NEW ! NEW AGE PLUS+ พลังงานใหม่ พลังงานอิสระ.. GRAND NATURE ..

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Little Duck, 25 กุมภาพันธ์ 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** สัจจะ คือ ผู้นำ ****

    สูงสุด ก็อยู่ที่สัจจะ
    สัจจะ สร้างคนให้จิตใจเข้มแข็ง
    สัจจะ เป็นเรื่องโลกุตตระธรรม
    สัจจะ ไม่ใช่ลัทธิตามข่าวลือที่สร้างขึ้นเพื่อปิดกั้นโลกุตตระธรรม

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  2. phonsiri

    phonsiri Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +70
    เรียน คุณLITTLE DUCK รบกวนแปลรหัสด้วยค่ะ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ก.พ.2554 เช้าขึ้นเป็นวันจันทร์ พี่สาวของดิฉันฝันเห็นดิฉันอยู่ในถังเกรอะ(ถังที่เก็บอึอ) จมถึงศรีษะ แล้วตะโกนบอกพี่สาวว่าเราอยู่นี่ แล้วดิฉันก็ดีดตัวลอยขึ้นมาหายไปไหนไม่ทราบ พี่สาวมองดูอึอที่ตามตัวดิฉันขึ้นมาและที่อยู่ในถังเกรอะกลายเป็นทองสวยมากค่ะ และพี่สาวก็ไปซื้อลอตเตอรี่ 55 ถูก 6 คู่ค่ะ
     
  3. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440


    :mad::mad::mad:?!?!?!?!?!?!?!??!:mad::mad::mad:
    :mad::mad::mad::mad::mad::mad:

    14:12 โอ ลูซีเฟอร์เอ๋ย โอรสแห่งรุ่งอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ
    14:13 เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า `ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ด้านทิศเหนือ
    14:14 ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด'
    14:15 แต่เจ้าจะถูกนำลงมาสู่นรก ยังที่ลึกของปากแดน
    14:16 บรรดาผู้ที่เห็นเจ้าจะเพ่งดูเจ้า และจะพิจารณาเจ้าว่า `ชายคนนี้หรือที่ทำให้โลกสั่นสะเทือน ผู้เขย่าราชอาณาจักรทั้งหลาย
    14:17 ผู้ที่ได้กระทำให้โลกเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดาร และคว่ำหัวเมืองของโลกเสีย ผู้ไม่ยอมให้เชลยกลับไปบ้านของเขา'

    ?!?!?!?!?!?!??!?!?!?!?!?!??!?!?!?:mad::mad::mad::mad::mad::mad:
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ไม่มีผู้ใด...สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ ****

    คนไม่เอาสัจจะ จะไปไม่รอด...ด้วยผลการกระทำที่ได้ทำไปแล้ว

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    เรื่องราวสัจจะ

    ฆราวาสธรรม 4
    สัจจะ
    ทมะ
    ขันติ
    จาคะ

    สัจจะบารมี
    หนึ่งในสิบบารมี

    อริยสัจจ์
    ทุกข์
    สมุทัย
    นิโรธ
    มรรค

    สัจจะภาคพิศดาร
    สองเท้าเหยียบสองฝั่ง
    โลกุตตระกับโลกียะ
    ซ้ายก็สัจจะ
    ขวาก็สัจจะ

    สัจจะจากโลกุตตระ

    สัจจะ ก ข ถึง ฮ
    A-Z

    <img src="http://lh5.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyVM1i0pNBI/AAAAAAAACXY/Mi_TptNzcR0/s144/image66.jpg" border="0" alt="">

    สิงห์โต สัญลักษณ์ประจำราศีสิงห์
    มีดวงอาทิตย์(1)ครองประจำราศี =1
    ดวงอาทิตย์เหนือหัวสิงห์ =1
    ดาวฤกษ์บนซ้าย =1
    สิงห์โต+ดวงอาทิตย์+ดาวฤกษ์ = 111
    พิจารณาความเห็นที่ 111 ของกระทู้นี้

    วงล้อ 7 ซี่ สัญลักษณ์ เลข 7 คือหลักสัจจะธรรมหนึ่ง

    หิน หรือศิลา หรือ ป้าย 3 ก้อน มุมบนขวา
    สามรวมเป็นหนึ่ง


    <img src="http://lh4.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyVNkS0pNHI/AAAAAAAACYI/NnwvdGhvD8k/s144/image70.jpg" border="0" alt="">

    ดวงจันทร์ฐานของโลกุตตระ

    จันทร์เสี้ยวสามดวง(2-2-2)รวมเป็นจันทร์เต็มดวง(2)

    กุ้งสัตว์จำพวกปูสัญลักษณ์ราศีกรกฏ มีดวงจันทร์(2)ครองราศี
    กำลังพบความจริงที่อยู่เบื้องหน้า


    <img src="http://lh5.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyY5BS0pNeI/AAAAAAAACcI/RsmVQmbSNeQ/s144/three%20noble%20women.jpg" border="0" alt="">
    จันทร์เสี้ยวทั้งสาม


    ราศีทั้ง ๑๒ ราศี............มีชื่อเรียกตามกลุ่มดาวที่ประจำอยู่ ดังนี้


    ราศี ๐ ชื่อราศีเมษ.........หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป เนื้อ
    ราศี ๑ ชื่อราศีพฤษภ.... หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป โค
    ราศี ๒ ชื่อราศีเมถุน.......หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป คนคู่
    ราศี ๓ ชื่อราศีกรกฎ.......หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป ปู
    ราศี ๔ ชื่อราศีสิงห์.........หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป ราชสีห์
    ราศี ๕ ชื่อราศีกันย์.........หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป นาง
    ราศี ๖ ชื่อราศีตุลย์.........หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป ตาชั่ง
    ราศี ๗ ชื่อราศีพิจิก.........หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป แมลงป่อง
    ราศี ๘ ชื่อราศีธนู...........หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป คนถือธนู
    ราศี ๙ ชื่อราศีมังกร........หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป งูใหญ่ หรือมังกร
    ราศี ๑๐ ชื่อราศี กุมภ์......หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป คนถือหม้อ
    ราศี ๑๑ ชื่อราศีมีน.........หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป ปลา




    ใน ๑๒ ราศีจะมีดาวพระเคราะห์ครองอยู่ทั้งสิ้น ดาวพระเคราะห์ที่ครองอยู่ตามราศีทั้ง ๑๒ ราศีนี้เรียกว่า เกษตร มีดังนี้


    อังคาร (๓)............เป็นเกษตรประจำราศีเมษ และราศีพิจิก
    ศุกร์ (๖)...............เป็นเกษตรประจำราศีพฤษภ และราศีตุลย์
    พุธ (๔)................เป็นเกษตรประจำราศีเมถุน และราศีกันย
    จันทร์ (๒).............เป็นเกษตรประจำราศีกรกฎ
    อาทิตย์ (๑)...........เป็นเกษตรประจำราศีสิงห์
    พฤหัสบดี (๕)........เป็นเกษตรประจำราศีมีน
    เสาร์ (๗)..............เป็นเกษตรประจำราศีกุมภ์




    <img src="http://lh6.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyVM6y0pNCI/AAAAAAAACXg/zJ5knuotIlg/s144/image67.jpg" border="0" alt="">

    ปลาสองตัว(ราศีมีน)
    คนยิงธนู(ราศีธนู)
    ดาวพฤหัสครองราศีธนูและมีน
    ดาวพฤหัสความจริงถูกแบ่งแยก

    กงเล็บที่ถือคัมภีร์ความผิดเพี้ยนของสัจธรรมของผู้ศึกษา

    ต้นไม้ กิเลศสันดานที่ไม่ถูกกำจัด เอาภาษาคนไปตีความภาษาธรรม


    <img src="http://lh5.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyVM_i0pNDI/AAAAAAAACXo/D5uKbjN8AFY/s144/image68.jpg" border="0" alt="">

    แมงป่องราศีพิจิก(3)
    แกะราศีเมษ(3)
    สัญลักษณ์ 333

    ดาบนั้นคือสัจธรรมหนึ่งที่ใช้ตัดต้นไม้แห่งสันดาน
    แถบป้ายเบื้องหลังคือความจริงที่บรรยายซ่อนอยู่
    กุ้งสัตว์จำพวกปูสัญลักษณ์ราศีกรกฏ(2)ที่ยอดไม้ (ที่สุดของสันดาน)



    <img src="http://lh6.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyVNEy0pNEI/AAAAAAAACXw/-X7GWhVRKGc/s144/image69.jpg" border="0" alt="">

    วัวราศีพฤษก(6)
    ตาชั่งราศีตุล(6)
    สัญลักษณ์ 666

    คนถือธนู(ราศีธนูที่ถูกแยกจากราศีมีน)
    สัจธรรมที่ผิดเพี้ยนและแบ่งแยกทำให้เกิดการประหัดประหานและความเข้าใจผิด
    จันทร์เสี้ยวหนึ่งดวง ไม่รวมเป็นสาม สัญลักษณ์แตกแยก(เป็นความหมายเฉพาะภาพนี้)


    <img src="http://lh5.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyVMri0pM_I/AAAAAAAACXI/wqhPocCfRvI/s144/PLATE_18.jpg" border="0" alt="">

    สัตว์ร้ายใช้หางตวัดดาวลงมา 9 ดวง
    3+3+3 เท่ากับ 9
    6+6+6 เท่ากับ 18 8+1 เท่ากับ 9
    นัยความถึง 333 และ 666
    ดาวเหนือสัตว์ร้าย 3 ดวง
    เหลือ 1 ส่วน ตวัดมา 3 ส่วน
    ตีความแบบตรงข้ามวิวรณ์(ตวัดลงมาหนึ่งในสามส่วน)
    ผู้ทำได้ 333 ตรงข้ามกับ 666

    มีตัวเลขไม่มีการกระทำ.........ฝันเฟื่อง
    มีการกระทำไม่มีตัวเลข............สร้างรอยใหม่
    มีตัวเลขและการกระทำ..............สำเร็จ


