ตะลึงพระพุทธบาท..โผล่นอกโลง

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 28 ธันวาคม 2010.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    ตะลึงพระพุทธบาท โผล่นอกโลง

    [​IMG]




    วันนี้ ( 27 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ที่วัดกลาง หมู่ 4 ต.นครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระบาทพระพุทธเจ้าโผล่ยื่นออกจากนอกโลง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบภายในฝาผนังมณฑปของวัด มีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ ตอนพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน ที่กลางมณฑปมีพระแท่นยกสูง บนแท่นมีโลงลวดลายทองพื้นสีแดง ขนาดความกว้าง 70 ซม. ยาว 2 เมตร ส่วนตัวโลงศพมีความสูง 1 เมตร มีฐานชุกชีรองรับ ที่พิเศษคือตรงปลายโลงด้านทิศตะวันตก มีฝ่าพระบาทของพระพุทธเจ้ายื่นโผล่พ้นโลงทองออกมาทั้ง 2 พระบาท พระบาทแต่ละข้างกว้างประมาณ 20 ซม. ยาว 40 ซม. กลางพระบาทมีรูปตรากงจักร และลายก้นหอยสวยงาม ที่ปลายพระบาทมีพระกัสสัปปะยืนไหว้พระบาทอยู่

    พระครูโสภิตวิหารคุณ เจ้าอาวาส กล่าวว่า วัดกลางสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.2330 ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นวัดที่ตั้งอยู่ติดแม่น้ำป่าสัก โบราณสถานสำคัญคือมณฑปหรือวิหาร ซึ่งเชื่อว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่ออิฐถือปูน หลังคามุงกระเบื้อง ข้างในบนฐานสูงกลางมณฑปได้จำลองพิธีถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า แบบเป็นสามมิติเสมือนจริง และมีจิตรกรรมฝาผนังรอบฝาผนังทั้ง 4 ทิศ เป็นเรื่องราวของสาวกพระพุทธเจ้า ที่มาร่วมในถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้า

    สำหรับมณฑปดังกล่าวเป็นการแสดงประติมากรรมดังกล่าวเป็นการแสดงเหตุการณ์ในพุทธประวัติตอนหลังจากพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว ปรากฏอยู่ในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกายมหาวรรค ว่าเมื่อจะทำการถวายพระเพลิงพระบรมศพนั้นไฟไม่ยอมลุกไหม้ จนกระทั่งพระกัสสัปปะอันเป็นอัครสาวกองค์หนึ่งมาถึง จึงเข้ามาถวายบังคมพระบรมศพที่พระบาททั้งสอง จากนั้น ไฟก็ติดขึ้นเองไหม้พระสรีระของพระพุทธองค์จนหมด โดยมณฑปแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยงานช่างพื้นบ้านโดยมีอิทธิพลจากงานประเพณีนิยมที่ผสมผสานกับอิทธิพลจากตะวันตกด้วย โดยรูปแบบของซุ้มประตูแบบวงโค้ง เป็นแบบที่เริ่มนิยมในมัยรัชกาลที่ 3 แต่ปรากฏรูปแบบที่แพร่หลายมากขึ้นในช่วงรัชกาลที่ 4-5 เป็นอย่างช้า.


    --------
    เดลินิวส์ออนไลน์
    Daily News Online > หน้าภูมิภาค > ตะลึงพระพุทธบาท โผล่นอกโลง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pabat.jpg
      pabat.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23 KB
      เปิดดู:
      3,649
  2. คุณว่าน

    คุณว่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +63
    อ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจครับ
    หมายความว่าแต่เดิมนั้น เป็นโลงเรียบๆ ไม่มีพระพุทธบาทคู่นี้
    แล้วอยู่ๆ พระพุทธบาทคู่นี้ก็โผล่มางั้นเหรอครับ
     
  3. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    ผมเข้าใจว่าเป็นการแสดงงานศิลป์ นะครับ
    เป็นการแสดงประติมากรรมดังกล่าวเป็นการแสดงเหตุการณ์ในพุทธประวัติตอนหลังจากพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,966
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  5. คุณว่าน

    คุณว่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +63
    อ้อ..เหรอครับ ผมเห็นใช้คำว่า "ตะลึง" ก็เลยนึกว่าอยู่ๆก็โผล่ออกมา
     
  6. นักธรรมเอก

    นักธรรมเอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +761
    ผมเคยเห็นข่าวนี้มานานพอสมควรแล้วก็หลายครั้ง มีอีกที่หนึ่งจะมีลักษณะพระบาทจะอยู่ในท่านอนไสยาสน์ ตะลึงตรงไหน คิดว่าอยู่ดีๆมีรอยพระพุทธบาทโผล่ออกมาจากโลง แหมพาดหัวข่าวเยี่ยมจริงๆ
     
