มีอาการกังวลอย่างมากเกือบถึงขั้นโรคจิตแล้วคับทำไงดี

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย playme, 4 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. playme

    playme สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมอายุ18 ชอบกังวลเรื่องๆๆต่างๆๆๆมากมาย กลัวตาบอดบ้าง กลัวคนในครอบครัวตายบ้าง กลัวเอ็นไม่ติดบ้างทั้งๆที่เอ็นติดแล้ว เวลาว่ายพระ หรือผ่านสถานที่ศักสิทธิ์ชอบมีความคิดแง่ลบรอยเข้ามาในหัว โดยไม่ใช่ความคิดทีแท้จิงของผมเลย ผมควรทำอย่างไรคับ ทุกวันนี้ไม่มีความสุขเลย คิดมากตลอดเวลาเลยอะคับ
     
  2. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    หลักธรรมที่เอาชนะความวิตกกังวล

    เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระอาจารย์ พม. ดร.สมชาย ฐานวุฑโฒ ในรายการทันโลก ทันธรรม ประจำวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๐
    ความวิตกกังวล คือ อาหารจานเลิศของความล้มเหลว ยิ่งมีมากเท่าไหร่ความล้มเหลวยิ่งใกล้เข้ามาเท่านั้น ความวิตกกังวล คืออาการของจิตใจที่เกิดความกลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เช่นกลัวภยันตรายต่าง ๆ กลัวความล้มเหลว หรือกลัวในสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ความวิตกกังวลเป็นสิ่งที่สร้างปัญหาให้คนหลาย ๆ คน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลยกับเจ้าของความคิด ความวิตกกังวลจะแตกต่างจากความไม่ประมาทอย่างสิ้นเชิง ความไม่ประมาท คือการระมัดระวังป้องกันสิ่งต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อการงานที่เรากำลังทำอยู่ ความไม่ประมาทเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ ทำให้เราไม่ดูเบาในสิ่งที่อาจจะสร้างปัญหาให้กับเรา ทำให้เรามีความละเอียดรอบคอบและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ความวิตกกังวลกับตรงกันข้ามจะคอยบั่นทอนจิตใจเราทำให้ไม่สามารถทำงานได้ เปรียบเสมือนสนิมที่คอยกัดกร่อนความเข้มแข็งของจิตใจเราให้ลดลงไปเรื่อย ๆ ความวิตกกังกลจะเริ่มต้นภายในจิตใจของเราแล้วก็จะลุกลามมาถึงร่างกายของเรา ทำให้มีอาการต่าง ๆ เช่น ใจสั่น เหงื่อออก ท้องใส้ปั่นป่วน มวนท้อง หูอื้อตาลาย ใบหน้าหมองคล้ำ ท่าทางหดหู่เซื่องซึม เป็นต้น ความวิตกกังวลสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับคนและสัตว์
    คนในโลกนี้เราสามารถแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่มใหญ่ ๆ ตามลักษณะการตอบสนองตอบต่อความวิตกกังวล คือ

    ๑.พวก Pro-active คนกลุ่มนี้จะไม่วิตกกังวล ถ้ามีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น คนกลุ่มนี้จะพยายามมองหาทางเลือกต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาเพื่อจะมุ่งไปสู่เป้าหมาย คนกลุ่มนี้จะมองว่าภายใต้เงื่อนไขข้อจำกัดต่าง ๆ นั้น เขาจะทำอะไรได้บ้าง โดยจะไม่สนใจในรายละเอียดจนเกินไป แต่จะใส่ใจในเป้าหมายเป็นสำคัญ

    ๒.พวก Re-active คนกลุ่มนี้เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมักจะจมอยู่กับปัญหาโดยไม่คิดที่จะหาทางออกจากปัญหา และมักจะพยายามหาข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อที่จะไม่สู้ และไม่ทำอะไร เช่น อ้างว่าเรายังไม่พร้อม เราไม่มีอำนาจ ยังไม่มีใครสั่งมา สถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวย เร็วเกินไป สายเกินไป ร้อนเกินไป หนาวเกินไป เป็นต้น

    ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้นมาก็ตาม เราจะต้องรู้จักแยกแยะเรื่องราวออกเป็นส่วน ๆ คือ

