แอนิต้า - ผู้มีประสบการณ์ตายแล้วฟื้น และหายป่วยจากมะเร็งระยะสุดท้ายเพียงแค่ข้ามวัน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 1 พฤศจิกายน 2010.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    แอนิต้า - ผู้มีประสบการณ์ตายแล้วฟื้น และหายป่วยจากมะเร็งระยะสุดท้ายเพียงแค่ข้ามวัน

    ที่มา: Anita's Inspiring Near-Death Story

    ตอนที่ 12:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> คำถาม: พอพูดถึงเรื่องจิตแล้ว คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับการ “โทรจิต”
    คุณคิดว่ามันเป็นการสื่อสารระหว่างจิตต่อจิตหรือเปล่า?



    แอนิต้า:

    มันรู้สึกอย่างชัดเจนว่า มันเหมือนอะไรบางอย่างที่อยู่เหนือจิตขึ้นไปอีก มันไม่ใช่การสื่อสารระหว่างจิตสู่จิต
    สำหรับฉันแล้ว ฉันรู้สึกว่ามันเป็นความเชื่อมโยงที่พวกเรามีต่อกันและกัน อย่างที่ฉันได้อธิบายไปแล้ว

    นั่นก็คือความเชื่อมโยงของพวกเรากับความเป็นหนึ่งเดียว หรือความเป็นทุกสรรพสิ่ง


    ฉันรู้สึกว่าเราสามารถใช้การเชื่อมต่อของจักรวาลอันนั้น ติดต่อกับผู้อื่นได้ นี่คือสิ่งที่ฉันรู้สึก
    ซึ่งอาจจะพูดได้ว่า ถ้าตามนัยยะนี้ ฉันเองก็สามารถที่จะติดต่อสื่อสารทางโทรจิตกับคุณก็ได้

    สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เมื่อฉันได้ชำระจิตของฉันแล้ว และฉันก็ได้ทำให้มันใสขึ้นแล้ว
    และฉันก็สามารถเชื่อมต่อกับความเป็นหนึ่งเดียวของจักรวาลอันนั้นได้มากขึ้นแล้ว
    และหากคุณก็กำลังทำเช่นเดียวกันนี้ด้วย ดังนั้น ทั้งคุณและฉัน ก็คล้ายๆกับว่ากำลังเข้าไปในเครือข่ายร่วม
    แห่ง “ความเป็นหนึ่งเดียว” อันนั้นด้วยกัน


    แต่สาเหตุที่มันรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นการสื่อสารระหว่างจิตกับจิต ก็เพราะว่า ที่นี่เรามีกายเนื้ออยู่
    พวกเราจึงจำเป็นต้องเชื่อมต่อและสื่อสารกันผ่านทางจิต แต่เพราะว่าเราทั้งคู่กำลังเข้าไปใช้ข้อมูลเดียวกัน
    จากเครือข่ายร่วมแห่ง “ความเป็นหนึ่งเดียว” นี้ ในเวลาเดียวกันอยู่ ดังนั้น
    เมื่อเราใช้จิตของเราเป็นตัวติดต่อสื่อสารถึงกันและกัน พวกเราก็จะสังเกตได้ว่าพวกเราทั้งคู่ได้มาถึงบทสรุปเดียวกัน
    แล้วจากนั้นเราก็จะแปลมันออกมาตามที่จิตของเราได้รับการสื่อสารมา

    แต่จริงๆแล้ว เราทั้งคู่ได้เข้าไปในเครือข่ายร่วมแห่ง “ความเป็นหนึ่งเดียว”
    เดียวกันแล้ว นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันรู้สึก



    (ปล.สรุปย่อๆ เผื่อจะมีคนงงครับ เพราะว่ายังอยู่ในกายเนื้อ เวลาติดต่อสื่อสาร จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องใช้จิต หรือผ่านจิต
    จิตเป็นผู้นำข้อมูลไปส่งปลายทาง และไปรับข้อมูลกลับมาให้เรา ซึ่งในกระบวนการนี้
    มันก็ต้องมีการแปลข้อมูลกลับไปกลับมาของมัน ดังนั้น ตามที่ผมเคยอ่านข้อความจากต่างมิติมา
    พวกเขาบอกว่า มากน้อยยังไงข้อมูลจากการสื่อสารระหว่างมิติ ก็ต้องมีผิด มีเพี้ยน และมีพลาดบ้าง
    ขึ้นอยู่กับกระบวนการแปลข้อมูลของจิต ซึ่งเป็นเหมือนผู้นำสาส์นนั่นแหละครับ
    เพราะว่ามันก็แปลไปตามความเข้าใจของมัน เหมือนกับที่ผมกำลังแปลตามความเข้าใจของผม
    ให้ท่านอ่านอยู่นี่แหละครับ

    ซึ่งนั่นก็แปลว่า ถ้าจิตยิ่งสะอาดและบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ ความผิดพลาดก็ยิ่งจะน้อยลงตามไปด้วย – ผู้แปล)



    นี่คือเหตุผลว่าทำไม มันจึงมีความสำคัญมากที่จะต้องรักษาจิตให้บริสุทธิ์ ปราศจากพันธนาการใดๆ
    และมันก็มีความสำคัญมากว่าจะต้องทำให้มันสามารถเปิดการเชื่อมต่อกับ “ความเป็นหนึ่งเดียว” ให้ได้มากขึ้น
    แล้วจากนั้นผู้คนที่เหมาะสมกับเรา ก็จะมาเชื่อมต่อกับเรา เพราะว่าพวกเขาก็จะมีระดับความบริสุทธิ์ของจิต
    ระดับเดียวกันกับเราด้วย และก็จะสามารถเข้าถึงเครือข่ายร่วมแห่งความเป็นหนึ่งเดียว
    ในระดับเดียวกันกับที่เราเข้าถึงได้นี้ด้วย



    แต่ผู้คนที่ยังปิดการเชื่อมต่ออยู่ ก็จะยังคงเดินหลงทางอยู่ในม่านหมอกต่อไป เดินไปชนคนโน้นบ้างคนนี้บ้าง
    ซึ่งก็กำลังหลงอยู่ในม่านหมอกเดียวกัน พวกเขาเหล่านี้ก็ยังจะคงเดินซุ่มซ่าม และเดินสะดุดไปทั่ว
    จนตลอดชีวิตของพวกเขาโน่นแหละ


