เด็กที่ได้รับการฝึกฝนแล้วเท่านั้น เป็นเด็กที่ประเสริฐที่สุด

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 18 มกราคม 2011.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    เด็กที่ได้รับการฝึกฝนแล้วเท่านั้น เป็นเด็กที่ประเสริฐที่สุด


    [​IMG]


    วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7355 ข่าวสดรายวัน


    เด็กที่ได้รับการฝึกฝนแล้วเท่านั้น เป็นเด็กที่ประเสริฐที่สุด

    รักลูกให้ถูกทาง

    หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ



    ท่านพ่อแม่ที่นับถือทั้งหลาย...

    สัตว์เดรัจฉานมีหลายชนิดที่เป็นอาชาไนย คือสามารถฝึกให้ทำอะไรก็ได้ เราคงเคยเห็นลิง...เขาเอามาหัดให้แสดงละคร มันก็ทำได้ตามที่ฝึกสอนให้ทำ ทำได้อย่างเรียบร้อยเป็นที่พออกพอใจของผู้ดูเสียอีกด้วย

    สุนัขในหนังฝรั่งทำอะไรได้หลายอย่างจนคนดูร้องออกมาว่า แหม! มันรู้ไปทุกอย่างดีกว่าบางคนเสียอีก

    นกขุนทองเราจับมาขังไว้ในกรงหัดให้มันพูดภาษาคนก็ยังพูดได้

    ใครได้เห็นการกระทำของสัตว์ดังกล่าวมานี้แล้ว คงนึกสงสัยว่าเขาหัดกันอย่างไร เขาใช้แส้ตีมันหรือ? มันจึงทำอะไรได้ทุกอย่างที่เขาต้องการให้ทำ หรือว่าเขาสอนมันโดยวิธีอื่น...

    ขอบอกท่านทั้งหลายทราบเสียหน่อยว่า เขาหาได้เฆี่ยนตี ขู่เข็ญหรือทรมานทำให้มันกลัวแต่อย่างใดไม่ หากแต่ว่าเขามีวิธีล่อให้สัตว์นั้นๆ ทำอะไรทุกอย่างโดยให้สิ่งที่มันต้องการ

    อันธรรมดาของสัตว์ทั้งหลาย รวมทั้งคนด้วย

    มีปกติติดหรือชอบในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสมอ

    ถ้าชอบติดในสิ่งใดแล้วขอให้ได้สิ่งนั้นมาเถิด

    จะให้ฉันทำอะไร...เป็นยอมทั้งนั้น

    ชายหนุ่มที่ชอบหญิงสาว หรือว่าหญิงสาวที่ติดชายหนุ่มมีความรักใจจดใจจ่อแล้ว จะให้เธอทำอะไรก็ทำได้ แม้สิ่งนั้นจะลำบากหรือยากที่สุดเขาก็ยอมทำ ทำเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการนั่นเอง ลิงที่ทำท่าทำทางได้ต่างๆ นั้น เจ้าของเขาให้มันกินอาหารเจือยาฝิ่นอันเป็นสิ่งเสพติด เขาให้ภายหลังที่บอกให้มันทำท่าทางต่างๆ ตามที่เขาต้องการแล้ว พอทำจนจบก็ให้กินทันที เจ้าลิงติดใจในรสของอาหาร เมื่อเขาต้องการให้แสดงก็เอาอาหารมาล่อ พอเห็นของชอบใจก็แสดงท่าทางตามที่เจ้าของบอกทันที

