ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.

  1. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    ยังติดตามอยู่ทุกตอนครับพี่modpong:cool:
     
  2. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ขอขอบคุณ
    ทุกท่านที่ได้postมา............................

    ...............................การพิจารณาพระ...ของคนรุ่นเก่า...............................

    หู(ตอนพิเศษ)....
    ............................เทคนิคการกลบเกลื่อน...รอยต่อ............................

    ..............สิ่งที่ผมพูดถึง..ตอนที่แล้วคือ.....................
    ....................................คราบน้ำหมาก...................................................
    ......ก็รู้กันอยู่แล้วว่า..คนรุ่นเก่า...ไม่ตองไปถึงโบราณหรอกครับ..เขาก็กินหมากกัน
    ทั้งชายหญิง...กินกันตั้งแต่หนุ่ม-สาว...เรียกว่า..๑๓-๑๔ นี่ก็เริ่มกินกันแล้ว.......
    ....ถ้าอยู่ต่างจังหวัด..ยังพอเห็นได้ไม่ยาก..แต่ในกรุงเทพนี่.เหลือไม่เยอะแล้ว.....
    ..............คงเห็นฟัน..ของคนกินหมากแล้ว..ว่าเป็นสีอะไร...สีดำ..ไงครับ..
    ..ก็นี่คือ..ผลของ...ยางหมาก...แต่จริง..ไม่ใช่ลำพัง..แต่ยางหมากที่ทำให้ติดแน่น..
    ...แบบแปรงจน..เหงือกพัง..ก็ยังไม่ออก...ทั้ง..ปูน(แดง)..พลู..สิ่งที่ถูกคั้นออกมา
    ..รวมกันนี่แหละครับ..เลยทำให้มันมีคุณสมบัติพิเศษ....(ความจริง..ยังมีส่วนผสม
    อื่น..กันอีก..แล้วแต่..รสนิยม..แต่แม่ครัวผม..ตอนเด็กๆ..ต้องผสมลงไปด้วยทุกครั้ง
    คือ...กานพลู(อันนี้..คนมีความรู้เรื่องยาแผนโบราณ..จะรู้ว่านี่คือ..สุดยอด..สมุนไพร
    สำหรับ..ช่องปาก..โดยแท้..แก้ปวดฟัน..รำมะนาด..เหงือกบวม..รักษาเคลือบฟัน..
    ฯลฯ สารพัด)....)..............
    ...........สีของคราบน้ำหมากจริงๆใครๆ..ก็จะทราบว่าเป็น..สีแดงคล้ำ..แต่เมื่อแห้ง
    แล้ว..จะเป็นสีน้ำตาล..แต่ถ้ามันพอกหนาขึ้นๆ..มันก็คล้ำจนดูเป็น..ดำ..(เหมือน..
    อยู่ที่ฟัน...นั่นแหละครับ)..ใครมีลูกอมชานหมาก(แบบแท้..นะ..ที่ไม่ผสมอะไรอื่น)
    ..คุณจะเห็นว่าสีมันออก..ดำ..และแข็งโป้ก..(ถ้าปั้น..จนกลม..แล้วทิ้งไว้).....
    .....ไอ้เรื่องความแข็ง..นี่มาจาก..ยางหมากโดยแท้..จะสังเกตุ..จากหมากที่ฝานให้
    บางแล้วตากแห้ง..(คนไทย..จะกินหมาก..ทั้งสองประเภท..แล้วแต่รสนิยม..แต่ข้อดี
    คือ..หมากมันไม่เสีย..กินสดไม่ทัน..มีเหลือก็ฝานเป็นแผ่น..ตากไว้..ก็เอามากินต่อ
    ...คนกินจึงมีทั้ง ๓แบบ กินหมากสดอย่างเดียว...กินหมากแห้งอย่างเดียว...
    ...และกินได้ทั้งสด..ทั้งแห้ง...)...
    ............นี่คือ...วัฒนธรรมไทย..แต่โบราณ..ที่อีก..ไม่ถึง๓๐ ปี..ก็คงแทบไม่เหลือ..
    ...............ผมว่าจะไม่พูด..แต่ไม่ทราบว่า..มีเยาวชนไทย..ที่อยู่ในกรุงฯอ่านด้วย
    หรือ..เปล่า..เดี๋ยวจะงง..หรือ..ไม่รู้ว่าเขากินกันยังไง....เขาไม่ได้"กิน"..นะครับ..
    ..จริงๆ..เขาแค่เคี้ยวส่วนผสม..ที่ผ่านการตำคลุกเคล้ามาแล้ว..แล้วน้ำหมากที่ได้นี่
    แหละครับ..มันเข้าไปสัมผัสอยู่ในช่องปากเท่านั้น..ทุกอย่างทั้ง..น้ำ..และ..ชาน
    (กากของมัน)..จะถูกคายออกมาหมด..ไม่ได้กินเข้าไป....
    ..............................................................................................................
    .........บ้านผมปลูกต้นหมากไว้..และก็อยู่กับคนกินหมาก..มาตั้งแต่เด็ก..จนโต..
    ...ก็เลยเล่น..กับมันเยอะ..ลำพังถ้าเราปอกเปลือก..มันออกเหลือแต่ลูกในที่สี..ส้ม
    ..กลมๆ..ทิ้งตากลมไว้(ไม่ต้องแดด..ก็ได้)..ยางของมัน..จะทำให้เนื้อของมันแห้ง
    และ..แข็งมาก..สามารถเอามาใส่..หนังสะติ้ก..ยิงโน่นยิงนี่ได้เลย...แต่มันเองก็ไม่
    ได้ติดยึด..อะไรได้มากนัก..แต่ไอ้ส่วนผสมที่สำคัญ..ที่มาผสมกับยางหมาก..แล้ว
    ทำให้มัน..เกิดการยึดเกาะ..กับวัตถุสารพัดได้ดี..ก็คือ..ปูนแดง..ปูนแดงนั้น..ลำพัง
    ตัวมันเอง..แห้งก็ไม่ได้..แข็งโป้ก..เป็นปูนซีเมนต์..หรือ..ไปยึดเกาะอะไรได้ดี...
    ..แต่พอมันมาเจอกันนี่แหละครับ...มันจึงสามารถ..สร้างคราบ..ที่ติดแน่น..ไม่หลุด
    ไม่ลอก..กันน้ำด้วย...เห็นได้จากฟันของผู้เฒ่าทั้งหลาย...แถมข้อดีของมัน..ก็คือ
    มันเคลือบ..ได้ดี..กันกระแทก..และ..การกัดกร่อน..จากสารพัดอย่างได้ดี...
    ................ฉะนั้น..ท่านแทบจะไม่เคย..เห็นคนกินหมาก..ต้องไปอุดฟันเลย..ถ้า
    กินสม่ำเสมอ..มาแต่หนุ่มสาว..ฟันไม่มีผุ..แล้วก็..ไม่ต้องไปขูดหินปูนด้วย....ยิ่ง
    คนกินหมากเคี้ยว..กานพลู..ไปด้วย..เหงือไม่มีบวม..รำมะนาด..ไม่รู้จัก......
    .....ถึงอายุ..ฟันก็โยกๆแล้วก็ร่วงไปเอง....นี่คือความฉลาดของคนโบราณครับ
    ...........พอมาอยู่ที่..พระ..มันถึง..ไม่หลุด..ติดแน่นกับ..ผิวพระไปเลย........
    ..............................ต่อตอนหน้าครับ...............................................
    ...........................................................สวัสดี...........................................
     