    <img src="http://lh4.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyY37C0pNWI/AAAAAAAACbI/D3qtiiK-tjw/s144/a%20Queen%2C%20A%20female%20Pontiff%20and%20a%20Sainted%20Nun.jpg" border="0" alt="">

    <img src="http://lh4.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyVNqS0pNII/AAAAAAAACYQ/PzsNrSg-iKA/s144/image71.jpg" border="0" alt="">

    ความแตกต่างของหญิงคนหนึ่ง

    คนคู่ราศีเมถุน
    หญิงสาวราศีกันย์
    ดาวพุธ(4)ครองราศีเมถุนและกันย์(4-4)
    สัญลักษณ์ 444


    <img src="http://lh5.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyVN5i0pNLI/AAAAAAAACYo/chv4V5VofWw/s144/PLATE_45.jpg" border="0" alt="">

    สัตว์ร้ายถูกดาบ(สัจธรรมหนึ่งปัก)
    ดาวฤกษ์บนสัญลักษณ์โลกุตตระ
    ดาบกลางคือสัจธรรมที่ส่งมา
    ดวงจันทร์ล่างคือฐานของโลกุตตระ
    อะไรคือดอกไม้ที่หายไปหนึ่งดอก
    666 ถูกทำลายกลายเป็น 333


    <img src="http://lh5.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyVNyi0pNKI/AAAAAAAACYg/X5YKxhEMpKo/s144/image54.jpg" border="0" alt="">

    <img src="http://lh3.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyVNwC0pNJI/AAAAAAAACYY/dZPJOWk08kc/s144/image72.jpg" border="0" alt="">

    ดอกไม้ดอกนั้น
    กวาง(เนื้อ)สัตว์จำพวกเดียวกับแกะราศีเมษดาวอังคาร(3)
    เลข 6 กลับหัวกลายเป็น 9 (333)


    <img src="http://lh5.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyVNgi0pNGI/AAAAAAAACYA/k8C4HMEnrNo/s144/PLATE_4.jpg" border="0" alt="">
    <img src="http://lh4.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyY4wC0pNcI/AAAAAAAACb4/VBy75grKj94/s144/a%20philosopher%20teaches%20students.jpg" border="0" alt="">

    มือเหนือปราสาทหกมือ
    เรื่องราวของคนหกคน
    ตัวแทนสัญลักษณ์ดาวอังคาร(3)

    <img src="http://lh4.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyvLry0pN6I/AAAAAAAACkI/LfGrQ77mF8s/s144/Plate81.jpg" border="0" alt="">

    เรื่องต้นไม้ที่ตายซากของแดนกับทิม+ภาคพิศดาร+

    <img src="http://lh6.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyvLMS0pN0I/AAAAAAAACjY/5FbJEfJgY8Y/s144/image10.jpg" border="0" alt="">
    ต้นไม้แห่งสันดานที่ต้องตาย


    <img src="http://lh5.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyVMni0pM-I/AAAAAAAACXA/YdW2z7dlZX4/s144/Plate77sm.jpg" border="0" alt="">
    ส่งมอบภารกิจให้

    <img src="http://lh4.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyZDfC0pNlI/AAAAAAAACdM/F3Q7EmdUjJk/s144/a%20Pope%20with%20kings%20and%20cardinals.jpg" border="0" alt="">
    ต้องรับภารกิจมิอาจเลี่ยงจากหกคนนั้น

    <img src="http://lh3.google.com/HeartsQuiltingJourney/RyY3ky0pNTI/AAAAAAAACaw/GLfxzCjfSEs/s144/the%20pope%20with%20lions%20and%20lilies.jpg" border="0" alt="">
    ทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของสารและกุญแจที่ส่งมาให้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2011
  6. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=D0QKbnCDW94&feature=related]YouTube - Crossroads (1986) duel[/ame]

    "มหาบพิตร ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นของ ๔ อย่างว่าเป็นของเล็กน้อย" คือ
    (1) อย่าดูถูก ดูหมิ่นกษัตริย์ว่ายังทรงพระเยาว์
    (2) อย่าดูถูก ดูหมิ่นงูว่าตัวเล็ก
    (3) อย่าดูถูก ดูหมิ่นไฟว่าเล็กน้อย
    (4) อย่าดูถูก ดูหมิ่นภิกษุว่ายังหนุ่มอยู่
     
  7. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    บทความดีคัดมาให้อ่านกัน..

    จิตวิญญาณสากล (UNIVERSE SPIRITUALITY)


    เราจะพบว่ามันแตกต่างไปจากเดิมขณะที่ใจมันว่าง การเห็นการได้ยินมันจะมีแต่เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน ไม่มีสิ่งที่ถูกเห็นไม่มีผู้เห็น ไม่มีสิ่งที่ถูกได้ยินไม่มีผู้ได้ยิน ไปพ้นรูปพ้นนาม ไปพ้นการแบ่งแยก มีแต่การได้เห็นมีแต่การได้ยินเฉยๆ นี่คือการพัฒนาจิตวิญญาณในระดับจิตสามัญสำนึกไปสู่จิตเหนือสำนึก หรือไปสู่โลกุตตรจิต ไปพ้นสังสารสัฏฏ์ที่มีตัวเราเป็นศูนย์กลาง ที่มีตัวเราเป็นผู้กระทำเป็นอกาลิโก ไปพ้นอดีต ไปพ้นปัจจุบัน ไปพ้นอนาคต ไปพ้นของคู่ ไปพ้นทวิภาวะ ไปพ้นปัญญาระดับเหตุผล นี่คือ “ทางสายกลาง” นี่คือจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติ
    ที่พระองค์อุปมาอุปมัยในหลักไตรสิกขาว่าเหมือนกับ โคแม่ลูกอ่อนเล็มหญ้า มันมีลูกน้อยอยู่ตัวหนึ่ง ลูกน้อยก็วิ่งไปวิ่งมา เดี๋ยวก็วิ่งมากินนม เดี๋ยวก็วิ่งเล่น แม่โคกินหญ้าไปด้วยพร้อมกับชำเลืองดูลูกไปด้วย ก็เหมือนกับเราในชีวิตประจำวัน จะต้องทำกิจการงานต่างๆ ในอิริยาบถต่างๆ เราทำงานไปเราก็ชำเลืองดูจิตใจของเราไปด้วย เราจะพบว่าทุกครั้งที่เราสังเกตใจมันว่าง ที่เราสังเกตหรือดูมันนี่แหละมันเป็นการทำลายอุปทานไปในตัวในขณะที่เราดู ขบวนการของความคิดแล้วความคิดหายไป

    ขบวนการของความคิดซึ่งการสนองตอบความยึดถือต่างๆ เมื่อเราดูมันแล้วมันหายไป นี่คือการทำลายอุปาทาน ทำลายความยึดถืออย่างหยาบที่แสดงออกทางกาย วาจา อย่างกลางคือ นิวรณ์ ต่างๆ จนกระทั่งเรารู้สึกว่าจิตของเราเมื่อกระทบอารมณ์แล้วเฉยได้ ไม่หวั่นไหวเลย นี่เราจะรู้จักสัมมาสมาธิ

    สัมมาสมาธิมันต่างจากมิจฉาสมาธินี่มันสงบ แต่มันไม่รับรู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย มันไม่รับรู้อารมณ์ มันจึงเป็นความสงบที่ไม่มีปัญญา ไม่เป็นฐานให้เกิดปรีชาญาณ เห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงได้ แต่สัมมาสมาธินี่มันสงบในขณะที่เรารับรู้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย มันรับรู้อารมณ์แต่มันสงบจากความปรุงแต่ง มันรับรู้แต่ใจไม่หวั่นไหวเลยไม่ปรุงแต่งเลย ไม่ปรุงแต่งให้เกิดความรู้สึกพอใจไม่พอใจเลย นี่คือปรีชาญาณได้ทำหน้าที่ของมันบนฐานของทางสายกลาง

    เมื่อเราสังเกต เราก็จะเห็นว่าใจนี่มันว่าง นี่คือจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติจนกระทั่งเราได้พบหรือได้สัมผัสกับสัมมา สมาธิ คือการรับรู้อารมณ์แล้วใจไม่หวั่นไหว สัมผัสกับปรีชาญาณที่มันรับรู้สรรมสิ่งตามที่มันเป็นหรือตามความเป็นจริง เราจะเห็นสิ่งต่างๆ เราจะรับรู้สิ่งต่างๆ ทางทวารต่างๆ ตามที่มันเป็น คือมันเป็นของมันเช่นนั้นเอง “ตถตา” แต่ก่อนนี้เรารับรู้แล้วเราก็คิด แล้วเราก็ลงความเห็น เป็นของคู่ๆ ถูก-ผิด สูง-ต่ำ เกิด-ดับ เกิดความขัดแย้ง เห็นเป็นคู่ๆ เรียกว่าทวิภาวะซึ่งเกิดจากอวิชชา มันคือปัญญาในระดับเหตุผล เพราะฉนั้นถ้าเรายังรับรู้อย่างแบ่งแยก มีรูปมีนาม,มีสิ่งที่ถูกรู้มีผู้รู้ เห็นมันเที่ยงเห็นมันไม่เที่ยง เห็นมันเกิด เห็นมันดับ เห็นมันมีตัวตน เห็นมันไม่มีตัวตน นี่มันเป็นปัญญาในระดับเหตุผล ที่เกิดจากอวิชชา ที่เกิดจากการรับรู้อย่างแบ่งแยก เรารู้กันตั้งนานแล้วว่าปัญญาระดับเหตุผลนี้ไม่สามารถจะสัมผัสกับธรรมชาติ ที่แท้หรือสัจจะขึ้นอัลติมะได้ มันจะต้องเป็นปรีชาญาณที่เกิดจากจิตที่ว่าง จิตที่สงบ จิตที่ปกติเท่านั้น

