และเส้นผ่าศูนย์เล็กกว่ามาก มีเอาไว้ใช้ถักงานจักรสานเล็กๆ ทั้งนี้
    เชือกป่านแบบที่ 2 นี้ได้นำเข้ามาจากประเทศจีน และในปัจจุบันนี้ไม่ได้มีการนำเข้ามาในประเทศไทย
    แล้ว เนื่องจากหาวัสดุอื่น ๆ แทนในงานจักรสานได้แล้ว ฉะนั้นจุดตายในการดูเชือกที่ถักตะกรุด ก็คง
    ไม่ต้องอธิบายมาก</td> </tr> <tr> <td align="left" bgcolor="#ccffff" valign="top"> การจะฝึกพิจารณารักเก่าให้ได้คุณภาพ จะต้องพยายามหาพระเก่า หรือเครื่องรางเก่าที่มีการลงรัก
    ไว้มาหัดพิจารณา หรืออะไรก็ได้ที่เป็นของเก่าที่มีการลงรักไว้ มาพิจารณาเปรียบเทียบดูหลายๆ อย่าง และเปรียบเทียบกับของใหม่ดูก็จะพอเข้าใจได้เองครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องเกิดจากการเห็นของจริง หรือเกิดจากการฝึกฝนบ่อย ๆ จนกว่าจะแยกรักของเก่ากับรักทำเก่าได้ออก เมื่อนั้นการเล่นเครื่องราง
    ของท่านก็จะไม่มีคำว่า “เครื่องรางเล่นยากไหม” อีกต่อไป</td></tr></tbody></table>
     
  6. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    การพิจารณาผิวเหรียญปลอมบล๊อคคอมพิวเตอร์และผิวเหรียญแท้
    คำว่าผิวตึง ผิวเรียบ ผิวบวม อธิบายยาก แต่บอกด้วยภาพ ดีที่สุด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    หลักการดูพระเครื่อง
    แนวทางการศึกษาพระเครื่องไทย
    วิธีการดูพระเหรียญปั๊มโลหะ

    ปัจจุบัน นี้ พระเหรียญหลายๆคนบอกเล่นยากมาก เพราะทำเก๊ได้เหมือนของแท้เหลือเกิน โดยเฉพาะเก๊คอมพิวเตอร์ แต่ในความเป็นจริงเหรียญทุกชนิดจะดูง่ายขึ้น ถ้าเรามีหลักการในการดูดังนี้

    1. เมื่อ พบพระเหรียญ ให้ดูด้วยตาเปล่าก่อนว่าเหรียญบวมหรือไม่ ถ้าบวมนูนตรงกลางหรือบิดผิดธรรมชาติ ก็คือ เก๊แน่นอน ยกเว้นเหรียญที่นูนจากแม่พิมพ์เอง เช่น เหรียญหลังเต่าเจ้าคุณนร ฯ

    2. เมื่อ ดูว่าเหรียญไม่บวมแล้วก็ให้ดูตำหนิเทียบกับหนังสือพระเครื่องทั่ว ๆ ไปตามที่เราได้เรียนรู้และจำได้ว่าถูกพิมพ์หรือไม่ ถ้าเหรียญผิดพิมพ์หรือไม่มีตำหนิตรงตามของแท้มาตรฐาน ก็คือ เก๊แน่นอน จากการแกะบล็อคใหม่นั่นเอง แต่ถ้าเหรียญถูกพิมพ์ก็จะมีอีก 2 กรณีให้พิจารณาต่อ คือ

    1.แท้

    2.เก๊คอมพิวเตอร์

    3. การ ที่เราจะแยกพระแท้กับพระเก๊คอมพิวเตอร์แยกได้ง่ายมาก และไม่ต้องดูตำหนิแล้ว ให้ดูเหรียญโดยทั่ว ๆ ไปก่อน ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง บล็อกเก๊คอมพิวเตอร์จะมีพื้นผิวเหรียญที่ไม่ตึงเรียบ และจะมีจุดเนื้อเกินแตกต่างจากเหรียญแท้เสมอ หลังจากนั้นค่อยพิจารณาดูองค์ประกอบทั่ว ๆ ไปของเหรียญ เช่น อายุของโลหะ รมดำหรือกะไหล่ ว่ามีความเก่าหรือไม่ ในส่วนนี้เราจำเป็นต้องคุ้นเคยกับเหรียญแท้ๆ มาก่อนก็จะทำให้แยกแยะได้ง่ายขึ้น

    จุดพิจารณาในการดูเหรียญปั๊มโลหะ

    1. อายุของโลหะต้องมีความเก่าตามอายุการสร้างของเหรียญ เช่น เหรียญ พ.ศ. 2460 ทองแดงไม่เก่าก็คือ เก๊นั่นเอง

    2. กระไหล่หรือรมดำ ต้องเก่าตามอายุเหรียญนั้นๆ

    3. เหรียญสึก ควรสึกเฉพาะส่วนที่นูนของเหรียญเท่านั้น ส่วนลึกสุดของเหรียญต้องคมชัด และดูได้ว่าเป็นเหรียญปั๊มโลหะ

    4. การ ดูรอยตัดปั๊มขอบเหรียญ ถ้าไม่มีหรือเป็นรอยตะไบถือว่าไม่ใช่เหรียญปั๊ม ยกเว้นเหรียญปั้มบังคับปลอก(บังคับขอบเหรียญ) เช่นเหรียญ ลพ.เดิม ปี 2482 ขอบ จะเรียบ หรือเหรียญที่ตะไบขอบเช่นเหรียญ ลพ.คง วัดบางกระพ้อม บล็อกขอบตะไบ แต่เหรียญพิเศษแบบนี้จะมีไม่มาก แต่ถ้ามีรอยตัดปั๊มอาจเก๊คอมพิวเตอร์ก็ได้

    5. เหรียญห่วงเชื่อม รอยเชื่อมเงินต้องมีความเก่า

    6.ไม่ควรเช่าเหรียญที่เลี่ยมพลาสติกไว้เพราะดูลำบากอาจหลอกตาได้ ยกเว้น เหรียญดูง่ายจริงๆ

    วิธีการดูพระเครื่องประเภทรูปเหมือน

    รูป เหมือนปั้ม การดูพระรูปเหมือนปั๊มให้ใช้หลักการดูเหรียญปั๊มได้เลย เพราะพระหล่อปั๊มคือ พระโลหะปั๊มเป็นรูปองค์เท่านั้น ถ้าปั๊มแบนเป็นแผ่นก็คือเหรียญปั๊มนั่นเอง เช่น รูปเหมือนปั้มหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค รุ่นก้นระฆัง

    1. รูปเหมือนฉีด การดูพระรูปเหมือนฉีดให้ดูพิมพ์รวมเป็นหลัก พระทุกองค์จะต้องมีรูปร่าง เท่ากันทุกองค์ 100% แต่ไม่คมชัดเหมือนพระปั๊ม บริเวณก้นองค์จะมีรอยตะไบบริเวณรอยฉีดโลหะเข้าทุกองค์ เช่น พระหล่อใบโพธิ์ เจ้าคุณนรฯ ปี 13