  3. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,355
    ค่าพลัง:
    +19,459
    สวัสดีค่ะ คุณ ลุง การเคี้ยวให้หมากเป็นสีแดง หรือเคี้ยวจนหมากแหลกไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ลินเคยสงสัยว่าคนแก่เขาเคี้ยวหมากแล้วมันอร่อยยังไง ก็เลยขอคนแถวบ้านแม่มาลองเคี้ยวสักคำ อืม ... ฝาดๆฝื่นๆ ขม ไม่อร่อย กว่าจะได้น้ำหมากสีแดง เมื่อยกรามเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  4. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...........................................
    ..พวกอเมริกันทางตอนใต้..และทางฝั่งตะวันตก(พวกคาวบอย)..เขาติด..แบบเดียวกับ..เรานี่แหละ..แต่ของเขา..เป็นยาเส้น..ที่ผสมน้ำผึ้งเล็กน้อย.ให้มันไม่แห้ง..หั่นเส้นใหญ่ยาวๆ..บรรจุห่อ..ก็เหมือนกันเคี้ยวๆไปเรื่อยๆ..แล้วก็คอยบ้วน..น้ำยาเส้นที่ผสมกับน้ำลายออกมา..เป็นระยะๆ..พอจืด..ก็คายทิ้งแบบเดียวกัน..ผมนะลองมาทุกหมาก..แล้ว..ทั้งไทย..ทั้งฝรั่ง...ที่ยังไม่เคยลองคือ...หมากแขก...
    ....วิธีให้เมื่อยกรามน้อย..ก็ต้องตำให้แหลกๆหน่อยครับ..คนไทย..มีเครื่องมือตำหลักๆ..อยู่ ๒ แบบคือ
    ...ตะบันหมาก..กระบอกทองเหลือง..ที่มีก้นเป็นไม้..ถอดออกได้
    ทางเดียว..คือด้านบน..ตัวตำก็เป็นมือจับ..ต่อกับก้านเหล็ก..พอตำเสร็จ..ก็เอามาดัน..ก้นกระบอก..ไม้ที่รองจะพา..หมากที่แหลก..ขึ้นมาที่..ปากกระบอก..แบบนี้..พกพาสะดวก..ไปได้ทุกที่....
    ....อีกแบบนึง..เป็น..ครกไม้ขนาดเล็ก..ส่วนใหญ่ที่ตำจะใ้ช้..น็อตเหล็กตัวใหญ่ๆ..(ถ้า..ผู้ดีหน่อย..จะใช้สากทองเหลืองอันเล็กๆ..แทน)..ตำเสร็จ..ก็ใช้ช้อนตักใส่ปากได้เลย....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2011
  5. samzuzaa

    samzuzaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +501
    สวัสดีครับ คุณลุง...ตั้งแต่คุณลุงไปพักผ่อนคราวนั้นผมก็ไม่ได้เข้ามาอีกเลยจนวันนี้ เข้ามาในพลังจิต...เห็นคุณลุงกลับมาแล้วผมก็ดีใจมากๆครับ...แต่ว่าผ่านไป 29 หน้าแล้วสงสัยต้องตามกันเหนื่อย...และเพราะคุณลุงทำให้ผมต้องไปหาพระองค์นี้ มาขึ้นคอด้วยเลยครับ...แหะแหะแหะ...ดีใจอย่างยิ่งที่สาระดีๆกลับมาอีกครั้ง ครับ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ......................................
    ..เอ้อ..ก็คิดถึง..อยู่เหมือนกัน..ว่าหายไปไหน...
    ...โอ้โห..ได้พิมพ์ใหญ่มา..ด้วย..ปิดทองซะด้วย..สวยมาก....
    ..........แน่ใจนะ..ว่าวัดนางชี..ไม่ใช่วัดปากน้ำ..แล้วมีจุดต่างกันตรงไหนละ.......
     
  7. samzuzaa

    samzuzaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +501
    ได้มาแบบนี้ครับคุณลุง...มาพร้อมกล่อง...ได้เพื่อนรุ่นพี่ที่นครปฐมหาให้ครับ...^-^
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ......................................
    ...อ้อ..ถ้าอย่างงี้..แน่นอน..เพราะของวัดปากน้ำ..จะอยู่ในถุง(ซอง)พลาสติกเฉยๆ..และมีโผ..บอกรายละเอียด..การสร้างด้วย....ใส่ไว้ในถุงด้วยกัน.......ทุกองค์...
     