    ฉะนั้น ถ้าเรายังไปไม่พ้นการรับรู้อย่างแบ่งแยกแล้วละก้อ เราก็จะไม่ได้พบกับปรีชาญาณ ไม่ได้พบกับทางสายกลาง ไม่ได้พบกับปัญญาที่มันรู้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัดแน่ เพราะฉะนั้นเราจะต้องพัฒนาจิตของเราให้มันสงบ ให้มันว่าง ไปพ้นจากจิตสามัญสำนึกด้วยวิธีสังเกตมัน ดูมัน เรียนรู้มัน เข้าใจมัน แล้วเราก็จะพบวิถีทางของการดำเนินชีวิตที่เรียกว่า เอกายนมัคโค วิถีของความเป็นเอกภาพหรือวิถีของความเป็นหนึ่ง วิถีของพุทธธรรม ปรีชาญาณ หรือปัญญาญาณนี่แหละมันรู้อย่างไม่แบ่งแยก มันรู้ในความเป็นองค์รวม มันรู้ในความเป็นทั้งหมด
    ฉะนั้นถ้าเรายังรู้อย่างแบ่งแยกอยู่จึงไม่ใช่ปรีชาญาณแน่ นอน มันต้องเป็นปัญญาในระดับเหตุผลตราบใดที่เรายังไม่สามารถจะพัฒนาจนกระทั่งเรา ได้พบทางสายกลางหรือจุดเริ่มต้นที่ไปพ้นการรับรู้อย่างแบ่งแยกแล้วละก้อ เราจะไม่รู้จักสัมมาสมาธิ เราจะไม่รู้จักปรีชาญาณหรือภาวนามยปัญญาเลย

    นี่จากประสบการณ์ของอาตมาที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นท่ามกลางภาวะที่เลวร้าย หรือท่ามกลางอารมณ์ที่เลวร้ายของเรานี่ ถ้าเราได้ฝึกฝน เราอาจได้พบภาวะของจิตที่สงบนิ่ง มันก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปล่อยวาง นั่นก็คือเมื่อใดก็ตามที่เกิดอารมณ์ขึ้นมาในจิตใจ พอใจ ไม่พอใจ สุข ทุกข์อะไรขึ้นมานี่ถ้าเราฝึกแล้วเกิดสำนึกหรือตระหนักรู้ในขณะนั้นได้เราก็ จะเห็นภาวะของจิตที่มันว่าง มันสงบนิ่งที่ก้นบึ้งของจิตใจเรา นี่คือจุดเริ่มต้นของการปล่อยวาง แล้วเราก็จะพบความอิสระของจิตใจ

    เมื่อใดที่เราเรียนรู้จนเกิดความเข้าใจชีวิต เข้าใจโลก เข้าใจสังคม เข้าใจสิ่งแวดล้อม เข้าใจโลกของอาทิตย์อัสดง เข้าใจธรรมชาติที่แท้ เมื่อนั้นเราก็จะเริ่มปล่อยวางได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่สัมผัสกับปรีชาญาณแล้วนี่ก็จะเกิดความซาบซึ้ง เกิดความอิ่มอกอิ่มใจ เกิดความปิติในปัญญาที่รับรู้ในความเป็นทั้งหมด รับรู้ในความเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง ซาบซึ้งในพระพุทธองค์ผู้ถ่ายทอดแนวทางให้แก่เรามาจนกระทั่งถึงคนรุ่นเราสอง พันกว่าปีมาแล้ว เราก็จะรู้จักซาบซึ้งในพระคุณของพระองค์ หรือคุรุ ครูบาอาจารย์ผู้สืบสานการถ่ายทอดจากหนังสือก็ดี จากคำพูดก็ดีจนมาถึงเรา จนเราสามารถที่จะปล่อยวางได้และสัมพันธ์อยู่กับความชำนาญ สัมพันธ์อยู่กับการฝึกฝน เหมือนกับนักกีฬา เราเหมือนกับนักกีฬา เราย่อมรู้ซึ้งถึงการปฏิบัติถึงการฝึกฝน

    ฉะนั้นเมื่อเรารู้จักวิถีของการปล่อยวาง หรือวิถีของการเรียนรู้เป็น จนเรียนรู้ได้อย่างถูกสถานการณ์อย่างเหมาะสม เราก็จะค้นพบความพอดี หรือจะพูดให้ไพเราะหน่อยก็เรียกว่า พบดุลยภาพอันยิ่งใหญ่ กว้างใหญ่ไพศาล เหมือนกับการที่เราได้ทรงตัวอยู่บนหลังม้าหรืออยู่บนจักรยานขณะที่เรากำลัง ขี่มัน กำลังวิ่ง ซึ่งมันไม่ใช่การเกร็งขาหนีบอยู่บนหลังอาน ถ้าหากเราขับรถเป็น เราก็จะรู้จักความชำนาญหรือความเชี่ยวชาญของการปฏิบัติที่อยู่บนวิถีของความ เป็นหนึ่ง
    วิถีของพุทธธรรมมันเป็นอย่างไร นี่เราจะต้องหาเอาเอง ทุกคนจะต้องเข้าใจและปรับใจของตัวเองให้เกิดความพอดีในความเป็นอิสระภาพ ในความเป็นเอกภาพกับทุกๆสิ่ง เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เราดำเนินหรือทำกิจการงานอยู่ เราก็จะสัมผัสได้ถึงความกลมกลืนของเรากับสรรพสิ่ง หรือกับการงานนั้น มันจะต้องประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้น จุดเริ่มต้นที่เราจะเกิดความเชื่อมั่นในวิถีของการปฏิบัตินี้ได้ เราจะต้องค้นพบจิตที่บริสุทธิ์ จิตที่ประภัสสรของเราให้ได้ก่อน เพราะว่าจิตที่ประภัสสรของเรานี้มันเป็นหนึ่งเดียวกับสัจจะขั้นอัลติมะ
    เนื้อหาของมันนั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน ประสานกลมกลืนกันกับสัจจะขั้นอัลติมะ หรือสัจจะที่แท้ สัจจะที่แท้ก็คืออสังขตธรรมนั่นเอง ที่ไม่มีจุดเริ่มต้นไม่มีจุดสิ้นสุด ดำรงอยู่ด้วยตัวของมันเอง ใครจะเห็นหรือใครไม่เห็น ใครจะรู้หรือใครไม่รู้ มันก็ดำรงของมันอยู่อย่างนั้น จิตประภัสสรของเรานี้มันเป็นหนึ่งเดียวกับสัจจะสูงสุด เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้พบกับจิตประภัสสรของเราได้ นี่เราก็ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว ได้เห็นทางแล้ว ท่านอัญญาโกณทัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมก็คือเห็นทางของการปฏิบัติ

    ทางของการปฏิบัติที่เรียกว่าทางสายกลางหรือไตรสิกขาจึง ปฏิบัติได้ในทุกย่างก้าวทุกกิจการงานเราจะต้องกระทำอยู่บนฐานของจิตที่เป็น กลางๆ อยู่บนฐานของจิตที่ไม่มีตัวเรา บนฐานของจิตที่ไปพ้นของคู่นี่แหละคือฐานของการปฏิบัติ เพราะฉะนั้นเราจะต้องสร้างฐานให้มั่นคงจากการภาวนาจากการสังเกตจิตใจอย่าง ต่อเนื่องแล้วเราก็จะเห็นความมหัศจรรย์ของปรีชาญาณ แสดงออกถึงความสัมพันธ์กับสรรพสิ่งความสัมพันธ์ของโลก ความสัมพันธ์ของสมมติบัญญัติ ความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์ หรือสังขตธรรม กับอสังขตธรรม

    ปรีชาญาณนี้แหละจะทำหน้าที่เชื่อมโยงประสานให้กลมกลืน เป็นหนึ่งเดียวกัน นี่คือสภาวะที่พ้นไปจากความยึดถือ พ้นไปจากอุปาทาน นี่คือการปล่อยวาง ฉะนั้นการเรียนรู้เพื่อให้เกิดความเข้าใจแล้วเกิดปรีชาญาณ

    ทำลายอุปาทาน ทำลายความยึดถือจนเกิดอิสระภาพ นี่คือวิถีของการพัฒนาจิตวิญญาณระดับจิตสามัญสำนึกที่มีตัวตน ที่มีเวลาอดีต ปัจจุบัน อนาคต ที่มีของคู่ไปสู่จิตวิญญาณสากล นี่คือวิถีทางของการปล่อยวาง และเป็นวิถีทางของการพัฒนาให้เกิดสัมมาสมาธิ เป็นวิถีทางของการพัฒนาให้เกิดปรีชาญาณ หรือปัญญาญาณเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงจะเข้าใจโลก เข้าใจชีวิต เข้าใจสิ่งแวดล้อม เราก็จะอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างไม่แบ่งแยก อย่างประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน

    ที่เรียกว่า Deep Ecology วิชานิเวศวิทยาแนวลึก ก็คือการดำรงอยู่ของสิ่งที่มีชีวิตร่วมกับสิ่งแวดล้อม ถ้าเราสัมผัสกับจิตที่มันว่างนี้ได้ เราจะรู้หรือตระหนักถึงจิตของเราที่ประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง รอบๆ ตัวเรา ฉะนั้นถ้าเราสามารถจะเข้าใจด้วยตัวเองสัมผัสได้ด้วยตัวเอง เราก็จะเกิดความเข้าใจอย่างซาบซึ้งเพราะถ้าเรามีญาณทัศนะเป็นพื้นฐานของจิต ใจ แม้ในสถานะการณ์ที่เลวร้าย เราก็ไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์นั้นได้

    เราจะพบความสง่างามของการดำเนินชีวิตซึ่งเป็นเรื่องของ ญาณทัศนะ หรือปรีชาญาณซึ่งเราจะต้องศึกษาเรียนรู้ เรียนรู้โลกของจิตสามัญสำนึก หรือเรียนรู้โลกของอาทิตย์อัสดงให้เกิดความเข้าใจ เกิดความเข้าใจในสมุทัย เกิดความเข้าใจใจอริยสัจข้อที่สอง เกิดความเข้าใจในปฏิจจสมุปบาทที่เป็นเรื่องของกฏแห่งกรรม เป็นเรื่องของเหตุ เป็นเรื่องของผล ก็คือเรื่องของปุถุชนที่ดำเนินชีวิตที่มีตัวเราเป็นจุดศูนย์กลาง ถ้าเราพัฒนาจนถึงปัญญาญาณหรือปรีชาญาณ เราก็จะเกิดความเข้าใจโลกของจิตสามัญสำนึกอย่างลึกซึ้ง