    ในขณะที่ผู้คนที่มีจิตสะอาดบริสุทธิ์และใสสว่าง ก็จะสามารถเดินตรงไปยังคนอื่นๆ ที่อยู่ในม่านหมอกนั้นได้
    โดยที่ไม่ชนใคร และก็จะไม่มีใครทำให้พวกเขาหลงทางได้ด้วย เพราะว่าพวกเขามีพลังงานที่ใสและสว่างอยู่

    นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันรู้สึกหละ


    ..............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2010
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    แอนิต้า - ผู้มีประสบการณ์ตายแล้วฟื้น และหายป่วยจากมะเร็งระยะสุดท้ายเพียงแค่ข้ามวัน

    ที่มา: Anita's Inspiring Near-Death Story

    ตอนที่ 13:

    <!--[if !mso]> <style> v\:* {behavior:url(#default#VML);} o\:* {behavior:url(#default#VML);} w\:* {behavior:url(#default#VML);} .shape {behavior:url(#default#VML);} </style> <![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> คำถาม: ผมอยากทราบเรื่องราวในชีวิตของคุณละเอียดมากขึ้นอีกสักหน่อย
    อาจจะเป็นเรื่องราวเล็กๆในอดีตของคุณ, ความเชื่อของคุณ และเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของคุณในปัจจุบันนี้ก็ได้

    ในประสบการณ์เฉียดตายของคุณ คุณบอกว่าคุณเข้าใจหมดแล้วว่าทำไมคุณถึงมาเป็นคนที่คุณเป็นอยู่ทุกวันนี้

    คุณจะช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้เราฟังเกี่ยวกับเรื่องนั้น และเรื่องความเป็นไปในชีวิตคุณอีกหน่อยได้ไหม
    เช่นวัฒนธรรมในการดำเนินชีวิตของคุณ และเกี่ยวกับศาสนาที่คุณอาจจะนับถืออยู่



    แอนิต้า:

    ตกลงค่ะ ฉันเป็นคนที่มีหลายวัฒนธรรม และพูดได้หลายภาษาด้วย พ่อแม่ของฉันเป็นชาวอินเดีย
    แต่ฉันเกิดในสิงคโปร์ คุณปู่คุณย่าของฉันอาศัยอยู่ในศรีลังกา แต่ฉันมาโตที่ฮ่องกง
    และฉันได้เรียนแบบอังกฤษ รวมถึงตอนที่ฉันเริ่มทำงานใหม่ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าฉันพูดได้หลายภาษา
    งานของฉันจึงเกี่ยวข้องท่องเที่ยวไปทั่วโลก


    ฉันเกิดในครอบครัวของชาวฮินดู แต่ตัวฉันไม่ได้นับถือศาสนาฮินดู ฉันเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ
    ซึ่งต้องเรียนร่วมกับคนที่นับถือศาสนาต่างๆมากมาย ทั้งชาวคริสต์, ชาวมุสลิม, ชาวฮินดู, ชาวพุทธ, เต๋า, และอื่นๆ
    รวมถึงพวกที่ไม่นับถือศาสนาอะไรเลยก็มีด้วย


    เพราะว่าฉันโตมาในฮ่องกง เรื่องศาสนาจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ในชีวิตของพวกเรานัก
    เพราะว่าฮ่องกงเป็นประเทศที่มีหลากหลายวัฒนธรรมมากๆ เรื่องทางด้านจิตวิญญาณ
    จึงดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ปรัชญาที่ผู้คนประดิดประดอยขึ้นมาเพื่อเอาไว้ใช้ในชีวิตของพวกเขาเท่านั้นเอง

    โดยส่วนตัวแล้ว ฉันไม่ได้นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งเป็นพิเศษ


    ตอนที่ฉันยังเรียนอยู่ ฉันจะงงมากๆ เพราะว่าฉันไม่เข้าใจว่าทำไม คำสอนของแต่ละศาสนา
    จึงแตกต่างกันไปกันคนละโยชน์แบบนี้ (เพราะว่าตอนนั้นฉันอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย
    ที่นับถือศาสนาที่แตกต่างกัน) และฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเนื้อหาที่วิชาวิทยาศาสตร์สอนและที่ศาสนาต่างๆสอน
    มันจึงได้ขัดแย้งกันอย่างกับฟ้ากับเหวแบบนี้


    ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเนื้อหาเกี่ยวกับการก่อกำเนิดชีวิต
    ที่ถูกสอนในชั่วโมงเรียนของวิชาศาสนาต่างๆ
    จึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กับเนื้อหาที่ถูกสอนในชั่วโมงเรียน
    ของวิชาวิทยาศาสตร์ ทั้งๆที่มันเป็นหัวข้อเดียวกันแท้ๆ


    ฉันใช้เวลาอยู่หลายปีเพื่อค้นหาคำตอบให้กับคำถามของฉัน แต่ฉันก็ยังไม่เคยพบว่าจะมีคำตอบไหน
    ที่ทำให้ฉันกระจ่างได้เลย

    จนกระทั่งฉันได้ประสบกับภาวะเฉียดตาย ฉันจึงได้พบคำตอบ และนับจากนั้นมาฉันก็เลิกค้นหาอีก
    แม้ว่าฉันจะยังไม่รู้ทุกๆคำตอบก็ตาม แต่ฉันก็ไม่รู้สึกว่าฉันจำเป็นต้องค้นหาอีก

    ฉันรู้สึกว่า “ความตาย” ได้สอนบทเรียนแห่งการดำเนินชีวิตให้ฉันเรียบร้อยแล้ว



    แต่ว่า ระหว่างที่ฉันอยู่ในสภาวะเฉียดตายนั้น ฉันเข้าใจแล้วว่าความเป็นคนที่มีหลายวัฒนธรรมของฉัน
    มันสำคัญกับฉันอย่างไร และฉันก็รู้แล้วว่าทำไมฉันจึงถูกนำมาไว้ในที่ๆมีขนบธรรมเนียมประเพณี
    และระบบการศึกษาที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วแบบนี้ (ระหว่างวัฒนธรรมและระบบการศึกษาแบบตะวันออก
    และแบบตะวันตก) มันเป็นความเข้าใจที่เกิดขึ้นมาเอง มันแค่กระจ่างชัดขึ้นมาเอง