  7. ไข่นคร

    ไข่นคร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +281
    ที่จังหวัดอะไรไม่รู้จำไม่ได้ครับ
    ก็มีการจำลองพิธีถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า
    ซึ่งพระบาทของพระพุทธเจ้าก็โผล่ออกมาอย่างนี้แหละครับ
    มันไม่ใช้เรื่องแปลกหรอกครับ
    เพราะในพุทธประวัติก็เขียนไว้เรื่องการถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้าเกิดสิ่งอัศจรรย์หลายอย่างครับ หลังจากที่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานได้ 7 วัน
     
  8. Rasbora

    Rasbora เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    359
    ค่าพลัง:
    +779
    ที่วัดพระพุทธชินราช พิษณุโลก มีวิหารเก่าแก่เรียกว่า "วิหารพระเจ้าเข้านิพพาน" ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

    พระพุทธเจ้าเข้านิพพาน ประดิษฐานอยู่ในวิหารพระเจ้าเข้านิพพาน ตั้งอยู่ด้านหน้าของวิหารพระศรีศาสดา ซึ่งวิหารพระเจ้าเข้านิพพานเป็นวิหารทรงโรงสมัยอยุธยา ขนาดเล็กมี ๔ ห้อง มีขนาดกว้าง ๑ วา ๑ ศอก ยาว ๓ วา ๓ ศอก สูง ๔ วา หลังคามีชั้นเดียว มีปีกนกมุงด้วยกระเบื้องเกล็ดพระยานาค ด้านหน้ามีประตูเข้าออก ๒ ประตู ด้านข้างมีหน้าต่างด้านละ ๓ คู่ ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ๓ องค์ ตรงกลางวิหารทำเป็นหีบประดิษฐานพระบรมศพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่บนจิตกาธาน ที่ปลายหีบทางด้านใต้มีพระพุทธบาทคู่ยื่นออกมาจากพ้นหีบ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางพิเศษที่มีความแตกต่างจากปางอื่น เพราะเป็นพระพุทธรูปปางสำแดงพุทธปาฏิหาริย์ยื่นพระพุทธบาทออกมาให้พระมหากัสสปะเถระ ได้ถวายบังคมเป็นครั้งสุดท้าย รอบพระจิตกาธาน มีรูปพระพุทธสาวก ๕ รูปนั่งชันเข่าประนมมือมีท่าทางเศร้าโศกอาลัยอาวรณ์ในการเสด็จดับขันธปรินิพพานของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ได้รับการบูรณะใหม่แล้วเสร็จ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓


    ที่มา พระพุทธเจ้าเข้านิพพาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. preverse

    preverse Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +93
    นั่นซี่ครับ มันตลึงตรงไหน เห็นนานแล้วครับมีตั้งหลายที่ ไ่ม่เห็นแปลกเลย
     
  10. อัสนี

    อัสนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,401
    ค่าพลัง:
    +3,566
    NOOTA คงอยากดึงดูดความสนใจเพื่อที่จะได้มาชมมารู้พุทธประวัติเยอะๆน่ะ เลยใช้คำว่า
    ตะลึงพระพุทธบาท โผล่นอกโลง
    [​IMG]
    ขอบคุณNOOTA และเพื่อนสมาชิกที่ให้ความรู้เพิ่มเติมขึ้นเหมือนครูบาอาจารย์ได้กล่าวว่า
    "ในโลกนี้ยังมีสิ่งต่างๆมากมายที่เรายังไม่รู้ไม่เห็น ฉะนั้นปฏิบัติไปแล้วจะพบเจอเอง"
     
  11. apple_lin

    apple_lin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +704
    เคยเจอที่ วัดพระพุทธชินราช ที่จังหวัดพิษณุโลกด้วยค่ะ
     
  12. BOTU

    BOTU Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +32
    เห็นด้วย

    ก็รีบกดอ่านเป็นเรื่องแรกเหมือนกัน อาจจะเป็นกลยุทธ์ให้น่าสนใจ
     
  13. ตายแน่!

    ตายแน่! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +509
    ตั้งชื่อ เรื่องแบบนี้ได้อย่างไร !!!!??!!!
     