    ๑ . สิ่งที่เราสามารถควบคุมจัดการได้ด้วยตัวของเราเอง (Direct control) การจัดการกับปัญหากลุ่มนี้ก็คือเราต้องเอาชนะใจตนเอง
    ๒.สิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมจัดการได้ด้วยตนเองแต่จะเกี่ยวข้องกับคนอื่น(Indirect control) การจัดการปัญหาแบบนี้ก็คือเราต้องมีวิธีการที่จะเอาชนะใจคนอื่น
    ๓. สิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม (Out of control) เป็นสิ่งที่ใครก็ควบคุมไม่ได้ เช่น ภัยธรรมชาติ เศรษฐกิจตกต่ำ เป็นต้น วิธีจัดการกับสิ่งเหล่านี้คือ ทำใจสงบนิ่ง ๆ แล้วก็กล้าที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างกล้าหาญและเข้าใจ ยิ้มสู้กับปัญหา คิดว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดโดยไม่วิตกกังวลกับสิ่งเหล่านั้น

    วิธีการฝึกตัวเองให้เป็นคน Pro- active

    ขั้นตอนที่ ๑ ต้องเปลี่ยนทัศนคติตัวเอง ว่าทุกสิ่งมีทางออกเสมอ อย่าไปเสียเวลากับความวิตกกังวลเลย

    ขั้นตอนที่ ๒ ต้องทุ่มเทความพยายามของเราลงไปในสิ่งที่เราจัดการได้ สิ่งใดที่เราจัดการไม่ได้ก็ให้พักไว้ก่อน ลงมือทำภายใต้ความเชื่อมั่นว่าเราทำได้ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ที่เป็นไปได้ มันย่อมเป็นไปได้จริง แล้วสิ่งนั้นก็จะสำเร็จได้ด้วยฝีมือของเราได้จริง ๆ

    ขั้นตอนที่ ๓ ให้กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน และต้องมีความรับผิดชอบต่อเป้าหมายนั้น

    ขั้นตอนสุดท้าย ถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นให้เรียนรู้และแก้ไข อย่ามัวจมปลักอยู่บนกองความผิดพลาดนั้น คนเราเมื่อล้มแล้วให้รีบลุกขึ้นมา ปัดฝุ่นทิ้งไปแล้วเดินหน้าต่อโดยไม่ต้องไปใส่ใจในฝุ่นนั้น

    ช่วงทันธรรม ความวิตกกังวลเกิดขึ้นจากการคิดสมมติอย่างขาดสติและปัญญา ทำให้ไม่กล้าที่จะทำอะไรเลย ชีวิตจะมีแต่ความอับเฉา เพราะความวิตกกังวลจะเป็นตัวขัดขวางบั่นทอนการทำงานทุกอย่างของเรา ความวิตกกังวลจะแตกต่างจากความไม่ประมาท เพราะความไม่ประมาทคือการมองไปข้างหน้าว่ามีโอกาสที่จะเกิดอะไรขึ้นได้บ้างและทำการไตร่ตรองด้วยปัญญาอย่างมีสติ เมื่อพิจารณาทุกอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบดีแล้วก็กล้าที่จะตัดสินใจลงไป เมื่อได้ตัดสินใจแล้วจะไม่มีความกังวลใด ๆ แต่จะมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไปโดยไม่คิดว่าต้องรอให้พร้อมเสียก่อนเพราะความพร้อมไม่มีในโลก ถ้ารอให้พร้อมค่อยทำจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาในโลกใบนี้เลย คนที่ไม่ประมาทเมื่อไตร่ตรองดีแล้วจะกล้าตัดสินใจ และเมื่อตัดสินใจแล้วก็กล้าที่จะเดินหน้าทำให้สำเร็จตามที่ได้ตัดสินใจนั้น แต่อย่าเอาไปปะปนกับคนที่มีลักษณะที่กล้าแบบบ้าบิ่น สำหรับคนที่ขี้วิตกกังวลแล้วจะเป็นลักษณะเดินหน้าถอยหลัง คิดวนไปเวียนมาเพราะมัวแต่คอยจะวิตกกังวลเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลาทำให้ไม่กล้าตัดสินใจ

    ธรรมชาติของทั้งคนและสัตว์ การที่จะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จ มีองค์ประกอบ ๒ อย่าง คือ ๑. มีฝีมือ คือมีความสามารถที่จะทำเรื่องนั้น ๆ และ ๒. ต้องมีความเชื่อมั่นว่าตนเองทำได้ ดังนั้นการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นจะต้องประกอบไปด้วยทั้ง ๒ องค์ประกอบดังกล่าว

