กระทู้ถามผู้ที่บอกว่าเป็นพระรังสีมุนีโพธิสัตว์ และเหล่าลูกศิษย์

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย แสงส่องทาง, 16 สิงหาคม 2010.

  1. DanaiT

    DanaiT Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +42
    ขออนุญาติแทรก ซักหน่อย เถิด ครับท่านผู้เจริญทั้งหลาย อยากถามท่านผู้เจริญทั้งหลาย ว่า พวกท่านเคยได้อ่าน ได้ฟังสิ่งที่ท่านพุทธทาส ได้เคยเทสสอน บ้างหรือไม่ ขอรับ ท่านสอนว่ากระไรหรือขอรับ ท่านสอนให้ยึดกันไว้ใช่หรือไม่ ไอ้คำว่า อัตตา = ตัวกู ของกู เนี่ย ใช่หรือไม่ขอรับ ท่านสอน ให้ยึดมั่นใช่หรือไม่ขอรับ ถ้าใช่ก็เถียงกันไปเถิด เถียงกันต่อไป มันคงเป็นสาระให้ท่านทั้งหลาย เจริญในธรรม ยิ่งๆขึ้นไป ผมไม่ได้เป็นผู้ รู้ ไม่ได้เป็นผู้ มีปัญญา ไม่ได้มาเพื่อแก้ต่างให้กับ ใคร เพียงแค่ อยากจะบอกว่า ก็ถ้า ลองอ่าน กระทู้ของ ลูกศิษย์อ.กร แล้ว ผมไม่เห็น ว่าจะมีความต่าง ในการสอน ของเขากับพระพุทธทาส ท่านสอนเลย ผมก็เห็นเขา สอนให้ละ อัตตา ละตัวกูของกู ออกไป ใช่หรือไม่ครับ เถียงกันไปแล้วกิเลส มันลดลง หรือเพิ่มขึ้นล่ะครับ ถ้าเถียงกันแล้ว มันลดลงก็เถียงกันไปเถอะ ถ้าเถียงแล้วมันเป็นสาระเพื่อ ละกิเลส ก็จงเถียงกันต่อไป ดูแต่ สมัยพุทธกาล ดิ่ ทำไม พระองค์ถึงไม่สอน คนทุกคนแบบเดียวกัน ล่ะครับ เพราะอะไร ลองไตร่ตรองและพิจารณาเอาเถิด อย่าได้เอา เรื่องไร้สาระมาเป็น ประเด็นเลย ถ้า ทั้งหมดเป็นแนวทางเดียวกัน แล้ว จะทะเลาะกัน เถียงกันไป เพื่อ ? เพื่อละกิเลส ฤๅ เพื่อละ ความเป็นตัวกูของกู ฤๅ ถ้าใช่ก็จง ทำมัน ต่อไปเถิดท่านผู้เจริญ สาธุ ขอรับ ไม่ว่าท่านจะเข้าใจจุดประสงค์ของกระผมหรือไม่ ขอให้ ท่านทั้งหลาย จงเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป พรอันใดที่ข้าพเจ้าพึงมี ขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้รับมันเพื่อ บรรลุ ธรรมอันประเสริฐ ยิ่งๆ ขึ้นไป

    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
     
  2. arnonpattana

    arnonpattana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +216
    คุณอาจารย์กรที่ขัดพุทธยากรณ์กับบอกว่าตนเป็นพระรังสีมุนีนาถเกิดจากวิปัสสนูปกิเลส10ข้อ แกเป็นนักปฏิบัติแต่แกปฏิบัติผิดพลาดถ้าหากใครไปทำตามมีสิทธิ์จะพลาดได้เหมือนกันดังนั้นให้เราลองพิจารณาก่อนว่าควรจะเดินรอยตามไหม

    วิธีแก้วิปัสสนูปกิเลส
    1.พิจารณาโทษของวิปัสสนุปกิเลส

    2.พิจารณาวิปัสสนูปกิเลสตามกฏไตรลักษณ์

    3.พยายามเปลี่ยนอิริยาบลสม่ำเสมอ

    4.ยั่วให้โกรธ

    5.ขู่ขนาบให้กลัว

    แล้วที่สำคัญพวกนี้เวลามีความทุกข์มาเยือนจะทุกข์กว่าคนปรกติหลายเท่าตัวหนักหรือบางทีมีอะไรมากระทบไม่ถูกใจก็โกรธเอาง่ายๆและหนักด้วยซึ่งอาจารย์กรมีอาการลักษณะแบบนั้นแล้วเรื่องแบบนี้เคยมีเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต

    หมายเหตุ:ใครที่ติดวิปัสสนูปกิเลสเวลามีทุกข์มากระทบให้พิจารณาธรรมเช่นปฏิจจสมุปบาท กายเป็นปฏิกูล อสุภะหรือซากศพ ไตรลักษณ์ ขันธ์5 ธาตุสี่ พิจารณาความตายหรือเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อบดบังทุกข์

    กรณีที่หลวงตาพวงติดวิปัสสนูปกิเลสแล้วหลวงปู่ดูลย์ อตุโลแก้ให้
    ::
     
  3. DanaiT

    DanaiT Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +42
    คือแค่ จะบอกว่า ถ้าคุณ ฟิออ เข้าใจประเด็น ผมอ่ะน่ะ ก็ จะ เข้าใจ ว่าผมไม่ได้สนใจหรอกครับ ว่าอ. แกจะ ผิดอะไรแค่ไหน ยังไง ผม ก็แค่ จะบอกว่า เนื้อหาที่ อาจารย์แกบอก ก็คือ อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ซึ่งก็ถ้ามันตรง กัน กับที่ คุณฟิออ เข้าใจ ก็ดี ไป แต่ถ้าไม่ตรง ก็ลองกลับไป พิจารณาดูว่า ธรรมที่พระพุทธองค์ สอน ก็ไม่ได้ต่างไปจากที่ อ. เขาบอกซักเท่าไหร่ เพราะงั้น ก็ถ้า อ. เขาจะผิดอะไรแค่ไหน ยังไง นั่นก็เรื่องของเขา ไม่ได้เป็นสาระที่เรา จะต้องไปยึดถืออะไร หรือ ถ้าเขาไม่ผิด จริงๆ ล่ะ ก็กลายเป็น คุณไป ปรามาส ธรรมเข้าให้อีก ใช่หรือไม่ครับ
     
  4. arnonpattana

    arnonpattana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +216
    ไม่ทราบว่าผมบอกตอนไหนเหรอครับว่าธรรมมะของอาจารย์กรผิดประโยคไหนครับอีกอย่างไม่ทราบว่าคุณจะร้อนตัวแทนท่านทำไมละครับขนาดคนที่นับถือพระพุทธเจ้าท่านยังไม่ร้อนตัวถึงขนาดนี้เลยนะครับ
     
  5. nrongrit

    nrongrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +546
     
  6. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    อยากรู้เหมือนกัน

    เอามาจากไหน ไม่มีพระศรีอาริยเมตไตรย หลวงพ่อฤาษีท่านยืนยันว่ามี แถมสร้างมณฑปไว้ที่วัดท่าซุงด้วย

    ผมไม่เคยได้ยินชื่อเสียงอะไรอาจารย์ท่านนี้น่ะ แต่จากที่เจ้าของกระทู้กล่าวมา มันน่าคิดอยู่
     