    อาตมาเข้าใจในจิตสามัญสำนึก เข้าใจปัญญาที่เป็นของคู่ๆ ที่เกิดจากการรับรู้อย่างแบ่งแยก ในมิติของจิตสามัญสำนึกของปุถุชนทั่วๆไปมันรับรู้อย่างแบ่งแยก มีสิ่งที่ถูกรู้มีผู้รู้ สิ่งที่ถูกรู้มันก็มาจากความจำของเราที่ไปจดจำสิ่งต่างๆที่เป็นสมมติบัญญัติ สมมติบัญญัติมันก็กลายเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ก็คือขบวนการความคิดที่เกิดจากสัญญาความจำ แบ่งแยกตัวมันเองเป็นสิ่งที่ถูกรู้เป็นผู้รู้ (มีรูปมีนาม) เพราะฉะนั้นตราบใดที่เรายังรับรู้อย่างแบ่งแยกเราก็ยังอยู่ในมิติของจิต สามัญสำนึก ปัญญาที่เราได้ก็คือของคู่ ปัญญาที่เราได้ก็คือปัญญาในระดับเหตุผลเท่านั้นเอง ซึ่งไม่สามารถจะเห็นหรือสัมผัสกับความจริงแท้ ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 15 เรื่องโอฆะสูตร พระองค์ตอบเทวดาที่ไปถามว่าพระองค์ปฏิบัติอย่างไรจึงข้ามโอฆะสงสารได้ พระองค์ตอบว่าเราปฏิบัติในทุกอริยาบถไม่ว่าจะ ยืน เดิน นั่ง นอน อย่างไม่พักไม่เพียร ถ้าพักก็จมถ้าเพียรก็ลอย หลายคนไม่เข้าใจพระสูตรนี้ ตามความเข้าใจของอาตมา พักเพียรเป็นของคู่ จมลอยเป็นของคู่ ไม่พักไม่เพียรไม่จมไม่ลอยนี้คือการปฏิบัติด้วยทางสายกลางในขณะนั้นจิตไม่มี ของคู่เลย

    เป็นไปได้ไหมที่เราจะยืน เดิน นั่ง นอน ทำกิจการงานอยู่ แล้วสังเกตมัน แล้วก็เห็นภาวะจิตที่มันว่างจากความคิดถ้าเราเห็นตรงนี้นี่ก็คือภาวะที่ไม่ มีพักไม่มีเพียรไม่มีจมไม่มีลอย ไม่มีถูกไม่มีผิด ไม่มีเกิดไม่มีดับ คือภาวะจิตที่ไปพ้นของคู่ เราก็จะเห็นทุกสิ่งมันเป็นเช่นนั้นเอง จิตในขณะนั้นของเราเป็นอิสระ นี่คือแนวทางของการปฏิบัติทาง

    สายกลางที่อาตมาพยายามนำเสนอให้เป็นทางเลือกของผู้ที่ สนใจในการปฏิบัติอีกแนวทางหนึ่งซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมี ไม่ค่อยมีพูดกันถึงเรื่องทางสายกลาง หรือบางคนพูดก็อาจจะให้ความหมายไปคนละอย่างกับอาตมาบางคนบอกว่าเห็นรูปไม่ เที่ยงเห็นนามไม่เที่ยงนี้เป็นทางสายกลาง ก็แล้วแต่จะให้ความหมายกันไปเพราะมันเป็นตัวหนังสือ แล้วเรามาให้ความหมายกันเอาเอง

    สำหรับอาตมาทางสายกลางคือภาวะของจิตที่ไปพ้นของคู่ที่พระ พุทธองค์แสดงธรรมจกกัปปวัตนสูตร “สมณะทางสุดโต่งทั้งสองไม่ควรเดิน ให้เดินทางสายกลาง” แล้วท่านอัญญาโกณทัญญะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม ทางสุดโต่งทั้งสองก็คือทางแห่งความรัก ทางแห่งความชัง อัตตกิลมถานุโยค และกามสุขัลลิกานุโยคนั่นแหละ แล้วทางสายกลางเป็นอย่างไร ทางสายกลางก็คือภาวะจิตที่ไปพ้นของคู่ในสติปัฏฐาน 4

    เขาพูดถึงเรื่องจะไปรู้กาย เวทนา จิต ธรรม จะต้องมีความเพียร อาตาปี สติมา สัมปชาโน สัมปชัญญะ มีสติมีสัมปชัญญะ สัมปชัญญะนี้ไม่ได้ไปรู้เฉพาะที่ใดที่หนึ่ง แต่มันเป็นความรู้สึกตัวทั่วพร้อม เราลองสังเกตใจแล้วลองเดินดู หรือนั่งอยู่ก็ได้ เราจะรู้สึกถึงความรู้ที่มันพร้อมทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ มือที่กำลังเคลื่อนไหว มันรู้พร้อม นี่คือสัมปชัญญะทำให้ไปพ้นอวิชชาโทมนัส คือไปพ้นพอใจ ไม่พอใจ ก็คือภาวะจิตที่เป็นกลางๆนั่นเอง นี่คือทางสายกลาง

    สภาวะตรงนี้มันจะพัฒนาไปสู่สัมมาสมาธิ สัมมาสมาธินี้ไม่ได้ฝึกปีสองปี อย่างน้อยๆไม่ต่ำกว่าสามปีห้าปี เมื่อสองสามวันนี้มีลูกศิษย์มาพบ ขณะที่กำลังคุยกันเขาสามารถที่จะเห็นจิตของเขาได้ สามารถที่จะเห็นจิตของเขาว่ามันหยุดนิ่ง และก็นิ่งได้นานขณะที่กำลังพูดอยู่ นี่คือการพัฒนา แต่ก่อนเราไม่เคยเห็นเลยไม่ว่าเราจะพูด เราจะคิด เราจะทำการงานต่างๆ ไม่เคยสังเกตจิตใจเราเลย มองออกไปแต่ข้างนอก รู้แต่ข้างนอก ไม่เคยเห็นจิตใจที่มันสงบนิ่งเลย


    เราจะพัฒนาจิตวิญญาณบนทางสายกลางหรือภาวะว่างจาก ขบวนการความคิดที่มันสงบนิ่งเป็นฐานของจิตใจเราจะต้องรู้มันอยู่ตลอดเวลา ถ้าสมบูรณ์ที่สุดคือจะต้องเห็นหรือรู้มันอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่สมบูรณ์ก็แล้วแต่เปอร์เซ็นต์ แต่ก็จะต้องเห็นมันอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะคิด จะพูด จะทำ เพราะว่าตัวรู้ตัวนี้มันคือปรีชาญาณ ตัวรู้ตัวนี้มันเป็นฐาน มันเกิดมาจากความว่าง มันไม่ใช่ตัวรู้ที่เกิดจากขันธ์ห้า มันเป็นรู้ที่เกิดจากสัจจะขั้นอัลติมะที่เกิดจากจิตที่ประภัสสรของเรา เป็นฐานหรือเป็นพื้นฐานของขันธ์ห้าเป็นพื้นฐานของการรับรู้ มีสิ่งที่มากระทบทางตา กระทบทางหู เกิดตัวรู้วิญญาณขึ้นมา เกิดสัญญา เกิดอะไรต่างๆ ขึ้นมา นี่คือการทำงานของขันธ์ห้าถ้ามันมีตัวรู้ตัวนี้อยู่ปรีชาญาณเป็นฐานอยู่ ขันธ์ห้ามันก็ทำงานอย่างเป็นอิสระ พ้นไปจากอุปาทาน
    แต่ถ้าไม่รู้หรือไม่เห็นจิตที่มันสงบ นิ่ง ว่าง ขันธ์ห้าก็ทำงานด้วยความยึดถือ หรือสำคัญมั่นหมายไปตามที่ตามันเห็น แล้วสัญญาก็จำได้ว่านั่นคืออะไรในขณะที่พูดเราไม่เห็น เราพูด เราคิด เราทำ ถ้าเราไม่เห็นฐานของจิตที่ว่าง สงบ คือเราไม่รู้ นี่คือการทำงานหรือดำเนินชีวิตด้วยอุปาทาน ด้วยอวิชชา ด้วยโมหะ แน่นอนทุกขบวนการของความคิดต้องมีตัวเราเป็นศูนย์กลาง แบ่งแยก มีสิ่งที่ถูกรู้ มีผู้รู้ เจ้าปรีชาญาณมันจึงเป็นความยิ่งใหญ่เป็นญาณ เป็นธาตุรู้ที่มหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ
    ถ้าเราจะสามารถจะพัฒนาให้ปรีชาญาณเป็นฐานของจิตใจอยู่ได้ ตลอดเวลา หรือ 75% 50% 25% นี่คือการพัฒนาทางด้านจิตวิญญาณของมนุษย์ที่สูงสุดแล้ว สูงสุดของการพัฒนาจิตวิญญาณ ถ้าเราพัฒนาจิตวิญญาณตัวนี้ให้มันมีโอกาสได้ทำงานนี่แหละคือจิตวิญญาณ จักรวาล จิตวิญญาณสากล จิตวิญญาณของธรรมชาติที่สมบูรณ์ที่สุดที่เรียกว่า “Universe Spirituality” จิตวิญญาณสากลหรือจักรวาล เพราะฉะนั้นถ้าเราได้พบทางสายกลางมันเป็นวิถีทางของการพัฒนาหรือวิวัฒนาการ มันเป็นไปได้ที่เราจะพัฒนาปรีชาญาณนี่ให้เป็นฐานของจิตใจเราอยู่ตลอดเวลา