    การจะตัดความวิตกกังวล และสร้างความกล้าหาญ สร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาในจิตใจของเราพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ให้หลักการไว้ เรียกว่า เวสารัชชะการะณะธรรม คือหลักธรรมที่ทำให้เกิดความกล้าหาญ มี ๕ ประการ คือ

    ๑.มีศรัทธา คือมีความเข้าใจในเรื่องกฎแห่งกรรม โลกนี้โลกหน้า บุญ-บาป อย่างถูกต้อง พอเราเป็นคนที่มีศรัทธามีความเชื่อมั่นในสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราเป็นคนที่มีกรอบความคิดขยายกว้างขึ้น คือไม่คิดเพียงแค่ชาตินี้เพียงชาติเดียว เพราะถ้าคนใดมีความเข้าใจแค่เพียงชาตินี้เท่านั้นจะทำให้ขาดหลักประกันที่มั่นคงของชีวิต แต่ถ้าเรามีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องโลกนี้โลกหน้าแล้วละก็ เปรียบเสมือนเรามีบริษัทประกันที่มีความมั่นคงอันดับหนึ่งแห่งจักรวาลเลยทีเดียว เป็นบริษัทประกันที่ไม่เบี้ยวให้ผลตอบแทนที่แน่นอนแม้ละโลกไปแล้วยังตามให้หลักประกันได้อีก สามารถให้หลักประกันไม่เฉพาะเรื่องทรัพย์อย่างเดียวแต่จะให้หลักประกันในความสุขทุกสิ่งทุกอย่างที่พึงปรารถนาเลยทีเดียว ดังนั้นการมีศรัทธาในเรื่องดังกล่าวจะทำให้มีเราเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นและมีหลักประกันในการดำรงชีวิต ไม่มีความหวั่นไหว เช่น ถ้าเรามีความมั่นใจเต็มร้อยเปอร์เซนต์ว่าถ้าเราละจากโลกนี้ไปแล้วเราจะไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่าประเสริฐกว่าแล้วละก็ จะทำให้เราเป็นคนที่ไม่มีความกังวลใจใด ๆ มาเหนี่ยวรั้งในการทำความดีเลย พร้อมที่จะทุ่มทั้งกายและใจในการทำความดี เพราะหลักประกันแห่งชีวิตคุณค่าของบุญจะเป็นหลักประกันให้กับเราว่าเราจะพบกับสิ่งที่ดีงามอย่างแน่นอน แล้วเราจะไม่มัวเสียเวลาวิตกกังวลอะไรเลยเพราะเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าเราจะได้ยิ่งกว่าได้ ถ้ามองในแง่ของการลงทุนแล้วก็จะเป็นการลงทุนที่คุ้มแสนคุ้ม คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ชนิดที่ว่าไม่มีกองทุนใด ๆ ในโลกนี้ที่จะให้ผลตอบแทนการลงทุนที่คุ้มยิ่งกว่านี้อีกแล้ว ให้ผลตอบแทนเป็นล้านเท่า ทุกบาททุกสตางค์ที่ลงทุนไปให้เติมเลขศูนย์ไปอีกเป็นสิบๆ ตัวได้เลย ดังนั้นการที่เรามีศรัทธามีความเข้าใจในเรื่องบุญ-บาป กฎแห่งกรรม โลกนี้โลกหน้าจะทำให้เรามีความเชื่อมั่น มีความกล้าหาญในการทำความดีโดยปลอดจากความวิตกกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อเรามีความเชื่อมั่นเช่นนี้ ทำให้เราสามารถตัดความวิตกกังวลต่าง ๆ ในชีวิตออกไปได้ เพราะมีความเข้าใจโลกและชีวิตไปตามความเป็นจริงนั่นเอง