    ตอนที่ฉันได้รับโอกาสให้ “เลือก” ว่าจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่นั้น ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะขอเลือกที่จะตาย
    เพราะว่าในสภาวะนั้น ฉันไม่ได้รู้สึกรักและผูกพันกับใครที่นี่เลย

    แต่ในทันใดนั้น มันก็มีความเข้าใจหรือความกระจ่างแจ้งอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา ว่า “ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว!
    ให้ฉันกลับไปมีชีวิตใหม่เถอะ ฉันจะกลับไปมีชีวิตใหม่พร้อมทั้งความเข้าใจใหม่นี้”


    แล้วก็ มันมีความเข้าใจที่แจ่มชัดเกิดขึ้นมากมายว่าทำไมสามี (ผู้ยอดเยี่ยมสุดๆ) ของฉันคนนี้
    จึงมาเป็นคนที่เขากำลังเป็นอยู่นี้ได้ และว่าทำไมพวกเราถึงมาด้วยกัน

    [​IMG]
    (แอนิต้า และสามีของเธอ ชื่อ แดนนี่)

    ฉันเข้าใจแล้วว่า ยังมีสิ่งต่างๆอีกมากมายที่พวกเราจะต้องทำด้วยกัน และถ้าหากตอนนั้นฉันเลือกที่จะตาย
    ฉันก็รู้ว่าไม่นานนัก เขาก็จะต้องตายตามฉันไปด้วย เพราะว่าฉันรู้สึกว่าภาระกิจของพวกเรา
    เชื่อมโยงผูกพันซึ่งกันและกันอยู่

    และมันยังเป็นความรู้สึกคล้ายๆกับว่า ถ้าฉันไม่กลับมา ฉันอาจจะพลาดโอกาสที่จะได้รับของขวัญ
    ที่ชีวิตเก็บไว้รอฉันอยู่อีกมากมายด้วย ในฐานะของผู้ที่ฉันเกิดมาเป็นอยู่ในขณะนี้

    อีกความรู้สึกหนึ่ง มันก็รู้สึกราวกับว่า “งานได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เวทีได้จัดเตรียมเอาไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
    ตอนนี้ก็แค่ขึ้นไปเล่นเท่านั้นเอง”

    ฉันไม่รู้ว่าจะหาคำพูดไหนมาอธิบาย เพราะมันไม่สามารถอธิบายได้หมด แต่มันก็เป็นอะไรประมาณนั้นแหละค่ะ


    .......................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2010
  3. krittima helga

    krittima helga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +247
    __ขอบคุณ_คุณชยุตอย่างหาที่สุดมิได้(คงรู้ว่ามากมายขนาดไหน)คุณภาพคับแก้วทุกโพสเลย วันนี้ทำให้เราได้ฉุกคิดขึ้นว่า ถ้าตัวเราเป็นจักรวาลดวงหนึ่งแล้วเรามีลูก ลูกก็เป็นจักรวาลอีกดวงหนึ่ง แล้วลูกของลูก ก็มีลูก แล้วลูกของลูกของลูกก็มีลูก มันเป็นจักรวาลที่ไม่สิ้นสุดจริงๆ และการก่อเกิดก็เหมือนกันหมด ธาตุประกอบในการเกิดก็เหมือนกันหมด และประสบการณ์ทุกอย่างก็เหมือนกันหมด ประสบการณ์เหมือนกันหมดหมายถืงเช่น เวลาเราิหิวข้าว ความรู้สึกหิวของสิ่งมีชีวิตเหมือนกันหมด หรือเวลาเราโกรธ ความรู้สึกโกรธของสิ่งมีชีวิตเหมือนกันหมด เจ็บปวด เศ้รา เหงา และทุกข์ คือประสบการณ์ทุกอย่างในจักรวาลนี้เหมือนกันหมด อะไรคือความแตกต่าง ขอตอบว่าความคิดทำให้เราแตกต่าง
     
  4. kuno

    kuno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2007
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +27
    อนุโมทนาเช่นกันครับ ขอบคุณคุณชยุต
    อ่านแล้วนึกถึงเรื่อง The Matrix เลยครับ
    โดยส่วนตัวเชื่ออยู่ลึก ๆ เหมือนกัน
    แต่ยังหาความสอดคล้องกับเรื่องกรรมเก่าไม่เข้าใจนักเหมือนกัน
     
  5. walkmann

    walkmann เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +115
    ขอบคุณคุณชยุต และคุณ kindred ในกระทู้ยกระดับสู่มิติที่ 5 ด้วยน่ะครับที่ได้โพสต์และแปลข้อมูลมาให้ได้อ่านและใช้จิตวิญญาณได้ทำความเข้าใจกัน วันนี้ต้องบอกว่าอ่านทั้งสองกระทู้เลยครับ ซึ่งก็มีข้อมูลค่อนข้างเยอะทีเดียว (ก็มีทั้งที่เข้าใจและไม่เข้าใจ โดยเฉพาะของท่านมหาเทพไมเคิลในกระทู้ของคุณ kindred ซึ่งยิ่งอ่านก็ยิ่งมองว่าท่านเป็นนักวิทย์ในจิตวิญญาณระดับสูงที่อัจฉริยะมากๆ) อาจเป็นเพราะด้วยลำแสงหรือกริดที่มีพลังมากมายมหาศาล และเป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ...มีอยู่จริงในทั่วทั้งจักรวาลนี้ แต่ผมอ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจ แต่ก็พยายามใช้ความรู้สึกภายในช่วยพิจารณาครับ...ก็คงต้องบอกว่าคุณแอนนิต้าเธอได้เลือกในเส้นทางของการมีชีวิตอยู่ต่้อไป ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ในหลายสิ่งหลายอย่างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ และก็ทำให้รู้ถึงความลึกซึ้งของความเป็นหนึ่งเดียวในทั้งห้วงจักรวาลนี้...