    สุนัขแสดงท่าทางได้ต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน เขาล่อด้วยอาหารทั้งนั้น ที่วัดมีสุนัขน้อยอยู่ตัวหนึ่ง พอข้าพเจ้าไปโรงฉัน...มันก็ตามไป เพื่อกินอาหาร ข้าพเจ้าหัดให้มันหมอบอยู่ก่อนจนกว่าจะฉันเสร็จ พอเสร็จแล้วก็ให้อาหารแก่มัน วันต่อมามันมาถึงก็นอนหมอบใกล้ๆ เท้าทุกวัน แล้วต่อมาใคร่จะให้มันนั่งให้ดูบ้าง พอจะให้กินก็บอกให้นั่ง จับตัวมันนั่งขึ้นและบอก ว่านั่งๆ หลายครั้ง พอมันนั่งได้แม้นิดหน่อยแล้วก็ให้อาหารทันที ต่อมาหลายวันเข้าพอมันจะกินอาหารมันก็นั่งให้ดู พร้อมกับยกเท้าทั้งสองเหมือนจะไหว้อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวนี้มันทำได้คล่องแคล่วแล้ว อาหารเป็นเครื่องล่ออย่างสำคัญ เพราะเมื่อมันชอบใจอยากได้สิ่งใด มันก็ต้องกระทำเพื่อให้ได้สมอยาก

    สัตว์เดรัจฉานพูดกันไม่ค่อยรู้ภาษา

    ก็ยังฝึกฝนให้ทำอะไรได้ต่างๆ

    คนที่เราพูดกันรู้เรื่อง...ทำไมจะทำการฝึกกันไม่ได้เล่า!

    ตัวอย่างจากการฝึกฝนสัตว์พอจะเป็นแนวคิดแก่คนเราได้บ้าง คือผู้ฝึกกับผู้ถูกฝึกต้องมีใจรักกันก่อน อันพ่อแม่นั้นย่อมมีใจรักเด็กอยู่แล้วเป็นธรรมดา แต่เพราะความรักนี่เองบางครั้งทำให้เกิดความเสียหาย คือรักมากไปทำให้ใจร้อนขี้โมโห พอเด็กทำอะไรไม่ถูกใจก็บันดาลโทสะด่าว่าทุบตีเอาทันที อย่างนี้เป็นวิธีการที่ไม่สมควร ผู้ฝึกต้องฝึกตนให้เป็นคนมีใจเย็น เป็นบุคคลมีเหตุผล เป็นคนใช้ปัญญาให้มากสักหน่อย ในเมื่อเด็กทำอะไรไม่ถูกใจตัวหรือตามความต้องการของตัว ก็อย่าได้ลงโทษก่อน แต่ต้องคิดว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ มีอะไรผิดปกติขึ้นหรือ? จึงมิได้กระทำอย่างที่บอกให้ทำ เช่น มีแขกมาหาที่บ้าน เด็กน้อยก็อยู่ในห้องนั้นด้วย แม่ก็บอกให้ลูกไหว้คนนั้น หรือมีคำสั่งเป็นเชิงบังคับว่า ทำไมหนูไม่ไหว้คุณลุงเล่า เด็กก็ยืนหรือนั่งเฉยโดยมิได้ทำตามคำของคุณแม่ บางทีแสดงอาการอายเหนียม บางทีเอามือปิดป้องหน้าของตน อาการเช่นนี้ส่อให้เห็นว่าเจ้าหนูเป็นคนขี้อาย หรือเพราะไม่คุ้นกับคนๆ นั้น ไม่ชอบหน้าตาท่าทางของคนๆ นั้นจึงได้ทำเฉยๆ ถ้าหากมารดาดุเขาหรือค่อนแคะเขาต่อหน้าแขกด้วยแล้ว เขายิ่งอายใหญ่ เขาก็จะกลายเป็นคนกระด้างกระเดื่องไป

