อสิตะดาบส อรูปพรหมผู้หน้าเวทนา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย YUT_KOP, 15 พฤศจิกายน 2010.

  1. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    เมื่อ ดุสิตเทพบุตร จุติลงมาจาก แดนดุสิต เกิดเป็น มหาบุรุษ
    ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ จะตรัสรู้ในชาติสุดท้ายนี้

    อสิตะดาบส ผู้เข้าฌาณได้ข่าวจาก เทวดาที่ ดาวดีงส์โลกสวรรค์เพราะเห็น
    เหล่าเทวดา ยินดีปรีดา ฉลองการเกิดของ มหาโพธิ์สัตว์ที่พวกเขารอคอย

    ทำให้ อสิตะดาบส รีบเหาะไปหา พระเจ้าสุทโธทนะ เพื่อของพบมหาบุรุษ

    อสิตะดาบส เห็น มหาบุรุษ มีรอยพระบาทรูปจักร แม้นว่าตนเองจะสำเร็จ
    ฌาณสมาบัติ8 แต่ก็มิกล้าจะนำเอา พระบาทแตะศรีษะของตน

    เพราะอสิตะดาบส รู้ดีว่า ศรีษะตน จะต้องแตกเป็น เสี่ยงๆในทันที เพราะกำลัง
    แห่ง ฌาณสมาบัติ8 มิอาจจะลองรับได้

    อสิตะดาบส แลเห็นมหาบุรุษ จะตรัสรู้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงปิติยินดี
    ยิ่งนัก แต่.........

    เรื่องมันเศร้ากว่าที่คิดว่า ท่านเองมิอาจจะมีอายุขัย(บุญ)พอจะได้ฟังธรรม
    จาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วจึงเข้า ฌาณสมาบัติ8 ตรวจสอบกาลข้างหน้า

    อีก 40มหากัป ก็ไม่พบการอุบัติขึ้นของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    อสิตะดาบส จึงทรง ร้องไห้ เหตุเพราะรู้ว่า ตนเองจะต้องตายแล้วเกิดเป็น
    อรูปพรหมในชั้น สุทธวาส หาได้มีตัวตน ไร้ขันธ์5 เป็นดินแดนที่

    แม้นแต่พระพุทธเจ้า100พระองค์ก็ไม่ทรงเสร็จไปโปรดได้

    ดังนั้น ท่านอสิตะดาบส ผู้ยิ่งใหญ่ จึงยังคงเป็น อรูปพรหมไป อีกอย่างน้อยๆก็หลายหมื่น กัป ก่อนจะเข้าสู้นิพพาน

    ฟังเช่นนี้แล้ว เราๆท่านๆ ได้มีโอกาสเรียนรู้ธรรมะ ของพระพุทธเจ้า
    จึงเร่งศีกษา เพื่อให้สมกับว่า เกิดมาได้พบ(ฟังธรรม) ของพระพุทธเจ้า

    ที่แม้นแต่ อสิตะดาบสผู้สำเร็จ ฌาณ8เข้าสู้อรูปพรหมก็ไม่มีโอกาสได้ฟังธรรม
     
  2. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    คุณจขกทครับ ช่วยอธิบายความเห็นของคุณสองอันนี้หน่อยครับ
    อีกอันบอกว่า ไร้ขันธ์ห้าแต่ยังไม่นิพพาน
    แต่อีกความเห็นตรงลายเซ็นบอกว่า ดับขันธ์นิพพาน
    สรุปไร้ขันธ์ห้ากับดับขันธ์ห้ามันต่างกันตรงไหนครับ
    รบกวนช่วยอธิบานหน่อยครับ
     
  3. danmra

    danmra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +80
    ต่างกันมากครับ คือ การที่สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงดับขันธ์นั้นก็คือ การที่ขันธ์5 แสดงธรรม1ใน อริยสัจ4 นั่นก็คือความตาย เพราะทุกคนที่มีรูปหรือพูดง่ายๆก็คือการมีร่างกาย นั้นก็ต้องตายอยู่แล้วตามธรรมชาติไม่เว้นแม้แต่ องค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ดังนั้น อริยสัจ4 คือ "ธรรมชาติของขันธ์ 5 ทั้ง 4ประการได้แก่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้นได้" เพราะว่าโลกนี้ ล้วนตกอยู่ภายใต้ กฎแห่ง ไตรลักษณ์ นั่น คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ส่วน อรูปพรหมนั้น คือบุคคลที่ได้ ฌาน 8 ซึ่งฌานได้แบ่งออกเป็น รูปฌาน 4 อรูปฌาน อีก4 รวมกันเป็นฌาน8 แต่ไม่ได้ใช้ปัญญาพิจารณาวิปัสสนาทั้ง9 ประการเพื่อการหลุดพ้นพอตายไปในขณะที่ทรงฌาน8 จะทำให้ไปเกิดเป็นอรูปพรหม ด้วยความที่ อรูปพรหมจะมีการรังเกียจขันธ์5เป็นอย่างมาก การรังเกียจขันธ์5 นั้นก็คือ อารมณ์2 ความพอใจและความไม่พอใจ นี่คือเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถเข้าสู่พระนิพพานได้ ทำให้ไม่มีอทิสมานกาย มีแต่ดวงจิตใสๆ ในดินแดนที่ว่างปล่าว
     