  7. Readome

    Readome เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +130
    เรื่องพระโพธิสัตว์นี่ก็ชอบกันหนักหนา เพราะว่าคิดว่ามันง่ายสวยหรู และดีที่สุด
    ผมเคยไปฟังธรรมะของท่านพราหมณ์ ท่านบอกว่า คนเราเกิดมานี่มันลำบากนะ
    เพราะอยู่ไม่เป็นสุข เพราะความคิด ไอ้ความคิดเรานี่แหล่ะตัวฉกาจฉกรรณ์
    เรื่องการปฏิบัติธรรมท่านต้องเข้าใจว่าที่มาฟังกันในวันนี้ เราไม่ได้ฟังธรรมกันเพื่อ
    จะเอาชนะกัน
    มาถกเถียงกันนะ หรือมาว่าของฉันดีของเธอไม่ดี มาที่นี่มีแค่จิต
    ไม่มีศาสนา หากมาแบ่งแยกว่า คริสตร์ พุทธ สาระพัดปัญหา นี่มันไม่เห็นธรรมหรอกนะ
    พระพุทธองค์เราคือกลาง ศาสนาอื่นก็คือกลาง ปัญญา ตัวเดี๋ยวกันไม่มีใครเก่งเหนือใคร
    แต่พระพุทธองค์ ท่านใช้ปัญญาพิจารณามาก เพราะอยากจะให้มนุษย์หลุดพ้น
    ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดมาในโลกมนุษย์นี้ ฉะนั้นก่อนจะหลุดพ้นมันต้องสร้างบารมีกันก่อน
    ฉะนั้นท่านพิจารณาแล้วคิดตามนะว่า อะไรคือ ร่างกาย และอะไรคือจิต ข้าพเจ้าเองไม่ใช่
    ผู้ที่จะบรรลุมรรคผลน่ะ เวลามะม่วงสุกท่านรู้ไหมว่าจะสุกวันไหนเดือนไหนฉะนั้นไม่มีใครรู้
    ฉะนั้นคนมีธรรมคนเห็นธรรมนี่มาพูดไม่ได้ว่าเห็นธรรมแล้ว มันพูดไปจะมีอคติกันเปล่าวๆ
    บางคนมาถามข้าพเจ้าว่า ท่านเป็นโพธิสัตว์เหรอทำไมถึงทำแบบนี้ เราก็บอกว่าเราเป็นแค่
    เป็นแค่ไอ้สัตว์ตัวหนึ่งที่ยังมาบ้าเวียนว่ายตายเกิดเหมือนพวกท่าน ถ้ามันรู้แจ้งทุกข์แล้ว
    มันคงไม่เกิดมาแบบนี้หรอก การที่คนเราจะเป็นอะไรหรือไม่อะไรมันมีตัวเดี๋ยวคือ จิต น่ะ
    อยากเป็นอะไรเป็นได้หมดสารพัด แต่ขึ้นอยู่กับอำนาจกรรมนะว่ามันจะส่งผลไหม
    เอาเป็นว่าเมื่อตายไป เราให้ท่านกินเกลือทั่วโลกท่านจะบอกไหมว่า มันรสชาติอะไร
    มันก็ต้องตอบว่าเค็มหมดสิ เพราะอะไรความรู้สึกมันตัวเดียวกันคือมันเค็ม
    เรื่องการปราถนาโพธิญาน พระโพธิสัตว์ข้าพเจ้าเคยถามแล้วว่าทำไมอยากเป็นโพธิสัตว์
    เขาบอกว่า อยากจะเป็นพระพุทธเจ้า นั่นไงจิตมันตั้งหมั่นแล้วแค่อยากจะเป็นสำคัญนะ
    เรื่องความรู้สึก คราวนี้ท่านต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นแสนๆชาติเอาเต็มที่น่ะ แต่ไม่ใช่ว่า
    ท่านจะเป็นน่ะ แค่อยากแค่นั้นเอง เหมือนเราฝากเงินในธนาคารเพื่อเอาดอกเบี้ยธนาคาร
    เขามีกำหนดใช่ไหมว่า 4 เดือน 6 เดือน 12 เดือน ท่านต้องฝากให้ครบระยะที่กำหนดไว้
    ฉะนั้นอย่าหวังว่าจะได้ดอกเบี้ย หากไม่รอดอกเบี้ยท่านก็ไปถอนซะเพราะต้องเอามาใช้สอย
    รอไม่ได้ นี่แหล่ะความปราถนาเหมือนกับเงินที่เราสะสมในธนาคาร ฉะนั้นมันบอกกันไม่ได้
    ว่าเราจะเก็บเงินรอดอกหรือถอนก่อนกำหนด ขึ้นอยู่กับใจเท่านั้นน่ะ เมื่อวานมีโพธิญาณมา