    ๒.ศีล เป็นการอุดช่องโหว่ หรืออุดจุดอ่อนของเรา ทำให้สายบุญสายสมบัติเชื่อมติดที่ศูนย์กลางกายของเราและไม่ถูกบาปอกุศลมาตัดรอน ทำให้เราไม่มีความระแวง ไม่มีความแหนงใจ ไม่ต้องคอยกังวลกลัวว่าจะมีใครมารู้เรื่องที่ไม่ดีของเรา เรื่องที่เราไปทำผิด ๆ พลาด ๆ ทำให้เรามีความสบายใจ ปลอดโปร่งโล่งใจ ทำให้บุญหนุนส่งได้เต็มที่ มีความเชื่อมั่น มีความกล้าหาญ ดังคำกล่าวที่ว่า “มือที่ไม่มีแผล ย่อมไม่กลัวยาพิษ” ดังนั้นเราต้องรักษาตัวของเราให้เป็นคนไม่มีแผลด้วยการรักษาศีลของเราให้ดี จะทำให้เราเป็นคนที่มีความเชื่อมั่น ความกล้าหาญ และเป็นคนที่ปลอดกังวล
    ๓.พาหุสัจจะ คือการเป็นผู้มีความรู้มาก การจะทำเรื่องอะไรก็ต้องใฝ่ศึกษาหาความรู้ในเรื่องนั้น ๆ ให้แตกฉาน ให้มีความเชี่ยวชาญ ให้รู้จริง เพราะการที่เรารู้จริง จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเราไม่รู้จริงเวลาทำอะไรก็จะไม่ค่อยมั่นใจ ดังนั้นเมื่อเราจะทำอะไรให้เตรียมตัวแสวงหาความรู้ให้พร้อมเสียก่อน
    ๔.วิริยารัมภะ คือมีความพากเพียร วิริยะ อุตสาหะ บากบั่น หนักเอาเบาสู้ทุ่มทุกอย่าง เวลาเราทำอะไรก็แล้วแต่เมื่อเกิดปัญหาอุปสรรคขึ้น อย่ามัวเสียเวลานั่งวิตกกังวล อย่ามัวนั่งท้อแท้ใจ นั่งกลุ้มจมอยู่กับปัญหา แต่ควรจะไตร่ตรองปัญหาอุปสรรคนั้นๆ ให้รอบคอบด้วยความไม่ประมาท แล้ว “ให้เดินหน้าทำงาน อย่าอยู่เฉย ๆ เป็นอันขาด” เพราะถ้าอยู่เฉย ๆ นิ่ง ๆ เมื่อใด เราจะนั่งคิดวิตกกังวลทำให้จิตใจเราหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนั้นอย่างไม่รู้จบ จนในที่สุดเราจะกลายเป็นคนขี้วิตกกังวลไปเลย ดังนั้นเมื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นให้เดินหน้าทำงาน คือแก้ปัญหาเรื่องนั้นด้วยหรือเดินหน้าทำงานเรื่องใหม่ที่มีความสำคัญยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าตอนนั้นยังคิดอะไรไม่ออกก็ให้ลุกขึ้นทำงานบ้านก็ได้ ปัดกวาดเช็ดถู ทำนั่นทำนี่ อย่าอยู่เปล่า ๆ เพราะการอยู่เปล่า ๆ จะทำให้ความวิตกกังวลมีโอกาสกัดกร่อนจิตใจของเราเองไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเราเดินหน้าลุยทำงาน ใจของเราก็จะไปจรดอยู่ที่งานนั้น และจะทำให้เราเกิดความคิดในเชิงสร้างสรรค์ขึ้นมาแทนทำให้ใจไม่ไปหมกมุ่นวิตกกังวลในเรื่องที่ผิดพลาด การลงมือทำงานทำให้เกิดพลังสร้างสรรค์เกิดขึ้นมา ให้มองไปข้างหน้าเชิดศีรษะให้สูงขึ้น แล้วเดินหน้าทำงานที่สำคัญกว่าเดิม ทำงานที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ตั้งเป้าหมายให้สูงส่งยิ่งกว่าเดิม ทุ่มเททำงานให้เต็มที่ นี่แหละจะเป็นวิธีแก้ความวิตกกังวลอย่างชั้นหนึ่งทีเดียวแล้วความกล้าหาญความเชื่อมั่นจะกลับคืนมาสู่ตัวของเรา
    ๕.ปัญญา ดีที่สุดคือระดับภาวนามยปัญญา คือปัญญาที่เกิดจากการทำสมาธิภาวนาทำใจให้สงบ ถ้าใจของเรานิ่ง ๆ บุญในตัวของเราก็จะหล่อเลี้ยงใจส่งผลทำให้เรามีพลังใจทำให้เราสามารถเอาชนะความกังวลทั้งหลาย ทำให้เราสามารถปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ทุกประการ