  9. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    พี่Modpongครับ แล้วพอจะดูออกหรือป่าวครับ ว่าองค์ไหนออกวัดปากน้ำกับออกวัดนางชี
    ที่ผมได้มาก็ไม่มีทั้งกล่องหรือซองอ่ะครับ
     
  10. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..........................................
    ..ปัญหาคือ..ผมดูจากของคุณSamzuzaa..แล้วพิมพ์ใหญ่นี่..จากรูป..ใช้พิมพ์เดียวกันเลย..คงจะต้องดูจากเนื้อ..และรายละเอียดอื่น..ครับ..อีกอย่างผมไม่ทราบ..ว่าของวัดนางชี..มีผมของ..หลวงพ่อสดเป็นเส้นยาวๆ(ครึ่ง..ซม.โดยประมาณ..ฝังแปะที่ใจกลางด้านหลัง..เหมือนกันรึเปล่า..).......................
    ...แต่ที่แน่ๆ..วัดปากน้ำ..ไม่มีการเอาทอง..มาปิดด้านหน้าครับ..
    ..พอดี..วันนี้ได้ดูรูปที่พระอยู่ในกล่อง..ทีแรกนึกว่าคุณSamเอา
    มาปิดเอง.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2011
  11. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,051
    พอพี่พูดถึงคนกินหมาก ผมนึกไปถึงก๋งของผมเลยที่มาจากเมืองจีน มาอยู่
    เมืองไทย พายเรือขายกาแฟ อมยาฉุนแก้มตุ่ยตลอดเวลา เช้าๆก็พายเรือ
    ไปเรื่อยๆตามลำคลองดำเนินสะดวก ขายทั้งกาแฟและน้ำแข็งใสใส่น้ำหวาน
    พอเย็นๆหน่อยก็กลับมาถึงบ้าน พูดไทยไม่ค่อยชัด พูดได้มีกี่คำ สมัยนั้น
    ในตู้ไม้ที่อยู่ในเรือก็มีขนมติดฟันรสชาดออกหวานนิดๆ แผ่นกลมๆสีขาวแปะด้วยกระดาษแก้วบางๆ ผมลืมชื่อไปแล้วว่าชื่อขนมอะไร นอกจากนี้ก็มีท๊อฟฟี่เหมือนตังเมห่อด้วยกระดาษแก้วหลากสีด้วย ดูเหมือนจะเรียกว่า ท๊อฟฟี่นม
    วันใหนก๋งใจดีก็จะชงโกโก้ใส่นมกับน้ำหวานพร้อมกับน้ำแข็งใสให้กินชื่นใจ
    นั่นก็เป็นช่วงชีวิตช่วงหนึ่งในวัยเด็กครับ
     
  12. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    สวัสดียามเย็นครับคุณอา และสมาชิกทุกท่านครับ
     
  13. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..........................................
    ..เด็กๆนี่..ผมก็ติด..ตังเม..น่าดู..ทั้งธรรมดา..ใส้ถั่ว..ได้หมด...ไปงานวัด..นี่หา..ตังเม..ก่อนเลย..แต่ก่อนแม่ผม..ไปเยวราช..สำเพ็ง..หัวเม็ด..บ่อยๆ..กลับมา..ก็จะซื้อมาฝากเยอะเลย..เพราะลูกๆ..ชอบกันทุกคน...ผมว่ามันเป็น..ขนมตระกูลท้อฟฟี่..ที่อร่อย..ที่สุดในโลก..แล้ว
    ...ยาฉุนที่ปั้น..กลมๆ..คนจีนแก่ๆชอบใส่ไว้ข้างปาก..นี่ก็ถือ..ว่าเป็นตระกูล..เดียวกับ..ยาเส้นเคี้ยว..แบบของฝรั่ง..เหมือนกัน...
    ...แต่หมากฝรั่ง..จริงๆไม่ใช่..ของฝรั่ง...แต่เป็นรูปแบบที่อินเดียนแดงในอเมริกาใต้..และกลาง..เคี้ยวกันมาก่อน..แล้วฝรั่งเอาอย่างมั่ง..ไทยก็เอาอย่างฝรั่งอีกที.........
     
  14. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ขอขอบคุณ
    ทุกท่านที่ได้postมา............................

    ...............................การพิจารณาพระ...ของคนรุ่นเก่า...............................

    หู(ตอนพิเศษ)..........
    ..........................เทคนิคการกลบเกลื่อน...รอยต่อ....................................

