พระพุทธเจ้าไม่ได้เป็น มนุษย์ แล้วพระพุทธเจ้าเป็นใคร?

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย จิตสดใส, 9 มีนาคม 2011.

  1. จิตสดใส

    จิตสดใส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +1,260
    [​IMG]
    ทรงขนานนามพระองค์เองว่า ​
    [FONT=PMingLiU,Bold][FONT=PMingLiU,Bold][/FONT][/FONT]พุทธะ[FONT=PMingLiU,Bold][FONT=PMingLiU,Bold][/FONT][/FONT]​

    [FONT=PMingLiU,Bold][FONT=PMingLiU,Bold]
    (
    [/FONT]​
    [/FONT]การสนทนาดับโทณพราหมณ์[FONT=PMingLiU,Bold][FONT=PMingLiU,Bold],[/FONT][/FONT]เริ่มในที่นี้ด้วยพราหมณ์ทูลถาม[FONT=PMingLiU,Bold][FONT=PMingLiU,Bold])​
    [/FONT][/FONT]
    “​
    ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นเทวดาหรือ ?”

    “​
    พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นเทวดาดอก”.

    “​
    ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นคนธรรพ์หรือ ?”

    “​
    พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นคนธรรพ์ดอก”.

    “​
    ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นยักษ์หรือ ?”

    “​
    พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นยักษ์ดอก”.

    “​
    ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นมนุษย์หรือ ?”

    “​
    พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นมนุษย์ดอก”.

    “​
    ท่านผู้เจริญของเรา ! เราถามอย่างไร ๆ ท่านก็ตอบว่ามิได้เป็นอย่างนั้น ,ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นอะไรเล่า?”

    “​
    พราหมณ์เอย ! อาสวะ เหล่าใด ที่จะทำให้เราเป็น เทวดาเพราะยังละมันไม่ได้, อาสวะเหล่านั้นเราละได้ขาด ถอนขึ้นทั้งรากแล้วทำให้เหมือนตาลยอดด้วน ไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้น อีกต่อไปแล้ว, พราหมณ์เอยอาสวะเหล่าใดที่จะทำให้เราเป็น คนธรรพ์ เป็น ยักษ์ เป็น มนุษย์ เพราะยังละมันไม่ได้, อาสวะเหล่านั้น เราละได้ขาด ถอนขึ้นทั้งรากแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดด้วน ไม่ให้มีไม่ให้เกิดขึ้น อีกต่อไปแล้ว.

    พราหมณ์ ​
    ! เปรียบเหมือนดอกบัวเขียว บัวหลวง หรือบัวขาว,มันเกิดในน้ำเจริญในน้ำโผล่ขึ้นพ้นน้ำตั้งอยู่ น้ำไม่เปียกติดมันได้ ฉันใดก็ฉันนั้นนะ
    พราหมณ์
    ! เรานี้เกิดในโลก เจริญในโลก ก็จริง แต่เราครอบงำโลกเสียได้แล้ว และอยู่ในโลก โลกไม่ฉาบทาแปดเปื้อน เราได้.พราหมณ์ ! ท่านจงจำเราไว้ว่า เป็น พุทธะดังนี้เถิด.

    บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๔๙/๓๖. ตรัสแก่โทณพราหมณ์ ที่โคนไม้ระหว่างทางแห่งหนึ่ง.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • index.jpg
      index.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.1 KB
      เปิดดู:
      713
  2. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    จะสื่อความหมายถึงสิ่งใด คิดทำสิ่งใดย่อมรู้อยู่แก่ใจตนเอง

    แปลแล้วสรุปให้แจ่มแจ้งไปเลยดีไหมน้องเอ๋ย...อ่านแค่เฉพาะหัวเรื่องพี่ตกใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2011
  3. jedsadaphol

    jedsadaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +102
    เห็นด้วย
     
  4. Phuket

    Phuket เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +877
    มนุษย์สามารถที่จะรู้ ยับยั้ง ได้ และบำเพ็ญเพียรบารมีได้ กระทำดีและกระทำบาปได้ในเวลาเดียวกัน แต่สัตว์เดรัจฉานทำไม่ได้ แต่เพียงว่ารู้เท่านั้น เทวดารู้และบำเพ็ญเพียรได้แต่จะเป็นเหมือนมนุษย์ไม่ได้

    พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์เป็นมนุษย์ก่อนแล้วจะไปนิพพานได้
     
  5. วีระชัยมณี

    วีระชัยมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,128
    ค่าพลัง:
    +2,548
    อ่านแล้วก็ไม่มีอะไรนิครับ ไม่ทราบว่าผู้ตั้งกระทู้นั้น อยากจะถามความเห็นอะไรไหม หรือว่าแค่ โพส เฉยๆครับ เพราะที่อ่านดูก็ไม่เห็นว่า พุทธองค์จะบอกว่าท่านไม่ได้เป็น มนุษย์นิครับ ท่านแค่พูดถึงเรื่อง กิเลส ก็เท่านั้นเอง
     
  6. passakorner

    passakorner เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +1,034
    พี่เจ้าของกระทู้เขา อุปมาอุปมัย น่ะครับ ^^
     
  7. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ไข่ฟองที่ 5 พญาราชสีห์นำไปเลี้ยงดู

    เป็นยุค กาศิต


    คือประกาศิตโปรดแม่กาเผือก
    จะมาสำเร็จเป็นพระศาสดา “พระศรีอารีเมตไตร”
    ในอนาคตกาลเบื้องหน้า และ ทำหน้าที่ปิดภัทรกัป
    คือนำพาเหล่าธาตุธรรมที่ยังโปรดไม่ได้
    ในยุค 4 พระองค์ก่อนเข้าสู่ฝั่งพระนิพพาน

    เนื่องด้วยพญาราชสีห์เป็นจ้าวป่า อยู่ด้วยการล่าและกินเนื้อ
    สัตว์ต่าง ๆ เป็นอาหาร ได้เข่นฆ่าชีวิตสัตว์อื่นอยู่เป็นนิจสิน
    กรรมของพญาสัตว์จึงมีมากมาย



    <CENTER>
    ยามเมื่อพญาราชสีห์นำฟองไข่ที่ 5 มาเลี้ยงดู
    เมื่อแตกออกมาเป็นพระมหาสัตว์
    ให้พระนามว่า “ระนัญชะโห พันธุกะ เมเตโย” </CENTER>

    พระมหาสัตว์ระนัญชะโห ต้องเวียนว่ายตายเกิด สร้างพระ
    บารมีอย่างวิริยะอุตส่าห์ เพื่อจะโปรดพระบิดาพันธุกะ คือ พญา
    ราชสีห์คืนสู่ฝั่ง สร้างบารมีสำเร็จธรรม 1 รอบ ก็ยังโปรดพระ
    บิดามิได้ ด้วยพระมหาเมตตาเป็นที่ตั้งอย่างสูงสุด ที่จะโปรด
    พระบิดาพญาราชสีห์ให้ได้ จึงวิริยะสร้างบารมีต่อไป รอบที่ 2
    รอบที่ 3 รอบที่ 4 ก็ยังโปรดพญาราชสีห์ไม่สำเร็จ พระมหา
    สัตว์ระนัญชะโห ฯ จึงเวียนสร้างบารมี นับอสงไขยไม่ถ้วน
    จวบจนถึง 16 อสงไขยแสนมหากัป พระองค์จึงสำเร็จธรรมใน
    รอบที่ 5



    <CENTER>
    ครานั้นพระมหาสัตว์ทรงขัดสมาธิเพชร์
    บรรลุธรรมในรอบที่ 5 แจ้งประจักษ์แห่งธรรมว่า
    พระองค์ออกจากนามราชสีห์แล้ว
    ออกจากนามของสัตว์แล้ว จึงเรียกตัวเองว่า
    พุทธองค์

    “เราไม่ใช่สัตว์ เราไม่ใช่บุคคล
    ไม่ใช่เทพพรหม
    เราคือพุทธองค์ ”

    พระนามแห่ง พระระนัญชะโหพันธุกะ ก็หมดสิ้นไป

    “เราคือ พระศรีอารีเมตไตร”

    จึงนับได้ว่าในภัทรกัปนี้
    องค์พุทธที่ 5 คือ พระศรีอารีเมตไตร
    เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น
    ที่สามารถบำเพ็ญบารมี

    จนบรรลุธรรมออกจากสามัญนามแห่งสัตว์ </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]

    นวกาพรหม 2</CENTER>
     

แชร์หน้านี้

Loading...