    2. รูปเหมือนหล่อโบราณ มี 2 ชนิด คือ

    * เบ้าทุบ ไม่มีรอยตะเข็บข้าง แต่จะมีรอยตะไบเดือยที่ก้นทุกองค์ เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิมพ์นิยม
    * เบ้าประกบมีรอยตะเข็บซ้าย-ขวาข้างองค์พระทุกองค์ ก้นจะมีรอยเนื้อเทไม่เต็ม เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิมพ์ขี้ตา

    จุดสังเกตสำคัญ

    1. พิมพ์หรือรูปร่างโดยรวมของพระรูปหล่อจะต้องเหมือนกัน
    2. รูปหล่อที่มีโค๊ด โค๊ดจะต้องคมชัดเพราะใช้ตอกด้วยโลหะ
    3. รอยปั๊มหรือรอยตะไบ ถ้าเป็นพระที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ควรที่จะไม่มีความคมและไปในทางเดียวกันไม่สับสน

    หลักพิจารณาพระแท้ "พิมพ์ถูก เนื้อใช่ ความเก่ามี"

    1. พิมพ์ถูก ก็แท้แล้ว 50% ต้องจำพิมพ์พระที่จะเช่าบูชาได้ทุกครั้งก่อนที่จะเช่าบูชาเสมอ เพราะว่าถ้าพิมพ์ถูก โอกาสพระแท้ก็มี 50% แล้ว และถ้าพระผิดพิมพ์ก็เก๊ 100% เลย เพราะฉะนั้น ต้องหมั่นศึกษาพิมพ์พระจากตำราต่าง ๆ ให้แม่นยำ หรือถ้าศึกษาจากองค์จริงได้ก็ยิ่งดีครับ

    2. เนื้อใช่ ก็แท้แล้ว 25% เพื่อน ๆ ต้องจำสูตรเนื้อพระแต่ละรุ่นให้คุ้นเคย โดยศึกษาจากองค์จริงเท่านั้น จะดูจากรูปไม่ได้ เช่นพระเนื้อทองเหลืองของพระแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน กระแสโลหะและผิวไฟก็ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นถ้าเนื้อถูกกระแสและผิวไฟถูกก็แท้ขึ้นอีก 25% ครับ

    3. ความเก่ามี ก็แท้แล้ว 25% พระ เครื่องที่มีอายุต้องมีความเก่าสมอายุด้วย ถึงแม้จะเป็นพระที่เก็บรักษาดี ไม่ถูกจับต้องเลย ก็ต้องใหม่แบบเก่า ๆ คือไม่มีความแวววาวแล้ว เช่น พระหูยานลพบุรี กรุใหม่ ปี 08 เป็นต้น

    ถ้า พิจารณาพระทุกองค์ได้ครบถูกต้อง 3 ข้อนี้ก็เป็นพระแท้ดูง่าย ควรค่ากับการสะสมครับ
     
  8. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ภูมิคุ้มกันพระเก๊

    ก่อนอื่นขอขยายความเรื่อง"พิมพ์ถูก" ก่อนนะครับ เพื่อน ๆ คงเคยได้ยินคำพูดว่า "พระผิดพิมพ์"บ่อย ๆ ใช่ไหมครับ ซึ่งก็มีความหมายเดียวกันกับพระเลียนแบบหรือพระเก๊นั่นเอง แล้วคำถามต่อมาก็คือ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าถูกพิมพ์หรือผิดพิมพ์ การสร้างพระทุกชนิด ทุกครั้ง จะต้องมีแม่พิมพ์เสมอ แต่อาจจะมีหลายแม่พิมพ์ในพระชนิดเดียวกันก็ได้ เพราะฉะนั้นต้องศึกษาว่าพระชนิดนั้น ๆ มีกี่แม่พิมพ์หรือกี่บล็อก ถ้าเป็นพระรุ่นใหม่ พระที่สร้างมาจากแม่พิมพ์เดียวกันจะต้องมีรายละเอียดในองค์พระนั้น ๆ เหมือนกัน100% เช่น ตุ่มนูน, ลายเส้นต่าง ๆ , รอย เนื้อเกิน เป็นต้น ฉะนั้นพระที่มีลักษณะใด ๆ ที่แตกต่างจากพระที่มาจากแม่พิมพ์เดียวกัน ย่อมเป็นพระผิดพิมพ์หรือมาจากแม่พิมพ์อื่นหรือเก๊นั่นเอง ยกเว้น การเปลี่ยนแปลงในพิมพ์ที่อธิบายด้วยเหตุผลได้

    การพิจารณาพระประเภทเนื้อชิน
    พระเนื้อชินแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆดังนี้

    1. ชินเขียว-สนิมไข เช่น พระหูยานชินเขียว

    2. ชินเงินแก่เงิน-สนิมตีนกา เช่น พระกรุวัดราชบูรณะ อยุธยา

    3. ชินงินแก่ตะกั่ว เช่น พระกำแพงขาว กำแพงเพชร

    4. ตะกั่ว-สนิมแดง เช่น พระร่วงหลังรางปืน สุโขทัย
    พระชินเขียวเป็นพระที่นิยมเล่นกันน้อยในปัจจุบันนี้ คงนิยมกันในส่วนพระชินเงินและพระตะกั่วสนิมแดง ซึ่งยังคงมาแรงในค่านิยมปัจจุบัน


    แนวทางการศึกษาพระเนื้อชิน

    ใช้หลักการมาตรฐานของการศึกษาพระเครื่องทั่วไปคือ พิมพ์ต้องถูกต้อง เนื้อต้องถูกต้อง และต้องมีความเก่าตามอายุพระ โดยศึกษาตามขั้นตอนคือ

    1. พิมพ์ พระ พระเนื้อชินแต่ละกรุนั้น จะมีแม่พิมพ์เฉพาะแต่ละกรุนั้นๆ ฉะนั้นก่อนอื่นจะต้องศึกษาข้อมูลก่อนว่า พระที่ขึ้นแต่ละกนุนั้นมีกี่พิมพ์ กี่ชนิด อย่างไรบ้าง เช่น พระหูยาน ลพบุรี แบ่งเป็นพิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลางและพิมพ์เล็ก เป็นต้น พระเนื้อชินที่ขึ้นการกรุเดียวกัน ก็จะมีรูปร่างแบบพิมพ์ที่เหมือนกัน ถึงแม้จะไม่เหมือนเหรียญปั้มรุ่นใหม่ก็ตาม แต่อย่างไรส่วนใหญ่ของพิมพ์นั้นต้องเหมือนจะต่างกันไดเฉพาะส่วนที่เป็นผลมา จากการเทโลหะ เช่น รอยเทโลหะไม่เต็มแม่พิมพ์หรือเนื้อปะเกินในแม่พิมพ์เป็นต้น