    แต่ถ้าเรายังรับรู้อย่างแบ่งแยก เรามีปัญญาเพียงระดับเหตุผล เห็นเกิด เห็นดับ เห็นมันเที่ยง เห็นมันไม่เที่ยง เห็นมันมีตัวตน เห็นมันไม่มีตัวตน มันพัฒนาให้เป็นฐานของจิตใจไม่ได้เลยเพราะสิ่งเหล่านั้นมันเกิดจากความคิด เราจะไปทำให้ความคิดมันมีอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ ถ้าเราทำให้ความคิดมีตลอดเวลานี่ เดี๋ยวก็ต้องไปศรีธัญญา หรือไม่ก็บ้านสมเด็จ จิตที่ว่างด้วยการสังเกตหรือดูมัน เรียนรู้มันในหลักของไตรสิกขา เรียกว่าสิกขานี่แหละ นี่คือการดำเนินชีวิตด้วยอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา หรือไตรสิกขา
    การดำเนินชีวิตบูรณาการก็คือการดำเนินชีวิตด้วย หลักของไตรสิกขา อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา นี่เราถึงจะไม่เสื่อมจากธรรม ในพระไตรปิฎกมีอยู่พระสูตรหนึ่ง ผู้ที่เสื่อมจากธรรมก็คือการดำเนินชีวิตที่ไม่มีศีล สมาธิ ปัญญา ผู้ที่ไม่ได้ดำเนินชีวิตด้วยหลักของไตรสิกขา นี่คือผู้ที่เสื่อมจากธรรม

    ถ้าเราได้ดำเนินชีวิตด้วยอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ด้วยหลักของไตรสิกขา เรียนรู้ตลอดชีวิตได้ละก้อ นี่แหละคือวิถีชีวิตบูรณาการ นี่แหละคือการดำเนินชีวิตพรหมจรรย์ที่มีปรีชาญาณหรือสัมมาทิฐิเป็นตัวนำ เป็นพื้นฐานของจิตใจไม่ว่าจะคิดจะพูดจะทำ จะคิดก็เป็นสัมมาสังกัปปะ พูดก็เป็นสัมมาวาจา จะทำการงานก็เป็นสัมมากัมมันตะ อาชีพการงานต่างๆ สัมมาอาชีวะ มีความเพียรที่อยู่บนฐานของจิตที่ว่าง บนฐานของสัมมาทิฐิ สัมมาวายามะ สติ สมาธิ นี่ถ้าอยู่บนฐานของปรีชาญาณนี่ก็คือการดำเนินชีวิตพรหมจรรย์


    ดำเนินชีวิตด้วยอริยมรรคมีองค์แปด มันเริ่มด้วยทางสายกลางเพราะว่าทางสายกลางนี้มันเป็นจุดเริ่มต้นของการที่ เราได้พัฒนาจิตวัญญาณของเราไปพ้นมิติของสังสารวัฏฏ์พ้นมิติของการดำเนิน ชีวิตอย่างมีตัวเราเป็นศูนย์กลางไปพ้นปัญญาระดับเหตุผล พ้นปัญญาระดับที่เป็นของคู่ เพราะฉะนั้นอาตมาจึงให้ความสำคัญกับทางสายกลางมาก เพราะว่ามันเป็นกุญแจที่สำคัญของการพัฒนาจิตวิญญาณ ของการพัฒนาที่จะทำให้จิตวิญญาณของเรามีฐานของตัวรู้หรือมีฐานของปรีชาญาณ ได้ตลอดเวลา
    อาตมาเชื่อมั่นจากประสบการณ์ของการปฏิบัติ เพราะเมื่อเราได้ปฏิบัติไปสักพักหนึ่ง หลังจากที่เราได้พบทางสายกลางแล้ว หลังจากที่เราได้พบภาวะจิตที่มันว่างจากขบวนการความคิดแล้ว ไม่ว่าจะเดิน จะยืน จะนั่ง จะนอน ผ่านไปแล้วสองปี สามปี นี่เราก็เริ่มเห็นหรือเริ่มสัมผัสได้กับภาวะที่มันไม่หวั่นไหว จิตที่มันกระทบอารมณ์แล้วมันไม่หวั่นไหวนี่คือสัมมาสมาธิ สัมมาสมาธิรับรู้ในขณะที่ตาหูจมูกลิ้นกายและใจ แต่ใจไม่หวั่นไหวเลย เราก็จะได้สัมผัสว่าขบวนการความคิดนี่มันหายไปมากเลย วิวรณ์ต่างๆ ความง่วง ความฟุ้งซ่าน จิตที่มันไหลไปกับอารมณ์ต่างๆ น้อยลงไปๆ เราก็จะเริ่มสัมผัสได้กับสัมมาสมาธิ

    เมื่อเราสัมผัสได้กับสัมมาสมาธิ เราก็จะรับรู้สิ่งต่างๆ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายในอีกทัศนะหนึ่ง รับรู้ในทัศนะที่ไม่มีตัวเราเป็นศูนย์กลางไม่มีตัวเราเป็นผู้รู้ รับรู้พร้อมทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ แน่นอนที่ฐานใจ ที่ก้นบึ้งของจิตใจมันจะไม่ทิ้งฐานของมัน มันจะรู้อยู่ที่ฐานใจและแผ่ขยายการรู้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัดไปสู่สิ่งที่ มากระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย พร้อมทั้งอวัยวะต่างๆ ของร่างกายเรา พร้อมกับสิ่งที่มากระทบไม่ว่าจะเป็นรูปเสียงกลิ่นรส สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันจะรู้พร้อม

    นี่คือรู้ในความหลากหลายหรือรู้ในความเป็นทั้งหมดหรือรู้ ในความเป็นองค์รวม บนฐานของจิตที่ไม่แบ่งแยก ก็คือบนฐานของจิตที่เป็นหนึ่ง เป็นเอกภาพนั่นเอง เพราะฉะนั้นหนึ่งเป็นฐานให้เกิดตัวรู้หรือปรีชาญาณ รู้พร้อมรู้ในความเป็นทั้งหมด หนึ่งที่ฐานจิตของเราก็คือทั้งหมด ของสรรพสิ่ง เพราะฉะนั้น หนึ่งก็คือทั้งหมด One is all – All is one ทั้งหมดก็คือหนึ่ง “ หนึ่งคือความหลากหลายความวุ่นวายคือความสงบ” ที่อาตมาเขียนในหนังสือแนวทางปฏิบัติทางสายกลาง หนึ่งคือความหลากหลาย

    เมื่อเราเข้าถึงปรีชาญาณที่ฐานของจิตใจที่ไม่แบ่งแยกเรา รับสิ่งต่างๆ ทั้งหมดและไม่แตกต่างกันเลย แต่ไม่เหมือนกันเพราะตราบใดที่เรายังรับรู้ทางตาต่างจากทางหู รูปต่างกับนาม ทางหูต่างกับทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย นี่เรายังอยู่ในโลกของความแตกต่าง ยังอยู่ในโลกของจิตสามัญสำนึก เพราะฉะนั้น เมื่อปรีชาญาณเกิดขึ้นเราจะเห็นสิ่งต่างๆมันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นเช่นนั้นเอง ตถตา นี่คือการพัฒนาในแนวทางที่เราเริ่มต้นด้วย “ทางสายกลาง” เราจะต้องมีความเพียรอย่างต่อเนื่อง

    จุดที่สองของการปฏิบัติของอาตมา เมื่อเราได้พัฒนามาระยะหนึ่ง จิตเราว่างมากขึ้น เราจะสัมผัสได้กับธรรมชาติรู้พร้อมทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ พร้อมในขณะที่เราเห็นจิตใจมันนิ่งสงบอยู่ นั่นคือการรับรู้ในความเป็นองค์รวม การรับรู้ในความเป็นทั้งหมดที่อยู่บนฐานของความเป็นเอกภาพ เอกภาพกับหลากหลายทำงานร่วมกัน นั่นคือสังขตธรรมที่เกิดจากการปรุงแต่ง อยู่ในลักษณะของไตรลักษณ์ กับอสังขตธรรมก็คือหนึ่ง
    อสังขตธรรมก็คือสัจจะขั้นสูงสุดทำงานร่วมกับสังขตธรรม ทำงานร่วมกับความหลากหลายคือปรากฏการณ์ เราจะรู้ถึงความเคลื่อนไหวจากขณะหนึ่งไปสู่ขณะหนึ่ง จากขณะหนึ่งไปสู่ขณะหนึ่งคือความเปลี่ยนแปลง

    การเข้าถึงลักษณะสามประการหรือการเข้าถึงไตรลักษณ์ด้วย ปรีชาญาณนี้ มันต่างจากการเข้าถึงไตรลักษณ์ด้วยความคิด การเข้าถึงไตรลักษณ์ด้วยปัญญาระดับเหตุผลนี่มันจะเห็นรูปเห็นนามเที่ยง-ไม่ เที่ยง เห็นรูปไม่เที่ยงเห็นนามไม่เที่ยงซึ่งมันก็ตรงข้ามกับเที่ยง ยังเป็นของคู่อยู่ เห็นมันเกิดเห็นมันดับ นี่ก็เป็นของคู่อยู่เห็นมันมีตัวตนเห็นมันไม่มีตัวตน นี่ก็เป็นของคู่ นี่เห็นไตรลักษณ์ด้วยความคิด ด้วยปัญญาระดับเหตุผล แต่ถ้าเห็นไตรลักษณ์ด้วยปรีชาญาณมันจะตระหนักรู้ในความเป็นทั้งหมดกับหนึ่ง ทำงานร่วมกัน คือธรรมชาติรู้ที่เกิดจากอสังขตนี้มันรู้ในความเป็นทั้งหมดของสังขต เคลื่อนไหวจากขณะหนึ่งไปสู่ขณะหนึ่ง จากขณะหนึ่งไปสู่ขณะหนึ่ง นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ตระหนักรู้ด้วยปรีชาญาณ รู้ไตรลักษณ์มันรู้อย่างนี้

    ในขณะที่มันรู้สภาวะตรงนั้นมันพ้นไปจากความรู้สึกที่มี ตัวเราเป็นศูนย์กลาง พ้นไปจากของคู่ พ้นไปจากมี-ไม่มี พ้นไปจากถูก-ผิด พ้นไปจากดี-ชั่ว นี่แหละคือสภาวะของอนัตตาหรือสุญญตา ว่างจากตัวตน ว่างจากของตน ว่างจากเวลา ว่างจากของคู่ นี่คือวิวัฒนาการจิตวิญญาณของปุถุชน ผ่านตัวตน ผ่านเหตุผล ผ่านกาลเวลา ไปสู่จิตวิญญาณสูงสุด คือ จิตวิญญาณสากล “Universe Spirituality”



    ***************************************************
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2011
  8. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    คัดมาให้อ่านกัน ..