    ....................ในบรรดาของขลัง..ของคนไทย..ตั้งแต่สมัยโบราณ..ควบคู่มากับ..
    ..ตะกรุด..พิศมร..แหวนพิรอด..มงคลแขน..มงคลหัว..เสื้อยันต์..ที่ขนเอาติดร่างกาย
    ..ไปรบ..ทัพจับศึก....ยังมีอีกหนึ่ง...ที่สำคัญ..ไม่ยิ่งหย่อน..ที่พุทธคุณมีตั้งแต่..
    คงกระพัน..มหาอุตม์..แคล้วคลาด..กำบังกาย...นั่นคือ....
    .....................................ลูกอม.....................................................
    ....คนไทย..รู้จัก"ลูกอม"...มาตั้งแต่โบราณ...และ..ตั้งชื่อไว้แบบนี้..แต่ดั้งเดิม..
    ...คือ..ของขลังที่เป็น..ลูก..เวลาใช้..คือ..เอาไปอมไว้ใน..ปาก..จะไว้ข้างแก้ม..หรือ
    ตรงไหน..ก็แล้วแต่..แต่ต้องเอาใส่ในปาก..แล้วภาวนา..คาถากำกับ..ก่อนเข้าทำการ
    สัปประยุทธ์.
    ...ไอ้ท้อฟฟี่ฝรั่ง..มาทีหลัง..คนไทยเห็น..มันคล้ายๆของขลัง"ลูกอม"..
    ...ก็เลยเรียก..ลูกอม..มั่ง..แต่ไปๆมาๆ..เขาคงกลัวซ้ำกับ.."ลูกอม"..ก็เลยเรียกซะ
    เต็มยศว่า..."ลูกอมท้อฟฟี้"....................................................
    ........................ผมว่า..หลายๆท่าน..คงหายสงสัย..นะครับ..ว่าในวิชา..โบราณ
    ..ทำไม..ถึงมีการทำเป็นลูกอม...
    .......ตะกรุด...ใช้ร้อยเชือกคาดเอว(..ไม่ใช่เอามา..คล้องคอ..แบบหนังบางระจัน..
    ..ไอ้คนเดี๋ยวนี้..เลยคล้องกันตาม...)............
    .......เชือกคาด...ก็เอาไว้คาดเอว
    .......พิศมร...ทำห่วงไว้..คล้องเอว..เหมือนกัน..............
    ........แหวนพิรอด..สวมนิ้ว...
    ........มงคลแขน..พิรอดแขน...สวมแขน...
    ........มงคลหัว.....สวมหัว....
    ........เสื้อยันต์...สวมตัว...................
    .....................และ..ลูกอม...เอาใส่ปากอมไว้......................................
    ....คนไทย..นี่..ยุคโบราณ..ไม่รู้จัก..กระเป๋าเสื้อ...กระเป๋ากางเกง..นะครับ..เพราะ
    ปกติ..เสื้อไม่ใส่..กางเกงก็ไม่มี..จะเอากระเป๋าที่ไหนมาใส่..ผู้หญิงก็ใส่ผ้าแถบ
    นุ่งโจงกเบน....ฉะนั้น..ไม่มีที่ไว้พกลูกอม..หรอกครับ...แล้วไอ้ที่เอาลวดมาถักนี่
    ..มันสมัยปลาย ร๕..ร.๖ ร.๗..ลงมาแล้ว........
    ..........ฉะนั้นต่อไปนี้...เวลาใช้ลูกอม..ที่ถูกต้อง..ให้อมไว้ในปาก..ซะ....
    ..................ฮ่ะ....ฮ่ะ....ฮ่ะ....ผมล้อเล่น...แต่ที่เล่ามาคือ..เรื่องจริง..เพียงแต่ยุค
    สมัยนี้มันไม่อำนวย...เท่านั้นเอง........
    .............................................................................................................
    ............ที่ผมเล่า..เรื่องลูกอม..เพราะนี้คือพฤติกรรม..ของคนโบราณ..ในการใช้
    ของขลัง..แบบหนึ่ง..ซึ่งมันก็..ถ่ายทอดกัน..มาหลายๆGEneration..มาถึง..ยุค..
    รัตนโกสินทร์...ยุคที่คนไทย..เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง..มีการพบพระกรุ..กันในสมัย
    ..รัชการที่ ๕ เป็นต้นมา..เมืองไทย..เริ่มถูกรบกวนจากต่างชาติ..โจรขโมย..ชุกชุม
    ....คนไทย..ก็..เริ่มจะพกพระกัน..เพื่อคุ้มครอง..โจรก็เริ่มพกพระ..ต้องคอยสู้..กับ
    ตำรวจ...เอาตั้งแต่..ทหาร..ตำรวจ..ก็ใส่ผ้ายันต์ห่อแล้วกลัดเสื้อ..กลัดในหมวก..
    (ผมเคยเขียนไปแล้ว..กลับไปอ่านดูได้)..เวลาต้องต่อสู้เกิดภัย..ต้องสู้..หรือ..ต้อง
    หนี ปู่ย่า..ตา..ยาย..เคยสอน..หรือ..เคยเล่าเรื่องเก่าๆ..อาจารย์..หลวงพ่อ..ก็สอน
    มา..ฟังมา..ก็ซึมซับเข้าไปเอง..เรื่องให้เอา..ของขลังอมไว้..คราวนี้..สมมุติ..คุณ
    พกพระสมเด็จอยู่..ด้วยขนาด..ก็ไม่เอื้ออำนวย..ก็เลยเลือกพระขนาดย่อมลงมา
    ..เช่น....ขนาดกำลังดี....ก็อมแทน..ลูกอมไปเลย..จะภาวนา..ไม่ภาวนาก็แล้วแต่
    ..แต่ที่แน่ๆ....ในปากนะ..มีของอย่างอื่นอยู่ก่อน.................
    ...........................ก็..หมาก..ไงครับ......
    .....................................................
    ........................................................ต่อตอนหน้าครับ..............................
    .............................................................สวัสดี......................................
     
