จุฬาฯโต้เป็นไปไม่ได้กรุงเทพฯจมบาดาล

จำหน้า จำชื่อกันไว้นะครับ ใครพูดอะไร อย่างไงไว้
หากมีอะไรเกิดขึ้น จะได้ตามตัวกันถูก
ขอบคุณสำหรับข่าวสารครับ

 

ผมคิดว่า ข้อมูลของนักวิชาการอื่นๆ ที่นำข้อมูลมาหักล้างกับ แนวคิดของ ดร.ก้องภพ มันเป็นข้่อมูล คนละแนวกัน เพราะ ดร.ก้องภพอ้างข้อมูล การเปลี่ยนถ่ายพลัึงงานของ ระบบสุริยะและกาแล็คชี ซึ่งรอบการเิกิดเป็นพันปี แต่ ข้อมูลที่มากล่าวหักล้าง ใช้ข้อมูล เวลาที่เก็บมาแค่ ไม่กี่สิบปี คล้ายๆ กับการเอาสภาพแวดล้อมในยุคหิน แล้วมาประเมินกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ประมาณนั้น

 

โดยส่วนตัวเราเชื่อในพลังของธรรมชาติมากกว่านักวิชาการ

อยากให้ลองฝึกวิปัสสนากรรมฐานดูว่าธรรมชาติไปถึงไหนกันแล้ว ตรงไหนดินจะยุบ ตรงไหนน้ำจะท่วมบ้าง
ใช้สมองซีกขวามากๆหน่อย อย่าปล่อยให้สมองซีกซ้ายโตอยู่ข้างเดียว



ขออภัยหากโพสต์นี้อาจไม่ถูกใจท่าน...อิอิ

 

เหมือนกำลังดูหนังเรื่อง The Day After Tomorrow เลยครับ อย่างงี้เลย... ตัวเอกในเรื่องก็โดนแบบนี้แหล่ะครับ... พยายามเตือนแล้วก็ไม่ยอมฟัง... หาว่าไร้สาระ โน้น.. กว่าจะฟังก็เมื่อมันเกิดเรื่องขึ้นมานั่นแหล่ะถึงจะเชื่อ... แล้วไง... แล้วก็ออกมายืดอกยอมรับผิดอย่างผู้กล้าหาญว่า.. "ผมคิดผิด"... เฮ่อ...ความกล้าหาญที่แลกมาด้วยชีวิตของคนเกือบครึ่งประเทศ... น่าภูมิใจจริงๆ... (ผมพูดถึงหนังนะครับ..หุหุ)

 

ถึงจะพูดว่าเป็นไปไม่ได้ก็ควรจะเตรียมการไว้บ้าง ระดับหนึ่ง เพราะโดยส่วนตัวผมเชื่อว่านักวิทยาศาสตร์นาซ่า คงไม่ออกมาพูดอะไรที่เชื่อไม่ได้ ก็ฝากคนกรุงเทพฯ เตรียมตัวไว้บ้างก็ดี เผื่อเกิดเหตุขึ้นมาจะได้รับมือได้ทัน ดีกว่าคิดว่าไม่เกิดแล้วไม่ได้เตรียมอะไรเลยครับ

 

ข่าวสารเรื่องภัยพิบัติ เป็นการตื่นตัวทางด้านสภาวะแวดล้อมและเวลา ที่เราจะต้องเร่งรีบ ขวนขวายรีบทำความดีให้ได้มากที่สุด เตือนใจได้ว่่า ณ เวลานี้จะมัวเด็ดดอกไม้ริมทางไม่ได้แล้วต้องรีบเดินทางปฏิบัติแล้ว ได้ฟังข่าวแล้วคิดได้แค่นี้ค่ััะ ไม่ได้คิดข้อโต้แย้งใดๆ

 