    ละครแห่งชีวิต กับกลไกการยกระดับขั้นตอนทางจิต

    ลำพัง แค่การมี "บันได" เป็นขั้นๆ (คือมีแค่โครงสร้างเชิงวิวัฒนาการของจิต) มันยังไม่เป็น และไม่ก่อให้เกิด "ละครแห่งชีวิต" หรือ "เรื่องราวแห่งชีวิต" ของปัจเจกและของสังคมขึ้นมาได้ มันยังจำเป็นต้องมี "ผู้ปีนบันได" (ตัวตนหรือ self) ที่ไต่บันไดแห่งวิวัฒนาการทางจิตของตนขึ้นไปด้วย จึงจะทำให้เกิด ละครแห่งชีวิตที่หลากหลายขึ้นมาแบบ "ร้อยเนื้อทำนองเดียว" ในความหมายที่ว่า แม้เนื้อหาแห่งชีวิตของผู้คนจะต่างกันแค่ไหนก็ตาม แต่ใน ระดับโครงสร้างเชิงลึก แล้วก็ยังคงเป็นเรื่องของผู้ปีนบันไดที่ไต่บันไดแห่งวิวัฒนาการทางจิตเหมือน เดิมและเหมือนกันอยู่ดี


    ใน ละครแห่งชีวิต บางเรื่อง...บางคนอาจก้าวพลาดตกบันได (ป่วยทางจิต) บางคนอาจย่ำอยู่กับที่ (เติบโตถึงจุดหนึ่งแล้วไม่เติบโตอีกเลยจนวันตาย) บางคนอาจก้าวพลาด (ป่วยใจ) แล้วเลิกปีนต่อ (หดหู่หรือหมดไฟ) หรือทำร้ายตนเอง (ฆ่าตัวตาย) บางคนเคยก้าวพลาดแต่สามารถเยียวยาตนเองได้แล้วก้าวปีนต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ (มีการพัฒนาต่อ)


    บางคนที่เป็นคนจำนวนน้อยนิด สามารถไต่ไปได้จนถึงขั้นสูงสุด (บรรลุธรรม) บางคนยังวนเวียนอยู่กับขั้นเดิมๆ มาไม่รู้กี่ปีกี่ชาติแล้ว...ชีวิตของพวกท่านหนีไม่พ้นที่จะคล้ายคลึงกับ เรื่องราวใดเรื่องราวหนึ่งในละครแห่งชีวิตเหล่านี้ โดยแตกต่างในรายละเอียดเท่านั้น


    เห็นแล้วหรือยังว่า "ตัวตน" (self) ของ "ผู้ปีนบันได" นี้ต่างหากที่ทำให้เกิด "ละคร" หรือ "เรื่องราว" ขึ้นมาในวิวัฒนาการทางจิต มิใช่ตัวบันไดเอง ผู้ปีนบันได จึงต่างกับบันไดตรงที่มันมีลักษณะพิเศษหรือมีความสามารถพิเศษที่ตัวบันได หรือโครงสร้างของจิตไม่มี นั่นคือ มันมี "ตัวตน" ที่สามารถ "รับรู้" เกี่ยวกับตัวเองได้


    โดยที่ ถ้า "ตัวตน" หรือ จิต (ในความหมายที่เป็น "อัตตา") มันเอาตัวเองเข้าไปแนบแน่นเป็นหนึ่งเดียว (identify) กับขั้นตอนของจิตในระดับใด มันก็จะติดอยู่กับจิตระดับนั้นไปตลอด จนกว่าตัวตนนั้นจะเห็นซึ้งจนสามารถเลิกแนบแน่น เลิกละการเป็นหนึ่งเดียวกับขั้นตอนของจิตระดับนั้นได้ ตัวตนนั้นถึงจะสามารถวิวัฒนาการไปสู่ขั้นตอนในระดับจิตขั้นต่อไปได้


    พัฒนาการของจิต จึงเป็นเรื่องของการเลิก ละ และก้าวข้ามขั้นตอนหนึ่งไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งเสมอ ในโครงสร้างเชิงวิวัฒนาการของจิต


    สิ่งที่จะกำหนด ทิศทาง ของ ตัวตน ที่เป็น โฮลอน (หน่วยองค์รวม) อย่างหนึ่ง จึงขึ้นอยู่กับ ความสัมพันธ์เชิงกำลัง 4 อย่าง ที่ดำรงอยู่ในโฮลอนทุกชนิดในสรรพสิ่ง ซึ่งได้แก่

    (ก) พลังในการรักษาความเป็นตัวเอง (agency)

    (ข) พลังในการปรองดองกับส่วนอื่น (communion)

    (ค) พลังในการข้ามพ้นตัวเอง (self-transcendence)

    (ง) พลังในการสลายตัวเอง (self-dissolution)


    เพราะฉะนั้น ในแต่ละขั้นตอนของพัฒนาการของจิตทั้งของปัจเจกและของรวมหมู่ การที่ "ตัวตน" ของจิตแห่งปัจเจกหรือสังคมนั้น มันจะพัฒนาไปในทิศทางไหน หรือมันจะปีนป่าย "บันได" ในลักษณะอย่างไร ด้วยอาการใด มันจึงขึ้นอยู่กับ ความสัมพันธ์เชิงกำลัง ทั้ง 4 อย่างข้างต้น และขึ้นอยู่กับ การเลือก ของ "ตัวตน" นั้นว่า เลือกอะไร และเลือกอย่างไรด้วย


    หากพลังอันไหนขาดสมดุล คืออ่อนแอเกินไป หรือแรงเกินไป มันจะนำไปสู่การขาดดุลยภาพของ "ตัวตน" นั้นในระดับขั้นตอนทางจิตนั้นๆ และเป็นที่มาของความป่วยความไม่สบายทางกายและจิต (pathological trouble) ประเภทต่างๆ ส่วนจะเป็นความไม่สบายแบบไหน และควรจะบำบัดรักษาเยียวยาอย่างไร มันก็ขึ้นอยู่กับว่า "ตัวตน" นั้น เกิดปัญหาในขั้นตอนระดับใดของจิต


    การที่เรากล่าวเช่นนี้ จึงมีนัยว่า แม้ปัจเจกผู้นั้นจะมีพัฒนาการทางจิตที่สูงกว่าปุถุชนคนทั่วไป เช่น มีระดับจิตที่สูงกว่าระดับที่ 7 ขึ้นไปแล้วก็ตาม ก็ยังมีโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะเดินสะดุดขั้นบันได และเกิดปัญหาความไม่สบาย หรือ "ป่วยใจ" ได้เสมอ


    สิ่งที่ผู้ศึกษาพึงสำเหนียกอยู่เสมอ ในการศึกษาแต่ละขั้นตอนของวิวัฒนาการทางจิตในมนุษย์ทุกคนก็คือ เมื่อ "ตัวตน" ไต่บันได (โครงสร้างของจิต) ไปสู่ขั้นสูงยิ่งๆ ขึ้นไป "ตัวตน" นั้น ย่อมมีโอกาสที่จะสะดุดหรือพลัดตกบันไดจนแข้งขาหักได้ทุกเมื่อ ในทุกๆ ขั้นของบันไดนี้ และ หากการเลื่อนขั้นบันได (การยกระดับ) ของจิตของ "ตัวตน" นั้น เกิดสะดุดหรือไม่ราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นในขั้นใดๆ ก็ตาม นั่นก็หมายความว่า "บางด้าน" ของ "ตัวตน" นั้นจะถูกทำร้าย ถูกเก็บกด ถูกละเลยจนเป็นที่มาของความแปลกแยก แตกแยก ถดถอยทางจิตเกิดขึ้นภายใน "ตัวตน" ของตัวเอง ซึ่งจะนำไปสู่ความเจ็บป่วย หรือพยาธิสภาวะที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะจำเพาะของขั้นตอนนั้น และต้องการการบำบัดที่มีลักษณะจำเพาะเหมาะสมกับขั้นตอนนั้นด้วย


    ด้วยเหตุนี้เอง ในแต่ละขั้นบันไดของวิวัฒนาการของจิต จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "จุดค้ำ" (fulcrum)


    จุดค้ำ คือ กระบวนการที่สำคัญมากของการสร้างความต่าง และการบูรณาการในการเติบโตพัฒนาของมนุษย์


    เพราะ จุดค้ำ เป็นเสมือน ทางแพร่ง ที่เป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อในการพัฒนาของมนุษย์ผู้นั้น เนื่องจาก "ตัวตน" จะต้องเลือกด้วยตนเองว่า จะเดินไปทางไหนบนทางแพร่งนี้ ซึ่งมันจะกำหนด "ชะตาชีวิต" ของมนุษย์ผู้นั้นหลังจากนั้นเลยทีเดียว


    แต่ละขั้นบันไดที่ "ตัวตน" ไต่ขึ้นไปคือ "จุดค้ำ" ของแต่ละขั้นบันไดนั้น โดยที่จุดค้ำทุกอันจะมีโครงสร้างที่ประกอบด้วย 3 ส่วน (phase) เสมอคือ


    (1) fusion/identification "ยึดติด"

    เมื่อ "ตัวตน" วิวัฒนาการไปสู่ขั้นตอนใหม่ของจิต ก่อนอื่นมันต้อง ยึดติด เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับระดับจิตของขั้นตอนนั้นเสียก่อน


    (2) differentiation/transcendence "แยกตัว"