    มารดาบิดาผู้ฉลาดในเหตุผล และได้เรียนรู้ธรรมชาติของเด็กพอสมควรแล้ว พึงพิจารณาให้รอบคอบก่อน อย่าเพิ่งไปตีโพยตีพายว่าลูกดื้อเป็นอันขาด เหตุมันมีอยู่ในใจของเขาจึงไม่ได้ไหว้ เช่น เขาเป็นคนไม่เข้าใจในเหตุผลว่าทำไมถึงต้องไหว้กันเล่า คนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตน ตนจึงต้องไหว้ เขาเกิดความลังเลใจจึงไม่ไหว้ บางทีเขาอายในการกระทำเช่นนั้นเลยไม่ทำ หรือบางทีหากเขามีอารมณ์บางอย่างเกิดขึ้นในใจผู้ใหญ่ไม่รู้เท่าทัน เลยพาลหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้ อย่าลืมว่าเด็กก็มีเรื่องชอบๆ ชังๆ อย่างผู้ใหญ่เหมือนกัน ต้องดูเขาด้วยสายตาอันมีปัญญาสักหน่อย อย่าเพียงแต่นึกเดาเอาเป็นอันขาด มันจะเป็นการให้โทษแก่เด็กในภายหลัง

    หรือหากว่าบางทีก็ไม่ใช่เรื่องของเด็ก แต่กลายเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่ไม่แสดงตัวอย่างที่ดีที่ควรให้เด็กเห็น หากแต่กลับบังคับเด็กให้ทำอีกอย่างหนึ่ง มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน เข้าแบบที่ว่า "จงเอาอย่างฉันนะ แต่อย่าทำเยี่ยงฉัน"

    พระผู้มีพระภาคตรัสเอาไว้ว่า "จะสอนผู้อื่นด้วยเรื่องใด พึงทำเรื่องนั้นให้ได้เสียก่อน การสอนของเราจักไม่ยุ่งเหยิง" เป็นคติที่น่าคิดน่าทำตามมากทีเดียว แล้วยิ่งเกี่ยวกับเด็กด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะธรรมชาติของเด็กดังที่เคยกล่าวมาแล้วหลายครั้งว่าชอบเลียนแบบผู้ที่อยู่ใกล้ เมื่อตัวอย่างไม่มีให้เขาเห็นแล้ว จะลงโทษเขาก็เป็นการไม่ยุติธรรมมากไป พ่อแม่จึงต้องเป็นตัวอย่างด้วยสอนเขาให้กระทำด้วยการสอน ก็ต้องสอนให้เขาพอใจในอันที่จะทำ มิใช่บังคับเคี่ยวเข็ญให้เขากระทำ เพราะใครๆ แม้แต่ตัวของพ่อแม่เองนั้นก็ไม่ชอบการบังคับ แต่ชอบทำด้วยความสมัครใจกันทั้งนั้น จึงควรถือหลักไว้อย่างหนึ่งให้มั่นว่า "จงละเว้นสิ่งที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด จงหมั่นให้สิ่งที่พึงพอใจแก่เขา"

    เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ว่าท่านจะอบรมเด็กในเรื่องใดๆ จงพยายามทำให้เขาพอใจและสมัครใจในอันที่จะทำตามเถิด พอพูดมาถึงตอนนี้ขอให้นึกถึงนิทานเรื่องโคนันทวิศาลไว้บ้าง เจ้าของแพ้พนันครั้งแรกเพราะการพูดแกมบังคับ พูดคำไม่เพราะหู...เลยแพ้พนันเขา ครั้งที่สองพูดคำอ่อนหวาน มิใช่บังคับขู่เข็ญกัน พ่อโคนันทวิศาลก็ลากเกวียนร้อยเล่มไปได้ นี่เป็นนิยายสอนใจเป็นอย่างดี ขอให้ถือหลักอีกสักอย่างสำหรับการอบรมเด็ก "ขอร้องให้กระทำ ดีกว่าบังคับให้เขากระทำ" เพราะปกติของคนเรานั้นถ้าหากฮึดขึ้นมาเสียแล้ว อย่าไปบังคับให้ป่วยการเลย หัวใจของการฝึกคนอยู่ที่ตรงนี้

    (อ่านต่อฉบับหน้า)