  15. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +4,558
    สาธุๆ



    สวัสดีครับอาจารย์ลุง และทุกๆ ท่าน ^_^
    ยังไม่ได้ฤกษ์เผาเลยครับ ว่าจะฝากพ่อเผาให้ตอนเผาถ่าน(ใช้ที่บ้าน) แต่พรุ่งนี้วันหยุดอาจเอาเองก็ได้ เพราะดินยังไม่ยอมได้ที่ซักที ปั้นไม่ได้ แต่แม่พิมพ์อ่อนหมดเพราะอากาศกลางวันร้อนกลางคืนเย็น พระก็ได้แค่ 4 องค์ นอกนั้นไม่เป็นรูปพระเลย

    แต่เอ๊ น้ำหมากนี้เคลือบพระดินเผาจะดีไหมครับ แล้วถ้าแห้งนี้มันจะเหนอะหนะไหมครับ
    ______________________________
    hello9
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์มาทำงานกัน

    แจกเหรียญน้ำมนต์รุ่น 4 รูปลักษณ์หลวงปู่เทพโลกอุดร ครับ
    แจกเหรียญน้ำมนต์รุ่น-4-รูปลักษณ์-หลวงปู่เทพโลกอุดร-ครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  16. saweit

    saweit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    747
    ค่าพลัง:
    +2,338
    เข้ามาติดตามคุณลุงครับ ^^
     
  17. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ".......................................
    ....บอกแล้ว..โลกนี้..มันต้องคิดแหวกไปเรื่อยๆ...ดิน..เราก็ต้องปรับ..ส่วนผสมไป..ไม่ต้องไปเอาตามใคร..ในทีวง..ทีวี..ไม่ต้องไปสน..ปรับเอง..เพิ่มปริมาณทราย..ซิจะดีขึ้นมั้ย..แม่พิมพ์..เปลี่ยนมาใช้..ปูนพลาสเตอร์..ทาน้ำมันที่ต้นแบบ..แล้ว..เทปูน..พอปูนเริ่มหมาด..กดต้นแบบลงไป...ปูนแข็ง..แล้วแกะออกมา..ได้แบบตัวเมียแล้ว..ใช้สีกระป๋อง(clear Lacquer)สีใส..พ่นที่แบบ..ซัก ๒ รอบ..ผิวแบบจะเนียน..ไม่ดูดน้ำ..ลองดู..ผมเอาใจช่วย..อย่าฝากพ่อเผา..ต้องเผาเอง..ทำเองทุกขั้นตอน..จะได้รู้ข้อบกพร่อง..และ..จะได้แก้ไขถูกจุด........ผมเอาใจช่วย..
     