    หาก "ตัวตน" จะพัฒนาต่อไปได้อีก มันต้องเริ่มเห็น ข้อจำกัดของระดับจิตที่ตัวเองเป็นอยู่เสียก่อน จนเริ่มคลายความยึดติด และคิด แยกตัว คิด ก้าวข้าม ขั้นตอนอันนั้นของจิต คือจิตของตัวตนนั้นเริ่มไม่เป็นหนึ่งเดียวกับระดับของจิตขั้นตอนนั้น หรือเริ่มทำตน แตกต่าง กับระดับจิตขั้นตอนนั้น ซึ่งคนรอบข้างของคนผู้นั้นจะรู้สึกว่าคนผู้นั้น เปลี่ยนไป หรือ เพี้ยนไป ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว คนผู้นั้น กำลังเติบโตทางจิต ไปสู่อีกขั้นหนึ่งต่างหาก แต่ก็มีบางกรณี เช่น กรณี ผู้นำ ของ ระบอบทักษิณ ที่ผู้ใหญ่หลายคนที่เคยให้การสนับสนุนแล้วรู้สึกในภายหลังว่า ผู้นำคนนี้ "เปลี่ยนไป" ในเชิง เหลิงอำนาจ กรณีอย่างนี้ถ้าจะบอกว่า ผู้นำคนนี้กำลังเติบโตทางจิตก็คงไม่ถูกต้องนัก น่าจะมองว่า "บางด้าน" ของ "ตัวตน" ของผู้นำคนนี้ที่ถูกเก็บกดมานาน ได้สำแดงออกมาให้เป็นที่ประจักษ์อย่างเต็มที่มากกว่า ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง นี่ก็คงแสดงว่า "ตัวตน" ของผู้นำคนนี้ต้องเคยสะดุดหรือผ่านการเลื่อนขั้นบันไดอย่างไม่ค่อยราบรื่น นักในขั้นตอนก่อนๆ มาแล้ว


    (3) integration/inclusion "หลอมรวม"

    ก่อนที่ "ตัวตน" จะพัฒนาไปสู่ขั้นตอนใหม่ หรือขั้นตอนที่สูงกว่าอีกได้ มันจะต้อง หลอมรวม ขั้นตอนก่อนหน้านี้เอาไว้ในตัวมันแบบบูรณาการด้วย ถึงจะเป็นการเติบโตทางจิตของ "ตัวตน" ที่สมบูรณ์จริงโดยทั่วไป ระบบการศึกษา การเลี้ยงดูของครอบครัว บริบททางวัฒนธรรม สภาพแวดล้อมขององค์กรทางเศรษฐกิจ-สังคม (ที่ทำงานและเวทีทางสังคม) จะเอื้ออำนวยให้คนแต่ละคนได้มีพัฒนาการทางจิตผ่านจุดค้ำหลายจุด จนมาถึง ระดับจิตโดยเฉลี่ยของสังคม ได้อย่างไม่ยากนักอยู่แล้ว แต่แม้ การยกระดับขั้นตอนทางจิต จนถึง ระดับเฉลี่ย (มีมสีส้มหรือขั้นที่ 5) นี้ในแต่ละคนก็ยังคงมี "ละครแห่งชีวิต" ของ ผู้ปีนบันได อยู่ดี ทั้งในช่วงวัยเด็ก ช่วงวัยรุ่นและช่วงวัยทำงาน มิใช่ว่าทุกคนจะผ่านการเลื่อนขั้นบันไดแต่ละขั้นได้อย่างราบรื่นหรอก ยิ่งถ้าฐานะทางบ้านของคนผู้นั้นยากจน ไม่สามารถส่งเสียให้เรียนถึงระดับปริญญาตรีได้ ครอบครัวแตกแยกไม่อบอุ่น คบเพื่อนเลว จบมาไม่มีงานทำ ฯลฯ ปัจจัยภายนอกเหล่านี้ ล้วนส่งผลต่อพัฒนาการทางจิตของคนผู้นั้นทั้งสิ้น


    ยิ่งถ้าคนผู้นั้นคิดจะยกระดับขั้นตอนทางจิตของตนให้ สูงกว่า ระดับเฉลี่ยของสังคม หรือสูงกว่าระดับที่ 6 ขึ้นไป มันจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือเรื่องง่ายอีกต่อไป เพราะ แทบไม่มีปัจจัยภายนอกที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาระดับนี้ดำรงอยู่มากนัก ตัวชี้ขาดจะอยู่ที่ เงื่อนไขภายใน ซึ่งได้แก่ ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า และภูมิธรรม ภูมิปัญญาของคนผู้นั้นเป็นหลักเท่านั้น


    อย่างไรก็ดี เราสามารถกล่าวได้กว้างๆ ว่า เหตุที่คนเราไม่สามารถ "เลื่อนขั้น" ทางจิตได้ ก็เพราะคนผู้นั้นไม่สามารถทำให้ "จิต" ของตนไหลลื่นไปตามกระบวนการ 3 ส่วน (phase) ข้างต้นของจุดค้ำในแต่ละขั้นตอนนั้นได้อย่างเป็นไปเอง หรืออย่างเป็นธรรมชาติได้นั่นเอง


    เหตุที่จิตของตนเองไหลลื่นอย่างเป็นอิสระตามธรรมชาติไม่ได้ ก็เพราะมี อุปาทาน หรือ ความไม่รู้ ปิดกั้นจิตของตนเองเอาไว้


    หากคนเรา เชื่อ (เป็นอันหนึ่งอันเดียว) ใน สิ่งหนึ่ง มากเกินไปก็ ยึดติด อยู่กับระดับจิตนั้น จนไม่อาจวิวัฒนาการต่อไปได้


    แต่หากคนเรา ไม่เชื่อ (สร้างความต่าง แยกตัวออก) ใน สิ่งหนึ่ง โดย ไม่อาจหลอมรวม สิ่งหนึ่งนั้นได้ ความไม่เชื่อนั้นก็จะกลายเป็นความยึดติดอีกแบบหนึ่งที่ทำให้ไม่อาจ วิวัฒนาการให้สูงไปกว่าระดับนั้นได้อีกเช่นกัน


    คนที่มีวิวัฒนาการทางจิตสูงส่งอย่างแท้จริง จึงเป็นคนที่สามารถบูรณาการหรือสามารถหลอมรวม "ความเหมือน" กับ "ความต่าง" ได้เสมอ นี่คือ บรรทัดฐานที่สำคัญยิ่งในการพิจารณาคัดเลือก "ผู้นำ" ของประเทศ เพื่อไม่ให้ผิดพลาดและผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก! คนที่ยืนหยัดแค่ความต่าง หรือยืนกรานแค่ความเหมือนย่อมไม่อาจไปจนถึงที่สุดแห่งวิวัฒนาการทางจิตได้


    โลกทัศน์หรือทิวทัศน์ที่แตกต่างกัน อันเนื่องมาจากความต่างในระดับของจิต ย่อมนำมาซึ่งอัตลักษณ์ (self-identity) ความต้องการ (self-needs) และมาตรฐานทางศีลธรรม (moral sense) ที่ต่างกันด้วย เพราะฉะนั้นใครว่า การวิเคราะห์ ระดับจิต ของผู้นำประเทศไม่สำคัญ? จริงๆ แล้วมันสำคัญอย่างยิ่งในมุมมองการพัฒนาเชิงบูรณาการ


    ผู้นำเชิงบูรณาการ (integral leader) ที่แท้จริงที่อาสาจะมาเป็น ทางเลือกที่สาม หรือ ทางเลือกใหม่ ของสังคมนี้ จึงจะต้องเป็นผู้ที่ตระหนักว่า คนเรานั้นมีทั้ง "ความเหมือน" และ "ความต่าง" ดำรงกันอยู่ในตัวโดยไม่ขัดแย้งกันเลย "ความเหมือน" ที่ว่านี้คือ ความเหมือนกัน ใน โครงสร้างเชิงลึก หรือโครงสร้างขั้นตอนบันไดของจิต กับ ความเหมือนกัน ในจุดค้ำและกระบวนการ 3 ส่วน ในการขับเคลื่อนจิตจากจุดค้ำหนึ่งไปยังอีกจุดค้ำหนึ่ง


    ส่วน "ความต่าง" ที่ว่านี้คือ ความต่าง ในระดับวิวัฒนาการของจิตแต่ละคน กับ ความต่าง ในโลกทัศน์ และ ความต่าง ในการไหลลื่นในการผ่านกระบวนการ 3 ส่วนในจุดค้ำของแต่ละคน


    ผู้นำแบบบูรณาการขนานแท้ ที่เข้าใจ "ความเหมือน" และ "ความต่าง" ที่ดำรงอยู่ในจิตมนุษย์ทุกคนอย่างนี้แล้ว จิตใจของเขาจะบังเกิดความอาทรและเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกทุกคน และตระหนักดีถึง ภารกิจทางการเมืองเชิงพระโพธิสัตว์ ของตัวเขาได้ว่า จักนำพาผู้คนทั้งหลายให้สามารถยกระดับจิตของตนไปตามขั้นตอนวิวัฒนาการของจิต จนถึงที่สุดของมัน โดยไม่คิดเอาตัวรอดไปเพียงลำพัง

    (f)


    _________^^^__________


     
  9. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    ดูเหมือนกระทู้นี้ตั้งขึ้นมาว่า 22.22 นิวเอจ
    แล้วก็มีคำว่า คริสตัลไลน์กริด

    แล้วทำไมผู้ตั้งกระทู้กลับเงียบเรื่องพวกนี้ไปละ
    มันเป็นยังไง
    ท่านจะทำอะไรกับเรื่องนี้
    ท่านไปติดต่ออะไรกันมา วิธีไหน
    เงียบไปเลย

    ขุดขึ้นมา กรุณาได้ไหมครับ
    เพราะผมรู้สึกว่า ซุกไว้อย่างนี้ ก็ยังไม่หายไปไหน

    เอาออกมากล่าวให้ละเอียดอีกซักที
    ไม่มีอะไรกระทบสัจจะหรอกครับ

    ก็น่าจะได้เวลามาพอสมควรแล้ว

    ขอบพระคุณล่วงหน้า
     
  10. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    ขอความกรุณากล่าวสักนิด

    ผ่านมาจะปีแล้ว
    ยังโพสต์กันไปโพสต์กันมา
    กลอนบ้าง
    คติธรรมบ้าง
    รหัสบ้าง
    กบสามตัววิเคราะห์บ้าง
    กลายเป็นผู้รู้กันไปหมดแล้ว
    ต่างคนต่างก็รู้กันไปหมดแล้ว
    ใจพร้อม
    วาจาพร้อม
    การกระทำพร้อมหรือยัง