    2. พระเนื้อชิน จะมีส่วนประกอบหลักคือ ตะกั่วผสมกับโลหะต่างๆ เช่น เงิน, สังกะสี หรือแร่พลวงเป็นต้น เพราะฉะนั้นเนิ้อชินของแต่ละกรุก็จะมีลักษณะของเนื้อชินไม่เหมือนกัน เช่น กรุวัดราชบูรณะเป็นชินเงินแก่เงินผิวจะเป็นปรอทขาวเคลือบอยู่ 1 ชั้น บนผิวในองค์พระที่สวยเหมือนพระที่เทใหม่ๆ แต่ถ้าพิจารณาดูให้ดีก็จะมีความแห้งในผิวปรอทนั้นๆ หรือพระชินราชใบเสมา พิษณุโลก ก็จะเป็นชินแก่ตะกั่วเป็นต้น

    3. อายุ ความเก่า พระกรุเนื่องจากสร้างมานับร้อยปี เพราะฉะนั้นทั่วๆองค์พระก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาอย่างเป็นธรรมชาติ มีรอยปริระเบิดจากภายในซึ่งในพระเก๊จะทำไม่ได้ เนื่องจากอายุไม่ถึงนั้นเอง จะเห็นว่าการศึกษาพิจารณาพระเนื้อชินนั้นไม่ยากอย่างที่คิด โดยใช้หลักการเดียวกันคือ "พิมพ์ถูก เนื้อใช่ มีอายุความเก่า"

    ข้อควรระวังในการศึกษาสะสมพระเนื้อชิน

    ใน การศึกษาพระกรุเนื้อชินนั้น ไม่ใช่เพียง "พิมพ์ถูก เนื้อใช่ ความเก่าใช่" แต่อย่างเดียวก็หาไม่ กลับจะต้องระมัดระวังสิ่งเหล่านี้ให้แม่นในใจต่อมา "ห้ามลืมเด็ดขาด"

    1. พระแท้แต่ผิดกรุ เพราะพิมพ์เดียวกัน หรือคล้ายกัน ทำให้เช่าผิดราคาได้ เช่น พระพุทธชินราชใบเสมา จ.พิษณุโลก กับ สวรรคโลก เป็นต้น

    2. พระแท้ แต่หักชำรุด โดยเฉพาะพระหักคอ แต่ซ่อมไว้ดี ขอให้เพื่อนๆ พิจารณาบริเวณคอทุกครั้งด้วยครับ

    3. พระแท้ไม่หักแต่ซ่อมเสริม เช่นพระเทไม่เต็มพิมพ์ พระแต่ง การซ่อมจะทำให้พระสวยขึ้น แต่ราคาจะไม่เท่าพระสภาพเดิมๆ และสวยครับ

    4. พระแท้ ถูกกรุ ถูกพิมพ์ แต่ผิดราคาสูงเกินไป


    แนวทางการบูชาสะสมพระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้

    1. พระชุดเตารีดใหญ่-กลาง-เล็ก ปี 2505น่า เก็บบูชามาก แต่ให้เลือกเฉพาะองค์ที่มีขี้เบ้าเท่านั้น ถ้าไม่มีขี้เบ้าก็ขอให้เป็นพระดูง่าย เพราะถ้าไม่มีขี้เบ้า ต่อไปภายหน้าอาจพิจารณา เก๊-แท้ ได้ยาก เพราะพระเก๊ทำได้ดีมากๆ

    2. พระชุดเหรียญ รุ่น 1-3 และเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ควรเก็บบูชาเฉพาะองค์ที่ดูง่าย ไม่ผ่านการล้างผิวมาหรือเลี่ยมพลาสติกไว้ เพราะพิจารณายาก ของเก๊ทำได้เกือบ 100%

    3. พระรูปหล่อก้นลายเซ็นต์ ปี 08 และเบตง 1 ปี 05น่าบูชาสะสมมาก เพราะมีโค้ตให้พิจารณา ส่วนใหญ่จะดูง่าย ควรเลือกองค์ที่สวยสมบูรณ์ไว้
    4. พระเนื้อว่าน รุ่นแรก ปี 2497ควรเช่าบูชาองค์ที่ดูง่ายและแห่เซียนพระ 10 คน ถ้าทุกคนบอกว่าแท้ก็ OK เลยครับ เพราะท่านมีหลายโซนเนื้อ ทำให้พิจารณาลำบาก

    และสุดท้าย พระทุกองค์ต้องมีการรับประกัน 100% ว่าแท้จากบุคคลหรือศูนย์ที่เชื่อถือได้ด้วยครับ
     
  9. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    หลักการพิจารณาเซียนพระ

    หัวข้อนี้จะแนะนำวิธีดูเซียนแท้หรือผู้ที่ชำนาญพระเครื่องที่เราควรให้ความเชื่อถือ ไว้เป็นที่ปรึกษาในการเช่าบูชาพระเครื่องของเพื่อนๆ กัน

    1. ไม่มีเซียนพระคนใดชำนาญพระเครื่องทุกชนิด เพราะฉะนั้นใครบอกว่ามีความชำนาญพระเครื่องทุกชนิดให้ระมัดระวังไว้อย่างมาก

    2. เซียนพระที่ชำนาญพระเครื่องประเภทต่างๆ เช่น พระกรุ พระเกจิ รูปหล่อเนื้อผง เหรียญปั้ม ฯลฯ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะถูกต้อง 100% ทั้ง หมด เพราะการชำนาญพระเครื่องนั้น ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในการพบเห็นพระเครื่องประเภทนั้นๆ รวมถึงทักษะในการศึกษาพระเครื่องประเภทนั้นๆ ด้วย

    3. เซียนพระ ที่ไม่ศึกษาอ่านหนังสือ หรือไม่ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นเซียนมาจากประสบการณ์การพบเห็นพระมาก ไม่ได้ดูจากพื้นฐานการดูพระแท้ อาจจะพาหลงทางได้ เช่นดูเหรียญเก่าแท้แต่เก็บดีมากเหมือนใหม่ อาจจะดูเป็นพระเก๊ได้ครับ

    4. เซียนพระ ที่เล่นพระเครื่องคนเดียว ไม่มีกลุ่ม ไม่มีพวก ให้ระมัดระวังไว้ เพราะอาจเล่นพระหลงทาง พาท่านหลงทางเล่นพระผิดแนวทางได้โดยง่าย

    5.เซียนพระ ที่ติดอบายมุข เช่น ติดการพนัน ติดผู้หญิง จะมีรายจ่ายมากผิดปกติ เมื่อเงินขาดมือ จะไม่มีสมาธิในการดูพระ เพื่อนๆ อาจจะเสียหายได้

    6. เซียนพระ ที่มีจิตใจคับแคบ กลัวลูกค้าของตนจะไปเช่าพระคนอื่น เลยพาลสวดพระคนอื่นเก๊ตลอด เพื่อนๆ จะหลงทางได้ ถ้าเชื่อข้อมูลแบบนี้