    แต่พวกเราในฐานะมนุษย์บนโลกนี้คนหนึ่งซึ่งยังมีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจก็ถือว่าโชคดีเช่นเดียวกันน่ะครับที่ได้มีโอกาสเรียนรู้เพื่อยกระดับจิตวิญญาณขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในห้องสมุดแห่งความรู้ซึ่งก็คือเว็บพลังจิตแห่งนี้ และในโลกภายนอกที่เป็นเรายังต้องแยกให้ออกว่าสิ่งใดคือมายาการหรือสิ่งใดเป็นความจริงแท้และแน่นอน...ทั้งคุณแอนนิต้า และพวกเราต่างก็มี "จุดหมายปลายทาง" เดียวกันครับ...นั่นคือการเป็นผู้ตระหนักรู้อย่างเบิกบานบนโลกใบนี้ และก็เผยแพร่ความรักต่อๆๆ ต่อๆๆ ออกไปยังเพื่อนมนุษย์เพื่อให้พวกเขาตื่นรู้ขึ้นเช่นเดียวกัน...ดังนั้น มันจึงเป็นหน้าที่ทางด้านแสงสว่างที่สำคัญของแต่ละคนครับ

    ^ ^ วันนี้รับข้อมูลมาแน่นเอียดเลยครับ แต่ก็คงต้องกลับมาอ่านซ้ำในส่วนที่ยังไม่เข้าใจ การเรียนรู้ของเราไม่มีวันสิ้นสุดครับ ยิ่งศึกษามากก็ยิ่งมีอะไรน่าตื่นเต้นขึ้นตลอดเวลา ที่ว่าน่าตื่นเต้นก็เพราะสิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นในชีวิตจริงๆ ของผมหน่ะครับ เวลาผ่านมาซักระยะหนึ่งแล้วที่คิดว่าชีวิตนี้ไม่มีคำว่า "ความบังเอิญ" รวมถึง "ไม่มีปาฏิหาริย์" เพราะว่าตัวเราเองครับที่เป็นจิตวิญญาซึ่งมีความยิ่งใหญ่ที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้น...และถ้ามนุษย์โลกซักครึ่งหนึ่งทำได้ ลองคิดดูสิครับ โลกของเราจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน ซึ่งผมว่าโลกใบนี้อาจเปลี่ยนแปลงไปชนิดที่มนุษย์ไม่เคยพบเจอหรือเคยสัมผัสมาก่อนก็ได้ครับ มันคงเป็นอะไรที่เหนือยิ่งกว่าจินตนาการของเราเสียอีก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Fratcal Cosmos.jpg
      Fratcal Cosmos.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.6 KB
      เปิดดู:
      75
    • The-Key.jpg
      The-Key.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.1 KB
      เปิดดู:
      72
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 พฤศจิกายน 2010
  6. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    ใช้เวลาอ่านเป็น ชั่วโมง ชั่วโมงเลย กว่าจะเข้าใจ ปวดหัวมาก 55 ต้องอ่านแล้วทำความเข้าใจ อ่านซ้ำไปมาหลายๆ รอบ จนจะเข้าใจ แต่สิ่งนึงคือ ไม่ต้องไปอยากรู้หรอก ว่าเราเกิดมาอะไร อะไรทำให้เรามาเกิด หรืออะไร ไม่ต้องไปค้นหาที่ไหน เพราะจริงๆแล้ว มันไม่จำเป็นเลย การใชชีวิตที่ดีสมบูรณ์แบบในความดี ทำจิตตนในปัจจุบันให้บริสุทธิ์ก็เพียงพอแล้ว นอกเหนือจากนั้นที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องรู้หรอก แค่ทำปัจจับันนี้ให้ดีที่สุด ทำจิตในปัจจุบันที่ได้มานี้ให้ดี ให้ใสสะอาดที่สุด ให้บริสุทธิ์ที่สุดเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
     
  7. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    รู้อะไรก็ไม่มีความหมาย ทำการรู้นิพพานครับ ชีวิตที่เกิดมานั้น อะไรก็ไม่จำเป็น เท่าการปฏิบัติและนิพพานครับ
     
  8. prarth

    prarth Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +41
    ขออนุโมทนา มีกำลังใจขึ้นเยอะ ทุกอย่างมันอยู่ที่เราน่ะเอง
     
  9. maneedara

    maneedara สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +16
    ขอขอบคุณ คุณ ชยุต อย่างซาบซึ้งใจที่นำบทความเกี่ยวกับชีวิตที่อัศจรรย์ใจมาเผยแพ่ร ให้กับหวัใจที่แสวงหา
     
  10. Jantaras

    Jantaras เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +301
    ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆๆ แบบนี้ อย่างน้อยก็เป็นตัวอย่าง ที่สร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้ป่วยได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ
    อนุโมทนา สาธุด้วยค่ะ
     
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    แอนิต้า - ผู้มีประสบการณ์ตายแล้วฟื้น และหายป่วยจากมะเร็งระยะสุดท้ายเพียงแค่ข้ามวัน

    ที่มา: Anita's Inspiring Near-Death Story

    ตอนที่ 14:

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> คำถาม: คุณบอกว่าตอนที่อยู่ในสภาวะเฉียดตาย คุณเห็นอดีตชาติของคุณใช่ไหมครับ
    คุณเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดไหม๊ และคุณคิดว่านั่นเป็นเพราะว่าพื้นฐานความเป็นชาวฮินดูของคุณหรือเปล่า?



    แอนิต้า:

    จริงๆแล้ว ถ้าจะให้ตอบตามตรงหละก็ มันก็คงเป็นเพราะว่าพื้นฐานความเป็นชาวฮินดูของฉันเองนั่นแหละ
    ที่ทำให้ฉันตีความมันไปแบบนั้น ว่ามันเป็นอดีตชาติ

    แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันกำลังประสบอยู่ในสภาวะนั้น
    มันรู้สึกเหมือนกับว่า มันกำลังเกิดขึ้นพร้อมๆกันหมดในเวลาเดียวกัน
    ดังนั้น ตามความเป็นจริงแล้ว มันเหมือนกับเป็นชีวิตในโลกคู่ขนานมากกว่า


    ฉันยังได้เห็นอนาคตของฉันเองด้วย และมันก็รู้สึกว่าเป็นจริงเป็นจังมากๆ

    อดีต ปัจจุบัน และอนาคต มันรู้สึกเหมือนกับว่า
    มันกำลังเกิดขึ้นอยู่พร้อมๆกันหมด ในเวลาเดียวกัน



    ประสบการณ์บางส่วนของฉัน แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจมันเลย แต่ฉันก็หวังว่า
    จะสามารถเข้าใจมันได้ในอนาคต มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับว่า “ช่องว่างและกาลเวลาที่ไม่มีอยู่ในมิตินั้น”