  4. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    เรื่องนี้มันเป็น อจิณไตย อยากเห็นตำรวจก้อต้องเป็น ตำรวจ อยากเห็นพรหมก้อต้องเป็น พรหม
     
  5. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ในสภาวะแห่ง อรูปพรหม เป็นการยากที่จะอธิบายให้ตรงได้ ดังเช่นความหมาย

    ของพระนิพพาน เพราะผู้ตอบก็ยังปฏิบัติไปไม่ถึง

    เพราะสภาวะแห่ง อรูปพรหม นั้นเป็นสภาวะที่พิเศษมาก การได้เข้าสู้อรูปพรหม

    พระท่านว่า ต้องได้ ฌาณ8 คือ รูปฌาณ4 และ อรูปฌาณ4 นั้นคือการเข้าถึง

    เนวสัญญานาสัญญายตนะ หรือ เป็น พระอนาคามี เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤศจิกายน 2010
  6. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    มันอยู่ที่กิเลสครับ ถึงจะทรงฌาณไหนก็ตาม หากกิเลสยังไม่หมดมันก็คงต้องวนเวียนกันต่อไป

    ตัวกิเลสนั้นต้องใช้วิปัสสนาพิจารณาไป ใช้ฌาณไม่ได้ครับ ตัวฌาณมันใช้ข่มได้ชั่วคราวแต่ยังคงไม่หมดมันต้องใช้กำลังสมาธิกับการพิจารณาควบคู่กันไป

    การปฏิบัติธรรมตามแนวทางสุกขวิปัสสโกนั้นก็เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องได้ฌาณสูงๆ เอาแค่ฌาณธรรมดาๆก็พอแล้ว ตัวปัญหาจริงๆก้อคือตัดกิเลสให้ได้

    สำหรับบางท่านที่ต้องการจะเอาดีทางด้านฌาณนั้น ผมเองก้อคิดว่าเป็นความคิดที่ดี เพียงขอให้ท่านอย่าลืมวิปัสสนาหรือว่าถ้าจะเอาแบบบ้านๆก้อคือการเอาธรรมมาเปรียบเทียบกับสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเรา แต่ถ้าหากท่านมัวแต่หลงระเริงอยู่กับฌาณโดยคิดว่าเอาฌาณให้ได้ก่อนจะได้มีฤทธิ์นั้น โปรดจงระวังให้หนักว่า"ความตายอยู่รอบๆตัวเรา เราจะตายเมื่อไหร่เรารู้ไหม"

    ในเรื่องของฌาณนั้นถ้าจะให้เปรียบไปตรงๆมันก็คล้ายๆกับดาบสองคมล่ะ ฌาณช่วยให้เราสามารถข่มกิเลสได้(บางท่านอาจจะใช้วิปัสสนาเข้าไปพิจารณาที่ตรงนี้ เพื่อใช้ในการตัดกิเลส) แต่ในทำนองเดียวกัน มันก็เปนตัวทำให้เราเวียนว่ายตายเกิดนานขึ้นเนื่องจากต้องใช้เวลานานในการฝึก เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมจึงอยากจะแนะนำให้เดินทางสายกลางนะครับ ช่วงไหนต้องใช้อารมณ์แบบไหนก็ทำๆกันไปอย่าไปยึดติด(ถ้าไปยึดมากมันจะกลายเป็นทิฐิไป ทีนี้ต้องมาแก้กันเหนื่อยอีก) "สมถกับวิปัสสนา" มันจะต้องอยู่ด้วยกันครับอย่าไปแยกนะ
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าละการปฏิบัติล่ะ วันละห้านาทีก้อยังดีกว่าไม่ได้ทำ

    ป.ล. อย่าเจริญรอยตามตัวกิเลส จงรู้ทันมัน ตัวกิเลสนั้น ถ้าจะพูดง่ายๆมันก็คือ ตัวถ่วงเราให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในโลกนี้
     