  18. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,355
    ค่าพลัง:
    +19,459
    สวัสดีค่ะ คุณ ลุง และ เพื่อนๆสมาชิก ลินก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณ anoldman สร้างพระดินให้สำเร็จ และ เป็นกำลังใจในงานเขียนของคุณ ลุง เหมือนเดิมค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  19. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ขอขอบคุณ
    ทุกท่านที่ได้postมา............................

    ...............................การพิจารณาพระ...ของคนรุ่นเก่า...............................

    หู(ตอนพิเศษ).............
    ...........................เทคนิคการกลบเกลื่อน..รอยต่อ......................................

    ..........เมื่อใช้..หลายๆครั้ง..คราบน้ำหมาก..ที่ติดเป็นสีน้ำตาลบางๆ..ก็จะพอกหนาขึ้น
    ..หนาขึ้น..สีก็จะเข้ม..เป็นน้ำตาลเข้ม...สมัยโน้น..บางคนดู..แล้ว..เข้าใจผิดส่งไปเลย
    ..นึกว่าเป็นรักน้ำเกลี้ยง...ไม่เหมือนกันครับ..อธิบายยาก..ต้องเห็นเอง..แต่ที่แน่ๆ..ใน
    เนื้อสีน้ำตาล..มันมีเศษส่วนผสมที่ละเอียดของทั้ง..เศษเนื้อหมาก..พลู..และส่วนอื่นๆ
    ที่ผสมในหมาก..อาจมีเศษ..เส้นยาฉุน(ที่เป็น..ฝอยเส้นเล็กๆบางๆยาวๆ)..หรือ..
    ..กานพลูเป็นต้น..ปะปนอยู่...แต่คราบน้ำหมากนั้น..จะไม่โปร่งแสงเท่า..รักน้ำเกลี้ยง..
    บางคน..ดันไปทึกทัก..ว่าเป็น.."รักปลอม"..แล้วเลยตีเป็นพระปลอม..ส่งไปเลย....
    .....แต่ใช่..ว่า..มีแต่พระประเภทเนื้อผง..ที่ผมบอกอย่างเดียว..พระเนื้อผงอีกอย่าง
    ที่มีการเอาไปอม..เหมือนกัน..แต่ไม่ได้..ไปรบ..หรือ..หลบหลีก..ศัตรู...อย่างเดียว
    .............พวกที่ใช้ใน..ด้านเมตตามหานิยม..เข้าหาเจ้านาย....หรือ..เอาไว้ไปจีบสาว
    ก็มีไม่น้อย..โดยเฉพาะ..พวกพระปิดตา..องค์เล็กๆนี่แหละ...ผมเองเคยเจอหลายองค์
    ..แล้ว..พวกคนรุ่นเก่า..ที่เชื่อถือ..ได้ก็เล่าให้ฟัง..เช่นเดียวกัน.....................
    .........................บางคน..อาจสงสัย..ว่า..ตอนคายออกมา..ทำไมไม่เช็ดก่อน..ก็..
    อย่างว่าครับ..ใช้ในเหตุการณ์พิเศษ..เขาก็ไม่มานั่งเช็ดให้เสียเวลา..เพราะคนที่ใช้แบบ
    นี้..เขาเอาพระไว้ใช้..ไม่ได้เอาไว้ขาย..อีกอย่างสมัย..รัชกาลที่๕ ๖ พระแบบอื่นนอก
    จากสมเด็จวัดระฆัง..หรือ..บางขุนพรหม..ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไร..มีแต่ไอ้พวกลูก
    หลาน..นี่แหละ..ที่เอามาขาย..กันในยุคหลัง...................
    ...........ลำพัง..น้ำ..หรือ..สบู่..นี่ไม่มีทางล้างออกครับ...คนรุ่นลูกหลาน..เขาก็เลย..
    ปล่อยไว้ยังงั้น........