    7. เซียนพระ ที่สร้างพระขายด้วย และเขียนตำราไปด้วย ระวังไว้ให้จงดี
     
  10. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เซียนพระที่ควรหลีกเลี่ยง

    เซียนพระ ในวงการมีมากมาย หลายระดับชั้น เซียนพระแต่ละคนมีความชำนาญในพระเครื่องแตกต่างกันออกไป แต่เซียนพระต่อไปนี้เพื่อนๆ ควรหลีกเลี่ยงห่างให้ไกลๆ

    1. เซียนที่พูดว่า ตนเองดูพระได้เก่งและขาดทุกชนิด

    2. เซียนพระ ที่ดูพระแท้หรือเก๊ แต่ไม่สามารถบอกข้อมูลได้ว่าแท้หรือเก๊อย่างไร หรือตอบว่าเชื่อผมเถอะผมเล่นมานานแล้ว

    3.เซียนพระ ที่ให้ข้อมูลพระองค์เดิมแต่ไม่เหมือนกันบ่อยๆแสดงว่าข้อมูลไม่ดีจริง

    4. เซียนพระ ที่เล่นพระมานานหลายสิบปี แต่ยังเล่นพระย่อยๆ อยู่

    5. เซียนพระ ที่สามารถโกหกบ่อยๆ หรือพูดไม่ตรงบ่อยๆ เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง

    6. เซียนพระ ที่ยืมเงินลูกค้าบ่อยๆ โดยอ้างว่าจะนำเงินไปเช่าพระมาขายให้ แล้วกลับไม่ทำอย่างที่พูด พูดจาโยกโย้แต่ไม่คืนเงิน

    7. เซียนพระ ที่พูดจาใหญ่โต แต่ห้อยพระเก๊

    8. เซียนพระ ที่รับประกันแท้ 100% แต่เวลาคืนพระที่เก๊ชอบถามว่าใครดูเก๊ ไม่ยอมคืนเงิน หรือให้เปลี่ยนพระอื่นให้แทนการคืนเงิน

    9. เซียนพระ ที่ขายพระรับประกันแท้ 100% ให้เพื่อนๆ สัก 2 ครั้งแต่เก๊ติดต่อกัน แล้วไม่คืนเงินสดให้ เลิกคบได้เล๊ย รับรองไม่มีฟลุ๊คได้พระแท้มา
     
  11. มะบอม

    มะบอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,255
    ค่าพลัง:
    +5,352
    ไม่ต้องท่องจำให้ได้ก็ได้ครับ เปิดอ่านไปเลยครับ สวดแบบอ่านไปซัก 1-2 ปี มันจะจำได้เองครับ

    หรือถ้ารีบอยากจำได้แล้วละก็ ลองสวดบูชาสมเด็จโต ก่อนครับ ใช้คาถา

    ตั้งนะโมฯ 3 จบ

    ปุตตะกาโม ละเภ ปุตตัง ธะนะกาโม ละเภ ธะนัง
    ธะนะโภคัง ภีวันตุ เม อัตถิ กาเย กายะญายะ


    เทวานังปิยะตัง สุตตะวา ฯ

    อิติปิ โส ภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
    มะระณัง สุขัง อะระหัง สุคะโต นะโมพุทธายะ ฯ

    โตเสนโต วะระธัมเมนะ โตสัฏฐาเน สิเว วะเร
    โตสัง อะกาสิ ชันตูนัง โตสะจิตตัง นะมามิหัง ฯ


    ตามด้วยพระคาถาชินบัญชร
     
  12. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    วิธีการแห่พระเครื่อง

    การแห่พระเครื่อง คือการนำพระเครื่องที่เราสงสัยว่า แท้ หรือ เก๊ ไปไห้เซียนพระที่สนามพระดูว่า แท้ หรือ เก๊

    ปัญหาของการแห่พระ

    1. จะต้องแห่กับเซียนแท้ หรือเข้าสนามท่าพระจันทร์

    2.เซียนพระที่ดูให้ จะให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับเราหรือไม่ ?

    วิธีการแห่ที่ถูกต้อง

    1. ต้องหาเซียนพระแท้ก่อน หรือเข้าสนามท่าพระจันทร์

    2. นำพระที่ต้องการแห่ให้เซียนพระดู โดยเสนอราคาขายด้วยเป็นราคาปัจจุบัน

    3. ถ้าพระแท้หรือเซียนพระดูว่าแท้ ก็จะต่อรองราคา เพราะเซียนพระจะเช่าบูชาในราคาประมาณ 30-50 % ของราคาตลาด

    4. ถ้าเราไม่ต้องการให้เช่าบูชา ก็ลดราคาลงเล็กน้อยเมื่อเซียนต่อราคาไม่ได้ก็ไม่ซื้อ เราก็นำพระกลับได้

    5. พระที่ผ่านการแห่หลายครั้ง แล้วมีเซียนพระสนใจมากทุกครั้งก็แสดงว่าเป็นพระแท้ ดูง่าย

    6. ถ้าพระที่แห่มีเซียนสนใจบ้าง ไม่สนใจบ้าง นั่นคงเป็นพระดูยากหรือพระที่วงการไม่นิยม

    7. ถ้าพระที่แห่ไม่มีเซียนสนใจเลยก็ เก๊ แน่นอน หรือเป็นพระที่ไม่มีราคา หรือพระที่วงการไม่เล่นกัน
     
  13. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ท่านทราบหรือไม่

    1. ไม่มีเซียนพระคนใดชำนาญพระเครื่องทุกชนิด

    2. เซียนพระที่ชำนาญพระเครื่องชนิดนั้นๆ เช่น พระกรุ พระเกจิสายตรง เนื้อดิน เหรียญ ก็ไม่ใช่ว่าจะดูพระได้ถูกต้อง100% ทุกองค์

    3. การแห่พระเครื่องหรือเช็คพระ ควรแห่ให้ถูกวิธี
    แล้วนำข้อมูลกลับมาวิเคราะห์ด้วยวิจารณญาณว่า แท้ หรือ เก๊ด้วยตัวของท่านเอง

    4. พระแท้หรือเก๊ คนตัดสินก็คือเจ้าของพระโดยใช้ข้อมูลจากเซียนพระผู้ชำนาญสายนั้นๆ หลายๆ ท่าน

    5. อย่าเล่นพระด้วยหู ควรเล่นด้วยตาของเราเอง หรือปรึกษาเซียนพระสายนั้นๆ หลายๆ ท่าน

    6. พระเครื่อง มีมูลค่าเพราะมีผู้เช่าบูชา ไม่ใช้เพราะเจ้าของพระ เช่น พระสมเด็จแท้แต่ดูยาก ไม่มีผู้เช่าบูชาก็เสมือนไม่มีมูลค่า แต่เจ้าของพระมักตีราคาไว้หลอกให้ตัวเองสบายใจต่างหาก