  7. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ที่คุณกล่าวถึงอรูปพรหมและพระอนาคามี ผมอยากให้คุณดูหน่อยครับว่า
    อรูปพรหมหรือพระอนาคามี ยังไม่ได้บรรลุพระอรหันต์เพราะอะไร
    ไม่ใช่เพราะมีสังโยชน์หรือ ไม่ใช่เพราะมีอาสวกิเลสหลงเหลืออยู่หรือ
    ที่แน่ๆยังหลงในอรูปพรหมกับมีอวิชชาอยู่ แล้วที่นี่คุณลองไปดูเรื่อง
    ปฏิจจสมุบาทดูซิว่า วงจรแห่งปฏิจจ์ฯมีอะไรบ้าง แต่ละอย่างล้วนมีขันธ์หรือ
    มาจากขันธ์ทั้งนั้น ถ้าดูให้ดีต้นตอของปฏิจจ์ฯ มันมาจากอวิชชาหรือ
    อาสวกิเลส เมื่อมีสิ่งนี้แล้วสิ่งต่างๆเช่นขันธ์ย่อมต้องเกิดตามมา เป็นไปตาม
    เหตุปัจจัย ผมก็ไม่รู้น่ะว่าคุณเข้าใจเรื่องนี้มั้ย แต่ถ้ามาบอกว่า
    อรูปพรหมหรือพระอนาคามี ไร้ขันธ์ผมขอแย้งครับ

    แล้วเนวสัญญาที่คุณกล่าวถึง มันไม่ใช่ขันธ์หรือครับ
    ผมว่ามันก็เป็นขันธ์เป็นอาสวกิเลส แต่ที่เราดูไม่ออกก็เพราะ
    มันเป็นกิเลสที่ละเอียดซุกซ่อนอยู่ในจิตเราครับ

    ผมว่าการอธิบายความของคุณเริ่มจะสับสนแล้วนะครับ
    ที่คุณบอกการไม่มีขันธ์5เหมือนลม อากาศ ไม่สามารถจับต้องได้
    ปุถุชนที่มีขันธ์5บริบูรณ์ นามขันธ์ทั้งสี่ ก็เหมือนลม อากาศไม่สามารถจับ
    ต้องได้เหมือนกันนั้นแหล่ะครับ

    ผมจะบอกให้ครับว่า อรูปพรหมบริสุทธิ์ก็จริงอยู่ แต่ไม่ใช่บริสุทธิ์จนปราศจาก
    ขันธ์นะครับ เพียงแต่ในขณะนั้นไม่มี รูปขันธ์ มีแต่นามขันธ์เท่านั้นเอง

    ถ้าคุณสังเกตุดู พระที่บรรลุอรหันต์แล้ว บางท่านที่ยังไม่มรณะภาพ
    ท่านก็ยังมีขันธ์ ที่แน่ๆยังมีรูปขันธ์หรือกายอยู่
    คุณว่า อรูปพรหมกับพระอรหันต์ ใครจะบริสุทธิ์กว่ากันครับ
     
  8. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    อรูปพรหม เป็น พรหมที่ไม่มีรูป มีแต่ จิตวิญญาณ ลอยๆ เท่านั้น จึงไม่สามารถรับรู้ใดๆได้
    ไม่มีอายตนะ ไม่มีจิตตัวรู้ ไม่มีอทิสมานกาย(รูปในจิต)

    สภาพบนอรูปพรหมมีสภาพเหมือนกับพระนิพพานไม่มีผิด เพียงแต่ว่า
    อรูปพรหม ยังต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ส่วน
    พระนิพพาน ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไปแล้ว
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,349
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    อนุโมทนาสาธุในธรรมทานค่ะ
    ขอบคุณ จขกทค่ะ
    บุญรักษาทุกท่านค่ะ






    catt1
     
  10. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    มันไม่เหมือนกันนะครับ
     
  11. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    สภาพในที่นี้ ไม่ได้หมายความถึง ดินแดน ที่ตั้งที่อยู่