โบราณว่า จิ้งจกทัก ยังต้องยั้งกันบ้าง นี่คนระดับมีความน่าเชื่อถือ แล้วหลายวิชาชีพ เป็นที่ยอมรับ เขาทักมา ก็ต้องฟัง และควรคิดสร้างสรรค์หาแนวทางป้องกัน เอาแต่ปฏิเสธ คล้ายกับว่าขอดังด้วยคนแล้วก็ลำบาก เพราะสภาวะแวดล้อมทุกวันนี้ อะไรเกิดได้โดยอาศัยข้อมูลเก่าไม่ได้แล้ว ตาสว่างกันบ้างนะ คุณวิชาการสถาบันเก่าทั้งหลาย ไม่พูดก็ไม่ใบ้ แต่ถ้าพูดก็ควรจะเสนอมาตรการทางออกแนวป้องกัน ไม่ใช่แนวปฏิเสธตะพืด เอาใจนักการเมืองกันไปถึงไหน จะปิดกันไปทำไม เพราะเวลาเดือดร้อน ก็คนไทยทั้งหมด แล้วคนที่พูดหละลงมาคลุกปัญหาจริงหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ ทำไมไม่ลองมองประเทศเพื่อนบ้านเขาทำอะไรไปบ้างล่วงหน้าแล้ว ไม่ต้องอาศัยข้อมูลเชิงลึกมาหักล้างหรอก พวกเขา (ประเทศเขา) ก็ไม่ใช่โง่ ก็ต้องมีข้อมูลเชื่อถือได้ว่าจะเกิด เขาถึงหาแนวทางป้องกันไว้ เรียกว่าไม่ตั้งตนอยู่ในความประมาท เริ่มหาทางป้องกันไม่ดีกว่าที่จะมาทุ่มเถียงให้เสียเวลาทำไม นักการเมืองก็เลิกที่จะหากินกับบ้านเมืองหันมาแก้ไขปัญหาอนาคตระยะยาวดีกว่า เพราะเวลาเกิดปัญหาหาเสียงไปก็ไม่มีผลอะไรอีกแล้ว คนไทยต้องเปลี่ยนทัศนะใหม่ว่า ป้องกันดีกว่าแก้ไขเมื่อสาย เกมนี้ไม่ใช่กลุ่มของใครเล่นกับบ้านเมืองได้ คนทั้งโลกเขาเตรียมการไปไกล เรายังเหมือนกบอยู่ในหม้อต้มน้ำร้อน รอวันเดือดถึงจะรู้สึกหรือไง พี่น้องครับ

 

จุฬานี่ก็แปลกอยากออกข่าวกันจัง

เมืองไทยนี่ก็แปลกถ้ามีข่าวหนึ่งข่าวใดออกมาแล้วมักจะมีอีกฝ่ายหาโน้นหานี่มาขัดแย้งเสมอน่าเบื่อจริงๆจุฬานี่ก็หลายงานแหละออกมามีส่วนร่วมตลอดอยากออกข่าวกันจัง . . . ไม่ต้องไปขัดแย้ง NASA/USA เขาหรอกเขาเก่งกว่าตั้งมากมายเราแค่หัดเดิน . ..ไรกันนักหนาคนเราสมัยนี้อะไรจะเกิดก็ปล่อยมันไปอย่างมากก็แค่ตาย . .

 

เห็นด้วยอย่างแรงๆๆๆๆๆๆๆ ท่าน . . .นี่แหละบ้านเมืองเราล้าหลังสุดๆ . . มัวแต่ไปขูดต้นไม้หาเลข ไหว้วัวควายนั่นแหละ เมื่อไหร่จะตาสว่างกันสักที

 

จุฬาบอกอีกอย่าง สหประชาชาติบอกอีกอย่าง
อยากจะทราบว่ามี..big..เเอบไปซื้อที่ปลอดภัยกันแล้วไหม
เเล้วทิ้งให้ประชาชนตาดำๆตีความกันไปเอง ว่าจะเชื่อฝ่ายไหน

ไม่เเก้ไขเเต่เถียงว่าไม่มีๆไม่เป็นๆไม่ใช่ๆ
ปัญหาระยะยาวไม่แก้

 

ในความคิดเห็นส่วนตัวผมว่า การออกมาบอกข้อมูลของนักวิชาการ ทุกๆ ท่านก็ตามจะด้วยข้อมูลที่ทางเดียวกันหรือคนละทางก็ตาม ข้อดีคือทำให้เราทุกคนระวังตัวไว้ละดี มันจะเป็นจริงตามใครพูดก็ชั่งแต่เราเราระแวดระวังเอาไว้ไม่เสียหายครับ ถ้าเกิดขึ้นจริงถ้าคนที่ยังอยากต่อสู้ชีวิตต่อไปจะได้เอาตัวรอดได้ แต่ถ้าไม่เกิดขึ้นก็ไม่เป็นอะไร ไม่ได้เสียหายก็ไม่ต่างกับความเชื่อใดๆครับ ที่เชื่อไว้ก็ไม่เป็นไร ไม่เชื่อก็ไม่เสียหายให้เรารู้ เราดูข้อมูลอย่างเป็นประโยชน์ดีกว่านะครับ อนุโมทนาครับ