  14. ร้อนแรง

    ร้อนแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +716
    การที่บุคคลได้เอ่ยคำว่า**ตะลึง**ก็แสดงว่าบุคคลๆนั้นไม่เคยได้ยิน-ไม่เคยได้เห็น-ไม่เคยได้รับฟัง**มาก่อน**จนลืมคิดไปว่า**อาจจะมีคนบางคน-เคยได้ยิน*เคยได้เห็น-เคยได้ฟังมาก่อน-กรุณาอย่าไปต่อกันเลยนะครับ **และมันก็ตรงกับคำว่า**อำนาจของคุณพระพุทธ อำนาจของคุณพระธรรม อำนาจของคุณพระอริยะสงฆ์นั้นหาประมาณมิได้ --ผมขอขอบคุณๆ -หนูตา-ที่ได้นำเอาภาพนี้มาให้ชาวไทยได้ดู เป็นของขวัญในวันปีใหม่นะครับ
     
  15. ABP@BDZ

    ABP@BDZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +228
    สงสัยว่าคนตั้งชื่อหัวเรื่อง คงตั้งให้มันดึงดูดความสนใจ ทำนองว่า "ดักควาย" ซะมากกว่า ไม่งั้นคงไม่มีใครเข้ามาอ่าน ผมก็โดนดักด้วยเนี่ย

    แต่ว่า มันจงใจดักควายตั้งแต่คนที่แจ้งแล้วครับ ทีมงานเดลินิวส์โดนดักแล้ว ก็ตั้งชื่อหัวเรื่องดักควายคนอ่านต่อ

    แต่ก็ดีครับ ประชาสัมพันธ์ให้วัดเขาหน่อย ไม่งั้นคงไม่มีใครรู้จัก
     
  16. sylvenus

    sylvenus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2010
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +3,283
    ตามประสาของนักประชาสัมพันธ์ตามแม่นะครับ
     
  17. camrymax

    camrymax นายองครักษ์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +1,257
    คือ.. เป็น การสร้างจำรองการพระราชเพลิงพระพุทธองค์... แล้ว ร่างกายของพระพุทธองค์ไม่ไหม้ นะครับ..

    เลยมีพระดัสปะมาไหวอยู่นะข้างพระบาท เพลิงเลยบอม ไหม่ร่างกายของพระพุทธองค์...

    ^ ^
     
  18. maicopy

    maicopy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +31
    พอตะลึง ก็นึกไปว่าเกิดขึ้นมาเอง
     
  19. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,094
    การถวายพระเพลิงพระบรมสรีรังคารแต่เพลิงไม่ติด
    ครั้นเรียบร้อยแล้ว ก็อัญเชิญหีบทองนั้นขึ้นประดิษฐานบนจิตรกาธาร ทำสักการะบูชา แล้ว กษัตริย์มัลลราชทั้ง ๘ องค์ ผู้เป็นประธานกษัตริย์ทั้งปวง ก็นำเอาเพลิงเข้าจุด เพื่อถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระศพพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เพลิงก็ไม่ติดตามประสงค์ แม้จะพยายามจุดเท่าใดก็ไม่บรรลุผล มัลลกษัตริย์มีความสงสัย จึงได้เรียนถามพระอนุรุทธเถระเจ้าว่า

    "ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธะ ด้วยเหตุอันใด เพลิงจึงไม่ติดโพลงขึ้น"
    "เหตุด้วยเทวดาทั้งหลาย ยังไม่พอใจให้ถวายพระเพลิงก่อน"
    "เทวดาต้องการให้คอยท่าพระมหากัสสปเถระ หากพระมหากัสสปเถระยังมาไม่ถึง
    ตราบใด ไฟจะไม่ติดตราบนั้น" พระอนุรุทธะเถระกล่าว
    "ก็พระมหากัสสปเถระเจ้า ขณะนี้อยู่ที่ไหนเล่า ท่านผู้เจริญ"
    "ดูกรมหาบพิตร ขณะนี้ พระมหากัสสปะเถระ กำลังเดินทางมา ใกล้จะถึงอยู่แล้ว" พระเถระกล่าว
    กษัตริย์มัลลราชทั้งหลาย ก็อนุวัตรตามความประสงค์ของเทวดา พักคอยท่าพระมหากัสสปเถระเจ้าอยู่