    ที่มา..หลักธรรมที่ทำให้ตัดความวิตกกังวล - DMC Forum
     
  3. playme

    playme สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณมากเลยครับ ผมจะพยายามขจัดอาการนี้ให้ได้เลยคับ ขอบคุนมากๆๆๆเลยคับ
     
  4. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,199
    ค่าพลัง:
    +3,381
    สาธุ ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ เป็นคนที่มีความวิตกกังวลมากเช่นกันค่ะ ขอน้อมธรรมเหล่านี้ไปปฏิบัติค่ะ
     
  5. นาย บวร-foryou

    นาย บวร-foryou สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +5
    ปล่อยว่าง วางเฉย

    ฮอลคอมพ์ กับเฟลตพ์ บอกผลที่ได้จากความกลัวว่า
    1.ทำลายกำลัง อ่อนเพลีย แต่แน่นอนไม่หลับ
    2.กล้ามเนื้ออ่อนล้า/เป็นแผลหายยาก
    3.ทำลายความเติบโต
    ส่วนใหญ่คนจะกลัวอยู่4อย่าง
    1. กลัวผี
    2. กลัวคน
    3. ภัย
    4. เหตุภัย
    ทางแก้ความกลัว คือ
    1. ให้สวดมนต์หรือแผ่เมตตา
    2. ให้ความรู้ทางจิตวิทยาช่วย
     
  6. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,606
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,017
    เรื่องความคิดเเง่ลบในหัวเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เข้ามาอ่านกระทู้นี้ได้เลยครับคุณ playme เเล้วปฎิบัติตาม ถ้าเราไม่ได้คิด สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่เราคิด จิตมารเขาคิดให้เรา ไม่ต้องไปกลัวครับ อย่างที่บอกครับ เข้าไปอ่านในกระทู้ให้หมด มีคลิปให้ฟังด้วยครับ จะได้เข้าใจตัวเอง ผมก็เป็น คนอื่นๆก็เป็น ไม่ต้องกังวลครับ หมั่นสวดมนต์ทุกวัน สวดบทขอขมาพระรัตนตรัยด้วยครับ เวลาที่มีความคิดที่เราไม่ได้คิดขึ้นมา ให้นึกถึงภาพเราก้มลงกราบพระพุทธรูปเเล้วนึกขอขมาท่าน ให้ทําอย่างนี้ทุกครั้งครับ ตกลงตามนี้นะครับ มารเขาคิดให้เราครับ ไม่ต้องไปสนใจเเละไปทุกข์กับความคิดที่เราไม่ได้คิด ทําอย่างที่ผมบอกเเล้วกัน ขอให้โชคดีครับ

    กระทู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการปรามาส ผมรวบรวมมาให้หมดเเล้วในกระทู้นี้

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%AA-%E0%B8%9C%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89.225534/
     
  7. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    อยากจะบอกว่า อาการกลัวเกิดขึ้นได้กับทุกคนนะ ทีนี้อย่าคิดมากปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาตินะครับ แล้วก็สวดมนต์บ่อยๆ เข้าวัดทำบุญบ่อย แล้วก็การพักผ่อนช่วยได้นะครับนอนหลับพักผ่อนให้เต็มอิ่มให้เต็มที่ให้เพียงพอ นอนเร็วๆตื่นเช้าๆ ออกกำลังกาย ทำจิตใจให้สดใสร่าเริง แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ส่วนเรื่องจิตเป็นลบนั้นไม่ต้องกลัวคนเป็นกันเยอะมากครับ ผมก็เป็นเช่นคุณนี่แหละเป็นหนักกว่าคุณอีกนะเมื่อก่อน บอกได้เลยว่าถ้าคิดแง่ลบเนี่ยมันคือมารภายในใจที่ทำให้คิดไม่ดีนะเราไม่ได้คิดก็ไม่ต้องกลัว เราเป็นคนดีอ่าสิ เห็นได้ว่าเรื่องพวกนี้จะไม่เกิดกับพวกไม่มีธรรมะเด็กช่าง เด็กเกเรต่างๆ เพราะจิตใจเค้าไม่มีธรรม คนมีธรรมสิจิตมารถึงเป็น ฉะนั้นอย่าไปกลัวนะครับ ผมก็เป็นบอ่ยมากแต่ผมรู้ว่าผมไม่ได้คิด ฉะนั้นยิ่งเราไปตามมันไปกลัวก็เสร็จมันสิครับ เข้าทางมันเลย ฉะนั้น คุณจะไปทุกข์ไปร้อนให้เข้าทางมันทำไม ไม่ต้องกลัวว่าเป็นคนเดียวนะ เป็นกันเยอะครับ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับคนศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรมด้วย ยิ่งเป็นคนพิจารณาธรรมอยู่นะเลื่องพวกนี้จะมาแทรก ฉะน้นไม่ต้องกลัวอย่าไปตามมันไปหลงตามมันยิ้มแย้มสดใส อย่าลืม คิดดี ทำดี พูดดี
    นอนหลับพักผ่อนให้เต็มอิ่มให้เต็มที่ให้เพียงพอ ออกกำลังกาย แล้วทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด แล้วอย่าลืมเข้าวัดทำบุญ สวดมนต์ ปฏิบัติ ฟังธรรมด้วยนะครับ ผมจะเป็นกำลังใจให้ครับ
     