    ดังนั้น ถ้าจะให้ฉันตอบคำถามของคุณจริงๆหละก็ ฉันคิดว่าเราจะต้องเปลี่ยนความคิดของเรา
    ที่มีต่อเรื่องกาลเวลาซะใหม่ก่อน และต้องเปลี่ยนความเข้าใจของเราที่มีต่อเรื่องกาลเวลาซะใหม่ก่อนด้วย

    นั่นคือเราจะต้องเข้าใจมันอย่างที่มันเป็นอยู่จริงๆให้ได้ซะก่อน

    เพราะว่า มันไม่ได้มีความรู้สึกเลยแม้แต่น้อยว่ามันเป็น
    “ภพชาติที่มีการเรียงลำดับก่อนหลังแบบเป็นเส้นตรง” หรือเป็น
    “เหตุการณ์ที่มีการเรียงลำดับก่อนหลังแบบเป็นเส้นตรง”
    อย่างที่พวกเราซึ่งอยู่ในมิติทางกายภาพแห่งนี้ เข้าใจว่ามันเป็น


    ...........................
     
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    แอนิต้า - ผู้มีประสบการณ์ตายแล้วฟื้น และหายป่วยจากมะเร็งระยะสุดท้ายเพียงแค่ข้ามวัน

    ที่มา: Anita's Inspiring Near-Death Story

    ตอนที่ 15: จบจริงๆครับ

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> คำถาม: คุณจะอธิบายเพิ่มเติมอีกหน่อยได้ไหมครับว่า ตอนนี้ชีวิตของคุณเป็นอย่างไร
    เมื่อคุณสามารถมองทะลุผ่านความเป็น “มายา” นี้ได้แล้ว?



    แอนิต้า:

    บางครั้งฉันก็ลังเลที่จะใช้ศัพท์คำว่า “มายา” อยู่เหมือนกัน เพราะว่า ในขณะที่พวกเรายังอาศัยอยู่ในนี้
    มันจะรู้สึกเหมือนว่า มันเป็นจริงเป็นจังซะเหลือเกิน และมันก็เป็นเพียงโลกแห่งความเป็นจริงโลกเดียว
    ที่พวกเราส่วนใหญ่รู้จัก ดังนั้น มันจึงอาจจะไปทำให้คนที่ได้ยินคำนี้ คือที่ฉันบอกว่า “มันเป็นแค่มายาเท่านั้น”
    เกิดความเจ็บปวดและไม่พอใจขึ้นมาก็ได้

    แต่ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นหรอกนะคะ และถ้าฉันจะต้องใช้มันตามนัยยะนี้จริงๆ มันก็จะมีหมายความอย่างนี้แหละค่ะ

    อย่าลืมนะคะว่า ในช่วงที่ยังอยู่ในสภาวะเฉียดตายนั้น มันจะรู้สึกเหมือนกับว่า
    ฉันได้ตื่นขึ้นมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกโลกหนึ่ง โลกแห่งความเป็นจริงที่ไม่มีช่องว่างและกาลเวลา

    และด้วยมุมมองจากโลกนั้น ฉันจึงเห็นว่า
    โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพที่เรากำลังอยู่กันนี้
    มันเหมือนกับภาพมายา หรือเหมือนกับเป็นความฝันมากกว่า

    มันรู้สึกเหมือนกับว่า แม้แต่กาลเวลาเองก็คือมายาด้วย แต่กาลเวลาก็มีความจำเป็นสำหรับพวกเรา
    ที่กำลังอยู่ในโลกทางกายภาพที่อยู่ในมิติที่ 3 นี้ เพื่อที่ว่าจิตของเราจะได้ใช้มันจัดการกับข้อมูลต่างๆ
    ในแบบที่เป็นเส้นตรงได้

    จำได้ไหมคะที่ฉันบอกว่าในขณะที่อยู่ในมิตินั้น แม้แต่กำแพงอิฐฉาบปูนและระยะทาง
    ก็ยังไม่สามารถที่จะขัดขวางการรับรู้ของฉัน ในสิ่งที่ฉันอยากรู้ได้เลย

    และมันก็ไม่มีการแบ่งแยกกันระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอีกด้วย
    ทั้งหมดเกิดขึ้นพร้อมๆกันหมด ในเวลาเดียวกัน

    มันรู้สึกเหมือนกับว่าจิตของร่างกายเนื้อของเรา จำเป็นต้องสร้าง “มายา” แห่งช่องว่าง และกาลเวลาขึ้นมา
    เพื่อเอาไว้ใช้จัดการกับสิ่งเหล่านี้ในแบบที่เป็นเส้นตรง


    มันรู้สึกราวกับว่า ฉันได้ตื่นขึ้นมาสู่สภาวะๆหนึ่ง ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตการตระหนักรู้ของคนส่วนใหญ่
    และมันก็รู้สึกเหมือนกับว่า ชีวิตทั้งชีวิตที่ฉันอยู่มาจนกระทั่งถึงจุดนั้น มันเป็นแค่มายาหรือความฝัน
    ที่ฉันเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง ด้วยความคิดและความเชื่อของฉัน และรวมถึงของคนอื่นๆทั้งหมดด้วย


    เพราะความเข้าใจที่กระจ่างชัดในตอนนั้นเอง ที่ทำให้ฉันมองเห็นว่าแม้แต่มะเร็งของฉัน
    ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของมายานี้ด้วย ซึ่งมันเกิดขึ้นมาจากการสร้างของจิตของฉันเอง
    และถูกสร้างขึ้นมาจากผู้ที่ฉันเชื่อว่าฉันเป็นก่อนหน้าที่จะถึงจุดๆนั้น


    ณ.ช่วงเวลานั้น ฉันได้เห็นว่าตัวตนที่แท้จริงของฉัน
    คือจิตวิญญาณที่สง่างาม มีพลังอำนาจ และสมบูรณ์แบบ
    ฉันได้เข้าใจแล้วว่า ไม่มีจิตวิญญาณดวงไหนเลยบนโลกใบนี้
    ที่จะยิ่งหรือหย่อนไปกว่ากันเลย


    เพียงแต่ว่าเราจะเลือกที่จะรับรู้มันหรือไม่เท่านั้นเอง

    และในตอนนี้ ดูเหมือนว่าฉันจะไม่สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในแบบอื่นใดได้ ที่นอกเหนือจากการรับรู้ที่ว่า
    “มันไม่มีอะไรเลยที่จะต้องให้อภัย และไม่มีอะไรเลยที่จะต้องถูกตัดสิน”
    (เพราะว่าทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของความเป็นมายา ซึ่งก็คือความเชื่อของจิตสำนึกร่วมของคนทั้งหมดเท่านั้นเอง)

    และในตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เรียกกันว่า “พระเจ้า” ก็คืออะไรบางอย่างที่อยู่ในตัวฉันนี่แหละ อยู่ในตัวคุณ
    อยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกๆชนิดบนโลกใบนี้ แล้วพวกเราจะไม่สมบูรณ์แบบได้อย่างไร?