    แต่หมายถึง สภาพที่ว่างจากขันธ์๕ แต่อรูปพรหมว่างจากขันธ์๕

    ด้วยอารมณ์ฌาน จึงยังเหลือวิญญาณอยู่เป็นเชื้อให้กลับมาเกิดอีก

    ต่างจากพระนิพพานจะว่างจากขันธ์๕ ได้ทั้งหมดโดยไม่เหลือเชื้อ
     
  12. danmra

    danmra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +80
    ไม่เหมือนครับ เพราะว่า คำว่า มีสภาพเหมือนกัน แปลว่า มีทุกอย่างเหมือนกันหมด ซึ่งตามข้อเท็จจริงนั้น ภพของอรูปพรหมนั้น ไม่มีอะไรเลย เป็นดินแดนที่ว่างปล่าว อย่างแท้จริง มีแต่ดวงจิตเท่านั้น แต่ที่แดนพระนิพพานนั้น มี วิมานต่างๆ มี อทิสมานกาย หรือที่เรียกว่า (พระวิสุทธิเทพ *ถ้าพิมพ์ผิดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ) อาศัยอยู่ เป็นสถานที่กฎแห่งกรรมไม่สามารถส่งผลได้
    ดังนั้นเมื่อกฎแห่งกรรมไม่สามารถส่งผลได้ ก็ทำให้ไม่ต้องลงมาเกิด ในภพ ชาติ ต่างๆอีกต่อไป เพราะคนที่ สามารถจะเข้าสู่พระนิพพานได้จะต้อง ตัดสังคโยชน์ ทั้ง10 ประการให้ขาดหมดสิ้น ถ้ามีนิวรณ์หรือ กิเลส แม้แต่นิดเดียว ก็ไม่สามารถเข้าสู่พระนิพพานได้ ครับ
     
  13. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ตกลงอย่างไงครับ

    อรูปพรหมว่างจากขันธ์ห้า
    แต่เหลือวิญญาณอยู่

    ผมว่ามันแปร่ง ๆ อยู่นะ ^-^
     
  14. ไตรลักษณ

    ไตรลักษณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +29
    อนุโมทนาครับในธรรมทานครับ เราคนไทยร่วมใจกัน พูด อ่าน เขียน ภาษาไทยให้ถูกต้องนะครับ
    "อสิตะดาบส อรูปพรหมผู้หน้าเวทนา" แก้เป็น "อสิตะดาบส อรูปพรหมผู้น่าเวทนา" <!-- google_ad_section_end -->
     
  15. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    อรูปพรหม ว่างจากขันธ์๕ ด้วยสมาธิข่มไว้ด้วยฌานระดับสูง จึงส่งผลบุญไปเสวยสุข
    ที่อรูปพรหมเป็นเวลานานแสนนาน และที่ว่าเหลือวิญญาณอยู่ เป็นเพราะว่า
    อรูปฌานจะมีอารมณ์การพิจารณาคล้ายๆการทำวิปัสสนาอยู่แล้ว แต่เป็นอารมณ์ฌาน
    ไม่ได้ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริง อรูปฌานจึงไม่ต้องการรูปนาม
    ด้วยการข่มไว้ในอรูปทั้งสี่ ไม่สามารถใช้หลักไตรลักษณ์ เพราะสมัยนั้นพระพุทธเจ้ายังไม่ตรัสรู้
     
  16. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นครับ

    ผมเห็นอย่างนี้ กำลังของฌานที่กดขันธ์อยู่ ผมมองว่าในอรูปพรหมก็ีมีวิญญาณอยู่ และกำลังฌานก็กดนามขันธ์ที่เหลือไว้ ให้ทำงานไม่ได้สะดวก จึงอยู่นานครับ ผมจึงเห็นว่าอรูปพรหมนั้น ยังมีขันธ์อยู่ ไม่ใช่สภาพที่ว่างจากขันธ์

    เห็นไม่เหมือนกันไม่เป็นไรครับ ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2010
  17. ending

    ending เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +114
    เคยอ่านมาว่า อรูปพรหม ชั้นสุทธาวาส เท่านั้นที่สามารถบำเพ็ญเพื่อไปนิพพาน โดยไม่ต้องลงมาเกิดอีก
     
  18. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    คุณก็เห็นถูกแล้วนิครับ เพียงแต่ว่า อรูปพรหม สามารถดับรูปและนามบางส่วนชั่วคราว
    จึงเหลือเพียง "วิญญาณ" ไปล่องลอยอยู่เฉยๆ
    และที่ว่า สภาพที่ว่างจากขันธ์ ก็ว่างชั่วคราว เช่นเดียวกับ การเข้าฌาน ๑ ก็ดับนิวรณ์๕ได้ชั่วคราว
    ทั้งหมดล้วนดับและวางและว่าง ชั่วคราวด้วยการกดไว้ด้วยกำลังฌานเท่านั้น
    ส่วนพระนิพพาน ว่างจากขันธ์๕ ด้วยปัญญารู้แจ้งแล้ว ไม่เหลือเชื้อให้ติดไฟแล้ว
     
  19. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    พรหมชั้นสุทธาวาส เป็นที่อยู่ของพระอนาคามี ไม่ใช่ อรูปพรหม

    อรูปพรหม ยังไม่ได้เป็นแม้พระอริยะเจ้าเบื้องต้นเลย
     
  20. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    โดยสภาวะแล้ว ไม่เหมือนกันนะครับ นิพพาน กับฌาน เพราะไม่ว่าจะรูปฌาน หรือแม้กระทั่งอรูปฌาน เมื่อเทียบกับพระนิพพานแล้ว

    ต่างกันเกินจะประเมิน ต่างกันเำกินกว่าจะให้สิ่งใดมาเทียบได้

    เจริญธรรมครับ

    เจริญธรรมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...