    ��硷������Ѻ��ý֡���������ҹ��� ������硷��������԰����ش : ����ʴ�͹�Ź�==

    เด็กที่ได้รับการฝึกฝนแล้วเท่านั้น เป็นเด็กที่ประเสริฐที่สุด

    รักลูกให้ถูกทาง

    หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ



    (ต่อจากฉบับที่แล้ว)

    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงได้พระนามว่า เป็นสารถีผู้ฝึกคนได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีใครเทียมเท่านั้น พระองค์ทรงใช้วิธีฝึกอย่างไรเล่า? ถ้าพิจารณาดูก็เห็นได้ว่า ทรงฝึกด้วยความเมตตาอ่อนโยน แม้ผู้มาหาพระองค์มาด้วยใจอันร้อนรน ก็หาทรงตอบด้วยความร้อน เพราะการที่เอาคนร้อนไปนั่งข้างเตาผิงนั้น...ร้อนจะระงับลงได้อย่างไรกัน ทางที่เหมาะที่ควรจะต้องนำเขาไปใกล้พัดลม หรือในห้องเย็นจึงจะถูกต้อง ทุกครั้งที่เขาร้อนมาก็ทรงตอบเขาด้วยความเย็นใจ หรือว่าคล้อยตามเขาไปก่อน พอให้เขาหายร้อนแล้วจึงตีกลับด้วยเหตุผล เขาคนนั้นก็ต้องหมอบราบแทบเท้าพระองค์ นี่ก็เป็นตัวอย่างอีกทางหนึ่งในการฝึกฝน

    ในการฝึกฝนเกี่ยวด้วยกิริยามารยาทนั้น ต้องคำนึงถึงหลักธรรมที่ตรัสสอนไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากเหตุ ไม่มีเหตุ...ผลจะปรากฏไม่ได้เป็น อันขาด จงใช้หลักนี้พิจารณาถึงการกระทำของเด็กไว้เสมอแล้วหาทางแก้ที่เหตุเกิด ในการแก้ก็เหมือนกันถ้าเด็กยังมีอารมณ์เสียต้องหยุดไว้ก่อน น้ำกำลังไหลเชี่ยว...การเอาเรือเข้าไปขวาง เรือก็คงล่มเสียเปล่าๆ ไว้พูดกันเวลาสบายใจ เมื่อใจเขาสบายแล้วดีกว่าเพราะคนที่ใจไม่สบายนั้นย่อมไม่มีเหตุผล เขาฟังอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ซ้ำร้ายอาจเกิดโมโหขึ้นมา อีกก็ได้ จึงเป็นเรื่องที่ควรระวัง

    คนโบราณท่านสอนว่า "อย่าใช้โมโหข่มมวย" ในการชกมวยนั้นถ้าชกด้วยโทสะ ใช้ความโกรธเป็นกำลัง มักเสียเปรียบผู้มีใจเย็นเสมอ ในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับเด็กๆ ก็เหมือนกัน อย่าใช้โทสะเป็น อันขาด จะต้องทำอย่างใจเย็น เพราะความเย็นเท่านั้นจะชนะความร้อนได้ ผู้ใหญ่บางคนเป็นประเภทปากเปียกปากแฉะ พอมีเรื่องอะไรที่เด็กทำผิดกิริยาผิดมารยาทไปแล้ว ก็มักจะบ่นจู้จี้อยู่นั่นแหละ นึกว่าการกระทำของตน จะเป็นการช่วยเด็กให้จำได้และไม่ทำต่อไป นี่เป็นความเข้าใจผิดประการสำคัญ...มันเป็นเรื่องก่อความเจ็บช้ำน้ำใจแก่เด็ก เด็กก็เลยดันไปใหญ่ ขออย่าได้กระทำในรูปนี้เป็นอันขาด จงพูดให้เขาเข้าใจเหตุผลด้วยความมีใจเย็นสักครั้งก็พอแล้ว ถ้ายังละไม่ได้ก็ต้องพร่ำสอนกันด้วยอารมณ์เย็นๆ ในคราวต่อไป