    ดังนั้น ถ้าจะให้ตอบคำถามของคุณ ฉันรู้สึกว่าโลกทางกายภาพนี้ถูกตั้งโปรแกรมขึ้นมาเพื่อให้พวกเรามองเห็น
    “ความไม่สมบูรณ์แบบ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเราเอง


    แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่งฉันมองทะลุเข้าไปในมายาการมากเท่าไหร่
    และยิ่งฉันระลึกรู้ถึงความสง่างามของฉันได้มากเท่าไหร่ แล้วแสดงมันออกมามากเท่าไหร่
    ฉันก็จะยิ่งมองเห็นความสมบูรณ์แบบของฉันได้มากเท่านั้นด้วย
    และฉันก็มองเห็นความสวยงามที่บังเกิดขึ้นในชีวิตของฉันมากขึ้นเท่านั้นด้วย



    อย่าลืมนะคะ ฉันไม่ได้บอกว่า ให้ไปมองหาความสมบูรณ์แบบที่มีอยู่ในโลก
    แต่ฉันกำลังบอกว่าให้มองหาความสมบูรณ์แบบที่มีอยู่ในตัวคุณเอง ในวิถีชีวิตของคุณเอง และในสิ่งที่เป็นคุณ
    แล้วคุณจะพบว่ามันสะท้อนจากคุณกลับไปสู่โลกเอง

    ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาชีวิตของฉันง่ายขึ้นอีกเยอะเลย และฉันก็มีความรักมากขึ้นด้วย
    นั่นแหละคือผลจากการมองทะลุผ่านมายาการของฉัน


    .................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2010
  13. m@c

    m@c เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +2,435
    อ่านแล้วยังงงค่ะ ยังจับจุดไม่ได้
    ยอมรับ
    แต่ที่พอเข้าใจส่วนหนึ่งคือ "มายาการ" ที่ถูกพูดถึง หรือ น่าจะเป็นเรื่องของสุญญตา
    ถ้าเปรียบเทียบกับพุทธศาสนา
    การเจ็บป่วย 4 ปี ของเธอทำให้เธอเปลี่ยนมุมมองของการมีชีวิตอยู่
    สุดท้ายก็เลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
    แต่ก็ยังงง กะคำอธิบายที่ยืดยาว
     
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    พอดีผมเห็นหลายคนยังไม่ค่อยเข้าใจ
    ผมเลยกะจะโพสต์เนื้อหาเพิ่มให้อีกซักตอนหนะครับ

    แต่ก่อนจะโพสต์ขออนุญาตเล่าอะไรให้ฟังหน่อยหนึ่งนะครับ
    ไม่ซีเรียสครับ ไม่ได้ตอบใครเป็นพิเศษด้วยครับ

    มันเป็นเรื่องขำๆของผมเองที่เกี่ยวกับการ "เข้าใจ" หรือ "ไม่เข้าใจ" นี่แหละครับ

    ในสมัยที่ผมยังเป็นเด็กอยู่ พอผมมานั่งนึกย้อนหลังกลับไป
    ผมก็เพิ่งรู้ว่า ผมก็เป็นคนที่ออกจะแปลกๆอยู่คนหนึ่งเหมือนกันนะเนี่ย

    เช่น ตอนที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ผมจะถามเพื่อนที่นั่งเรียนอยู่ข้างๆบ่อยๆ
    เพราะความสงสัยเป็นนักเป็นหนา ว่ามันเป็นยังไงเหรอไอ้ความรู้สึก "ไม่เข้าใจ" เนี่ย

    คือผมจะงงมาก และ "ไม่เข้าใจ" ว่าทำไมเขาถึง "ไม่เข้าใจ"
    ทั้งๆที่ก็นั่งเรียนอยู่ด้วยกัน ข้างๆกัน ตั้งใจฟังอาจารย์สอนเหมือนกัน
    แต่พอหมดชั่วโมงแล้ว อาจารย์ออกไปจากห้องทิ้งการบ้านไว้ให้ทำด้วย
    ผมก็จะเอามานั่นทำจนเสร็จหรือเกือบเสร็จ ในขณะที่นั่งรอเรียนวิชาต่อไปอยู่นั้นเลย

    แต่เพื่อนคนที่นั่งอยู่ข้างๆผม เขาก็มักจะมาถามผมให้ผมช่วยอธิบายให้อยู่เสมอ
    ผมก็เลยงง และสงสัยว่า มันเป็นยังไงเหรอไอ้ความไม่เข้าใจเนี่ย มันรู้สึกยังไงเหรอ?

    "ช่วยทำให้ฉันไม่เข้าใจเหมือนแกบ้างได้ไหม
    ฉันจะได้รู้ว่ามันเป็นยังไงไอ้ความไม่เข้าใจเนี่ย
    ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมแกถึงไม่เข้าใจ"

    ..อะไรแบบนั้นครับ..