    7. ควรเช่าบูชาพระเครื่องที่มีอนาคตดี ไม่ใช่เช่าบูชาตามเราชอบ มิฉะนั้นท่านจะขาดทุนทุกครั้งที่เช่าบูชา

    ข้อเตือนใจในการเล่นพระทุกชนิด

    1. พระ ที่ราคาถูกผิดปกติ ควรระมัดระวัง เพราะอาจเป็นพระที่มีปัญหา เช่น พระดูยาก พระเก๊ พระซ่อม พระชำรุดหรือพระที่ถูกฃโมยมา ดังนั้นควรให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

    2. พระ ที่เซียนขายผิดราคา เพราะอาจเป็นพระที่มีปัญหา เพราะวิสัยเซียนเรื่องตกควายเป็นเรื่องยาก เพราะสามารถแห่ขายได้ทั่วสนามพระอยู่แล้ว

    3. พระ แอบขาย เช่น มีคนเอาพระมาขายเงียบ ๆ แล้วกระซิบว่า อย่าบอกใครนะเป็นพระผู้ใหญ่ร้อนเงินให้เอามาขายให้ ถ้าคนอื่นรู้จะเสียชื่อ ที่จริงแล้ววัตถุประสงค์ส่วนใหญ่จะแอบขายเงียบๆ ต่างหากละครับ

    4. พระ ร้อนขายเพราะเสียพนัน เสียบอล มักจะเป็นการอ้างมากกว่าเพราะคนเล่นพระมักเล่นเป็นกลุ่ม เมื่อมีปัญหามักจะผ่านกลุ่มก่อน มีแต่เซียนแอบเท่านั้น มักจะฉวยโอกาสนี้แอบขายเพราะพระมีปัญหาต่างๆครับ

    5. "เล่นพระ อย่าโลภ" หากโลภเป็นโดนทุกครั้งนะ จะบอกให้
     
  14. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    แนวทางการเล่นสะสมพระกรุ

    ปัจจุบัน พระกรุกลับกลายเป็นพระที่เล่นง่ายกว่าพระประเภทอื่นๆ แต่นักอนุรักษ์พระเครื่องทั่วๆไป มักจะบอกว่าพระกรุเล่นยากกว่าพระเกจิอาจารย์ ที่เป็นเช่นนี้ อาจเป็นเพราะ

    1. พระกรุในสมัยก่อนนี้ ไม่มีตำราหรือหนังสือให้ศึกษามากเหมือนปัจจุบัน ทำให้เหมือนว่าพระกรุดูยาก

    2. ผู้รู้พระกรุมากๆ นั้น มักเป็นนักเล่นพระรุ่นเก่าๆ ซึ่งมักไม่ค่อยสอน ให้กับนักเล่นรุ่นใหม่ อาจจะเป็นด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น หวงวิชา กลัวรุ่นใหม่เก่งกว่า กลัวหาพระไม่ได้ หรือสอนไม่เป็น ฯลฯ

    3. พระกรุเป็นพระที่หายากอยู่แล้ว และมักแตกกรุก่อนปี 2500เพราะฉะนั้นพระจึงชำรุดสูญหายมาก เหลือให้มาถึงยุคหลังน้อย เมื่อพระมีน้อย นักเล่นพระก็ไม่เคยเห็นทำให้ดูเหมือนดูยาก

    แล้วทำไม ผมจึงบอกว่าพระดูง่ายในหัวข้อต่อไปผมจะให้แนวทางและข้อมูลว่า ทำไมพระกรุ "เล่นง่าย ดูง่าย"

    พระกรุ "เล่นง่าย ดูง่าย"

    พระกรุเป็นพระที่นับวันจะหายากขึ้นทุกวัน พระกรุส่วนใหญ่จะเป็นพระเนื้อชินและเนื้อดินส่วนน้อยจะเป็นชนิดอื่น เช่น โลหะสำริด ว่าน ฯลฯ

    พระกรุ เนื้อชินแบ่งออกเป็นชนิดต่างๆ เช่น ชินเงิน ชินแก่ตะกั่ว ชินเขียว และชินตะกั่วสนิมแดง หลักการดูพระทุกประเภทนี้เหมือนกันหมด ก็คือ

    1. พิมพ์พระ สำคัญ 50%

    2. เนื้อพระ สำคัญ 25%

    3. ความเก่าของพระ สำคัญ 25% รวมกันเป็น 100%
    โดยการดูพระเนื้อชิน เหมือนกันกับการดูพระหล่อโบราณของพระเกจิอาจารย์ต่างๆ
     
  15. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
    ขอโทษค่ะ ที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ

    คือว่าไม่มีโปรแกรมภาษาไทย เมื่อคืนขณะที่เปิดกระทู้ ไม่ได้เปิดโปรแกรมแป้นภาษาไทยไว้ แค่เข้ามาเยี่ยมแก้เครียด ก่อนนอน เลยใช้โอกาสทักทายสมาชิกทุกท่าน

    ถ้าพิมพ์ภาษาไทยเยอะๆ แบบเวลาแชร์ประสบการณ์ หรือเีขียนอธิบายเหมือนที่ทำอยู่นี้จะใช้เวลาประ 40-50 นาทีในการเขียนแต่ละครั้ง ที่ผ่านเขียนไว้ก่อนในโปรแกมแป้นภาษาไทย และ้้ไปแปะที่ MS word แล้วเซฟ หลังจากนั้น แล้วค่อยเอามาแปะในกระทู้ เอาตอนดึกๆ ของเมืองไทย

    แต่ถ้าตอบแบบสดๆ ต่อหน้ากระทู้จะพิมพ์ไม่ค่อยทัน ถ้าใช้ภาษาไทย แบบไม่ได้เตรียมตัว หรือ ถ้าใช้คอมพิวเตอร์ตัวอื่นเช่นของที่ทำงาน หรือ ของสามี ก็จะไม่อนุญาติให้ดาวน์โลดแป้นภาษาไทย เคยลองแต่เครื่องไม่อนุญาติให้ดาวน์โลด อีกอย่างก็อยากเคารพสิืืทธิทุกที่ ทุกคน ไม่อยากจะดาวน์โลดมั่วไปหมด

    ขอโทษด้วยนะคะถ้าหาก ภาษาอังกฤษของดิฉันรบกวนสายตา คุณมะบอม และ สมาชิกทุกท่าน

    แค่อยากจะทักทาย ไม่ได้อยากจะกระแดะ อะไร

    หลายครั้งที่เห็นข้อความดีๆ จากสมาชิกหลายๆ ท่าน อยากจะ คอมเม้นท์ หรือ ขอบคุณ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะโอกาสไม่อำนวย

    ขอบคุณ คุณหนุ่มเจ้าของกระทู้ และ ก็สมาชิกทุกท่านที่แชร์ข้อความดีๆ นะคะ

    ต้องขอโทษจริงๆ ถ้ามัน รกหู รกตาทุกท่าน เมือก่อนจะบอกทุกครั้งเวลาโพสท์ ว่าใช้ภาษาไทยไม่สะดวก