    หามากมาย บอกว่าเขาปราถนาเป็นพุทธภูมิกำลังสะสมบารมี อยากให้ผมดูบารมีให้
    ผมเลยบอกว่าเอ้าดูก็ดู เดี๋ยวดูให้ เขาบอกว่าครูอาจารย์บอกว่าผมมีบารมี ไอ้นี่ผมไม่เชื่อ
    บอกแล้วไง มะม่วงเวลามันจะสุกเรายังไม่รู้เลยเรารู้แค่ตามตำราว่าใช้ระยะเวลาเท่าไหร่
    ผมเลยบอกว่า ทำไมอยากให้ดูบารมีให้หรืออยากเป็นโพธิสัตว์หรือรู้ว่าเป็นโพธิสัตว์แล้ว
    เขาเลยบอกว่า เขานั่งสมาธิไปแล้วเห็นพระพุทธเจ้ามาบอกว่าเขาปราถนาเป็นโพธิสัตว์
    เลยเห็นดอกบัวเขาเลยนั่งดอกบัวสวยมากแสดงว่าเขาเป็นพระโพธิสัตว์แน่ๆ เขาเลยมาถาม
    ผมเพื่อความแน่ใจ ผมเลยบอกเขาว่า แกไม่ได้เป็นหรอกไอ้ชาติหมา แล้วผมก็ยิ้ม
    เขาโกรธเป็นฝืนเป็นไฟมากมายด่าผมว่า ทำไมท่านถือศีลปฏิบัติธรรมถึงพูดแบบนี้
    ด่าเราเป็นฉอดๆ เราเลยบอกว่า นั่นไง ไอ้สัตว์มันขึ้นแล้ว ไหนว่าท่านคือโพธิสัตว์
    จำไว้นะว่า อารมณ์โพธิสัตว์ลึกมาก เพราะมีแต่เมตตาพรหมวิหารน่ะ ท่านเน้นเมตตา
    ขนาดเสียเลือดเสียเนื้อ ก็ต้องยอมไอ้นี่เราพูดนิดหน่อยท่านก็โกรธเป็นฝืนเป็นไฟแล้ว
    อย่าไปหาเลยโพธิสัตว์เพราะท่านยังขาดกำลังใจอีกมากฉะนั้นวันนี้ท่านก็รู้ตัวแล้วไง
    เรื่องการเป็นโพธิสัตว์นั่งบัวนั่งอะไรเราอย่าไปสนใจ เราสนใจตัวเดี๋ยวคือ จิตมันใจจดใจจ่อ
    อะไรตอนนี้ ไปนังหลับตาพิจารณาดูน่ะ ว่าเราคิดอะไรทุกวันนี้ หากโกรธอยู่มันก็ร้อนแม้แต่
    ล้มตัวนอนมันก็ทุกข์ หากโลภมันก็ไม่สุขเพราะมีแต่อยากได้ลาภยศสุขสรรเสริญ หากหลง
    มันก็ยังอยู่แค่ มนุษย์โลก เทวโลก อบายภมิทั้ง 4 นั่นให้เราไปพิจารณากันเอาเอง
    มันพูดได้ว่าปราถนา แต่มันบอกไม่ได้ว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ถือใจเป็นที่ตั้งสะสมไปเรื่อยๆ
    ไม่ต้องรีบร้อนหรอก พุทธจิตนี่มันระเอียดคนมีธรรมไม่ใช่ว่าพูดเก่งเทศน์เก่งน่ะ เขาดูการปฏิบัติว่าเป็นแบบไหนของพวกนี้มันเห็นไม่ได้ด้วยตา มันใช้เวลาในการพิจารณาน่ะ
    ปฏิบัติธรรมทุกศาสนาก็บรรลุมรรคผลขึ้นอยู่กับมารู้จักตัวกุศลและอกุศลดีพอหรือยัง
    มันก็แค่นั้นเอง นี่แหล่ะเขาเรียกว่า ฆราวาสผู้ครองธรรมมันต้องมี ศีล สมาธิ ปัญญา
    แต่อย่าลืม สะสม ทาน ศีล ภาวนา กันเอาไว้เท่านั้นเป็นพอ อย่าปฏิบัติแบบ จิต วิปลาสน่ะ
    คิดแบบโน้นคิดแบบนี้ ให้เป็นรูปแบบนั้นแบบนี้ ท่านระวังทุกข์เองน่ะ ฉะนั้นอะไรก็ตาม
    อย่าไปยึดมัน ยึดแค่กุศล ล่ะอกุศลก็เป็นพอ เอาไว้เตรียมเยบียงไว้เลี้ยงตัวก็พอแล้ว
    คำว่าบุญ มันเป็นไปได้ทุกอย่าง เพราะมันมีแต่สุขน่ะ แต่หากหลงสุขนั้น สักวันมันก็ต้องทุกข์
    สลับกันไป นี่แหล่ะ กามาวจร ท่านทั้งหลายจงจำไว้
    ธรรมะของท่านผ้าขาว
     

แชร์หน้านี้

Loading...