 

ย่านบางนาทรุดตัวเป็นแถว เคยมีอาคารทีกำลังก่อสร้างพังทลายมา 2 ครั้งแล้ว พื้นดินทรุดต่ำกว่าอาคารเดิมประมาณ 4-6 นิ้ว การค้านเพราะเนื่องมาจากธุรกิจท่องเที่ยว หรือการเมืองมากกว่า แต่ถ้ามีเหตุการเกิดมันเสียเกินกว่านักวิชาการที่ออกมาค้าน จะรับผิดชอบได้

 

เขาเตือนเราก็ควรหาทางป้องกันซะไม่เสียหายอะไรดีกว่าวัวหายแล้วล้อมคอกพอมันเกิดขึ้นจริงๆ ก็มัวแต่มาโทษกันเอง . . .

 

ระมัดระวังไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย เอาภาษีประชนชนมาเตรียมตัวเรื่องพวกนี้ ดีกว่าเอาไปทำอย่างอื่นไร้สาระตั้งเยอะ

 

พวกคุณก็คิดกันหน่อยสิครับ ที่เขาออกข่าวแบบนั้นเพื่ออะไร หากน้ำท่วมแล้วใครเสียผลประโยชน์ ก็พวกเสี่ยอสังหาริมทรัพย์ทั้งหลายนั่นหล่ะ

 

จุฬา มหาวิทยาลัยเทพ เห็นออกมาค้านหลายรอบละ แทนที่จะบอก ปชช. ว่าอย่าตื่นตระหนกแต่ให้เตรียมตัวไว้ เออ นี่เหรอ สถาบันการศึกษาอันดับต้นๆ

 

เพราะว่าประเด็นนี้หากยอมรับรัฐต้องเร่งการลงทุนด้วยเงินมหาศาล
และยังทำให้คนกลัว เหมือนที่คนใต้มากว้านซื้อที่ดินภาคอีสาน

อารมณ์เดียวกับการป้องกันซึนามิสมัยก่อน
พูดออกมาก็มีแต่เสีย
เสียภาพพจน์ด้วย คนทำธุรกิจท่องเที่ยวเกลียดด้วย

งานนี้เข้าอีหรอบเดิม คือ ตัวใครตัวมัน
เพราะไม่มีคนใหญ่ ๆ โต ๆ กล้าเร่ิมคิดโครงการฯ
กลังเงินจมมั้ง

 

เตือนกันเกือบทุกปีละครับ
ปีก่อนก็บอกดาวเรียงกัน 7 ดวงกลางท้องฟ้า
จะทำให้แม่เหล็กโลกกลับข้าง การสื่อสารผ่าน
ดาวเทียมขัดข้อง เพราะดาวเรียงตัวกันนี้

นอกจากนั้นยังจะเกิดแรงดึงดูดของดาวทั้ง 7
ทำให้น้ำในมหาสมุทรเข้ามาท่วมเมืองใหญ่ๆ ที่
ติดทะเล
ผมก็ติดตามข่าวเหล่านี้มาเกือบ 15 ปีแล้ว
ตอนนี้อายุปาเข้าไป 55 ปี
ก็ตามข่าวมาตลอดเพราะใจชอบ
แต่หลังๆ ความกลัวมันเริ่มลดลง หรือเริ่มชินก็ไม่ทราบ
แต่ก็ยังติดตามข่าวอยู่เรื่อยๆ คนที่เคยทำนายอะไรไว้
ก็เริ่มเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ ครับ
(ตามข่าวนี้มาตั้งแต่ก่อนปี 2000 ราว 5 ปีครับ)

 

จุฬา หรือ ใคร ที่มีการลงทุนอสังหา อยู่ที่ กรุงเทพ ก็ต้องปฏิเสธ อยู่แล้ว
แต่ในใจอาจจะเชื่อ และอาจจะเตรียมการย้ายหนีไปแล้วก็ได้