    ต้องขอโทษจริงๆ ถ้ามัน รกหู รกตาทุกท่าน เมือก่อนจะบอกขอโทษทุกครั้งเวลาโพสท์ ว่าใช้ภาษาไทยไม่สะดวก หลังๆ มาลืมตัว :(
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2010
  16. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    พิมพ์พระ

    พระเนื้อชินจะมีตำหนิในพิมพ์เหมือนเหรียญหล่อเกจิอาจารย์ซึ่งเราต้องทราบ ว่าจุดไหนเป็นตำหนิในแม่พิมพ์พระ ไม่ใช่เป็นตำหนิขององค์พระซึ้งเกิดจากการเทพระ เช่น เนื้อเกิน รอยยุบ เทไม่ติดพิมพ์ เป็นต้น การดูตำหนิในแม่พิมพ์พระให้ดูจากพระแท้พิมพ์เดียวกันหลายๆ องค์ แล้วสังเกตุดูว่าจุดไหนที่ทุกองค์มีเหมือนกันหมดทุกองค์ถือเป็นตำหนิในแม่ พิมพ์เช่น พระหูยานลพบุรี พิมพ์ใหญ่หน้ายักษ์ จะมีเนื้อเกินบริเวณซอกแขนขวา และรอยฟันหนูในบริเวณซอกแขนซ้าย เป็นต้น

    1. พระเนื้อชินเงิน ส่วนผสมหลักจะเป็นตะกั่วผสมกับธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี ดีบุก พลวง ปรอท ฯลฯ เพราะฉะนั้นเนื้อหาหลักจะมีสีคล้ายตะกั่ว แต่มีความแวววาวออกขาว คล้ายเงินหรือปรอทบริเวณผิวพระโดยเฉพาะองค์ที่ไม่ได้ ถูกสัมผัส เช่น พระกรุวัดราชบูรณะ พระกรุช่างกลปี 08 ลพบุรีเป็นต้น

    2. พระเนื้อชินแก่ตะกั่ว ก็คือพระชินเงินที่มีส่วนผสมของตะกั่วมากนั้นเอง จะคล้ายกับตะกั่ว แต่จะมีผิวปรอทบางๆ อยู่บ้าง เนื้อพระจะอ่อนกว่าชินเงินทั่วไป เช่น พระชินราชใบเสมา พิษณุโลก, พระมเหศวร สุพรรณบุรี, พระกำแพงขาว กำแพงเพชร เป็นต้น

    3. พระชินเขียว "ชินเขียวสนิมไข" เป็นคำกล่าวโบราณของพระเนื้อชินเขียว ซึ่งมักจะมีไขคล้ายไข่แมงดาเกาะติดอยู่ตามผิวพระ เนื้อพระจะมีสีเขียวอ่อน และจะมีจุดไฝดำแทรกอยู่ในเนื้อพระทุกองค์เสมอ เช่น พระยอดอัฎฐารส จ.พิษณุโลกเป็นต้น

    4. พระตะกั่วสนิมแดง ก็คือเนื้อตะกั่วบริสุทธิ์นั่นเอง เมื่อพระเนื้อตะกั่วถูกความร้อน และความชื้นในกรุเป็นเวลาหลายร้อยปีจะเกิด สนิมตะกั่วทที่มีสีส้มถึงแดงขึ้นบริเวณผิวพระพร้อมกับไขขาวๆ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันของสนิมแต่ละกรุ เพื่อนๆ จะต้องศึกษาสนิมแต่ละกรุไว้นะครับ
     
  17. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    พระเนื้อดินต้องเคยชินเนื้อพระ

    พระกรุเนื้อดินนั้น ถ้าเปรียบเทียบกับพระเนื้อชินแล้ว จะเล่นยากกว่าพระเนื้อชินอยู่อย่างหนึ่งคือ เนื้อพระ เพราะพระเนื้อดินแต่ละกรุจะมีเนื้อหาแตกต่างกันออกไป และถึงแม้จะเป็นกรุเดียวกัน เนื้อเดียวกัน ก็ยังมีหลายกลุ่ม เนื้อหลายสี อันเนื่องมาจากการเผาองค์พระก่อนบรรรจุกรุ

    ดังนั้นการศึกษาพระเนื้อดินจะต้องศึกษาพระองค์จริงๆ ของกรุนั้นๆ เป็นองค์ทุกครั้งไป การดูพระแท้มากๆ องค์ ของกรุนั้นๆ จะทำให้เพื่อนๆ มีความชำนาญในพระกรุนั้นๆ เองโดยอัตโนมัติ

    อย่าลืม!!

    1. พิมพ์พระ มีความสำคัญ 50 % ทำให้รู้กรุพระ และพระถูกพิมพ์
    2. เนื้อพระ มีความสำคัญ 25 % ทำให้รู้กรุพระ และพระถูกเนื้อ
    3. ความเก่าของพระ มีความสำคัญ 25 % ทำให้มั่นใจว่าพระแท้เก่า

    รวมกันเป็นพระกรุเนื้อดิน แท้ ดูง่าย 100 %
    ข้อมูลทั้งหมดได้คัดลอกมา เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับผู้สนใจและศึกษาสะสมพระเครื่อง มิได้มีเจตนาอื่นใด ขอบพระคุณมากครับ
     
  18. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    วิธีดูพื้นเหรียญปั้ม

    วิธีดูพื้นเหรียญปั้ม " รู้ไว้มีชัยไปกว่าครึ่ง "
    ส่วนชั้นนอกสุด ที่สามารถมองเห็นได้ก่อนส่วนอื่น พระเครื่องบางอย่างไม่สามารถมองเห็นเนื้อภายในได้ เมื่อสมัยก่อน การพิจารณาว่าเหรียญแท้หรือเทียมนั้น จะใช้หลักการดูตำหนิ หรือจดจำเค้าใบหน้าของหลวงพ่อ ปัจจุบันขบวนการปลอมเหรียญได้ทำตำหนิในหนังสือ จึงเหมือนเป็นการชี้โพรงให้กระรอก เข้าไปอีก

    ก่อนที่จะมาเป็นเหรียญดังทั้งหลายนั้น วิธีการทำมีอยู่ว่า จะต้องเอาแผ่นโลหะเข้าเตาไฟเผาเพื่อให้อ่อนตัว จากนั้นก็เอาเข้าเครื่องปั๊ม ซึ่งเครื่องก็จะกระแทกอย่างแรง เพื่อตัดขอบเหรียญให้ขาดออกจากกัน การที่โลหะถูกความร้อนจนอ่อนตัว แล้วถูกกระแทกอัดซ้ำอย่างหนักจะทำให้เนื้อโลหะเกิดการอัดแน่น