  8. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    เรื่องกลัวคนในครอบครัวตายอ่ะ ไม่มีคนในครอบครัวไหนไม่ตายหรอกครับ ตายทุกครอบครัวแน่นอน ช้าหรือเร็ว เข้าใจธรรมชาติ เข้าใจสัจธรรมเข้าใจชีวิต และเข้าใจธรรมะ เข้าใจใจความเป็นไป ดูแล้วก็รู้ ว่าอ่อ มันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นธรรมชาติของมัน ช่างมันๆๆ มันเป็นเรื่องธรรมดา คิดก็ตายไม่คิดก็ตาย ชีวิตคนอ่ะ ไม่คิดดีกว่ามั้ยน้า ฟังธรรมะเยอะๆ ตัวเรานี้อ่ะจะทำยังไงทำอะไรดี ตอนนี้หน้าที่เราคืออะไร แล้วทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุด อย่าไปนึกถึงอดีตมากนัก อนาคตก็อย่าเพิ่งไปคิด ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ปัจจุบันดี อนาคตต้องดีแน่นอนครับ
     
  9. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,674
    ตั้งสติดีๆ ไม่ต้องห้ามความคิด เพราะยิ่งห้ามก็จะเหมือนยิ่งยุ ตามดู ตามรู้ความคิด อารมณ์ต่างๆไปเรื่อยๆ จะเห็นสัจธรรม การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้ ทุกสิ่งมีเหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้นมาทั้งนั้น แล้วจิตจะปล่อยวาง โดยธรรมชาติเองค่ะ ไม่ต้องกลัว อะไรนะคะ เพราะไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับการเวียนว่ายในวัฏฏะนี้อีกแล้ว

    สร้างกุศล ทำดีไว้มากๆๆ อนาคตจะเป็นเช่นไร ก็ขึ้นอยู่กับปัจจุบันขณะนี้เราทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแล้วหรือยัง ^^

    สู้ๆๆค่ะ เป็นกำลังใจให้
     
  10. ชั

    ชั Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +48
    เข้าถึง....พระรัตนตรัย ครับ...แล้วจะไม่มีสิ่งใด..เข้ามารบกวน...
     
  11. Nuntiyagul

    Nuntiyagul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +687
    แนะนำให้คุณ playme ไปเข้าคอรส์ปฏิบัติธรรมหลักสูตรสติปัฏฐานสี่ค่ะ ( ที่ดิฉันเคยไปมาคือ ร่มอารามธรรมสถาน ปทุมธานีของพระอาจารย์ ชาญชัย ค่ะถ้าสนใจดูในเวปไซด์ก็ได้ค่ะ ) การเจริญสติอยู่กับลมหายใจ และสัมปชัญญะรู้สึกตัวทั่วพร้อมในอิริยาบถต่างๆ อยู่ตลอดเวลาจะสามารถกำจัด ความฟุ้งซ่านที่คุณกำลังเป็นอยู่ได้ เมื่อมีความคิดไม่ดีเกิดขึ้นให้กำหนดรู้และปล่อยวาง วางใจเป็นอุเบกขาไม่ยินดียินร้ายในความคิดนั้น และความคิดนั้นจะดับไปเองค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...