    ................................................................................................................
    ......วิธีนี้..ส่วนใหญ่..ทำกันเอง..ก็ไม่เชิงไว้ปล่อยพระ..หรอกครับ...ไอ้เมื่อกว่า ๔๐ ปี
    ก่อน..น้ำหมาก..ไปที่ไหน..ก็เจอ..ขอให้มีคนแก่ๆ..เกิน..๖๐ ปีขึ้นไป..ไม่ใช่ข้าราชการ
    ..หรือพ่อค้า.ทั้งชาวสวน..ชาวนา..คนใช้แรงงาน..ก็กินหมาก..กันแทบทั้งนั้น...ไม่ต้อง
    มาทำเอง..หรอก..เอาของจริงเลย..เอากระป๋อง..มีฝาปิดหน่อย..สมัยนั้น..กระป๋อง..
    ขาดเล็ก.เอนกประสงค์..มีฝาปิด..ยอดนิยม..ต้องยกให้..กระป๋องบุหรี่Royal Standard
    111 (บุหรี ตอง๑)..บรรจุ ๕๐ มวน..(บุหรี่นี้..ไม่มีก้นกรอง..และ..เป็นบุหรี่ที่"อ้วน"ที่สุด
    ในประเทศไทย)..ฝากระป๋องเป็นสีเขียว
    ..ผมก็ชอบดูดแบบนี้..นิ่มดี.......
    ....คุยกับคนกินหมาก..เวลาเขาบ้วนน้ำหมาก..ก็เอาไปรองไว้..ถ้าเก็บไว้เยอะ..ไปใส่
    ขวดปิดฝาไว้..มันจะไม่แข็ง..และไม่แห้งครับ..แต่จะมีตกตะกอนบ้าง...
    ......หลังจากเกลี่ยผิว..ให้เรียบดีแล้ว..ก็เเอามาน้ำหมากเทออกมาแช่คลุก..ไว้ได้เลย
    ..ทิ้งไว้สักชั่วโมง..แล้วเอาออกมาตากผึ่งลม..จนแห้งสนิท(เป็นคืน..เป็นวันก็ว่าไป..
    ทดสอบความแห้ง..ก็คือ..ไม่เหนอะมือ..และไม่ชื้น..ทำสัก..สี่ห้ารอบ..ต้องแน่ใจว่า..
    แห้งจริงๆ..เอาไดร์เป่าผมช่วย..ก็ได้..ก่อนที่จะทำแต่ละครั้ง..น้ำหมากจะเกาะติดแน่น
    ...พอหนาดี..ส่องแล้วมองไม่เห็นรอยต่อก็..เอาไดร์..หรือ..เข้าเตาปิ้งขนมปัง..ไฟอ่อน
    จัดการให้แห้งสนิท..และผิวจะได้เหี่ยวๆ..เหมือนจริงหน่อย.....
    ............จากนั้น..ก็ค่อยๆขูดบริเวณ..ส่วนที่นูนขึ้นมาของ..องค์พระ(ยกเว้น..ที่ส่วนรอย
    ต่อไว้..โดยรอบ)..แล้วเอาผ้าขัดมัน..ให้สวย...เสร็จแล้ว..ต้องเอาไปใส่เก็บไว้ในถ่าน..
    จนกลิ่นจาง..(เพราะ..น้ำหมากนี่..กลิ่นแรง..กลิ่นจางยาก..ต้องทำให้เหมือนว่าเป็น..
    หมากยุค..ห้าสิบ..หกสิบ..ก่อน(ที่ว่านี่..คือเหตุการณ์ในยุคโน้นนะครับ..ถ้าเป็นปัจจุบัน
    ต้องเป็นร้อยปี..กลิ่นยิ่งจางเข้าไปอีก)......ใส่รวมไปในโหล..ใช้เวลาหน่อย..อาจเป็น
    เดือน...แค่นี้..ก็ไม่มีใครรู้แล้ว..ว่าพระหักซ่อม....................................
    .............................ต่อตอนหน้าครับ.......................................................
    ...........................................................สวัสดี.............................................
     
  20. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,355
    ค่าพลัง:
    +19,459
    เทคนิคลึกล้ำ จริงๆ เลยค่ะ คนสมัยก่อน หุๆๆ ขอบคุณค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...