    ผิวของเหรียญที่ปั๊มออกมาจึงต้องมีลักษณะตึง เรียบ แน่น ไม่บวมหรือมีเนื้อเกินขรุขระ หากเหรียญมีผิวขรุขระไม่เรียบ มีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น การเอาบล็อกเก่ามาปั๊มใหม่ ซึ่งบล็อกของเหรียญจะทำด้วยเหล็กกล้า เหนียวและแข็ง แต่ถึงจะเหนียวและแข็งขนาดไหน ก็ไม่ทนทานต่อการเกิดสนิม กัดกินได้ เนื่องจากถูกความชื้น หรือละอองในอากาศ

    ครั้นเอาบล็อกที่เป็นสนิมมาทำความสะอาด แล้วปั๊มเหรียญใหม่ ผิวของเหรียญ ย่อมขรุขระตามไปด้วย มีเนื้อเกินเป็นจุดๆหรือเป็นบางแห่ง ซึ่งเรียกลักษณะนี้ว่า"เหรียญขี้ลาก"ซึ่งเหรียญประเภทนี้วงการไม่ค่อยให้ความนิยม ปล่อยยากเพราะถือว่าปั๊มขึ้นมาทีหลัง

    ผิวเหรียญอีกแบบหนึ่งที่ไม่น่าไว้วางใจ คือพื้นผิวของเหรียญลาดเอียงเป็นหลุมเป็นบ่อ เหรียญแบบนี้มักเป็นเหรียญหล่อถอดพิมพ์ โดยเอาเหรียญแท้ไปถอดพิมพ์ขึ้นมาใหม่ แล้วหลอมตะกั่วเทลงไป สังเกตได้ง่ายว่าผิวจะไม่ตีงเรียบและแน่น จึงมักจะนำไปชุบทองแดง รมผิว หรือกะไหล่ทอง เพื่อปกปิดไม้ให้รู้ว่าหล่อมาจากเนื้อตะกั่ว ที่สำคัญมักเลี่ยมพลาสติกจับขอบไว้ด้วย จึงต้องพึงระวังให้ดี

    เหรียญปั๊มของเก่าแท้จะมีลักษณะแห้งซีด ไม่แวววาว สดใส มีคราบสนิทความเก่าจับตามพื้นผิวเป็นจุด เหรียญที่สร้างโดยการปั๊มเนื้อจะดูแน่น ตึงเรียบ ไม่มีรูพรุนของฟองอากาศ ยกเว้นรอยสนิทกัดกิน ส่วนเหรียญที่สร้างโดยการหล่อ หรือฉีดเนื้อโลหะเข้าแม่พิมพ์อย่างเหรียญคอมพิวเตอร์ เนื้อเหรียญจะดูไม่แน่นตึง มีรูพรุนของฟองอากาศหรือ "ตามด"เป็นจุดๆ และเป็นบางแห่ง

    หลักเกณฑ์พิจารณาพื้นผิวของเหรียญปั๊มขอสรุปง่ายๆ ดังนี้ครับ
    1. พื้นเหรียญต้องตึง เรียบแน่น ไม่ขรุขระเป็นขี้กลาก หรือมีเนื้อเกินเป็นก้อนๆ และต้องไม่บวม
    2. เหรียญที่มีความเก่า เนื้อเหรียญจะมีความเก่า โดยโลหะจะมีลักษณะแห้ง ซีด ไม่แวววาว
    3. เหรียญเก่าที่ถูกสนิทกัดกินพื้นผิวจนผุกกร่อน รอยรูพรุนจะมีเกือบทั่วเหรียญและเป็นการผุกร่อนจากภายนอก กินลึกเข้าไปในเนื้อเหรียญ
    4. รอยรูพรุนตามพื้นผิวเหรียญ ถ้ามีรูพรุนเป็นจุดๆ บางแห่งและมีจำนวนน้อยนั้น จะเกิดจากการหดตัวของเนื้อโลหะ ไม่ได้เกิดจาก การกัดกินของสนิทภายนอก

    หลักการพิจารณาทั้งหมดนี้ อาจช่วยหนักให้เป็นเบา ได้เช่าของแท้ เพราะการดูแค่พื้นผิวของเหรียญไม่ต้องดูส่วนอื่นๆ สามารถบอกได้ทันทีว่า แท้หรือเทียม

    เป็นความรู้มากเลยทีเดียวครับ คุณหรือน้องๆๆที่เข้ามาเล่นใหม่ๆอ่านแล้วก็คงจะห่างไกลของเก๊ไปได้ระดับหนึ่งนะครับ อยากจะเสริมนิดหนึ่งก็คือ บางเหรียญที่เขาทำมาเป็นห่วงในตัวการห้อยแขวนมักทำให้เกิดการสึกหรอ การดูลักษณะการสึกก็สำคัญครับ กล่าวคือ
    1.การสึกของห่วงมักเกิดขึ้นภายในห่วงด้านในบนมากกว่าด้านอื่น
    2.การสึกของเหรียญมักเกิดขึ้นกับด้านล่างของเหรียญมากกว่าด้านอื่นเล็กน้อยเพราะโดนความหนาของห่วงชะลอไว้
    3.การสึกของห่วงและผิวเหรียญต้องไปด้วยกันได้หมายถึงพอพอกัน
    4.เหรียญที่อ้างว่าถูกล้างมาถ้าไม่จำเป็นผมจะไม่ค่อยจับเพราะปัจจุบันดูยากมาก
    5.ดูว่าเป็นเหรียญปั๊มยุคไหนแล้วสังเกตุการตัดขอบให้ดีอันนี้เป็นข้อยุติของเหรียญเก๊ระดับ 5 ดาวปาดคอ


    คัดลอกมาเผยแพร่ แหล่งที่มาwww.g-pra.com :
     
  19. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เล่นพระยังไง ให้เป็นซะที

    คอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง

    โดย ราม วัชรประดิษฐ์

    วงการพระบ้านเราเรียกได้ว่าเป็นที่รวมสิงห์เหนือเสือใต้ หรือสำนวนหนังกำลังภายในต้องใช้คำว่า ชุมนุมพยัฆค์ ซ่อนมังกรหมอบ อะไรเทือกนั้น คนที่เล่นพระใหม่ๆ มือไม้สั่นไปหมดกลัวโน่น กลัวนี่ จนสุดท้ายไม่ได้เล่น ความจริงแล้ว ทำใจให้โล่งๆ ถ้าอยากเล่นพระ เพราะไม่ใช่สถานที่น่ากลัวอะไร จากประสบการณ์ที่ผ่านมาสามารถประมวลกรรม วิธีการเล่นพระให้เป็น โดยไม่เจ็บเนื้อเจ็บตัวได้ โดยยึดหลักใหญ่ๆ ดังนี้

    - หัดเล่นเป็นอย่างๆ ก็คือ เล่นพระให้รู้แจ้งแทงตลอดเป็นชนิดๆ ไม่ใช่อยากเป็นโน่น อยากเป็นนี่ จนตัวเองงงไปหมด นักเล่นใหม่ๆ มักจะกังวลว่าจะรู้น้อย ไม่ต้องกลัวนะครับ เมื่อเล่นพระหรือรู้ เรื่องพระเป็นชนิดๆ ความรู้ความสามารถในการดูพระชนิดอื่นๆ ก็จะตามมาเอง เพราะส่วนใหญ่แล้วพระหลายๆ ชนิด จะมีหลักการพิจารณา คล้ายคลึงหรือเป็นมาตรฐานเดียวกัน