    ถึงเวลาแล้วที่ต้องกระทำ
    กระทู้นี้จะกระทำอะไร
    หรือจะโพสต์กันไปโพสต์กันมา
    สองปีภายหน้าก็จะโพสต์กันไปโพสต์กันมาแบบนี้

    อะไรที่จะกระทำเป็นรูปธรรม
    กระทำออกมา

    ขาประจำก็คงเข้าใจกันนานแล้ว
    แล้วขาจรก็เข้ามาอ่านผ่านๆ

    นำไปเลย
    นำกันไปเลย
    อะไรที่เป็นรูปธรรม
    เอาสัจจะนำไปเลย

    หวังว่าคงไม่ได้มาโพสต์แก้เซ็งกันไปวันๆนะ
    (ขอประทานโทษ จงใจแสแสร้งแกล้งใส่อารมณ์ เนียนมั๊ย:cool::cool::cool:)
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ในเรื่องการปฏิบัติ ****

    ไม่มีอะไรมาอยู่เหนือ สัจจะ
    สัจจะ เป็นที่สุดของการกระทำแล้ว
    ระวัง...คนไม่มีสัจจะ จะนำความทุกข์ร้อนมาให้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    <table id="post4336183" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);">[​IMG] เมื่อวานนี้, 06:26 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #2051 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> กบสามตัว
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Nov 2010
    ข้อความ: 17
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_4336183" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> ดูเหมือนกระทู้นี้ตั้งขึ้นมาว่า 22.22 นิวเอจ
    แล้วก็มีคำว่า คริสตัลไลน์กริด
    ..:VO

    แล้วทำไมผู้ตั้งกระทู้กลับเงียบเรื่องพวกนี้ไปละ
    มันเป็นยังไง
    ท่านจะทำอะไรกับเรื่องนี้
    ท่านไปติดต่ออะไรกันมา วิธีไหน
    เงียบไปเลย

    ขุดขึ้นมา กรุณาได้ไหมครับ
    เพราะผมรู้สึกว่า ซุกไว้อย่างนี้ ก็ยังไม่หายไปไหน

    เอาออกมากล่าวให้ละเอียดอีกซักที
    ไม่มีอะไรกระทบสัจจะหรอกครับ

    ก็น่าจะได้เวลามาพอสมควรแล้ว

    ขอบพระคุณล่วงหน้า
    </td></tr></tbody></table>



    ยินดีต้อนรับ คุณ Little Mermaid.
    คุณมาครั้งล่าสุดเมื่อ วันนี้ เวลา 11:22 AM

    (f) ด้วยรัก.. มากมาย
     
  13. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981
    4/2/2554 = 4+2+2+5+5+4 =22

    <table id="post4330272" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);">[​IMG] 02-02-2011, 08:54 AM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #2044 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> phonsiri
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Sep 2008
    ข้อความ: 36 **
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_4330272" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> เรียน คุณLITTLE DUCK รบกวนแปลรหัสด้วยค่ะ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ก.พ.2554 เช้าขึ้นเป็นวันจันทร์ พี่สาวของดิฉันฝันเห็นดิฉันอยู่ในถังเกรอะ(ถังที่เก็บอึอ) จมถึงศรีษะ แล้วตะโกนบอกพี่สาวว่าเราอยู่นี่ แล้วดิฉันก็ดีดตัวลอยขึ้นมาหายไปไหนไม่ทราบ พี่สาวมองดูอึอที่ตามตัวดิฉันขึ้นมาและที่อยู่ในถังเกรอะกลายเป็นทองสวยมาก ค่ะ และพี่สาวก็ไปซื้อลอตเตอรี่ 55 ถูก 6คู่ค่ะ
    </td></tr></tbody></table>
    30 ก.พ.2554 = 30/2/2554 = 30+2+3+5+5+4 = 48 = 12 = DHL ด่วนพิเศษ


    SISTER = 19+9+19+20+5+18 = 90 = INFINITY
    SHIT = 19+8+9+20 = 56 =EF = ENERGY FULL
    GOLD = 7+15+12+4 = 38 =CH = CONNECTING HUMANITY

    90+56+38 = 184 = RD = ROTARY DATA ข้อมูลการขับเคลื่อน
    184 = 18+4 = 22 = VICTORY
    1+8+4 = 13 = M & M

    55 = NEW AGE นิวเอจ
    6 = FULL ความสมบูรณ์แบบ



    หากดูความหมายจากความฝันตามลำดับจะเห็นได้ว่า SISTER หมายถึงความรักอันปราศจากเงื่อนไข SHIT หมายถึง พลังงานใหม่อย่างสมบูรณ์ GOLD หมายถึง การเชื่อมต่อมายังมนุษยชาติ เมื่อนำผลลัพธ์ทั้งหมดมารวมกัน คือ 184 = ROTARY DATA หมายถึง ข้อมูลของการขับเคลื่อน และ 22 = VICTORY และ 13= MAGIC & MIRACLE เมื่อนำความหมายมารวมกันจึงแปลความหมายได้ว่า ด่วนพิเศษ การขับเคลื่อนข้อมูลได้เข้าสู่พลังงานใหม่อย่างสมบูรณ์แล้ว โดยมีความรักอันปราศจากเงื่อนไข เป็นกุญแจสำคัญ โดยการนำMAGIC & MIRACLE มารวมกันโดยมีจุดตัดที่ MIDDLE ดังนั้น รางวัลจากล๊อตเตอรี่ คือ NEW AGE อย่างสมบูรณ์ เมื่อดูผลลัพธ์ 36 = CF = CONFIRM FUNCTION และวันที่โพสต์วันนี้ ต่างยืนยันข้อมูลซึึ่งกันและกัน คือ 22.22

    ดังนั้น เมื่อพลังงานใหม่เต็มที่แล้ว ภารกิจอื่นยังคงต้องดำเนินต่อไป นับจากวันนี้เป็นต้นไป 4/2/2554 = 22 ข้าพเจ้าขอปิดกระทู้ และขอส่งมอบกุญแจให้กับท่านต่อไป

    ยินดีต้อนรับ คุณ Little Duck.
    คุณมาครั้งล่าสุดเมื่อ เมื่อวานนี้ เวลา 10:55 AM
     
  14. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981
    9/7/2554 = 32 NEW ! NEW AGE พลังงานใหม่

    WELCOME BACK JINTAWADEE ..

    ;aa4
     
  15. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981
    <table id="post4859500" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px">[​IMG] วันนี้, 09:42 AM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #4143 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> วสุธรรม
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2008
    สถานที่: บ้านคนธรรมดา
    อายุ: 48
    ข้อความ: 1,836
    พลังการให้คะแนน: 636 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </td> <td class="alt1" id="td_post_4859500" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> ยินดีต้อนรับการกลับมาของคุณJINTAWADEE
    คิดถึงเสมอครับ

    (กระทู้คุณJINได้ล๊อกห้องไว้ครับจึงหาไม่พบ ต้องให้คุณLittle duckผู้ตั้งกระทู้ปลดล๊อค)
    22.22 รหัสจักรวาลในยุค NEW AGE พลังงานใหม่สู่ศิิวิไลซ์
    __________________
    ดวงจิตสวยใสใจร่มเย็นดวงตาเห็นธรรมเหล่ามารยอมสยบโลกสู่ยุคศิวิไลซ์
    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2011
  16. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> Little Duck* </td> </tr> </tbody></table>
    [​IMG] (View-All) สมาชิกที่ได้อ่านกระทู้นี้แล้ว : 1527 (Set)

    1+5+2+7 = 15 = OPEN

    15+27 = 42 = DB = DATA BASE
    NEW = 14+5+23 = 42

    NEW ! NEW AGE = 42+55 = 97
    9+7 = 16


    DATA BASE = NEW !

    แปลความหมายตามลำดับได้ว่า 1527 หมายถึง DATA BASE และ 15 = OPEN หมายถึงเปิดกระทู้ และยังหมายถึง NEW ! ซึ่งเป็นกระทู้ใหม่ เมื่อนำมารวมกับ NEW AGE = 42+55 = 97=16 จึงหมายถึง วันที่ 9 เดือน 7 ผลรวมของ พ.ศ.2554 = 16 และเมื่อนำผลรวมของ วัน เดือน ปี มารวมกัน 9+7+2+5+5+4 = 32 = 5 = E=ENERGY

    ดังนั้น เมื่อนำความหมายมารวมกัน ต่างสนับสนุนกันอย่างต่อเนื่อง จึงแปลความหมายได้ว่า การเปิดกระทู้ NEW ! NEW AGE พลังงานใหม่ จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน

    *********


     
  17. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    [​IMG]
    ยินดีต้อนรับ
    คุณJITAWADEE และLittle Duck
    มานำธรรมิกชนสู่โลกยุคใหม่ครับ
    WELCOME TO NEW AGE
    [​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2011
  18. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981
    <table id="post4858510" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px">[​IMG] เมื่อวานนี้, 10:04 PM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #[​IMG]
    ธรรมเที่ยง มีจริง
    ทำไม่เที่ยง มีจริง

    สัจจะมีผลตอบแทนเที่ยง แก่ผู้ที่ทำได้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    </td> </tr> </tbody></table>

    ขอ ยืมห้องนี้ทักทาย คุณหนุมาน คุณเมอเมด และเพื่อน ๆ พี่ น้อง มิตร ทุกท่านก่อนค่ะ ในขณะที่ยังงง งง หาห้องของตัวเอง ได้เวลามาทักทายกันแล้วค่ะ


    </td></tr></tbody></table>

    WELCOME BACK JINTAWADEE

    :z8
     
  19. แก้วทิพย์

    แก้วทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +2,435
    WELCOME BACK

    Khun Little Duck / Jintawadee คิดถึงค่ะ หายหน้าหายตาไปนาน
     
  20. อาจีฟา

    อาจีฟา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +307
    กระทู้ที่น่าสนใจกลับมาแล้ว ยินดีมากครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...