    จริงๆแล้ว ก็นั่นแหละคือความไม่เข้าใจของผมหละ
    ที่ "ไม่เข้าใจ" ว่าไอ้ความ "ไม่เข้าใจ" นี่มันเป็นยังไง

    อันนั้น คือเรื่องตอนเด็กนะครับ เล่าให้ฟังขำๆครับ อย่าซีเรียสนะครับ
    เพราะว่ามันแว๊บเข้ามาในหัวเท่านั้นเอง

    แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วหละครับ ว่ามันเป็นยังไง

    ...........................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2010
  15. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    พบเจอเวปไซต์ของแอนิต้าครับ สามารถส่งเมล์ไปหาได้ที่ Anita Moorjani | Contact
     
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    แอนิต้า - ผู้มีประสบการณ์ตายแล้วฟื้น และหายป่วยจากมะเร็งระยะสุดท้ายเพียงแค่ข้ามวัน

    ที่มา: Anita's Inspiring Near-Death Story

    ตอนที่ 16: แถมครับ

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> คำถาม: คุณจะช่วยอธิบายความหมายของประโยคที่คุณบอกว่าความยึดมั่นถือมั่นของมนุษย์
    ที่ผูกติดอยู่กับความเชื่อบางอย่าง และการไม่พยายามปลดปล่อยพวกมันออกไป
    คือจิตสำนึกมวลรวมที่อาจจะกำลังเหนี่ยวรั้งพวกเราเอาไว้อยู่ก็ได้ ได้ไหมครับ?



    แอนิต้า:

    สำหรับฉันตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าชีวิตทางกายภาพของพวกเรา ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากอะไรบางอย่าง ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
    และอย่าลืมนะว่า ผู้คนทั้งหลายก็กำลังตกอยู่ภายใต้อำนาจของอะไรบางอย่างที่ว่านั้นด้วย
    การดำเนินชีวิตของพวกเราก็ขึ้นอยู่กับมัน สุขภาพร่างกาย ความอยู่ดีมีสุข และความปลอดภัยของพวกเรา
    ก็ล้วนขึ้นอยู่กับมันหมด


    วิถีชีวิตของผู้คนกำลัง “ถูกสร้าง” ขึ้นมาจากความเชื่อของพวกเขาเองอยู่
    และพวกเขาก็มีชีวิตอยู่ภายในกรอบที่ทุกๆคนที่อยู่รอบๆตัวเขา เชื่อว่ามันเป็นความจริง


    ถ้าคนทุกคนที่อยู่รอบๆตัวคุณมีความเชื่อในบางสิ่งบางอย่างแล้ว ตัวคุณเอง
    ก็ย่อมจะมีแนวโน้มที่จะเชื่อตามไปด้วย และคุณก็จะคิดว่ามันเป็นความจริงด้วย
    จากนั้นชีวิตของคุณ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของจิตสำนึกร่วมของคนทั้งโลก

    ก็จะวิวัฒน์ไป
    บนพื้นฐานของสิ่งที่เหมือนจะจริงเหล่านี้ด้วย

    การมีชีวิตอยู่แบบนี้มันเกิดขึ้นมานานแล้ว และก็กำลังเกิดขึ้นอยู่ มันจะเป็นความรู้สึกเหมือนกับว่า
    มันเป็นจริงเป็นจังมากๆ มันจริงแท้แน่นอนเอามากๆ



    แต่ในมิติที่ 4 มันจะรู้สึกเหมือนกับว่า สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่พวกเรา
    พากันสร้างขึ้นมาเอง ในโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้
    มันคือ “มายา” มันถูกสร้างขึ้นมาจากการที่ทุกๆคนเชื่อเหมือนๆกัน
    ดังนั้น มันจึงกลายเป็นความจริงขึ้นมาในความตระหนักรู้ร่วมกันของทุกๆคนด้วย


    ถ้าความตระหนักรู้ร่วมกันของพวกเราทุกคน มีความเชื่อในแบบที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
    โลกก็อาจจะเปลี่ยนไปตามทิศทางแห่งความเชื่อนั้นด้วย

    และจากมุมมองนั้นมันรู้สึกจริงๆว่าความเชื่อมวลรวมของพวกเราทุกๆคน คือผู้สร้าง “มายาการ” นี้
    ให้กลายเป็นความจริงขึ้นมา



    ฉันอยากจะขอเพิ่มเติมอีกหน่อยว่า นั่นอาจจะเป็นวิธีที่โลกกำลังถูกสร้างขึ้นอยู่ในขณะนี้ก็ได้
    มันแค่ยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้ความจริงทั้งหมดเท่านั้น มนุษย์ยังไม่พร้อมที่จะทะลายกำแพงแห่งมายาการนี้

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันมีอยู่ตอนนี้ มันเกิดขึ้นเพราะความคิด
    และความเชื่อที่ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ของพวกเราทุกๆคน



    ดังนั้น ถ้าบังเอิญมีใครเดินผ่านมา และบอกว่าสามารถมองทะลุทะลวงผ่านมายาการนี้ได้
    มันจึงเป็นการง่ายกว่าสำหรับผู้ที่ยังติดอยู่ใน “มายาการ” ทั้งหลาย ที่จะฆ่าผู้นำสาส์นคนนั้นเสีย
    แทนที่จะไปแตะต้องมายาการนี้ เพราะว่ามันอาจจะทำให้เกิดความไม่แน่นอน และเกิดความวุ่นวายขึ้นครั้งใหญ่

    มันไม่สามารถทำให้เสร็จได้เพียงชั่วข้ามคืน เพราะจิตสำนึกมวลรวมของมนุษย์ในตอนนี้ยังไม่สามารถรับได้

    เพราะว่าถ้าหากมนุษย์สามารถมองทะลุทะลวงผ่านความเป็นมายาการได้ภายในชั่วข้ามคืนจริงๆหละก็
    ทุกสิ่งทุกอย่างก็คงจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง และมันอาจจะเกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้น,
    เกิดความไม่สงบ และไม่รักกันขึ้น (ซึ่งทั้งความสงบและความรักนี้เอง คือสิ่งที่ผู้ที่สามารถมองทะลุผ่าน
    ความเป็นมายาการได้ทั้งหลาย พยายามจะทำให้มันเกิดขึ้นอยู่)

    อีกทั้งระบบการแพทย์ของเรา, รวมถึงระบบตุลาการ, ระบบการศึกษา, และระบบศาสนาของเรา
    ก็คงจะต้องถูกรื้อและยกเครื่องใหม่ และตรวจสอบใหม่หมดโดยสิ้นเชิง

    แต่มันก็คงจะไม่สามารถสำเร็จลงได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืนหรอก

    แต่อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้ที่สามารถมองทะลุผ่านมายาการได้ทั้งหลาย ก็รู้เรื่องนี้กันดี
    เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงมุ่งแต่ที่จะสร้างโลกแห่งความเป็นจริงของพวกเขาเองขึ้นมา
    โดยอาศัยสิ่งที่พวกเขารู้ว่ามันเป็น “ความจริง” แทนที่จะไปอาศัยสิ่งที่มันเป็นมายาที่ถูกสร้างขึ้นมา
    จากจิตสำนึกมวลรวมของคนส่วนใหญ่



    จักรวาลกำลังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ด้วยความเร็วเท่าที่มันจะเร็วได้
    นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเหล่าผู้ที่มองทะลุผ่านมายาการได้ จึงสามารถมองเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของสิ่งต่างๆ
    ว่า “มันเป็นเช่นนั้นเอง“ ได้

    สิ่งที่เรียกว่า “ความขัดแย้ง” ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้, สงคราม, ความเหลื่อมล้ำระหว่างความรวยกับความจน,
    ความแตกต่างระหว่างศาสนากับวิทยาศาสตร์ เหล่านี้ล้วนเป็นอาการปกติ ของจิตสำนึกมวลรวมใดๆ
    ที่กำลังจะตื่นขึ้นและกำลังจะเริ่มมองทะลุผ่านความเป็นมายาการได้แล้ว

    ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเกิดขึ้น ด้วยความเร็วที่เหมาะสมที่สุดกับจิตสำนึกอันบอบบางของพวกเรา ที่จะรับมันได้

    ทิศทางที่โลกของเรากำลังดำเนินไปอยู่ในขณะนี้ มันไม่ได้ถูกเตรียมความพร้อมเอาไว้สำหรับการรับมือกับ
    “ความจริงที่จริงแท้” ดูเหมือนว่าจิตสำนึกมวลรวมของมนุษย์โลก ยังไม่พร้อมที่จะยอมรับความจริงนี้ได้

    หรือบางทีอาจจะไม่มีวันพร้อมเลยด้วยซ้ำไป

    บางทีในขณะที่พวกเรายังอยู่ที่นี่ พวกเราอาจจะถูกกำหนดมาให้รับได้ในระดับนี้เท่านั้น



    แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับฉันแล้ว มันรู้สึกจริงๆเลยว่า ความสามารถนี้ (การมองทะลุผ่านความเป็นมายา)
    เป็นอะไรที่สามารถบรรลุได้ โดยผู้ที่เลือกที่จะบรรลุเท่านั้นเอง


    ...................................
     
  17. adubis

    adubis Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +81
    คนเราคงต้องเฉียดความตายมาก่อนถึงจาคิดได้ผมว่านะ เหมือน The matrix ชัด พระเอกฟื้นมา มองทุกอย่างเป็นแค่โครงสร้าง หรือไม่ก็ เหมือนในหนัง THE DAY THE EARTH STOOD STILL มนุ็ษย์จะวิวัฒนาการเมื่อพบจุดจบ
     
  18. montri_p

    montri_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +467
    อนุโมทนาด้วยใจบริสุทธิ์ครับ
    ขออนุญาตินำไปเผยแพร่นะครับ
     
  19. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    ขำดีค่ะ
    เดี๋ยวนี้คิดเรื่องตอนวัยเด็กหรืออดีตกันบ่อยขึ้น นั่นซินะคงอายุมากขึ้นกันจริงๆ
    ตอนเป็นเด็กวิชาที่ไม่ชอบเลยตอนประถมคือคณิตศาสตร์จำได้ว่า ถึงเวลาที่ต้องเรียนคณิตศาสตร์คราวใด นึกตลอดว่า อยากหายตัวได้ ...อิอิ นั่นเพราะขณะนั้นไม่ทราบว่า ไอ้วิชาคณิตศาตร์นี่เรียนไปเพื่ออะไร จะเป็นเช่นนี้มาตลอด
    แต่พอทราบว่า เรียนไปเพื่ออะไร ก็จะตั้งใจเรียนมากขึ้นมีความสุขกับการเรียนมากขึ้น
    ถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นนะ ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามถ้ายังไม่รู้เป้าหมายที่จะเรียนรู้ก็จะไม่สนใจ ไม่ใส่ใจที่จะเรียนรู้(อันนี้น่าจะเป็นข้อเสียมากกว่า)

    อย่างเรื่องคนป่วยแล้วหายป่วยไปได้ราวปาฏิหาริย์ เรื่องนี้ความจริงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่อย่างที่กล่าวไว้ ถ้าใครไม่เคยมีประสบการณ์ก็ยากที่จะเข้าใจ หรือเชื่อในสิ่งนั้น

    คนที่เคยป่วยมากๆ ทั้งที่หมอบอกว่าต้องรักษากันไปตลอดชีวิต สิ่งเดียวที่หมอแนะนำคือให้ฝึกทำสมาธิ (จริงๆคือทำใจให้ว่างให้ละวางจากสังขารที่เป็นอยู่)
    มันกลับหายขาดปาฏิหาริย์เกิด แต่ก็ต้องใช้เวลามากพอสมควร

    ก่อนหน้าที่จะหายขาด ช่วงที่รอพบแพทย์อยู่หน้าห้องที่รักษากันมานาน เจอหนังสือเล่มหนึ่ง เขียนที่หน้าปกว่า"ขอบคุณความเจ็บป่วยที่มาเยี่ยมเยียน" หนังสือเล่มนั้น

    ได้กล่าวขอบคุณอาการเจ็บป่วยอย่างแสนสาหัสว่า หลังจากที่ป่วยแล้ว ได้รับรู้ถึงความทุกข์ทรมาน ได้รับรู้ถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ที่ปราศจากโรคภัย
    และทำให้ย้ำเตือนว่า สิ่งใดที่ควรรีบทำในช่วงเวลาอันสั้นนั้น
    ทุกวันนี้ยังรู้สึกขอบคุณอาการเจ็บป่วย ขอบคณคุณหมอที่รักษาและแนะนำสิ่งที่ดีที่สุดให้ในวันนั้น และก็ยังนึกถึงหนังสือเล่มนั้นอยู่เลย "ขอบคุณความเจ็บป่วยที่มาเยี่ยมเยียน"

    ความบังเอิญไม่ได้มีอยู่ในโลกนี้จริงๆ
     
  20. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ตามสบายเลยครับ
    ขอเพียงแต่อ้างอิงลิงค์ของต้นฉบับเขาไว้ด้วยนะครับ
    เพื่อให้เกียรติเขาหนะครับ

    โมทนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...