    - ต้องดูของจริงบ่อยๆ ภาษาเซียน เขาเรียก "ดูฟรี" ก็เบี้ยน้อยหอยน้อยนี่ครับ จะเช่าหลักหมื่น หลักแสน ก็กลัวไปหมด ระยะแรกๆ เลยต้องตีตั๋วฟรีไปก่อน อ้าว แล้วไปดูที่ไหนล่ะ อย่างแรกเลยง่ายๆ คือ ดูในหนังสือ กับเว็บไซต์พระเครื่องทั่วๆ ไป สมัยนี้ดีนะครับไม่เหมือนสมัยก่อน กว่าจะได้ดูแต่ละองค์นี่ตาเหลือก เดี๋ยวนี้ มีตีพิมพ์แพร่หลาย หาที่มีมาตรฐานหน่อย ก็จะได้รายละเอียดพอสมควร แต่ก็ไม่สมบูรณ์ตรงที่จะไม่มีมิติหรือความลึก และคำนวณขนาดที่แท้จริงไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้น ขั้นต่อมาก็คือ ไปโน่นเลยครับ ดูพระฟรีตามงานประกวดพระ ที่เขาตัดสินแล้วโชว์ หรือเดินดูตามตู้โชว์พระ ถ้ามีทุนพอค่อยเช่ามาส่องดูให้ทะลุทะลวงที่บ้าน

    - แล้วดูยังไงละว่าเก๊หรือแท้ อันนี้เป็นเคล็ดลับครับ วิธีง่ายที่สุดในโลกคือ นำรูปพระหรือองค์พระที่แท้ หรือที่คิดว่าแท้ พิมพ์เดียวกัน มาวางเรียงกันอย่างน้อย 3 องค์ แล้วนำรูปพระเก๊ หรือ ที่คิดว่าเก๊ มาวางเปรียบเทียบ ถ้าของเราไม่เหมือนกับอีกสามองค์ละก็ สวัสดีท่านทีนึงแล้วหาเล่นใหม่ ตอนแรกๆ ก็จะดูไม่ค่อยออกหรอกครับว่าเหมือนหรือแตกต่างกันยังไง แต่พอเพดานบินสูงขึ้น จะเริ่มสังเกตเห็นเอง เขาเรียกว่าวิธีการดูแบบธรรมชาติ พอตาจำแนกออก แล้วทีนี้ "รัศมีเซียน" เริ่มจะจับแล้วละครับ

    - เข้าใจคำว่า "ดูพระ" ไหมครับ ความหมายก็คือใช้ตาดู ไม่ใช่ใช้หูดู เพราะบางคนตาจ้องพระแต่หูกระดิกคอยฟังเสียงว่าคนอื่นพูดว่ายังไง เสร็จครับ โดนแน่นอน เพราะพระต่างๆ จะมีนิทาน นิยาย จนบางทีคนเล่าเองยังงง บางองค์เป็นมรดกตกทอดของเจ้าคุณปู่ เจ้าคุณย่า สารพัดจะพูดกัน ตั้งสติดีๆ แล้วใช้ตาดู บางคนฉลาดหน่อยอาศัยเล่นพระองค์ที่วงการยอมรับ มีรูปลงตีพิมพ์มาหลายสิบปี ก็มักจะได้พระแท้ แต่ราคาก็ตามประวัติ คือ แพงหน่อย หากยังไม่มีทุน "ตามพระ" แล้วอยากจะเป็นเอง ก็อย่าฟังนิทาน หรือนิยายเพราะไม่มีใครยืนยันได้หรอกครับ

    -พยายามศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของพระประเภทที่ต้องการศึกษา เช่น ธรรมชาติของโลหะ, สภาพของพระเนื้อดิน หรือเนื้อผง กรรมวิธีการสร้าง เช่น การหล่อ หรือ ปั๊ม พวกนี้จะหาอ่านได้ทั่วๆ ไป แต่ต้องอ่านแบบศึกษาจริงๆ จังๆ นะครับ ไม่ใช่อ่านไปงั้นๆ แล้วก็ลองคิดดูเอาเองว่ามันจริงอย่างที่เขาเขียนเขาบอกหรือเปล่า -พยายามศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของพระประเภทที่ต้องการศึกษา เช่น ธรรมชาติของโลหะ, สภาพของพระเนื้อดิน หรือเนื้อผง กรรมวิธีการสร้าง เช่น การหล่อ หรือ ปั๊ม พวกนี้จะหาอ่านได้ทั่วๆ ไป แต่ต้องอ่านแบบศึกษาจริงๆ จังๆ นะครับ ไม่ใช่อ่านไปงั้นๆ แล้วก็ลองคิดดูเอาเองว่ามันจริงอย่างที่เขาเขียนเขาบอกหรือเปล่า จำไว้เลยว่าความรู้ต้องทุ่มเทศึกษานะครับไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ

    แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า เล่นเป็นหรือยัง เขาบอกยังงี้ครับว่า ถ้าอยากจะรู้ว่าตัวเองเข้าขั้น "เซียน" หรือยังไต่บันไดเซียนอยู่ ให้ลอง บินเดี่ยว คือ ลองเช่า โดยตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้าแท้ละก็ เริ่มจะเป็นเซียนแล้ว แต่ถ้าเช่า สามสี่ครั้งยังเก๊อยู่ละก็ คงต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่แล้วที่สำคัญ ใจเย็นๆ นะครับ ให้ย้อนกลับไปอ่านย่อหน้าแรกของคอลัมน์นี้อีกที แล้วลงมือปฏิบัติอย่างจริงๆ จังๆ สักวัน คงได้เป็นเซียนสมใจ ครับผม
     
  20. 15 ค่ำ

    15 ค่ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,108
    ค่าพลัง:
    +10,573
    ไม่ต้องคิดมากครับ แค่การเข้ามาพูดคุยทักทายกันบ้างแค่นี้ก็ดีใจแล้ว ทุกคนไม่ถือเป็นสิ่งรกหูรกตาเลยซักนิด ดีซะอิก ที่คนไทยจากต่างแดน

    ยังเข้ามาทักทายกัน อยู่ที่ใหน ก็ไม่อุ่นใจเท่าบ้านเรา แม้ห่างบ้านแต่การใด้พูดคุยกับคนชาติเดียวกัน ก็คงลดความว้าเหว่ทางจิตใจจากความห่าง

    บ้านไปใด้บ้าง เข้ามาอ่านเข้ามาทักตามปกตินั่นละครับ เอาตามสะดวกดีที่สุด อย่ากังวลไปเลยครับ ^ ^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...