    พระมหากัสสปเถระเจ้าทราบข่าวการปรินิพพาน
    เวลานั้น พระมหากัสสปเถระเจ้า พาพระภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป เดินทางจากเมืองปาวา ไปเมืองกุสินารา เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่ขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงวัน แสงแดดกล้า พระเถระเจ้าจึงพาพระภิกษุสงฆ์เข้าหยุดพักร่มไม้ริมทาง ด้วยดำริว่าต่อเพลาตะวันเย็น จึงจะเดินทางต่อไป
    ครั้นพระเถระเจ้าพักพอหายเหนื่อย ก็เห็นอาชีวกผู้หนึ่ง เดินถือ ดอกมณฑา เทินศีรษะมาตามทาง ก็นึกฉงนใจ ด้วยดอกมณฑานี้ หามีในมนุษย์โลกไม่ เป็นของทิพย์ในสุราลัยเทวโลก จะตกลงมาเฉพาะในเวลาสำคัญ ๆ คือ เวลาพระบรมโพธิสัตว์เสด็จลงสู่พระครรภ์ เวลาประสูติ เวลาเสด็จออกสู่มหาภิเนกษกรม เวลาพระสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ เวลาแสดงธรรมจักร เวลาทรงทำยมกปาฏิหาริย์ เวลาเสด็จลงจากเทวโลก เวลาปลงอายุสังขาร และเวลาพระสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน เท่านั้น ไฉนกาลบัดนี้ จึงเกิดมีดอกมณฑาอีกเล่า ทำให้ปริวิตกถึงพระบรมศาสดา หรือพระบรมศาสดาจักเสด็จปรินิพพานแล้ว นึกสงสัย จึงได้ลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้อาชีวกผู้นั้น แล้วถามว่า
    "ดูกรอาชีวก ท่านมาแต่ที่ใด"
    "เมืองกุสินารา พระผู้เป็นเจ้า"
    "ท่านยังได้ทราบข่าวคราวพระบรมครูของเราบ้างหรือ อาชีวก" พระเถระเจ้าถามสืบไป
    "พระสมณโคดม ครูของท่านนิพพานเสียแล้วได้ ๗ วัน ถึงวันนี้"
    "ดอกมณฑานี้ เราก็ได้มาแต่เมืองกุสินารา เนื่องในการนิพพานของพระมหาสมณะโคดมพระองค์นั้น"
    อาชีวกกล่าว

    (ยังมีต่อครับ เรื่องพระพุทธบาทคู่)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2011
  20. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,094
    พระมหากัสปพร้อมพระภิกษุเข้ากราบพระยุคลบาท
    ขณะนั้น พระบรมบาททั้งคู่ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้แสดงอาการประหนึ่งว่า พระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ได้ทำลายคู่ผ้าทุกุลพัสตร์ที่ห่อหุ้มอยู่ทั้ง ๕๐๐ ชั้น กับทั้งพระหีบทองออกมาปรากฎในภายนอก ในลำดับแห่งคำอธิษฐานของพระมหากัสสปะเถระเจ้า ดุจดวงอาทิตย์ที่แลบออกจากกลีบเมฆ ฉะนั้น พุทธบริษัททั้งปวงเห็นเป็นอัศจรรรย์พร้อมกัน
    ทันใดนั้น พระมหากัสสปะเถระ ก็ยกมือขึ้นประคองรองรับพระยุคลบาทของพระบรมศาสดาขึ้นชูเชิดเทิดทูลไว้บนศีรษะ แล้วก็กราบทูลว่า
    "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์มิได้อยู่ปฏิบัติพระองค์ ไปอยู่เสียในเสนาสนะป่า
    อรัญญิกาวาส แม้พระองค์จะทรงพระกรุณาประทานโอกาสว่า "กัสสปะ ชราแล้ว
    ทรงบังสุกุลจีวรเนื้อหนาพานจะหนัก จะทรงคหบดีจีวรอันทายกถวายบ้าง ก็ตามอัธยาศัย
    จงอยู่ในสำนักตถาคต แม้จะทรงพระมหากรุณาถึงเพียงนี้ กัสสปะก็มิได้อนุวัตรตามพระมหากรุณา
    ได้ประมาทพลาดพลั้งถึงดังนี้ ขอภควันตะมุนีได้ทรงพระกรุณาโปรดอดโทษานุโทษแก่ข้าพระองค์
    อันมีนามว่า กัสสปะ ณ กาลบัดนี้"

    ครั้นพระมหากัสสปะ กับพระสงฆ์บริวาร ๕๐๐ และมหาชนทั้งหลายกราบนมัสการ พระบรมยุคลบาทโดยควรแล้ว พระบาททั้งสองก็ถอยถดหดหายจากหัตถ์พระมหากัสสปะ นิวัฒนาการคืนเข้าพระหีบทองดังเก่า ทุกสิ่งทุกอย่างได้ตั้งอยู่เป็นปกติ มิได้ขยับเขยื่อนเคลื่อนไหวจากที่แต่ประการใด เป็นมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่อีกวาระหนึ่ง ขณะนั้น เสียงโศกาปริเทวนาการของมวลเทพดาและมนุษย์ ซึ่งได้หยุดสร่างสะอื้นแล้วแต่ต้นวัน ก็ได้พลันดังสนั่นขึ้นอีก เสมอด้วยวันเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
    ขณะนั้น เตโชธาตุ ก็บันดาลติดพระจิตรกาธารขึ้นเองด้วยอานุภาพเทพยดา เพลิงได้ลุกพวยพุ่งโชตนาการเผาพระพุทธสรีระศพ พร้อมคู่ผ้า ๕๐๐ ชั้น กับหีบทองและจิตรกาธารหมดสิ้น ยังมีสิ่งซึ่งเพลิงมิได้เผาให้ย่อยยับไป ด้วยอานุภาพพระพุทธอธิษฐาน ดังนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...