    ทุกครั้งที่สอน...ต้องให้ผู้รับคำสอนรู้สึกว่า

    ตนได้รับคำสอนจากปากของคนที่รักและหวังดีต่อตน

    อย่าก่อให้เขาเกิดความรู้สึกขึ้นว่า

    ผู้นี้เกลียดเรา เขาจึงพูดกับเราอย่างนี้

    ผลที่สุดแล้ว...ก็เลยเข้ากันไม่ได้

    กลายเป็นคนไม่มีความหวังดีต่อกันเสียเลย

    อีกอย่างหนึ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือการใช้ไม้เรียว ทุกครั้งที่เด็กทำผิด แม่บ้านบางคนพอเด็กเดินดังๆ ก็เรียกไปเคาะตาตุ่มเสียหลายที อย่างนี้เป็นการกระทำที่ทารุณเกินไปหน่อย ขออย่าได้ใช้นักเลย ใช้วิธีทำให้เขารู้สึกผิด และกลับตนเองดีกว่า เพราะการแสดงความโกรธทุกครั้งต่อการกระทำของเด็ก คือการหัดเด็กให้โกรธนั่นเอง การหัดเด็กให้โกรธมันจะดีอย่างไร? ขอให้ท่านใช้ปัญญาไตร่ตรองดูด้วยความเป็นธรรมเถิด เมื่อพิจารณาแล้วก็จะเห็นว่าผลร้ายมีมากกว่าผลดี จึงควรหลีกเลี่ยงจากการกระทำดังกล่าวมา

    จงจำคำคมของคนบางคนที่กล่าวไว้ว่า..."ชมให้เขาทำงาน ดีกว่าใช้ให้เขาทำงาน" คนทุกคนย่อมมีการกระทำที่พอให้เขาชมได้เสมอ ถ้าเรามีความสนใจ จะชมเชยเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เขาได้ทำตามที่เราได้กล่าวเตือนเขาแล้ว คำชมเชยเพียงสองสามคำ ที่เหมาะแก่เวลานั้นมีค่ามากมายเหลือเกิน

    ในการปกครองลูกหรือปกครองคนมากๆ นั้น ความเฉียบขาดเป็นสิ่งจำเป็นบ้างเหมือนกัน แต่ความเฉียบขาดนั้นจะให้ผลก็ต่อเมื่อผู้นั้นเป็นคนทำจริง ตามที่ตนพูด ไม่พูดมากแต่พูดมีเหตุผลและเด็ดขาดเมื่อพูดแล้วก็ทำตามที่พูดไว้เสมอ งดเว้นจากการพูดแบบจู้จี้ แต่ว่าพูดแบบเด็ดขาด และปราศจากการดุดัน เป็นคำพูดที่ทำให้คนเคารพยำเกรงได้มาก

    สมมติว่าเด็กของท่านนั่งรับประทานอาหาร ด้วยกัน เขาได้ทำผิดมารยาทในการรับประทาน ซึ่งท่านก็ได้สั่งสอนตักเตือนแล้ว เขาได้ทราบแล้วว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นการไม่เหมาะไม่ควร แต่ว่า ยังเผลอทำอีกก็ควรดุบ้างนิดหน่อยด้วยท่าทางที่ เอาจริง และคาดโทษว่า ถ้าขืนเขายังรับประทาน แบบนั้นอีกจะไม่ให้มานั่งร่วมวง ต้องให้เขาทาน คนเดียว หรือว่าจะให้ทานหลังคนอื่นๆ เสียบ้าง อย่างนี้นี่ไม่เป็นการลงโทษที่รุนแรงอะไรเกินไปดอก

    ถ้าเขาเล่นหัวกับเด็กคนอื่นแต่แสดงอาการเป็นหัวโจก แสดงอาการเอารัดเอาเปรียบคนอื่น แสดงตนแบบนักกีฬาที่ไม่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ก็ต้องคาดโทษไว้บ้าง โดยจะกักกันมิให้ไปเล่นกับเพื่อนฝูงก็สมควร หรือกักกันมิให้ร่วมวงกีฬากับคนอื่นเสียบ้าง ก็เป็นทางป้องกันมิให้เขาเป็นคนมุทะลุเกินขอบเขต

    ถ้าท่านพาเด็กของท่านไปเที่ยวเตร่ที่ใด หรือไปบ้านใครๆ ก็ควรจะแนะนำให้เขาทราบว่าเขาพึงปฏิบัติตนอย่างไรบ้าง เพื่อให้เขาเข้าใจให้แจ่มแจ้ง ถ้าหากเขามิได้ทำตามที่สอนไว้ ก็บอกงดไม่พาไปเที่ยวต่อไป เพราะการไปกับคนที่ไม่รู้ระเบียบของการสมาคมนั้นน่าขายหน้า เด็กก็จะได้ทราบว่าเป็น ความผิดของตน จักได้สำรวมระวังต่อไป

    เกี่ยวกับเรื่องนี้มารดาบิดาต้องเป็นผู้เอาใจใส่ดูแลอยู่เสมอ เมื่อท่านเห็นว่าเด็กของท่านทำอะไรผิดมารยาทอันคนดีจะต้องทำ ท่านต้องหาโอกาสชี้แจงบอกให้เขาเข้าใจเรื่องและแก้ไขให้ถูกต้องเสมอไป

    ในเรื่องเกี่ยวกับกิริยามารยาทของเด็กนั้น ถ้าหากมารดาบิดามิได้เอาใจใส่แก้ไขจริงๆ แล้ว นิสัยที่ไม่ดีนั้นก็จะติดใจของเด็กต่อไป อันจะทำให้อนาคตของสกุลของท่านเศร้าหมองและมืดมัวในกาลต่อไป ข้างหน้า

    ความรับผิดชอบในเรื่องนี้...

    จึงขึ้นอยู่กับการเอาใจใส่ของพ่อแม่โดยแท้

    จึงใคร่ขอเตือนท่านพ่อแม่ทั้งหลาย

    ได้โปรดเอาใจใส่ให้มากให้บ่อยเป็นพิเศษ สักหน่อยเถิด


    http://www.khaosod.co.th/view_news....ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1TMHdNUzB4T1E9PQ==
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2011
  2. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,353
    อนุโมทนาครับ

    เขาถึงพูดว่า เด็กคือผ้าขาว จะใส่สีอะรัยลงไปก็ได้

    ผู้เป็นพ่อแม่ ผู้ปกครองเด็ก ถ้าเลียงเด็กอย่างเข้าใจ มีเมตตา อย่างถูกต้อง

    เขาก็เป็นเด็กดีได้

    คิดดี ทำดี พูดดี และมีเมตตา ปฏิบัติเป็นตัวอย่างให้เด็กได้เห็นเช่นนี้ ทุกอย่างก็ดีทั้งนั้นแล
     
  3. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    อนุโมทนา...ยิ่งค่ะ

    [​IMG]
     
  4. OmGaneshPornJuntra

    OmGaneshPornJuntra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +51
    มีครูอยู่ท่านหนึ่ง ท่านมักจะสอนเด็กๆว่า "ทำดีทั้งหมด ละเว้นชั่วทั้งหมด คิดแต่นี้ง่ายๆอย่าไปคิดอะไรมาก" ถ้าเด็กไทยทุกคนปฎิบัติตามคำสอนนี้ชีวิตก็จะพบแต่ความเจริญและสิ่งประเสริฐตลอดไป สาธุ^/\^
     
  5. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    [​IMG] ลูกใครน๊ะ...น่ารักน่าชังจังเลย
     
  6. ไผ่อ่อน

    ไผ่อ่อน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    โรงเรียนผมสมัยมัธยมก็มีคำขวัญประจำโรงเรียนว่า "ประพฤติตนดี มีความสุข"
     

แชร์หน้านี้

Loading...